Sunday, 5 May 2024
TheStatesTimes

เอกอัครราชทูต (Ambassador) ศักดิ์ศรีของประเทศ ผู้แทนของพระราชา

โลกใบนี้มีประเทศต่าง ๆ อยู่เกือบ 200 ประเทศ ซึ่งมีความแตกต่างกันในหลากหลายมิติไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติ ศาสนา ความเชื่อ การเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ สังคม ฯลฯ 

การที่จะทำให้พลโลกอยู่รวมกันอย่างมีสันติสุข โดยให้เกิดความขัดแย้งน้อยที่สุด และเพื่อป้องกันไม่ให้ขยายตัวจนกลายเป็นความรุนแรง จนกลายเป็นสงครามระหว่างกันนั้น ทุก ๆ ประเทศจึงต้องมีไมตรีจิตและมิตรภาพอันดีต่อกัน

แน่นอนว่า การสร้างและรักษาไมตรีจิต-มิตรภาพอันดีระหว่างประเทศ 2 ประเทศนั้น จะดำเนินไปได้ด้วยดีถ้าทั้งสองประเทศมีผู้ที่ทำหน้าที่เป็นตัวแทน, ผู้รับเจรจาแทน หรือตัวเชื่อมระหว่างกัน ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของนักการทูตของประเทศนั้น ๆ โดยมี ‘เอกอัครราชทูต’ (Ambassador) เป็นหัวหน้าคณะ ทำหน้าที่เป็นตัวแทนทางการทูตระดับสูงที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลของประเทศนั้น เพื่อเป็นตัวแทนผลประโยชน์ของประเทศตนในประเทศที่ตนประจำการอยู่ 

บทบาทหลักของ ’เอกอัครราชทูต’ คือการสร้างและรักษาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างทั้งสองประเทศ อำนวยความสะดวกด้านการค้าและการพาณิชย์ และส่งเสริมโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและการศึกษา ทั้งยังต้องทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานในการสร้างสัมพันธไมตรีอย่างเป็นทางการระหว่างประเทศตนและประเทศที่ประจำการ, รายงานข้อมูลข่าวสารของประเทศที่ไปประจำการให้รัฐบาลทราบเพื่อปรับเปลี่ยนนโยบายการทูตให้ถูกต้องเหมาะสมกับประเทศนั้น ๆ, ดำเนินนโยบายทางการทูต เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ, แนะนำโน้มน้าวให้ประเทศที่ไปประจำการดำเนินนโยบายที่เกิดประโยชน์ต่อประเทศ และแนะนำมาตรการรับมือกรณีมีเหตุจำเป็นให้แก่รัฐบาล ฯลฯ

สำหรับบ้านเรา ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรด้วยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดังนั้นตำแหน่ง ‘เอกอัครราชทูต’ (หัวหน้าทูตของพระราชา) เป็นตำแหน่งที่ต้องให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ต้องเข้าเฝ้าเพื่อกราบถวายบังคมลาไปปฏิบัติหน้าที่ รับพระราชทานเจิม และรับพระราชทานพระราชสาส์นตราตั้ง เพื่อนำไปยื่นต่อประมุขของประเทศที่ตนเองไปประจำการ เรียกได้ว่านอกจากจะเป็นทั้งตัวแทนและภาพลักษณ์ของประเทศแล้ว ตำแหน่ง ‘เอกอัครราชทูต’ นั้นยังถือเป็นผู้แทนพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอีกด้วย 

เนื่องจากตำแหน่ง ‘เอกอัครราชทูต’ เป็นตำแหน่งสำคัญด้วยเพราะเป็นทั้งตัวแทนและภาพลักษณ์ของประเทศ จึงมีการพิจารณาคัดกรองบุคคลที่จะเข้ามาทำหน้าที่นี้เป็นอย่างดี โดยทั่วไปแล้วผู้ที่จะได้ดำรงตำแหน่ง ‘เอกอัครราชทูต’ นั้นจะได้ถูกการคัดเลือกจากเจ้าหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศที่มีทักษะทางการทูต ความรู้ภาษาต่างประเทศ และความเชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ด้วยเพราะแม้ว่าเกือบ 200 ประเทศบนโลกนี้ แต่ไทยเรามีสถานทูตเพียง 67 แห่ง นั่นหมายถึงว่า นักการทูตที่จะก้าวสู่ตำแหน่ง ‘เอกอัครราชทูต’ นั้นจะต้องมีทั้งความสามารถและประสบการณ์ในการทำงานอย่างยอดเยี่ยม มีวัตรปฏิบัติอันเป็นที่ยอมรับ นับถือ และชื่นชมของบรรดาผู้คนในสังคมโดยรวม 

นอกจากนี้แล้วตำแหน่งนี้มิใช่ว่าจะเป็นการแต่งตั้งเฉพาะประเทศนั้น ๆ แต่กระทรวงต่างประเทศยังต้องส่งข้อมูลประวัติของผู้ที่จะดำรงตำแหน่งนี้ไปให้ประเทศที่จะไปประจำการพิจารณาตรวจสอบด้วย 

นักการทูตไม่ว่าระดับ ‘เอกอัครราชทูต’ หรือคณะเจ้าหน้าที่ทางการทูต ฯลฯ ของไทยนั้น ถือเป็นกลุ่มบุคคลที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติด้วยวัตรปฏิบัติในต่างแดนนั้น สุภาพ อ่อนโยน สมกับเป็นตัวแทนของคนไทยทั้งประเทศ โดยปัจจุบันนอกจากกระทรวงการต่างประเทศที่ส่งคณะทูตไปประจำยังมิตรประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกแล้ว แทบทุกกระทรวงได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปปฏิบัติงานในประเทศที่มีความสำคัญต่อภารกิจของกระทรวงนั้น ๆ อีกด้วย

โดยสรุปแล้ว นักการทูตไทยนั้น ปฏิบัติตนตามแบบแผนพิธีการทางการทูต (Diplomatic protocol) ได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม เป็นอย่างดี จึงได้รับการยอมรับและชื่นชมยินดีจากทุก ๆ ประเทศที่มีนักการทูตไทยไปประจำการ แตกต่างจากหลาย ๆ ประเทศ โดยเฉพาะประเทศมหาอำนาจตะวันตกที่มักจะให้นักการทูตของตนเข้าไปวุ่นวายแทรกแซงประเทศต่าง ๆ เพียงเพื่อผลประโยชน์และความต้องการของประเทศตน โดยไม่คำนึงถึง มารยาท ความถูกต้องเหมาะสม ตามแบบแผนพิธีการทางการทูต ทำให้ประชาชนของประเทศที่ไปประจำการเกิดความเกลียดชังจนกระทบไปถึงภาพลักษณ์ของประเทศของตนโดยรวมอีกด้วย

เปิดผลการจัดอันดับ ’20 โรงพยาบาล‘ ที่ดีที่สุดในไทย!! ปี 2024 ✨👏🏻

ทั้งนี้ ‘บำรุงราษฎร์’ ครองอันดับ 1 ของไทย อีกทั้งยังเป็นโรงพยาบาลไทยเพียงแห่งเดียวที่ติด 130 อันดับแรก โรงพยาบาลที่ดีที่สุดในโลก อย่างต่อเนื่อง 4 ปีซ้อน โดยนิตยสาร Newsweek ร่วมกับ Statista

สำหรับการให้คะแนนโรงพยาบาลแต่ละแห่งนั้น พิจารณาจาก 4 แหล่ง ได้แก่ 1.การสำรวจออนไลน์จากแพทย์ ผู้บริหารโรงพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์มากกว่า 85,000 ราย 2.ข้อมูลจากการสำรวจความพึงพอใจโดยทั่วไปของผู้ป่วยหลังเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล 3.ดัชนีตัวชี้วัดคุณภาพของโรงพยาบาล เช่น มาตรการด้านสุขอนามัย ความปลอดภัยของผู้ป่วย และอัตราส่วนผู้ป่วย/แพทย์ หรือพยาบาลต่อผู้ป่วย และ 4.การสำรวจของ Statista ที่ใช้แบบประเมินผลลัพธ์ด้านการรักษาพยาบาลของผู้ป่วย คือ Patient Reported Outcome Measures (PROMs) โดยมีการสำรวจข้อมูลระหว่างวันที่ 1 มกราคม - 31 ธันวาคม 2566

‘ยุทธพล’ เผย!! โครงการย้ายลิงสู่ที่พักพิงใหม่ คืบหน้า 90% ดันสู่ ‘เพชรบุรีโมเดล’ ตัวอย่างแก้ปัญหาลิงล้นเมืองในทุกพื้นที่

(25 เม.ย. 67) ดร.ยุทธพล อังกินันทน์ ที่ปรึกษาในคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และรองหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ‘ยุทธพล อังกินันทน์’ ถึงปัญหาลิงล้นเมือง ระบุว่า…

‘ย้ายลิง’ เขาวัง ‘รอบ 2’ วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน 2567 เวลา 9 โมงเช้าเป็นต้นไปนะครับ

ตามที่เครือข่ายภาคประชาชนจังหวัดเพชรบุรี ร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้จัดทำกรงพักพิงลิง และย้ายลิงเขาวัง บางส่วนไปปรับพฤติกรรม เพื่อนำเข้าสู่กรงพักพิงลิง ตามโครงการแก้ไขปัญหาลิงล้นเมือง ไปเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2566 แล้วนั้น

โครงการนี้ถือว่าเป็นโครงการนำร่อง เพื่อที่จะนำไปเป็น ‘เพชรบุรีโมเดล’ ให้กับจังหวัดอื่น ๆ ในการแก้ปัญหาลิงล้นเมืองในทุกพื้นที่ หลังจากที่พวกเราทุกคนได้ทำงานหนัก ลองผิดลองถูก ซึ่งถือว่าโครงการดำเนินไปได้ด้วยดี ความสำเร็จไปแล้วถึง 90% เนื่องจากเป็นโครงการนำร่องจึงอาจจะต้องใช้เวลาพอสมควร 

ดังนั้นเครือข่ายภาคประชาชน กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า จะดำเนินการย้ายลิงรอบสอง ในวันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน 2567 นี้ เพื่อเป็นการดำเนิน โครงการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งครั้งนี้เราจะดำเนินการวางกรงดักลิงไว้ทั้งหมด 12 จุดรอบเขาวัง ดังนี้

1. โรงเรียนพรหมานุสรณ์
2. วัดเขาวัง
3. ศาลเจ้าข้างร้านของฝากขนมหม้อแกง
4. วัดถ้ำแก้ว
5. วัดพระนอน
6. วัดข่อย
7. เขาวังเมืองใหม่
8.ร้านหมูสมนึก
9. เคเบิลคาร์
10. ทางขึ้นเขาวัง
11. โรงแรมเขาวัง
12. วัดสระบัว

จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบนะครับ 
ดร.ยุทธพล อังกินันทน์
ประธานเครือข่ายภาคประชาชน  

‘คุณแม่เกาหลี’ อุ้มลูกวัย 4 เดือน ขึ้นเครื่องบินครั้งแรกในชีวิต พร้อมแจก ‘ที่อุดหู-ลูกอม-แนบโน๊ตขอโทษ’ หากมีเสียงรบกวน

เมื่อไม่นานมานี้ เพจเฟซบุ๊ก ‘สุขภาพดี’ ได้โพสต์เรื่องราวของคุณแม่เกาหลีท่านหนึ่ง ที่ทำการแจกชุด ‘ป้องกันเสียงเด็ก’ แก่ผู้โดยสารบนเครื่องบินในเที่ยวเดียวกัน เพราะกลัวลูกน้อยร้องไห้เสียงดังรบกวน โดยระบุว่า…

“ดูเหมือนว่าคุณแม่ชาวเกาหลีรายนี้ก็รู้ดีถึงเหตุผลข้างต้น แต่เธอมีเหตุจำเป็นให้ต้องเดินทางกว่า 10 ชั่วโมง เพื่อไปที่ซานฟรานซิสโกกับลูกน้อยวัย 4 เดือน

โดยเหตุการณ์นี้ถูกโพสต์ผ่านเฟสบุ๊กของนาย Dave Corona เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2019 กล่าวถึงความประทับใจต่อคุณแม่ชาวเกาหลีรายนี้ ที่เลือกแจกชุด ‘ป้องกันเสียงเด็ก’ กว่า 200 ชุดให้กับผู้โดยสารเที่ยวบินเดียวกัน

โดยในถุงที่แจกประกอบไปด้วยที่อุดหู ลูกอมหลายชนิด และข้อความเขียนในนามของเด็กชายระบุว่า ‘สวัสดีครับ ผมชื่อ Junwoo (จุนวู) อายุ 4 เดือน วันนี้ผมกำลังเดินทางไปที่สหรัฐฯ กับคุณแม่และคุณยาย เพื่อไปหาคุณป้าของผม’

‘ผมรู้สึกกังวลและกลัวนิดหน่อย เพราะนี่คือไฟลท์แรกในชีวิตของผม นั่นหมายถึงผมอาจจะร้องไห้หรือส่งเสียงดังเกินไป’

‘คุณแม่ของผมจึงเตรียมถุงเล็ก ๆ นี้ไว้สำหรับคุณ จะมีทั้งลูกอมและที่อุดหู ขอความกรุณาใช้มัน เมื่อผมส่งเสียงดัง ขอให้เดินทางอย่างมีความสุขนะครับ ขอบคุณฮะ’

บอกเลยว่าใครเห็นข้อความนี้เป็นอันต้องโกรธไม่ลงแน่นอน แถมยังยิ้มออกอีกด้วย”

‘ปารีณา’ น้ำตาคลอ!! หลังคู่กัดในสภา ยกคณะร่วมงานศพพ่อ เผย ไม่คิดว่าจะมา ขอโทษที่เคยทำไม่ดี-คอยประท้วงตลอด

เมื่อวานนี้ (24 เม.ย.67) ที่บ้านทรงไทยริมน้ำ ต.บางโตนด อ.โพธาราม จ.ราชบุรี มีพิธีสวดพระอภิธรรม นายทวี ไกรคุปต์ บิดาของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต สส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ที่เสียชีวิตอย่างสงบ

โดยคืนที่ผ่านมามีแขกและนักการเมืองเดินทางมาร่วมงาน ในจำนวนนี้รวมถึง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย นายวิรัตน์ วรศสิริน, น.ส.นภาพร เพ็ชร์จินดา รองหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ที่มาฟังสวดพระอภิธรรมด้วย

เมื่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เดินทางมาถึง น.ส.ปารีณา ได้มารับบริเวณหน้าบ้าน พร้อมพูดทั้งน้ำตาว่า “ขอบคุณท่านมาก ๆ ที่มา ไม่คิดเลยว่า ท่านจะมา ขอโทษที่เคยทำไม่ดี” ก่อน น.ส.นภาพร จะยื่นซองช่วยงานแล้วพูดว่า “ให้กำลังใจนะ สู้ ๆ นะ”

ทำให้ น.ส.ปารีณา ถึงน้ำตาคลอแล้วพูดว่า “ขอโทษนะที่ตอนอยู่ในสภาฯ ประท้วงกันตลอด” ก่อน น.ส.นภาพร ตอบว่า “ไม่เป็นไรเลย เราไม่เคยโกรธ เพราะต่างคนต่างทำหน้าที่”

ระหว่างรอเวลา น.ส.ปารีณาเล่าเรื่องราวชีวิต หลังไม่ได้เป็น สส. พร้อมทั้งร้องไห้เป็นระยะ ๆ จากนั้น น.ส.ปารีณา และ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ร่วมกันกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้นายทวี ไกรคุปต์

ตำรวจภาค 4 เปิดปฏิบัติการทลายอาวุธปืนออนไลน์ ลุยค้น 152 จุดทั่วอีสานเหนือ ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร. ให้กวาดล้างจับกุมผู้ลักลอบจำหน่ายอาวุธปืนออนไลน์ ซึ่งมีแพร่ระบาดอยู่ในปัจจุบัน ล่าสุด พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผ

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร. ให้กวาดล้างจับกุมผู้ลักลอบจำหน่ายอาวุธปืนออนไลน์ ซึ่งมีแพร่ระบาดอยู่ในปัจจุบัน  ล่าสุด พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4  ได้สั่งการให้ตำรวจภาค 4 ปูพรม ปิดล้อมตรวจค้นผู้จำหน่ายอาวุธปืนออนไลน์ โดยให้ปฏิบัติการพร้อมกัน ทั้ง 12 ภ.จว. คือ ภ.จว.กาฬสินธุ์, ขอนแก่น, นครพนม, บึงกาฬ, มหาสารคาม, มุกดาหาร, ร้อยเอ็ด, เลย, สกลนคร, หนองคาย, หนองบัวลำภู และ อุดรธานี ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 24 เม.ย.67 โดยได้เข้าตรวจค้นรวม 152 เป้าหมาย สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 47 ราย ตรวจยึดอาวุธปืนรวม 68 กระบอก, เครื่องกระสุนปืน 1,471 นัด, ยาบ้า 50 เม็ด, บุหรี่ไฟฟ้า 50 อัน และ น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า 380 อัน

พล.ต.ท.สรายุทธ กล่าวว่า ปฏิบัติการครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร. ที่ให้กวาดล้างจับกุมผู้จำหน่ายอาวุธปืนออนไลน์ และจับกุมผู้ครอบครองอาวุธปืนผิดกฎหมาย โดยตั้งแต่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ตำรวจภาค 4 ได้มีการระดมกวาดล้างอาชญากรรมทุกประเภทอย่างต่อเนื่อง เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน สำหรับอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่จับกุมได้ เป็นการตัดโอกาสไม่ให้นำไปใช้ก่อเหตุที่เป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน  โดยตนได้สั่งกำชับตำรวจภาค 4 สืบสวนจับกุมอย่างเข้มข้นต่อไป พล.ต.ท.สรายุทธ กล่าวในที่สุด

‘น้องภูมิ’ วัย 7 ขวบ ขอลาบวชทดแทนคุณ ‘หนุ่ม กรรชัย’ หลังเคยช่วยเหลือตน-ครอบครัว จนทำให้มีชีวิตที่ดีขึ้น

(25 เม.ย. 67) กลายเป็นเรื่องดี ๆ ที่ถูกพูดถึงกันโลกโซเชียล เมื่อ ‘น้องภูมิ’ เด็กชายวัย 7 ขวบ เด็กน้อยที่พิธีกรคนดัง ‘หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย’ เคยให้การช่วยเหลือจากอาการปากแหว่งเพดานโหว่ พร้อมทั้งดูแลในเรื่องของค่ารักษาพยาบาล ตลอดจนได้ให้การช่วยเหลือครอบครัว จนวันนี้ทั้งน้องภูมิและครอบครัวมีชีวิตที่ดีขึ้น ทำให้น้องภูมิและครอบครัวเดินหน้าในการต่อสู้ชีวิต และมีชีวิตที่ดีขึ้น โดยน้องภูมิเคยลั่นวาจาจะบวชให้พี่หนุ่มเพื่อทดแทนบุญคุณ

ล่าสุดเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อ ‘อรวรรณ ชาญเชิดศักดิ์’

ซึ่งเป็นคุณแม่ของน้องภูมิ ได้โพสต์เฟซบุ๊กภาพลูกชายถือพานขอขมาลาบวชเณร ต่อหน้ารูปที่เคยถ่ายร่วมเฟรมกับ หนุ่ม กรรชัย พร้อมข้อความบอกว่า “ผมไม่มีโอกาสไปกราบลาบวชขออนุญาตกราบที่นี้นะคับพี่หนุ่ม” และมีป้ายบอกว่า “ขออนุโมทนาลาบวชเณร เพื่อทดแทนพระคุณพี่หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย ที่ช่วยผมกับแม่จนได้ชีวิตใหม่ ผมขอบคุณครับ”

สืบนครบาลรวบเกมส์โซว็อทช่างสักล่วงละเมิดลูกค้าเด็กวัย 13 ปี จนต้องตัดมดลูก

“หนูมาทราบทีหลังว่าหมอตัดมดลูก” คำพูดของมารดาเด็กสาววัย 13 ปี ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากถูกช่างสักชื่อดังย่านพระราม 2 ลวงไปว่าจะสักลายให้แบบมินิมอล แต่กลับข่มขืนเธอข้ามคืนในร้านสักนั้น ซึ่งหลังเกิดเหตุเธอยังคงเจ็บช้ำร่างกาย จนกระทั่ง 1 เดือนหลังเกิดเหตุเธอปวดท้องอย่างหนักและต้องเข้ารับการผ่าตัดโดยด่วนจากอาการป่วยขั้นรุนแรง โดยเมื่อพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกให้ช่างสักรายนี้เข้ามาให้ปากคำ แต่เจ้าตัวกลับเผ่นหนีไปอย่างสุดชีวิตล่าสุดไปจนมุมชุด ดรีมทีมสืบนครบาลที่ จังหวัดภูเก็ต โดยเจ้าตัวลั่นว่า “ผมไม่ได้เจ้าชู้ แค่ยังไม่เจอคนที่ใช่ ที่น้องคนนี้ต้องไปรักษาเพราะน้องเอง”

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาการ ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ให้ปราบปรามอาชญากรรมที่กระทำความผิดสร้างความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชนผู้สุจริต

เมื่อวันที่ 24 เมษายน  2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.,พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , สั่งการ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.ฯ ,พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น.,พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์  รอง ผกก.1 บก .สส.บช.น.  พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว รอง ผกก.สส บก.น.5 พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.3 บก.สส.บช.น. พ.ต.ต.วศิน อินทร์แก้วสว.ฝอ.บก.สส.บช.น. ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น รอง สว. กก.4 บก .สส.บช.น. ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพร รอง สว.สส.2 ฯปฏิบัติงาน ศอ.ปส.ตร. ร.ต.อ.พลวัต นาคถมยา รอง สว กก.1 บก.สส.บช.น. ร.ต.อ.หญิง ณิชญากาญจน์ เปสลาพันธ์ รอง สว.ฝอ บก.สส.บช.น. ร.ต.ท.เลิศวริศ เลิศวรปรีชา รอง สว.ฯปฏิบัติงาน ศอ.ปส.ตร. ร.ต.ท.ณัฐวุฒิ อ้นชูฤทธิ์ รอง สว.สอบสวน สน.ดินแดง ร.ต.ท.อนันตชัย สัจจพงษ์ รอง สว.ฝอ.2ฯปฏิบัติงาน ศอ.ปส.ตร.ร่วมกับเจ้าหน้าที่สืบนครบาลร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว

นายวศิน กิจนพศรี หรือเกมส์ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59 หมู่ 10 ตำบล บางหลวง อำเภอ บางเลน จังหวัด นครปฐม ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาธนบุรีที่ จ.316/2567 ลงวันที่ 11 เมษายน 2567 ข้อหา “กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม , พาเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม , ปราศจากเหตุอันสมควร พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา เพื่อการอนาจาร”

ประวัติเคยถูกดำเนินคดีข้อหา “พรากผู้เยาว์ฯ” ที่ สน.ท่าข้าม เมื่อ พ.ศ.2559จับกุมได้ที่ ห้องพักในซอยโป๊กุ่ยถ.แม่หลวน ต.ตลาดเหนือ อ.เมือง จ.ภูเก็ต พฤติการณ์กล่าวคือ “ช็อก...จนใจสลาย” เด็กสาววัย 13 ปี ฟื้นจากฤทธิ์ยาสลบหลังออกจากห้องผ่าตัดแล้วทราบว่าตนเอง “ถูกตัดมดลูก”ความรู้สึกที่เจ็บปวดเกินบรรยายจากการถูกลวงไปกระทำย่ำยีนั้นก็บอบช้ำเกินต้านแล้ว ยังถูกซ้ำด้วยการสูญสิ้นความเป็นหญิงไปอย่างไม่มีวันหวนคืน กว่า 3 สัปดาห์ที่เธอต้องนอนพักฟื้นในโรงพยาบาลเรื่องราวสะเทือนใจนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงปลายปี 2566 เมื่อเมื่อเด็กสาววัย 13 ปี  มารดาเล่าให้ตำรวจฟังว่า คนร้ายซึ่งเป็นช่างสักชื่อดังที่มีผู้ติดตาม 7 พันคน ได้ติดต่อเธอผ่านทางเฟสบุ๊ค การสนทนาแนะนำจนเธอยอมตกลงที่จะสักแบบมินิมอลในราคา 400 บาท ครั้งเมื่อถึงเหตุการณ์ในร้านสักเมื่อเด็กสาวย่างกรายเข้าถ้ำเสือแล้วช่างสักหื่นก็ปิดร้านทันที โดยอ้างว่าต้องการสมาธิก่อนจะชักชวนขึ้นไปบนชั้น 2 ทำทีจัดท่าทางการนอนสักให้เด็กสาว จากนั้นช่างสักก็เริ่มล่วงเกินเด็กสาวจนลุกลามไปถึงการกระทำชำเราข้ามคืน ซึ่งหลังเกิดเหตุเธอยังคงเจ็บช้ำร่างกายเรื่อยมาอย่างผิดปกติ กระทั่ง 1 เดือน 

หลังเกิดเหตุ จู่ๆเธอเกิดปวดท้องอย่างหนักจนครอบครัวเธอต้องพาเธอไปโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน แล้วเมื่อแพทย์ได้ตรวจร่างกายก็ทำให้ครอบครัวเธอทราบว่าเธอผ่านการถูกกระทำชำเรามาอย่างหนัก และที่น่าตกใจคือการติดเชื้อขั้นรุนแรงในระบบอวัยวะเพศทำให้ต้องทำการผ่าตัดออกในทันที ซึ่งหลังจากการรักษาที่โรงพยาบาลกว่า 3 สัปดาห์ หลังจากนั้นครอบครัวได้พาเด็กสาวไปขอความช่วยกับทางมูลนิธิสายเด็ก ก่อนจะเข้าแจ้งความดำเนินคดีที่ สน.ท่าข้าม ซึ่งต่อมาวันที่ 11 เม.ย. 67 พนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม ก็ได้ออกหมายจับช่างสักรายนี้คือ “เกมส์โซว็อท” หรือ นายวศิน อายุ 25 ปี แต่ระหว่างทางของกระบวนการสอบสวนที่พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกให้คนร้ายมาให้ปากคำ คนร้ายก็เริ่มไหวตัวทันแล้วหลบหนีอย่างสุดชีวิต ซึ่งล่าสุด พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ส่งชุดสืบนครบาลไล่ล่าติดตาม โดยได้เบาะแสว่าเจ้าตัวคุยโวว่าห้อยพระเต็มคอทำให้แคล้วคลาด นำไปสู่การสืบทราบว่าเจ้าตัวหลบหนีไปกบดานอยู่บนเกาะภูเก็ต ซึ่งต่อมาวันที่ 24 เม.ย. 67 ชุดสืบนครบาลก็สามารถจับกุมตัวคนร้ายรายนี้ได้ในที่สุด โดยจับได้ขณะกำลังจะวันไน้แสตนด์กับหญิงสาวรายใหม่ และเป็นเรื่องบังเอิญที่เป็นวันครบรอบวันเกิด อายุ 25 ปี วัยเบญจเพศของคนร้ายอย่างพอดิบพอดี ซึ่งสารวัตรแจ๊ะได้กล่าวสุขสันต์วันเกิดให้กับคนร้ายก่อนจะแนะนำให้ไปฉลองวันเกิดในคุก

ในชั้นจับกุม นายวศินฯ ให้การรับสารภาพข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “คำคมประจำใจ ตอนเด็กอยากเป็นเศรษฐี โตมาติด…หเศรษฐีไม่ได้เป็นส่วนคดีนี้ตนเองยืนยันว่าตนเองรักเด็กคนนี้จริง แต่ยืนยันว่าไม่ได้เล่นพิเรนท์เอาน้ำหมึกมาชะโลมแต่อย่างใด ตนเองผ่านเพศสัมพันธ์กับหญิงสาวมาแล้วไม่ต่ำกว่า 100 คน โดยส่วนใหญ่ไม่ได้สวมถุงยาง นัดผ่านแอพ เบื่อง่าย ชอบวันไนท์แสตนมาก ตนเคยเป็นโรคหนองใน ซิฟิลิส แต่รักษาแล้ว ตนไม่ได้เจ้าชู้ แค่ยังไม่เจอคนที่ใช่ ส่วนที่ผู้เสียหายในคดีนี้ต้องเข้ารับการรักษานั้นไม่น่าจะเกิดจากตนเอง โดยตนเคยมีอะไรเพศสัมพันธ์กับเด็กสาวอายุ 17 ปี แล้วถูกดำเนินคดี แต่ได้จ่ายค่าสินไหมไป 70,000 บาท จนฝ่ายเค้ายอมความ และคดีนี้ที่ตนเลือกหนีมาที่ภูเก็ตเพราะได้ยินว่าที่นี่เงินดีและหลบง่ายเพราะนักท่องเที่ยวเยอะ และล่าสุดผู้ใหญ่ก็ทักมาว่าเมื่ออายุ 25 เบญจเพสจะมีสิ่งที่น่ากลัวมาเยือน แล้วก็มาถูกจับจริงๆ”

หลังจับกุมตัว ได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.กล่าวว่า “ทางคดีเรายังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหา เพราะคำพูดของเด็กนั้นบริสุทธิ์มากกว่า และยังมีพยานหลักฐานอื่นเชื่อมโยงทำให้ศาลอนุมัติหมายจับ จากพฤติการณ์ในคดีนี้ ผมขออวยพรให้น้องผู้เสียหาย  มีกำลังใจที่เข้มแข็งผ่านพ้นเรื่องเลวร้ายในอดีต และเติบโตอย่างมีความสุข ในวันข้างหน้าให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องจัดการกับผู้กระทำผิด จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังผู้ปกครองทั้งหลาย โปรดเพิ่มความใส่ใจในตัวบุตรหลานของท่าน อย่าไว้วางใจและคลาดสายตา แม้แต่กระทั่งคนใกล้ชิด ซึ่งหากผู้ใดมีเบาะแสการกระทำความผิด โปรดแจ้งข้อมูลมาที่เพจ “สืบนครบาล IDMB” เรามีเจ้าหน้าที่พร้อมตลอด 24 ชั่วโมง เพราะแม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาการ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.”

‘รมว.ปุ้ย’ สั่งหน่วยงานเกี่ยวข้อง จี้!! สถานประกอบการ แยกสารเคมีอันตราย หลังโกดังย่านพระราม 2 สารเคมีติดไฟเองได้ เพราะความร้อนเป็นเหตุ

(25 เม.ย.67) จากเหตุการณ์สารเคมีรั่วไหลในโกดังเก็บสารเคมี จนเกิดกลุ่มควันสีขาวที่โรงงาน ย่านพระราม 2 ในช่วงเวลาประมาณ 02.10 ของวันที่ 25 เมษายน โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ให้ตรวจสอบถึงสาเหตุ และได้รายงานให้ทราบว่า สถานที่เกิดเหตุคือ อาคารเก็บสารเคมีของบริษัท เพรสซิเดนท์เคมีภัณฑ์ จำกัด ไม่เข้าข่ายเป็นโรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน ส่วนกลุ่มควันสีขาวเกิดจากสารเคมี 2 ถังในอาคารหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงทำการขนย้ายสารเคมีในกลุ่มเดียวกันออกมาด้านนอกอาคาร และใช้น้ำในการควบคุมควันที่เกิดขึ้น และเมื่อเจ้าหน้าที่ทำการเปิดบรรจุภัณฑ์เมื่อสารเคมีกระทบอากาศทำให้เกิดไฟลุกไหม้ภายในถัง จึงเร่งควบคุมเพลิงเพื่อไม่ให้สารเคมีแพร่กระจาย โดยใช้เวลาประมาณ 45 นาที

รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า จากการตรวจสอบชนิดของสารเคมีพบในที่เกิดเหตุ คือสารไทโอยูเรียไดออกไซด์ ซึ่งเป็นสารเคมีที่ไม่เข้าข่ายวัตถุอันตรายตาม พรบ.วัตถุอันตราย พ.ศ 2535  เป็นสารเคมีตามประเภทที่มีความเสี่ยงต่อการลุกไหม้ได้เอง (self-heating) และความร้อนเกิดจากตัวสารทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศที่อุณหภูมิรอบตัว สามารถลุกติดไฟได้เมื่อมีความร้อนสะสมต่อเนื่องภายในถึงอุณหภูมิที่สามารถลุกติดไฟได้ด้วยตนเอง (auto-ignition temperature) ทั้งนี้ จากการสันนิษฐานสาเหตุเบื้องต้นเกิดจากการสะสมความร้อนภายในบรรจุภัณฑ์ของสารไทโอยูเรียไดออกไซด์ ทำให้ภายในบรรจุภัณฑ์มีอุณหภูมิสูงจนทำให้มีกลุ่มควันเกิดขึ้น

“ดิฉันได้กำชับไปทาง ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม อธิบดีกรมโรงงาน และอุตสาหกรรมจังหวัดทุกจังหวัดว่า ให้เร่งแจ้งเตือนสถานประกอบการที่มีการจัดเก็บสารเคมี ให้เพิ่มความระมัดระวัง และตรวจสอบสถานที่จัดเก็บให้เป็นไปตามข้อกำหนด ทั้งโรงงานและสถานที่ครอบครองจัดเก็บวัตถุอันตราย หรือสารเคมี โดยต้องตรวจสอบสารเคมีที่จัดเก็บ เช็ค MSDS เอกสารข้อมูลความปลอดภัย ว่ามีสารเคมีที่มีคุณสมบัติลักษณะเดียวกันนี้ คือเกิดปฏิกิริยา หรือติดไฟเองได้ หากอุณหภูมิการจัดเก็บสูง ต้องแยกออกจากกัน และเช็คสภาวะแวดล้อม จัดเก็บในที่อุณหภูมิที่เหมาะสม เนื่องจากปัจจุบันสภาวะอากาศมีอุณหภูมิสูงต่อเนื่อง” รมว.อุตสาหกรรม กล่าว 

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สร้างอาชีพ สร้างชีวิต ร่วมกับกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับสตรีที่ด้อยโอกาสในโครงการส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรี ณ ศูนย์การเรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี

วันนี้ (25 เมษายน 2567) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ พร้อมด้วย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ นางสาวดวงชุตา  ติยะพจนพรกุล  ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และ นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ นำทีมลงพื้นที่ มอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับสตรีที่มีรายได้น้อย มีภาระหน้าที่ดูแลคนในครอบครัว เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือด้อยโอกาสทางสังคม ซึ่งอยู่ในความดูแลของศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี และสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ บ้านเกร็ดตระการ รวมมอบจำนวน 2 แห่ง จำนวน 7 ราย รวมงบประมาณเป็นเงินทั้งสิ้น 138,570 บาท (หนึ่งแสนสามหมื่นแปดพันห้าร้อยเจ็ดสิบบาทถ้วน) เพื่อให้สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้อย่างยั่งยืน โดยมี นายธนสุนทร สว่างสาลี อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว พร้อมด้วย นางสมพิศ ศรีคำแหง ผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี ร่วมในพิธี  ณ ศูนย์การเรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี

นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ เปิดเผยว่า โครงการส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรี มีวัตถุประสงค์เพื่อมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพแก่สตรีที่มีรายได้น้อย มีภาระหน้าที่ดูแลคนในครอบครัว เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือด้อยโอกาสทางสังคม มีความรู้ความสามารถ แต่ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพโดยเราได้รับความร่วมมือจากศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวและสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ จำนวน 10 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี สงขลา สุราษฎร์ธานี ศรีสะเกษ ขอนแก่น ลำพูน ลำปาง เชียงราย และพิษณุโลก

ตลอดระยะเวลากว่า 114 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา  เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ต่อไป

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมงานสาธารณกุศลมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่ เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top