Thursday, 9 May 2024
TheStatesTimes

ผู้ช่วย ผบ.ตร. ร่วมพิธีปิดฉาก "สองเล เกมส์" – นักกีฬาโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนภาค 4 ครองถ้วยพระราชทานฯ คะแนนรวมสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี

วานนี้ (25 เมษายน 2567) เวลา 16.00 น. พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานพิธีปิดการแข่งขันกีฬานักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ครั้งที่ 10 ประจำปี 2567  "สองเลเกมส์" ที่สนามกีฬาราชนิเวศน์กรีฑาสถาน กองกำกับการ 1 กองบังคับการฝึกพิเศษ (ค่ายพระรามหก) กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี โดยมี ดร.วนิดา พันธ์สอาด รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา , ดร.นิวัตน์ ลิ้มสุขนิรันดร์ อธิบดีกรมพลศึกษา , พล.ต.ท.ยงเกียรติ มนปราณีต ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน  พร้อมคณะผู้บริหาร และผู้ร่วมการแข่งขัน ร่วมในพิธี

การแข่งขันในครั้งนี้ มีกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 4 เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-25 เมษายน 2567 มีการชิงชัย 7 ชนิดกีฬา คือ กรีฑา แชร์บอล เซปักตะกร้อ เปตอง ฟุตบอล 7 คน วอลเลย์บอล สแต็ค และกีฬาพื้นบ้าน  มีนักกีฬาและเจ้าหน้าที่กว่า 1,400 คน จากโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน 222 แห่งทั่วประเทศ เข้าร่วมการแข่งขัน

สำหรับผลการแข่งขันฯ รางวัลชนะเลิศคะแนนรวม ครองถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ได้แก่ กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 4  (29 เหรียญทอง 11 เหรียญเงิน 15 เหรียญทองแดง) และกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1, 2 และ 3 ตามลำดับ

ในช่วงท้ายได้มีพิธีส่งมอบธงการแข่งขันกีฬาโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ให้กับกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 ซึ่งจะเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันในปีหน้า

‘กกต.’ เคาะกฎระเบียบแนะนำตัวผู้สมัคร ‘สว.’ กำชับ!! ห้ามออกสื่อ-ยอมให้นักการเมืองหนุน

(26 เม.ย.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ลงนามในระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภาพ.ศ.2567 แล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการนำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้มีผลใช้บังคับ

โดยสาระสำคัญ กำหนดให้ผู้ที่ประสงค์จะลงสมัครรับเลือกสามารถแนะนำตัวได้นับแต่วันที่ระเบียบฉบับนี้มีผลใช้บังคับ โดยผู้สมัครสามารถมีผู้ช่วยเหลือผู้สมัครในการแนะนำตัวได้

และได้กำหนดวิธีการแนะนำตัวว่า กรณีใช้เอกสารแนะนำตัวผู้สมัคร เอกสารต้องมีขนาดไม่เกินเอ 4 หรือขนาด 210 มิลลิเมตร X 297 มิลลิเมตร ระบุข้อความเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัว ใส่รูปถ่ายของผู้สมัคร ประวัติการศึกษา และประวัติการทำงาน หรือประสบการณ์ในการทำงานในกลุ่มที่สมัครเท่านั้น ไม่เกิน 2 หน้า และการแจกเอกสารแนะนำตัวตาม จะกระทำในสถานที่เลือกไม่ได้

นอกจากนี้ ยังกำหนดให้ผู้สมัครสามารถแนะนำตัวโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วยตนเอง โดยให้ใช้ข้อความตามเอกสารแนะนำตัวของผู้สมัครและเผยแพร่แก่ผู้สมัครอื่นในการเลือกเท่านั้น

ส่วนการมีผู้ช่วยเหลือผู้สมัครนั้น ให้ผู้สมัครแจ้งชื่อผู้ช่วยเหลือผู้สมัคร หรือแจ้งการเปลี่ยนแปลงชื่อผู้ช่วยเหลือผู้สมัคร เป็นลายลักษณ์อักษรต่อผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด ก่อนวันดำเนินการ ยกเว้น สามี ภรรยาหรือบุตร

ระเบียบดังกล่าวยังกำหนดข้อห้ามในการแนะนำตัวที่สำคัญไว้ อาทิ

1.ห้ามผู้สมัคร หรือผู้ช่วยเหลือผู้สมัครนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้องกับการแนะนำตัว

2.นับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา มีผลใช้บังคับการแนะนำตัวไปจนถึงวันที่ กกต.ประกาศผลการเลือก ห้ามผู้สมัครหรือผู้ช่วยเหลือผู้สมัครแนะนำตัวอันเป็นการกระทำการฝ่าฝืนข้อห้ามตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา

3.ห้ามผู้ประกอบอาชีพทางวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ สื่อมวลชน หรือสื่อโฆษณา เช่น นักแสดง นักร้อง นักดนตรี พิธีกร ใช้ความสามารถ หรือวิชาชีพดังกล่าวเพื่อเอื้อประโยชน์ ในการแนะนำตัว

4.ห้ามแจกเอกสารเกี่ยวกับการแนะนำตัวโดยวิธีการวางโปรยหรือติดประกาศในที่สาธารณะ

5.แนะนำตัวโดยใช้ถ้อยคำที่รุนแรง หรือปลุกระดมก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นในพื้นที่

6.ห้ามแนะนำตัวทางวิทยุโทรทัศน์ วิทยุกระจายเสียง เคเบิลทีวี หรือสื่อสิ่งพิมพ์ รวมถึงการให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชน นักข่าว หรือสื่อโฆษณาซึ่งเผยแพร่ผ่านบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล

7.ห้ามจงใจไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบนี้

8.ห้ามผู้สมัครยินยอมให้ผู้สมัครอื่น กรรมการบริหารพรรคการเมือง ผู้ดำรงตำแหน่งอื่นใด ในพรรคการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น หรือผู้ดำรงตำแหน่ง ทางการเมือง เข้ามาช่วยเหลือผู้สมัครไม่ว่ากรณีใด ๆ 

ผบช.ภ.4 เป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพ สดุดีตำรวจกล้าอย่างสมเกียรติ พร้อมมอบเงินช่วยเหลือครอบครัว และดูแลสิทธิประโยชน์

เมื่อวันที่ 25 เม.ย.67 พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4 เป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพ ร.ต.อ.เวหา สายสิงห์ อายุ 59 ปี รอง สวป.สภ.ผาขาว จ.เลย ซึ่งเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ ขณะขับรถพาตัวนายวัชรากร ผู้ป่วยจิตเวช ไปฉีดยารักษาที่โรงพยาบาลผาขาว ก่อนที่นายวัชรากร    เกิดอาการคุ้มคลั่งในรถ จึงได้ต่อสู้และยื้อแย่งพวงมาลัยรถ จนเสียการควบคุม พลิกคว่ำลงข้างทาง     เป็นเหตุให้ ร.ต.อ.เวหา เสียชีวิต และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดที่ ถนนสายบ้านโนนสมบูรณ์-บ้านหนองตานา ต.ท่าช้างคล้อง อ.ผาขาว จ.เลย

พิธีพระราชทานเพลิงศพถูกจัดขึ้นอย่างสมเกียรติ ที่วัดศิริมงคล อ.ผาขาว จ.เลย  ท่ามกลางข้าราชการตำรวจ และผู้ร่วมพิธีจำนวนมาก โดย พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4 ได้ให้กำลังใจและแสดงความเสียใจแก่ครอบครัวของ ร.ต.อ.เวหา  นอกจากนี้ ยังได้มอบเงินช่วยเหลือแก่ครอบครัวของ ร.ต.อ.เวหา และข้าราชการตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ในครั้งนี้ด้วย  

สำหรับสิทธิประโยชน์และสวัสดิการ ที่ผู้เสียชีวิตและครอบครัวจะได้รับ ได้แก่ ข้าราชการตำรวจผู้เสียชีวิตจะได้รับการเลื่อนยศตามสิทธิ, ได้รับเงินช่วยเหลือจากกองทุนสวัสดิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ , เงินช่วยเหลือจากสมาคมแม่บ้านตำรวจ , เงินกองทุนสวัสดิการช่วยเหลือข้าราชการตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตฯของตำรวจภูธรภาค 4 , เงินกองทุน พล.ต.อ.สันติ เพ็ญสูตร , และเงินสิทธิประโยชน์ช่วยเหลืออื่น ๆ รวมทั้งสิ้นกว่า 3.7ล้านบาท และหากผู้เสียชีวิตมีทายาท สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะดำเนินการบรรจุให้เข้ารับราชการตำรวจ เมื่อสำเร็จการศึกษาตามที่เงื่อนไขได้กำหนดไว้

ผบช.สตม. สั่งเข้ม ปราบปรามคนต่างด้าวลอบทำงานต้องห้าม แย่งอาชีพคนไทยย่านประตูน้ำ บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวบคนต่างด้าวผิดกฎหมาย 13 ราย

พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. รับนโยบาย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดยกระดับการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม โดยให้มีการระดมกวาดล้างอาชญากรรม โดยเฉพาะความผิดที่เกี่ยวกับคนเข้าเมือง และความผิดเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวในลักษณะงานต้องห้ามหรือลักษณะแย่งอาชีพคนไทยซึ่ง ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้างและอยู่ในความสนใจของพี่น้องประชาชน โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่รับผิดชอบงานสืบสวน เน้นการบูรณาการกับหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง 

ซึ่งเมื่อวันที่ 24 เม.ย. 2567 พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1 ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.กาจภณ ปฐมัง ผกก.สืบสวน บก.ตม.1 นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองในสังกัด กก.สืบสวน บก.ตม.1 สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่จากกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน และ สน.พญาไท กว่า 20 นาย ประชุมวางแผนเพื่อเข้าตรวจสอบบุคคลต่างด้าวหลายสัญชาติ ไม่ว่าจะเป็น กัมพูชา เมียนมา ลาว และเวียดนาม ที่ลักลอบเร่ขายสินค้า และขายของหน้าร้าน ในลักษณะไม่มีนายจ้างเป็นคนไทยแต่เป็นการกระทำด้วยตนเอง อยู่บริเวณจุดต่างๆ ในย่านประตูน้ำ ใกล้โรงแรมแห่งหนึ่งในเขตราชเทวี กทม. ซึ่งได้รับการร้องเรียนและแจ้งเบาะแสจากประชาชน ทั้งทางช่องทางสื่อกระแสหลัก และโซเชียลมีเดีย

กระทั่ง เวลาประมาณ 18.30 น. ของวันเดียวกันเจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังเข้าตรวจสอบตามจุดต่างๆ ตามที่ได้สำรวจเป้าหมายไว้ ระหว่างตรวจสอบกลุ่มคนต่างด้าว ซึ่งมีทั้งกลุ่มที่เป็นคนต่างด้าวผิดกฎหมาย และกลุ่มที่มีเอกสารถูกต้อง แต่ทำงาน ในลักษณะผิดเงื่อนไขหรืองานต้องห้ามโดยเฉพาะงานเร่ขายสินค้าและงานขายของหน้าร้าน  ปฏิบัติการดังกล่าวใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ สามารถควบคุมตัวคนต่างด้าวไว้ได้จำนวนทั้งสิ้น 13 คน มาตรวจสอบจำแนกโดยละเอียดอีกครั้งโดยใช้รถบรรทุกควบคุมผู้ต้องหาที่เจ้าหน้าที่ได้เตรียมไว้  

ผลการตรวจสอบโดยละเอียดพบว่าส่วนใหญ่เป็น บุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา 12 คน สัญชาติลาว 1 คน 

แบ่งเป็นความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย” 5 คน และ ความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานนอกเหนือสิทธิ์ที่จะกระทำได้ 8 คน ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ดำเนินคดี และผลักดันออกนอกราชอาณาจักรต่อไป

อนึ่ง สตม.ขอประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนทุกท่านทราบว่า บุคคลต่างด้าวทุกสัญชาติที่เข้ามาในราชอาณาจักร นอกจากจะต้องเข้ามาตามช่องทางอนุญาตตามกฎหมายและได้รับการตรวจลงตราโดยถูกต้องแล้ว ยังมีหน้าที่ที่จะต้องแจ้งที่พักอาศัยต่อเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมืองตามมาตรา 37 แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และหากประสงค์จะทำงานในประเทศไทยจะต้องดำเนินการยื่นขอใบอนุญาตทำงานให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยนายจ้างที่รับคนต่างด้าวเข้าทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตจะมีความผิดตาม พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 มีโทษปรับสูงสุดถึง 100,000 บาท ในส่วนของเจ้าของบ้านหรือผู้ครอบครองเคหสถานยังมีหน้าที่ในการแจ้งต่อ สตม. เมื่อมีบุคคลต่างด้าวเข้ามาพักอาศัยในสถานที่ที่อยู่ในความดูแลของตน ซึ่ง สตม. จะมีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามคนต่างด้าวที่เข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ทั้งนี้หากผู้ใดให้ที่พักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยเหลือด้วยประการใดๆ ให้ผู้กระทำความผิดพ้นจากการจับกุมของเจ้าหน้าที่ จะมีความผิดตามมาตรา 64 ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุดถึง 5 ปี หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแส การกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง หมายเลขโทรศัพท์ 1178 จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

โครงการน้ำพระทัยพระราชทาน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา

สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ดำเนินโครงการ น้ำพระทัยพระราชทานตามพระราชเสาวนีย์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยให้การสงเคราะห์และเลี้ยงอาหารแก่ประชาชนผู้ประสบภัย และผู้ประสบปัญหาความเดือดร้อน  และมีภารกิจหลักในการให้ความช่วยเหลือ ป้องกัน แก้ไข ส่งเสริม และพัฒนาศักยภาพของกลุ่มเปราะบางต่างๆ โดยใช้วิธีการและกระบวนการทางสังคมสงเคราะห์  เพื่อตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐานของกลุ่มเปราะบางให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถพึ่งตนเองได้และดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุข สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยฯ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการจัดบริการด้านสวัสดิการให้แก่ผู้ประสบปัญหาความเดือดร้อน ทั้งส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค  เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึง หรือนอกเหนือจากขอบเขตในการได้รับความช่วยเหลือจากสวัสดิการของภาครัฐในด้านต่างๆ เป็นการลดความเหลื่อมล้ำ  และเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงสวัสดิการสังคมของกลุ่มเปราะบาง  

วันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน 2567 เวลา 14.00 น. การบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาความเดือดร้อน และพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืน  (MOU)  ระหว่าง สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์  ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา / สมาคมสภาแม่ดีเด่นแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ /  มูลนิธิสมาคมสตรีอุดมศึกษาแห่งประเทศไทย ในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ / หน่วยทันตกรรมจิตอาสาบุญญานุภาพ เพื่อพระพุทธศาสนาและสังคม ในความอุปถัมภ์ของพระพุทธิวงศ์วิวัฒน์ / สมาคมลูกกตัญญูแห่งชาติ ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี และสมาคมครัวเชฟจิตอาสา สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์  มีการมอบเงินสนับสนุนโครงการน้ำพระทัยพระราชทาน โดยคุณรภัทร  สัญวัชญ์  จำนวน 200,000.- บาท (สองแสนบาทถ้วน) ภายในงานมีการแสดงบูธฝึกอบรมวิชาชีพ  โดยวิทยาลัยสารพัดช่างธนบุรี  บูธผลิตภัณฑ์ฝีมือคนพิการ สำนักส่งเสริมอาชีพและพัฒนา คนพิการ  สภาสังคมสงเคราะห์ฯ  ณ ห้องประชุมชั้น 3 ตึกนวมหาราช สภาสังคมสงเคราะห์ฯ แยกตึกชัย  ถนนราชวิถี กรุงเทพฯ เพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว  ดังนี้

1.ร่วมมือกันขับเคลื่อน โครงการในการสงเคราะห์และเลี้ยงอาหารแก่ผู้ประสบภัยและผู้ประสบปัญหาความเดือดร้อน
2.ร่วมมือกันอย่างเข้มแข็งในการพัฒนาคุณภาพชีวิต  สุขอนามัยทีดี  การสร้างอาชีพและสร้างความเข้มแข็งของกลุ่มผู้ด้อยโอกาส กลุ่มผู้สูงอายุ  กลุ่มคนพิการ กลุ่มเด็กและเยาวชน กลุ่มสตรี และสถาบันครอบครัว ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี  สามารถพึ่งตนเองได้และดำรงชีวิตอย่างปกติสุข
3.ร่วมมือกันสนับสนุนบทบาทความคิดริเริ่มในการส่งเสริมความเข้มแข็งของการสร้างจิตอาสา  อาสาสมัคร เครือข่ายองค์กรสมาชิก ตลอดจนชุมชนท้องถิ่น และภาคประชาสังคม เพื่อกระตุ้นคุณภาพชีวิตของประชาชน

คอเพลงห้ามพลาด! 28 เม.ย. นี้ พวงเพ็ชร ชวนชม “ดนตรีในสวน เฉลิมพระเกียรติในหลวง ร.10” ที่สวนรถไฟ

ดร.พวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกวันที่ 28 เมษายน ของทุกเดือน ตลอดปี พ.ศ.2567 คณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์การจัดงานพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ได้กำหนดให้มีการจัดกิจกรรมดนตรีในสวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยความร่วมมือของกรมประชาสัมพันธ์ กรุงเทพมหานคร รวมถึงเหล่าศิลปิน เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ร่วมรับฟังบทเพลงอันไพเราะและทรงคุณค่า เช่น เพลงพระราชนิพนธ์ ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และบทเพลงทั่วไป ในบรรยากาศสวนสวยใจกลางกรุงเทพมหานคร เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตลอดปีมหามงคล และเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์ ซึ่งเป็นสถาบันหลักของชาติ

โดยในวันที่ 28 เมษายน 2567 กิจกรรมดนตรีในสวน มีกำหนดจัดขึ้น ณ สวนวชิรเบญจทัศ หรือ สวนรถไฟ ประชาชนสามารถร่วมกิจกรรมได้ตั้งแต่ 17.00 น. เป็นต้นไป นอกจากบทเพลงจากวงดนตรีกรมประชาสัมพันธ์แล้ว ยังมีกลุ่มศิลปินนำโดย คุณโฉมฉาย อรุณฉาน และศิลปินรุ่นใหม่ จากการประกวดในรายการเพลงเอกร่วมขับร้องบทเพลงอันไพเราะ เช่น ธัช กิตติธัช แชมป์รายการเพลงเอกซีซัน 1 แบ๊งค์ เฉลิมรัฐ จุลโลบล แชมป์รายการเพลงเอกซีซัน 2 เซม ภานุรุจ พงพิทักษ์กุล แชมป์รายการเพลงเอกซีซัน 3 และ โอ๋ ชุติมา แก้วเนียม ผู้ร่วมประกวดรายการเพลงเอกซีซัน 2 

“ในปีมหามงคลนี้ ขอเชิญชวนประชาชนคนไทย ร่วมแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ โดยเข้าร่วมกิจกรรมที่รัฐบาล ภาคเอกชน และประชาชนทั่วประเทศ พร้อมใจจัดขึ้นตลอดทั้งปี สำหรับการจัดกิจกรรมดนตรี นับเป็น Soft Power สาขาหนึ่ง จาก 11 สาขา ที่รัฐบาลให้ความสำคัญ และเป็นสื่อกลางที่สร้างความสามัคคีกลมเกลียวของคนในชาติ ช่วยส่งเสริมความรัก ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ทำให้ประเทศไทยเกิดความสงบสุขภายใต้ร่มพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์“ ดร.พวงเพ็ชร กล่าว

มุกดาหาร -ทหารกกล.สุรศักดิ์มนตรี ยึดเรือบรรทุกกระเทียมกว่า 5 ตัน ขณะลักลอบนำข้ามแม่น้ำโขงมาส่งมุกดาหาร

เมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.อ.กัญญณัต ไชยโอชะ รองเสนาธิการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี (แถลงข่าว) หน่วยทหารร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงจังหวัดมุกดาหาร ตรวจยึดกระเทียมหนีภาษีกว่า 5 ตัน พร้อมเรือบรรทุก 

สืบเนื่องจากเมื่อเวลาประมาณ 21.00 น วันที่ 24 เมษายน หมวดปืนเล็กที่ 2 กองร้อยทหารราบ กองบังคับการควบคุมที่ 1 (ร.3) กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่าจะมีการลักลอบขนกระเทียมหนีภาษีจากแขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว มาขึ้นที่บริเวณบ้านบางทรายใหญ่ ม.1 ต.บางทรายใหญ่ อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร จึงได้สนธิกำลังกับหน่วยงานกรมประมง กอ.รมน.ภาค2 กองร้อย ทหารพราน 2105 หน่วยสืบสวนปราบปรามประจำพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สำนักข่าว กอ.รมน. ตำรวจน้ำและเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง  นำกำลังเจ้าหน้าที่รุดไปตรวจสอบตามที่ได้รับแจ้ง พบเรือเหล็กบรรทุกกระเทียมเต็มลำแล่นจากแขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว ข้ามแม่น้ำโขงเข้ากำลังจะเข้ามาจอดที่บริเวณท่าน้ำบ้านบางทรายใหญ่ เจ้าหน้าที่จึงได้แล่นเรือเข้าไปประกบโดยมีเจ้าหน้าที่ทหาร 1 นายได้กระโดดขึ้นไปบนเรือเพื่อที่จะบังคับให้คนขับเรือหยุด และได้เกิดการยื้อแย่งที่จะบังคับหางเสือเรือกระทั่งต่อมาคนขับเรือสู้แรงเจ้าหน้าที่ทหารไม่ได้จึงได้ทิ้งตัวลงแม่น้ำโขงหายไป  เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจสอบพบกระเทียมจำนวน 274 กระสอบ น้ำหนัก 5,480 กิโลกรัม กระเป๋าสะพายข้างในมีบัตรประจำตัวคนขับเรือ1 ใบ จึงได้ทำการตรวจยึดไว้พร้อมกับเรือบรรทุกนำส่งเจ้าหน้าที่ศุลกากรมุกดาหารเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ต่อมาเมียคนขับเรือบรรทุกกระเทียมชาวลาวอเข้าแจ้ง ตร.มุกดาหาร เชื่อสามีถูก จนท. ทำให้ตกเรือสูญหาย นางเดือน สีสว่าง อายุ 26 ปี อยู่แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว พร้อมผู้ติดตามอีกประมาณ 40 คน ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองมุกดาหาร เพื่อแจ้งความว่า เมื่อคืนวันที่ 24 เมษายน 2567 ตนได้รับแจ้งจากญาติที่อยู่ฝั่งอำเภอเมืองมุกดาหาร ว่าท้าวลำพอน อายุ 33 ปี ซึ่งเป็นสามีได้ถูกเจ้าหน้าที่ถีบตกน้ำขณะขับเรือบรรทุกกระเทียมจะเข้าฝั่งที่บ้านบางทรายน้อย ซึ่งจนถึงขนาดนี้ยังหาตัวไม่พบ ไม่ทราบว่าเสียชีวิตหรือยัง จึงมาขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายให้ด้วย

ภาพ/ข่าว เดวิท โชคชัย มุกดาหาร รายงาน 092-5259777

Wealth & Wellness รัตนชาติบำบัด Soft Powerมาแรงในธุรกิจอัญมณีไทย

งานพิธีทำบุญวันครบสถาปนารัตนโกสินทร์ 242 ปี และฉลองพระคลังมหาสมบัติ เพื่อเป็นศิริมงคลแก่นักอัญมณีบำบัดมืออาชีพของชมรมนักส่งเสริมสุขภาพองค์รวม พร้อมเปิดตัว สถาบันฝึกอบรมนักอัญมณีบำบัดแบบองค์รวม และ Crystal Healing Studio  รวม 3 สาขา เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2567ที่ผ่านมา คุณธิญาดา วรารัตร์ ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกอบรมนักรัตนชาติบำบัด พร้อมด้วยคณะที่ปรึกษา พระครูวิสุทธิกิตติคุณ เจ้าอาวาสวัดอัมพุวรารามคุณปริศนา ตั้งสิน พญ.กรินทร์วิฬา  อรรณพนรงค์ และ คณะรัตนชาติบำบัด การใช้อัญมณีหรือรัตนชาติบำบัดจัดเป็นอีกรูปแบบหนึ่งเพื่อกระตุ้นจักระต่างๆ หรือเพื่อเยียวยากายและใจที่ให้ผลดียิ่งและเป็นที่นิยมทั้งในวงการสุขภาพทางการแพทย์ วัฒนธรรมและปรัชญา เพราะอัญมณีจากธรรมชาติ ล้วนถูกบ่มเพาะอยู่ในชั้นดิน ชั้นหิน ด้วยกาลเวลาอันยาวนาน บางชนิดมีอายุหลายล้านปี ช่วงเวลานั้นๆ ก้อนอัญมณีชนิดต่างๆ จะดูดซับพลังงานจากธรรมชาติ มาเก็บไว้ที่ตัวเอง และเมื่อมนุษย์นำมาใช้กับตัวร่างกาย ก็จะได้รับพลังงานจากอัญมณีนั้นๆ ด้วย การใช้รัตนชาติบำบัดจึงควรมีการอบรมแบบองค์รวม ทั้งในด้าน สุขภาพผลดีและผลกระทบต่อร่างกาย รวมทั้งประวัติความเป็นมาในด้านวัฒนธรรม ซึ่งมีโอกาสที่เป็นอีก Soft Power หนึ่งที่ช่วยส่งเสริมธุรกิจสุขภาพและธุรกิจอัญมณี ของประเทศไทยให้มีชื่อเสียง  สถาบันฝึกอบรมนักอัญมณีปราณบำบัดแบบองค์รวม  (Holistic Crystal & Pranic Healing Academy ) เปิดครอสฝึกอบรมนักรัตนชาติบำบัดเพื่อสุขภาพแบบองค์รวม ตั้งแต่ ระดับที่ 1 - ระดับที่ 5  รวมทั้งมีศูนย์บริการด้านการใช้รัตนชาติบำบัดเพื่อสุขภาพ กาย ใจ และ สมาธิ ซึ่งสามารถให้บริการทั้งในและนอกสถานที่ รวมทั้งจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมสุขภาพโดยใช้อัญมณีบำบัด กับองค์กรต่างๆเพื่อพัฒนาสุขภาพองค์รวมได้อีกด้วยติดต่อสอบถาม สาขาที่ 1 สถาบันฝึกอบรมนักอัญมณีปราณบำบัดแบบองค์รวม Holistic Crystal & Pranic Healing Academy ชมรมนักส่งเสริมสุขภาพองค์รวม  อ. สามโคกปทุมธานี สาขาที่ 2 Yin Yang Crystal Healing Studio ด้านหน้าโรงแรมแม่น้ำ รามาดา พล่าซ่า  ถ.เจริญกรุง เขตบางคอแหลม กทม. สาขาที่ 3 Tunya Samui Crystal Healing Studio Tunya Samui Holistic Resort  อ.เกาะสมุย  จ.สุราษฎร์ธานี

ข้อมูลการติดต่อ
LineId  @thailandholistic
เว็บไซต์  https://www.thailandholistic.com/
Facebook : Pranic & Crystal Healing - Holistic & Wellness 
โทร.  081 6524100
 

‘สมอ.’ เดินตามนโยบาย Quick win จาก ‘รมว.ปุ้ย’ 6 เดือน กวาดล้างสินค้าด้อยคุณภาพกว่า 220 ลบ.

(26 เม.ย. 67) นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในการแถลงผลการดำเนินงานของ สมอ. รอบ 6 เดือน ประจำปีงบประมาณ 2567 ว่า สมอ. ยังคงมุ่งมั่นดำเนินงานด้านการมาตรฐานอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้ผู้ประกอบการ และคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับความปลอดภัย ตามนโยบาย Quick win ของนางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

ในการกวาดล้างสินค้าด้อยคุณภาพให้หมดไปจากท้องตลาด โดยเฉพาะสินค้าจากประเทศเพื่อนบ้านที่ไม่ได้มาตรฐาน สร้างผลกระทบให้กับผู้ประกอบการภายในประเทศเป็นวงกว้าง โดย สมอ. ได้ดำเนินการตรวจควบคุมการจำหน่ายสินค้าที่อยู่ในข่ายการควบคุมของ สมอ. จำนวน 144 รายการ อย่างเข้มข้นและต่อเนื่องในทุกช่องทาง ทั้งการลงพื้นที่ตรวจสอบ การเฝ้าระวังผ่านระบบ NSW และตรวจติดตามการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์

โดยในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา (ตุลาคม 2566 - มีนาคม 2567) ได้ตรวจจับผู้ประกอบการที่ทำผิดกฎหมาย ลักลอบผลิตและนำเข้าสินค้าไม่ได้มาตรฐาน จำนวน 191 ราย  ยึดอายัดสินค้าเป็นมูลค่ากว่า 220 ล้านบาท โดย 3 อันดับแรก ได้แก่ 1) เหล็กและวัสดุก่อสร้าง 87.70 ล้านบาท 2) ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 73.23 ล้านบาท และ 3) ยานยนต์ 54.09 ล้านบาท 

ด้านการกำหนดมาตรฐาน สมอ. ตั้งเป้ากำหนดมาตรฐานในปีนี้ 1,000 เรื่อง ครึ่งปีแรกกำหนดมาตรฐานไปแล้ว 469 เรื่อง เช่น เครื่องวัดปริมาณแอลกอฮอล์จากลมหายใจ ฝารองนั่งสุขภัณฑ์ไฟฟ้า หลอดฟลูออเรสเซนส์สำหรับเปลี่ยนสีผิวเป็นสีแทน และมาตรฐานวิธีทดสอบยานยนต์ EV เป็นต้น

ทั้งนี้ ได้ประกาศให้สินค้าที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของประชาชนเป็นสินค้าควบคุมเพิ่มอีก 24 ผลิตภัณฑ์ เช่น บันไดเลื่อน ลิฟท์ คาร์ซีท แบตเตอรี่รถ EV ภาชนะพลาสติก และภาชนะสเตนเลส เป็นต้น นอกจากนี้ ยังได้ประกาศใช้มาตรฐานด้านการท่องเที่ยวเพื่อสนับสนุนนโยบาย Soft Power อีกจำนวน 6 มาตรฐาน ได้แก่

1) มาตรฐานการเยี่ยมชมสถานที่ทางธรรมชาติ วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ 2) มาตรฐานการดำเนินงานเกี่ยวกับชายหาด 3) มาตรฐานโรงแรมย้อนยุค 4) มาตรฐานร้านอาหารแบบดั้งเดิม  5) มาตรฐานการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ และ 6) มาตรฐานการบริการนักท่องเที่ยวเพื่อสาธารณประโยชน์โดยหน่วยงานคุ้มครองพื้นที่คุ้มครองธรรมชาติ

พร้อมทั้งทบทวนมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) ที่เชื่อมโยงกับนโยบาย Soft Power จำนวน 10 มาตรฐาน เช่น ข้าวเกรียบกรือโป๊ะ สุรากลั่นชุมชน ไวน์ผลไม้ เป็นต้น และได้จัดทำมาตรฐานผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อรองรับการขับเคลื่อนนโยบายฮาลาล จำนวน 3 มาตรฐาน คือ (1) แยม เยลลี่ และมาร์มาเลด (2) เส้นหมี่ และ (3) โยเกิร์ตกรอบ 

ด้านการออกใบอนุญาต สมอ. ได้นำระบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในกระบวนการออกใบอนุญาต โดยผลงานครึ่งปีงบประมาณแรกได้ออกใบอนุญาต มอก. จำนวน 7,454 ฉบับ ใบรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน จำนวน 1,597 ฉบับ ใบรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรมเอส จำนวน 132 ฉบับ และใบรับรองระบบงาน จำนวน 212 ฉบับ รวมทั้งสิ้น 9,395 ฉบับ

ด้านการมาตรฐานระหว่างประเทศ สมอ. ได้เข้าร่วมเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) และเจรจาจัดทำข้อตกลงยอมรับร่วม (MRA) ด้านการมาตรฐานกับประเทศต่างๆ เพื่อขยายโอกาสทางการค้าให้กับผู้ประกอบการของไทย รวมถึงปกป้องผลประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการไทยในเวทีการค้าโลก อาทิ

1) การเจรจาทำ FTA กับศรีลังกา ช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถส่งออกสินค้าไปยังศรีลังกา ปีละกว่า 10,800 ล้านบาท  2) การเจรจาจัดทำข้อตกลงยอมรับร่วม (MRA) สมอ. - BMSI (ไต้หวัน) เพื่อให้ไต้หวันยอมรับผลทดสอบและรับรอง ทำให้ช่วยลดค่าใช้จ่าย และระยะเวลาในการตรวจสอบสินค้า เป็นการช่วยสนับสนุนการส่งออกสินค้าไปยังไต้หวัน ในปี 2566 กว่า 13,000 ล้านบาท

3) การเจรจากับอินเดียให้เลื่อนการบังคับใช้กฎระเบียบควบคุมคุณภาพสำหรับสินค้าแผ่นไม้ของอินเดีย ทำให้ผู้ประกอบการไทยรักษาตลาดส่งออกสินค้าไปยังอินเดีย ปีละกว่า 2,700 ล้านบาท 

และ 4) การเจรจาร่างกฎระเบียบว่าด้วยมาตรฐานประสิทธิภาพพลังงานสำหรับรถยนต์ใหม่ของออสเตรเลีย โดยขอให้ออสเตรเลียพิจารณากำหนดเกณฑ์การปล่อยก๊าซ CO2 อย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยมีเวลาในการเตรียมตัว 

“6 เดือนหลังจากนี้ สมอ. จะเร่งรัดการดำเนินงานในทุก ๆ ด้าน ให้เป็นไปตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ เพื่อเสริมแกร่งให้ภาคอุตสาหกรรมของไทย รวมทั้ง เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจควบคุมการจำหน่ายสินค้าในท้องตลาดให้มากยิ่งขึ้น เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชน”

1 พฤษภาคม ของทุกปี กำหนดให้เป็น ‘วันแรงงานแห่งชาติ’ ยกย่องให้เห็นความสำคัญของแรงงาน

ย้อนกลับไปในสมัยก่อนประเทศแถบยุโรปจะถือเอา ‘วันเมย์เดย์’ (May Day) เป็นวันเริ่มต้นฤดูใหม่ทางเกษตรกรรม จึงมีพิธีเฉลิมฉลองและทำการบวงสรวงขอให้ปลูกพืชได้ผลดี รวมถึงขอให้ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข อีกทั้งทางภาคเหนือของยุโรปก็จะมีการจัดงานรอบกองไฟในวันนี้ด้วย ซึ่งประเพณีนี้ในประเทศอังกฤษก็ยังมีสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบันนี้ 

จากตอนแรกที่เป็นเพียงวันหยุดพักผ่อนประจำปี ต่อมาประเทศอุตสาหกรรมหลายประเทศจึงถือเป็นวันหยุดตามประเพณีทั่วไป โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเตือนใจให้ประชาชนตระหนักถึงผู้ใช้แรงงานที่ได้ทำประโยชน์แก่เศรษฐกิจของประเทศ 

ซึ่งความหมายของ วันเมย์เดย์ (May Day) จึงเปลี่ยนไปจากเดิม จนเมื่อปี พ.ศ. 2433 ได้มีการเรียกร้องในหลายประเทศทางตะวันตกให้ถือเอาวันที่ 1 พฤษภาคม เป็น ‘วันแรงงานสากล’ ทำให้หลายประเทศได้เริ่มฉลองวันแรงงานเป็นครั้งแรกในวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2433 และได้สืบทอดมาจนถึงในปัจจุบัน 

สำหรับวันแรงงานในประเทศไทยถูกกล่าวถึงครั้งแรกในปี พ.ศ. 2475 ซึ่งตรงกับสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ในรัชสมัยรัชกาลที่ 8 และรัฐบาลได้รับรองวันที่ 1 พฤษภาคม เป็นวันกรรมกรแห่งชาติ ในปี พ.ศ. 2499 และได้เปลี่ยนชื่อเป็น ‘วันแรงงาน’ ในปี พ.ศ. 2500 

โดยอุตสาหกรรมไทยในสมัยก่อนได้เริ่มขยายตัวมากขึ้น ผู้ใช้แรงงานต่างก็มีปัญหาที่เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งปัญหาแรงงานก็ยังมีความซับซ้อนยากที่จะแก้ไขได้โดยง่าย ทำให้ในปี พ.ศ. 2475 ประเทศไทยได้เริ่มมีการจัดการบริหารแรงงาน โดยเป็นการจัดสรรและพัฒนาแรงงาน ตลอดจนคุ้มครองและดูแลสภาพการทำงานของแรงงาน ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างรากฐานและส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างและลูกจ้างให้ดีขึ้น ซึ่งในวันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2499 คณะกรรมการจัดงานที่ระลึกแรงงานได้จัดประชุมขึ้น โดยมีความเห็นตรงกันว่าควรกำหนดให้วันที่ 1 พฤษภาคม ให้เป็นวันที่ ‘ระลึกถึงแรงงานไทย’ จึงได้มีหนังสือถึงนายรัฐมนตรีขอให้รับรองวันที่ 1 พฤษภาคม ทำให้นับแต่นั้นมา วันที่ 1 พฤษภาคม จึงกลายเป็น ‘วันกรรมกรแห่งชาติ’ จนต่อมาก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น ‘วันแรงงานแห่งชาติ’

ทั้งนี้ ในปี พ.ศ. 2500 ได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติกำหนดวิธีระงับข้อพิพาทแรงงาน ที่ได้กำหนดให้ลูกจ้างมีสิทธิ์หยุดงานในวันแรงงานแห่งชาติได้ แต่พระราชบัญญัติฉบับนี้มีอายุได้เพียง 18 เดือนก็ถูกยกเลิกไป โดยมีประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 19 มาแทนที่ และให้อำนาจกระทรวงมหาดไทยออกประกาศกำหนดเรื่องการคุ้มครองแรงงาน อีกทั้งยังกำหนดให้วันกรรมกรเป็นวันหยุดตามประเพณี แต่เนื่องด้วยสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนั้นมีความไม่แน่นอน จึงมีคำชี้แจงออกมาในแต่ละปีเพื่อเป็นการเตือนนายจ้างให้ลูกจ้างหยุดงานในวันที่ 1 พฤษภาคม โดยในบางที่ก็ได้มีการขอร้องไม่ให้มีการเฉลิมฉลองเพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง

จนกระทั่งมาถึงปี พ.ศ. 2517 ได้เปิดโอกาสให้มีการเฉลิมฉลองตามสมควร โดยได้มอบหมายให้กรมแรงงานที่ขณะนั้นสังกัดกระทรวงมหาดไทย จัดงานฉลองวันแรงงานแห่งชาติขึ้นที่สวนลุมพินี ภายในงานได้มีการจัดให้ทำบุญตักบาตร มีนิทรรศการแแสดงความรู้ ตลอดจนกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย

สำหรับ วันแรงงานแห่งชาติ ไม่ถือว่าเป็นวันหยุดทางราชการ ฉะนั้น หน่วยงานราชการก็ยังคงเปิดทำงานและให้บริการตามปกติในวันแรงงานแห่งชาติ ส่วนที่มีการหยุดงานจะเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานเอกชนเท่านั้น


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top