Thursday, 9 May 2024
World

‘โซเชียลมาเลฯ’ ถาม!! ‘เหตุใด? น้ำมันในไทยแพง แต่อาหารถูก’ ตอบ!! เพราะไทยทำเกษตร-ผลิตอาหารเอง-ต้นทุนขนส่งทางถนนต่ำ

(1 เม.ย. 67) เพจ ‘World Forum ข่าวสารต่างประเทศ’ โพสต์ข้อความเรื่อง ‘ไวรัสในมาเลเซีย เกี่ยวกับค่าน้ำมันและอาหารในประเทศไทย’ โดยระบุว่า…

“ไวรัล ในมาเลเซีย 🇲🇾

**คำถาม ราคาน้ำมันในประเทศไทย ‘แพง’ แต่ทำไม อาหารถึง ‘ถูก’.......? อธิบายหน่อย

✍️จากความเห็นส่วนใหญ่ 

1.ประเทศไทย ประสบผลสำเร็จเรื่องการเกษตร ผู้ส่งออกอาหาร และวัตถุดิบ มาเลเซียต้องนำเข้า แม้แต่อาหารสัตว์ **ไทยมีพื้นที่ลุ่ม ปลูกอาหารได้ทั้งปี

2.มาเลเซีย แบ่งเป็น 2 ฝั่ง ผู้ผลิต +ต้นทุนการขนส่งไปอีกฝั่ง 

3.มาเลเซีย เสียค่าผ่านทางถนน - ไทยฟรี เมื่อคำนวนระยะจ่ายแล้วไม่ต่างกันเท่าไหร่ 

4.ในช่วงปี 2000 มาเลเซีย มุ่งเน้นไปที่ อุตสาหกรรมไฮเทค จนลืมสานต่ออุตสาหกรรมการเกษตร  ทำให้ภาคผลิตการเกษตรลดลงอย่างมาก

✍️#คุณมีความเห็นอย่างไร”

'เถาเป่า' ทดลองยิงจรวดส่งสินค้าด่วนขั้นเทพ ส่งได้ทั่วโลกภายในหนึ่งชั่วโมง แม้แต่รถยนต์

สเปซ อีพ็อก (Space Epoch) บริษัทผู้สร้างจรวดของจีน ประกาศความร่วมมือกับ ‘เถาเป่า’ แพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ในเครืออาลีบาบา ทดลองส่งสินค้าตามสั่งด้วยจรวด

(1 เม.ย. 67) สตาร์ตอัปเอกชน ซึ่งมีชื่อเต็มว่า บริษัท ปักกิ่ง เซพ็อก เทคโนโลยี จำกัด (Beijing Sepoch Technology Co) ยืนยันกับโกลบอลไทมส์ สื่อของทางการจีนเมื่อวันอาทิตย์ (31 มี.ค.) ว่า จะเริ่มดำเนินการทดสอบครั้งแรกในปีนี้ ถ้าโครงการสำเร็จราบรื่น การส่งสินค้าข้ามประเทศด้วยจรวดจะสามารถทำได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ในขณะที่ตามรายงานของรอยเตอร์นั้นระบุว่า แค่ชั่วโมงเดียว

โดยการขนส่งในขั้นแรกจะใช้เซพ็อกไฮเคอร์หมายเลขหนึ่ง (Sepoch Hiker No 1) หรือ หยวนซิง - 1 ซึ่งเป็นจรวดขนส่งของเหลวขนาดกลาง ที่บริษัทเป็นผู้พัฒนา จรวดนี้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ลำตัวจรวดทำด้วยเหล็กกล้าไม่เป็นสนิม โดยเป็นการผสมผสานเทคโนโลยีการผลิตทางอุตสาหกรรมร่วมกับนวัตกรรมเทคโนโลยีการรีไซเคิลทางทะเล ซึ่งช่วยลดเวลาการวิจัยและพัฒนา และลดความเสี่ยงในการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากพิสูจน์แล้วว่า ประสบความเสร็จ ก็จะช่วยตอบโจทย์บริการส่งสินค้าระหว่างประเทศ ซึ่งความต้องการของผู้บริโภคกำลังพุ่งทะยาน

จรวดมีพื้นที่บรรทุกสินค้าได้มากถึง 10 ตัน ด้วยการออกแบบให้มีปริมาตรความจุ120 ลูกบาศก์เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 4.2 เมตร ซึ่งหมายความว่า นอกจากสินค้าขนาดกลางและขนาดเล็กแล้ว ยังสามารถขนส่งสินค้าขนาดใหญ่อย่างรถยนต์ หรือแม้กระทั่งรถมินิแวนได้อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม บริษัทสตาร์ตอัปรายนี้ยอมรับว่า การขนส่งสินค้าด้วยจรวดที่ใช้แล้วนำกลับมาใช้ใหม่อาจเป็นภารกิจที่ยากลำบากในระยะสั้น ซึ่งขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีและขีดความสามารถในปัจจุบัน แต่นั่นอาจเป็น ‘การสำรวจในระยะยาวที่มีความหมาย’ บริษัทระบุ

ทั้งนี้ ในปี 2566 สเปซ อีพ็อกได้เสร็จสิ้นการทดสอบการจุดระเบิดแบบสถิตและการกู้จรวดเซพ็อกไฮเคอร์ ที่ลงจอดในทะเล โดยมีแผนทดสอบการนำจรวดลงจอดในทะเลและดำเนินการกู้ขึ้นมาเป็นเที่ยวบินแรกในเร็ว ๆ นี้ จากนั้น จึงจะทดสอบการขนส่งสินค้าด้วยจรวดเป็นครั้งแรก ซึ่งทำภายในประเทศจีนก่อน

สตรีในนิวยอร์ก ผวา!! ตกเป็นเป้าชกหน้าแบบไม่รู้เหตุผล ตอกย้ำความกังวลด้านอาชญากรรมในมหานครแห่งนี้ 

ผู้หญิงหลายคนทำวิดีโอลงบน TikTok เล่าว่าพวกเธอโดนทำร้ายร่างกาย ถูกคนร้ายชกใบหน้าโดยไม่เลือก ระหว่างที่กำลังเดินอยู่บนท้องถนนในนิวยอร์ก ซิตี และจนถึงตอนนี้ยังไม่ทราบเหตุผลว่าทำไม เหตุการณ์ต่อเนื่องที่โหมกระพือความกังวลเกี่ยวกับปัญหาอาชญากรรมในมหานครของสหรัฐฯ แห่งนี้

เรื่องราวผู้หญิงถูกชกโดยไม่มีที่มาที่ไปถูกเปิดโปงออกมาเป็นครั้งแรกโดย ‘ฮัลลีย์ เคท’ ติ๊กต็อกสาววัย 23 ปี ที่พักอาศัยอยู่ในนิวยอร์ก โดยเธอโพสต์วิดีโอหนึ่งในวันที่ 25 มีนาคม และตอนนี้กลายเป็นคลิปไวรัล ซึ่งกล่าวอ้างว่าเธอถูกชกที่ใบหน้าขณะเดินอยู่บนท้องถนน "ฉันกำลังเดินอยู่ และผู้ชายคนหนึ่งก็เข้ามาชกเข้าที่ใบหน้าฉัน โอ้พระเจ้า มันเจ็บมาก ฉันไม่สามารถพูดได้เลย"

ในวิดีโอต่อมา เคทให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เธอกำลังมัวแต่มองโทรศัพท์ตอนที่ชายคนหนึ่งจูงสุนัขมา แล้วชกหรือไม่ก็ศอกเข้าใบหน้าของเธอ ทำให้เธอล้มฟุบไปกองกับพื้นและศีรษะของเธอกระแทกเข้ากับทางเท้า ทั้งนี้ เคท เล่าว่าเธอต้องการรักษาตัวเป็นการด่วนและเข้าแจ้งความเรื่องนี้กับตำรวจ

กรมตำรวจนิวยอร์ก ซึ่งไม่เปิดเผยชื่อเหยื่อ ยืนยันกับบิสเนสอินไซเดอร์ ว่า ได้รับแจ้งความเหตุทำร้ายร่างกายจากผู้หญิงวัย 23 ปีรายหนึ่ง ซึ่งถูกทำร้ายบริเวณใบหน้าและศีรษะ จากนั้นก็ร่วงไปกองกับพื้นและได้รับบาดเจ็บ

เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยต่อว่า ชายวัย 40 ปีคนหนึ่งชื่อว่า ‘สกีโบกี สโตรา’ ถูกจับกุมและตั้งข้อหาเมื่อวันที่ 27 มีนาคม และเวลานี้ยังอยู่ระหว่างการสืบสวน

นับตั้งแต่เรื่องราวของ เคท ถูกเผยแพร่อย่างกว้างขวางบนสื่อสังคมออนไลน์ ได้ปรากฏวิดีโอของสาวติ๊กต็อกอีกคน ที่เผยแพร่ก่อนหน้านั้นหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งเธอเผยว่าเธอถูกชกบนท้องถนนในนิวยอร์ก ซิตี เช่นกัน

โอลิเวีย แบรนด์ เผยว่า ชายคนหนึ่งเดินตรงเข้าหาเธอ ในเขตโนลิตา/โซโหของนิวยอร์ก และกล่าว "ขอโทษ" ก่อนชกเข้าที่ใบหน้าของเธอ พร้อมบอกว่าเธอได้แจ้งความกับตำรวจเรียบร้อยแล้ว

ในเรื่องนี้ กรมตำรวจนิวยอร์กยืนยันเช่นกันว่าได้รับแจ้งความผู้หญิงวัย 25 ปีคนหนึ่งถูกชกในวันที่ 17 มีนาคม บริเวณใกล้เคียงถนนเคนแมร์ตัดกับถนนมัลเบอร์รี และได้รับแจ้งความในฐานะคดีคุกคาม

นอกจากนี้ ผู้หญิงอีกคนใช้ชื่อบนสื่อสังคมออนไลน์ Malous228 เปิดเผยว่าเธอถูกชกเข้าที่ใบหน้าแบบไม่เลือกหน้า โดยชายคนหนึ่ง ในย่านไทม์ส สแควร์ โดยในวิดีโอที่เธอโพสต์นั้นพบเห็นชายคนหนึ่งที่เธออ้างว่าเป็นคนทำร้ายเธอกำลังเดินหนีไป

เธอบอกว่าเธอออกมาเปิดเผยเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตนเอง หลังพบเห็นคลิปไวรัลของผู้หญิงคนอื่น ๆ ที่ประสบพบเจอเหตุโจมตีแบบเดียวกัน

ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าผู้ก่อเหตุชกหน้าผู้หญิงนั้น เป็นชายคนเดียวกันหรือเป็นฝีมือของหลายคน ที่ลงมือเล่นงานเหยื่อแบบสุ่ม ๆ

‘มากายลา โตนินาโต’ สาวติ๊กต็อกอีกคนโพสต์วิดีโอภาพที่เธอมีบาดแผลบริเวณใบหน้าอย่างชัดเจน เล่าว่าเธอถูกชกแบบไม่เลือกหน้าเช่นกัน ตอนที่เธอกำลังเดินออกจากมหาวิทยาลัยเดอะนิวสคูล

ส่วนผู้หญิงรายที่ 5 ‘เซเลนา พิกานับ’ เปิดเผยผ่านติ๊กต็อกเช่นกันว่า เธอถูกชายคนหนึ่งถูกชกในย่านโซโห ขณะที่เหยื่อรายที่ 6 ‘ไกเซม เซอร์มาลี’ สาวครีเอตคอนเทนต์วัย 27 ปี ที่พักอาศัยอยู่ในเยอรมนี ให้สัมภาษณ์กับเดอะการ์เดียน ว่าเธอถูกชกบนท้องถนนในเขตโซโห ระหว่างที่เดินทางมาทำงานที่เมืองแห่งนี้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์

โตนินาโต กล่าวว่านับตั้งแต่เธอเผยแพร่เรื่องราวของตนบนสื่อสังคมออนไลน์ มีผู้หญิงหลายคนได้ติดต่อเข้ามาเล่าเรื่องราวให้ฟังว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้พวกเธอเองก็ถูกชกโดยไม่เลือกหน้าในนิวยอร์ก ซิตี เช่นกัน

เหตุการณ์ชกหน้าโดยไม่เลือกหน้าเหล่านี้ กำลังสร้างความไม่สบายใจแก่บรรดาผู้หญิงในนิวยอร์ก ซิตี เป็นอย่างมาก โดยหลายคนโพสต์ข้อความบนสื่อสังคมออนไลน์ แสดงความหวาดกลัวว่าจะถูกชกและเตือนคนอื่น ๆ ให้อยู่ในความระแวดระวัง

เรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลต่อปัญหาอาชญากรรมที่เพิ่มขึ้นในมหานครแห่งนี้ ตามหลังมีรายงานเกี่ยวกับเหตุโจมตีไม่เลือกหน้าในระบบรถไฟฟ้าใต้ดิน และหนึ่งในนั้นถึงขั้นทำให้เหยื่อถึงแก่ความตาย

'จีน' วัดพลังเจ้าเวหา คลอดเครื่องบินพาณิชย์ Made in China  ไม่หวั่น 'Airbus-Boeing' แม้ตอนนี้จะยังช่วงชิงส่วนแบ่งยาก

จีนเปิดตัวเครื่องบินพาณิชย์ Made in China แท้ ๆ รุ่น C919 ของบริษัท COMAC (Commercial Aircraft Corporation of China) ผู้พัฒนาอากาศยานเชิงพาณิชย์ของรัฐบาลจีน ในงาน Singapore Airshow 2024 ที่ผ่านมา เป็นงานจัดแสดงอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ที่จะจัดขึ้นทุก ๆ 2 ปี และปีนี้เป็นการจัดงานครั้งแรกหลังผ่านพ้นวิกฤติการระบาด Covid-19 

โดยจีนได้ส่ง เครื่องบินพาณิชย์ของ COMAC รุ่น C919 มาจัดแสดงในงานนี้ด้วย เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของการพัฒนาเครื่องบินขนส่งพาณิชย์ของจีน ที่พร้อมตีตลาดคู่แข่งยักษ์ใหญ่ตลอดกาลอย่าง บริษัท Airbus ในรุ่นขายดี A320 และ Boeing ในรุ่น 737 MAX 

COMAC - C919 เป็นเครื่องบินลำตัวแคบ ระยะบินใกล้ถึงปานกลาง ในระยะทางไม่เกิน 3,600 ไมล์ (5,644 กิโลเมตร) สามารถจุผู้โดยสารได้ถึง 192 คน เหมาะกับเที่ยวบินระยะสั้น ภายในประเทศ ซึ่งได้รับการรับรองการใช้งานอย่างเป็นทางการจากสำนักงานการบินพลเรือนของจีนแล้วตั้งแต่เดือนกันยายน 2022 

ปัจจุบัน เครื่องบินรุ่น C919 เริ่มให้บริการผู้โดยสารแล้วโดยสายการบิน China Eastern เมื่อเดือนพฤษภาคม 2023 นอกจากนี้ยังมีสายการบินทิเบต แอร์ไลน์ ที่ได้สั่งซื้อเครื่องบิน C919 แล้วจำนวน 40 ลำแล้วเช่นกัน

ถึงแม้ว่า ปัจจุบันตลาดเครื่องบินพาณิชย์ COMAC จะยังคงจำกัดอยู่ในประเทศจีน แต่การเปิดตัวเครื่องรุ่น C919 ในงาน Singapore Air Show ในปีนี้เป็นครั้งแรก เป็นการประกาศถึงความพร้อมของจีน ที่ต้องการตีตลาดเครื่องบินพาณิชย์ ที่เคยมีบริษัทยักษ์ใหญ่ผูกขาดอยู่เพียง 2 บริษัทคือ Airbus และ Boeing โดยจีนเล็งไปที่ตลาดที่ธุรกิจการบินกำลังกลับมาขยายตัวอีกครั้ง หลัง Covid-19 และอยู่ไม่ห่างจากจีนมากนั้น นั้นก็คือ ย่านอาเซียน

แม้นักวิเคราะห์ด้านธุรกิจการบินมองว่า เครื่องบินพาณิชย์สัญชาติจีนยังแข่งขัน แย่งชิงส่วนแบ่งของ 2 เจ้าตลาดโลกได้ยากมากในเวลานี้ แต่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลยในอนาคต เมื่อดูจากผลตอบรับในงาน Singapore Air Show เครื่องบินจีนได้รับความสนใจอย่างมาก การออกแบบตัวเครื่องทำได้ดี บินได้นิ่ง และเงียบ 

ส่วนด้านเทคนิค ภายในตัวเครื่อง C919 กว่าครึ่งยังใช้เครื่องยนต์นำเข้าของ CFM International บริษัทผู้พัฒนาเครื่องยนต์อากาศยานที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่มีศักยภาพเทียบชั้นได้กับเครื่องยนต์ของ Airbus และ Boeing เช่นกัน 

และด้วยสถานการณ์ของเครื่องบิน Boeing 737 Max 9 ที่ถูกสั่งห้ามบินในสหรัฐฯ หลังเกิดเหตุขัดข้องทางเทคนิคกับเครื่องของสายการบิน Alaska Airlines ที่เป็นรุ่นคู่แข่งโดยตรงของ C919 ก็ถือเป็นโอกาสการเข้าทำตลาดของเครื่องบินน้องใหม่สัญชาติจีนลำนี้ 

และหลังจากงาน Singapore Air Show แล้ว COMAC วางแผนที่จะลุยตลาดต่อในประเทศเวียดนาม, กัมพูชา, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย และ ไทย เนื่องจากเป็นตลาดที่มีความใกล้ชิดทางการค้ากับจีน และมีนักท่องเที่ยวจีนนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ซึ่งเชื่อว่าตลาดการบินในย่านนี้จะโตขึ้นได้อีกอย่างรวดเร็ว 

แต่สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจคือ COMAC ไม่ได้ต้องการขายเครื่องบินราคาถูก เพื่อตัดราคาในท้องตลาด โดย C919 ตั้งราคาไว้ที่ลำละ 100 ล้านดอลลาร์ ซึ่งแทบไม่ต่างจากราคาเครื่องบินของ Airbus หรือ Boeing ในรุ่นใกล้เคียงกันเลย เพียงแต่สิ่งที่ COMAC คำนึงในตอนนี้คือ คุณภาพการให้บริการแบบจัดเต็ม ระบบซ่อมบำรุง ฝึกอบรม และอื่น ๆ ที่มาในแพ็กเกจ พร้อมข้อเสนอราคาพิเศษเมื่อซื้อล็อตใหญ่ตั้งแต่ 40 ลำขึ้นไป อีกทั้งยังเป็นการทดลองเปิดตลาดต่างประเทศ ที่ทางจีนไม่ได้คาดหวังในการทำกำไรทันทีในรุ่นนี้ 

และหากพิจารณาจากโอกาสในการเติบโตของเครื่องบินจีน ประเทศที่มีธุรกิจการบินในประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลกรองจากสหรัฐฯ รัฐบาลจีนได้ตั้งเป้าที่จะพัฒนาเครื่องยนต์พาณิชย์ของตัวเอง เพื่อลดการพึ่งพาเครื่องยนต์จากประเทศตะวันตกอย่างจริงจัง และเชื่อมั่นว่าจะสามารถยกระดับเทคโนโลยีด้านการบินของตนให้สามารถแข่งขันกับเครื่องบินของชาติตะวันตกได้อย่างทัดเทียมกันในอนาคตอันใกล้ อย่างที่จีนเคยทำได้ในตลาดสินค้าเทคโนโลยีอื่น ๆ มาแล้ว 

ดังนั้น อนาคตธุรกิจเครื่องบินพาณิชย์ของจีนนั้น คงไม่จบแค่บทเดียว แต่ต้องจับตามองกันต่อในระยะยาว ถ้าจีนไม่ถอดใจไปเสียก่อน

‘ราชวงศ์ญี่ปุ่น’ เปิดบัญชี IG อย่างเป็นทางการ หวังสื่อสารกับ ‘คนรุ่นใหม่’ ให้เข้าใจสิ่งที่ทำ

(1 เม.ย. 67) สำนักข่าวเอเอฟพีรายงาน บัญชีอินสตาแกรม ‘สำนักพระราชวังอิมพีเรียล’ หรือ The Imperial Household Agency (@kunaicho_jp) ของ ราชวงศ์ญี่ปุ่น เปิดให้สาธารณะเข้ามีส่วนร่วมได้แล้วในวันนี้ (1 เม.ย.) โดยมีผู้ติดตามแล้วกว่า 200,000 คน (ข้อมูล ณ เวลา 14.55 น. วันที่ 1 เม.ย.67) ซึ่งโฆษกสำนักพระราชวังยืนยันว่า การเล่นโซเชียลมีเดียก็ด้วยหวังให้คนรุ่นใหม่ได้เข้าใจถึงสิ่งที่ราชวงศ์ทำ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่โพสต์มีเพียงข้อความบรรยายง่าย ๆ ว่าสมเด็จพระจักรพรรดิทรงทำอะไรบ้าง อาทิ ให้ทูตานุทูตเข้าเฝ้าไปจนถึงทรงชื่นชมต้นบอนไซ โดยมีการคัดกรองความเห็นไว้แล้ว บัญชีนี้ไม่ได้ติดตามยูสเซอร์รายอื่นและยังไม่เข้าร่วมในอินสตาแกรมสตอรี

อย่างไรก็ตาม ท่าทีดังกล่าวก็สร้างความประหลาดใจให้ผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก อาทิ

“สำนักพระราชวังอิมพีเรียลเล่นอินสตาแกรม! ฉันคิดว่านี่มันมุกวันเมษาหน้าโง่” ผู้ใช้ X คนหนึ่งแสดงความคิดเห็นเมื่อทราบข่าว

“ตอนที่ฉันได้ยินว่าสำนักพระราชวังมีบัญชีอินสตาแกรม ฉันรีบเช็กข้อมูล แต่พระจักรพรรดิคงไม่โพสต์มื้อเที่ยงวันนี้ หรืออะไรทำนองนั้นหรอกนะ” ผู้ใช้อีกคนที่ให้ความคิดเห็น ขณะที่หลายคนแซวว่า ดีแล้วที่ราชวงศ์เลือกเล่นอินสตาแกรมที่มี ‘อารยะ’ มากกว่า X หรืออดีตทวิตเตอร์

ทั้งนี้ ราชวงศ์อื่น ๆ เล่นโซเชียลมีเดียมานานแล้วรวมถึงราชวงศ์อังกฤษ ที่เมื่อเร็ว ๆ นี้เพิ่งเจอข่าวลือและทฤษฎีสมคบคิดเกี่ยวกับแคเธอริน เจ้าหญิงแห่งเวลส์ ที่ทรงตกแต่งภาพทางการที่วังเผยแพร่เนื่องในโอกาสวันแม่ และภายหลังพระองค์ทรงเปิดเผยว่าทรงได้รับการวินิจฉัยประชวรมะเร็ง

‘เรือเหาะแคปซูล’ แบบมีคนขับ ‘ฝีมือจีน’ บินเที่ยวแรกสำเร็จ หลังพัฒนาขึ้นมาเอง ชี้!! สมรรถนะครบครัน พร้อมลุยต่อยอด

เมื่อวานนี้ (1 เม.ย.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า บริษัทอุตสาหกรรมการบินแห่งประเทศจีน (AVIC) ระบุว่า เรือเหาะพลเรือนแบบมีมนุษย์ควบคุม เอเอส700 (AS700) ซึ่งพัฒนาขึ้นเองของจีน ประสบความสำเร็จในการขึ้นบินเที่ยวแรกจากสนามบินจิงเหมิน จางเหอในมณฑลหูเป่ยทางตอนกลางของจีน ก่อนลงจอดที่สนามบินแห่งหนึ่งในเมืองจิงโจวในเวลา 1 ชั่วโมง 46 นาที โดยมีกำหนดส่งมอบลำแรกภายในสิ้นปีนี้

ด้าน หลินหง นักบินผู้ควบคุม กล่าวว่า เที่ยวบินแรกดำเนินไปอย่างราบรื่นตามแผน เอเอส700 มีความคล่องตัวที่ดี มีศักยภาพการขึ้นบิน-ลงจอดในแนวดิ่งในพื้นที่แคบ อีกทั้งคล่องตัวและยืดหยุ่นมากกว่าเรือเหาะประเภทอื่น ๆ

ด้าน โจวเหลย หัวหน้าผู้ออกแบบโครงการเรือเหาะลำนี้ เผยว่า เที่ยวบินดังกล่าวตรวจสอบการสื่อสารบนเที่ยวบิน การบรรทุกอุปกรณ์ ตลอดจนศักยภาพการขึ้นบิน-ลงจอดของเอเอส700 อย่างครบถ้วน ซึ่งวางรากฐานสำหรับเที่ยวบินระยะไกลและยาวนานขึ้นในอนาคต

บริษัทฯ ได้รับคำสั่งซื้อเรือเหาะรุ่นนี้จำนวน 18 ลำแล้ว หลังจากเอเอส700 ได้รับใบรับรองแบบในจีนเมื่อปี 2023 โดยลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในแวดวงภาคการท่องเที่ยวชมวิวในระดับต่ำ

ทีมพัฒนาเรือเหาะเอเอส700 วางแผนปรับปรุงอากาศยานลำนี้เพิ่มเติมเพื่อขยายสถานการณ์การใช้งานให้ครอบคลุมการช่วยเหลือฉุกเฉิน บริการสาธารณะในเมือง และด้านอื่น ๆ

เรือเหาะแบบมีมนุษย์ควบคุมประเภทแคปซูลเดี่ยว มีน้ำหนักขึ้นบินสูงสุด 4,150 กิโลกรัม พิสัยการบินสูงสุด 700 กิโลเมตร ระยะเวลาการบินสูงสุด 10 ชั่วโมง และความจุสูงสุด 10 คน (รวมนักบิน)

‘กงสุลใหญ่ฯ ฟูกูโอกะ’ เตือนภัยคนไทย หลังแผ่นดินไหวไต้หวัน แนะ!! ปฏิบัติตามคำแนะนำของทางการญี่ปุ่นอย่างเคร่งครัด

(3 เม.ย.67) สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฟูกูโอกะ ประกาศเตือนภัยสึนามิ ระบุว่า ด้วยวันนี้ (วันพุธที่ 3 เมษายน 2567) เวลาประมาณ 09.02 น. (เวลาท้องถิ่นในญี่ปุ่น) เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.5 แมกนิจูด ที่ไต้หวัน โดยพบแรงสั่นสะเทือนสูงสุดระดับ 4 ที่เกาะโยนากูนิ (ใกล้กับไต้หวัน) กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นได้ออกประกาศเตือนภัยสึนามิ ในเกาะโอกินาวะ เกาะมิยาโกจิมะ หมู่เกาะยาเอยามะ โดยขอให้ประชาชนอพยพทันที คาดการณฺ์ว่า คลื่นอาจสูงถึง 3 เมตร และอาจจะสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ในบางพื้นที่ 

ในการนี้ ขอให้ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวและพื้นที่ใกล้เคียง โปรดปฏิบัติตามคำแนะนำของทางการท้องถิ่นอย่างเคร่งครัด จนกว่าจะมีประกาศยกเลิกเตือนภัย และติดตามข่าวสารของทางการญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด

กรณีฉุกเฉินสามารถติดต่อสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฟูกูโอกะ ได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉิน  090-9572-1515 หรือ 090-2585-3027

‘นร.วัย 12’ กราดยิงโรงเรียนในฟินแลนด์ ดับสลด 1 ศพ บาดเจ็บสาหัส 2 ราย

(3 เม.ย. 67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจฟินแลนด์ยืนยันว่าเหตุกราดยิงโรงเรียนใกล้กรุงเฮลซิงกิ เมืองหลวงของฟินแลนด์ เมื่อวานนี้ (2 เม.ย. 67) ส่งผลให้มีเด็กนักเรียนเสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บอีก 2 ราย ซึ่งเด็กที่เสียชีวิต บาดเจ็บ รวมถึงผู้ต้องสงสัยก่อเหตุต่างเป็นนักเรียนวัย 12 ปีในโรงเรียนเดียวกัน

รายงานระบุว่านักเรียนผู้ต้องสงสัยถูกตำรวจควบคุมตัวได้บริเวณใกล้โรงเรียนภายใน 1 ชั่วโมงหลังจากเกิดเหตุ และพบว่าเขาพกอาวุธปืนไว้กับตัว ด้านเพทเทรี ออร์โพ นายกรัฐมนตรีฟินแลนด์ และรัฐมนตรีคนอื่น ๆ ได้ออกมาแสดงความตกใจและหวาดหวั่นเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยว่าสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องสงสัยเป็นคนก่อเหตุกราดยิงที่โรงเรียน ได้อย่างไม่เกิดเหตุรุนแรง ที่ย่าน Siltamaki ซึ่งอยู่ห่างจากโรงเรียนไปไกลพอสมควร ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องสงสัยและยึดอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุกราดยิงได้แล้ว

ตำรวจฟินแลนด์เผยด้วยว่า ขณะนี้ไม่มีผู้ต้องสงสัยคนอื่นที่ร่วมก่อเหตุกราดยิงในครั้งนี้ และเนื่องจากเด็กที่เสียชีวิตและบาดเจ็บ รวมทั้งมือปืนที่ก่อเหตุยังเป็นเด็ก อายุเพียง 12 ปีและเรียนที่โรงเรียนนี้ จึงไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้ 

ในขณะที่ผู้ต้องสงสัยก่อเหตุกราดยิง ได้ยอมรับระหว่างถูกตำรวจสอบปากคำในเบื้องต้น และเจ้าหน้าที่ตำรวจจะส่งตัวไปให้อยู่ในความดูแลของหน่วยงานประชาสงเคราะห์ เนื่องจากเขายังเด็กเกินไปที่จะควบคุมตัวในห้องขัง

อนึ่ง เหตุกราดยิงครั้งนี้เกิดขึ้นที่โรงเรียนเวียร์โตลา (Viertola) ในเมืองวานตา ซึ่งมีนักเรียนประมาณ 800 คน และมีเจ้าหน้าที่ 90 คน

‘เกาหลีใต้’ สร้าง ‘ดวงอาทิตย์เทียม’ ได้สำเร็จ ร้อนกว่าดวงอาทิตย์จริง 7 เท่า นาน 48 วินาที

(3 เม.ย. 67) จากเพจเฟซบุ๊ก ‘Business Tomorrow’ โพสต์ข้อความ เกาหลีใต้สร้าง ‘ดวงอาทิตย์เทียม’ ร้อนกว่าดวงอาทิตย์จริง 7 เท่า ระบุข้อความว่า…

“นับเป็นครั้งแรกที่เครื่องปฏิกรณ์ฟิวชันโทคามัค แอดวานซ์ รีเสิร์ซ (Tokamak Advanced Research หรือ KSTAR) หรือชื่อที่รู้จักในวงการเทคโนโลยีพลังงานว่า ดวงอาทิตย์เทียมของเกาหลีใต้ (Korean Artificial Sun) พัฒนาโดยสถาบัน Korea Institute of Fusion Energy (KFE) ในประเทศเกาหลีใต้ สามารถสร้างอุณหภูมิได้สูงถึง 100 ล้านองศาเซลเซียส หรือก็คือร้อนกว่าแกนกลางดวงอาทิตย์ที่มีอุณหภูมิประมาณ 15 ล้านองศาเซลเซียสประมาณ 7 เท่า และสามารถคงอุณหภูมินี้ไว้ได้นาน 48 วินาที ความสำเร็จนี้เกิดขึ้นในการทดสอบระหว่างเดือนธันวาคม 2023 - กุมภาพันธ์ 2024”

และระบุเพิ่มเติมว่า “นอกจากจะสามารถสร้างอุณหภูมิได้มหาศาลแล้ว ยังสามารถอยู่ในโหมดการจำกัดสูง (High Confinement Mode) หรือโหมด H ซึ่งเป็นขั้นที่พลาสมาเสถียร ได้นานกว่า 100 วินาที ความสำเร็จครั้งนี้ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่ของ KSTAR เพราะเมื่อในปี 2021 ศักยภาพของ KSTAR สามารถสร้างอุณหภูมิสูงเพียง 1 ล้านองศาเซลเซียส และอยู่ในโหมดการจำกัดสูงได้เป็นเวลา 30 วินาทีเท่านั้น”

แม้ว่าจะไม่ได้มีรูปร่างหน้าตาและขนาดใหญ่เท่ากับดวงอาทิตย์ แต่ด้วยกระบวนการสร้างพลังงานภายในที่อาศัยปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชัน รวมถึงผลลัพธ์ที่ได้ออกมาได้ความร้อนในระดับเดียวกันกับดาวฤกษ์ที่เป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะดวงนี้ เครื่องปฏิกรณ์ฟิวชันนี้จึงเสมอเหมือนเป็นดวงอาทิตย์เทียมนั่งเอง
ดังนั้นผลลัพธ์ในการทดลองของ KSTAR ครั้งนี้ ก็จะถือเป็นข้อมูลล้ำค่าให้โครงการอื่น ๆ นำไปศึกษาและพัฒนาเพิ่มเติม เช่น โครงการเครื่องปฏิกรณ์ทดลองเทอร์โมนิวเคลียร์ระหว่างประเทศ ( International Thermonuclear Experimental Reactor หรือ ITER) ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ระดับนานาชาติมูลค่า 2.15 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 7.82 แสนล้านบาท โครงการนี้ตั้งอยู่ในประเทศฝรั่งเศส แต่มีหลายประเทศร่วมพัฒนา เช่น เกาหลีใต้ จีน สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และรัสเซีย

‘ไต้หวัน’ เผชิญ 'แผ่นดินไหว' รุนแรง 7.3 แมกนิจูด ด้าน ‘จีน’ ออกประกาศเฝ้าระวัง 'สึนามิ' ระดับสูงสุด

(3 เม.ย.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ศูนย์เครือข่ายแผ่นดินไหวแห่งประเทศจีน รายงานเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 7.3 ตามมาตราแมกนิจูด บริเวณน่านน้ำใกล้กับเมืองฮวาเหลียนบนเกาะไต้หวัน ตอน 07.58 น. วันนี้ตามเวลาของปักกิ่ง

ทั้งนี้ รายงานระบุว่า จุดศูนย์กลางการสั่นไหวอยู่ที่ละติจูด 23.81 องศาเหนือ และลองจิจูด 121.74 องศาตะวันออก ณ ความลึก 12 กิโลเมตร

กลุ่มผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวซินหัวในเมืองไทเปเผชิญการสั่นสะเทือนรุนแรง โดยอาคารสั่นไหวอย่างต่อเนื่องนานมากกว่าหนึ่งนาที และลิฟต์ของอะพาร์ตเมนต์ของกลุ่มผู้สื่อข่าวถูกระงับการใช้งาน

สื่อท้องถิ่นรายงานว่า หลายพื้นที่ของไต้หวันสามารถรับรู้แรงสั่นสะเทือนจากเหตุแผ่นดินไหว ด้านระบบรถไฟใต้ดินของไต้หวันระงับการเดินรถนาน 40-60 นาที

ด้านหน่วยงานอุตุนิยมวิทยาของไต้หวัน ระบุว่า เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.2 ตามมาตราแมกนิจูด ตอน 07.58 น. ของวันนี้ (3 เม.ย.) ณ ความลึก 15.5 กิโลเมตร โดยจุดศูนย์กลางอยู่ห่างจากตอนใต้-ตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐบาลอำเภอฮวาเหลียนราว 25 กิโลเมตร และความรุนแรงสูงสุดอยู่ที่ 6 ตามมาตราแมกนิจูดในอำเภอฮวาเหลียน

หลังจากนั้นเกิดอาฟเตอร์ช็อกหรือแผ่นดินไหวตาม โดยศูนย์ฯ รายงานว่าแผ่นดินไหวอีก 2 ครั้ง ขนาด 6.0 และ 5.9 ตามมาตราแมกนิจูด เกิดขึ้นภายในราว 40 นาที และจุดศูนย์กลางการสั่นไหวอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกัน

ทั้งนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติของจีนประกาศเตือนภัยสึนามิ ระดับสีแดง หลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหวข้างต้น ระบุว่าน่านน้ำโดยรอบจุดศูนย์กลางการสั่นไหวอาจเผชิญสึนามิ ซึ่งจะสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อพื้นที่ชายฝั่งที่ครอบคลุมทางตะวันออกของไทเปและฮวาเหลียน

สำหรับระบบเตือนภัยสึนามิของจีนแบ่งเป็น 4 ระดับ 4 สี โดยสีแดงหมายถึงความรุนแรงสูงสุด


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top