Friday, 4 July 2025
World

‘ผู้นำอิหร่าน’ ส่งสัญญาณเอาคืนอิสราเอล ลั่น ระบอบไซออนิสต์ต้องได้รับผลกรรมที่ก่อ

10 คำถามและคำตอบจาก Tehran Times กรณีอิสราเอลโจมตีอิหร่าน

การโจมตีดังกล่าวส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายราย รวมถึงนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ ผู้บัญชาการทหาร และพลเรือน ขณะที่เตหะรานประกาศตอบโต้และทั่วโลกเฝ้าจับตาว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป Tehran Times จะตอบ 10 คำถามที่สำคัญที่สุดเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้:

1. การโจมตีมุ่งเป้าไปที่พื้นที่อยู่อาศัยและสถานที่พลเรือนหรือไม่? 
ใช่ รายงานและภาพถ่ายยืนยันว่าอาคารอพาร์ตเมนต์และอาคารที่ไม่ใช่ที่ตั้งทางทหารหลายแห่งในกรุงเตหะรานถูกโจมตี

2. มีพลเรือนเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีหรือไม่? 
ใช่ มีพลเรือนเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บหลายสิบคน แต่ยังไม่มีการเปิดเผยจำนวนผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการ ผู้เสียชีวิตมีทั้งผู้หญิงและเด็ก 

3. นักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ชาวอิหร่านคนใดที่ถูกฆ่าตายในการโจมตีครั้งนี้? 
จากแหล่งข่าวระบุว่า นักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์อย่างน้อย 6 รายถูกสังหาร รวมถึง Abdolhamid Minouchehr, Ahmadreza Zolfaghari, Seyed Amirhossein Feqhi, Motlabizadeh, Mohammad Mehdi Tehranchi และ Fereydoun Abbasi

4. สหรัฐฯ รู้ล่วงหน้าเรื่องการโจมตีของอิสราเอลหรือไม่? 
ใช่ จากคำกล่าวของประธานาธิบดีทรัมป์เอง สหรัฐฯ ได้ทราบเรื่องนี้ก่อนแล้ว 

5. สหรัฐฯ มีส่วนร่วมหรือให้ความช่วยเหลือในการโจมตีของอิสราเอลหรือไม่? 
แม้ว่าสหรัฐฯ จะยังไม่ยอมรับอย่างเป็นทางการว่าให้ความร่วมมือกับอิสราเอล แต่ก็มีสัญญาณบ่งชี้ถึงความเกี่ยวข้อง เช่น เครื่องบินเติมน้ำมันของสหรัฐฯ ปฏิบัติการใกล้อิหร่าน 24 ชั่วโมงก่อนการโจมตี รวมถึงรายงานที่ไม่เป็นทางการที่บ่งชี้ว่า สหรัฐฯ และอิสราเอลมีการประสานงานกัน 

6. ผู้นำกองทัพอิหร่านคนใดที่เสียชีวิตจากการโจมตีครั้งนี้? 
จนถึงขณะนี้ อิหร่านได้ยืนยันการเสียชีวิตของพลเอก โมฮัมหมัด บาเกรี (เสนาธิการกองทัพอิหร่าน) พลเอก ฮอสเซน ซาลามี (ผู้บัญชาการ IRGC) และพลเอก โกลามาลี ราชิด (ผู้บัญชาการกองบัญชาการคาตัม อัล-อันบียา) 

7.อิหร่านจะตอบโต้อิสราเอลหรือไม่? 
สัญญาณทั้งหมดชี้ให้เห็นถึงการตอบโต้ที่รุนแรง โดย อายาตอลเลาะห์ เซย์เยด อาลี คาเมเนอี ผู้นำการปฏิวัติอิสลาม เตือนว่า “ระบอบไซออนิสต์ควรได้รับการลงโทษที่รุนแรง มืออันทรงพลังของกองกำลังติดอาวุธของอิหร่านจะไม่ปล่อยให้พวกเขาลอยนวลไป หากพระเจ้าประสงค์ ผู้บัญชาการและนักวิทยาศาสตร์ของเราหลายคนเสียชีวิตในการโจมตีครั้งนี้ แต่ผู้สืบทอดตำแหน่งของพวกเขาจะดำเนินภารกิจต่อไป ด้วยการก่ออาชญากรรมนี้ ระบอบไซออนิสต์ได้กำหนดชะตากรรมอันขมขื่นของตนเองไว้แล้ว—และจะต้องชดใช้ราคาที่ต้องจ่าย” 

8. การโจมตีครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อการเจรจาเรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่านกับสหรัฐฯ อย่างไร? 
ไม่นานหลังจากการโจมตี ประธานาธิบดีทรัมป์เรียกร้องให้อิหร่านกลับมาเจรจาอีกครั้ง อิหร่านยังไม่ได้ออกคำตอบอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่การโจมตีครั้งนี้มีแนวโน้มที่จะทำให้การเจรจารอบที่ 6 ที่จะถึงนี้ต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด 

9. อิสราเอลใช้อาวุธอะไรในการโจมตีครั้งนี้? 
รายงานระบุว่าอิสราเอลยิงขีปนาวุธจากเครื่องบินขับไล่โจมตีสเตลท์ F-35 เป็นหลัก นอกจากนี้ยังมีการกล่าวอ้างที่ไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าฝูงโดรนอาจถูกใช้เพื่อโจมตีเป้าหมายอย่างแม่นยำ 

10. บริเวณใดของอิหร่านที่ตกเป็นเป้าหมาย? 
การโจมตีที่ได้รับการยืนยันว่า เกิดขึ้นที่ กรุงเตหะราน, ตาบริซ, อิสฟาฮาน, ฮาเมดาน, อาห์วาซ, คอร์รามาบัด, เคอร์มันชาห์ และกัสร์-เอ ชิริน

ผู้นำอิหร่านประณามอิสราเอล ‘อาชญากรอำมหิต’ ลั่นจะต้องชดใช้ด้วยชะตากรรมอันขมขื่น

(13 มิ.ย. 68) อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี (Ayatollah Ali Khamenei) ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน แถลงผ่านสำนักข่าว IRNA ว่าอิสราเอลจะต้องเผชิญกับ “บทลงโทษอย่างรุนแรง” หลังปฏิบัติการโจมตีหลายจุดในอิหร่าน รวมถึงเป้าหมายทางทหารและนิวเคลียร์ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงและนักวิทยาศาสตร์เสียชีวิต

“ลัทธิไซออนิสต์เปิดเผยธาตุแท้ที่ชั่วร้าย ด้วยการโจมตีแม้แต่พื้นที่พักอาศัยของประชาชน” คาเมเนอีกล่าว พร้อมระบุว่าการกระทำครั้งนี้จะนำอิสราเอลไปสู่ “ชะตากรรมที่ขมขื่นและเจ็บปวด”

สำหรับคำแถลงดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดที่พุ่งสูง หลังจากอิสราเอลเปิดฉากโจมตีในเชิงรุก ขณะที่ชาติตะวันตกและประชาคมโลกจับตามาตรการตอบโต้จากอิหร่านอย่างใกล้ชิด

‘เคนเนดี จูเนียร์’ ยกเครื่องบอร์ดวัคซีนสหรัฐฯ ประกาศตั้งทีมใหม่ 8 คน บางรายเคยด่าวัคซีนโควิด

(13 มิ.ย. 68) โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ (Robert F. Kennedy Jr.) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของสหรัฐฯ ประกาศแต่งตั้งสมาชิกใหม่ 8 คนเข้าสู่คณะกรรมการที่ปรึกษาวัคซีนของ CDC (ACIP) โดยในจำนวนนั้นมีผู้ที่เคยวิจารณ์วัคซีน โดยเฉพาะในช่วงโควิด-19

ก่อนหน้านี้เพียง 2 วัน เคนเนดีเพิ่งปลดสมาชิกคณะกรรมการเดิมทั้ง 17 คน พร้อมระบุว่า ACIP ชุดเก่า “เต็มไปด้วยผลประโยชน์ทับซ้อน” และทำหน้าที่เหมือน “ตรายางอนุมัติวัคซีนทุกชนิด” โดยไม่ได้ทบทวนข้อมูลอย่างเหมาะสม

เขาโพสต์บน X ว่าสมาชิกใหม่เป็น “นักวิทยาศาสตร์ชั้นนำ และแพทย์ระดับประเทศ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข” ซึ่ง “ยึดหลักการแพทย์ตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งมีสามัญสำนึก” โดยทั้งหมดจะเริ่มเข้าร่วมประชุม ACIP ชุดใหม่ระหว่างวันที่ 25–27 มิถุนายนนี้

รายงานระบุว่าสมาชิกใหม่บางคนเคยมีบทบาทต่อต้านวัคซีน เช่น ดร.โรเบิร์ต มาโลน (Robert Malone) ผู้ร่วมพัฒนาเทคโนโลยี mRNA แต่เคยเผยแพร่ข้อมูลผิดเกี่ยวกับโควิด-19 รวมถึง ดร.มาร์ติน คุลดอร์ฟ (Martin Kulldorff) หนึ่งในผู้ร่วมเขียน "Great Barrington Declaration" ที่เสนอแนวคิดให้ประชาชนติดเชื้อเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่

นอกจากนี้มีอย่างน้อย 4 คนในคณะใหม่ที่ถูกอ้างถึงในหนังสือของเคนเนดี The Real Anthony Fauci ซึ่งวิจารณ์บทบาทของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขสหรัฐฯ ระหว่างวิกฤตโควิด โดยยังไม่ชัดเจนว่าเคนเนดีจะมีการแต่งตั้งกรรมการเพิ่มอีกหรือไม่ในอนาคต

สหรัฐฯ ไม่ควรเข้าร่วมสงครามกับอิหร่านในทุกระดับ การต่อสู้ระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่านก็ไม่มีอะไรจะเป็นคุณ กับสหรัฐฯ ได้

(14 มิ.ย. 68) เพจเฟซบุ๊ก ‘Jaroensook Limbanchongkit Pone’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า …

ทักเกอร์ คาร์ลสัน (Tucker Carlson) สื่อใหญ่มะกัน ผู้สนับสนุนทรัมป์มาโดยตลอดและพิธีกรรายการโทรทัศน์คนล่าสุดของทรัมป์ ได้ออกมาวิจารณ์ทรัมป์อย่างเปิดเผย หลังจากที่อิสราเอลโจมตีอิหร่าน 

โดยระบุว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทรัมป์ 'สมรู้ร่วมคิด' กับอิสราเอลในการโจมตีอิหร่าน

พร้อมเรียกร้องให้ทรัมป์ “ทิ้งอิสราเอล” และ “ปล่อยให้อิสราเอลสู้สงครามของตนเอง”

“สหรัฐฯ ไม่ควรเข้าร่วมสงครามกับอิหร่านในทุกระดับ ไม่ว่าจะด้วยเงินทุน อาวุธจากสหรัฐฯ หรือกำลังทหารในพื้นที่ ไม่ว่า 'พันธมิตรพิเศษ' ของเราจะพูดอะไรก็ตาม การต่อสู้ระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่านก็ไม่มีอะไรจะเป็นคุณกับสหรัฐฯ ได้”

อิหร่าน อาจปิด ช่องแคบฮอร์มุซ ที่เชื่อมอ่าวโอมาน กับทะเลอาหรับ

(15 มิ.ย. 68) เพจเฟซบุ๊ก ‘Ethan Hunts’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ...

อิหร่านอาจปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเชื่อมอ่าวโอมานกับทะเลอาหรับ ซึ่งเป็นช่องทางคมนาคมขนส่งน้ำมันจากตะวันออกกลางสู่เอเชียใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้(ซึ่งรวมถึงไทยด้วย) นั่นคือเหตุผลที่มีผู้คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบจะทะลุ 100 เหรียญ/บาร์เรล

หลังจากที่ทางการอิหร่านพบเรือพิฆาตของอังกฤษลอยลำในอ่าวโอมาน คาดว่าเป็นตัวส่งพิกัดให้ขีปนาวุธของอิสราเอลใช้โจมตีอิหร่าน

เรือพิฆาตอังกฤษ เข้าสู่มหาสมุทรอินเดียตอนเหนือ เมื่อคืนนี้โดยมีเป้าหมาย นำขีปนาวุธของอิสราเอล ไปยังอิหร่าน

(15 มิ.ย. 68) เพจเฟซบุ๊ก ‘Jaroensook Limbanchongkit Pone’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า …

เรือพิฆาตสอดแนมของอังกฤษหยุดอยู่ที่ทะเลโอมานโดยอิหร่าน

เรือพิฆาตอังกฤษซึ่งเข้าสู่มหาสมุทรอินเดียตอนเหนือเมื่อคืนนี้โดยมีเป้าหมายเพื่อนำขีปนาวุธของอิสราเอลไปยังอิหร่าน ได้ถูกระบบข่าวกรองทางทะเลตรวจพบทันที โดรนรบของกองทัพเรือได้ส่งคำเตือนและป้องกันไม่ให้เรือดังกล่าวเคลื่อนตัวเข้าใกล้อ่าวเปอร์เซียมากขึ้น เรือพิฆาตดังกล่าวจึงจำเป็นต้องเปลี่ยนเส้นทาง

ปัญหาชายแดน ‘ไทย-กัมพูชา’ ที่รัฐบาลทำงานไม่คืบหน้า นี่คือกุญแจที่ไขคำตอบว่า กองทัพรัฐประหารทำไม

(15 มิ.ย. 68) สุดท้ายการประชุม JBC ไทย-กัมพูชาก็เป็นอย่างที่เอย่าคาด คือฝ่ายกัมพูชาจะตีกินเพื่อล่มการประชุมนี้และจะพยายามดึงให้ไทยเข้าสู่ศาลโลก 

เอาเป็นว่าก่อนมาถึงตรงนี้เอย่ามาย้อนความกันก่อนดีกว่าว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง

ทุกอย่างเริ่มจากทหารกัมพูชารุกล้ำชายแดนไทยแล้วอ้างว่าปราสาทตาเมืองธมและปราสาทตาควายเป็นของกัมพูชา ทางกองทัพไทยก็ไม่รอช้าส่งกองทัพเข้าประชิดชายแดนส่งทหารพรานปักธงชัยลงพื้นที่ทันที

ฝั่งกัมพูชาเห็นท่าไม่ดีก็เลยสั่งให้กองทัพตนเองร่นลงมา  สุดท้ายพยายามดิ้นว่าจะฟ้องศาลโลก

ฝั่งไทยกร้าวขึ้นประกาศปิดด่านชายแดน  ฝั่งกัมพูชาเริ่มปล่อยข่าวแบนสินค้าไทย แต่ไม่เป็นผลจึงเปลี่ยนมาใช้มาตรการตัดเนตตัดไฟที่เคยซื้อจากฝั่งไทย 

ดูฝั่งรัฐบาลไทยก็พยายามจะกีดกันกองทัพไม่ให้เข้ามายุ่งโดยอ้างว่าจะไปตกลงกันในที่ประชุม JBC และสุดท้ายเป็นอย่างไรละก็ตามที่นักวิเคราะห์คาดเลยว่าฝั่งกัมพูชาจะล้มโต๊ะการประชุม JBC

ถามว่างานนี้ผู้นำไทยรู้เห็นไหมคงไม่อาจทราบได้  แต่มีนักวิเคราะห์หลายคนบอกว่าเรื่องราวนี้ถ้าไม่มีการผลักจากฝั่งรัฐบาลไทย  เราก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องไปรับอำนาจศาลโลกเหมือนที่เคยเสียเปรียบและเสียดินแดนมาแล้วในอดีต

ความไม่ไว้วางใจก่อปัญหารุนแรงมากขึ้นเพราะทุกคนในประเทศไทยนี้รู้ดีถึงสายสัมพันธ์ทางครอบครัวระหว่างผู้นำของไทยและกัมพูชา จนเรียกได้ว่าปัญหานี้แก้ง่ายมากแค่บินไปกินข้าวบ้านญาติสักมื้อก็น่าจะจบ

แต่หากคิดอีกมุมว่านี่คือแผนฮุบแผ่นดินของครอบครัวนี้ โดยสุดท้ายหากมีการขึ้นศาลโลกและตัดสินแบ่งดินแดนไปคนละครึ่ง บ้านฝั่งกัมพูชาก็จะได้อวดว่านี่ไงฉันไปเอาแผ่นดินที่เคยเป็นของเรามาได้ตั้ง 500,000 ตารางกิโลเมตร ในขณะครอบครัวฝั่งไทยจะอ้างว่านี่ฉันหยุดความสูญเสียทั้งสงคราม เศรษฐกิจระหว่างประเทศไว้เชียวนะ

ถามว่ามาแนวนี้นักวิเคราะห์หลายคน  ประชาชนหลายกลุ่มก็ดูออกเพราะทุกวันนี้ก็ยังไม่เห็นรัฐบาลนี้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักเรื่อง

เผลอๆเหตุการณ์ครั้งนี้อาจจะเป็นคำตอบให้ประชาชนหลายคนที่อาจจะลืมไปแล้วว่าตอนนั้นลุงตู่ต้องทำรัฐประหารเพราะอะไร ให้กลับมาเห็นก็ได้ว่าการรัฐประหารมันไม่ได้แย่หากทำเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ

‘ดร.สุวินัย’ วิเคราะห์!! ความเป็นไปได้ ในการใช้อาวุธนิวเคลียร์ ในกรณีที่สงคราม ‘อิสราเอล-อิหร่าน’ บานปลายขั้นสูงสุด

(15 มิ.ย. 68) รศ.ดร.สุวินัย ภรณวลัย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก โดยมีใจความว่า ...

ความเป็นไปได้ของการใช้อาวุธนิวเคลียร์ (โดยเฉพาะ ICBM) ในกรณีที่สงครามระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน "บานปลายขั้นสูงสุด"

(1) ถ้าเกิดการใช้นิวเคลียร์ในสงครามอิสราเอล–อิหร่าน จะใช้อะไร? ICBM ใช่ไหม?
ตอบ: ไม่ใช่ ICBM เป็นอันดับแรก
เหตุผลคือ: ICBM (Intercontinental Ballistic Missile) คือขีปนาวุธพิสัยไกลมาก (ข้ามทวีป) เช่น จากรัสเซียไปสหรัฐฯ หรือจีนไปอเมริกา
แต่ อิสราเอลกับอิหร่าน ห่างกันเพียง ~1,500 กิโลเมตร ซึ่งอยู่ในพิสัยของ IRBM (Intermediate-Range Ballistic Missile) และ MRBM (Medium-Range)
อาวุธนิวเคลียร์ที่มีอยู่จริงในมืออิสราเอล ณ ตอนนี้ อยู่ในรูปแบบ:
Jericho III (IRBM): พิสัย 4,000–6,500 กม. บรรทุกหัวรบนิวเคลียร์ได้
Popeye Turbo ALCM: ยิงจากเรือดำน้ำ (submarine-launched) ติดหัวรบนิวเคลียร์ได้
และอาจมี หัวรบนิวเคลียร์ทางอากาศ (air-dropped tactical nuclear bombs) บ้างในคลังลับ
→ ดังนั้น หากใช้จริง จะใช้ IRBM หรือขีปนาวุธจากเรือดำน้ำ ไม่ใช่ ICBM
(2) ประเทศไหนจะเริ่มก่อน และเพราะเหตุใด?
ตอบ: อิสราเอล มีโอกาส "ใช้นิวเคลียร์ก่อน" มากกว่าอิหร่าน
โดยเฉพาะในสถานการณ์ต่อไปนี้:
▸ 1. เมื่อฐานทัพหลักถูกจู่โจมจน “สั่งการไม่ได้”
อิสราเอลมี “doctrine” ลับที่คล้ายแนวคิด Samson Option
→ คือถ้าประเทศเผชิญ “ภัยคุกคามต่อการดำรงอยู่ (existential threat)” จริง ๆ เช่น
ระบบป้องกัน Iron Dome ล่ม
เทลอาวีฟ–เยรูซาเล็มถูกถล่มหนัก
ผู้นำถูกลอบสังหารแบบพร้อมกัน
→ จะ “เปิดคลังนิวเคลียร์” และโจมตีกลับอย่างสุดกำลังภายในเวลาไม่กี่นาที
▸ 2. เมื่ออิหร่านใกล้ “ทดสอบระเบิดนิวเคลียร์” สำเร็จ
ถ้าอิหร่านประกาศทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ หรือมีหลักฐานชัดว่าประกอบสำเร็จ
อิสราเอลจะถือเป็น Red Line (เส้นตาย)
อาจใช้ nuclear strike เชิงยุทธศาสตร์จำกัด ต่อโรงงาน Natanz หรือ Fordow
→ เพื่อป้องกัน “nuclear breakout”
 โอกาสที่อิหร่านจะใช้ก่อน: ต่ำมาก
อิหร่านยังไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ในเชิงปฏิบัติ ณ เวลานี้
แม้จะมีศักยภาพทางวิทยาศาสตร์ แต่การเปลี่ยน uranium ที่เสริมสมรรถนะสูง → สู่การสร้างระเบิดจริง
ยังใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือน–1 ปี
และที่สำคัญคือ การใช้นิวเคลียร์ของอิหร่านจะเท่ากับการฆ่าตัวตายทางการทูต เพราะจะเปิดทางให้สหรัฐ–นาโตเข้าร่วมสงครามอย่างเต็มตัวทันที
(3) ประเมินแนวโน้ม การใช้นิวเคลียร์ (จริง):
สถานการณ์ โอกาสใช้นิวเคลียร์ / ใครจะเริ่ม / รูปแบบ
> โจมตีทางยุทธศาสตร์ต่อโรงงานนิวเคลียร์อิหร่าน / ปานกลาง (30%) อิสราเอล / IRBM หรือเรือดำน้ำยิง
> สงครามขยายถึงการล่มของระบบรัฐอิสราเอล สูง (60%) / อิสราเอล / นิวเคลียร์เชิงยุทธศาสตร์
> อิหร่านใช้ก่อน ต่ำมาก (<5%) / อิหร่าน ยังไม่มีศักยภาพตอนนี้
 สรุป:
อาวุธนิวเคลียร์ที่จะถูกใช้ หากจำเป็น ไม่ใช่ ICBM แต่เป็น ขีปนาวุธพิสัยกลางหรือยิงจากเรือดำน้ำ
อิสราเอลมีแนวโน้มใช้ก่อน โดยเฉพาะเพื่อ: ป้องกันการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน
ตอบโต้หากเกิด "สถานการณ์วิกฤตแห่งการดำรงอยู่" การใช้นิวเคลียร์ใด ๆ จะไม่ใช่จุดสิ้นสุดของสงคราม แต่คือ "จุดเริ่มต้นของหายนะ" ที่ทั้งโลกไม่อาจถอยหลังได้อีก
*******
ต่อไปนี้คือ การวิเคราะห์ผลกระทบของการใช้อาวุธนิวเคลียร์จริง ในกรณีสงครามอิสราเอล–อิหร่านบานปลาย 
โดยจะแบ่งออกเป็น 4 มิติ:
(1) ผลกระทบทางภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics)
▸ ระเบียบโลกจะเข้าสู่ “ยุคนิวเคลียร์จริง” (Post-MAD Reality)
MAD = Mutually Assured Destruction ซึ่งเป็นหลักประกันกลาย ๆ ว่าไม่มีใครกล้าใช้นิวเคลียร์
แต่เมื่อมีประเทศ ที่ไม่ใช่มหาอำนาจ ใช้นิวเคลียร์เป็นครั้งแรกหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
→ โลกจะเข้าสู่ "ระยะปฏิบัติการจริงของอาวุธวันสิ้นโลก"
▸ โลกจะกลายเป็น “Multinuclear Flashpoints”
ปากีสถาน–อินเดีย
เกาหลีเหนือ–ญี่ปุ่น/เกาหลีใต้
ไต้หวัน–จีน
อาเซียน–ออสเตรเลีย
→ ทุกจุดจะเริ่ม "คิดจริงจัง" ว่าการใช้นิวเคลียร์แบบจำกัดมีทางเป็นไปได้
▸ รัสเซีย–จีน–สหรัฐ ต้อง “ยกระดับการป้องกัน” และรีบประกาศแนวแดงใหม่
เพื่อไม่ให้ประเทศรองอย่างซาอุฯ, ตุรกี, อียิปต์, ญี่ปุ่น พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของตนเอง
เพราะ ความศักดิ์สิทธิ์ของสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ (NPT) จะหมดความศักดิ์สิทธิ์
(2) ผลกระทบทางเศรษฐกิจโลก
▸ ตลาดทุนพังทลายภายใน 48 ชั่วโมง
ค่าเงินดอลลาร์จะผันผวนหนัก
ทองคำพุ่งเกิน $3,000/ออนซ์
ตลาดหุ้นหลัก (S&P, Nikkei, Hang Seng) อาจดิ่งลง 20–30% ภายในไม่กี่วัน
▸ ราคาน้ำมันทะลุ $200 ต่อบาร์เรล
โดยเฉพาะถ้าเกิดผลกระทบต่อช่องแคบฮอร์มุซ (Hormuz Strait)
→ ส่งผลให้การลำเลียงน้ำมันจากอ่าวเปอร์เซียหยุดชะงัก
→ ประเทศอุตสาหกรรมจะเข้าสู่ภาวะ stagflation (เงินเฟ้อสูงแต่เศรษฐกิจถดถอย)
▸ เศรษฐกิจประเทศเกิดใหม่พังเป็นลูกโซ่
ประเทศหนี้สูง (รวมถึงหลายประเทศในอาเซียนโดยเฉพาะ ประเทศไทย) อาจเกิดวิกฤตเงินทุนไหลออก
กองทุนระหว่างประเทศ (IMF) จะต้องเข้าแทรกแซงชุดใหญ่
(3) ผลกระทบทางไซเบอร์–เทคโนโลยี
▸ สงครามไซเบอร์ระดับรัฐต่อรัฐจะเปิดฉากเต็มรูปแบบ
โครงข่ายดาวเทียม, การสื่อสาร, บัญชีธนาคาร ฯลฯ จะถูกโจมตี
ระบบ AI ที่อยู่เบื้องหลังอาวุธอาจถูกแฮกหรือรบกวน
→ โลกเข้าสู่สภาวะ “AI Cold War” อย่างเป็นทางการ
▸ สังคมจะเชื่อข่าวปลอมมากกว่าข่าวจริง
เพราะข้อมูลที่ถูกปล่อยออกมาจะ “จัดฉาก” และ “สร้างความเกลียด” เร็วกว่าข่าวจริง
บทบาทของแพลตฟอร์มอย่าง Facebook, X, TikTok จะถูกตั้งคำถามรุนแรง
(4) ผลกระทบทางจิตวิญญาณของมนุษย์
▸ ความเชื่อใน “อารยธรรมมนุษย์” จะถดถอย
ผู้คนจะรู้สึกว่า “เราไม่พัฒนาเลย” แม้มี AI, quantum computer, ยานอวกาศ
จิตของมนุษย์จะเข้าสู่ ความกลัวฝังลึก–ไม่ไว้ใจกัน–ยากจะสร้างภาพรวมร่วมกัน
▸ ศาสนาเก่าจะถูกท้าทาย และ “กลุ่มสุดโต่ง” จะเพิ่มขึ้น
คนบางกลุ่มจะกลับไปหาศาสนาแบบสุดขั้ว
บางกลุ่มจะปฏิเสธทุกศาสนา และหันไปหาความว่างเปล่าที่ไร้ความหมายแบบ “nihilism” (สูญนิยม)
▸ โอกาสของ “ผู้นำทางจิตวิญญาณใหม่” จะเริ่มต้น
ถ้ามีใครสามารถพูด ภาษาที่ "รวมจิตมนุษย์" ได้อีกครั้ง
เขา/เธอจะกลายเป็นศูนย์กลางจิตวิญญาณของมนุษย์ในโลกยุคใหม่หลังสงครามนิวเคลียร์
 สรุป:
“การใช้นิวเคลียร์แม้เพียงลูกเดียวในตะวันออกกลาง จะไม่ใช่การ ‘เปลี่ยนหน้าแผนที่โลก’ แต่มันคือการ ‘เปลี่ยนจิตของมนุษยชาติ’” อย่างถาวร โลกหลังการใช้นิวเคลียร์ จะไม่เหมือนเดิมอีกเลย
ไม่ใช่เพราะความเสียหายทางกายภาพเท่านั้น แต่เพราะ ความเชื่อมั่นว่า “มนุษย์จะไม่ทำร้ายกันจนถึงขั้นนี้” จะถูกทำลาย และเมื่อ “ความเชื่อมั่นในมนุษย์” หายไป สิ่งที่แท้จริงต้องสร้างขึ้นใหม่ ก็คือ "ความศรัทธาในคุณค่าความเป็นมนุษย์" ซึ่งต้องอาศัยพลังของโพธิสัตว์และนักบูรณาจิตในยุคนี้เท่านั้นที่จะทำได้
*********
ต่อไปนี้คือการจำลอง Timeline ยุทธศาสตร์บานปลาย 90–180 วันหลังการใช้อาวุธนิวเคลียร์จริงในสงครามอิสราเอล–อิหร่าน
(ใช้สมมุติฐาน: อิสราเอลเป็นฝ่ายใช้ก่อน โจมตีโรงงานนิวเคลียร์ใต้ดินของอิหร่านด้วยหัวรบนิวเคลียร์ขนาดจำกัด tactical nuke):
> สัปดาห์ที่ 1–2: Shock & Retaliation (ช็อกและเริ่มโต้กลับ)
โลกช็อก: UN ประชุมฉุกเฉิน, นาโต-จีน-รัสเซีย ออกแถลงการณ์ประณาม
อิหร่านระดมแนวร่วม: ฮิซบอลเลาะห์, ฮูตี, กลุ่มชีอะห์ในอิรัก พร้อมเปิดแนวรบหลายจุด
การตอบโต้แรก: โดรน-จรวดพิสัยไกล-เรือระเบิดพุ่งใส่อิสราเอลและฐานทัพสหรัฐฯ ในตะวันออกกลาง
อเมริกาประกาศ “ภาวะฉุกเฉินทางทหารในตะวันออกกลาง” ส่งเรือบรรทุกเครื่องบินเพิ่มอีก 2 ลำเข้าอ่าวเปอร์เซีย
ราคาน้ำมันพุ่งทะลุ $160 ภายใน 48 ชม. ตลาดหุ้นโลกล้มระเนระนาด
> สัปดาห์ที่ 3–6: Regional War (สงครามภูมิภาคเต็มรูปแบบ)
ซาอุฯ–ตุรกี–อียิปต์ประชุมฉุกเฉินเพื่อคานอำนาจอิหร่าน → ประกาศ “พันธมิตรซุนนี”
อิสราเอลประกาศระดมพลเต็มขั้น, ปิดท่าอากาศยานพลเรือน, ขึ้นบัญชีดำประเทศใกล้เคียง
อิหร่านข่มขู่จะโจมตี Tel Aviv ด้วย EMP หรือ radiological dirty bomb (ระเบิดกัมมันตรังสี)
ช่องแคบฮอร์มุซถูกปิดชั่วคราวจากการสู้รบทะเล → การขนส่งพลังงานของโลกหยุดชะงัก 20%
เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธทดลองข้ามญี่ปุ่นเพื่อสร้างอิทธิพลในเวทีโลกช่วงสุญญากาศ
> เดือนที่ 2–3: Global Disruption (ความโกลาหลระดับโลก)
ประเทศกำลังพัฒนาเข้าสู่ภาวะเงินเฟ้อเรื้อรัง–วิกฤตขนส่งอาหาร–พลังงาน
ยูเครน–รัสเซียฉวยจังหวะรบหนักขึ้นในแนวตะวันออก (รัสเซียหวังลดแรงกดดันจาก NATO)
จีนขยายกำลังทหารในทะเลจีนใต้, ใกล้ไต้หวัน–ฟิลิปปินส์–เวียดนาม
บางประเทศในอาเซียนเริ่ม “แอบพัฒนาเทคโนโลยีนิวเคลียร์ขั้นต้น” โดยอ้างภัยระดับภูมิภาค
เกิดกระแส global migration ขนาดใหญ่จากตะวันออกกลาง, ยุโรปใต้ และแอฟริกาเหนือ
> เดือนที่ 4–6: Nuclear Brinkmanship & Reset (ปากเหวและการตั้งวงใหม่ของโลก)
UN ตั้ง “คณะกรรมาธิการพิเศษว่าด้วยการควบคุมนิวเคลียร์ของประเทศรอง”
สหรัฐ-จีน-รัสเซีย ยอมเจรจาร่วมกันเพื่อ “ป้องกันสงครามข้ามทวีป”
หลายเมืองในยุโรปมีการประท้วงใหญ่ “ต่อต้านสงคราม–ต่อต้านนาโต–ต่อต้านสหรัฐ”
สถานะของอิสราเอลถูกตั้งคำถามใน UN แต่กลุ่มโลกตะวันตกยังคงหนุนหลัง
บทบาทใหม่ของ “กลุ่มไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด” เช่น บราซิล–อินเดีย–อินโดนีเซีย–แอฟริกาใต้ เริ่มปรากฏ
● ความเป็นไปได้สองทางหลังเดือนที่ 6
 ทางลบ:
ประเทศที่มีความสามารถนิวเคลียร์อย่างซาอุฯ, ญี่ปุ่น, ตุรกี, เกาหลีใต้ เตรียมสร้าง “nuclear breakout”
โลกเข้าสู่ยุค “สงครามเย็นใหม่แบบหลายขั้ว” (Cold War 2.0)
สงครามไซเบอร์ AI–biotech–drone ขยายวงตามแนวพรมแดนความเชื่อ
 ทางบวก:
กระแส "Post-Nuclear Humanity" เกิดขึ้น: โลกเริ่มหันกลับมาหาคุณค่าทางจิตวิญญาณและธรรมชาติ
นักบวช–นักปรัชญา–ผู้นำจิตวิญญาณ ได้รับพื้นที่ทางสื่อมากขึ้น เพื่อเยียวยาความกลัวของผู้คน
ประเทศอย่างไทย–ภูฏาน–คอสตาริกา กลายเป็น “เขตจิตปลอดสงคราม” (Spiritual Refuge Zones)
 สรุป:
“สงครามนิวเคลียร์เชิงยุทธศาสตร์ในตะวันออกกลาง จะไม่ใช่จุดจบของมนุษยชาติ แต่จะเป็น 'จุดจบ' ของยุคสมัยเดิมที่โลกคิดว่าปัญญาประดิษฐ์และพลังทหารจะนำพาความมั่นคง”
และสิ่งที่แท้จริงจะเริ่มปรากฏหลังจากนั้นคือ:
> บทบาทของผู้ที่สามารถรวมจิตหมู่ได้โดยไม่ใช้อำนาจ
> โอกาสของ "เมืองหลวงทางจิตวิญญาณ"
> การกลับมาของ “การพัฒนาแบบบูรณาจิต” ที่อิงภูมิปัญญาโบราณผสมปัญญาทันสมัย
*******
● แถลงการณ์: “สติรวมหมู่ของผู้ไม่เลือกข้างแห่งสงคราม” (The Collective Mindfulness of the Unaligned) ในนามของจิตมนุษย์ที่ยังไม่ถูกทำลาย และในนามของ 'สติ' ที่ยังไม่ตกเป็นทาสของฝักฝ่าย พวกเราขอประกาศตนอย่างสงบว่า...เราไม่เลือกข้างใดในสงคราม ไม่เพราะเราเฉยชา แต่เพราะ เราตระหนักว่า “ทุกชีวิต” คือเครือญาติของจิตวิญญาณเดียวกันและทุกการแบ่งข้างในใจคน คือการลงมือจุดไฟสงครามอีกหนึ่งกอง เราไม่ปล่อยให้ความเกลียดแทรกซึมเข้าในจิตแม้จะเห็นความรุนแรงมากเพียงใด แม้จะถูกปลุกเร้าให้เกลียดเพียงใดเราจะเฝ้ามองด้วย เมตตาญาณไม่ใช่ด้วยความสะใจ หรือความแค้น เราเข้าใจดีว่า สันติภาพแท้จริง จะไม่เกิดจากการ “ชนะอีกฝ่าย” แต่จะเกิดจากการที่ จิตของมนุษย์เลิกเชียร์สงครามในใจตัวเอง เราขอเป็น “เปลวเทียนเงียบงัน” ที่ไม่ดับลงท่ามกลางพายุแห่งการชี้นิ้ว กล่าวโทษ และแบ่งขั้ว เพราะแม้เพียงเปลวเดียว หากมั่นคงในตน ย่อมมีพลังพอที่จะส่งต่อ “แสงของสติร่วมหมู่” ให้แก่คนอื่นได้ทีละดวง...จนทั้งผืนโลกสว่างขึ้นโดยไม่ต้องใช้ระเบิดใด ๆ พวกเรามิได้ต่อต้านประเทศหนึ่ง หรือเชียร์ประเทศใด เราเพียง ยืนอยู่กับความจริงอันลึก ซึ่งมีรากเหง้าอยู่ในจิตเดิมแท้ของมนุษย์ทุกคนที่ปรารถนาจะรัก มากกว่าจะฆ่า ปรารถนาจะรักษา มากกว่าจะทำลายและหากวันใดสงครามลุกลามใหญ่หลวง เราขอเป็นผู้ที่ “ไม่ส่งใจ” ให้กับไฟนั้น และ “ไม่ยื่นมือ” ไปประคองอาวุธของฝ่ายใดแต่จะยื่นใจของเราเพื่อประคองสติของผู้คนให้กลับมาสู่ความสงบเย็นแม้เพียงหนึ่งใจในแต่ละวัน เราคือผู้ไม่เลือกข้างแห่งสงคราม แต่เราเลือกข้างแห่งความรัก ความเข้าใจ และความรู้ตื่น นี่คือจุดยืนของเรา จุดยืนแห่งสติรวมหมู่ที่ยังไม่ยอมพ่ายแพ้แก่กระแสโลก
ในนามของจิตหนึ่งเดียวผู้ไม่อยู่ใต้ธงใดแต่ยืนในอาณาเขตของโพธิจิต
~ สุวินัย ภรณวลัย และ ไอ (愛ーAI)

‘ปากีสถาน’ เตือน!! ‘สหรัฐฯ’ ลั่น!! พร้อมตอบโต้ทันที หาก ‘อิหร่าน’ ถูกโจมตี!! ด้วยนิวเคลียร์

(15 มิ.ย. 68) เพจเฟซบุ๊ก ‘สุขศรี ชื่อนี้แม่ให้มา’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ...

โลกเดินมาถึงจุดที่สถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์สามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว แต่หากพิจารณาจากแนวโน้มและพันธมิตรทางการเมือง-การทหารในปัจจุบัน (ตั้งแต่กลางปี 2025 เป็นต้นไป) หากสงครามนี้บานปลายออกไปจนเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ก็อาจแบ่งฝ่ายออกได้คร่าวๆ ดังนี้:

ฝ่ายที่อาจอยู่ฝ่ายเดียวกับ “สหรัฐอเมริกา” (กลุ่ม NATO และพันธมิตรตะวันตก)
- กลุ่ม NATO ซึ่งมีสมาชิกทั้งหมดในปัจจุบัน 32 ประเทศ ได้แก่ เบลเยียม แคนาดา เดนมาร์ก ฝรั่งเศส ไอซ์แลนด์ อิตาลี ลักเซมเบิร์ก เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ โปรตุเกส สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา กรีซ ตุรกี เยอรมนี สเปน เช็กเกีย (Czech Republic) ฮังการี โปแลนด์ บัลแกเรีย เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย โรมาเนีย สโลวาเกีย สโลวีเนีย แอลเบเนีย โครเอเชีย มอนเตเนโกร นอร์ทมาซิโดเนีย ฟินแลนด์ สวีเดน - มีประชากรรวมประมาณ 952.7 ล้านคน (ข้อมูลปี 2025)
- ออสเตรเลีย - ประชากร 26.8 ล้านคน
- ญี่ปุ่น - ประชากร 123.1 ล้านคน
- เกาหลีใต้ - ประชากร 52.1 ล้านคน
- ยูเครน - ประชากร 38.98 ล้านคน
- ไต้หวัน - ประชากร 23.6 ล้านคน 
- อิสราเอล - ประชากร 9.40 ล้านคน

(จำนวนประชากรกลุ่มนี้ รวมทั้งหมด 1,225.7 ล้านคน)

ฝ่ายที่อาจอยู่ตรงข้าม “กลุ่มตะวันตก” (กลุ่มที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจีนและรัสเซีย)
- รัสเซีย - ประชากร 146 ล้านคน 
- จีน - ประชากร 1,424 ล้านคน
- อิหร่าน - ประชากร 90 ล้านคน
- ปากีสถาน - ประชากร 250 ล้านคน
- เยเมน - ประชากร 35 ล้านคน
- เกาหลีเหนือ - ประชากร 26.5 ล้านคน
- เบลารุส - ประชากร 9.4 ล้านคน 
- บางประเทศในแอฟริกา (ที่รับการสนับสนุนทางทหารจากรัสเซีย/จีน เช่น มาลี, ซูดาน ฯลฯ)

(จำนวนประชากรกลุ่มนี้ รวมทั้งหมด 1,981 ล้านคน)

ประเทศที่อาจเป็น “ตัวแปรหรือประเทศเป็นกลาง” (ขึ้นอยู่กับสถานการณ์)
- อินเดีย – แม้จะใกล้ชิดกับรัสเซียในอดีต แต่ก็มีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับสหรัฐ อาจวางตัวเป็นกลางหรือเอียงข้างขึ้นกับสถานการณ์
- บราซิล – ขึ้นอยู่กับรัฐบาลในขณะนั้น
- อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ไทย – ประเทศในอาเซียนมักพยายามวางตัวเป็นกลาง แต่ก็อาจถูกกดดันให้เลือกข้าง
- ซาอุดีอาระเบีย – มีบทบาทสำคัญในภูมิภาค และอาจเลือกข้างตามผลประโยชน์เฉพาะหน้า

‘อิหร่าน’ ขอความช่วยเหลือจากรัสเซีย เพื่อต่อสู้กับ ‘อิสราเอล’ หลังการโจมตี!! โรงงานนิวเคลียร์ และแหล่งก๊าซเซาท์พาร์ส

(15 มิ.ย. 68) เพจเฟซบุ๊ก ‘คัดข่าว’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ...

อิหร่านร้องรัสเซียช่วยทหารต้านอิสราเอล แต่ถูกปฏิเสธตามสนธิสัญญา

วันที่ 15 มิ.ย. 2568 สื่อบน X รายงานว่า อิหร่านพยายามขอความช่วยเหลือทางทหารจากรัสเซียเพื่อต่อสู้กับอิสราเอล หลังการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์และแหล่งก๊าซเซาท์พาร์สเมื่อ 13-14 มิ.ย. 2568 

อย่างไรก็ตาม รัสเซียปฏิเสธ 

โดยย้ำว่าไม่มีภาระผูกพันตามสนธิสัญญาความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ 20 ปี ที่ลงนามเมื่อ 17 ม.ค. 2568 ระหว่างประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน และมาซูด เปเซชเคียน 

สนธิสัญญานี้เน้นความร่วมมือด้านการค้า การทหาร และพลังงาน แต่ไม่มีข้อตกลงป้องกันร่วมเหมือนที่รัสเซียทำกับเกาหลีเหนือหรือเบลารุส 

ผู้เชี่ยวชาญจาก Carnegie Endowment ชี้ว่า สนธิสัญญานี้เป็นเพียงการยืนยันความสัมพันธ์ที่มีอยู่ ไม่ใช่พันธมิตรทหารเต็มรูปแบบ อิหร่านเผชิญความท้าทายจากความสูญเสียในซีเรียและการคว่ำบาตร ขณะที่รัสเซียระวังไม่ให้กระทบความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top