Wednesday, 14 May 2025
World

ยูกันดา ‘ห้าม’ จนท.เรือนจำใช้มือถือช่วงบอลโลก หวั่นนักโทษหาโอกาสแหกคุกช่วงจดจ่อการแข่ง

ยูกันดา ‘ห้าม’ เจ้าหน้าที่เรือนจำใช้มือถือช่วงบอลโลก หวั่นนักโทษหาโอกาสแหกคุก

เอเอฟพีรายงานเมื่อวันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน อธิบดีกรมราชทัณฑ์ประเทศยูกันดา สั่งห้ามเจ้าหน้าที่เรือนจำใช้โทรศัพท์มือถือช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลก เกรงนักโทษอาจหาโอกาสที่เจ้าหน้าที่กำลังตื่นเต้นกับการแข่งขันฟุตบอลหาทางหลบหนีออกจากเรือนจำ

“การเริ่มต้นแข่งขันฟุตบอลเวิลด์คัพตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน และความตื่นเต้นของการแข่งขัน อาจส่งผลให้นักโทษหลบหนี เจ้าหน้าที่จะต้องไม่รายงานการปฏิบัติหน้าที่ทางโทรศัพท์ เพราะจะทำให้เสียสมาธิและรบกวนระดับความเตรียมพร้อม” แฟรงค์ มายาจัน อิ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวในแถลงการณ์ที่ออกมาเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ทั้งยังสั่งเจ้าหน้าที่ให้เพิ่มระดับการรักษาความปลอดภัยตามพื้นที่ต่างๆ ในเรือนจำ

‘กาตาร์’ ทึ่ง!! แฟนบอลญี่ปุ่นเก็บขยะหลังเกมจบ ถามเก็บทำไม? ตอบ “เพราะเราเคารพสถานที่”

ฟุตบอลโลกกลับมาแล้ว และแฟนๆ ทั่วโลกต่างตั้งตารอชมการแข่งขันฟุตบอลหลังจากรอคอยมาสี่ปี ซึ่งในการแข่งขันนัดเปิดสนามระหว่างชาติเจ้าภาพกับเอกวาดอร์ ‘Omr94’ ผู้ใช้อินตราแกรมรายหนึ่งชาวบาห์เรนออกมาเผยเรื่องราวประทับใจของแฟนบอลสัญชาติญี่ปุ่น โดยหลังจากจบเกมแล้ว แฟนบอลชาวญี่ปุ่นที่เข้าไปชมเกมนี้ มีพฤติกรรมที่น่าชื่นชมจนได้รับคำชมเชยในตะวันออกกลางอย่างล้นหลามและกลายเป็นกระแสไวรัลไปทั่วโลก

ภายในวิดีโอเผยภาพที่หลังจากจบเกมพบกาตาร์เจอกับเอกวาดอร์ แฟนบอลชาวญี่ปุ่นไม่เดินออกจากสนามเหมือนคนอื่น นำถุงขยะใบใหญ่เดินไล่เก็บขยะที่ถูกทิ้งไว้บนอัฒจันทร์ เช่น กล่องกระดาษ ถ้วย ขวดพลาสติก ธง และกระเป๋า ในโซนที่ตัวเองนั่งเชียร์อยู่ แม้ว่าทีมของพวกเขาจะไม่ได้มีส่วนร่วมในการแข่งขันในวันอาทิตย์ด้วยซ้ำ แต่แฟน ๆ ยังเข้าร่วมการแข่งขันกาตาร์กับเอกวาดอร์จากนั้นเลือกที่จะเดินไปรอบ ๆ เพื่อเก็บขยะโดยไม่ต้องร้องขอ 

'ซาอุฯ' ประกาศ 23 พ.ย. เป็นวันหยุดแห่งชาติ หลังทีมพลิกชนะ 'อาร์เจนติน่า' ศึกฟุตบอลโลก

กษัตริย์แห่ง ซาอุดิอาระเบีย ประกาศให้วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน เป็นวันหยุดพิเศษของประเทศ เรียบร้อยแล้ว หลังจากทีมชาติของพวกเขาเพิ่งทำผลงานสุดช็อคโลก เอาชนะ อาร์เจนติน่า ไปด้วยสกอร์ 2-1 ในนัดประเดิมศึกฟุตบอลโลก 2022

ซาอุดิอาระเบีย ภายใต้การคุมทีมของ แอร์กเว่ เรอนาร์ กุนซือชาวฝรั่งเศส โชว์ฟอร์มช็อคโลกลูกหนัง พร้อมกับสร้างสถิติใหม่ โดยเป็นครั้งแรก ที่เก็บชัยชนะจากเกมนัดประเดิมสนามของตัวเองในฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายได้สำเร็จ แถมยังกลายเป็นทีมแรกจากทวีปเอเชียที่คว้าชัยชนะพร้อมเก็บสามแต้มในฟุตบอลโลก 2022 ครั้งนี้อีกด้วย

แฟนผีแดงเฮ! ‘ตระกูลเกลเซอร์’ ประกาศขายทีม หลังเพิ่งประกาศแยกทาง ‘พี่โด้’ - หุ้นปิดบวก 15%

‘ตระกูลเกลเซอร์’ มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน เตรียมปล่อยมือ ประกาศขายทีม 'ปีศาจแดง' แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างเป็นทางการ โดยเวลานี้พร้อมเปิดพิจารณาข้อเสนอจากนักลงทุนทั่วโลกที่ให้ความสนใจจะเข้ามาเทคโอเวอร์ ขณะที่หุ้นพุ่ง 15% 

มหาเศรษฐีจากสหรัฐอเมริกา เข้ามาซื้อกิจการ แมนฯ ยูไนเต็ด ตั้งแต่ปี 2005 ก่อนจะบริหารทีมมาอย่างยาวนาน 17 ปีจนถึงปัจจุบัน และได้รับเสียงวิจารณ์อยู่บ่อยครั้งจากเหล่า 'เรด อาร์มี' จากการบริหารงานด้านฟุตบอลที่ดูไม่ดีเสียเท่าไหร่

อย่างไรก็ตามล่าสุด 'ปีศาจแดง' แถลงผ่านเว็บไซต์สโมสรถึงประเด็นที่ว่าพวกเขาพร้อมมองหากลุ่มนักลงทุนรายอื่น ๆ ที่จะเข้ามาเทคโอเวอร์ และดูแลทีมต่อไป

“แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นหนึ่งในสโมสรกีฬาที่ประสบความสำเร็จ และมีประวัติศาสตร์เก่าแก่มากที่สุดทีมหนึ่งของโลก พวกเราขอประกาศว่า ณ วันนี้บอร์ดบริหารกำลังเริ่มต้นขั้นตอนสำหรับพิจารณาทางเลือกด้านยุทธศาสตร์ของสโมสรกันใหม่”

“ขั้นตอนดังกล่าวถูกวางแผนขึ้นเพื่อยกระดับการเติบโตของสโมสรในอนาคต โดยมีเป้าหมายที่แท้จริงคือการทำให้สโมสรอยู่ในตำแหน่งที่มีโอกาสได้รับประโยชน์มากที่สุด ทั้งในสนาม และในด้านธุรกิจ”

“บอร์ดบริหารของพวกเราจะพิจารณาทางเลือกยุทธศาสตร์ในทุกด้าน รวมไปถึงการหาการลงทุนใหม่เข้ามาในสโมสร การขายสโมสร หรือการดำเนินการทางธุรกิจอย่างอื่นซึ่งเกี่ยวข้องกับสโมสร รวมไปถึงการประเมินสถานการณ์เพื่อเริ่มเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีม ทั้งเรื่องสนามแข่ง การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และขยายโครงการด้านธุรกิจในระดับโลก”

“การดำเนินการทุกอย่างเราจะเน้นไปที่การสร้างความสำเร็จระยะยาวให้ทั้งทีมชาย ทีมหญิง และทีมเยาวชนของสโมสร สร้างประโยชน์ให้แฟนบอล และผู้ถือหุ้นรายอื่น ทั้งนี้เรายังไม่สามารถยืนยันได้ว่าการพิจารณาที่กำลังดำเนินการอยู่นี้จะส่งผลให้เกิดธุรกรรมใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสโมสรหรือไม่”

“แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะไม่มีการแถลงเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดำเนินการนี้ จนกว่าบอร์ดบริหารจะอนุมัติธุรกรรมใดๆก็ตามหรือจนกว่าจะมีการกระทำอื่นที่จำเป็นต้องมีประกาศอย่างเป็นทางการ” ปีศาจแดง แถลงปิดท้าย

ทั้งนี้คาดกันว่ามูลค่าของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หากมีการทำธุรกรรมซื้อขายกันจริงๆ อาจไม่ต่ำกว่า 4,000 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 1.7 แสนล้านบาท และก่อนหน้านี้ก็มีนักลุงทุนทั้งมหาเศรษฐีในอังกฤษ, กลุ่มตะวันออกกลาง และสหรัฐอเมริกา เคยให้ความสนใจ

‘บัณฑิตสาวชาวจีน’ โชว์ทำอาชีพ ‘คนดูแลสุสาน’ อวด ‘งานสบาย - เหมือนได้เกษียณก่อนกำหนด’

สาวจีนรายหนึ่งออกมาเผยเรื่องราวของตนเองที่เรียนจบปริญญาตรี แต่เลือกทำงานเป็น ‘คนดูแลสุสาน’ เพื่อสร้างสมดุลชีวิตและหลีกเลี่ยง ‘การเมืองในออฟฟิศ’ จนทำให้ชาวเน็ตจีนจำนวนมากออกมาวิพากษ์วิจารณ์แนวคิดในการทำงานของคน Gen-Z

หญิงสาวแซ่ ตัน (Tan) วัย 22 ปี กลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ในจีนแผ่นดินใหญ่ หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเธอได้โพสต์คลิป Douyin อวดสถานที่ทำงานที่ ‘สงบสุข’ ของเธอ ซึ่งตั้งอยู่ภายในสุสานที่อยู่ติดกับภูเขาในเมืองฉงชิ่ง

“นี่คือบรรยากาศการทำงานของคนดูแลสุสาน Gen Z มันเป็นงานที่สบายมาก มีหมาแมวให้เล่น แล้วก็มีอินเทอร์เน็ตด้วย” ตัน กล่าว

หญิงสาวเล่าว่า ตั้งแต่มาทำงานที่นี่ก็รู้สึกเหมือน ‘ได้เกษียณก่อนกำหนด’ เพราะงานดูแลสุสานนั้นไม่มีอะไรซับซ้อน มีเวลาว่างมากมาย และยังได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่งดงาม โดยไม่ต้องเจอกับการเมืองในออฟฟิศและปัญหารถติดเหมือนคนอื่น ๆ

หน้าที่ประจำวันของเธอคือการต้อนรับแขกที่มาเยือนสุสาน ขายที่ฝังศพ และปัดกวาดดูแลหลุมศพแทนญาติผู้ตาย

เธอได้รับค่าจ้างเดือนละ 4,000 หยวน (ราว 20,000 บาท) สำหรับการทำงาน 6 วันต่อสัปดาห์ ตั้งแต่เวลา 8.30 น. ถึง 17.00 น. โดยมีเวลาพักทานข้าวกลางวันวันละ 2 ชั่วโมง

ตามฐานข้อมูลของรัฐบาลจีน รายได้เฉลี่ยต่อปีของชาวเมืองฉงชิ่งอยู่ที่ 33,800 หยวน (170,000 บาท) หรือประมาณ 2,800 หยวนต่อเดือน (14,000 บาท) ซึ่งเท่ากับว่างานดูแลสุสานที่หญิงสาวเลือกทำช่วยให้เธอมีรายได้สูงกว่าเงินเดือนเฉลี่ยของคนทั่วไปอยู่พอสมควรทีเดียว

หลังจากที่คลิปนี้ถูกแชร์ออกไป ปรากฏว่ามีชาวเน็ตจีนจำนวนมากเข้าไปแสดงความตกตะลึงที่บัณฑิตอย่าง ตัน เลือกงานในสุสาน ซึ่งคนส่วนใหญ่มองว่า ‘ไม่เป็นมงคล’ และไม่ใช่สถานที่ที่น่าอภิรมย์เท่าไหร่ แต่ก็มีคนอีกไม่น้อยที่เข้าไปให้กำลังใจและสนับสนุนเธอ โดยมองว่านี่คือส่วนหนึ่งของ ‘กระแสวัฒนธรรมนอนราบ’ (lying flat) หรือ ‘ถ่าง ผิง’ (躺平) ซึ่งกำลังได้รับความนิยมในหมู่คนหนุ่มสาวจีนมากขึ้น

การที่หนุ่มสาวจีนขานรับ ‘วัฒนธรรมนอนราบ’ ก็เนื่องจากความท้อแท้ต่อสภาพกดดันในสังคมโดยเฉพาะวัฒนธรรมการทำงานที่หนักสาหัสเกินไป แต่กลับได้ผลประโยชน์ไม่สมกับที่ได้ลงแรงเหนื่อยยาก จนกระทั่งมาถึงจุดที่ไม่ต้องการทนอยู่กับสภาพนี้อีกต่อไป และหันหลังให้กับความคาดหวังของสังคม

‘อันวาร์ อิบราฮิม’ ขึ้นแท่นนายกฯ มาเลเซียคนใหม่ สางปัญหาเงินเฟ้อ-ศก.ชะลอตัว-ความขัดแย้งต่างเชื้อชาติ

สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซียทรงประกาศแต่งตั้งนาย อันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำฝ่ายค้านขึ้น เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 10 ของมาเลเซีย โดยจะเข้าพิธีสาบานตนในเวลา 17.00 น. วันนี้ (24 พ.ย.) นับเป็นการยุติความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ยืดเยื้อมานานถึง 5 วันเต็ม ภายหลังศึกเลือกตั้งทั่วไปที่ไม่มีพรรคใดชนะได้ครองเสียงข้างมาก

การก้าวสู่ตำแหน่งนายกฯ ของ อันวาร์ มีขึ้นหลังจากที่เขาต้องเผชิญมรสุมในเส้นทางการเมืองมานานถึง 30 ปี โดยเริ่มจากการเป็นอดีตศิษย์รักของ ‘มหาเธร์ โมฮาหมัด’ และเคยก้าวไปถึงตำแหน่งรองนายกฯ ก่อนจะถูกตัดสินจำคุกในคดีรักร่วมเพศ พ้นโทษออกมาทำหน้าที่ฝ่ายค้าน และประสบความสำเร็จในการก้าวขึ้นเป็นนายกฯ มาเลเซียในวันนี้

การเลือกตั้งทั่วไปในมาเลเซียซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 19 พ.ย. ที่ผ่านมา ได้นำมาสู่ภาวะ ‘สภาแขวน’ เนื่องจาก 2 กลุ่มการเมืองใหญ่ได้แก่ กลุ่มแนวร่วมแห่งความหวัง (Pakatan Harapan - PH) ของ อันวาร์ อิบราฮิม และกลุ่มแนวร่วมแห่งชาติ (Perikatan National - PN) ที่นำโดยอดีตนายกฯ มูห์ยิดดิน ยัสซิน ต่างไม่สามารถคว้าจำนวน ส.ส.ได้ถึง 112 ที่นั่งเพื่อจัดตั้งรัฐบาล

ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นเสี่ยงที่จะซ้ำเติมภาวะไร้เสถียรภาพทางการเมือง ซึ่งทำให้มาเลเซียต้องมีการเปลี่ยนตัวนายกฯ มาแล้วถึง 3 คนในช่วงเวลาแค่ 3 ปี และยังอาจทำให้การกำหนดนโยบายเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจล่าช้าออกไปอีก

กลุ่ม PH ของ อันวาร์ คว้าที่นั่ง ส.ส.ได้มากที่สุด 82 ที่นั่งจากศึกเลือกตั้งเมื่อวันเสาร์ (19 พ.ย.) ขณะที่กลุ่ม PN ของมูห์ยิดดิน ได้มา 73 ที่นั่ง ส่วน บาริซาน เนชันแนล (BN) ที่เคยผูกขาดการเป็นรัฐบาลปกครองมาเลเซียมานานถึง 60 ปีตั้งแต่ได้รับเอกราชเมื่อปี 1857 กลับได้ ส.ส.เข้ามาเพียง 30 ที่นั่ง ซึ่งถือว่าทำผลงานได้ย่ำแย่เป็นประวัติการณ์ในศึกเลือกตั้งทั่วไป

‘รัฐบาลสหรัฐฯ’ พร้อมหนุน ‘ยูเครน’ สู้รัสเซียสุดกำลัง แต่ ‘กองทัพสหรัฐฯ’ อยากให้เจรจายุติสงคราม

เมื่อไม่นานมานี้ เพจ ‘Thailand Vision’ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ไม่สู้ดีระหว่างรัฐบาลสหรัฐฯ และกองทัพสหรัฐฯ โดยระบุข้อความว่า…

วันที่ 11 พฤศจิกายน 2565 สำนักข่าว CNN ของสหรัฐฯ รายงานว่า รัฐบาลสหรัฐฯ กับกองทัพสหรัฐฯ กำลังมีความเห็นที่ขัดแย้งกันสุดขั้ว ในการดำเนินนโยบายต่างประเทศกับยูเครน โดยคณะเจ้าหน้าที่ความมั่นคงประจำเทียบขาว และกระทรวงต่างประเทศ ต้องการสนับสนุนให้ยูเครนสู้รบกับรัสเซียต่อไป ในขณะที่กองทัพสหรัฐฯ มองว่าควรผลักดันให้มีการเจรจาเพื่อยุติสงคราม

กองทัพสหรัฐฯ นำโดย พล.อ.มาร์ก มิลลีย์ (Gen. Mark Milley) ผู้บัญชาการทหารสูงสุดสหรัฐฯ ได้พยายามเสนอนโยบายการเจรจายุติสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ซึ่งผบ.สส.สหรัฐฯ ท่านนี้ พยายามผลักดันนโยบายดังกล่าวมาตลอดเกือบทั้งเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

สื่ออังกฤษปูด ‘แอปเปิล’ สนใจซื้อสโมสรแมนยูฯ คาดตัวเลขซื้อขายอยู่ที่ 5,800 ล้านปอนด์

สะพัด ! ‘แอปเปิล’ ยักษ์เทค สนใจซื้อสโมสรดัง ‘แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด’ หลังตระกูลเกลเซอร์ประกาศขายเมื่อต้นสัปดาห์ 

วันที่ 25 พฤศจิกายน 2565 สื่อต่างประเทศรายงานว่า ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ‘แอปเปิล’ แสดงความสนใจที่จะซื้อสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากเจ้าของปัจจุบันคือตระกูลเกลเซอร์ประกาศขายสโมสรชื่อดังแห่งนี้เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่ามา

สื่ออังกฤษอย่าง ‘เดลีสตาร์’ อ้างว่า แอปเปิลอาจสนใจซื้อแมนฯยูไนเต็ดในราคา 5,800 ล้านปอนด์ (ประมาณ 251,076 ล้านบาท)

‘คุณแม่ชาวจีน’ บังคับให้ลูกดูโทรทัศน์ตลอดทั้งคืน หลังลูกชายดูแต่โทรทัศน์ ไม่รับผิดชอบหน้าที่ตัวเอง

เด็กชายวัย 8 ขวบรายหนึ่งถูกพ่อแม่บังคับใช้ดูโทรทัศน์ตลอดทั้งคืน ในบทลงโทษที่หนูน้อยรายนี้ดูทีวีมากเกินไป การสั่งสอนแบบรักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี ที่โหมกระพือประเด็นถกเถียงบนสื่อสังคมออนไลน์

เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์อ้างอิงรายงานของสำนักข่าวจีนแผ่นดินใหญ่ Vista ระบุว่า เด็กชายไม่เปิดเผยชื่อรายนี้ จากมณฑลหูหนาน ทางภาคกลางของจีน ถูกทิ้งให้อยู่บ้านเพียงลำพัง เนื่องจากพ่อแม่ออกไปข้างนอก และถูกขอให้ทำการบ้านให้เสร็จแล้วเข้านอนตอนเวลา 20.30 น.

อย่างไรก็ตาม พ่อแม่กลับมาถึงบ้านในช่วงดึกคืนดังกล่าว แม่ของหนูน้อยพบว่าลูกชายยังทำการบ้านไม่เสร็จแถมยังไม่อาบน้ำ นอกจากนี้ แทนที่จะเข้านอน ลูกชายยังคงเฝ้าหน้าจอโทรทัศน์อย่างไม่ละสายตา

แม้ไม่นานหลังจากนั้น ลูกชายจะลุกเดินเข้าไปนอน แต่ผู้เป็นแม่ตามไปลากหนูน้อยลงจากเตียง กลับมายังห้องนั่งเล่น เปิดทีวีและบังคับให้ลูกชายดูโทรทัศน์ตลอดทั้งคืน

ในตอนแรกเด็กชายยังคงดูโทรทัศน์อย่างสงบ มีท่าทีผ่อนคลาย กินขนมขบเคี้ยว เล่นแท็บแล็ตและนอนเอกเขนกบนโซฟา แต่พอหลายชั่วโมงผ่านไป หนูน้อยชักเบื่อหน่ายและเริ่มร้องไห้ตอน 02.00 น. มีอยู่ช่วงหนึ่งเด็กชายรายนี้แอบกลับไปที่เตียงเพื่อนอนหลับ แต่แม่จับได้ และบังคับให้เขากลับมาที่ห้องนั่งเล่นอีกครั้ง และดูโทรทัศน์ต่อไป

พ่อและแม่เฝ้าดูลูกชายอยู่ตลอด โดยคนเป็นพ่อไม่ยอมให้ลูกหลับ คอยปลุกหนูน้อยให้ลืมตาตื่น และทั้ง 2 คนไม่ยอมให้ลูกชายเข้านอนจนกระทั่งถึงเวลา 05.00 น.

‘ซาอุฯ - ญี่ปุ่น’ เอาชนะอดีตแชมป์บอลโลก ผลสำเร็จจาก ‘ทีมเวิร์กสุดปัง - แรงบันดาลใจสุดเจ๋ง’

เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมานี้ มีเรื่องหนึ่งที่ถูกพูดถึงในวงกว้างอย่างมาก ทั้งในโลกออฟไลน์และโลกออนไลน์ นั่นก็คือ ‘ฟุตบอลโลก 2022’ ที่ประเทศกาตาร์เป็นเจ้าภาพ โดยประเด็นที่ทำแฟนบอลทั่วโลกตกตะลึงก็คือ การที่ทีมชาติซาอุดีอาระเบียสามารถเอาชนะทีมชาติอาร์เจนตินา ทีมที่เป็นแชมป์ฟุตบอลโลกหลายสมัย และมีสตาร์ดังอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ ไปด้วยด้วยสกอร์ 2-1 อย่างน่าอัศจรรย์ใจ

แต่ความตะลึกยังไม่จบเพียงเท่านั้น เพราะถัดมาอีกวันทีมชาติญี่ปุ่น ก็สามารถเอาชนะทีมแนวหน้าของโลกอย่างเยอรมนีไปได้ด้วยสกอร์ 2-1 เช่นกัน 

กลายเป็นว่าคอบอลทั่วโลก (อาจจะรวมถึงแฟนบอลในชาตินั้นๆ) ต้องตกตะลึงถึง 2 วันติดกัน เพราะไม่คิดไม่ฝันว่าทีมชาติทั้ง 2 ประเทศจากทวีปเอเชีย ที่เคยเป็นเพียงทีมไม้ประดับของเทศกาลฟุตบอลโลก จะสามารถพลิกเกมกลับมาชนะทีมระดับชั้นนำและอยู่ในแนวหน้าของโลกลูกหนังไปได้

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ดร.สุริยะใส กตะศิลา คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต ผู้เชี่ยวชาญด้านสังคมนักวิชาการ นักเคลื่อนไหวทางสังคม และอาจารย์ ได้แสดงความคิดเห็นไว้ในคลิปวิดีโอ ที่เผยแพร่ทางช่องยูทูบ ‘Suriyasai Channel’ เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 65 ไว้อย่างน่าสนใจ สรุปได้ว่า…

นัดเปิดสนามระหว่างทีมเอกวาดอร์เจอกับทีมชาติกาตาร์ (เจ้าภาพ) จบที่ความปราชัยของเจ้าภาพที่สกอร์ 2-0 จากนั้นในนัดถัดมา ก็เป็นการดวลระหว่างทีมชาติอังกฤษกับทีมชาติอิหร่าน ซึ่งอิหร่านก็พ่ายแพ้ไป 6-2 

จากผลลัพธ์ของทีมเอเชียทั้งสอง ทำให้หลายคนกังวลใจว่าทีมชาติที่มาจากทวีปเอเชียดูจะไม่มีพัฒนาการที่จะไปสู้ทีมชาติจากทวีปอื่นๆ เทียบกับทวีปแอฟริกาแล้ว ยังผลักดันตนเองสามารถพัฒนาทีมมาเป็นคู่แข่งเทียบชั้นชาติแนวหน้าในละตินและยุโรปได้มากกว่า

จนกระทั่ง เมื่อคืนวันที่ 22 พ.ย. 65 ตามเวลาไทย ทีมชาติซาอุดีอาระเบียต้องฟาดแข้งกับทีมชาติอาร์เจนตินา ขณะที่ทีมชาติญี่ปุ่นฟาดแข้งกับเยอรมนีในวันที่ 23 พ.ย.65 ทั้ง 2 ทีมชาติจากเอเชีย สามารถเอาชนะมาได้ จึงเป็นการลบล้างคำสบประมาทต่างๆ นานาออกไปได้ทันที เพราะว่าทั้งซาอุฯ และญี่ปุ่น ไม่ใช่แค่เก็บชัยชนะ แต่พวกเขาสามารถโค่นเต็งแชมป์และอดีตแชมป์โลกมาหลายสมัยลงได้

เมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น น่าจะทำให้ทีมชาติจากเอเชียถูกจับตามองมากขึ้นอีกแน่ ๆ 

ทั้งนี้หากเทียบความแตกต่างของทั้ง 2 ชาติ คือ ซาอุฯ อาจจะได้เปรียบญี่ปุ่นหน่อย ตรงเรื่องของรูปร่างนักเตะ ซึ่งกายภาพของนักเตะซาอุฯ สามารถเทียบชั้นกับยุโรปได้เลย ในขณะที่ญี่ปุ่นน่าจะพอ ๆ กับไทย 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top