Wednesday, 14 May 2025
World

เหตุเรือรบเมียนมา เหิมเกริมยิงเรือประมงไทย ชี้! อาจมีอะไรที่ผิดวิสัยมากกว่าประมงล้ำน่านน้ำ

(2 ธ.ค. 67) วิเคราะห์จากอีกด้านเหตุเรือตรวจการเมียนมายิงเรือประมงไทย

จากกรณีเกิดเหตุทหารเรือพม่าไล่ยิงเรือประมงไทยขณะเข้าไปทำการประมง จนเป็นเหตุให้ลูกเรือประมงซึ่งกระโดดหนีลงน้ำเสียชีวิต 2 ราย และถูกจับ 31 ราย ในจำนวนนั้นมีคนไทย 4 รายนั้น จน ณ ตอนนี้มีเพียงข่าวที่ออกมาว่าทางการเมียนมาพบว่าเรือดังกล่าวรุกน่านน้ำเมียนมาจึงทำการยิง  แต่จากที่เอย่าได้สอบถามกูรูทางการทหารระหว่างประเทศมาวันนี้เอย่าจะมาวิเคราะห์จากอีกมุมให้ได้รับทราบกัน

ในอดีตที่ผ่านมาประเด็นเรือประมงไทยรุกน่านน้ำเมียนมาก็เคยมีให้เห็นอยู่บ้างแม้ว่าในไทยจะน้อยลงในช่วงหลายปีที่นายกลุงตู่เข้ามาบริหารประเทศก็ตาม  แต่หากสืบค้นไปในอดีตพบว่าการทำประมงรุกน่านน้ำมีมาแต่ก่อนแล้ว แต่ในอดีตทางการเมียนมาก็จะทำการผลักดันและจับกุมกลับมาส่งไทยก็แค่นั้นไม่เคยมีการลงไม้ลงมือถึงขั้นยิงกันมาก่อน

นักวิเคราะห์แหล่งข่าวของเราเปิดเผยต่อว่า การยิงเรือประมงจะเกิดขึ้นได้ในกรณีที่เรือประมงดังกล่าวไม่ยอมเชื่อฟัง ไม่หลบหนีหรือมีพฤติกรรมต่อต้านเรือตรวจการฝั่งเมียนมา หรือไม่ก็เรือดังกล่าวอาจจะมีความน่าสงสัย เช่น การขัดขืนการจับกุมของทางการเมียนมาหรือตรวจพบบางสิ่งผิดปกติ อาทิ การส่งมอบอาวุธหรือสิ่งอื่น ๆ ผิดกฎหมาย ซึ่งนั่นก็อาจจะเป็นสาเหตุที่ฝั่งเมียนมาเลือกที่จะยิงเรือประมงของไทยก็เป็นได้

แม้ตอนนี้เหตุการณ์บนหน้าสื่อจะออกมาเพียงแค่ว่าเรือประมงไทยรุกน่านน้ำเมียนมาก็ตาม  แต่ล่าสุดมีรายงานออกมาจากแหล่งข่าวฝั่งเมียนมาว่า  ทางกองทัพเมียนมาได้ข่าวมีการขนส่งสินค้าผิดกฎหมายบริเวณชายขอบทะเลระหว่างไทยเมียนมา  ดังนั้นกองทัพเรือเมียนมาจึงลาดตระเวนในบริเวณน่านน้ำที่ได้ข่าวมา ซึ่งประจวบเหมาะกับที่ไปพบกับเรือประมงไทยที่รุกน่านน้ำ จำนวน 15 ลำ เมื่อกองทัพเรือเมียนมากำลังเข้าจับกุม มีเรือขัดขืนและยิงต่อสู้ ทำให้กองทัพเมียนมาต้องยิงปะทะจนเกิดเหตุดังกล่าว

เอย่ามองว่าในสถานการณ์เช่นนี้เราไม่ควรตกเป็นเครื่องมือของคนที่ยั่วยุให้หวังเกิดปัญหาระหว่างชายแดน  เราควรจะหาสาเหตุกีอนว่าเกิดอะไรขึ้นมิใช่ด่วนตัดสินว่าฝั่งที่เป็นคนของเราทพำถูกเสมอและอีกฝ่ายทำผิดเสมอ  เพราะอย่าลืมว่าไม่มีใครอยากรับบทตัวร้ายถ้าไม่จำเป็น

บุกซื้อกิจการ-ลงทุน เวียดนามต่อเนื่อง 10 เดือนแรกปีนี้ ทุ่มแล้วกว่า 4,800 ล้านบาท

(2 ธ.ค. 67) สำนักข่าวบีบีซีภาคภาษาเวียดนาม รายงานว่าบรรดานักวิเคราะห์บางส่วนกำลังติดตามความเคลื่อนไหวของบรรดามหาเศรษฐีนักลงทุนจากไทยอย่างใกล้ชิด เนื่องจากพบว่าตลอดช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีบริษัทกลุ่มทุนใหญ่จากไทยหลายรายแห่เข้าไปลงทุนในเวียดนามอย่างต่อเนื่อง

บีบีซีระบุว่า ช่วงเดือนกันยายน 2024 รัฐบาลเวียดนามและไทยประกาศแผนปฏิบัติการภายใต้ความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ที่เข้มแข็ง เพื่อผลักดันมูลค่าการค้าทวิภาคีให้ถึง 25,000 ล้านดอลลาร์  ข้อมูลจากกระทรวงแผนและการลงทุนเวียดนามเผยว่า ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2024 มีนักลงทุนไทยลงทุนในเวียดนามกว่า 141.42 ล้านดอลลาร์ (ราว 4,800 ล้านบาท) ทำให้ไทยอยู่อันดับที่ 15 จาก 106 ประเทศที่นิยมลงทุนในเวียดนาม  

เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2024 ที่ผ่านมา บริษัท WHA ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์และพัฒนานิคมอุตสาหกรรม ได้รับอนุมัติจากรัฐบาลเวียดนามให้ลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดทัญฮว้า ด้วยเงินทุน 55 ล้านดอลลาร์ ขณะเดียวกัน บริษัททานตะวันอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) ลงนามสัญญาเช่าโรงงานในเตยนินห์เป็นเวลา 30 ปี  

ตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เวียดนามรับเม็ดเงินลงทุนมหาศาลจากกลุ่มทุนไทยที่มักใช้กลยุทธ์เข้าซื้อกิจการในเวียดนามเพื่อทำกำไรอย่างต่อเนื่อง เช่น ช่น บริษัท SCBX เข้าซื้อ Home Credit Vietnam ในราคา 860 ล้านดอลลาร์ และ SCG ลงทุนในโครงการปิโตรเคมี Long Son มูลค่า 5.4 พันล้านดอลลาร์  ทั้งยังถือหุ้นอีก 55% ในบริษัท Binh Minh Plastic หนึ่งในผู้ผลิตและส่งออกพลาสติกรายใหญ่ของเวียดนาม

ขณะที่ภาคธุรกิจอาหารและค้าปลีก ในปี 2015 กลุ่ม  Central Group ขยายการลงทุนในเวียดนามกว่า 1.45 พันล้านดอลลาร์ และดำเนินธุรกิจค้าปลีกในห้างสรรพสินค้าและห้างค้าปลีก 41 แห่งทั่วเวียดนาม เช่น Big C และ อีคอมเมิร์ซ Nguyễn Kim และในปีเดียวกันนี้กลุ่มเซ็นทรัลยังประสบความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการบิ๊กซีเวียดนามจากกลุ่มคาสิโน (ฝรั่งเศส) ด้วยมูลค่าข้อตกลงมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ในปี 2017 กลุ่มไทยเบฟเวอเรจของมหาเศรษฐีเจริญ สิริวัฒนภักดีใช้เงินเกือบ 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อซื้อบริษัท Saigon Beer Alcohol Beverage Corporation (Sabeco) โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นประมาณ 54% เช่นเดียวกับบริษัทในเครือสองแห่งของ Fraser & Neave Ltd. (F&N) ในเครือของเจ้าสัวเจริญ  ปัจจุบันถือหุ้นมากกว่า 20% ใน Vinamilk ผู้ผลิตนมสัญชาติเวียดนาม 

เช่นเดียวกับกลุ่ม TCC Group ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ของไทยที่ดำเนินงานในภาคการค้าปลีก ในปี 2016 ได้ทุ่มเงิน 655 ล้านยูโรเพื่อซื้อกิจการค้าส่ง Metro Cash & Carry Vietnam ที่ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น MM Mega Market ขณะที่บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส แห่งประเทศไทย ถือหุ้นประมาณ 98% ใน Ngoc Nghia Plastic

ความเคลื่อนไหวดังกล่าว ส่งผลให้บรรดานักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า การเข้าซื้อกิจการของกลุ่มบริษัทไทยในภาคการผลิตและการค้าส่งของเวียดนาม อาจทำให้บริษัทเวียดนามเสียเปรียบในตลาด อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายมองว่านี่เป็นแนวโน้มปกติของโลกธุรกิจที่บริษัทเวียดนามต้องพัฒนาตัวเองเพื่อแข่งขันต่อไป  อีกทั้งมีความเห็นในแนวโน้มที่ว่า การเข้ามาของทุนใหญ่ไทยเป็นสถานการณ์ทางธุรกิจแบบ "ปลาใหญ่กินปลาเล็ก" ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ตามโลกทุนยิม ซึ่งบริษัทท้องถิ่นในเวียดนามมีทางเลือกไม่มากนอกจากต้องหาทางดิ้นรนด้วยตนเองในแบบเท่าที่จะทำได้

เซเลนสกี ส่งสัญญาณยอมรัสเซีย ยึดดินแดนบางส่วนแลกจบสงคราม

(3 ธ.ค. 67) โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน แสดงความประสงค์ที่จะยุติสงครามกับรัสเซียในเร็ววัน พร้อมระบุว่ายูเครนอาจสามารถฟื้นกรรมสิทธิ์เหนือดินแดนที่ถูกรัสเซียยึดครองได้ผ่านการเจรจาทางการทูต หากได้รับการยืนยันสถานะสมาชิกในองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต)

ถ้อยแถลงดังกล่าวสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงจุดยืนของเซเลนสกี ซึ่งก่อนหน้านี้ยืนกรานว่าสงครามจะยุติลงได้ก็ต่อเมื่อรัสเซียคืนดินแดนทั้งหมดที่ยึดครองจากยูเครน  

ในการให้สัมภาษณ์กับ **สกายนิวส์** ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน เซเลนสกีระบุว่าความขัดแย้งสามารถยุติได้ หากนาโตให้คำมั่นในการค้ำประกันความมั่นคงของยูเครนในดินแดนที่ยังอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลยูเครนในปัจจุบัน  

เซเลนสกีย้ำว่าข้อตกลงหยุดยิงใดๆ จะต้องมีการรับประกันว่ารัสเซียจะไม่กลับมายึดครองดินแดนยูเครนเพิ่มเติม หลังจากที่รัสเซียได้ครอบครองดินแดนยูเครนไปแล้วราว 20% โดยเฉพาะการผนวก คาบสมุทรไครเมีย ในปี 2014 รวมถึง แคว้นโดเนตสก์ ลูฮันสก์ เคอร์ซอน และ ซาปอริซเซีย ในปี 2022  

ถ้อยแถลงของเซเลนสกีสะท้อนถึงความพยายามในการหาทางออกทางการทูตท่ามกลางความขัดแย้งที่ยืดเยื้อ ขณะที่นาโตยังคงมีบทบาทสำคัญในสมรภูมิทางการเมืองระหว่างยูเครนและรัสเซีย

CEO ยูนิโคล่หลุดยอมรับ "ไม่ใช้ฝ้ายซินเจียง" ชาวเน็ตแผ่นดินใหญ่เดือดแห่ไม่ซื้อสินค้า

(3 ธ.ค. 67) ผ้าฝ้ายซินเจียง ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผ้าที่ดีที่สุดของโลก กลับกลายเป็นประเด็นอ่อนไหวที่สร้างแรงกดดันให้กับแบรนด์แฟชั่นระดับโลก โดยเฉพาะจากตะวันตก หลังจากมีข้อกล่าวหาว่ารัฐบาลจีนใช้แรงงานบังคับชาวอุยกูร์ในการผลิตผ้า  

ล่าสุด ยูนิโคล่ (Uniqlo) แบรนด์ฟาสต์แฟชั่นรายใหญ่ของโลกจากญี่ปุ่น กำลังเผชิญกระแสความไม่พอใจจากลูกค้าชาวจีน หลังจาก ทาดาชิ ยาไน (Tadashi Yanai) ซีอีโอของ Fast Retailing บริษัทแม่ของยูนิโคล่ ให้สัมภาษณ์กับ BBC โดยระบุว่าบริษัทไม่ได้ใช้ผ้าฝ้ายซินเจียง แต่กลับหลีกเลี่ยงที่จะยืนยันหรือปฏิเสธชัดเจนว่าผ้าฝ้ายซินเจียงถูกใช้ในผลิตภัณฑ์ของยูนิโคล่หรือไม่ พร้อมทั้งย้ำว่าต้องการรักษาจุดยืนเป็นกลางระหว่างจีนและสหรัฐฯ  

คำให้สัมภาษณ์ดังกล่าวกลายเป็นไวรัลบน Weibo โซเชียลมีเดียยอดนิยมในจีน ทำให้ผู้ใช้งานจำนวนมากออกมาประณาม พร้อมประกาศว่าจะไม่สนับสนุนสินค้าของยูนิโคล่  

แม้ยูนิโคล่จะเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดยุโรปและสหรัฐฯ แต่ซีอีโอก็ยอมรับว่า “ยูนิโคล่ไม่ใช่แบรนด์ที่เป็นที่รู้จักทั่วโลก” โดยเอเชียยังคงเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด โดยเฉพาะจีน ซึ่งถือเป็นตลาดต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดของ Fast Retailing รวมกับไต้หวันและฮ่องกง มีสัดส่วนรายได้ถึง 20% ปัจจุบันยูนิโคล่มีสาขาในจีนแผ่นดินใหญ่ประมาณ 900-1,000 แห่ง และซีอีโอเชื่อว่าจีนยังมีศักยภาพในการขยายสาขาได้ถึง 3,000 แห่ง นอกจากนี้ จีนยังเป็นศูนย์กลางการผลิตสำคัญของบริษัทอีกด้วย

ประเด็นนี้กลายเป็นข้อพิพาทระหว่างจีนและสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2022 หลังจากสหรัฐฯ ออกมาตรการแบนการใช้ผ้าฝ้ายซินเจียงเนื่องจากข้อสงสัยเรื่องการใช้แรงงานบังคับ ส่งผลให้แบรนด์แฟชั่นหลายแบรนด์ เช่น H&M หยุดใช้ผ้าฝ้ายซินเจียง จนถูกผู้บริโภคชาวจีนแบน ร้านค้าในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใหญ่ถูกถอด และบางสาขาถูกสั่งปิดไม่มีกำหนด  

ในขณะเดียวกัน ยูนิโคล่ยังต้องเผชิญการแข่งขันสูงในตลาดฟาสต์แฟชั่นจากแบรนด์จีนอย่าง Shein และ Temu ที่เน้นการขายสินค้าราคาถูก ซึ่งส่งผลให้ความท้าทายของยูนิโคล่ในตลาดจีนยิ่งเพิ่มขึ้น

ไบเดนเล็งเพิ่มคว่ำบาตรรัสเซีย มุ่งตัดช่องการเงินทำสงครามยูเครน

(3 ธ.ค.67) ทำเนียบขาวเผยว่าสหรัฐฯ เตรียมประกาศคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติม โดยเน้นโจมตีภาคการเงินของมอสโก ก่อนที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ

นายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ ระบุในแถลงการณ์ว่า “สหรัฐฯ ได้เตรียมดำเนินมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหญ่กับภาคการเงินของรัสเซียแล้ว เพื่อทำลายศักยภาพในการสนับสนุนกลไกสงครามของประเทศ และยังมีแผนดำเนินการเพิ่มเติมในอนาคตอันใกล้นี้”

อย่างไรก็ตาม นายซัลลิแวน ไม่ได้ระบุว่าจะดำเนินการอย่างไรเพื่อมุ่งเป้าตัดช่องทางการเงินของรัฐบาลมอสโกตามแถลง

การประกาศครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งความพยายามของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการกดดันมอสโกให้ยุติการสนับสนุนสงคราม ในห้วงเวลาอีกราวหนึ่งเดือนสุดท้ายก่อนประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะหมดวาระลง

ทรัมป์แนะทรูโด จบปัญหากำแพงภาษี ด้วยการรวมชาติเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ

(3 ธ.ค. 67) เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ได้เดินทางไปยังมาร์อาลาโก้ สถานที่ตากอากาศของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในรัฐฟลอริด้า โดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้าเพื่อหารือเป็นการส่วนตัว

การเยือนครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่ก่อนหน้านั้น โดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาขู่ว่าแคนาดาอาจจะโดนกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก 25% เมื่อกลับเข้าสู่ทำเนียบขาว เพื่อบีบบังคับให้เร่งจัดการกับปัญหายาเสพติดและผู้อพยพที่เข้ามาในสหรัฐ โดยเรื่องนี้ส่งผลให้เกิดความกังวลว่าสงครามการค้าในภูมิภาคอาจจะเกิดขึ้น นายกทรูโดจึงรีบรุดหารือเป็นการส่วนตัวกับทรัมป์

ในระหว่างการหารือมื้อค่ำของสองผู้นำ นายกแคนาดาได้รับปากว่าจะแก้ปัญเรื่องภาษีศุลกากรแต่ก็อาจมีข้อจำกัดบางประการในประเด็นที่รัฐบาลท้องถิ่นในบางแคว้นของแคนาดาที่มีอาณาเขตติดกับพรมแดนสหรัฐฯ สามารถกำหนดอัตราภาษีศุลกากรได้ด้วยตนเอง 

ทรูโดกล่าวกับทรัมป์ว่า เขาไม่สามารถเรียกเก็บภาษีนำเข้าได้เพราะจะทำลายเศรษฐกิจของแคนาดาอย่างสิ้นเชิง อีกทั้งเป็นสิทธิ์ของรัฐบาลแคว้นท้องถิ่น ซึ่งทรัมป์ตอบเชิงติดตลกว่า 

"ถ้าแคนาดาไม่สามารถจัดการปัญหาภาษีศุลกากรได้ ประเทศคุณก็คงไม่สามารถเลี่ยงกำแพงภาษีสหรัฐได้ เว้นเสียแต่บางแคว้นของแคนาดาจะเข้าร่วมเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ" อย่างไรก็ตาม สื่อสหรัฐรายงานผลการหารือในมื้อค่ำเป็นเวลา 3 ชั่วโมงของสองผู้นำเป็นไปอย่างราบรื่น

จีนปูพื้นฐานด้านปัญญาประดิษฐ์ในชั้นเรียน เปิดสอนในหลักสูตรตั้งแต่ชั้นประถม-มัธยมต้น

(3 ธ.ค.67) กระทรวงศึกษาธิการของจีนเปิดเผยแผนยกระดับการศึกษาด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) สำหรับเด็กรุ่นใหม่ เพื่อเตรียมความพร้อมในการก้าวเข้าสู่ยุคเทคโนโลยีเกิดใหม่

กระทรวงฯ เรียกร้องความพยายามสำรวจแนวทางการศึกษาด้านปัญญาประดิษฐ์ในโรงเรียนประถมและมัธยม พร้อมเน้นย้ำความจำเป็นในการบ่มเพาะความคิดสร้างสรรค์ ความสนใจวิทยาศาสตร์ และทักษะดิจิทัลในเด็กนักเรียน

โรงเรียนควรจัดหลักสูตรที่เกี่ยวข้อง ผนวกปัญญาประดิษฐ์เข้าสู่เนื้อหาการเรียนการสอนทั่วไป และประเมินผลอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเด็กนักเรียนได้รับประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนชั้นประถม

ครั้นเลื่อนชั้นสู่ประถมปลายและมัธยมต้น เด็กนักเรียนควรมุ่งเน้นทำความเข้าใจและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ ก่อนจะมีส่วนร่วมสร้างสรรค์โครงการปัญญาประดิษฐ์และสำรวจการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ที่ล้ำสมัยในชั้นมัธยมปลาย

แผนริเริ่มนี้มุ่งรวบรวมทรัพยากรที่มีคุณภาพและเพิ่มขีดความสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มการศึกษาอัจฉริยะระดับชาติ ซึ่งจะเพิ่มหมวดหมู่ปัญญาประดิษฐ์ในอนาคตอันใกล้

นอกจากนั้นกระทรวงฯ กระตุ้นวิทยาลัย มหาวิทยาลัย สถาบันวิจัย และบริษัทเทคโนโลยีขั้นสูง เปิดห้องปฏิบัติการปัญญาประดิษฐ์และโถงนิทรรศการให้นักเรียนประถมและมัธยมเข้าถึงด้วย

หวยจิ้นเผิง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ เปรียบเปรยปัญญาประดิษฐ์เป็น 'กุญแจทอง' สำหรับระบบการศึกษา และตอกย้ำศักยภาพของปัญญาประดิษฐ์ในการกำหนดทิศทางอนาคตของการศึกษา พร้อมกับคว้าโอกาสและรับมือความท้าทาย

ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2024 จีนคัดเลือกโรงเรียน 184 แห่ง เป็นฐานนำร่องการสำรวจปรัชญา ต้นแบบ และโครงการการศึกษาด้านปัญญาประดิษฐ์ โดยมีเป้าหมายพัฒนากรณีตัวอย่างและประสบการณ์ที่สามารถต่อยอด ซึ่งจีนจะเพิ่มฐานนำร่องดังกล่าวในอนาคต

เมียนมาย้ำลูกเรือประมงปลอดภัยดี แต่ยังไม่ระบุวันปล่อยตัว

กองทัพเมียนมาออกแถลงการณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์ยิงเรือประมงไทยในทะเลอันดามันเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยอ้างว่าการกระทำดังกล่าว 'เป็นไปตามกฎและระเบียบ' เนื่องจากเรือประมงไทยได้ล่วงล้ำน่านน้ำอาณาเขตของเมียนมา

เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน เวลา 02.40 น. บริเวณนอกชายฝั่งเกาะพยาม จังหวัดระนอง ประมาณ 12 ไมล์ทะเล (ราว 22 กิโลเมตร) เมื่อเรือรบหลายลำของกองทัพเรือเมียนมาโจมตีเรือประมงไทยจำนวน 15 ลำ  

พล.ต.ซอ มิน ตุน โฆษกรัฐบาลทหารเมียนมา เปิดเผยว่า เรือรบของเมียนมาตรวจพบ 'กิจกรรมที่น่าสงสัย' นอกชายฝั่งเกาะสองผ่านเรดาร์ ก่อนระบุว่าเป็นเรือประมงอวนลาก เมียนมาได้ส่งสัญญาณให้เรือหยุดเพื่อตรวจสอบ แต่เรือดังกล่าวกลับหลบหนี ส่งผลให้กองทัพต้องดำเนินการไล่ตามและควบคุมตัว  

“เราปฏิบัติตามกฎระเบียบในการจัดการกับเรือประมงที่ล่วงล้ำน่านน้ำเมียนมา” ซอ มิน ตุน กล่าว พร้อมอ้างว่าได้ตรวจพบ 'วัตถุที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มต่อต้าน' บนเรืออวนลาก แม้ว่าวัตถุดังกล่าวจะไม่ใช่อาวุธร้ายแรงถึงชีวิต  

ซอ มิน ตุน ระบุว่า ขณะนี้กำลังดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมในเรื่องดังกล่าว และได้แจ้งข้อมูลต่อเจ้าหน้าที่ไทยแล้ว เขายืนยันว่าผู้ถูกควบคุมตัวซึ่งเป็นชาวไทยและชาวเมียนมา อยู่ใน 'สภาพดี'  

อย่างไรก็ตาม ซอ มิน ตุน ไม่ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเงื่อนไขและเวลาปล่อยตัวลูกเรือไทย แต่ย้ำว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและเมียนมาในระดับรัฐบาลและกองทัพยังคงดี และมีความพร้อมในการร่วมมือแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

Starbucks เปิดสาขาใหม่บน DMZ จิบกาแฟชมวิวโสมเหนือ จากฝั่งเกาหลีใต้

(3 ธ.ค. 67) Starbucks ได้เปิดร้านกาแฟแห่งใหม่บนหอสังเกตการณ์ในเขตปลอดทหาร (DMZ) ฝั่งเกาหลีใต้ ตั้งอยู่ที่ Aegibong Peace Ecopark ในเมืองกิมโป ห่างจากกรุงโซลประมาณ 20 ไมล์ โดยร้านขนาด 30 ที่นั่งนี้ จะมอบประสบการณ์พิเศษให้ลูกค้าได้จิบกาแฟพร้อมชมวิวข้ามแม่น้ำโจ (Jo River) ไปยังฝั่งเกาหลีเหนือ ท่ามความตึงเครียดระหว่างสองเกาหลี  

สาขาเปิดใหม่ในจุดที่มีความเสี่ยงเช่นนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีใต้และเกาหลีเหนือเผชิญแรงกดดันเพิ่มขึ้น ซึ่งล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคม 2024 ผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จอง อึน ขู่ว่าจะใช้อาวุธนิวเคลียร์หากถูกโจมตี หลังประธานาธิบดีเกาหลีใต้เตือนว่าการใช้กำลังจะนำไปสู่ "จุดจบของระบอบการปกครองฝั่งเหนือ"  

แม้จะตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ถือว่าอันตรายที่สุดแห่งหนึ่งในโลก แต่ Starbucks สาขาใหม่นี้กลับได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม นับตั้งแต่เปิดสาขาเมื่อ 29 พฤศจิกายน 2024 ที่ผ่านมา โดยลูกค้าสามารถเพลิดเพลินกับกาแฟ พร้อมชมวิวฟาร์มและอาคารเตี้ย ๆ ในเมืองแกปง (Kaepung) ของฝั่งเกาหลีเหนือ โดยในวันที่อากาศดี ลูกค้าที่มีกล้องส่องทางไกลหรือสมาร์ทโฟนอาจสามารถซูมได้เห็นชีวิตของชาวเกาหลีเหนือที่อาศัยในบริเวณดังกล่าว

ลิม จอง-ชุล (Lim Jong-chul) ชายวัย 80 ปี ผู้เคยเข้าร่วมสงครามเวียดนามและเป็นหนึ่งในลูกค้าร้านนี้กล่าวว่า "ความเคร่งเครียดของพื้นที่ทำให้รู้สึกกดดัน แต่การมี Starbucks อยู่ที่นี่ช่วยสร้างบรรยากาศที่สงบและอบอุ่นขึ้น"  

เมืองกิมโปได้ใช้ความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของ DMZ เพื่อพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยนายกเทศมนตรีเมืองกิมโป คิม บยอง-ซู ระบุว่า สถานที่นี้มีความเอกลักษณ์พิเศษ และสะท้อนถึงประวัติศาสตร์ของวัฒนธรรมเกาหลีอย่างแท้จริง  

องค์การการท่องเที่ยวเกาหลี ยังกล่าวว่าการเปิด Starbucks ในพื้นที่ดังกล่าว มีส่วนช่วยให้เพิ่มตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เยี่ยมชมเขต DMZ ซึ่งดึงดูดผู้คนจำนวนมากในแต่ละปี  

ทั้งนี้ บริษัททัวร์สองแห่งที่รับหน้าที่พาทัวร์เกาหลีเหนือ เปิดเผยว่า ในเร็วๆนี้ เกาหลีเหนืออาจกำลังเตรียมกลับมาเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวอีกครั้งช่วงสิ้นปี 2024 หลังปิดพรมแดนมานานกว่า 5 ปีตั้งแต่โควิดระบาด

สรุปเหตุการณ์ 'ยุนซอกยอล' ชิงประกาศกฎอัยการศึก แต่สภาปัดตกโหวตคว่ำ จบ 3 ชั่วโมงแห่งวิกฤตการเมืองโสมใต้

(4 ธ.ค. 67) เปิดไทม์ไลน์ประธานาธิบดียุนซอกยอลประกาศกฎอัยการศึก โกลาหลทั้งเกาหลีใต้ สุดท้ายสภาโหวตเอกฉันท์เป็นโมฆะ จับตาอนาคตผู้นำเกาหลีถูกถอดถอน 

ช่วงคืนวันที่ 3 ธ.ค.67 เกาหลีใต้เผชิญความสั่นคลอนทางการเมืองที่ตึงเครียดที่สุดในรอบหลายสิบปี เมื่อประธานาธิบดียุนซอกยอล ประกาศกฎอัยการศึกฉุกเฉิน โดยอ้างว่ามี "กองกำลังต่อต้านรัฐที่ได้รับการสนับสนุนโดยเกาหลีเหนือ" ที่วางแผนก่อกบฏ เหตุการณ์นี้สร้างความตึงเครียดอย่างหนักทั่วประเทศ ก่อนที่สมาชิกรัฐสภาจะลงมติยกเลิกกฎอัยการศึกภายในเวลาเพียง 157 นาที

เวลา 22:23 น. ประธานาธิบดียุนแถลงผ่านโทรทัศน์ถึงการประกาศกฎอัยการศึกฉบับที่ 1 โดยให้เหตุผลอ้างว่าจำเป็นเพื่อปกป้องประชาธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนจากการโค่นล้มระบบรัฐบาล ข้อบังคับกฎอัยการจะสั่งระงับกิจกรรมทางการเมืองทุกประเภท ควบคุมสื่ออย่างเข้มงวด และกำหนดให้บุคลากรทางการแพทย์กลับมาปฏิบัติหน้าที่  

คำสั่งนี้สร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง โดยฝ่ายค้านนำโดยนายอี แจ-มยอง ประกาศประชุมฉุกเฉินเพื่อเพิกถอนคำสั่ง ขณะที่นายฮัน ดง-ฮุน หัวหน้าพรรคฝ่ายรัฐบาลเองก็ออกมาต่อต้านคำสั่งดังกล่าวด้วยเช่นกัน

เวลา 23:00 น. หลังกฎอัยการศึกเริ่มมีผลบังคับใช้ กองกำลังติดอาวุธเข้าควบคุมอาคารรัฐสภา สร้างความตึงเครียดสูงสุด สมาชิกรัฐสภาจำนวนมากพยายามฝ่าด่านเจ้าหน้าที่เพื่อเข้าสู่อาคาร ท่ามกลางประชาชนชาวเกาหลีใต้กลุ่มใหญ่ออกมาชุมนุมหน้ารัฐสภาเพื่อปิดกั้นทหารและพยายามเปิดทางให้สมาชิกรัฐสภาเข้าไปภายใน

เวลา 24:00 น. การประชุมรัฐสภาเริ่มต้นขึ้นอย่างทุลักทุเล เมื่อสมาชิกเกิน 150 คน เข้าร่วมครบองค์ประชุม ท่ามกลางแรงกดดันจากกองกำลังทหารที่พยายามปิดกั้นการประชุม  

เวลา 01:01 น. ญัตติการยกเลิกกฎอัยการศึกถูกเสนอ ทั้งพรรคฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลต่างลงเสียงเป็นเอกฉันท์ ในเวลา 01:04 น. กองกำลังติดอาวุธจึงเริ่มถอนตัวออกจากอาคารรัฐสภา แม้ว่ากองทัพจะยืนยันว่ากฎอัยการศึกยังมีผลอยู่ ขณะที่ประชาชนยังคงชุมนุมอยู่บริเวณด้านนอก เช่นเดียวกับสมาชิกรัฐสภาที่เข้าประชุมอยู่ภายในตลอดทั้งคืน จนกระทั่งเวลา 04:26 น. ประธานาธิบดียุนแถลงผ่านโทรทัศน์ ยอมรับมติรัฐสภาและสัญญาจะประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อยกเลิกอย่างเป็นทางการ  

ต้นสายปลายเหตุของวิกฤตการเมืองครั้งนี้ต้องย้อนไปเมื่อ 11 เมษายน 67 ผลการเลือกตั้งในเกาหลีใต้กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับรัฐบาลของ ประธานาธิบดียุน ซอคยอล โดยพรรคฝ่ายค้าน พรรคประชาธิปไตย (DP) และพรรคพันธมิตร สามารถคว้าชัยชนะได้ 175 ที่นั่งในสภา เพิ่มขึ้นจากเดิม 169 ที่นั่ง ในขณะที่พรรครัฐบาล พรรคพลังประชาชน (PPP) และพันธมิตร ได้เพียง 108 ที่นั่ง ลดลงจากเดิม 131 ที่นั่ง จากจำนวนที่นั่งทั้งหมด 300 ที่นั่ง

ความไม่พอใจของประชาชน ต่อการบริหารงานของรัฐบาลยุนสะท้อนออกมาอย่างชัดเจนผ่านผลการเลือกตั้งครั้งนี้ ส่งผลให้รัฐบาลกลายเป็น "รัฐบาลเสียงข้างน้อย" หรือที่หลายคนเรียกว่า "ยุนเป็ดง่อย" เพราะขาดเสียงสนับสนุนในสภา ในขณะที่รัฐบาลยุนเพิ่งครองอำนาจมาได้เพียง 1 ปีเศษ กว่าจะหมดว่าระในปี 2570 ทำให้รัฐบาลยุนแทบไม่สามารถขยับตัวทำอะไรได้มากนัก

เมื่อพรรคประชาธิปไตย (DP) และพรรคพันธมิตรสามารถครองเสียงข้างมากในสภาได้ ส่งผลให้เกิดการคว่ำร่างงบประมาณประจำปี ซึ่งตามธรรมเนียมการเมืองของโสมขาว อาจนำไปสู่การยุบสภาหรือการลาออกของประธานาธิบดี อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดียุนกลับเลือกใช้วิธีการที่สร้างความตกตะลึง โดยประกาศกฎอัยการศึกและกล่าวหาว่าฝ่ายค้านมีความเชื่อมโยงกับเกาหลีเหนือ

ไม่เพียงแค่นั้น รัฐบาลของยุนยังต้องเผชิญกับแรงกดดันทั้งจากการบริหารประเทศที่ไร้เสถียรภาพและปัญหาด้านภาพลักษณ์ โดยเฉพาะกรณี ภรรยาของประธานาธิบดี ที่ถูกตั้งข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการปั่นหุ้นและการรับของขวัญเกินมูลค่าที่กฎหมายกำหนด

เหตุการณ์ในคืนวันที่ 3 ธ.ค. ครั้งนี้ทำให้หลายฝ่ายวิจารณ์การบริหารงานของประธานาธิบดียุนว่าอ่อนแอและไร้ประสิทธิภาพ ตั้งแต่เขาเผชิญเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากการบริหารประเทศไม่เป็นไปตามคาด และการสูญเสียเสียงข้างมากในรัฐสภาหลังพรรคฝ่ายค้านชนะเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่ายุนใช้กฎอัยการศึกเพื่อแก้ปัญหาการเมืองที่ตึงเครียดจากการถูกคัดค้านในรัฐสภา แต่กลับสร้างแรงต้านมหาศาลทั้งในประเทศและจากนักการเมืองพรรคของเขาเอง  

คาดหมายกันว่าภายในไม่เกิน 2 วันข้างหน้าประธานาธิบดียุนอาจถูกรัฐสภายืนถอดถอนออกจากตำแหน่งก็เป็นได้ เกมการเมืองเกาหลีมีท่าว่าจะได้เปลี่ยนตัวประธานาธิบดีใหม่ในเร็วๆนี้ 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top