Friday, 3 May 2024
TheStatesTimes

'จีน' สั่งกวาดล้างเหล่าอินฟลูฯ 'สร้างข่าวลือ-ปั่นคอนเทนต์ลวง' ลั่น!! โลกโซเชียลไม่อยู่เหนือกฎหมาย ทำผิด ก็มีสิทธิติดคุก

รัฐบาลมณฑลหังโจว ประเทศจีนจัดหนัก สั่งแบนอินฟลูเอ็นเซอร์สาว ดาวโซเชียลคนดัง 'สู เจียอี๋' ผู้ใช้ชื่อบัญชีในโลกออนไลน์ว่า 'Thurman Maoyibei' ที่มีผู้ติดตามถึง 40 ล้านคน แต่ตอนนี้ถูกแบนจากทุกแพลตฟอร์มโซเชียลที่เธอใช้ ทั้ง Tiktok, Weibo และ Wechat ด้วยความผิดฐาน 'สร้างความปั่นป่วนในสังคม' และมีสิทธิ์ถูกดำเนินคดีได้ทั้งจำและปรับ 

'สู เจียอี๋' หรือ 'Thurman Maoyibei' เป็นอินฟลูเอนเซอร์ด้านแฟชัน ความงาม และไลฟ์สไตล์คนดังใน Douyin หรือ Tiktok ของจีน ที่มีผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก 

แต่ราวเดือนกุมภาพันธ์ เธอได้โพสต์คลิปขณะกำลังเที่ยวในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ว่ามีบริกรเข้ามาทัก บอกว่าพบสมุดการบ้าน 2 เล่มที่น่าจะเป็นของเด็กจีน ลืมไว้ในห้องน้ำที่ร้าน อยากให้ตามหาเจ้าของเพราะเห็นว่าเธอเป็นคนจีนเหมือนกัน

จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นภารกิจตามหาเจ้าของการบ้านของ Thurman Maoyibei เมื่อเธอไลฟ์ผ่านโซเชียลที่มีผู้ติดตาม 40 ล้านคน ตามหา 'ชิน หลาง' ชั้น ป.1 ห้อง 8 ที่ปรากฏชื่อบนสมุดการบ้านที่ลืมไกลถึงกรุงปารีสให้มารับสมุดคืนได้ที่เธอ จนกลายเป็นไวรัลอย่างกว้างขวาง และมีผู้แอบอ้างว่าเป็นญาติ หรือ คนรู้จัก ชิน หลาง มากมายในโลกโซเชียลจีน

หลังจากผ่านไปไม่นาน มีการตรวจสอบข้อมูลจากด่านตรวจคนเข้าเมืองของจีน ย้อนไปถึงช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อน ก็ไม่พบว่ามีเด็กในช่วงวัยประถมที่ชื่อ ชิน หลาง เดินทางไปต่างประเทศแต่อย่างใด 

และคดีก็พลิกทันที จน สู เจียอี๋ ต้องออกมายอมรับว่าเธอกุเรื่อง ชิน หลาง ขึ้นมา เพื่อสร้างคอนเทนด์ในช่องของเธอ โดยสมุดการบ้านนี้เธอซื้อมาทางออนไลน์ และมี 'เสว่' เพื่อนร่วมทีมอีกคนเขียนบทเรื่องราวการบ้านหายในฝรั่งเศสให้ และช่วยกันปั่นให้เกิดกระแสทั้งใน Douyin และ Weibo จนมียอดแชร์นับล้านวิว

หลังความแตก สู เจียอี๋ ออกมากล่าวขอโทษสังคมผ่านทางโซเชียล ด้วยความ 'รู้เท่าไม่ถึงการณ์' แค่ต้องการเพียงสร้างกระแสให้ช่องทางออนไลน์ของเธอเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาอื่น ซึ่งเธอสำนึกแล้ว ต้องการให้การกระทำของเธอเป็นกรณีตัวอย่าง และต่อไปเธอสัญญาว่าจะทำแต่คอนเทนด์เพื่อสร้างสรรค์สังคมคุณภาพ

แต่ไม่ทันแล้ว เพราะวันนี้รัฐบาลหังโจวได้สั่งแบนบัญชีออนไลน์ของ สู เจียอี๋ ในทุกแพลตฟอร์ม สูญเสียผู้ติดตามหลายสิบล้านในพริบตา และมีสิทธิ์ถูกดำเนินคดีในข้อหาสร้างความปั่นป่วนในสังคมด้วย

คดีของ สู เจียอี๋ เป็นอีกหนึ่งในหลายหมื่นคดี ที่กระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีน ได้ออกมาประกาศจะกวาดล้างเหล่าบรรดาอินฟลูเอนเซอร์ที่กุข่าวเท็จ ปั่นข่าวลือ เพื่อดึงกระแสให้ช่องทางออนไลน์ของตัวเอง และถือเป็นภัยสังคมอย่างหนึ่ง แม้จะไม่ใช่เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการเมืองก็ตาม

และตั้งแต่ธันวาคม 2566 เป็นต้นมา มีการจับปรับเจ้ากรมข่าวลือที่ปล่อยข่าวเท็จในเน็ตไปแล้วมากกว่า 10,000 ราย และถูกจำคุกอีกกว่า 1,500 ราย 

รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสาธารณะย้ำว่า โลกโซเชียลไม่ใช้พื้นที่ที่อยู่นอกกฏหมาย ชาวเน็ตจีนจึงควรตระหนักถึงกฏ ระเบียบ ในการใช้คำพูด หรือแสดงพฤติกรรมในโซเชียลให้จงหนัก เพราะรัฐบาลตามจับได้ และปรับจริง ติดคุกจริง แน่นอน

ส่วนชาวโซเชียล จำเป็นต้องมีสติในการเสพข่าวสาร ข้อมูลต่าง ๆ ควรเช็กให้ชัวร์ก่อนแชร์ จะได้ไม่เจ็บใจทีหลัง

‘สคบ.’ โพสต์เตือน!! ‘พัดลมคล้องคอ’ อันตราย อย่าหาใช้ เสี่ยงเจอสารก่อมะเร็ง ด้าน ‘สวีเดน’ นำออกจากตลาดแล้ว

(19 เม.ย.67) เพจ กองคุ้มครองผู้บริโภคด้านธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง สคบ. โพสต์ภาพพร้อมข้อความแจ้งเตือนผู้บริโภค ความว่า พัดลมคล้องคอ อันตราย อย่าหาใช้

พร้อมระบุเพิ่มเติมว่า ในประเทศสวีเดน แจ้งเตือนภัยพัดลมคล้องคอ สำหรับการคลายร้อน โดยได้นำผลิตภัณฑ์นี้ออกจากตลาด รวมถึงในตลาดบนโลกออนไลน์แล้ว เนื่องจากตัวประสานบนแผงวงจรที่เชื่อมต่อแบตเตอรี่ และในสาย USB มีตะกั่วเข้มข้นมากเกินไป และวัสดุพลาสติกสายเคเบิล มีความเข้มข้นของ สารเสริมสภาพพลาสติก (DEHP) , (DBP) และ (SCCPs) มากเกินไป

ซึ่งหากได้รับสารเหล่านี้ทางผิวหนังเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดโรคมะเร็งได้

'รมว.ปุ้ย' เร่งย้ายกากแคดเมียมกลับตาก ปลายเม.ย.นี้ พร้อมปรับบ่อฝังกลบใหม่ ให้ประชาชนเชื่อมั่น

เมื่อวานนี้ (18 เม.ย. 67) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า  คณะทำงานแก้ไขปัญหาและการขนย้ายกากตะกอนแคดเมียมเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนที่มีปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธาน ได้รายงานผลการประชุมคณะทำงานฯ โดยสรุปข้อเท็จจริงเกี่ยวข้องกับกากตะกอนแคดเมียมทั้งหมด ตั้งแต่ความเป็นมาของเหมืองแร่และโรงถลุง ข้อมูลการพบกากตะกอนแคดเมียม ข้อมูลผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ รวมทั้งการดำเนินการของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง

รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า ในส่วนของแผนการบริหารจัดการขนย้ายกากตะกอนแคดเมียมกลับโรงงานตาก และปิดบ่อฝังกลบกากแคดเมียมนั้น โดยภาพรวมมีความครอบคลุมขั้นตอนต่าง ๆ ครบถ้วน ซึ่งที่ประชุมมีมติในประเด็นสำคัญ คือ การปรับปรุงบ่อกักเก็บกากแคดเมียมเพื่อเตรียมนำกากกลับไปฝังกลบ กำหนดให้ใช้การฉาบพื้นผิวบ่อใหม่ทั้งหมดซึ่งจะใช้เวลาไม่เกิน 2 เดือน เพื่อช่วยสร้างความมั่นใจให้กับชุมชนในพื้นที่  

อย่างไรก็ดี จะเร่งขนกากตะกอนแคดเมียมที่กระจายอยู่ที่พื้นที่ต่าง ๆ ทั้งสมุทรสาคร, ชลบุรี และ กรุงเทพมหานคร มาเก็บที่โรงเก็บแร่ที่จังหวัดตากก่อน โดยต้องปรับปรุงโรงเก็บแร่ไม่ให้มีน้ำเข้ามาได้ และทำการปูวัสดุรองพื้นเพื่อป้องกันการรั่วซึม ก่อนจะขนกากตะกอนแคดเมียมมารอเพื่อนำลงในบ่อกักเก็บกากแร่ต่อไป

สำหรับรถที่จะใช้ในการขนส่งและวิธีการขนกากตะกอนแคดเมียมนั้น ที่ประชุมเสนอว่าให้ใช้แบบ hybrid คือ ทั้งการใช้รถบรรทุกที่มีการขนกากโดยการใช้วัสดุห่อปิดปกคลุมมา กับการใช้ตู้คอนเทนเนอร์ ร่วมกันในการขน เพื่อให้เกิดความรวดเร็วและสามารถเริ่มขนกากได้ในช่วงปลายเดือนเมษายน  

“ดิฉันได้ย้ำด้วยว่า ในการดำเนินการต่าง ๆ ให้คำนึงถึงความรวดเร็วในการขนกากตะกอนออกจากพื้นที่ต่าง ๆ ด้วยความปลอดภัย ถูกต้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน รวมถึงเร่งชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ด้วย” รมว.ปุ้ย กล่าวย้ำ 

‘เพจตี๋น้อย’ ยก ‘บิวกิ้น’ นักร้องไทยครองหัวใจแฟนคลับชาวจีน โด่งดังสุดๆ จนร้านคาราโอเกะต้องมีเนื้อร้องเป็นภาษาไทย

(19 เม.ย. 67) เพจเฟซบุ๊ก ‘ตี๋น้อย’ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับกระแสความดังของ บิวกิ้น พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล ในประเทศจีน โดยระบุว่า…

นี่ไม่ใช่คาราโอเกะที่ไทย แต่เป็น KTV จีน (ร้านคาราโอเกะในจีนจะเรียกว่า KTV) ซึ่งโดยปกติร้าน KTV จะมีแต่เพลงจีน เพลงฝรั่ง เพลงเกาหลี หรือเพลงไทยบางเพลงที่เป็นเวอร์ชั่นภาษาจีนเท่านั้น ตี๋น้อย ไม่เคยเจอเพลงไทยที่เป็นเวอร์ชั่นภาษาไทย ในร้าน KTV จีนมาก่อน

การที่มีเพลงไทยใน KTV จีน นั่นแสดงว่า นักร้องคนนั้นต้องดังสุด ๆ ในจีนเท่านั้นถึงจะมีเพลงในร้านคาราโอเกะจีนได้ และที่สำคัญคือนี่เป็นเพลงแรก ๆ ที่เป็นเพลงภาษาไทยในร้านคาราโอเกะจีนด้วย และไม่ใช่แค่เพลง ‘แปลไม่ออก’ เท่านั้นที่มีในคาราโอเกะจีน นอกจากเพลงนี้ยังมี เพลง MR.EVERYTHING, กีดกัน ที่เป็นเพลงภาษาไทยของ คุณบิวกิ้น ใน KTV อีกด้วย

ส่วนคู่จิ้น อย่าง คุณพีพี เองก็ดังไม่น้อยหน้าในจีนเช่นกัน ในร้าน KTV มีทั้งเพลงเส้นเรื่องเดิม, FIRE BOY เป็นเพลงภาษาไทยในร้านเช่นกัน

ล่าสุดคุณบิวกิ้น ทำเมืองจีนแตก แสดงคอนเสิร์ตทั้งในเมืองหูโจว และฝูโจว ทั้งสองที่ คือสเตเดี้ยมทั้งสองเมืองเต็มความจุ กว่า 40,000 ที่นั่ง ก็เต็มทั้งสองที่ครับ

ปล.ภาพนี้ตี๋น้อยถ่ายเอง ณ ร้าน KTV แห่งหนึ่ง ณ เมืองอุรุมชี เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ประเทศจีนครับ

สมุทรปราการ- “พระครูแจ้” ทำบุญใหญ่!! เนื่องในโอกาสอายุวัฒนมงคลครบ 62 ปี เดินหน้าช่วยเหลือผู้ยากไร้ “รถโรงฟรี”

ที่วัดบางพลีใหญ่กลาง ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ คณะศิษย์ยานุศิษย์ ข้าราชการทุกหมู่เหล่าตลอดจนประชาชนจำนวนมากร่วมเดินทางมาแสดงมุทิตาสักการะ เนื่องในวันคล้ายวันเกิด อายุวัฒนมงคลครบรอบ 62 ปี พระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง

ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง จัดพิธีทำบุญตักบาตรและถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ผู้ทรงสมณศักดิ์จากวัดต่างๆ ตลอดจนคณะสงฆ์วัดบางพลีใหญ่กลาง ต่างร่วมแสดงมุทิตาสักการะ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดอายุวัฒนมงคลครบ 62 ปี

โดยมีท่าน พระครูวิทูรกิจจาทร  (พระครูจาบ) รักษาการเจ้าอาวาสวัดหนามแดง พร้อมด้วยคณะสงฆ์วัดบางพลีใหญ่กลาง ประกอบพิธีเจริญชัยมงคลคาถา โดยมีคณะไวยาวัจกรวัดบางพลีใหญ่กลาง ผู้นำท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน  คณะผู้บริหาร คณะแพทย์พยาบาล คณะครู ข้าราชการตำรวจ ตลอดจนคณะศิษย์ยานุศิษย์และพี่น้องประชาชนจำนวนมากร่วมในพิธีแสดงมุทิตาสักการะท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง

โดยท่าน พระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เปิดเผยว่า วันนี้เนื่องในโอกาสครบรอบ อายุวัฒนมงคลครบ 62 ปี ถือโอกาสนี้ทำการเปิดที่พักตำรวจจราจร (ป้อมตำรวจ) จำนวน 2 แห่ง ในเขตพื้นที่ สภ.บางแก้ว โดยทางวัดบางพลีใหญ่กลางดำเนินการช่วยเหลือในการปรับปรุงซ่อมแซมสถานที่พักตำรวจจราจร หรือป้อมตำรวจให้ใหม่เพื่อให้ข้าราชการตำรวจจราจรปฎิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ในการดูแลรับใช้พี่น้องประชาชน

อีกทั้ง ทางวัดบางพลีใหญ่กลาง เดินหน้าช่วยเหลือประชาชนผู้ยากไร้ที่ไม่มีเงินเผาศพ ศพไร้ญาติ ซึ่งทางวัดจะดำเนินการเผาให้ฟรีทุกกรณีโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด พร้อมทั้ง ทางวัดจัดเตรียมรถตู้ไว้คอยบริการรับศพฟรี ภายในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ ภายใต้โครงการ แบ่งปันน้ำใจช่วยเหลือสังคม (รถโรงฟรี) โดยท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ผู้ริเริ่มโครงการในการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ยากไร้ ประกอบกับ ที่ผ่านมาทางวัดบางพลีใหญ่กลางก็ดำเนินการช่วยเหลือเผาศพโควิด-19 ให้ฟรี โดยไม่เรียกร้องค่าใช้จ่ายแต่อย่างใดมาจำนวนหลายร้อยศพแล้ว และในวันนี้ก็จะดำเนินการช่วยเผาศพผู้เสียชีวิตด้วยโรค โควิด -19 จำนวน 2 ราย ที่เสียชีวิตด้วยโรคโควิดเช่นเดียวกัน

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

เปิดไทม์ไลน์ 'ตึกเน่าปลาย-ตึกร้าง' หลังทุนจีนแห่หนี 'สีหนุวิลล์' ปล่อย 'กัมพูชา' ดิ้นหาทุนพันล้านเหรียญ ชุบชีวิตเมืองเอง

(19 เม.ย.67) แต่ดั้งเดิม สีหนุวิลล์ เมืองเอกของจังหวัดพระสีหนุทางตะวันตกเฉียงใต้ของกัมพูชา ห่างจากกรุงพนมเปญ 246 กิโลเมตร เป็นเมืองที่อุดมไปด้วยป่าไม้เขียวชอุ่ม มีชายทะเลหาดทรายสวยงามบนฝั่งอ่าวไทย ที่อาจพัฒนาเป็นเมืองรีสอร์ตเป็นสวรรค์ท่องเที่ยวระดับโลก ทว่า เวลานี้ สีหนุวิลล์ ไม่ผิดอะไรกับเมืองร้าง กลายเป็น 'เมืองตึกร้าง-ตึกเน่า' ไปได้อย่างไร

มาดูไทม์ไลน์ช่วงของการเปลี่ยนแปลงและความพลิกผันของสถานการณ์ที่น่าเป็นอุทาหรณ์ในการพัฒนาบ้านเมืองกัน

-ปี 2010  สีหนุวิลล์ เริ่มเปลี่ยนไป หลังจากที่กัมพูชาประกาศแผนพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษในสีหนุวิลล์ และเป็นเมืองยุทธศาสตร์รองรับโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (BRI) ของจีน แน่นอนต้องอาศัยทุนต่างชาติเข้ามาช่วยขับดันการเติบโตเศรษฐกิจ และกลุ่มทุนจีนก็เริ่มหลั่งไหลเข้ามา

-ปี 2016 สีหนุวิลล์ พลิกโฉมอย่างชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ กลายเป็นเมืองทันสมัย มีโครงสร้างพื้นฐาน ท่าเรือสมัยใหม่ ถนนใหญ่ ทางด่วน คอนโดมิเนียม โรงแรม ตึกอาคารสูง กาสิโน ร้านอาหาร จนผู้คนกล่าวขวัญว่า สีหนุจะเจริญเติบโตเป็น 'เซินเจิ้นน้อย'

สีหนุวิลล์ เป็นขุมพลังเศรษฐกิจอันดับสองอันดับสามของกัมพูชา รัฐบาลพนมเปญฝันหวานจะพัฒนาชาติเป็นประเทศรายได้ปานกลางระดับสูงภายในปี ค.ศ.2030

-ปี 2018 ทุนจีนไหลบ่าเข้ามาในสีหนุวิลล์ราวกระแสน้ำเชี่ยวกราก ขณะเดียวกัน รัฐบาลกัมพูชาก็สนับสนุนธุรกิจบ่อนกาสิโน ผลักดันสีหนุวิลล์ เป็น 'มาเก๊าแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้'

ช่วงไม่กี่ปีนี้เองการเติบโตเศรษฐกิจของสีหนุวิลล์ พุ่งแรงเร็วเป็นติดจรวด ราคาอสังหาฯ ในท้องถิ่นสูงปรี๊ด เจ้าของโครงการอสังหาฯ ร่ำรวยในชั่วข้ามคืน ชาวจีนหลายหมื่นคนหลั่งไหลเข้าทำงานในบ่อนและภาคบริการของสีหนุวิลล์

- ปี 2019 รัฐบาลจีนปราบปรามอย่างจริงจังล้างบางแก๊งอาชญากรรมจีนที่แพร่กระจายไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่งแรงกดดันต่อกัมพูชา จนรัฐบาลกัมพูชาประกาศในเดือน ส.ค. 2019 ให้การพนันออนไลน์เป็นสิ่งผิดกฎหมาย กลุ่มทุนจีนเริ่มถอนทุนออกจากสีหนุวิลล์ จากนั้นมาเศรษฐกิจสีหนุวิลล์ก็เริ่มซบเซาและตกฮวบอย่างรวดเร็ว

- ปี 2020 โรคโควิดแพร่ระบาดใหญ่ไปทั่วโลก ยิ่งซ้ำเติมสีหนุวิลล์ สำนักงานบริษัทหลายแห่งทยอยปิดตัว อาคารที่ว่างเปล่าถูกแก๊งคอลเซนเตอร์เข้ายึดเป็นศูนย์ปฏิบัติการ

ดังที่ทราบกันดีทั่วโลก ภาคอสังหาริมทรัพย์ในจีนมีปัญหายืดเยื้อมาหลายปี จนกระทั่งบริษัทอสังหาฯ รายใหญ่อย่าง ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ (China Evergrande Group) ล้มละลายถูกสั่งเลิกกิจการในต้นปีนี้ คันทรี่ การ์เดน (Country Garden) กำลังถูกฟ้องร้องให้ปิดกิจการ เป็นต้น...ด้วยหนี้สินนับแสน ๆ ล้านเหรียญสหรัฐ

ผู้อ่านที่ติดตามปัญหาอสังหาฯ ในจีน จะได้ยินปรากฏการณ์ 'เมืองร้างเมืองผี' หมายถึงโครงการอสังหาฯ มหึมาที่สร้างเสร็จแต่ไม่มีการเปิดใช้ ไม่มีคนซื้อคนลงทุน จนมาถึงมายุคของ 'ตึกเน่าปลาย' ซึ่งเป็นคำที่แปลตรงตามอักษรภาษาจีน หล่านเว่ยโหลว (烂尾楼) หมายถึง ตึกอาคารที่สร้างไม่เสร็จ หรือสร้างค้างไว้เพราะปัญหาขาดเงินทุน

ด้วยปัจจัยลบที่กลุ้มรุมเช่นนี้ กลุ่มทุนจีนจึงแห่ถอนตัวออกจากสีหนุวิลล์ราวเผ่นหนีสงครามใหญ่ คนท้องถิ่นตกงานกันระนาว ความขัดแย้งในภาคเศรษฐกิจโผล่พรึ่บขึ้นมา โดยเฉพาะความขัดแย้งระหว่างนักลงทุนอสังหาฯ จีนกับคนท้องถิ่นที่ถือกรรมสิทธิ์ที่ดิน

ภาคเศรษฐกิจแทบทั้งหมดของสีหนุวิลล์นั้น ขับเคลื่อนไปด้วยทุนจีนที่ไหลบ่าเข้ามาไม่หยุดหย่อน จากข้อมูลสถิติของสภาเพื่อการพัฒนากัมพูชา ระบุว่า ปี 2022 ภาคการลงทุนต่างประเทศในสีหนุวิลล์ มูลค่า 1,900 ล้านเหรียญสหรัฐ ราวร้อยละ 90 มาจากจีน

สีหนุวิลล์ กลายเป็น 'เมืองตึกร้าง-ตึกเน่า' เช่นเดียวกับปัญหาอสังหาฯ ในจีน

-ปี 2022 สื่อท้องถิ่นรายงานโดยอ้างข้อมูลเจ้าหน้าที่ในสีหนุวิลล์ว่า จากปี 2019 ตึกในเมืองมากกว่า 1,000 หลัง ถูกปล่อยทิ้งร้าง...

- ปี 2023 สื่อท้องถิ่นอ้างตัวเลขของหน่วยงานรัฐบาลกัมพูชาล่าสุด ที่นับถึงเดือน ก.ย.2023 ระบุว่าโครงการก่อสร้างตึกอาคารขนาดใหญ่ในเมืองสีหนุวิลล์ มีจำนวนทั้งสิ้น 1,069 โครงการ มูลค่าการลงทุนสูงถึง 4,056 ล้านเหรียญสหรัฐ

จากการสำรวจของกระทรวงการก่อสร้างและวางแผนที่ดินแห่งชาติ ระบุจำนวนโครงการใหญ่ที่ก่อสร้างค้างไว้มีประมาณ 364 โครงการ นอกไปจากนี้ มีตึกที่สร้างแล้วเสร็จ แต่ไม่สามารถเปิดใช้กลายเป็นตึกร้าง มีจำนวน 177 โครงการ เมื่อรวมตึกเน่าปลายและตึกร้างก็มีจำนวนราว 540 โครงการ

หลังจากผ่านพ้นช่วงโควิดระบาดใหญ่ การปราบปรามบ่อนพนันที่ยังเข้มข้นและปัญหาของภาคอสังหาฯ จีนที่ทรุดหนัก ทำให้กลุ่มทุนจีนที่จะหวนกลับมาสีหนุวิลล์เป็นไปอย่างเชื่องช้ามาก ๆ

หันมาดูกระแสนักท่องเที่ยวจีนที่กลับมายังกัมพูชา สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งกัมพูชาเผยว่า เมื่อปีที่แล้ว (2023) นักท่องเที่ยวชาวจีนมาเที่ยวกัมพูชาเพียง 550,000 คน ลดลงจากปี 2019 ร้อยละ 77 และกลุ่มผู้โดยสารที่มาลงที่สนามบินนานาชาติสีหนุวิลล์ มีเพียง 15,754 คน ลดลงจากปี 2019 ถึงร้อยละ 98

- ปี 2024 ปีแห่งการยก 'ภูเขาตึกเน่า' ออกไปเพื่อไปต่อ ในเดือน ม.ค.ปีนี้ นายกรัฐมนตรีแห่งกัมพูชา นายฮุน มาเนต ประกาศมาตรการส่งเสริมการลงทุนในสีหนุวิลล์ โดยมาตรการแรกสุด คือ ให้สิทธิพิเศษและยกเว้นภาษีรายได้สำหรับนักลงทุนที่ประสงค์มารับช่วงการก่อสร้างตึกที่สร้างค้างไว้

รัฐบาลกัมพูชาประมาณว่าจะต้องใช้เงินทุนก้อนใหม่ถึง 1,100 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อฟื้นการก่อสร้างตึกเน่าให้แล้วเสร็จ

“แต่เศรษฐกิจโลกยามนี้มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างเชื่องช้า มาตรการที่นายกฯ มาเนตประกาศต้องใช้เวลาฝ่าฟันอุปสรรคใหญ่” Ky Sereyvath ผู้อำนวยการสถาบันจีนศึกษา ที่ Royal Academy of Cambodia กล่าว

Long Dimanche รองผู้ว่าฯ จังหวัดพระสีหนุ กล่าวว่า สีหนุวิลล์ต้องสร้างความหลากหลายให้ทั้งภาคอุตสาหกรรมและประเทศที่เข้ามาลงทุน รัฐบาลฮุน มาเนต ได้แสดงการเปิดกว้างในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศแล้ว

และความเป็นไปได้หนึ่งคือการหวนคืนกลับมาของญี่ปุ่นที่ปัจจุบันมีสัดส่วนการลงทุนในสีหนุวิลล์น้อยกว่าเวียดนามและไทย แต่ญี่ปุ่นเคยสนับสนุนการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกที่มีอยู่แห่งเดียวของกัมพูชาเมื่อราว 30 ปีที่แล้ว  

“มูลนิธิคลังสมอง วปอ. เพื่อสังคม” ทำบุญครบรอบ 22 ปี ศิษย์ นพม. ร่วมมุทิตาจิตรดน้ำขอพรผู้ใหญ่ สืบสานสงกรานต์วิถีไทย

วันที่ 19 เมษายน ที่อาคารเอนกประสงค์ วปอ. ห้อง 321 วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ พลเอก บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ประธานคลังสมองอาวุโส วปอ. เพื่อสังคม ปวิธายุวัฒน์ เป็นประธานพิธีทำบุญเนื่องในโอกาสก่อตั้งมูลนิธิคลังสมอง วปอ. เพื่อสังคม ครบ 22 ปี เพื่อความเป็นสิริมงคล สร้างขวัญกำลังใจ และสร้างความรัก ความสามัคคี ระหว่างผู้บริหาร อาจารย์ บุคลากร และนักศึกษา โดยนิมนต์พระภิกษุ จากวัดพระราม 9 เจริญพระพุทธมนต์

ทั้งนี้ได้รับเกียรติจาก พลเอก นรินทร์ แทบประสิทธิ์ ประธานมูลนิธิคลังสมอง วปอ. เพื่อสังคม พลโท มนัส แถบทอง ผู้อำนวยการหลักสูตรฯ กรรมการมูลนิธิฯ นายทหารชั้นผู้ใหญ่ อาจารย์ และศิษย์เก่าหลักสูตรผู้นำพอเพียงเพื่อความมั่นคง (นพม.) ร่วมพิธี

นอกจากจะจัดพิธีทำบุญในโอกาสครบ 22 ปีแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ได้จัดพิธีทรงน้ำพระพุทธรูป และรดน้ำขอพร อดีตประธานมูลนิธิคลังสมอง วปอ. และผู้อาวุโส เนื่องในโอกาสปีใหม่ไทย เพื่อส่งเสริมขนบธรรมเนียม และสืบสานประเพณีอันดีงามของไทย

พลเอก นรินทร์ แทบประสิทธิ์ กล่าวว่า วันนี้เป็นวันสำคัญที่มวลหมู่กัลยาณมิตรของคลังสมองได้มาพบปะบำเพ็ญกุศล กิจกรรมวันนี้นอกจากบำเพ็ญกุศลประจำปีวันสถาปนาของคลังสมองแล้ว ยังเป็นวันครบรอบของการจัดตั้งคลังสมอง อาวุโส วปอ. เพื่อสังคม ปวิธายุสัฒน์ ขึ้น ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง และมีประสิทธิภาพ ตามวัตถุประสงค์ ของมูลนิธิฯ ตลอดมา

“สิ่งหนึ่งที่เป็นอนุสรณ์สำคัญของคลังสมอง วอป. เพื่อสังคม ในการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของในหลวง รัชการที่ 9 คือ การนำโครงการร่วมกับกองบัญชาการกองทัพไทย เพื่อสืบสานรักษามรดก ทรัพย์สินทางปัญญาอันล้ำค่า ของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง คือ การเปิดหลักสูตร ผู้นำพอเพียง เพื่อสร้างความมั่นคง (นพม.) ขึ้น โดยได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เป็นการเสริมบทบาท ของการสร้างผู้นำในอนาคต

‘ก.พลังงาน’ เตรียมพร้อมรักษาระดับราคาน้ำมันดีเซล หลังหมดมาตรการลดภาษีสรรพสามิตดีเซลในวันนี้

กระทรวงพลังงาน โดยกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้เข้ามาบริหารจัดการราคาน้ำมันดีเซล ภายหลังจากหมดมาตรการลดภาษีสรรพสามิตดีเซล 1 บาทในวันนี้ โดยจะมีการปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซลเพียง 50 สตางค์ต่อลิตร พร้อมห่วงสถานการณ์สงครามระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านที่ทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งขึ้นทันทีหลังมีการโจมตีเกิดขึ้น

(19 เม.ย. 67) นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ในฐานะโฆษกกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการสิ้นสุดมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 1 บาทของกระทรวงการคลัง และเพื่อเป็นการลดภาระให้กับประชาชนผู้ใช้น้ำมันกลุ่มดีเซล ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) มีมติให้รักษาระดับราคาน้ำมันดีเซล โดยจะมีการปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซล 50 สตางค์ต่อลิตรไปพลางก่อน และอาจจำเป็นต้องทยอยปรับขึ้นราคาเป็นแบบขั้นบันได เนื่องจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้มีการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่ผ่านมา จนทำให้ปัจจุบันสถานะกองทุนฯ ติดลบไปแล้วกว่า 103,000 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 56,407 ล้านบาท ส่วนก๊าซ LPG ติดลบ 47,213 ล้านบาท

ปัจจุบันมีการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 4.77 บาทต่อลิตร หรือคิดเป็นเงินประมาณกว่า 8,000 ล้านบาทต่อเดือน หากไม่มีการชดเชย ราคาน้ำมันดีเซลที่แท้จริงจะอยู่ที่ประมาณ 36 บาทต่อลิตร และหากปล่อยให้มีการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลในระดับเดิมต่อไปเรื่อย ๆ จะทำให้กองทุนฯ ติดหนี้เพิ่มมากขึ้น จนอาจจะกระทบกับวินัยการเงินและระดับความน่าเชื่อถือของกองทุนฯ ได้

“ปัจจุบันกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการรักษาเสถียรภาพด้านราคา ได้ช่วยลดราคาน้ำมันดีเซลมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ แต่เนื่องจากการชดเชยราคาน้ำมันที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กองทุนฯ ต้องชดเชยราคาน้ำมันเพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันสถานะกองทุนฯ ติดลบกว่า 103,000 ล้านบาทแล้ว วันนี้ กระทรวงพลังงาน โดยกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้เข้ามาบริหารจัดการราคาน้ำมันดีเซล ภายหลังจากหมดมาตรการลดภาษีสรรพสามิตดีเซล 1 บาทในวันนี้ โดยจะมีการปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซลเพียง 50 สตางค์ต่อลิตร และในอนาคตอาจจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาน้ำมันแบบขั้นบันได เนื่องจากสถานะกองทุนฯ มีหนี้คงค้างค่อนข้างสูง อีกทั้งสถานการณ์สงครามระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านที่เริ่มปะทุขึ้นอีกครั้งในวันนี้ อาจส่งผลทำให้ราคาน้ำมันทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้น กระทรวงพลังงานจะพยายามรักษาระดับราคาน้ำมันให้อยู่ในราคาที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงภาระของประชาชนเป็นหลัก แต่ก็ต้องพิจารณาถึงภาระของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไปพร้อมกันด้วย และเตรียมหามาตรการช่วยเหลืออื่น ๆ ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนในสัปดาห์หน้า” นายวีรพัฒน์ กล่าว

สวนนงนุชพัทยา ต้อนรับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดการประชุมประจำปี “สพฐ. โปร่งใส ร่วมใจต้านทุจริต” ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ (NICE)

วันนี้สวนนงนุชพัทยาโดยนายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา ต้อนรับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พลตำรวจเอกเพิ่มพูน ชิดชอบ  และบุคลากรที่เข้ามาจัดประชุมอบรม บุคลากร สังกัด สพฐ. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โครงการ “สพฐ. โปร่งใส ร่วมใจต้านทุจริต” จำนวน 1,050 ท่าน ระหว่างวันที่ 19-20 เมษายน 2567 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาตินงนุชพัทยา(NICE)   สวนนงนุชพัทยา จังหวัดชลบุรี  

หลังพิธีเปิดการอบรม ทางคณะร่วมปลูกต้นไม้ ที่สวนรุกขชาติ บริเวณเขาบันไดกฤษ ซึ่งเป็นโครงการรวบรวมพันธุ์ไม้และปลูกไม้ยืนต้นชนิดต่างๆที่มีมูลค่าและหายากจากทั่วทุกมุมโลกมาปลูกไว้ ต้นไม้ที่นำมาปลูกในวันนี้คือต้นไทรนิโครธ และการอนุรักษ์พันธุ์ไม้เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทางสวนนงนุชพัทยาดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง

จากนั้นได้นำท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และคณะเยี่ยมชมสวนสวยมากกว่า 50 สวน บนพื้นที่ 1,700 ไร่ โดยเฉพาะศูนย์เรียนรู้ในสวนนงนุชพัทยาเด็กจะได้สัมผัสแหล่งเรียนรู้ในเรื่องต้นไม้ เรื่องสัตว์ วัฒนธรรม ศาสนา และอาหารไทย จะทำให้ในอนาคตเด็กๆจะรู้สึกชอบสิ่งต่าง ๆเหล่านี้โดยไม่รู้ตัว จึงเป็นสถานที่เหมาะกับเด็ก นักเรียน และนักท่องเที่ยวทั่วไป

มุกดาหาร -ทหารกกล.สุรศักดิ์มนตรี ตรวจยึดบุหรี่เถื่อนขณะลักลอบข้ามโขงส่งมุกดาหาร

เมื่อวันที่ 19 เมษายน ร.ท.ภานุพงษ์ คงรัตน์ ผู้บังคับหมวดปืนเล็กที่ 2 กองร้อยทหารราบ กองกำลัง(กกล.)สุรนารี ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่าจะมีการลักลอบนำเข้าสินค้าหนีภาษีจากแขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว บรรทุกใส่เรือข้ามแม่น้ำโขงมาส่งในเขตพื้นที่ ต.บางทรายใหญ่ อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร จึงได้ใช้กล้องส่องทางไกลเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของเรือที่แล่นในลำแม่น้ำโขง กระทั่งในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ตรวจพบเรือเหล็กขนาดใหญ่บรรทุกสินค้าแล่นจากแขวงสะหวันนะเขต ข้ามแม่น้ำโขงมายังฝั่ง จ.มุกดาหาร จึงได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบบริเวณที่เรือแล่นเข้ามาจอด พบว่าเป็นท่าเรือประมงบ้านบางทรายใหญ่  เมื่อไปถึงพบกลุ่มชายฉกรรจ์กำลังขนกระสอบบรรจุสิ่งของขึ้นจากเรือมาทิ้งไว้บริเวณใต้กอไผ่ริมตลิ่ง  เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการแสดงตัวเพื่อเข้าตรวจสอบ แต่เมื่อกลุ่มบุคคลดังกล่าวพบเห็นเจ้าหน้าที่ก็ได้อาศัยความชำนาญในพื้นที่วิ่งหลบหนีไป จากการตรวจสอบภายในกระสอบป่านพบว่าเป็นถุงดำบรรจุกล่องบุหรี่จำนวน 2 กล่องใหญ่ เมื่อเปิดกล่องออกดูพบเป็นบุหรี่ยี่ห้อ JN RED และ JN GREEN กล่องละ 50 แท่ง รวมทั้งหมดเป็น 100 แท่งจึงได้ทำการตรวจยึดบุหรี่ดังกล่าวไว้เป็นของกลางเพื่อนำส่งสรรพสามิตพื้นที่มุกดาหาร ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ภาพ/ข่าว เดวิท โชคชัย มุกดาหาร 092-5259777


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top