Friday, 10 May 2024
World

‘อากาศยานไร้คนขับ' ลำใหม่ ‘ฝีมือจีน’ พร้อมขึ้นบินเที่ยวแรกแล้ว ชี้ ช่วยปฏิบัติหลากภารกิจ ‘โลจิสติกส์-ดับเพลิง-ฝนเทียม-การสื่อสาร’

(5 เม.ย. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า บริษัทอุตสาหกรรมการบินแห่งประเทศจีน (AVIC) เผยว่าต้นแบบระบบอากาศยานไร้คนขับ (UAS) อเนกประสงค์เชิงพาณิชย์ลำใหม่ พร้อมที่จะออกขึ้นบินเที่ยวแรกแล้ว หลังจากเสร็จสิ้นการทดสอบขับเคลื่อนอัตโนมัติด้วยความเร็วสูงครั้งสุดท้ายไม่นานมานี้

ทั้งนี้ ระบบอากาศยานเอชเอช-100 (HH-100) ซึ่งพัฒนาขึ้นเองของจีน สามารถทำงานอย่างเสถียรระหว่างการทดสอบ ขณะศักยภาพควบคุมการขับเคลื่อนอัตโนมัติทำงานได้เป็นอย่างดี 

เอชเอช-100 พัฒนาโดยบริษัทเอวิก เอ็กซ์เอซี คอมเมอร์เชียล แอร์คราฟต์ จำกัด ในนครซีอัน มณฑลส่านซีทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน โดยแบ่งออกเป็นสองส่วนหลัก ได้แก่ อากาศยานไร้คนขับ และสถานีสั่งการและควบคุมภาคพื้นดิน

ระบบดังกล่าวมีต้นทุนต่ำ น้ำหนักบรรทุกสูง รวมถึงจุดแข็งอื่น ๆ โดยได้รับการออกแบบให้มีน้ำหนักขึ้นบินสูงสุด 2,000 กิโลกรัม น้ำหนักบรรทุก 700 กิโลกรัม และพิสัยการบิน 520 กิโลเมตร

เอชเอช-100 สามารถปฏิบัติภารกิจได้หลากหลาย เช่น โลจิสติกส์ระดับภูมิภาค การดับเพลิงในพื้นที่ป่าและทุ่งหญ้า การติดตามไฟไหม้ การจัดส่งสิ่งของบรรเทาภัยพิบัติ การถ่ายทอดการสื่อสาร และส่งเสริมการทำฝนเทียม

CATL เปิดตัวแบตฯ ใหม่ อายุการใช้งาน 15 ปี รองรับวิ่ง 1.5 ล้านกิโลเมตร เผย!! มีบัสไฟฟ้ารายใหญ่จากจีน เซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรยาว 10 ปี

เมื่อไม่นานมานี้ CATL ได้เปิดตัวแบตเตอรี่ LFP รุ่นใหม่ รองรับการใช้งาน 1.5 ล้านกิโลเมตร อยู่ได้นาน 15 ปี พร้อมการันตีชาร์จ 1,000 รอบโดยไม่เสื่อมสภาพเลย 

CATL ผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่ของจีน เปิดตัวแบตเตอรี่รุ่นใหม่แบบ lithium iron phosphate (LFP) ที่มีอายุการใช้งานยาวนาน รองรับการใช้งานในรถยนต์ 1.5 ล้านกิโลเมตร การันตีอายุการใช้งานนาน 15 ปี โดยการชาร์จ 1,000 รอบแรกจะไม่เสื่อมสภาพเลย (zero degradation)

ลูกค้ารายแรกของ CATL คือ Yutong Bus ผู้ผลิตรถบัสไฟฟ้ารายใหญ่ของจีนที่มีลูกค้าทั่วโลก โดยทั้งสองบริษัทเซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรยาวนาน 10 ปี ตั้งแต่ปี 2022

เกิดเหตุ ‘แผ่นดินไหว’ ขนาด 4.8 ในมลรัฐ ‘นิวเจอร์ซีย์’ ความรุนแรงมากที่สุด ในรอบกว่า 200 ปี สะเทือนถึง ‘วอชิงตัน-นิวยอร์ก’

(6 เม.ย.67) จากข้อมูลการสำรวจทางธรณีวิทยาของสหรัฐฯ ระบุว่าแผ่นดินไหวขนาด 4.8 ซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนักทางตอนเหนือของมลรัฐ New Jersey เมื่อวันศุกร์ ถือเป็นแผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดเป็นอันดับ 3 ที่เกิดขึ้นในมลรัฐนี้

แผ่นดินไหวช่วงเช้าวันศุกร์ยังถือเป็นแผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1783 หรือกว่า 240 ปีมาแล้ว แผ่นดินไหวขนาด 5.1 สองครั้งเป็นแผ่นดินไหวที่รุนแรงเพียงครั้งเดียวในมลรัฐนี้ ครั้งแรกในปี 1755 และอีกครั้งในปี 1783 ทั้งสองเกิดขึ้นก่อนที่ New Jersey จะกลายเป็นมลรัฐหนึ่งของสหรัฐอเมริกาในเดือนธันวาคม 1787 แต่เกิดขึ้นในพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ซึ่งปัจจุบันเป็นเขตแดนของมลรัฐนี้แล้ว

ข้อมูลของ สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาแห่งสหรัฐอเมริกา (United States Geological Survey : USGS ระบุว่าแผ่นดินไหวครั้งนี้รุนแรงเป็นอันดับ 3 ที่เกิดขึ้นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือในรอบ 50 ปี และรุนแรงที่สุดเป็นอันดับ 10 ในภูมิภาคนี้ แผ่นดินไหวในมลรัฐ New Jersey และภูมิภาคนี้เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก มีแผ่นดินไหวขนาด 2.5 แมกนิจูดหรือมากกว่านั้นเกิดขึ้นเพียง 24 ครั้งในมลรัฐ New Jersey นับตั้งแต่ปี 1700

USGS ระบุว่าเกิดอาฟเตอร์ช็อกขนาด 4.0 ในมลรัฐ New Jersey ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองแกลดสโตน ของมลรัฐนี้ อาฟเตอร์ช็อกเกิดขึ้นเกือบ 8 ชั่วโมงหลังจากเกิดแผ่นดินไหวขนาด 4.8 เกิดอาฟเตอร์ช็อกมาแล้วอย่างน้อย 10 ครั้ง แม้ว่าส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วง 1.8 ถึง 2.2 แมกนิจูด 

USCG ระบุว่า แผ่นดินไหวขนาด 4.8 เขย่าอาคารต่าง ๆ ทั่วทั้งพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ เมื่อเช้าวันศุกร์ โดยรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนตั้งแต่กรุง Washington, DC ไปจนถึงมหานคร New York และมลรัฐ Maine แต่ไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือหลังแผ่นดินไหวในมลรัฐ New Jersey และการคมนาคมหยุดชะงักเพียงไม่นาน และผู้คนก็สามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้อีกครั้ง

นักวิจัยจีน ปลูกถ่าย ‘ไตหมูดัดแปลงพันธุกรรม’ ในผู้ป่วยที่มีภาวะสมองตาย เผยเป็นทางเลือกใหม่ ให้กับผู้ป่วย ‘โรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย’

เมื่อวานนี้ (5 เม.ย.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นักวิจัยจีนประกาศความสำเร็จในการปลูกถ่ายไตหมูดัดแปลงพันธุกรรมในผู้ป่วยที่มีภาวะสมองตาย ซึ่งไตดังกล่าวสามารถทำงานได้ดีในร่างกายมนุษย์เป็นระยะเวลา 9 วัน นับตั้งแต่วันผ่าตัดเมื่อวันที่ 25 มี.ค. จนถึงวันพุธ (3 เม.ย.) และความสำเร็จครั้งนี้ถือเป็นความก้าวหน้าอีกขั้นภายหลังการปลูกถ่ายตับหมูดัดแปลงพันธุกรรมในผู้ป่วยที่มีภาวะสมองตายเมื่อเดือนก่อน

การปลูกถ่ายนาน 6 ชั่วโมง 15 นาทีครั้งล่าสุดนี้ได้รับคำแนะนำจากโต้วเคอเฟิง นักวิชาการจากสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน และดำเนินการโดยทีมงานที่นำโดยฉินเว่ยจวิน แพทย์จากโรงพยาบาลซีจิงในเครือมหาวิทยาลัยการแพทย์กองทัพอากาศ ในนครซีอัน มณฑลส่านซีทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน

ฉินระบุว่าทีมงานได้ย้ายไตหมูที่ผ่านการตัดต่อยีนใส่บริเวณท้องน้อยฝั่งขวาของผู้ป่วยรายดังกล่าว โดยหลังจากถอดอุปกรณ์หนีบห้ามเลือดออก พบไตที่ปลูกถ่ายสามารถผลิตน้ำปัสสาวะได้ทันที ส่วนการอัลตราซาวนด์ระหว่างผ่าตัดเผยให้เห็นการไหลเวียนของเลือดที่ดี ซึ่งบ่งชี้ว่าไม่มีปฏิกิริยาต่อต้านอวัยวะใหม่ที่ร้ายแรง

แผนการผ่าตัดเพื่อปลูกถ่ายไตหมูดัดแปลงพันธุกรรมผ่านการพิจารณาและอนุมัติโดยคณะกรรมการด้านวิชาการและจริยธรรมต่าง ๆ และดำเนินการตามระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้องของจีนอย่างเคร่งครัด โดยครอบครัวของผู้ป่วยยินดีที่จะมีส่วนร่วมในการวิจัยข้างต้นเพื่อสนับสนุนความก้าวหน้าทางการแพทย์

การวิจัยการปลูกถ่ายข้ามสายพันธุ์ (xenotransplantation) มีความก้าวหน้าอย่างมากช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยมีการพัฒนาเชิงลึกในด้านเทคโนโลยีการตัดต่อยีนและภูมิคุ้มกันวิทยา และอาจกลายเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพที่จะแก้ปัญหาขาดแคลนอวัยวะสำหรับการปลูกถ่าย

ฉินระบุว่าการวิจัยครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการปลูกถ่ายข้ามสายพันธุ์ในจีน ซึ่งจะปูทางสู่การวิจัยและประยุกต์ใช้การปลูกถ่ายประเภทนี้ในทางคลินิก พร้อมมอบทางเลือกใหม่ให้กับผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายในอนาคต

อนึ่ง เมื่อวันที่ 10 มี.ค. โรงพยาบาลฯ ประสบความสำเร็จในการปลูกถ่ายตับหมูดัดแปลงพันธุกรรมในผู้ป่วยที่มีภาวะสมองตายได้สำเร็จ ซึ่งสามารถทำงานได้ดีในร่างกายมนุษย์เป็นระยะเวลา 10 วัน ก่อนที่การศึกษาจะสิ้นสุดลงตามความต้องการของครอบครัวผู้ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ

โอกาสมาแล้ว!! เรียนต่อด้าน บริหารธุรกิจ และเศรษฐศาสตร์ ที่ เมืองเฉิงตู Southwestern University of Finance and Economics

(6 เม.ย.67) Southwestern University of Finance and Economics มหาวิทยาลัยชั้นนำ ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านสาขาวิชา บริหารธุรกิจ และเศรษฐศาสตร์ ได้เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจจะศึกษาทางด้านศาสตร์วิชาดังกล่าว โดยได้เปิดรับสมัครแล้ว วันนี้!!
 

ผลสำรวจ เผย คนวัยผู้ใหญ่ 50% ในประเทศเศรษฐกิจใหญ่เครียดเรื่องเงิน ยอมรับการเงินรุ่นพ่อแม่แข็งแรงกว่า แถมห่วงการเงินลูกหลานในอนาคต

(6 เม.ย.67) BTimes เปิดเผยรายงานผลสำรวจความมั่นคงการเงินระหว่างประเทศ หรือ International Your Money Financial Security Survey จาก เซอร์เวย์มังกี้ (SurveyMonkey) ซึ่งรวบรวมข้อมูลจากการสำรวจผู้ใหญ่ทั้งหมด 4,342 คน ในช่วงเดือนมีนาคม 2024 พบว่า ประชากรวัยผู้ใหญ่มากกว่าครึ่งหนึ่งในกลุ่มประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ มีความเครียดด้านการเงินส่วนบุคคล สาเหตุจากภาวะเงินเฟ้อในระดับสูงเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ค่าเงินลดเสื่อมลง นอกจากนี้ มีสัดส่วนจำนวนมากยอมรับว่า ตนเองมีฐานะทางการเงินแย่กว่าพ่อแม่ และมีมุมมองด้านลบต่ออนาคตทางการเงินของลูกหลาน

ประชากรวัยผู้ใหญ่ที่อาศัยอยู่ใน สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย สเปน และเม็กซิโกในสัดส่วนราว 70% ยอมรับว่า มีความเครียดค่อนข้างมากถึงมากในเรื่องการเงิน ขณะที่สัดส่วนดังกล่าวมีที่ 63% ในประชากรวัยผู้ใหญ่ในสหราชอาณาจักร มีถึง 57% ในเยอรมนี มี 55 % ในสวิตเซอร์แลนด์ และมี 50% ในสิงคโปร์ และฝรั่งเศส

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดความเครียดทางการเงิน ได้แก่ ภาวะเงินเฟ้อสูง ขาดแคลนเงินออม ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น

ผลสำรวจเปิดเผยว่า ชนชั้นกลางเป็นกลุ่มคนที่มีความสะดวกสบายทางการเงินในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม พบว่า 45%-62% ของผู้ตอบแบบสำรวจในครั้งนี้กลับยอมรับว่าเป็นชนชั้นกลางที่ใช้เงินแบบเดือนชนเดือน ในทำนองเดียวกัน สัดส่วนราวครึ่งหนึ่ง หรือ 50% ในออสเตรเลีย เยอรมนี และสหราชอาณาจักร ยอมรับว่าตนเองมีสถานะทางการเงินย่ำแย่กว่าเมื่อ 5 ปีที่แล้ว หรือตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์โรคระบาดโควิด-19 ที่น่าสนใจ คือ ผู้ตอบแบบสำรวจในสิงคโปร์และเม็กซิโก ซึ่งเป็นเพียง 2 ประเทศเท่านั้น ที่ส่วนใหญ่ยอมรับว่าตนเองมีฐานะทางการเงินดีกว่าพ่อแม่

ชายอายุยืนที่สุดในโลก เผยเคล็ดลับการอยู่นาน  ‘ฟิชแอนด์ชิปส์-รู้จักพอดี-มีโชค’ ทำให้อยู่มา 111 ปี

(7 เม.ย.67) จอห์น อัลเฟรด ทินนิสวูด ชายชาวอังกฤษวัย 111 ปี ได้รับการยืนยันว่า เป็นผู้ครองตำแหน่งชายที่มีอายุยืนยาวที่สุดในโลกคนใหม่โดยกินเนสส์บุ๊ก หลังการเสียชีวิตของนายฮวน วิเซนเต เปเรซ เจ้าของสถิติเดิมชายเวเนซุเอลา ที่เพิ่งเสียชีวิตในเดือนนี้ขณะมีอายุ 114 ปี และนายกิซาบุโร โซโนเบะ จากญี่ปุ่น ซึ่งมีอายุมากที่สุดในลำดับถัดมาคือ 112 ปี ก็เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 31 มีนาคมเช่นกัน

ทินนิสวูดได้รับเอกสารรับรองจากกินเนสส์บุ๊ก เวิลด์ เรคคอร์ดส์ เมื่อวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา ที่บ้านพักคนชราในเซาท์พอร์ท ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอังกฤษ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เขาอาศัยอยู่ในปัจจุบัน

ทินนิสวูดเกิดที่เมืองลิเวอร์พูล เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2455 ไม่กี่เดือนหลังจากเรือไททานิคจมลงสู่ใต้ท้องทะเล เขาใช้ชีวิตผ่านช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเขารับราชการในกองทัพอังกฤษด้วย

คุณทวดนักบัญชีที่เกษียณอายุการทำงานมานานแล้วกล่าวว่า การรู้จักความพอดีและพอประมาณเป็นกุญแจสำคัญในการมีสุขภาพที่ดี เขาไม่เคยสูบบุหรี่ ไม่ค่อยดื่มเหล้า และไม่รับประทานอาหารใดๆ เป็นพิเศษ ยกเว้นการทานฟิชแอลน์ชิปส์เป็นมื้อเย็นสัปดาห์ละครั้ง

“ถ้าคุณดื่มมากไป กินมากไป หรือเดินมากไป ถ้าคุณทำอะไรมากเกินไป ในที่สุดแล้วคุณก็จะต้องทรมานเอง” เจ้าของสถิติโลกด้านอายุยืนคนใหม่ระบุ แต่ก็รับว่า “ไม่ว่าจะอายุยืนยาวหรืออายุสั้น มันเป็นเรื่องของโชคล้วนๆ คุณไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก”

ขณะที่ผู้หญิงซึ่งครองตำแหน่งสตรีอายุยืนที่สุดในโลกคือ มาเรีย แบรนยาส โมเรรา จากสเปนที่มีอายุยืนถึง 117 ปี

สังคมเกาหลีเดือด กระแส 4B Movement ลาม ทำอัตราเด็กแรกเกิดเกาหลีใต้ต่ำที่สุดในโลก

ขบวนการสตรีนิยม (กลุ่ม เฟมินิสต์) ในเกาหลีใต้ กำลังตกเป็นจำเลยสังคมเมื่อถูกกล่าวหาว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้เกาหลีใต้มีอัตราเด็กแรกเกิดน้อยที่สุดในโลก เนื่องจากจุดกระแส 4B Movement ที่ให้ผู้หญิงเกาหลีลุกขึ้นมาปฏิเสธการแต่งงาน และการมีลูก 

กระแส 4B Movement ย่อมาจากแนวทางการปฏิเสธบรรทัดฐานของสังคมต่อผู้หญิง 4 ประการของเกาหลีใต้ได้แก่...

- Bihon (非婚) - ปฏิเสธการแต่งงานกับผู้ชาย
- Bichulsan (非出産) - ปฏิเสธการมีลูก
- Biyeonae (非戀愛) - ปฏิเสธการดูตัวกับผู้ชาย
- Bisekseu ( 非sex) - ปฏิเสธการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย 

โดยกระแส 4B Movement เริ่มเกิดขึ้นราวๆ ปี 2019 ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก 'คิมจียอง เกิดปี 82' นิยายแนวเฟมินิสม์ เรื่องดังของเกาหลีใต้ ของ 'โช นัม-จู' ที่มียอดจำหน่ายสูงกว่า 1 ล้านเล่ม ต่อมาถูกนำมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ นำแสดงโดยดาราชื่อดังระดับแถวหน้าของเกาหลีใต้อย่าง ช็อง ยู-มี และกงยู มาแล้ว 

และเคยเป็นนิยายที่ทำให้เกิดกระแสต่อต้านจากกลุ่ม 'ชายแท้' และ 'กลุ่มอนุรักษ์นิยม' ในเกาหลีใต้อย่างรุนแรง ถึงกับประกาศบอยคอดนักแสดงหญิงทุกคนที่อ่านนิยายเล่มนี้ออกสื่อ หรือจะไม่ยอมแต่งงานกับผู้หญิงที่เคยอ่านนิยายเล่มนี้โดยเด็ดขาด 

แต่ในขณะเดียวกัน นิยายเล่มนี้ก็ได้รับเสียงตอบรับที่ชื่นชมอย่างถล่มทลายจากนักวิจารณ์วรรณกรรม และ กลุ่มนักอ่านผู้หญิง และเป็นต้นกำเนิดของกระแส 4B Movement ของกลุ่มสตรีนิยมสุดโต่งในเกาหลีใต้ในเวลาต่อมา ที่คาดว่าน่าจะสมาชิกราวๆ 5 พัน - 5 หมื่นคนทั่วประเทศ

แม้จะมีเคลื่อนไหวในกลุ่มสตรีนิยมของเกาหลีใต้มานานหลายปีแล้ว แต่อยู่ดีๆ ก็มีการพูดถึงกระแส 4B ขึ้นมาอีก เมื่อมียูทูปเบอร์ 2 สาวชื่อดัง จอง เซ-ยองและ แบ็ก ฮา-นา ได้แสดงความคิดเห็นของพวกเธอผ่านช่อง SOLOdarity ว่าการแต่งงานเป็น 'สาเหตุที่แท้จริงของระบบปิตาธิปไตย' หรือระบบที่ผู้ชายเป็นใหญ่ และ 2 สาวยูทูบเบอร์ยังสนับสนุนให้ผู้หญิงเกาหลีลุกขึ้นมาปฏิเสธค่านิยมที่ว่าด้วยเรื่องหน้าที่ของผู้หญิงที่ฝังรกลึกมาแต่โบราณ รวมถึง การต้องแต่งงาน หรือ ต้องมีลูกให้ได้

จึงทำให้มีการหยิบประเด็นเรื่อง 4B กลับมาถกเถียงกันอย่างร้อนแรงใน Tiktok ของเกาหลีใต้อีกครั้งโดยดาว TikTok สาวชื่อ Jeanie ได้ออกมาวิจารณ์ว่า การปฏิเสธผู้ชายนั่นต่างหากที่อาจทำให้ผู้หญิงสูญพันธุ์ และเกาหลีก็จะสิ้นชาติ แต่ประเด็นคือ กระแส 4B เกิดจากการที่สังคมเกาหลีมีแนวคิดเหยียด และรังเกียจผู้หญิงมาตลอด จึงทำให้ผู้หญิงเกาหลีใต้จำนวนมากลุกขึ้นมาต่อต้านความสัมพันธ์ระหว่างชาย-หญิง และ บรรทัดฐานทางสังคมที่มีต่อผู้หญิงเกาหลี

ซึ่งตอนนี้กระแส 4B ก็เริ่มลุกลามออกไปนอกเกาหลีแล้ว จากการแชร์ในโซเชียลมีเดียต่างๆ ที่มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก และกำลังถูกกล่าวหาว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้เกาหลีใต้มีอัตราเด็กเกิดใหม่ต่ำที่สุดในโลกในปี 2023 ที่ผ่านมาด้วยอัตราเด็กแรกเกิดเพียง 0.78 เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยโลกที่ 2.3 และสอดคล้องกับผลสำรวจความเห็นของผู้หญิงเกาหลีใต้ล่าสุด กว่า 65% ระบุว่าไม่ต้องการมีลูก

สื่อเกาหลีใต้ชี้ว่า กระแส 4B ส่วนหนึ่งก็เกิดจากการตอบโต้ของผู้หญิงเกาหลี ต่อความรุนแรงในสังคมที่ผู้หญิงมักเป็นเหยื่อผู้ถูกกระทำ อาทิ คดีฆาตกรรมหญิงสาวในห้องน้ำสาธารณะเมื่อไม่นานมานี้ โดยชายหนุ่มที่อ้างว่าโกรธแค้นเพราะฝ่ายหญิงหมางเมิน ไม่สนใจเขา 

อย่างไรก็ตาม กระแส 4B Movement ก็ยังถือว่าเป็นเพียงกลุ่มเคลื่อนไหวเล็กๆ ในเกาหลีใต้เท่านั้น ไม่อาจระบุว่าเป็นตัวแทนกลุ่มประชากรหญิงของเกาหลีใต้ทั้งหมดได้ ซึ่งปัจจัยที่ทำให้เกาหลีใต้มีเด็กเกิดน้อย หรือ ผู้หญิงเกาหลีใต้ไม่อยากแต่งงาน หรือ ไม่อยากมีลูก ไม่ได้เกิดจากกระแสเรื่อง 4B Movement เพียงอย่างเดียว แต่ต้องพิจารณาเรื่องปัจจัยด้านเศรษฐกิจ สังคม สวัสดิการช่วยเหลือของรัฐบาล หรือค่านิยมโดยรวมที่เปลี่ยนไปของคนหนุ่ม-สาวรุ่นใหม่ด้วย 

เพราะเรื่องของหัวใจ และ ความรักระหว่างหญิง-ชาย กับ ความพร้อมในการดูแลลูกนั้น ไม่ใช่เรื่องเดียวกัน 

 

‘รมต.จีน’ ชี้ รถ EV จากจีน ได้เปรียบในการแข่งขัน ไม่ใช่เพราะเงินอุดหนุน ย้ำ มีการสร้างสรรค์ นวัตกรรม อย่างต่อเนื่อง ห่วงโซ่อุปทานมีเสถียรภาพ

(8 เม.ย.67) สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า หวังเหวินเทา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของจีน กล่าวว่าการพัฒนาอันรวดเร็วของกลุ่มผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของจีนเป็นผลจากการสร้างสรรค์นวัตกรรมเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ระบบห่วงโซ่อุปทานที่มีเสถียรภาพ และการแข่งขันในตลาดอย่างเต็มรูปแบบ ไม่ใช่เงินอุดหนุน ดังนั้นคำกล่าวหา "กำลังการผลิตล้นเกิน" จากสหรัฐฯ และยุโรปจึงไม่มีมูล

หวัง ซึ่งเดินทางเยือนกรุงปารีสของฝรั่งเศส กล่าวว่าการพัฒนาของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของจีนมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงการเปลี่ยนผ่านอันเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและปล่อยคาร์บอนต่ำทั่วโลกอย่างมาก และรัฐบาลจีนจะสนับสนุนกลุ่มผู้ประกอบการในการคุ้มครองสิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมตามกฎหมายอย่างจริงจัง

ยามเผชิญกับความท้าทายและความไม่แน่นอนจากภายนอก กลุ่มผู้ประกอบการควรเพิ่มพูนขีดความสามารถภายใน ยึดมั่นการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ เสริมสร้างการจัดการความเสี่ยง และให้ความสำคัญกับการพัฒนาอันเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยกลุ่มผู้ประกอบการของจีนควรกระชับความร่วมมือกับผู้ประกอบการท้องถิ่น แสวงหาการพัฒนาร่วมกัน พร้อมมีส่วนร่วมและส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านอันเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมทั่วโลก

อนึ่ง คณะผู้แทนจากหอการค้าแห่งประเทศจีนประจำสหภาพยุโรป และกลุ่มผู้ประกอบการมากกว่า 10 ราย อาทิ จี๋ลี่ (Geely) เอสเอไอซี (SAIC) บีวายดี (BYD) และซีเอทีแอล (CATL) ได้เข้าร่วมการประชุมที่มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพการจัดกระบวนของกลุ่มผู้ประกอบการจีนและกระชับความร่วมมือเชิงปฏิบัติระหว่างจีนและยุโรปในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า

ผู้เข้าร่วมประชุมแจกแจงการลงทุนและการดำเนินงานในยุโรป รวมถึงการรับมือกับการสอบสวนเพื่อต่อต้านเงินอุดหนุนของสหภาพยุโรป โดยพวกเขาแสดงคำมั่นจะเดินหน้าส่งเสริมการสร้างสรรค์นวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ยึดมั่นการเปิดกว้างและความร่วมมือ ดำเนินการแข่งขันอย่างเป็นธรรม รับมือกับข้อขัดแย้งทางการค้าอย่างจริงจัง และสร้างผลลัพธ์ที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ผ่านความร่วมมือเชิงปฏิบัติกับหุ้นส่วนในยุโรป

Chevron โอนหุ้นโครงการท่อก๊าซยาดานาให้ ปตท.ก่อนถอนตัวออกจากพม่า ส่ง ปตท.ผู้ถือหุ้นใหญ่ ด้วยสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 62.96%

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (8 เม.ย.67) Chevron บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกาได้ประกาศถอนตัวออกจากโครงการสำรวจแหล่งก๊าซธรรมชาติยาดานาในประเทศพม่าแล้ว หลังจากที่บริษัทแสดงจุดยืนประณามความรุนแรง และ การละเมิดสิทธิมนุษยชนในพม่ามานานกว่า 2 ปี

โดยสัดส่วนหุ้นของ Chevron จำนวน 41.1% จะถูกโอนไปให้กับผู้ถือหุ้นที่เหลืออยู่ในโครงการนี้ ได้แก่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. และ และวิสาหกิจน้ำมันและก๊าซเมียนมา หรือ MOGE ที่ตอนนี้อยู่ภายในการดูแลของรัฐบาลทหารพม่า 

และจากการจัดสรรหุ้นใหม่หลังจากที่ Chevron ถอนตัวไป จะทำให้ ปตท. กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของโครงการยาดานาไปในทันที ด้วยสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 62.96% 

โฆษกของ Chevron กล่าวว่า การถอนธุรกิจออกจากพม่าเป็นความตั้งใจของบริษัทอยู่แล้ว หลังจากเหตุการณ์รัฐประหารในพม่าเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 ที่ก่อให้เกิดจลาจล การลุกฮือของประชาชนและชนกลุ่มน้อย และการปราบปรามอย่างรุนแรง ทำให้พม่าต้องเผชิญกับวิกฤติด้านมนุษยธรรมอย่างที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ ทางบริษัทจึงขอถอนธุรกิจออกจากพม่าอย่างเป็นระเบียบตามขั้นตอนที่ควบคุมได้

โครงการสำรวจแหล่งก๊าซธรรมชาติยาดานา แต่เริ่มเดิมทีเป็นการร่วมทุนของบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ 2 บริษัท ได้แก่ Total Energies ของฝรั่งเศส และ Chevron ของสหรัฐอเมริกา ร่วมกับ ปตท. สผ. ของไทย และ MOGE ของรัฐบาลพม่า ในสัดส่วนผู้ถือหุ้น Total Energies (31.2%), Chevron (28.3%), ปตท (25.5%) และ MOGE (15%) ตามลำดับ 

แหล่งก๊าซธรรมชาติยาดานา สามารถผลิตก๊าซได้ราว 6 พันล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี และในปริมาณก๊าซธรรมชาติที่ผลิตได้ 70% ส่งขายในประเทศไทย ส่วนอีก 30% เป็นของ MOGE ในการจัดจำหน่ายพลังงานในประเทศ 

แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์รัฐประหารในพม่าเมื่อปีพ.ศ. 2564 คณะรัฐประหารที่นำโดย ผู้นำทหารสูงสุด มิน อ่อง หล่าย ได้เข้าควบคุมกิจการ MOGE อันเป็นสาเหตุให้บริษัทพลังงานจากชาติตะวันตกถูกกดดันให้ถอนทุนออกจากธุรกิจพลังงานในพม่า เนื่องจาก MOGE กลายเป็นแหล่งรายได้หลักที่หล่อเลี้ยงรัฐบาลทหารพม่า และต่อมา โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ได้ออกคำสั่งห้ามบริษัทเอกชนของอเมริกันทำธุรกรรมทางการเงินใด ๆ กับ MOGE เพื่อตัดวงจรท่อน้ำเลี้ยงของกองทัพพม่า

ด้วยเหตุนี้ Total Energies จึงตัดสินใจถอนทุนออกจากโครงการยาดานา ตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคม พ.ศ. 2565 โดย ปตท.สผ. ก็เป็นผู้รับช่วงถือครองหุ้น ของ Total Energies ในเวลาต่อมา 

ด้าน Chevron ก็ได้ประกาศแผนถอนทุนออกจากกิจการพลังงานในพม่าเช่นเดียวกัน และตัดสินใจที่จะโอนหุ้นให้กับผู้ร่วมทุนที่ยังเหลืออยู่ คือ ปตท.สผ. และ MOGE

ล่าสุด มนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สํารวจและผลิตปิโตรเลียม จํากัด (มหาชน) ได้ส่งจดหมายถึงประธานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แจ้งเรื่องการปรับเปลี่ยนสัดส่วนการถือหุ้นในโครงการยานาดา ที่เป็นผลจากบริษัทในเครือ Chevron ตัดสินใจถอนการลงทุน และประสงค์ที่จะโอนหุ้นให้กับผู้ร่วมทุนที่เหลืออยู่ ทำให้ ปตท.สผ. จะมีสัดส่วนการลงทุนที่ร้อยละ 62.9630 ในโครงการยาดานา มีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2567 เป็นต้นไป

ด้านกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ไม่ขอออกความเห็นใด ๆ เกี่ยวกับการตัดสินใจถอนทุนของบริษัท Chevron พม่า และสถานการณ์ของบริษัทเอกชนแต่ละแห่งที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ในพม่า แต่ยังคงจุดยืนแน่วแน่ในการกดดันรัฐบาลพม่า รวมถึงกิจการภายใต้การควบคุมของรัฐให้อ่อนแอลง และสนับสนุนการต่อสู้ของรัฐบาลพลเรือนในพม่า 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top