Wednesday, 1 May 2024
TheStatesTimes

‘กทม.’ ปักหมุด!! 10 จุดเติม ‘น้ำดื่มฟรี’ ทั่วกรุงเทพฯ ช่วยลดการใช้ขวดพลาสติก เล็งขยายเพิ่มอีก 200 จุด

(18 เม.ย. 67) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เยี่ยมจุดบริการเติมน้ำดื่มตามโครงการ ‘Bottle Free Seas ลดก่อน ล้นโลก’ บริเวณอุโมงค์หน้าพระลาน และท่ามหาราช ภายใต้นโยบาย ‘น้ำดื่มสะอาด ปลอดภัย ฟรี ทั่วกรุง’

โดยกล่าวว่า กรุงเทพมหานคร ร่วมกับมูลนิธิความยุติธรรมสิ่งแวดล้อม (Environmental Justice Foundation: EJF) ทำการติดตั้งตู้กดน้ำดื่มฟรี เพื่อบริการประชาชน และลดพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวไปพร้อมกัน ซึ่งทุกการกดเติมน้ำที่ตู้ 1 ครั้ง จะถือเป็นการลดการใช้ขวดน้ำพลาสติก 1 ขวด

>>เปิด 10 จุดเติมน้ำฟรี ‘ดื่มน้ำฟรี’ ดับร้อนทั่วกรุง ปัจจุบันมีการติดตั้งตู้กดน้ำดื่มฟรีแล้ว 10 แห่ง ได้แก่ 

1. บริเวณประตู 6 สวนเบญจกิติ 
2. สนามพิกเคิลบอล สวนเบญจกิติ 
3. หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC) 
4. ลานหน้าศาลพระตรีมูรติ เซ็นทรัลเวิลด์ 

5. ป้ายรถเมล์ติดแอร์ หน้าซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ 
6. ฟอร์จูนทาวน์ พระราม 9 
7. สวนธนบุรีรมย์ เขตทุ่งครุ 

8. สวนรถไฟหรือสวนวชิรเบญจทัศ เขตจตุจักร 
9. อุโมงค์หน้าพระลาน เขตพระนคร 
10. ท่ามหาราช เขตพระนคร

>>แผนดำเนินการติดตั้งตู้กดน้ำดื่มฟรี 200 จุดทั่วกรุงเทพฯ
โดยในส่วนของกรุงเทพมหานคร มีแผนดำเนินการติดตั้งตู้กดน้ำดื่มฟรี 200 จุด ที่ศูนย์บริการสาธารณสุขทุกแห่ง สำนักงานเขตทุกเขต และสวนสาธารณะ 

ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มดำเนินการแล้ว รวมถึงประสานความร่วมมือกับภาคเอกชนในการใช้พื้นที่เพื่อติดตั้งตู้กดน้ำเพื่ออำนวยความสะดวก และบริการประชาชนอย่างทั่วถึง

“ต้องขอบคุณ EJF ที่ช่วยทําสิ่งดี ๆ ให้คนกรุงเทพฯ สิ่งสําคัญคือ ต้องร่วมมือกับภาคเอกชน มูลนิธิต่าง ๆ ต้องเชิญชวนมาร่วมกัน ตึกต่าง ๆ ที่มีติดตั้งทุกตึก ที่ทำงานออฟฟิศต่าง ๆ รวมถึงหน่วยงานราชการ ถ้าร่วมมือร่วมใจกันจะติดตั้งครบตามเป้าที่กำหนดในพริบตาเดียว แต่ถ้าให้ กทม. ติดตั้งเองทุกแห่งอาจจะช้านิดนึง” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าว

>>ผลการดำเนินโครงการฯ ลดพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว
ผลการดำเนินโครงการฯ ตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคม 2566 เป็นต้นมา สามารถลดการใช้ขวดพลาสติกไปแล้ว 456,894 ขวด

22 เมษายน ของทุกปี ‘องค์การสหประชาชาติ’ กำหนดให้เป็น 'วันคุ้มครองโลก' หวังให้ผู้คนร่วมตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อม

22 เมษายน ของทุกปีเป็น ‘วันคุ้มครองโลก’ (Earth Day) ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งองค์การสหประชาชาติ United Nations Environment Program (UNEP) เพื่อให้ผู้คนบนโลกได้ตระหนักถึงการกระทำต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมในธรรมชาติ

ทั้งนี้ ผู้ที่ริเริ่มแนวคิดนี้เป็นคนแรกคือ เกย์ลอร์ด เนลสัน สมาชิกวุฒิสภาของสหรัฐอเมริกา โดยในปี พ.ศ. 2505 เกย์ลอร์ด เนลสัน ได้ขอให้ประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี้ หยิบยกเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี้เห็นด้วย และได้ออกทัวร์ทั่วประเทศเป็นเวลา 5 วัน 11 รัฐในช่วงเดือนกันยายน พ.ศ. 2506 ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นของการริเริ่ม ‘วันคุ้มครองโลก’

ต่อมา เนลสัน ได้ผลักดันให้มีการชุมนุม แสดงความคิดเห็นเรื่องสิ่งแวดล้อมในระดับประชาชนทั่วประเทศ ทำให้เกิดเป็นกระแสตื่นตัวเรื่องการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปทั่วสหรัฐอเมริกา จากนั้นในวันที่ 22 เมษายน ประชาชนชาวอเมริกันกว่า 20 ล้านคน ได้พร้อมใจกันชุมนุม เพื่อประท้วงการเพิ่มขึ้นของมลภาวะ และการทำลายทรัพยากรธรรมชาติบนพื้นโลก ซึ่งผลจากการชุมนุมก่อให้เกิดการออกพระราชบัญญัติแก้ไขมลพิษในอากาศของสหรัฐอเมริกา และมีการจัดตั้งสำนักงานป้องกันสิ่งแวดล้อมแห่งชาติขึ้น จนในที่สุดกำหนดให้วันที่ 22 เมษายนของทุกปีเป็น ‘วันคุ้มครองโลก’ (Earth Day) 

สำหรับในประเทศไทย ได้มีการจัดให้มีการรณรงค์วันคุ้มครองโลกขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2533 โดยโรงเรียนสอนภาษาสมาคมนักเรียนเก่าสหรัฐอเมริกา และในปี พ.ศ. 2533 ถือเป็นยุคเริ่มต้นของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หลังจากที่ นายสืบ นาคะเสถียร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง กระทำอัตวินิบาตกรรม อาจารย์และนักศึกษารวม 16 สถาบันได้จัดงานวันคุ้มครองโลกขึ้นเพื่อรณรงค์ให้คนไทยเห็นความสำคัญของป่า และตระหนักถึงวิกฤตการณ์ทำลายสัตว์ป่าและป่าไม้ของประเทศไทย

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน 2567

‘ท่านพ่อเฟื่อง โชติโก’ องค์ท่านได้รับการฝึกฝนอบรมภาวนาจากท่านพ่อลี ธัมมธโร จนเกิดเป็นหลักจิตหลักใจ และมั่นใจในคุณของพระพุทธศาสนา ท่านพ่อเฟื่อง และหลวงปู่เจี๊ยะ จุนฺโท จึงได้เดินทางไปฝากตัวเป็นศิษย์ หลวงปู่ใหญ่มั่น ภูริทัตโต ท่านพ่อเฟื่อง ท่านเป็นพระสมถะ มักน้อย สันโดษ ไม่ยึดติดในสมณศักดิ์ และลาภยศ รักการเดินธุดงค์เป็นชีวิตจิตใจ เป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เป็นที่ควรรำลึกน้อมเป็นสังฆานุสสติอย่างยิ่ง

หนึ่งในคำสอนของท่านก็คือ “หูเราก็มี 2 หู ปากก็มีปากเดียว แสดงว่าเราต้องฟังให้มาก ต้องพูดให้น้อย”

'เพจวงในพม่า' ถามนักข่าวดัง 'ฐปณีย์ เอียดศรีไชย' ข้ามแดนไปทำข่าวให้ KNU แบบนี้ ถูกต้องหรือไม่?

ไม่นานมานี้ เพจ 'LOOK Myanmar' ซึ่งนำเสนอมุมมอง แนวคิดและชีวิตความเป็นอยู่วัฒนธรรมของคนพม่า ได้โพสต์ภาพและข้อความ ระบุว่า...

"ขอสอบถามไปทางคุณแยม ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองและกระทรวงการต่างประเทศหน่อย

ข้อแรกคุณแยมเข้าไปทำข่าวในแผ่นดินกะเหรี่ยงไปทางไหน ข้ามแดนถูกต้องตามกฎหมายไทยหรือเปล่า แล้วถ้าไม่ได้ผ่านแดนแบบถูกต้องตามกฎหมายไทย คุณแยมทำผิดกฎหมายไทยหรือไม่ ประเด็นนี้ฝากคุณแยมช่วยชี้แจง และตำรวจตรวจคนเข้าเมืองช่วยตรวจสอบด้วย

#เพราะคนไทยย่อมอยู่ภายใต้กฎหมายไทยไม่มียกเว้น

ข้อ 2 ในฐานะสื่อมวลชน การนำเสนอข่าวแบบนี้จะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไหม ฝากกระทรวงการต่างประเทศ ฝ่ายปกครองและท่านนายกรัฐมนตรีพิจารณาที"

ทั้งนี้ คอมเมนต์ของชาวโซเชียลได้แสดงความห่วงใยการรายงานข่าวดังกล่าวเช่นกัน อาทิ...

- สื่อควรเป็นกลางนะ เรื่องระหว่างประเทศด้วย
- หาเรื่องให้คนพม่าเข้าใจว่าประเทศไทยเข้าข้างกะเหรี่ยง ทำเป็นโชว์เหนือ เข้าคลุกวงใน 
- ด่านที่เมียวดี น่าจะยังเปิดนะครับ
- ผมเคยยุให้คุณนักข่าวไปทำสกู๊ป ไอ้เดวิด กับ FBS ว่ามันทำอะไรในไทยบ้าง ไม่เห็นจะตอบ น่าสนใจกว่าเยอะ 
- ระวังลูกหลงบ้างนะแยม เขาต่อสู้กันคงไม่มีเวลามาป้องกัน 
- ฝากถามด้วย เอาเงินซื้ออาวุธมาจากไหน? 
- ขอเตือนสักคำนะคะน้อง ในฐานะคนไทยด้วยกัน แค่พรี่เป็นประชาชน ข้าแผ่นดินธรรมดา ที่ถือเอาชาติและแผ่นดินไทย เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตค่ะ... ปัญหาในดินแดนเพื่อนบ้าน เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ที่ประเทศไทย คนไทย โดยเฉพาะสื่อ ต้องระมัดระวังในการทำข่าว หาข่าว เสนอข่าวนะคะ...ใช่ค่ะ สื่อมีสิทธิเสรีภาพในการหาเสนอข่าว #แต่ให้ระมัดระวังการแสดงออกและข่าวที่นำเสนอ 

‘บิ๊กต่าย’ เข้าทำเนียบ รายงาน ‘นายกฯ’ เซ็นสั่งให้ ‘บิ๊กโจ๊ก’ ออกจากราชการไว้ก่อน

(18 เม.ย. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บิ๊กต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รักษาการ ผบ.ตร.) ได้เข้าพบ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อรายงานว่า จะเซ็นคำสั่งให้ บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ให้ออกจากราชการไว้ก่อน หลังถูกดำเนินคดี

ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายกฯ เศรษฐา ได้หารือกับที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย ก่อนจะเห็นชอบให้ รักษาการ ผบ.ตร. เซ็นคำสั่ง ให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้ออกจากราชการไว้ก่อน

ต่อมามีรายงานว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ได้ลงนามคำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกจากราชการไว้ก่อน

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 17 เม.ย. 67 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มอบอำนาจให้ทีมทนายความไปเลื่อนเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.เตาปูน ในคดีฟอกเงินเว็บพนันออนไลน์ โดยขอเลื่อนไปเป็นวันที่ 27 เมษายนนี้

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 3 เม.ย. 2567 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ได้เข้าพบและหารือกับ นายเศรษฐา ที่อาคารรัฐสภา พร้อมระบุว่า มารายงานในเรื่องของขั้นตอนและกระบวนการที่จะพิจารณากรณีของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ 

ส่วนจำเป็นต้องให้มีการหยุดปฏิบัติหน้าที่ก่อนหรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ทุกอย่างมีกระบวนการและขั้นตอนที่จะพิจารณา เราจะพิจารณาว่าเอาแบบนี้เลยไม่ได้ เพราะมีกฎหมายระเบียบและคำสั่งที่ตนในฐานะผู้บังคับบัญชาต้องปฏิบัติ โดยแยกเป็นเรื่องของการปฏิบัติหน้าที่ก่อน

“ผมยังเป็นผู้บังคับบัญชาของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ตามกฎหมาย ดังนั้นการพิจารณาในเรื่องของวินัย เป็นหน้าที่ของผม พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 ตามมาตรา 105 ซึ่งในกระบวนการขั้นตอนจะต้องได้รับรายงานจากคณะพนักงานสอบสวนของกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 ฉบับ โดยขณะนี้ยังไม่มีการรายงานมา 

และฉบับที่ 2 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ต้องรายงานตนว่าตนเองต้องคดี ซึ่งทั้ง 2 อย่าง 2 เส้นทางนี้ เป็นไปตามระเบียบตำรวจไม่เกี่ยวกับคดี ซึ่งมีการกำหนดไว้อย่างชัดเจน และเมื่อ 2 รายงานนี้มาถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จะต้องรายงานมาที่กองคดีอาญา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ไม่ได้ส่งตรงมาที่ผม และเมื่อกองคดีอาญารวบรวมรายงานแล้ว จะรายงานมาที่ผมเพื่อพิจารณาเป็นอย่างหนึ่งอย่างใด 

ขณะเดียวกันกองวินัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จะต้องรายงานผลเช่นกัน โดยเอารายงานทั้ง 2 ฉบับประกอบด้วย เหตุผล พฤติการณ์ ความรุนแรงแห่งคดี นำมาประกอบการพิจารณาในฐานะฝ่ายอำนวยการให้รักษาการ ผบ.ตร.ได้พิจารณา ซึ่งการพิจารณาเราจะดูว่า มีเหตุอันควรสงสัยว่า มีการกระทำผิดวินัยเกิดขึ้นหรือไม่ ซึ่งเป็นไปตามบทบัญญัติของ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 ซึ่งเป็นขั้นตอน 

และเมื่อกองวินัยได้ประมวลขึ้นมาว่า มีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการกระทำผิดวินัยก็เป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชา คือผมจะต้องพิจารณาตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง เพื่อให้ข้อเท็จจริงปรากฏและให้โอกาสกับผู้ถูกสืบสวนข้อเท็จจริงได้ชี้แจง ซึ่งถือเป็นเรื่องที่กำหนดไว้” รักษาการ ผบ.ตร. กล่าว

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ในขั้นตอนกระบวนการสืบสวนข้อเท็จจริงจะยังไม่มีการพิจารณาในเรื่องของการพักราชการ ออกจากราชการ หรือ สำรองราชการไว้ก่อน เพราะเป็นการปฏิบัติภายใต้กฎ คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่กำหนดไว้ ซึ่งการสืบสวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง จะต้องใช้ระดับไม่ต่ำกว่าที่มียศต่ำกว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ซึ่งตรงนี้ตนต้องไปพิจารณาว่าจะมอบหมายให้ใคร ขณะนี้ยังไม่ถึงกระบวนการดังกล่าว 

แต่หากการสืบสวนข้อเท็จจริงปรากฏเหตุออกมาว่า มีการกระทำความผิดวินัยร้ายแรงเกิดขึ้น ก็จะไปเข้าอีกบทบัญญัติหนึ่งของมาตรา 119 ใน พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 ว่าจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนพิจารณาทางวินัยอีกระดับหนึ่ง ซึ่งในขั้นตอนนั้นก็จะมีการใช้การพิจารณาว่าเข้าเงื่อนไขในกฎ ก.ตร. หรือไม่ เข้าองค์ประกอบที่บัญญัติไว้ในกฎหมายตำรวจปี 2565 ในมาตรา 112 หรือไม่ ซึ่งมีการกำหนดไว้อยู่แล้ว 

เมื่อถามว่ากรณีที่ศาลออกหมายจับจะต้องนำคำสั่งศาลที่อนุมัติหมายจับดังกล่าวมาประกอบการพิจารณาด้วยใช่หรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ทุกอย่างกองวินัยจะนำมาประกอบการพิจารณา ซึ่งจะมีกำหนดไว้เป็นข้อ ๆ อยู่แล้วว่าผู้ชี้แจงหรือผู้รายงานตนต้องคดีอาญาจะต้องรายงานอะไรเป็นข้อ ๆ

"หากถามว่า ณ เวลานี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะต้องถูกพักหรือไม่ ขอเรียนว่า ไม่ว่าจะเป็นชั้นยศใดจะต้องอยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมาย ระเบียบและคำสั่ง ซึ่งข้าราชการตำรวจทุกคนต้องปฏิบัติตามนั้น ซึ่งยังถือว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังคงต้องปฏิบัติราชการอยู่ตามปกติ นี่คือสิ่งที่เราต้องให้ความเสมอภาคและเป็นธรรมกับข้าราชการทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน"

เมื่อถามถึงกรณีที่มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบได้มีการกำหนดระยะเวลาหรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า มีกำหนดไว้ในกฎคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) อยู่แล้วภายใน 60 วันที่จะต้องดำเนินการ และสามารถขอขยายระยะเวลาได้ ถึงเวลานั้นคณะกรรมการเขารู้อยู่แล้ว 

เมื่อถามต่อว่าการตั้งคณะกรรมการจะเป็นการยื้อเวลาหรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า อย่าใช้คำว่ายื้อ เรียนว่าทุกอย่างมีขั้นตอนกระบวนการที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน ไม่มียื้อ เราต้องให้ความเสมอภาคเป็นธรรมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สื่อมวลชนก็ได้ยินท่านพูดว่าขณะนี้ท่านคือผู้บริสุทธิ์ ก็มีหน้าที่พิสูจน์ตัวเองไป ส่วนตนเป็นผู้บังคับบัญชาก็เข้าสู่กระบวนการขั้นตอนกฎหมาย ระเบียบคำสั่ง

องค์บุญแห่งล้านนา ครูบาธรรมชัย เจ้าอาวาสวัดศรีพันต้น ทอดผ้าป่า ยกช่อฟ้า ทำพิธีไม้ค้ำจุน ศิลปิน ดารา นักร้องศิษยานุศิษย์พุทธศาสนิกชนทั่วประเทศเข้าร่วมพิธี เป็นจำนวนมาก

เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา ที่สำนักสงฆ์ปฏิบัติธรรมชัยตำบลในเวียงอำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน
องค์บุญแห่งล้านนา ครูบาธรรมชัย เจ้าอาวาสวัดศรีพันต้น สำนักสงฆ์ปฏิบัติธรรมชัย จังหวัดน่านและ สำนักปฏิบัติธรรม ธรรมชัย แผ่นดินทอง อำเภอ หนองเสือ จังหวัดปทุมธานี จัดพิธีทอดผ้าป่า ยกช่อฟ้า พิธีไม้ค้ำจุน ได้รับเมตตาจากพระเดชพระคุณพระราชศาสนาภิบาล เจ้าคณะจังหวัดน่าน เป็นประธานในพิธียกช่อฟ้าอุโบสถ บารมีธรรม
พิธียกช่อฟ้าถือว่าเป็นพิธีที่สำคัญมากในความเชื่อเนื่อง จากเป็นการยกส่วน บนสุดของอาคารศาสนาสถาน หรือพระราชวัง

โดยมีคติความเชื่อว่าหากใครได้ร่วมบุญยกช่อฟ้าแล้วนับเป็นมหากุศลอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นส่วนสูงสุด และถือว่าเป็นการทำให้อาคารสมบูรณ์ตามความเชื่อถือว่าบุญยกช่อฟ้าเป็นบุญที่ศักดิ์สิทธิ์และยิ่งใหญ่ ผู้ประกอบด้วยบุญญาธิการสูงส่งเท่านั้นจึงจะยกช่อฟ้าได้ มิฉะนั้นต้องใช้วิธีร่วม รวมกันเป็นหมู่เหล่าเพื่อให้บุญนั้นเกิดมากพอที่จะยกช่อฟ้าได้ ซึ่งอนิสงส์ ของการยกช่อฟ้าจะทำให้ชะตาชีวิตสูงส่งมีจิตใจใฝ่ดี ความก้าวหน้ามีเกียรติมีความสง่างาม วัดแห่งหนึ่งสร้างอุโบสถเสร็จแล้วจะมีพิธียกช่อฟ้าเพียงแค่ครั้งเดียว งานมหาบุญในครั้งนี้ศิษย์ยานุศิษย์ องค์บุญแห่งล้านนา ครูบาธรรมชัย เจ้าอาวาสวัดศรีพันต้นจากหลายจังหวัดทั่วประเทศ หลั่งไหลร่วมพิธีงานบุญเป็นจำนวนมากโดยมีกิจกรรมขบวนแห่ไม้ค้ำสะหลี สืบทอดเจตนาแห่งเมืองล้านนา สร้างความสามัคคีในชุมชนครั่งนี้มีกว่า 17 ชุมชน เข้าร่วมขบวนแห่ อย่างยิ่งใหญ่ ระยะทาง รถติด ยาวกว่า 5 กิโลเมตร เริ่มงาน ขบวนแห่ ตั้งแต่ ตั้งแต่ 8 โมงเช้า ไปจนถึง 10 โมง พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการตลอดจนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกำนันผุ้ใหญ่บ้านชาวบ้านทุกคนพร้อมใจกัน มาร่วมงานบุญ เพื่อถวาย แด่ครูบาธรรมชัย และพิธีแบบล้านนา ถือเป็นงานบุญที่หาชมยาก งานนี้ ศิลปินดารานักแสดง นักร้องดัง นายวสุธร พันธุ์พาณิชย์(ซานต้า) คิม ธิติสรรค์ กู้ดเบิร์น  โปงลางสะออน ลูลู่ลาล่าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง งานครั้งนี้โปงลางสะออน ลูลู่ลาล่า รำถวาย และร้องเพลงถวาย ครูบาธรรมชัย เพลงด้วยพรครูบาธรรมชัย เพลงนี้แต่งขึ้นจากเรื่องจริง ที่เธอ ทั้งสองประสบปัญหาชีวิต แล้วคือพลิกชีวิต ด้วยบารมีครูบาธรรมชัย แนะนำและวิธี จนกระทั่ง ชีวิตของเธอเปลี่ยน จากร้ายกลายเป็นดี เหมือนฝัน  ยังมีนักร้อง ชื่อดัง จากค่าย v6 Music ที่ขนนำรับรอง ซึ่งมียอดวิว กว่า 100 ล้านวิว ไม่ว่าจะเป็นบอส ธีรพงษ์ รวมถึงขวัญ โฆสิตา ที่มาร่วมร้องเพลง ในงานบุญครั้งนี้

สื่อนอกตีข่าว 'ลูกค้าเทสลา' สะพัด!! บริษัทฯ ซุ่มระงับส่งมอบ 'ไซเบอร์ทรัก' คาดพบข้อบกพร่อง-เหตุขัดข้องต่างๆ ที่อาจทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิต

เมื่อไม่นานมานี้ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า มีข่าวแพร่สะพัดว่า เทสลาระงับการส่งมอบ 'ไซเบอร์ทรัก' ทั้งหมดในสหรัฐฯ หลังบรรดาผู้บริโภคส่งเสียงคร่ำครวญพบข้อบกพร่องที่อาจนำมาซึ่งการเสียชีวิต เกี่ยวกับแป้นเหยียบคันเร่งของรถกระบะไฟฟ้ารุ่นนี้

สื่อมวลชนอย่างนิวยอร์กโพสต์ และเดลิเมล เปิดเผยว่า มีข่าวปรากฏบนสื่อสังคมออนไลน์หลายแห่ง ในนั้นรวมถึงตามกระดานสนทนาของบรรดาเจ้าของไซเบอร์ทรัก ระบุว่า พวกลูกค้าของรถกระบะไฟฟ้าของเทสลา ได้รับข้อความจากบรรดาตัวแทนจำหน่าย แจ้งให้พวกเขาทราบว่าขอยกเลิกหมายนัดการส่งมอบไปก่อน

ในรายงานระบุว่า ลูกค้าหลายคนได้รับแจ้งว่า การส่งมอบรถไซเบอร์ทรักจะไม่เกิดขึ้นจนกว่าจะผ่านพ้นวันที่ 20 เมษายน สืบเนื่องจากการเคลื่อนที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด ตามรายงานของเดลิเมล 

"ผมขอให้พวกเขาให้เหตุผลอย่างเฉพาะเจาะจงเพื่อความกระจ่าง แต่ถูกเพิกเฉย" ผู้ใช้รายหนึ่งในกระดานสนทนาคลับพวกเจ้าของรถไซเบอร์ทรัก เขียนเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว

ผู้ใช้คนอื่น ๆ คาดการณ์ว่ามันน่าจะเป็น 'ประเด็นเดียวกับคันเร่ง' หลังพวกเจ้าของไซเบอร์ทรักรายอื่น ๆ บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์และติ๊กต็อกบ่งชี้ว่ามันมี "ข้อบกพร่องด้านการออกแบบอย่างร้ายแรง ที่พวกเจ้าของทุกคนจำเป็นต้องตรวจสอบเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยมันก่อให้เกิดการเร่งเครื่องโดยไม่เจตนา สืบเนื่องจากแป้นคันเร่งที่ออกแบบมาราคาถูก"

ในติ๊กต็อกผู้ใช้นามว่า el.chepito1985 เจ้าของรถไซเบอร์ทรัก อ้างว่าแผ่นรองคันเร่งเลื่อนหลุดไปข้างหน้า กดให้คันเร่งจมไปกับพื้นและทำให้รถกระบะของเทสลาพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงสุด

จากนั้นในโพสต์ต่อมา ผู้ใช้นามว่า Garage Klub ระบุว่าเหตุการณ์ที่รถไซเบอร์ทรักคันหนึ่งพุ่งเข้าชนป้ายของโรงแรมเบฟเวอร์ลี ฮิลล์ เมื่อวันที่ 4 มีนาคม น่าเชื่อว่าอุบัติเหตุดังกล่าวมีต้นตอจากปัญหาแป้นคันเร่งเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ตำรวจยังไม่สรุปว่าอะไรคือต้นตอของอุบัติเหตุคราวนั้น

กระแสเสียงคร่ำครวญที่บรรดาพวกผู้เป็นเจ้าของไซเบอร์ทรัก บอกเล่าเรื่องราวเหตุขัดข้องต่าง ๆ ที่พวกเขาประสบพบเจอกับรถกระบะไฟฟ้ารุ่นนี้ มีขึ้นไม่นานหลังจากไซเบอร์ทรัก ซึ่งมีราคาเริ่มต้นที่ 80,000 ดอลลาร์สหรัฐ เริ่มวิ่งอวดโฉมบนท้องถนนเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา

ตัวแทนของเทสลายังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้ หลังนิวยอร์กโพสต์ติดต่อสอบถามขอความคิดเห็น

ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ เทสลาเพิ่งแถลงปรับลดพนักงานลงมากกว่า 10% จากที่มีอยู่ทั่วโลกราว 140,000 คน โดย อีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลา บอกว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากของบริษัท ในขณะที่พวกเขาต้องเผชิญกับยอดขายที่ตกต่ำ ท่ามกลางสงครามราคาอันหนักหน่วงสำหรับรถอีวี

HUAWEI Pura 70 Ultra ขายหมดเกลี้ยงใน 1 นาที ส่งสัญญาณยอดขาย iPhone ทรุดกว่าเดิมในจีน

เมื่อวานนี้ (18 เม.ย. 67) HUAWEI เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ในตระกูล HUAWEI Pura 70 ที่รีแบรนด์มาจาก P-series เดิม รวม 4 รุ่น ประกอบด้วย HUAWEI Pura 70, Pura 70 Pro, Pura 70 Pro+ และตัวท็อป Pura 70 Ultra ซึ่งได้กลายมาเป็นที่จับตามองของสื่อต่างประเทศทันที ด้วยความที่มือถือเหล่านี้เปรียบเสมือนเป็น ‘ตัวแทน’ ของจีน ท่ามกลางสงครามการค้ากับสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังมีประเด็นอื่นที่เกี่ยวเนื่องกัน เช่น ความก้าวหน้าในการพัฒนาชิปเซตของจีน และการแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนในจีนที่เป็นสมรภูมิสำคัญของโลก

โดยปีที่แล้ว HUAWEI ส่งสัญญาณคัมแบ็กระลอกแรก และเป็นระลอกใหญ่ โดยการเปิดตัว HUAWEI Mate 60 Pro+ ในจีน ซึ่งได้รับกระแสตอบรับถล่มทลาย สินค้าขาดตลาดทุกช่องทางทั่วประเทศอย่างรวดเร็วในเวลาเพียงไม่นาน จนทำให้ยอดขาย iPhone 15 Pro Max ลดลงทันตาเห็น และ Apple ต้องอัดโปรฯ ลดราคาสู้ อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมานานหลายปีแล้ว

แต่ HUAWEI Mate 60 Pro+ ก็แฝงไปด้วยปริศนาที่ทำให้ทั้งโลกมึนงง เกี่ยวกับชิป Kirin 9000S ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งมีการเก็งกันว่าจีนไม่น่าจะผลิตเองได้ภายในระยะเวลาอันใกล้นี้ เนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ที่กีดกันไม่ให้จีนเข้าถึงเครื่องมือที่ทันสมัยได้ จนรัฐบาลสหรัฐฯ ต้องเข้ามาตรวจสอบในช่วงต้นปี พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า SMIC ที่เป็นผู้ผลิตชิป อาจมีการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง และจนถึงตอนนี้สถานการณ์ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป ในขณะที่ HUAWEI เองก็รูดซิปปิดปากเงียบ พยายามไม่พูดถึงตัวชิปในทุกวิถีทาง และเลี่ยงการตอบคำถามกับสื่อ

นอกจากนี้ หน่วยงาน Semiconductor Industry Association (SIA) ยังตรวจเจออีกว่า HUAWEI พยายามใช้วิธีซิกแซก โดยการเข้าซื้อหุ้นบริษัทเซมิคอนดักเตอร์และหน่วยความจำในจีนหลังได้รับเงินทุนสนับสนุนจากรัฐบาล โดยการปกปิดความเกี่ยวโยงกับบริษัทแม่ เพื่อหลบเลี่ยงการแซงก์ชันจากสหรัฐฯ โดยทางสหรัฐฯ ก็แก้เกมด้วยการเพิ่มบริษัทที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเข้าไปในบัญชีดำ Entity List เรียบร้อย แต่ยังไม่ดำเนินการใด ๆ เพิ่มเติม เพราะเกรงว่าจะทำให้สถานการณ์ทางการค้าระหว่างสองชาติมหาอำนาจจะตึงเครียดกว่าเดิม

สำหรับ HUAWEI Pura 70 Ultra หนนี้ HUAWEI ยังคงใช้แนวทางเดิมเป๊ะ คือไม่มีการโปรโมตเรื่องชิปอีกเช่นเคย รวมถึงประเด็นเรื่องการรองรับ 5G ก็หลีกเลี่ยงโดยการไม่ระบุข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับภาคการเชื่อมต่อเซลลูลาร์เลย แม้จะมีการนำเสนอถึงจุดขายว่าตัวเครื่องรับสัญญาณมือถือได้ดีมากก็ตาม

เบื้องต้นสื่อต่างประเทศให้ข้อมูลว่า HUAWEI Pura 70 Ultra น่าจะมาพร้อมชิปตัวใหม่ ที่อาจใช้ชื่อว่า Kirin 9010 ซึ่งมีแนวโน้มสูงที่ทางการสหรัฐฯ จะยื่นมือเข้ามาตรวจสอบเหมือนเดิม

แต่ไม่ว่าชิปข้างในจะเป็นอะไร ก็ดูเหมือนจะไม่ได้กระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าในจีนแม้แต่น้อย เพราะล่าสุดมีรายงานว่า HUAWEI Pura 70 Ultra และ Pura 70 Pro ที่เปิดขายวันนี้เป็นวันแรก ต่างขายหมดเกลี้ยงในเวลาไม่ถึง 1 นาทีตั้งแต่ช่วงสาย (ตามเวลาท้องถิ่น) ส่วน HUAWEI Pura 70 Pro+ และ Pura 70 รุ่นมาตรฐาน จะวางขายตามมาภายหลังในวันที่ 22 เมษายน 2024

มีเกร็ดน่าสนใจเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย คือ ลูกค้าที่ซื้อ HUAWEI Pura 70 จะต้องทำการแกะกล่อง เปิดเครื่อง เพื่อทำการลงทะเบียนกับทาง HUAWEI ให้เรียบร้อยตั้งแต่หน้าร้าน ทั้งนี้คาดว่า HUAWEI ต้องการป้องกันพ่อค้าที่นำเครื่องไปรีเซลขายโก่งราคาในภายหลัง

กองสารนิเทศเชิญชวนร่วมงาน “ใต้ร่มพระบารมี 242 ปี กรุงรัตนโกสินทร์” สวดชุดไทยชมวังฟังเพลง ณ พิพิธภัณฑ์ตำรวจ วังปารุสกวัน 21 – 25 เมษายนนี้

พิพิธภัณฑ์ตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็น 1 ในพิพิธภัณฑ์รอบเกาะรัตนโกสินทร์ เข้าร่วมกิจกรรมในงาน “ใต้ร่มพระบารมี 242 ปี กรุงรัตนโกสินทร์” เชิญชวนพี่น้องประชาชนเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ตำรวจ วังปารุสกวัน ระหว่างวันที่ 21-25 เมษายนนี้ ตั้งแต่เวลา 09.00-19.00 น. 

พล.ต.ต.หญิง สมพร พูลเกษม ผู้บังคับการกองสารนิเทศ เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงวัฒนธรรม โดยคณะกรรมการจัดงานใต้ร่มพระบารมี 242 ปี กรุงรัตนโกสินทร์ กำหนดจัดงาน “ใต้ร่มพระบารมี 242 ปี กรุงรัตนโกสินทร์ ระหว่างวันที่ 21-25 เมษายน 2567 ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร , โรงละครแห่งชาติ และบริเวณรอบเกาะรัตนโกสินทร์ ซึ่งการจัดงานดังกล่าวจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยมีวัตถุประสงค์การจัดงานเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ที่ทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ และเพื่อเทิดพระเกียรติพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ในราชวงศ์จักรี ที่ได้ทรงนำพาและพัฒนาประเทศให้เป็นปึกแผ่นและมีความเจริญรุ่งเรืองมาครบรอบ 242 ปี 

สำหรับในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองสารนิเทศได้เปิดพิพิธภัณฑ์ตำรวจ วังปารุสกวัน ตั้งอยู่บริเวณหัวมุมถนนพิษณุโลก ตัดกับถนนราชดำเนินนอก แขวงและเขตดุสิต กรุงเทพมหานคร เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้เยี่ยมชมและร่วมกิจกรรม ในระหว่างวันที่ 21-25 เมษายน 2567 ตั้งแต่เวลา 09.00 - 19.00 น. โดยมีการจัดกิจกรรมนำชมตำหนักจิตรลดา และอาคารเรือนกระจก, กิจกรรมเชิงวัฒนธรรม, การแสดงการปฏิบัติหน้าที่ของสุนัขตำรวจและม้าตำรวจ และรับชมดนตรีในสวน พร้อมขอเชิญชวนผู้ร่วมงานสวมใส่ชุดไทย เพื่อร่วมเก็บบันทึกภาพบรรยากาศอันสวยงาม

ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-2282-5057 หรือทาง http://www.facebook.com/policemuseum.parus

‘ดร.เอ้’ แนะ!! รัฐบาล-กทม. 4 วิธีขนย้าย ‘แคดเมียม’ ให้ปลอดภัย พร้อมย้ำ ขอให้คิดถึง-ห่วงใยประชาชนเหมือนคนในครอบครัว

(19 เม.ย.67) นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแลกทม. กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วยกับการเตรียมขนย้ายกากแคดเมียมกลับไปยังบ่อฝังกลบที่ จ.ตาก ที่รัฐบาลให้ข้อมูล จึงขอแนะนำ กทม. และรัฐบาล รีบทำ 4 ข้อ ด่วน คือ

1. ต้อง ‘บรรจุถุงกากแคดเมียมเข้าตู้คอนเทนเนอร์แล้วปิดมิดชิด’ รอการยกขนย้าย ทำตามหลักมาตรฐานสากล
2. ต้องรีบลำเลียงไปพื้นที่ปลอดภัยโดยด่วน ‘เพราะยิ่งอยู่นาน’ ไม่มีใครการันตีว่า สารพิษจะไม่รั่วไหล ยิ่งมีโอกาสฝนตกได้ทุกวัน รัฐบาลแจ้งผ่านสื่อปลายทาง ไม่พร้อม ชาวบ้านก็เสี่ยงสูง อันตรายมากถ้ายังนิ่งอยู่ที่เดิม และเท่าที่ทราบพื้นที่ของรัฐที่ว่างเปล่า ห่างไกลแหล่งน้ำ ชุมชน หรือเช่าพื้นที่เอกชนก็มีว่างเปล่าปลอดภัย ไกลชุมชนมากมาย

นายสุชัชวีร์ กล่าวต่อว่า 3. ต้อง ‘เตรียมพื้นที่ฝังกลบ’ ควรเคลียร์พื้นที่ให้พื้นผิวเรียบ ก่อนจะใช้ HDPE (High Density Polyethylene) พลาสติกพอลิเอทิลีน พลาสติกที่มีความหนาแน่นสูง ในการรองรับแคดเมียมจำนวนมาก ทนต่อแรงฉีกขาด และควรคำนึงถึงความปลอดภัยต่อชุมชน หากจะกลับไปที่เดิม คงทำแบบเดิมไม่ได้ อันตรายมาก ฝุ่นจากการถมกากแคดเมียมจะเข้มข้น เป็นพิษร้าย กระจายคลุ้ง ชาวบ้านรับเต็ม ๆ

และ 4. ต้อง ‘เตรียมรถบรรทุกที่รับตู้คอนเทนเนอร์แบบปิด’ การขนย้ายไม่ใช่ใส่รถบรรทุกฝาเปิด แคดเมียมระเหยสู่อากาศ หากฝนตกยิ่งอันตราย สารพิษกระจาย และต้องไม่ขนถ่ายไปถ่ายมา อันตรายที่สุด มีความเป็นห่วงคนทำงานเพราะเสี่ยงมะเร็ง ดังนั้นตู้คอนเทนเนอร์ต้องเปิดได้สองครั้ง คือ เปิดตอนบรรจุถุงกากแคดเมียม กับเปิดตอนนำออกมาฝังกลบในที่ปลอดภัยเท่านั้น

“ขอให้คิดถึงและห่วงใยประชาชนเหมือนคนในครอบครัวท่าน เพราะหากสารพิษอยู่ติดรั้วบ้านท่าน ท่านจะรอไหมครับ” นายสุชัชวีร์ กล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top