Friday, 9 May 2025
World

BYD จ่อผนึก DeepSeek ดึง AI ใส่รถยนต์ราคาประหยัด

(11 ก.พ. 68) หุ้นของ BYD ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของจีนพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องในวันอังคารที่ผ่านมา หลังจากที่บริษัทประกาศแผนการใช้เทคโนโลยีรถยนต์อัตโนมัติระดับสูงในหลายรุ่นของบริษัท รวมถึงรุ่นราคาประหยัดที่มีราคาต่ำกว่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ

บริษัทเผยว่าได้จับมือกับ DeepSeek สตาร์ทอัพด้าน AI เพื่อผนวกรวมซอฟต์แวร์ของพวกเขาเข้าในรถยนต์ BYD ซึ่งจะเป็นการตามรอยคู่แข่งอย่าง Geely, Great Wall Motors และ Leapmotor ในการนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาพัฒนา

BYD ซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญของ Tesla ในตลาดจีน และกำลังขยายตลาดในต่างประเทศ ได้ทำการประกาศนี้ในช่วงเย็นวันจันทร์ที่ผ่านมา ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าจะมีการเริ่มต้นสงครามราคาครั้งใหม่ในอนาคต

บริษัทจะติดตั้งระบบขับขี่อัตโนมัติ "God's Eye" ในรถยนต์อย่างน้อย 21 รุ่น รวมถึงรุ่นประหยัดอย่าง Seagull ที่มีราคาเริ่มต้นที่ 69,800 หยวน (ประมาณ 9,550 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ซึ่งระบบนี้จะมาพร้อมกับคุณสมบัติต่างๆ เช่น ระบบจอดรถระยะไกลและระบบนำทางอัตโนมัติบนทางหลวง ซึ่งก่อนหน้านี้พบในรถยนต์ระดับพรีเมียมเท่านั้น

หวางเฉวียนฝู ผู้ก่อตั้ง BYD กล่าวในงานถ่ายทอดสดว่า "เทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติไม่ใช่สิ่งที่หายากอีกต่อไป แต่มันกลายเป็นเครื่องมือที่จำเป็นในการขับขี่" เขายังทำนายว่าเทคโนโลยีนี้จะกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในรถยนต์ เช่นเดียวกับเข็มขัดนิรภัยและถุงลมนิรภัยในไม่กี่ปีข้างหน้า

การผสานรวม DeepSeek จะช่วยยกระดับเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติของ BYD และมอบประสบการณ์การขับขี่ที่มีความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น บริษัท AI ดังกล่าวได้รับความสนใจทั่วโลกเมื่อเดือนที่แล้วหลังจากเปิดตัวแชทบอทที่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งจากสหรัฐฯ ได้ในราคาที่ต่ำกว่ามาก

ราคาหุ้นของ BYD พุ่งขึ้น 4.5% ในวันอังคาร ขึ้นไปทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ตลาดฮ่องกง โดยเพิ่มขึ้นถึงเกือบ 20% ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

ตลาดรถยนต์จีนซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกกำลังเผชิญกับการแข่งขันรุนแรงในสงครามราคาระหว่างผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหลายสิบรายที่ต้องการแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาด

เมื่อปีที่แล้ว ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดในจีนสูงถึงเกือบ 11 ล้านคัน เพิ่มขึ้นกว่า 40% เมื่อเทียบกับปี 2023 โดย BYD ทำยอดขายได้ประมาณ 4.2 ล้านคัน และรายได้ประจำไตรมาสแซงหน้า Tesla เป็นครั้งแรกในไตรมาสที่สาม

ทรัมป์จ่อเลิกเอาผิดคนอเมริกันติดสินบนต่างชาติ อ้างช่วยธุรกิจอเมริกันแข่งเวทีโลก

(11 ก.พ.68) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ว่า เขามีแผนลงนามในคำสั่งบริหารที่กำหนดให้กระทรวงยุติธรรมหยุดการดำเนินคดีต่อชาวอเมริกันที่ถูกกล่าวหาว่าติดสินบนเจ้าหน้าที่ต่างชาติในการขยายธุรกิจในประเทศอื่นๆ โดยคำสั่งนี้มีจุดมุ่งหมายในการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และกำหนดให้บังคับใช้กฎหมายต่อต้านการทุจริตในต่างประเทศ (FCPA) ปี 1977 อย่างมีความสมเหตุสมผล

กฎหมาย FCPA ถือว่าเป็นการกระทำความผิดที่ร้ายแรงหากมีการติดสินบนเจ้าหน้าที่ต่างประเทศเพื่อขอรับประโยชน์ทางธุรกิจ รวมถึงการไม่มีกระบวนการบัญชีหรือระบบควบคุมภายในองค์กรที่ถูกต้อง ซึ่งถือเป็นการละเมิดทางอาญาที่สำคัญ

เอกสารที่เผยแพร่โดยสำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า คำสั่งบริหารนี้จะให้แพม บอนดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมระงับการบังคับใช้กฎหมาย FCPA จนกว่าจะมีการทบทวนกรอบคำแนะนำการบังคับใช้กฎหมายเพื่อเสริมความสามารถในการแข่งขันของอเมริกา

ทั้งนี้ คำสั่งดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายในการปกป้องบรรดาบริษัทสหรัฐฯ ที่ได้รับผลกระทบจากการบังคับใช้กฎหมาย FCPA ที่เข้มงวดเกินไป ซึ่งทำให้บริษัทเหล่านี้ไม่สามารถแข่งขันได้ในตลาดต่างประเทศอย่างเท่าเทียมกับคู่แข่งจากประเทศอื่น

คำสั่งนี้ยังอ้างถึงความสำคัญของการมีความได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ในแหล่งทรัพยากรสำคัญทั่วโลก เช่น แร่ธาตุ ท่าเรือน้ำลึก และโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ที่ช่วยเสริมความมั่นคงของสหรัฐฯ

ในปี 2024 กระทรวงยุติธรรมและสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ได้ดำเนินการบังคับใช้กฎหมาย FCPA ใน 26 คดี และมีบริษัทอย่างน้อย 31 แห่งที่อยู่ภายใต้การสืบสวนจนถึงช่วงปลายปี

อีลอน มัสก์หน้าแตก ทุ่มซื้อ ChatGPT ถูกปัดตก อัลท์แมนเจ้าของ Open AI สวนกลับ ขอซื้อทวิตเตอร์แทน

(11 ก.พ. 68) กลุ่มนักลงทุนที่นำโดยอีลอน มัสก์ได้ยื่นข้อเสนอเข้าซื้อองค์กรไม่แสวงหากำไรที่ควบคุม OpenAI ด้วยมูลค่าสูงถึง 97.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.32 ล้านล้านบาท) โดยมาร์ก โทเบอรอฟฟ์ ทนายความของมัสก์ ยืนยันว่าข้อเสนอดังกล่าวได้ถูกส่งไปยังคณะกรรมการบริหารของ OpenAI แล้ว

แหล่งข่าวระบุว่าหากการซื้อกิจการสำเร็จ ทีมของมัสก์มีแผนจะเปลี่ยนทิศทางของ OpenAI ให้กลับมาเป็นแพลตฟอร์มปัญญาประดิษฐ์แบบโอเพนซอร์สอีกครั้ง โดยเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ มัสก์ได้แสดงความคิดเห็นว่า ถึงเวลาแล้วที่ OpenAI ควรกลับไปสู่แนวทางโอเพนซอร์สที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัย

มัสก์เป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง OpenAI ร่วมกับแซม อัลท์แมน และทีมงานในปี 2015 ก่อนจะถอนตัวออกจากองค์กรในปี 2018

เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2024 ทีมกฎหมายของมัสก์ได้ยื่นคำร้องขอคำสั่งห้ามชั่วคราวเพื่อเปลี่ยนสถานะของ OpenAI จากองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร โดยมี xAI บริษัทปัญญาประดิษฐ์ของมัสก์เข้าไปมีบทบาทในการดำเนินการครั้งนี้ ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าหากข้อตกลงการซื้อกิจการเป็นผลสำเร็จ อาจมีการควบรวมระหว่าง OpenAI และ xAI

อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอดังกล่าวไม่ได้รับการตอบรับที่ดีจากแซม อัลท์แมน ซีอีโอของ OpenAI ซึ่งได้โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์ม X (Twitter) เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ว่า “เราสามารถซื้อทวิตเตอร์ในราคา 9.74 พันล้านดอลลาร์ หากคุณต้องการ” ซึ่งถูกมองว่าเป็นการตอบโต้ข้อเสนอของมัสก์อย่างมีนัยสำคัญ

ครบ 3 ปีรถไฟจีน-ลาว เชื่อมไทย-จีน ขนสินค้าดันเศรษฐกิจภูมิภาคโต สร้างการเดินทางข้ามประเทศ 1.6 ล้านครั้ง

(11 ก.พ.68) นับตั้งแต่ที่ทางรถไฟจีน-ลาวเปิดดำเนินการเมื่อกว่า 3 ปีก่อน ทางรถไฟสายนี้ไม่เพียงแต่กระชับความสัมพันธ์ระหว่างจีน-ลาว แต่ยังช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคและการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งสำหรับไทยเองแล้ว ทางรถไฟจีน-ลาวยังถือเป็นโลจิสติกส์รูปแบบใหม่สำหรับการค้ากับจีน

รายงานระบุว่าการเปิดใช้งานจุดขนถ่ายสินค้าสถานีเวียงจันทน์ใต้บนทางรถไฟจีน-ลาวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนกรกฎาคม 2022 นับเป็นก้าวสำคัญของการเชื่อมโยงระบบรางระหว่างจีน ลาว และไทย โดยตู้คอนเทนเนอร์ซึ่งบรรทุกทุเรียน ลำไย และสินค้าอื่น ๆ จากไทยถูกนำเข้าสู่จีนผ่านทางรถไฟจีน-ลาว ส่วนสินค้าส่งออกจากจีน เช่น เบียร์และยา ถูกขนส่งสู่ไทยผ่านเส้นทางสายนี้ด้วยเช่นกัน

บริษัท การรถไฟแห่งประเทศจีน สาขานครคุนหมิง จำกัด รายงานว่ามีขบวนรถไฟสินค้าที่วิ่งผ่านทางรถไฟจีน-ลาว-ไทยโดยตรง จำนวน 272 ขบวน ในปี 2024 ซึ่งขนส่งสินค้าทั้งหมด 144,900 ตัน ตัวเลขข้างต้นเพิ่มขึ้นร้อยละ 60 และร้อยละ 71.7 เมื่อเทียบปีต่อปี ตามลำดับ

นอกจากนี้ จีนและไทยได้ร่วมกันสำรวจรูปแบบการขนส่งที่ผสมผสานระหว่างทางถนนและทางราง โดยมีการขนส่งผลไม้สด ผัก และผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำแช่เย็นจากไทยทางถนนสู่นครหลวงเวียงจันทน์ ก่อนจะขนถ่ายขึ้นขบวนรถไฟด่วนจีน-ลาวเพื่อส่งตรงถึงนครคุนหมิงของจีน ซึ่งช่วยลดต้นทุนการขนส่งและรับประกันการหมุนเวียนสินค้าที่มีประสิทธิภาพ

นอกเหนือจากการค้าแล้ว ทางรถไฟจีน-ลาวยังส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนและวัฒนธรรม โดยตลอดช่วงสามปีที่ผ่านมา ปริมาณการเดินทางของผู้โดยสารต่อเดือนเพิ่มขึ้นจากกว่า 6 แสนครั้งช่วงเริ่มให้บริการ อยู่ที่มากกว่า 1.6 ล้านครั้ง ซึ่งช่วยยกระดับการเชื่อมโยงและสายสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมในภูมิภาค

เทสลาเปิดโรงงานใหม่ในเซี่ยงไฮ้ รุกอีวีเต็มสูบ กำลังผลิต 10,000 หน่วยต่อปี

(11 ก.พ. 68) เทสลา (Tesla) ผู้ผลิตรถยนต์ของสหรัฐฯ เริ่มเดินเครื่องการผลิตที่โรงงานเมกะแฟกทอรีแห่งใหม่ในนครเซี่ยงไฮ้ทางตะวันออกของจีนที่มุ่งผลิตเมกะแพ็ก (Megapack) หรือแบตเตอรี่กักเก็บพลังงาน ถือเป็นการรุกขยายการดำเนินการของบริษัทในจีนอย่างมีนัยสำคัญ

รายงานระบุว่าโรงงานแห่งนี้มีกำลังการผลิตเมกะแพ็กขั้นต้น 10,000 อันต่อปี ซึ่งเทียบเท่าการกักเก็บพลังงานราว 40 กิกะวัตต์ชั่วโมง และจะช่วยสนับสนุนเป้าหมายการกักเก็บพลังงานทั่วโลกของเทสลา โดยมีการประมาณการว่าธุรกิจการกักเก็บพลังงานในปี 2025 จะเติบโตร้อยละ 50 เมื่อเทียบปีต่อปี

สำนักงานบริหารเขตพิเศษหลินกั่งของเขตการค้าเสรีนำร่อง (เซี่ยงไฮ้) แห่งประเทศจีน ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานเทสลา ระบุว่าโรงงานแห่งใหม่ครอบคลุมพื้นที่ราว 2 แสนตารางเมตร ใช้เงินลงทุนรวมราว 1.45 พันล้านหยวน (ราว 6.76 พันล้านบาท)

ทั้งนี้ โรงงานเมกะแพ็กแห่งใหม่สามารถเดินเครื่องการผลิตจำนวนมากได้ภายในเวลาเพียง 8 เดือนหลังจากเริ่มการก่อสร้าง ซึ่งถือเป็นตัวอย่างใหม่ของ “ความเร็วแบบเทสลา” ในจีน เนื่องจากโรงงานกิกะแฟกทอรี ซึ่งเป็นโรงงานแห่งแรกของเทสลาในเซี่ยงไฮ้ ใช้เวลาก่อสร้างจนเสร็จสิ้นและเปิดทำการภายในหนึ่งปีเมื่อปี 2019

ไมค์ สไนเดอร์ รองประธานเทสลา กล่าวระหว่างพิธีเปิดโรงงานฯ ว่าเราได้เห็นความเร็วอันน่าเหลือเชื่อของเซี่ยงไฮ้และเทสลาอีกครั้ง และมั่นใจว่าโรงงานแห่งใหม่จะเป็นรากฐานสำคัญของเครือข่ายการผลิตระดับโลกของเทสลา

ทรัมป์เปิดปาก!! บอกบางส่วนของยูเครนอาจรวมกับรัสเซีย มอสโกชี้ช่องประชาชนลงประชามติหนุนเข้าร่วม

(11 ก.พ.68) โฆษกของเครมลิน ดมิทรี เปสคอฟ กล่าวเมื่อวันอังคารว่า พื้นที่ส่วนสำคัญของยูเครนต้องการที่จะเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย และเป็นข้อเท็จจริงที่ประวัติศาสตร์ได้ยืนยันแล้ว

คำพูดของโฆษกรัสเซียมีขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้กล่าวว่า ยูเครนควรรับประกันความปลอดภัยของเงินทุนจากสหรัฐฯ ที่ได้ลงทุนในประเทศนี้ เพราะบางส่วนอาจจะกลายเป็นรัสเซียในอนาคต หรืออาจจะไม่เป็นรัสเซียในวันข้างหน้าก็ย่อมได้

เรื่องดังกล่าวทางด้านโฆษกรัสเซียออกมาแถลงว่า "มันเป็นข้อเท็จจริงที่ส่วนสำคัญของยูเครนต้องการที่จะเป็นรัสเซีย และได้กลายเป็นรัสเซียแล้ว นี่คือข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจริงบนโลกนี้ ด้วยการที่มีการเข้าร่วมในสหพันธรัฐรัสเซียในสี่ภูมิภาคใหม่ ซึ่งประชาชนที่แม้จะต้องเผชิญกับอันตรายมากมายก็ยังยืนเข้าแถวและลงประชามติในการเข้าร่วมสหพันธรัฐรัสเซีย คำพูดดังกล่าวสอดคล้องกับคำพูดของประธานาธิบดีทรัมป์เป็นอย่างมาก"

เปสคอฟยังกล่าวเพิ่มเติมว่า หากมีการลงประชามติ ปรากฏการณ์ใด ๆ อาจเกิดขึ้นได้ด้วยความน่าจะเป็น 50/50

"คุณรู้ไหมว่า ปรากฏการณ์ใด ๆ เกิดขึ้นได้ด้วยความน่าจะเป็น 50% อาจเป็นใช่หรือไม่ใช่ ผมไม่สามารถบอกอะไรได้มากกว่านี้" เปสคอฟกล่าว

‘อียิปต์’ แสดงเจตนารมณ์!! นำเสนอ ฟื้นฟู ‘ฉนวนกาซา’ เพื่อให้!! ‘ชาวปาเลสไตน์’ ยังคงอยู่ในบ้านเกิดของตน

(12 ก.พ. 68) เฟซบุ๊ก ‘Jaroensook Limbanchongkit Pone’ โพสต์ข้อความระบุว่า ....

แถลงการณ์ที่เบาโหวงจาก #รัฐบาลอียิปต์ ในเรื่อง #ฉนวนกาซา 

ล่าสุด: คำชี้แจงจากกระทรวงการต่างประเทศของอียิปต์

อียิปต์แสดงเจตนารมณ์ที่จะนำเสนอวิสัยทัศน์การฟื้นฟูฉนวนกาซาเพื่อให้ชาวปาเลสไตน์ยังคงอยู่ในบ้านเกิดของตน

อียิปต์แสดงความปรารถนาที่จะร่วมมือกับรัฐบาลสหรัฐฯ นำโดยประธานาธิบดีทรัมป์ เพื่อบรรลุสันติภาพที่ครอบคลุมและยุติธรรมในภูมิภาคโดยบรรลุ
ข้อตกลงที่ยุติธรรมสำหรับชาวปาเลสไตน์ที่ยึดมั่นในสิทธิของประชาชนในภูมิภาค

ในบริบทนี้ อียิปต์ยืนยันความตั้งใจที่จะนำเสนอวิสัยทัศน์ที่ครอบคลุมสำหรับการก่อสร้างฉนวนกาซาขึ้นใหม่ในลักษณะที่จะรับรองว่าชาวปาเลสไตน์ยังคงอยู่ในบ้านเกิดของตน และสอดคล้องกับสิทธิอันชอบธรรมและถูกต้องตามกฎหมายของพวกเขา

อียิปต์เน้นย้ำว่าวิสัยทัศน์ใดๆ ที่ต้องการแก้ไขปัญหาปาเลสไตน์ จะต้องคำนึงถึงความจำเป็นในการหลีกเลี่ยงการก่อให้เกิดอันตรายต่อสันติภาพในภูมิภาค ขณะเดียวกันก็ต้องแก้ไขที่สาเหตุหลักของความขัดแย้งด้วยการยุติการยึดครองดินแดนปาเลสไตน์ของอิสราเอลและดำเนินการตามแนวทางสองรัฐซึ่งเป็นหนทางเดียวที่จะนำไปสู่เสถียรภาพและการอยู่ร่วมกันอย่างสันติระหว่างประชาชนในภูมิภาค

‘ทรัมป์’ สั่ง!! ICE ลุยกวาดล้าง ผู้อพยพผิดกฎหมาย รวบ!! เทพีทานตะวัน โจแอน หลิว ได้ที่บอสตัน

(12 ก.พ. 68) เพจเฟซบุ๊ก ‘Ethan Hunts’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ....

เมื่อหน่วยงานดูแลผู้อพยพสหรัฐ เอเคเอ ICE ลงมือกวาดล้างผู้อพยพผิดกฎหมายตามคำสั่งทรัมป์ ซึ่งเริ่มดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่สาบานตนเข้ารับตำแหน่ง

นี่คืออีกผลงานหนึ่ง เมื่อ ICE ตรวจสอบพบผู้อพยพผิดกฎหมายชื่อดัง ฉายา “เทพีทานตะวัน“ นางสาวโจแอน หลิว หรือชื่อจีน หลิวเฉียวอัน นักกิจกรรมไต้หวัน หนึ่งในผู้ปลุกระดมมวลชนต่อต้านจีน หรือ การปฏิวัติสีดอกทานตะวัน เมื่อปี 2014

เธอเข้ามาในสหรัฐตั้งแต่ปี 2019 จนวีซ่าหมด ก็ยังไม่กลับประเทศ จนมาถูกรวบตัวที่บอสตัน เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2025 ที่ผ่านมา
นางสาวโจแอน ถูกจับในข้อหาค้ายา และฉ้อโกงเพื่อหาเงินใช้ในกิจกรรมด้านการเมืองของ DPP โดยใช้นามแฝงว่า “โจโจ้” 

ย้อนไปเมื่อครั้งร่วมเคลื่อนไหวกลุ่มต่อต้านจีน นางสาวโจแอน ยังมีคดีติดตัว ในฐานะจัดหา บริการทางเพศ โดยที่ตัวเธอเองก็รับงานในตลาดบน(กลุ่มลูกค้าไฮโซ) อนึ่งผ้าโพกหัวที่เธอใช้ มีข้อความว่า “ประชาธิปไตยไม่สามารถซื้อหรือขายได้!“ (แต่การค้าบริการฯ อนุโลม?)

การประท้วงดอกทานตะวัน ในปี 2014 นั้นมีขึ้นเพื่อต่อต้านพรรค KMT ในขณะนั้นที่จะออกกฎหมายเอื้อทางเศรษฐกิจกับจีน ซึ่งว่าไปแล้วไต้หวันได้เปรียบมากมาย จากการที่การค้าส่วนใหญ่ก็ทำกับจีนอยู่แล้ว

เธอจะถูกส่งตัวกลับไต้หวัน ซึ่งอาจจะไปรับโทษต่อที่บ้านเกิด เพราะยังมีคดีเมาแล้วขับซึ่งมีผู้เสียชีวิต 2 ราย และคดีคุกคามทางเพศเยาวชน

‘BCN’ บริษัทวิจัยตลาดของญี่ปุ่น เผยข้อมูล!! แบรนด์ทีวีที่ขายดี ‘ทีวีแบรนด์จีน’ ยึดครึ่งหนึ่ง ของตลาดญี่ปุ่น ได้สำเร็จ!!

(12 ก.พ. 68) ในปีที่ผ่านมา ไฮเซนส์ (Hisense) กลายเป็นแบรนด์ทีวีที่ขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ด้วยส่วนแบ่งตลาด 41.1% โดยแบ่งเป็น REGZA ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ไฮเซนส์เข้าซื้อจากโตชิบา คิดเป็น 25.4% และทีวีภายใต้ชื่อแบรนด์ไฮเซนส์เองอีก 15.7% ส่วน TCL ครองส่วนแบ่งตลาด 9.7% แซงหน้าแบรนด์ญี่ปุ่นอย่าง โซนี่ (Sony) และพานาโซนิค (Panasonic)

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทีวีจีนได้รับความนิยมคือ คุณภาพสูงในราคาที่เข้าถึงได้ โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้ความต้องการทีวีสมาร์ทในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอย่างมาก ไฮเซนส์และ TCL ใช้กลยุทธ์ ราคาคุ้มค่า และเทคโนโลยีล้ำสมัย ดึงดูดผู้บริโภค

ยกตัวอย่างเช่น ทีวีไฮเซนส์ขนาด 55 นิ้ว ที่จำหน่ายในญี่ปุ่น มีราคาเพียงไม่ถึง 100,000 เยน (ประมาณ 23,000 บาท) ในขณะที่ทีวีขนาดเดียวกันของพานาโซนิคราคาเกือบ สองเท่า นอกจากนี้ ผู้บริโภครุ่นใหม่ในญี่ปุ่นหันมาให้ความสนใจแบรนด์จีนมากขึ้น โดยพวกเขามักศึกษาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตก่อนตัดสินใจซื้อ

"สมัยก่อน คนญี่ปุ่นจะเลือกซื้อทีวีแบรนด์ญี่ปุ่นเป็นหลัก แต่ตอนนี้แนวคิดนั้นเริ่มเปลี่ยนไป โดยเฉพาะในหมู่คนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับฟังก์ชันและราคา มากกว่าชื่อแบรนด์" พนักงานร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าในโตเกียวให้สัมภาษณ์

ในอดีต ทีวีจีนมักถูกมองว่าเป็น "ของราคาถูก คุณภาพต่ำ" แต่สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ปัจจุบันแบรนด์จีนไม่เพียงแต่ครองตลาดระดับกลางและล่าง แต่ยังเริ่มรุกตลาดทีวีระดับพรีเมียมอีกด้วย

เทรนด์ที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่น กำลังเกิดขึ้นในตลาดโลกเช่นกัน ซัมซุง และ LG ซึ่งเคยครองตลาดทีวีระดับไฮเอนด์ กำลังสูญเสียส่วนแบ่งให้ไฮเซนส์และ TCL

รายงานจาก Counterpoint Research ระบุว่า การเติบโตของแบรนด์จีนกำลัง "ทำลายการผูกขาด" ของแบรนด์เกาหลีใต้ในตลาดทีวีระดับไฮเอนด์ โดยเฉพาะในกลุ่ม OLED, QD LCD และ MiniLED LCD

ทีวีจีนไม่ได้เป็นเพียงแค่ "ทางเลือกที่ถูกกว่า" อีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม หากแนวโน้มนี้ยังดำเนินต่อไป อาจเห็นแบรนด์จีนครองตลาดโลกได้มากขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

ทรัมป์เอาคืน!! เดินหน้าฟันภาษีโต้กลับชาติที่เก็บภาษีสหรัฐฯ ลั่นอเมริกาถูกเอาเปรียบมานานแล้ว

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยเมื่อวันพุธ (12 ก.พ.68) ว่า เขามีแผนลงนามคำสั่งใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) กับประเทศที่เรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ โดยคาดว่าจะมีการดำเนินการภายในสัปดาห์นี้

"ผมอาจจะดำเนินการในวันพรุ่งนี้เช้า หรืออาจใช้เวลาพิจารณาเพิ่มเติม แต่แน่นอนว่าเราจะเดินหน้ากับมาตรการนี้" ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวในห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาว พร้อมเน้นย้ำว่า "สหรัฐฯ ถูกเอาเปรียบจากนโยบายการค้าระหว่างประเทศมานานหลายปีแล้ว"

ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ในการประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะของญี่ปุ่นเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทรัมป์ได้กล่าวถึงแนวทางการใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ โดยระบุว่าอาจมีการประกาศอย่างเป็นทางการในวันจันทร์หรืออังคาร

เมื่อวันจันทร์ (10 ก.พ.) ผู้นำสหรัฐฯ ได้สั่งปรับขึ้นอัตราภาษีสำหรับการนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจาก 10% เป็น 25% โดยให้เหตุผลว่านโยบายดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ

อย่างไรก็ตาม การดำเนินมาตรการทางภาษีของทรัมป์ได้ก่อให้เกิดความกังวลในหมู่พันธมิตรทางเศรษฐกิจและประเทศคู่ค้าของสหรัฐฯ รวมถึงภาคธุรกิจและนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ขณะเดียวกัน นักเศรษฐศาสตร์บางส่วนเตือนว่าการขึ้นภาษีอาจนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อที่รุนแรงขึ้นในสหรัฐฯ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top