Friday, 3 May 2024
TheStatesTimes

‘AIS’ จับมือ ‘Apple’ ดูแลความเสียหาย ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ครอบคลุม ‘ตก-แตก-พัง-แบตเสื่อม’ เปลี่ยนอะไหล่แท้ ได้ทั่วโลก

(20 เม.ย.67) นายศรัณย์ ผโลประการ หัวหน้าฝ่ายงานผลิตภัณฑ์โทรศัพท์เคลื่อนที่กลุ่มลูกค้าทั่วไป AIS เปิดเผยว่านอกเหนือจากการส่งมอบประสบการณ์ดิจิทัลผ่านการใช้งานบนโครงข่ายที่ดีที่สุดแล้ว AIS ยังให้ความสำคัญกับงานบริการและการดูแลลูกค้าแบบ End to End ที่ครบจบในที่เดียว อย่างการเปิดตัวนวัตกรรมการให้บริการลูกค้า AIS Care+ ที่เราได้ร่วมมือกับโบลท์เทค หนึ่งในบริษัทชั้นนำด้านบริการดูแลสมาร์ทโฟน (Device protection) ระดับโลก ในการให้บริการเครื่องรูปแบบใหม่ ทั้งการเปลี่ยนเครื่องหรือดูแลความเสียหายตัวเครื่อง ที่สร้างความแตกต่างเป็นรายแรกในประเทศไทย ซึ่งได้พลิกโฉมประสบการณ์ทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าจะได้รับความสะดวกสบายและบริการที่ดีที่สุดจากการดูแลปกป้องการใช้งานสมาร์ทโฟน

สำหรับครั้งนี้บริษัทตั้งใจยกระดับสุดยอดประสบการณ์ในการดูแลลูกค้า ผ่านการทำงานร่วมกับ Apple เปิดตัวบริการใหม่ AIS Care+ with AppleCare Services สำหรับลูกค้าที่ซื้อ iPhone กับ AIS และสมัครบริการ จะได้รับการดูแลแบบคูณ 2 ทั้งจาก AIS Care+ และ AppleCare Services พร้อมแก้ Pain Point ของลูกค้าให้หมดความกังวลจากการใช้งานทั้งเรื่องเครื่องเสีย จอแตก ตกน้ำ และดูแลความเสียหายตัวเครื่องได้ไม่จำกัดครั้ง และสามารถใช้บริการได้ไม่จำกัดครั้งเช่นกัน อีกทั้งยังสามารถรับความช่วยเหลือจากศูนย์บริการ Apple ทั่วโลก ด้วยราคาพิเศษสุดคุ้มที่สามารถเข้าถึงบริการที่ดีที่สุดของ AIS ได้

นายบัลเดฟ ซิงห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โบลท์เทค กล่าวว่า นับเป็นความร่วมมือที่น่าตื่นเต้นสำหรับเราที่ได้เป็นส่วนหนึ่งเพราะ AIS และ Apple เป็นพันธมิตรที่ทำงานร่วมกันมาอย่างต่อเนื่อง เราหวังว่าการทำงานร่วมกันครั้งนี้จะช่วยขยายขีดความสามารถงานบริการเพื่อดูแลปกป้องการใช้งานมือถือและสมาร์ทโฟน ด้วยการนำเสนอทางเลือก ความสะดวกสบาย ที่ดีกว่าให้กับลูกค้า

สำหรับบริการ AIS Care+ with AppleCare Services เป็นบริการที่รวมทุกการดูแลแบบคูณ 2 ทั้งจาก AIS Care+ และ AppleCare Services มาไว้ด้วยกัน เพื่อมอบประสบการณ์ความอุ่นใจและความสะดวกสบายให้ลูกค้ากับโปรแกรมที่ช่วยดูแล iPhone ที่ครอบคลุมครบวงจร ซึ่งความร่วมมือกับ Apple จะทำให้ลูกค้าได้รับความมั่นใจว่า iPhone ของลูกค้าจะได้รับการดูแล แก้ไข ซ่อมแซม ด้วยอะไหล่แท้จากช่างผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์บริการของ Apple หรือ เครื่องที่ให้บริการแลกเปลี่ยน หรือ รับเครื่องทดแทน ลูกค้าจะได้รับตัวเครื่องจากโรงงานผู้ผลิตโดยตรง (Apple Manufactured Guaranteed Device) รวมถึงลูกค้าจะยังได้รับประสบการณ์ที่เหนือกว่า อาทิ

บริการดูแลตัวเครื่องที่ครอบคลุมความเสียหายทุกด้าน มากที่สุดเท่าที่ผู้ให้บริการด้านนี้มีในตลาด โดยไม่มีข้อจำกัด อาทิ จอแตก เครื่องตกน้ำ ลำโพงดับ ไมค์ไม่ได้ยิน เครื่องเสีย รวมถึงการดูแลแบตเตอรี่คุณภาพความจุต่ำกว่า 80%

บริการเปลี่ยนเครื่องเมื่อใดก็ได้ที่อยากเปลี่ยน หรือ เครื่องเสีย แต่ไม่อยากส่งซ่อม หรือ บริการรับเครื่องทดแทนแม้ไม่มีเครื่องเดิมมาเปลี่ยน

สิทธิพิเศษในการติดต่อกับผู้เชี่ยวชาญของ Apple ผ่านทางแชตหรือโทรศัพท์ได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง

ลูกค้า AIS ที่ซื้อ iPhone ทุกรุ่น สามารถสมัครบริการ AIS Care+ with AppleCare Services เพื่อรับความพิเศษกว่าใครได้ทันทีหลังจากซื้อเครื่องใหม่ หรือภายใน 30 วัน นับจากวันที่ซื้อเครื่อง และไม่ต้องตรวจสอบตัวเครื่อง โดยบริการ AIS Care+ with AppleCare Services มีแพ็กเกจให้เลือกทั้งแบบรายเดือนหรือเหมาจ่าย 12  เดือน และดูแลต่อเนื่องนานสูงสุด 48 เดือน โดยลูกค้าสามารถสมัครบริการได้ที่ร้านเอไอเอสช้อป, ร้านเอไอเอส-เทเลวิซ, รวมถึงร้านพันธมิตรอย่าง Jaymart, TG Fone,  iStudio จาก COPPERWIRED, SPVi และ UFicon หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ais.th/service/aiscare-applecare/ 

พิเศษ สำหรับลูกค้าที่ซื้อ iPhone และสมัคร AIS Care+ ระหว่างวันที่ 22 กันยายน 2566 – 20 มีนาคม 2567  สามารถเปลี่ยนมาใช้บริการแพ็กเกจใหม่ AIS Care+ with AppleCare Services เพียงยืนยันสิทธิ์ด้วยตัวเอง โดยกด *534*4# โทรออก ตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2567 – 30 เมษายน 2567

‘สหรัฐฯ’ สั่งปรับ ‘เอสซีจี พลาสติกส์’ เป็นเงิน 736 ล้านบาท จากเหตุที่ละเมิด ‘มาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน’ กว่า 400 ครั้ง

(20 เม.ย.67) กระทรวงการคลังสหรัฐฯ แถลงว่า ได้สั่งปรับบริษัท เอสซีจี พลาสติกส์ (SCG Plastics Co) ซึ่งเป็นผู้ผลิตพลาสติกสัญชาติไทย เป็นเงิน 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 736 ล้านบาท ฐานละเมิดมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐฯ มากกว่า 400 ครั้ง

ความเคลื่อนไหวนี้ถือเป็นอีกหนึ่งความพยายามของสหรัฐฯ ที่จะเล่นงานอิหร่านในทางการเงิน แม้อีกด้านหนึ่งจะต้องการลดความตึงเครียดทางทหารระหว่างอิหร่านกับอิสราเอล ซึ่งมีการโจมตีแก้แค้นกันไปมาในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาก็ตาม

กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุว่า เอสซีจี พลาสติกส์ ยินยอมจ่ายค่าปรับตามที่สหรัฐฯ เรียกร้อง เพื่อยุติการดำเนินคดีฐานละเมิดมาตรการคว่ำบาตรรวมทั้งสิ้น 467 ครั้ง

สำนักข่าวรอยเตอร์อ้างอิงคำแถลงของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ซึ่งระบุว่า เอสซีจี พลาสติกส์ มีการส่งออกพลาสติก High-Density Polyethylene หรือ HDPE ทว่าปกปิดต้นทางว่ามาจากอิหร่าน ส่งผลให้สถาบันการเงินของสหรัฐฯ รับทำธุรกรรมการเงินรวมทั้งสิ้น 291 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงปี 2017 และ 2018 โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์

“เอสซีจี พลาสติกส์ ปกปิดข้อเท็จจริงเป็นเวลานานต่อเนื่องหลายปีว่าพลาสติก HDPE ที่ถูกจำหน่ายนั้นมีต้นทางมาจากอิหร่าน” ซึ่งสื่อให้เห็นถึง “เจตนาในการหลบเลี่ยงการตรวจสอบของสถาบันการเงินที่รับทำธุรกรรม และหลีกเลี่ยงมาตรการที่สถาบันการเงินเหล่านั้นคาดว่าจะกระทำเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายของสหรัฐฯ” กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุ

“จากผลของการทำธุรกรรมเหล่านี้ทำให้มีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจจำนวนมากถูกส่งไปถึงอุตสาหกรรมปิโตรเคมีของอิหร่าน ซึ่งเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญของระบอบอิหร่าน”

ประกาศดังกล่าวมีขึ้นเพียง 1 วัน หลังจากที่สหรัฐฯ และอังกฤษได้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรโครงการโดรนทางทหารของอิหร่าน เพื่อตอบโต้ที่เตหะรานเปิดปฏิบัติการโจมตีอิสราเอลเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่แล้วซึ่งมีการใช้โดรนและขีปนาวุธมากกว่า 300 ลูก

‘รมว.ปุ้ย’ เดินหน้า ‘อุตสาหกรรมฮาลาล’ ย้ำ!! ไทยพร้อมเรื่องวัตถุดิบ ลั่นขอเป็นเจ้าภาพ บูรณาการทั้ง ‘อาหาร-ท่องเที่ยว-สปา’ ให้เป็นระบบ

(20 เม.ย.67) จากรายการอิสรภาพแห่งความคิด ดำเนินรายการโดย สำราญ รอดเพชร เผยแพร่ผ่านเพจเฟซบุ๊ก 'ไทยโพสต์' ได้สัมภาษณ์พูดคุยกับ นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม หรือ 'รมว.ปุ้ย' เกี่ยวกับความมุ่งมั่น ตั้งใจของกระทรวงอุตสาหกรรม ที่จะผลักดัน อุตสาหกรรมฮาลาลไทยให้เติบโตอย่างเป็นระบบ และเจาะตลาดฮาลาลโลก โดยทางรัฐมนตรีหญิงแกร่งท่านนี้ ได้ยืนยันหนักแน่นในการจัดตั้ง 'กรมอุตสาหกรรมฮาลาล' ได้ระบุว่า ...

"วันนั้นที่เข้ามามอบนโยบาย อยากเห็นที่สุดก็คือเรื่องของอุตสาหกรรมฮาลาล อยากให้เกิดขึ้นในประเทศ สำหรับเรื่อง 'ฮาลาล' หลายคนจะนึกถึงแค่เฉพาะในประเทศมุสลิม หรือประเทศตะวันออกกลางเท่านั้น ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ใช่ สำหรับตลาดอาหารฮาลาลในตอนนี้กำลังเติบโตใหญ่อย่างมาก และประเทศไทยของเราก็พร้อมมากเพราะประเทศไทยเรามีวัตถุดิบ เรามีแหล่งที่เป็นอุตสาหกรรม เรามีผู้ประกอบการที่มีความมั่นคง แล้วก็พร้อมที่จะทำอุตสาหกรรมพวกนี้ เพียงแต่ว่า คนที่ดูแลเรื่องอาหารฮาลาล กระจัดกระจายอยู่ตามกรมต่าง ๆ กระทรวงต่าง ๆ 

รมว.ปุ้ย กล่าวต่อว่า "ตอนนี้ก็เลยมีการบูรณาการ และตั้งใจว่ากระทรวงอุตสาหกรรมต้องเป็นเจ้าภาพหลัก โดยอยากเห็น 'กรมอุตสาหกรรมฮาลาล' เกิดขึ้นในกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งก็คิดว่าน่าจะทำสำเร็จได้ภายใน 2 ปี ขณะนี้เราเดินหน้า เป็น 'สำนักงานคณะกรรมการอาหารฮาลาลแห่งชาติ' ได้สำเร็จแล้ว กำลังจะผ่านคณะรัฐมนตรี กำลังจะได้งบประมาณมา และเปิดตัวได้ภายในอีกไม่กี่เดือนนี้"

รมว.ปุ้ย ยังกล่าวต่ออีกด้วยว่า "เรื่องฮาลาลไม่ใช่เฉพาะอาหารเท่านั้น แต่ยังมีธุรกิจอย่างอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น เครื่องสำอาง เครื่องแต่งกาย อาหาร การท่องเที่ยว สปา สุขภาพ ทั้งหมดนี้อยู่ในอุตสาหกรรมฮาลาล"

"เมื่อก่อนนี้เรื่องของอุตสาหกรรมฮาลาลนั้นไม่ค่อยจะมีใครพูดถึงกัน แต่ครั้งนี้เราจะทำให้เป็นอุตสาหกรรมที่จับต้องได้เป็นเรื่องเป็นราว ซึ่งทางนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ก็ได้เห็นชอบด้วยแล้ว" รมว.ปุ้ย กล่าวทิ้งท้าย

‘กู้ภัยเมืองเลย’ โพสต์เฟซบุ๊กประกาศลั่น ‘เลิกจับหมาแมวทุกกรณี’ หลังมีดรามา ‘น้องซาร่า’ ย้ำ!!ทำงานไม่หวังกำไร หากติดคุกไปก็คงไม่คุ้ม

(20 เม.ย.67) ซาร่า สุนัขเพศผู้ วัย 4 ปี เจ้าหมาหวงชามข้าวกัดเจ้าของ จนต้องเรียกเทศบาลมาจับตัวไป จนเจ้าของเริ่มออกตามหาตัว และสุดท้าย ความจริงได้เปิดเผยว่า เจ้าซาร่า ตายเพราะการจับที่ไม่ถูกวิธี

ประเด็นดังกล่าวก่อให้เกิดการถกเถียงตามมา โดยทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ก็ได้ออกมาบอกว่า การกระทำของผู้ที่จับ ซาร่า ไป อาจจะมีความผิด ทั้งประเด็นทารุณกรรมสัตว์ จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทำให้เสียทรัพย์ และ การปกปิดความจริงอีก 

จากกรณีดังกล่าวทำให้ สมาชิกเฟซบุ๊ก 'Yuttasak Kampanya' หัวหน้าสมาคมร่วมใจกู้ภัยเมืองเลย จ.เลย ออกมาเคลื่อนไหวหลังจากที่ทนายคนดัง ออกมาระบุถึงโทษที่อาจจะเกิดขึ้น โดยโพสต์ดังกล่าวระบุว่า “ประกาศ สมาคมร่วมใจกู้ภัยเมืองเลยงดให้บริการจับ สุนัข และแมว มีเจ้าของหรือไม่มีก้อตาม ทุกกรณี เพราะกลัวติดคุก” เนื่องจากอาสาสมัครทำงานโดยไม่ได้หวังผลกำไรแต่ถ้ามีใครต้องถูกจำคุกเพราะออกไปช่วยประชาชนตามที่ถูกร้องขอมาก็คงไม่ยุติธรรมกับคนทำงาน

ทำให้ ทนายเดชา ได้ออกมาโพสต์อีกครั้ง ว่า “กู้ภัยกลัวติดคุกไม่รับงาน จับหมาจับแมว ผมอยากจะเรียนให้ทราบว่า ถ้ากระทำโดยสุจริตไม่มีความผิดครับ ทำดีต่อไปเถอะครับ”

‘กองทัพอากาศ’ เคลื่อนย้ายผู้ป่วย ส่งต่อ ‘รพ.สุราษฎร์ธานี’ หลังได้รับการประสาน เพื่อขอใช้ยานฉุกเฉิน เร่งช่วยชีวิตหญิงผ่าคลอด

(20 เม.ย.67) กองทัพอากาศโดย ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองบิน 7 ได้รับการประสาน จากโรงพยาบาลเกาะสมุย ตำบลอ่างทอง อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อขอใช้อากาศยานของกองทัพอากาศ ในการรับผู้ป่วยฉุกเฉิน หญิงไทย อายุ 34 ปี อายุครรภ์ 37 สัปดาห์ มาผ่าตัดคลอดตามนัด ขณะที่ผ่าตัดผู้ป่วยมีปัญหาเรื่องออกซิเจนในเลือดต่ำลง แพทย์วินิจฉัยคาดว่าเกิดจากภาวะน้ำคร่ำอุดตันในกระแสเลือดและมีภาวะหัวใจหยุดเต้นจำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน

กองทัพอากาศ จึงได้จัดเฮลิคอปเตอร์แบบที่ 11 (EC-725) ของหน่วยบิน 2037 จากที่ตั้งกองบิน 7 จังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง สนับสนุนภารกิจเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจากสถานีรายงานสมุย (เขาป้อม) กองบัญชาการควบคุมการปฏิบัติทางอากาศ ตำบล ลิปะน้อย อำเภอ เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อส่งต่อไปเข้ารับการรักษา ณ โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี

ทั้งนี้ การสนับสนุนภารกิจดังกล่าวเป็นไปตามบันทึกความร่วมมือระหว่างกองทัพอากาศกับสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ว่าด้วยการช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินและผู้ประสบภัยเพื่อคุ้มครองสิทธิในการเข้าถึงระบบการแพทย์ฉุกเฉินอย่างเท่าเทียมและมีคุณภาพมาตรฐาน โดยให้มีความพร้อมในการช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินและผู้ประสบภัย ด้วยการเคลื่อนย้ายลำเลียงหรือการขนส่งทางอากาศไปยังสถานพยาบาลอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ได้รับการบริการด้านการแพทย์ฉุกเฉินที่ดี มีคุณภาพอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ทั้งในภาวะปกติและเมื่อเกิดสาธารณภัย

กองทัพอากาศขอเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือประชาชน ตามนโยบายผู้บัญชาการทหารอากาศ ที่จะใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ทั้งบุคลากร อากาศยานและอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน และประเทศชาติ

สืบนครบาลรวบ 'โอ VK ยืน 1 คลิปโป๊เด็ก' เผยแพร่ ขายคลิปสื่อลามก อนาจารเด็ก

จากนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมทางออนไลน์ ที่กระทำความผิดทุกรูปแบบ ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมากโดย ชุดลาดตระเวนออนไลน์ สืบนครบาล สืบสวนพบ ผู้กระทำผิดขายคลิปโป้ สื่ออนาจารแพลตฟอร์ม VK ชื่อ ขายงาน เด็กเด็ก มีผู้ติดตาม 860 คน มีข้อความโฆษณาดังนี้ “ขายลิงค์ MEGA แนวเด็กน้อย เด็กประถม เด็กนักเรียน จำนวน 5,000 คลิป เป็นแนวเด็กทั้งหมด 

วันที่ 19 เมษายน 2567 เวลาประมาณ 08.35 น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. สั่งการ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.นิวัฒน์ พึ่งอุทัยศรี รอง ผบก.สส.ฯ, พ.ต.อ.อรรชวศิษฏ์ ศรีบุณยมานนทน์ ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.วิโรฒ จนุบุษย์, พ.ต.ท.นิธิ ปิยพันธุ์ รอง ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.สัญญลักษ์ สังขะภักดี สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. ร.ต.อ.ชาญชัย น่าดู รอง สว.กก.สส.3 ร.ต.อ.ภัทรพล ดวงหิรัญ รอง สว.กก.สส.3 ฯพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.3 บก.สส.บช.น.(ชุดปฏิบัติการที่  3/1) ร่วมกันจับกุมตัว นายลภัสหรือโอ  ปางวัชรากร อายุ 28 ปี ภูมิลำเนา แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยของกลาง จำนวน 4  รายการ  ดังนี้
1. คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค ยี่ห้อ Asus 
2. Adaptor โน๊ตบุ๊ค
3. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ Xiaomi 
4. สมุดบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ ชื่อบัญชี นายลภัสฯ

กระทำความผิดฐาน นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามกและ ข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ , เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีลักษณะอันลามก  และเพื่อความประสงค์แห่งการค้า หรือโดยการค้า เพื่อการแจกจ่ายหรือเพื่อการแสดงอวดแก่ประชาชน ทำ ผลิต มีไว้ นำเข้าหรือยังให้นำเข้าในราชอาณาจักร

พฤติการณ์แห่งการจับกุม เมื่อวันที่ 13 เม.ย.67 เวลาประมาณ 14.30 น. สืบสวนพบว่ามีการประกาศขายสื่อลามกอนาจารผ่านแพลตฟอร์ม VK ชื่อ ขายงาน เด็กเด็ก มีผู้ติดตาม 860 คน มีข้อความโฆษณาดังนี้ “ขายลิงค์ MEGA แนวเด็กน้อย เด็กประถม เด็กนักเรียน จำนวน 5,000 คลิป เป็นแนวเด็กทั้งหมด สนใจสามารถทักเข้ามาขอตัวอย่างได้ผ่าน LINE ตัวคลิปทั้งหมดจะเป็นลิงค์ส่งให้ดาวน์โหลดโดยตรง เป็นงานนักเรียนไทย คละกับงานเด็กต่างชาติ ด่วนราคานี้ก่อนสิ้นเดือนเท่านั้น เหมาตอนนี่เข้ากลุ่ม line vip อีก 6 กลุ่ม และกลุ่ม telegram อีก 1 กลุ่มด้วยนะ” เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจสอบประกาศ

ต่อมาจึงให้สายลับทักไปสอบถามผู้ใช้บัญชี ขายงาน เด็กเด็ก ทาแอปพลิเคชันไลน์ ตรวจสอบจนทราบว่าคือนายลภัส พักอาศัยอยู่ หมู่บ้านบริเวณแขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร จึงทำการขอหมายค้นบ้านเพื่อหาพยานหลักฐาน เอาผิดนายลภัสฯ   จนวันที่ 19 เม.ย.67 เวลา 08.35 น. เจ้าหน้าที่ กก.สส.3 บก.สส.บช.น. ได้เข้าค้นบ้านตามที่อยู่ดังกล่าว ได้พยานหลักฐานมาดำเนินคดีกับนายลภัสฯ จึงได้จับกุม และส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย

ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอด เจ้าหน้าที่จึงได้ทำบันทึกจับกุมและนำผู้ต้องหาส่ง สน.โชคชัยเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า การลักลอบขายคลิปโป๊เด็กน้อย เป็นต้นเหตุของอาชญากรรมทางเพศโดยเฉพาะกับเด็ก ซึ่งผู้ซื้อจะนำไปก่อเหตุเพราะเป็นการกระตุ้นอารมณ์ทางเพศในการกระทำความผิด หากผู้ใดพบเบาะแสโปรดแจ้งผ่านเพจสืบนครบาล เพื่อปราบปรามให้สิ้นซากต่อไป

'นักสังคมสงเคราะห์' ของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง รับประกาศเกียรติคุณนักสังคมสงเคราะห์ดีเด่นจาก 'องคมนตรี' เนื่องในวันปกรณ์ 2567

เมื่อวานนี้ 19 เม.ย.67 เวลา 10.00 น. นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี เป็นประธานในพิธีประกาศเกียรติคุณนักสังคมสงเคราะห์ดีเด่น ประจำปี พ.ศ. 2566 เนื่องในวันปกรณ์ 2567 พร้อมมอบโล่ประกาศเกียรติคุณให้แก่นักสังคมสงเคราะห์ดีเด่น จำนวน 16 คน

ซึ่งนักสังคมสงเคราะห์ของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง คือ นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพฝ่ายสังคมสงเคราะห์มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้รับคัดเลือกในครั้งนี้

เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้แก่นักสังคมสงเคราะห์ และเป็นแบบอย่างที่ดีในการยึดถือปฏิบัติของคนในสังคม โดยมี นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) พร้อมด้วย นางขนิษฐา เทวินทรภักติ รองประธานกรรมการบริหารมูลนิธิศาสตราจารย์ปกรณ์ อังศุสิงห์ รักษาการประธานกรรมการบริหารมูลนิธิศาสตราจารย์ปกรณ์ อังศุสิงห์นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นางจตุพร โรจนพานิช อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ และคณะผู้บริหารกระทรวง พม. ร่วมยินดี และยกย่องนักสังคมสงเคราะห์ดีเด่นที่ได้รับรางวัล ณ ห้องประชุมชั้น 2 กระทรวง พม. สะพานขาว ถนนกรุงเกษม กรุงเทพฯ

"โดยมีคุณอรัณย์ โตทวด ผู้จัดการใหญ่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งพร้อมคณะผู้บริหารแบะพนักงานร่วมแสดงความยินดี"

นายวราวุธ กล่าวว่า การประกาศเกียรติคุณนักสังคมสงเคราะห์ดีเด่นเริ่มขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2523 และได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 44 ปี เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติและสร้างขวัญกำลังใจแก่บุคคลที่มีความทุ่มเทในการช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายและประชาชนที่ประสบปัญหาความเดือดร้อนทางสังคม ถือเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับสังคมไทย รวมถึงเป็นการส่งเสริมความร่วมมือและประสานงานระหว่างสถาบันสังคมสงเคราะห์ต่าง ๆ ให้เป็นเครือข่ายที่มีความเข้มแข็งในวงกว้างมากขึ้น อีกทั้งเป็นการสดุดีและเผยแพร่เกียรติคุณของศาสตราจารย์ปกรณ์ อังศุสิงห์ ปูชนียบุคคลที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “บิดาของงานสังคมสงเคราะห์ในประเทศไทย” ผู้วางรากฐานและพัฒนางานสังคมสงเคราะห์ของประเทศให้เกิดความเจริญก้าวหน้ามาถึงทุกวันนี้ โดยปัจจุบัน มีนักสังคมสงเคราะห์ดีเด่นที่ได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณนักสังคมสงเคราะห์วิชาชีพ นักสังคมสงเคราะห์อาสาสมัคร และผู้ปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์แล้ว รวมทั้งสิ้น 420 คน

นายวราวุธ กล่าวต่อไปว่า วันนี้ กระทรวง พม. ได้ร่วมกับ มูลนิธิศาสตราจารย์ปกรณ์ อังศุสิงห์ และองค์กรภาคีเครือข่าย ได้แก่ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) จัดงานดังกล่าวขึ้นเพื่อเน้นย้ำให้สังคมเห็นถึงความสำคัญของงานด้านการสังคมสงเคราะห์และการจัดสวัสดิการสังคม โดยมีกิจกรรมอันทรงคุณค่ามากมาย อาทิ นิทรรศการผลงานของศาสตราจารย์ปกรณ์ อังศุสิงห์ และนักสังคมสงเคราะห์ดีเด่น รวมถึงผลงานด้านวิชาการสังคมสงเคราะห์  พิธีมอบทุนการศึกษาแก่นักศึกษาคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์  เวทีเสวนาสร้างแรงบันดาลใจ (Inspiration Talks) และพิธีประกาศเกียรติคุณนักสังคมสงเคราะห์ดีเด่น

ซึ่งในปีนี้มีผู้เข้ารับประกาศเกียรติคุณ จำนวนทั้งสิ้น 16 คน แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ประกอบด้วย 1) ประเภทวิชาชีพ จำนวน 6 คน ได้แก่ 1.1 นางสุจิรา เนาวรัตน์ 1.2 นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย 1.3 นางสาวกุลธีชาดา พรเจริญ 1.4 พันตำรวจโทหญิง 1.5 นางธิดารัตน์ ชูศรี และ 1.6 นางสาววรพร เกวลิน 2) ประเภทผู้ปฏิบัติงาน จำนวน 3 คน ได้แก่ 2.1 นายพิเชฐพงศ์ อินทรสกุล 2.2 นายวาธิต ธรรมจง และ 2.3 ศาสตราจารย์ ดร.นฤมล นิราทร และ 3) ประเภทอาสาสมัคร จำนวน 7 คน ได้แก่ 3.1 นายอติพล ดำพิลา 3.2 นางสาวสุกัญญา ประจวบเหมาะ 3.3 นางรัชนี วัชรีวงศ์ ณ อยุธยา 3.4 นายสุชาติ โอวาทวรรณสกุล 3.5 นางสาวธันยลักษณ์ พรหมมณี 3.6 นางอรชุน เหลืองวิเศษกาล และ 3.7 นายพิจิตร กอบัว

นายวราวุธ กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวง พม. ขอแสดงความยินดีและยกย่องเชิดชูเกียรติแก่นักสังคมสงเคราะห์ดีเด่นทุกท่าน ผู้มีความมุ่งมั่นทุ่มเทปฏิบัติหน้าที่  พร้อมเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนงานด้านการสังคมสงเคราะห์และการจัดสวัสดิการสังคม อุทิศตนเพื่อนำพาสังคมไทยก้าวสู่ความมั่นคง ยั่งยืน และปลอดภัยสำหรับทุกคนอย่างแท้จริง 

กระสุนปืน ‘ฝั่งเมียนมา’ ถูกยิงข้ามมายัง ‘ฝั่งไทย’ หน้าต่างบ้านเสียหาย โชคดียังไม่มีใครบาดเจ็บ

(20 เม.ย.67) การปะทะกันระหว่าง กองกำลังชนกลุ่มน้อยฝ่ายต่อต้านรัฐบาล กับทหารรัฐบาลเมียนมา ฝั่งตรงข้ามบ้านวังตะเคียนใต้ หมู่ 7 ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก ในวันนี้ ประชาชนไทย เริ่มได้รับผลกระทบจากการสู้รบของทั้งสองฝ่าย เมื่อมีกระสุนอาวุธปืนถูกยิงทะลุเข้ามายังฝั่งไทย และมีกระสุนหนึ่งนัดทะลุหน้าต่างมุ้งลวดของบ้านราษฎรชาวไทย โดยกระสุนปืนทะลุบ้านของ นางคำ ชาวบ้านวังตะเคียนใต้ หมู่ 7 ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก หน้าต่างได้รับความเสียหาย แต่ยังโชคดีที่กระสุนปืน ไม่ถูกคนในบ้าน

'ประเสริฐ' กำชับ 'หน่วยงานรัฐ' จับมือ 'เอกชน' เร่งลดปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ ให้เห็นผลชัดเจนภายใน 30 วัน

เมื่อวันที่ (19 เม.ย. 67) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ทางเทคโนโลยี ที่มี ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดีอี เป็นรองประธานกรรมการ นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ รองปลัดกระทรวงดีอี เป็นเลขานุการคณะกรรมการฯ และผู้แทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สมาคมธนาคารไทย สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) มาหารือร่วมกันเป็นครั้งที่ 2 ในเดือนเมษายนนี้ เพื่อดำเนินงานตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ในการแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ ให้มีผลงานชัดเจนใน 30 วัน ซึ่งมีมาตรการที่สำคัญ จากการหารือ ดังนี้

1. มาตรการแก้ไขปัญหาบัญชีม้า โดยสรุปมีดังนี้
- การเร่งรัดกวาดล้างบัญชีที่ต้องสงสัยและบัญชีม้าในระบบธนาคาร โดย สมาคมธนาคารไทย สถาบันการเงิน ร่วมกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย เร่งทำการตรวจสอบ เหตุต้องสงสัย 19 ข้อ และทำการแลกเปลี่ยนข้อมูลบัญชีต้องสงสัย ระหว่างธนาคาร เพื่อระบุและทำการระงับบัญชีธนาคาร ซึ่งที่ผ่านมามีการระงับไปแล้ว 3-4 แสนบัญชี
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาสำนักงาน ปปง. ได้ดำเนินการปิดบัญชีม้าไปแล้ว 318,298 บัญชี และศูนย์ AOC ระงับหรือปิดไปแล้ว 112,699 บัญชี
- การเพิ่มมาตรการควบคุมการเปิดบัญชีใหม่ เพื่อป้องกันการใช้เป็นช่องทางในการกระทำผิดกฎหมาย โดยเพิ่มการตรวจสอบ CDD (Customer Due Diligence) เป็นการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยว กับลูกค้า โดยมีกระบวนการประเมินและบริหารความเสี่ยง ก่อนอนุมัติเปิดบัญชีลูกค้า จากเดิม ที่มีการทำ KYC (Know Your Customer) ในการเปิดบัญชีใหม่เท่านั้น
- การอายัดบัญชีทันที กรณี ที่ผู้เสียหาย แจ้งเหตุ กับ AOC 1441 และ ผู้เสียหายแจ้งความออนไลน์เรียบร้อยแล้ว จากเดิมระงับชั่วคราว 3 วัน และต้องไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ
- ธนาคาร ส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับบัญชีม้า บัญชีต้องสงสัย หรือข้อมูลธุรกรรมต้องสงสัยให้ AOC 1441 และให้ AOC 1441 เป็น Platform โดยทำระบบ Automation เพื่อ AOC นำข้อมูลที่ได้ใช้ AI วิเคราะห์และใช้แก้ปัญหาโจรออนไลน์ ต่อไป

2. มาตรการแก้ไขปัญหา ซิมม้า โดยสรุปมีดังนี้
- การกวาดล้างซิมต้องสงสัยและซิมม้า กสทช. ได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการลงทะเบียนเพื่อยืนยันตัวตนสำหรับผู้ถือครองซิมการ์ดมากกว่า 100 ซิม โดยครบกำหนดการยืนยันตัวตนเมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2567 มีผู้มายืนยันตัวตน แล้วจำนวน 2.57 ล้านหมายเลข และยังไม่มายืนยันตัวตนอีกจำนวน 2.5 ล้านหมายเลข ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการระงับ 2.5 ล้านหมายเลขที่ไม่ได้มายืนยันตัวตน นอกจากนี้ ในส่วนของ สตช. และกระทรวงดีอี ได้ประสานเพื่อระงับซิมม้า หรือซิมต้องสงสัยไปแล้วกว่า 8 แสนหมายเลข
- การเข้มงวดในการเปิดใช้ ซิมใหม่ ให้เป็นไปตาม หลักเกณฑ์ การลงทะเบียนและยืนยันตัวตนของ กสทช.เพื่อป้องกัน การนำซิมไปใช้กระทำผิดกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมา พบการปล่อยปละละเลยการเปิดใช้ซิมใหม่ จำนวนมากๆ ตลอดจนมีการสวมรอยใช้พาสปอร์ทชาวต่างชาติ หรือขโมยบัตรประชาชนคนไทย มาเปิดซิมจำนวนมาก
- กสทช. ผู้ให้บริการโทรคมนาคม ส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ ซิมม้า ซิมต้องสงสัย หรือข้อมูลธุรกรรมต้องสงสัยให้ AOC 1441 โดยทำระบบ Automation เพื่อ AOC นำข้อมูลที่ได้ไปใช้ AI ในการวิเคราะห์ และใช้แก้ปัญหาโจรออนไลน์ ต่อไป
- กสทช. และผู้ให้บริการโทรคมนาคม เร่งทำฐานข้อมูล พร้อมตรวจสอบผู้ส่ง SMS จำนวนมาก (Sender Name)

3. การดำเนินการเรื่องเสาโทรคมนาคม สายสัญญาณอินเทอร์เน็ตและสายโทรศัพท์ ที่ผิดกฎหมายตามแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน โดยร่วมกับกระทรวงกลาโหม กสทช. และ สตช. เพื่อปิดกั้น และจับกุมผู้กระทำความผิด

4. มาตรการกำกับดูแล แก้ไขปัญหาการซื้อขาย Crypto แบบ P2P (Peer to Peer) ที่ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะการที่คนร้ายใช้สินทรัพย์ดิจิทัล เป็นช่องทางโอนเงินออกนอกประเทศ ซึ่งทางสำนักงาน ก.ล.ต. ร่วมมือกับกระทรวง ดีอี สตช. หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อแก้ปัญหานี้ โดยการปิดกั้นเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน Platform ให้บริการ crypto ที่ผิดกฎหมาย และผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตในการทำ KYC และกำกับดูแลอย่างเข้มข้นสำหรับการหลอกลงทุน ก.ล.ต. มีสายด่วน หลอกลงทุน ซึ่งมีผู้แจ้งเข้ามาและมี Sec Check First ช่วยเช็คข้อมูลถูกต้อง

5. การปราบปรามจับกุมอาชญากรรมออนไลน์ โดย สตช. ดำเนินการจัดทำแผนปฏิบัติการปราบปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และอาชญากรรมออนไลน์ โดยมีเป้าหมายชัดเจน และบูรณาการแผนฯ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และดำเนินการสืบสวน สอบสวน และขยายผลการเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ที่ร่วมการกระทำความผิดอาชญากรรมออนไลน์ในระยะ 2 สัปดาห์ของ เดือนเมษายนนี้ ได้มีการจับกุมผู้ต้องหาคดีออนไลน์ แล้วจำนวน 207 รายโดยแบ่งเป็น เกี่ยวข้องกับพนันออนไลน์ จำนวน 83 ราย

6. การบูรณาการข้อมูล และอื่นๆ โดยให้ AOC 1441 เป็น Platform รับและแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อบูรณาการข้อมูล ทำงานแบบ Automation และใช้เทคโนโลยี AI ในการวิเคราะห์ข้อมูล

"กระทรวงดีอี และหน่วยงานพันธมิตรที่เกี่ยวข้อง เร่งบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบเพื่อปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ที่ส่งผลกระทบต่อความเดือดร้อนของประชาชน เพื่อให้เป็นไปตามข้อสั่งการของนายเศรษฐา ทวีสิน นายรัฐมนตรี โดยจะมีการติดตามตรวจสอบการดำเนินการในทุกสัปดาห์ เพื่อให้เกิดผลงานที่เป็นรูปธรรมชัดเจนต่อไป” นายประเสริฐกล่าว

‘ตำรวจจีน’ ออกจับเหล้า ที่ถูกสวมฉลากเป็น ‘สินค้าจัดสรรพิเศษ’ ย้ำ!! ทำเพื่อ ‘ผลประโยชน์อันชอบธรรม’ ตามกฎหมายของผู้บริโภค

(20 เม.ย.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า กระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีนเริ่มต้นดำเนินการรณรงค์เพื่อปราบปรามอาชญากรรมเกี่ยวกับการผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปลอม ซึ่งถูกสวมฉลากเป็น 'สินค้าจัดสรรพิเศษ' แก่หน่วยงานของพรรคคอมมิวนิสต์จีน รัฐบาล หรือกองทัพ

รายงานระบุว่าปฏิบัติการนี้มีเป้าหมายปราบปรามการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ลอกเลียนแบบอย่างผิดกฎหมาย ปกป้องคุ้มครองชื่อเสียงของพรรคฯ รัฐบาล และกองทัพ พร้อมกับรับประกันสิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมตามกฎหมายของผู้บริโภค

หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทั่วจีนจะปราบปรามการค้าขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปลอมทุกขั้นตอน ตั้งแต่ผลิต จำหน่าย ขนส่ง และจัดเก็บ รวมถึงการกระทำผิดเกี่ยวกับการผลิตและจำหน่ายวัสดุบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปลอม และการทำผิดกฎหมายอันเกี่ยวกับการพิมพ์เครื่องหมายการค้าและสัญลักษณ์ของหน่วยงานพรรคฯ รัฐบาล และกองทัพโดยไม่ได้รับอนุญาต

นอกจากนั้นกระทรวงฯ เน้นย้ำความจำเป็นในการตรวจตราโลกออนไลน์อย่างเข้มงวดกวดขันยิ่งขึ้น โดยเฉพาะแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ช่องทางไลฟ์สตรีมมิงหรือไลฟ์สด และแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อรวบรวมเบาะแสอันนำสู่การกระทำผิดดังกล่าว

ทั้งนี้ สำนักสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมอาหารและยาของกระทรวงฯ จะเดินหน้าปราบปรามอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจังและลงโทษผู้กระทำผิดอย่างเด็ดขาดตามกฎหมาย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top