Wednesday, 14 May 2025
World

ไบเดนเหลือเงินอัดฉีดยูเครนกว่า 6.5 พันล้านดอลลาร์ หลังทิ้งทวนรีบแจกอาวุธให้เซเลนสกีไม่อั้น

(29 พ.ย.67) ประธานาธิบดีโจ ไบเดนในช่วงเดือนสุดท้ายของการดำรงตำแหน่งกำลังเร่งอัดฉีดทั้งเงินและอาวุธให้กับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการรับมือกับสงครามจากรัสเซีย เนื่องจากโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีจุดยืนไม่สนับสนุนการให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครน

ล่าสุด ไบเดนได้อนุมัติงบประมาณและอาวุธมูลค่า 725 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 24,934 ล้านบาท) ให้กับยูเครน เพื่อช่วยให้สามารถสู้ศึกรัสเซียได้ก่อนที่วาระการดำรงตำแหน่งของเขาจะสิ้นสุดในเดือนมกราคมนี้ การช่วยเหลือดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในหลายครั้งที่ไบเดนเร่งมอบให้ยูเครนในช่วงที่ผ่านมานับตั้งแต่ที่กมลา แฮร์ริส แพ้การเลือกตั้ง

งบประมาณดังกล่าวมาจาก 'อำนาจเบิกจ่ายอาวุธของประธานาธิบดี' หรือ Presidential Drawdown Authority (PDA) ซึ่งอนุญาตให้สหรัฐฯ เบิกจ่ายอาวุธจากคลังของตนเพื่อช่วยเหลือพันธมิตรในกรณีฉุกเฉิน ปัจจุบันสหรัฐฯ มีงบประมาณภายใต้ PDA ไม่น้อยกว่า 6.5 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 223,957 ล้านบาท ที่ไบเดนสามารถใช้ในการส่งมอบอาวุธให้กับยูเครนในช่วงที่เหลือของการดำรงตำแหน่ง

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุว่า เพนตากอนได้ถึงขีดจำกัดในการส่งอาวุธให้ยูเครนทุกเดือนโดยไม่กระทบต่อความสามารถในการป้องกันของกองทัพสหรัฐฯ และการขนส่งยุทโธปกรณ์ไปยังยูเครนก็เริ่มประสบปัญหาด้านโลจิสติกส์

หากไบเดนต้องการใช้เงิน 6.5 พันล้านดอลลาร์ให้หมดภายในเวลาที่เหลือในตำแหน่ง นั่นหมายความว่าเขาจะต้องใช้เงินมากกว่า 110 ล้านดอลลาร์ต่อวันในการจัดหาอาวุธ ซึ่งเกินขีดความสามารถของโรงงานผลิตอาวุธในสหรัฐฯ และยังมีข้อจำกัดในการส่งมอบอาวุธไปยังแนวหน้า

ในรายงานของ WSJ เจ้าหน้าที่รัฐสภาสหรัฐฯ กล่าวยืนยันว่า แม้ไบเดนจะเร่งรัดการแจกจ่ายเงินให้ยูเครนมากแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถใช้เงินทั้งหมดได้ทันภายในเวลาน้อยกว่าเดือน เนื่องจากมีข้อจำกัดทั้งจากผู้ผลิตอาวุธและการขนส่งของกองทัพสหรัฐฯ

‘อดีตดาราซีรีส์เน็ตฟลิกซ์’ ถูกจับคาสนามบินอังกฤษ หลังลักลอบขนกัญชาเกือบ 40 กก. จากภูเก็ต

(29 พ.ย. 67) อดีตดาราซีรีส์เรียลิตีเน็ตฟลิกซ์ ถูกจับได้ขณะพยายามลักลอบขนยาเสพติดมูลค่า 150,000 ปอนด์ (ราว 6.5 ล้านบาท) ด้วยเที่ยวบินจากไทย เข้าสู่สหราชอาณาจักร

โอลกา เบดนารสกา (Olga Bednarska) วัย 27 ปี ถูกเจ้าหน้าที่ศุลกากร ณ สนามบินแมนเชสเตอร์ เรียกตรวจ และจากการตรวจค้นกระเป๋าสัมภาระขนาดใหญ่ 2 ใบ พบว่ามีกัญชาซุกซ่อนอยู่ภายใน 40 กิโลกรัม

อินฟลูเอนเซอร์สาว ซึ่งเคยปรากฏตัวในเรียลิตีโชว์ทางเน็ตฟลิกซ์ 'Too Hot to Handle' อ้างว่าเธอรับกระเป๋าทั้ง 2 ใบ มาจากเพื่อนคนหนึ่งที่มีชื่อว่า 'เท็กซ์'

เบดนารสกา อ้างว่า เท็กซ์ จ้างเธอให้ขึ้นเครื่องบินจากภูเก็ตในเที่ยวบินดังกล่าว โดยเพื่อนรายนี้วานให้เธอช่วยนำกระเป๋าเสื้อผ้าและนาฬิกากลับไปอังกฤษ

สุดท้ายแล้ว เธอถูกจับกุมและต่อมายอมรับสารภาพ ในความผิดเกี่ยวกับการตบตาหลบหลีกข้อห้ามนำเข้ายาเสพติดประเภท บี

ทั้งนี้ เบดนารสกา อยู่ภายใต้การควบคุมตัวมาตั้งแต่ถูกจับกุมเมื่อเดือนตุลาคม อย่างไรก็ตาม เธอถึงกับร่ำไห้ระหว่างการพิจารณาคดี เมื่อรอดพ้นจากโทษจำคุก เนื่องจากศาลให้รอลงอาญาไว้ก่อน

ผู้พิพากษา จอห์น พอตเตอร์ บอกว่าอดีตสตาร์เรียลิตีโชว์รายนี้ พาตัวเองตกเป็นหนี้ 16,000 ปอนด์ เนื่องจากพยายามมีไลฟ์สไตล์ที่หรูหรา แต่ด้วยวิถีชีวิตที่เลยเถิดเกินกว่าที่ตั้งใจไว้ ดังนั้นเธอจึงเลือกหนทางแห่งการก่ออาชญากรรมในการปลดหนี้

เธอ ตอบตกลงบินไปประเทศไทย ในทริปที่มีคนออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด สำหรับไปขนสินค้าออกนอกประเทศ แลกกับเงิน 18,000 ปอนด์

ในวันที่ 10 ตุลาคม เธอได้พบกับคนรู้จักรายหนึ่งชื่อ 'เท็กซ์' ก่อนเช็กอินเข้าพักในโรงแรมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย จากนั้นบุคคลรายดังกล่าวก็มอบเงินให้ เบดนารสกา ไปใช้จ่าย ซึ่งเธอก็นำไปซื้อกระเป๋าสัมภาระ 2 ใบ เพื่อลักลอบขนสินค้า

เบดนารสกา ถูกขอให้อำพรางสินค้าดังกล่าว ที่เธอเชื่อว่าเป็นเพียงเสื้อผ้าและนาฬิกา และไม่มีความตั้งใจเกี่ยวข้องกับมันมากกว่านั้น

ต่อมาครั้งที่บินกลับอังกฤษเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม เบดนารสกา ถูกเรียกตรวจโดยพวกเจ้าหน้าที่ศุลกากร เธอบอกกับเจ้าหน้าที่ไปว่า เธอเป็นคนแพ็กกระเป๋าด้วยตนเอง

เบดนารสกา ถูกร้องขอให้ปลดล็อกกระเป๋า แต่ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากเธอไม่มีรหัส สุดท้ายเธอยอมให้ข้อมูลกับพวกเจ้าหน้าที่ว่า เธอเพิ่งได้รับมอบกระเป๋าทั้ง 2 ใบ ที่สนามบินต้นทาง

จากนั้นพวกเจ้าหน้าที่จึงทำการรื้อค้น และพบว่าสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่บริเวณใต้เสื้อผ้าในกระเป๋าสัมภาระใบดังกล่าว เป็นห่อกัญชาหลายมัด น้ำหนักรวม 39.4 กิโลกรัม ว่ากันว่ามีมูลค่าราว ๆ 157,600 ปอนด์

ผู้พิพากษาพอตเตอร์ กล่าวว่า "คุณตัดสินใจไว้วางใจคนบางคนที่คุณแทบไม่รู้จักเลย คุณดำเนินการภายใต้คำสั่งของคนอื่น ๆ เป็นไปได้เพื่อผลตอบแทนเพิ่มเติม"

"ผมมั่นใจว่าคุณสามารถจินตนาการได้เองว่า ยาเสพติดนี้จะทำร้ายชุมชนของเรามากแค่ไหน คุณส่งเสริมเรื่องนี้โดยตรง ด้วยการยินยอมทำในสิ่งที่คุณทำ" ผู้พิพากษาระบุ

เบดนารสกา ถูกพิพากษาจำคุก 20 เดือน แต่โทษให้รอลงอาญา 2 ปี นอกจากนี้แล้วเธอยังถูกสั่งให้เข้าร่วมกิจกรรมบำบัดตามที่กำหนดเป็นเวลา 15 วัน

‘เกาหลีใต้’ นำ!! รถถังปลดประจำการ ไปเป็นเป้าซ้อมยิง กลบกระแสข่าวลือ!! ส่งยานเกราะค่ายโซเวียต ให้ยูเครน

(30 พ.ย. 67) เพจ ‘การทูตและการทหาร’ โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ รถถัง T-80U และรถรบทหารราบ BMP-3 โดยมีใจความว่า

มีข่าวว่าเกาหลีใต้นำรถถัง T-80U และรถรบทหารราบ BMP-3 บางส่วนที่ปลดประจำการแล้ว ไปใช้เป็นเป้าซ้อมแล้ว ดังนั้นใครที่หวังว่าเกาหลีใต้จะส่งยานเกราะค่ายโซเวียตเหล่านี้ให้กับยูเครน (เกาหลีใต้ได้รับ T-80U และ BMP-3 จากรัสเซียเพื่อชดใช้หนี้สมัยโซเวียต) ก็อาจจะต้องเลิกหวังส่วนนี้แล้ว

ปัจจุบันกองทัพรัสเซียยังคงใช้งานยานเกราะทั้ง 2 รุ่นอยู่ โดยในส่วนของรถถัง T-80U นั้น รัสเซียได้มีการอัพเกรดเป็นรุ่น T-80UE-1 และเมื่อรัสเซียมีความร่วมมือทางทหารกับเกาหลีเหนือมากขึ้น ก็มีโอกาสที่เกาหลีเหนือจะได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยียานเกราะจากรัสเซีย มาต่อยอดให้กับรถถังเกาหลีเหนือซึ่งที่ผ่านมาจะมีพื้นฐานมาจากรถถัง T-62 เป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นถ้าเกาหลีใต้นำยานเกราะรัสเซียที่มีอยู่ มาทดสอบหาจุดอ่อน อย่างในข่าวนี้คือเป็นการทดสอบการโจมตีด้วยโดรน ก็จะเป็นประโยชน์ต่อเกาหลีใต้ แต่สำหรับยูเครนที่ต้องการอาวุธทุกชิ้นจำนวนมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ คงผิดหวังไม่น้อย

‘ทรัมป์’ ขู่ขึ้นภาษี!! ประเทศ BRICS หากรวมหัวไม่ใช้ ‘เงินดอลลาร์’

(1 ธ.ค. 67) ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐโดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียส่วนตัวเมื่อวันที่ 30 พ.ย. ขู่จะขึ้นภาษีศุลกากร 100% กับกลุ่มประเทศบริกส์ (BRICS) 9 ประเทศ หากดำเนินการที่ถือเป็นการบ่อนทำลายค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ

คำขู่ครั้งล่าสุดนี้มุ่งเป้าโดยตรงไปยัง 9 ประเทศสมาชิกกลุ่มบริกส์ที่นำโดย จีน รัสเซีย อินเดีย บราซิล แอฟริกาใต้ อิหร่าน อียิปต์ สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ และเอธิโอเปีย ซึ่งปัจจุบันมีหลายประเทศกำลังสมัครเข้าเป็นสมาชิกเพิ่ม เช่น ประเทศไทย มาเลเซีย และตุรกี 

ทรัมป์กล่าวว่า ‘ไม่มีทาง’ ที่กลุ่ม BRICS จะเข้ามาแทนที่ดอลลาร์สหรัฐในการค้าโลก และประเทศใดก็ตามที่พยายามทำให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นได้ ‘ควรโบกมือลาจากสหรัฐอเมริกา’

ทั้งนี้ ในการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศบริกส์ที่ประเทศรัสเซียเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ได้กล่าวหาสหรัฐว่า ใช้ดอลลาร์เป็นอาวุธ’ และเรียกสิ่งนี้ว่าเป็น ‘ความผิดพลาดครั้งใหญ่’

แม้ว่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะเป็นสกุลเงินที่ใช้กันมากที่สุดในการทำธุรกิจทั่วโลก และผ่านพ้นความท้าทายต่างๆ ในอดีตมาได้ แต่ประเทศสมาชิกกลุ่ม BRICS รวมถึงประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ ต่างระบุว่าพวกเขาเบื่อหน่ายกับการที่สหรัฐมีอิทธิพลเหนือระบบการเงินโลก

จากข้อมูลของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เงินดอลลาร์สหรัฐมีสัดส่วนคิดเป็นประมาณ 58% ของทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของโลก และสินค้าโภคภัณฑ์หลักๆ เช่น ‘น้ำมัน’ ยังคงซื้อขายกันโดยใช้เงินดอลลาร์สหรัฐเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม อิทธิพลของดอลลาร์สหรัฐกำลังถูกท้าทายเนื่องจากส่วนแบ่งจีดีพีของกลุ่ม BRICS ที่เพิ่มขึ้น และความตั้งใจของกลุ่มบริกส์ที่จะซื้อขายกันในสกุลเงินที่ไม่ใช่ดอลลาร์สหรัฐ หรือเป็นกระบวนการที่เรียกว่าการลดการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ (De-dollarization) 

รัสเซียได้ผลักดันให้มีการจัดทำระบบการชำระเงินใหม่ เพื่อเป็นทางเลือกมาแทนที่เครือข่ายการสื่อสารสำหรับประมวลผลการชำระเงินระหว่างประเทศ หรือ ‘สวิฟท์’ (SWIFT) ที่ใช้กันอยู่ทั่วโลกในขณะนี้ ซึ่งจะช่วยให้รัสเซียสามารถหลบเลี่ยงการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกและค้าขายกับพันธมิตรได้

อย่างไรก็ดี จากงานวิจัยของสภาแอตแลนติกบ่งชี้ว่า บทบาทของดอลลาร์สหรัฐในฐานะสกุลเงินสำรองหลักของโลกจะไม่ถูกคุกคามในอนาคตอันใกล้นี้ โดยผลวิจัยระบุว่า ดอลลาร์นั้น ‘มีความมั่นคงในระยะใกล้และระยะกลาง’ และยังคงครอบงำสกุลเงินอื่นๆ ต่อไป

การขู่ขึ้นภาษีล่าสุดของทรัมป์เกิดขึ้นหลังจากที่เขาขู่ว่า จะขึ้นภาษีศุลกากรกับสินค้านำเข้าทุกชนิดที่นำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดา 25% และขึ้นภาษีศุลกากรเพิ่มอีก 10% สำหรับสินค้าจากจีน เพื่อบังคับให้ทั้งสองประเทศดำเนินการมากขึ้นเพื่อหยุดยั้งการไหลเข้าของผู้อพยพผิดกฎหมายและยาเสพติดเข้าสู่สหรัฐ

จากนั้น ทรัมป์ได้โทรศัพท์คุยกับประธานาธิบดีเม็กซิโก ‘คลอเดีย เชนบาม’ ซึ่งกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่าเ ธอเชื่อมั่นว่าจะสามารถหลีกเลี่ยงสงครามภาษีกับสหรัฐได้ ทางด้านนายกรัฐมนตรี ‘จัสติน ทรูโด’ ของแคนาดาเดินทางกลับในวันเสาร์หลังจากพบกับทรัมป์ โดยที่ไม่ได้รับคำยืนยันว่าประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่จะถอยห่างจากการขู่ขึ้นภาษีกับแคนาดา

จีนหั่นภาษีสินค้านำเข้าจากชาติด้อยพัฒนา ประเทศแถบแอฟริกา เฮรับอานิสงส์ มีผล 1 ธ.ค.

(2 ธ.ค. 67) โกลบอลไทมส์ (Global Times) สื่อของรัฐบาลจีน รายงานว่า จีนได้ประกาศนโยบายลดภาษีเหลือศูนย์ให้แก่สินค้าทุกประเภทที่มาจากประเทศพัฒนาน้อยที่สุด (LDC) ที่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีน มีผลตั้งแต่วันนี้ (1 ธ.ค.) โดยจีนเป็นประเทศกำลังพัฒนาและประเทศเศรษฐกิจใหญ่รายแรกที่ประกาศนโยบายดังกล่าว

สำหรับกลุ่มประเทศ LDC ในแถบอาเซียนเหลืออยู่เพียง 3 ชาติคือ พม่า ลาว และกัมพูชา ขณะที่นอกนั้นส่วนใหญ่เป็นชาติด้อยพัฒนาที่อยู่ในแถบทวีปแอฟริกา ขณะที่สื่อทางการจีนรายงานว่า ภายใต้นโยบายใหม่ทางภาษีนี้ประเทศในแถบแอฟริกาจะได้รับอานิสงส์ดังกล่าว มากกว่าชาติในอาเซียนเนื่องจากจีนกับอาเซียนมีกรอบความร่วมมือทางการค้าที่ใกล้ชิดในหลายระดับอยู่ก่อนแล้ว

คณะกรรมการภาษีศุลกากรแห่งคณะรัฐมนตรีจีนระบุว่า หากจำนวนสินค้าอยู่ในโควตาที่กำหนดจะไม่มีการเรียกเก็บภาษีนำเข้า แต่สินค้าส่วนที่เกินโควตายังคงต้องเสียภาษีนำเข้าในอัตราปกติ

ศาสตราจารย์ซ่ง เว่ย จากคณะความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและการทูต มหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศแห่งปักกิ่ง (Beijing Foreign Studies University) กล่าวว่า จีนมีเป้าหมายในการช่วยส่งเสริมการเติบโตภายในประเทศพัฒนาน้อยที่สุด ด้วยการสนับสนุนการพัฒนาในภาคส่วนต่าง ๆ เช่น เกษตรกรรมและการผลิต เป็นต้น

ศาสตราจารย์ซ่งกล่าวเสริมว่า ในขณะที่โลกตะวันตกใช้นโยบายกีดกันทางการค้าและการกระทำฝ่ายเดียว (unilateralism) อย่างเข้มข้นมากขึ้น จีนเลือกที่จะแบ่งปันโอกาสกับประเทศอื่น ๆ โดยอาศัยตลาดขนาดใหญ่ของจีน ซึ่งส่งผลดีต่อการส่งเสริมโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจและการแบ่งงานกันทำ (division of labor) ทั่วโลก

'ไบเดน' อภัยโทษ 'ลูกชาย' คดีภาษี-ค้าอาวุธ อ้างฝ่ายตรงข้ามกลั่นแกล้งทางการเมือง

(2 ธ.ค. 67) ทำเนียบขาวแถลงว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ลงนามคำสั่งอภัยโทษให้แก่นายฮันเตอร์ ไบเดน บุตรชาย กรณีหลบเลี่ยงภาษีมูลค่าอย่างน้อย 1.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 48.17 ล้านบาท) ระหว่างปี 2559-2562 และให้ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับการซื้ออาวุธปืนในปี 2561 ขณะที่ยังอยู่ในสถานะ "บุคคลต้องห้าม" เนื่องจากมีประวัติการใช้ยาเสพติด

ก่อนหน้านี้ อัยการสั่งฟ้องฮันเตอร์ในคดีให้ข้อมูลเท็จเรื่องครอบครองอาวุธปืนเมื่อต้นปี 2566 ส่วนคดีหลบเลี่ยงภาษี ฮันเตอร์ยอมรับสารภาพในเดือนกันยายนที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีการตัดสินโทษ โดยโทษสูงสุดของทั้งสองคดีรวมกันอาจถึง 42 ปี

การตัดสินใจครั้งนี้ของไบเดน แม้เป็นไปตามอำนาจตามรัฐธรรมนูญ แต่ถูกวิจารณ์อย่างหนัก โดยเฉพาะจากพรรครีพับลิกัน และอาจสร้างความไม่พอใจในพรรคเดโมแครต เนื่องจากก่อนหน้านี้ไบเดนเคยยืนยันว่าจะไม่อภัยโทษให้บุตรชาย

ไบเดน ซึ่งจะหมดวาระในเดือนมกราคม 2568 ระบุว่า การดำเนินคดีต่อฮันเตอร์เป็น "การกลั่นแกล้งทางการเมือง" และขอให้ชาวอเมริกันเข้าใจการตัดสินใจครั้งนี้ ทั้งในฐานะบิดาและประธานาธิบดี

ทั้งนี้ ไบเดนไม่ใช่ผู้นำสหรัฐคนแรกที่อภัยโทษสมาชิกครอบครัว อดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน เคยอภัยโทษลูกพี่ลูกน้องจากคดีเกี่ยวกับโคเคน และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อภัยโทษบิดาของลูกเขยในคดีภาษีเช่นกัน

ศัพท์แห่งปี 2024 จากม.ออกซฟอร์ด หมายถึง 'คนเสพสื่อออนไลน์จนปัญญาเสื่อมถอย'

(2 ธ.ค. 67) มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดได้ประกาศคำศัพท์แห่งปีที่ได้รับการโหวตจากสาธารณชน โดยคำที่ได้รับการเลือกในปีนี้คือ "brain rot" หรือ "สมองเน่า เป็นคำสแลงที่พจนานุกรมออกซ์ฟอร์ดนิยามว่า "การเสื่อมสภาพของสภาวะทางจิตใจหรือทางสติปัญญาของบุคคล ซึ่งมักจะเกิดจากการบริโภคเนื้อหาที่ไม่มีคุณค่า ไม่ท้าทาย โดยเฉพาะจากเนื้อหาบนโลกออนไลน์" 

สมองเน่า หรือ สมองบื้อ เป็นหนึ่งในคำศัพท์ที่คนวัยรุ่นบนโลกออนไลน์อย่าง Gen Z และ Gen Alpha นิยมใช้กันอยู่บ่อยครั้ง

ข้อมูลจากหน้าเว็บไซต์บัญญัติศัพท์ออกซ์ฟอร์ดระบุว่า พบการใช้คำนี้ครั้งแรกในปี 1854 จากหนังสือ Walden; or, Life in the Woods เขียนโดยเฮนรี เดวิด โธโร โดยพบว่าในช่วงปี 2023-2024 ความถี่ในการใช้คำนี้เพิ่มขึ้นถึง 230% ซึ่งมักใช้เพื่อแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการที่ผู้คนเสพสื่อเนื้อหาคุณภาพต่ำ โดยเฉพาะตามแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย

โดยในปี 2024 นี้ คำว่า “Brain rot” เป็นอีกหนึ่งคำศัพท์ที่ได้ถูกเสนอชื่อให้เป็นคำศัพท์ที่มีความหมายน่าสนใจและมีผู้คนใช้เยอะมากที่สุดคำหนึ่งในช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการโหวตให้ชัยชนะเหนือคำว่า “lore,” “demure,” “romantasy” และ “slop” ที่เป็นคำศัพท์ที่ถูกเสนอเข้าชิงในปีนี้

คำว่า brain rot ได้รับการโหวตจากผู้คนมากที่สุดในบรรดา37,000 คน ซึ่งถือว่าเป็นคำศัพท์ที่สะท้อนชีวิตของผู้คนในยุคปัจจุบันได้ชัดเจนที่สุด โดยในปีที่แล้วพจนานุกรมออกซ์ฟอร์ดได้บัญญัติให้คำว่า "Rizz" ที่หมายถึงเสน่ห์ สไตล์ และความน่าหลงใหล ซึ่งนิยมใช้กันในหมู่ Gen Z และผู้ใช้ TikTok เป็นคำศัพท์แห่งปี 2023

เวียดนามอนุมัติสร้างรถไฟความเร็วสูงสายแรก เชื่อมฮานอย-โฮจิมินห์ คาดเสร็จใน 11 ปี

(2 ธ.ค. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สภาแห่งชาติเวียดนาม ชุดที่ 15 ได้ลงมติผ่านนโยบายการลงทุนโครงการทางรถไฟความเร็วสูงสายเหนือ-ใต้ มูลค่ารวม 1.7 พันล้านล้านดอง (ราว 2.3 ล้านล้านบาท) เมื่อวันเสาร์ (30 พ.ย.) ที่ผ่านมา

โครงการข้างต้นมีวงจรงบประมาณระยะกลาง 3 รอบ ได้แก่ รอบปี 2564-2568 รวม 5.38 แสนล้านดอง (ราว 725 ล้านบาท) รอบปี 2569-2573 รวม 841.7 ล้านล้านดอง (ราว 1.13 พันล้านบาท) และรอบปี 2574-2578 รวม 871.3 ล้านล้านดอง (ราว 1.17 พันล้านบาท)

ทางรถไฟความเร็วสูงสายเหนือ-ใต้ของเวียดนามจะมีระยะทางรวม 1,541 กิโลเมตร เริ่มต้นจากสถานีหง่อกโห่ยในกรุงฮานอย ตัดผ่าน 20 เมืองและจังหวัด และสิ้นสุดที่สถานีถูเตี๊ยมในนครโฮจิมินห์ซิตี

หวู่ ฮง แท็ง ประธานคณะกรรมการเศรษฐกิจประจำสภาฯ กล่าวว่า โครงการนี้มีความเป็นไปได้ในบริบทปัจจุบันของเวียดนาม หลังจากเตรียมงานและศึกษาต้นแบบรถไฟความเร็วสูงทั่วโลกมานาน 18 ปี

ปี 2025 ราคาสินค้า-อาหารพุ่งสูงขึ้น ช่วง ม.ค.-เม.ย. ปรับราคากว่า 3,900 รายการ

(2 ธ.ค. 67) เตโกกุ ดาต้าแบงก์ (Teikoku Databank) บริษัทวิจัยของญี่ปุ่น รายงานว่าราคาอาหารในญี่ปุ่นยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อไปในปี 2025 เนื่องจากอาหารมากกว่า 3,900 รายการ จะถูกปรับราคาขึ้นระหว่างเดือนมกราคม-เมษายน 2025

รายงานระบุว่ากลุ่มผู้ผลิตอาหารในญี่ปุ่น 195 ราย ประกาศแผนการขึ้นราคาอาหาร จำนวน 3,933 รายการแล้ว เมื่อนับถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน ซึ่งแบ่งเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และน้ำอัดลม 1,251 รายการ ตามด้วยขนมปัง 1,227 รายการ และอาหารแปรรูป อาทิ อาหารแช่แข็งและเค้กข้าว 1,040 รายการ

สาเหตุหลักของการปรับขึ้นราคายังคงเป็นต้นทุนวัตถุดิบที่สูง กอปรกับต้นทุนเกี่ยวกับโลจิสติกส์และแรงงานที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยมีแนวโน้มว่าปัจจัยเหล่านี้จะผลักดันให้ราคาอาหารเพิ่มขึ้นตลอดทั้งปี 2025

อนึ่ง ข้อมูลก่อนหน้านี้ระบุว่าอัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นยังคงอยู่ที่หรือสูงกว่าเป้าหมายร้อยละ 2 ของธนาคารกลางญี่ปุ่นมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2022

จีนเดินเกมส่งจนท.ดูงานมอสโก ศึกษารับมือตะวันตกคว่ำบาตรปมไต้หวัน

(2 ธ.ค. 67) The Wall Street Journal รายงานว่า รัฐบาลจีนได้ส่งเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานพิเศษ ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อศึกษาผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก และวิธีการรับมือของธนาคารกลางรัสเซียให้เศรษฐกิจรัสเซียได้รับผลกระทบน้อยที่สุด โดยรัฐบาลจีนมองว่ารัสเซียเป็นกรณีศึกษาชั้นเยี่ยมที่จีนสามารถเรียนรู้กลไกการคว่ำบาตรจากพันธมิตรตะวันตกได้

แหล่งข่าวเปิดเผยว่า จีนได้จัดตั้งหน่วยงานพิเศษนี้หลังจากที่รัสเซียเริ่มปฏิบัติการทางทหารในยูเครนเมื่อปี 2022 ได้ไม่นาน เพื่อศึกษาผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรของตะวันตกโดยเฉพาะ ต่อมาก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาดูงานจริงในรัสเซีย และนัดพบกับตัวแทนจากธนาคารกลางรัสเซีย, กระทรวงการคลัง และหน่วยงานอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง พร้อมส่งรายงานตรงถึงรัฐบาลจีนเป็นประจำ  

ซึ่งรัฐบาลจีนแสดงความสนใจในทุกๆ แง่มุมที่เกี่ยวข้องกับการคว่ำบาตร รวมถึงผลดีที่อาจเกิดขึ้นกับผลผลิตภายในประเทศ โดยสื่อต่างชาติตั้งข้อสังเกตว่า จีนอาจใช้รัสเซียเป็นกรณีศึกษาสำหรับมือการคว่ำบาตรต่อจีนที่อาจเกิดขึ้นได้ ในกรณีข้อพิพาทไต้หวัน ที่รัฐบาลจีนประกาศที่จะตอบโต้ หลังรัฐบาลสหรัฐฯอนุมัติการขายอาวุธล็อตใหม่ให้แก่ไต้หวัน 

เศรษฐกิจของรัสเซียสามารถยืนเด่นอย่างท้าทาย หลังถูกชาติตะวันตกรวมพลังคว่ำบาตรอย่างหนักจากกรณีสงครามในยูเครน ด้วยตัวเลขเศรษฐกิจที่ยังทรงตัวอยู่ได้ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสูงขึ้น และ อัตราค่าจ้างแรงก็เพิ่มสูงขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

แต่ทว่า รัฐเซียก็กำลังเจอปัญหาค่าเงินรูเบิลที่ตกต่ำลงอย่างกะทันหัน จนสู่ระดับต่ำสุดในรอบหลายปี  ที่สร้างความกังวลให้แก่รัฐบาลจีน ที่มีเงินสำรองต่างประเทศมากที่สุดในโลกถึงกว่า 3.3 ล้านล้านดอลลาร์  และหากจีนต้องเจอมาตรการคว่ำบาตรอย่างเช่นที่รัสเซีย อาจทำให้สินทรัพย์ และ ทุนสำรองของจีนในต่างประเทศตกอยู่ในความเสี่ยงได้ 

การถอดบทเรียนของรัสเซียจะช่วยให้จีนได้เรียนรู้ที่จะกระจายทุนสำรองต่างประเทศ ลดการถือครองพันธบัตรของรัฐบาลสหรัฐ และ เงินดอลลาร์ และรับมือกับนโยบายคว่ำบาตรในรูปแบบต่างๆ ที่อาจถูกหยิบยกมาใช้กับจีนในอนาคต 

แต่ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศจีนย้ำว่า การที่จีนกำลังศึกษาผลกระทบของมาตรการคว่ำบาตรในรัสเซีย ไม่ได้หมายความว่าจีนกำลังวางแผนที่จะรุกรานไต้หวันอย่างที่สื่อตะวันตกพยายามนำเสนอ แต่เป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ และความร่วมมือกับรัฐบาลรัสเซียบนพื้นฐานของความเสมอภาค และผลประโยชน์ร่วมกันเท่าน้้นเอง 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top