Tuesday, 10 June 2025
TheStatesTimes

‘ณวัฒน์’ ลั่น เวทีเราต้องหาเงิน ให้มงลงที่ ‘หลิน’ เหมาะสมแล้ว  เพราะมีประโยชน์ สปอนเซอร์จ่ายหนัก แม้หุ่นไม่ปังแต่ภาษาเป๊ะ

(8 เม.ย.67) มีดรามาให้ต้องเคลียร์หลายเรื่องเลยทีเดียว สำหรับบอสใหญ่ของเวทีมิสแกรนด์ ‘ณวัฒน์ อิสรไกรศีล’ เพราะผลการประกวดในปีนี้ มีหลายอย่างที่ค่อนข้างค้านสายตาคนดู อย่างแรกเลยคือเรื่องส่วนสูงของ “หลิน มาลิน ชระอนันต์” มิสแกรนด์ภูเก็ต ผู้คว้าตำแหน่ง ‘มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2024’

ที่ดูจะตัวเล็กกว่ามาตราฐานนางงามที่คนคาดหวัง ต่อมากับอันดับ Top 5 ที่คนมองว่า ‘เหมย อรทัย พังจันทร์’ มิสแกรนด์มหาสารคาม ไม่สมควรได้เข้า เพราะสาวงามคนอื่น สวย หุ่นดี เหมาะสมกว่ามาก งานนี้หลายคนเลยเอาคำพูด ที่เจ้าตัวเคยพูดไว้มาย้อนถาม ไหนว่าหุ่นของนางงามเป็นเรื่องสำคัญ แล้วทำไมปีนี้ ถึงเลือกคนที่หุ่นไม่ตรงสแตนดาร์ดนางงามเข้ามาถึง 2 คน ล่าสุด บอสณวัฒน์ ไม่รอช้า ขอเคลียร์จบครบทุกประเด็น

“เป็นปีที่ตัดสินค่อนข้างยาก ต้องยอมเลือกช้อยส์ที่คิดว่ามีประโยชน์สูงสุดในการทำงาน มีภาพรวมที่ถูกใจกับคนที่มาสนับสนุนการประกวด เลยกลายเป็นหลินครับ ถามว่าดีไหม ผมก็มั่นใจว่าต้องดีที่สุด เท่าที่เราประเมินออกมาในทุกๆ ด้านที่เรากำหนดแล้ว หลายๆ คนอื่นอาจจะไม่พอใจ เราก็ต้องยอมเคารพในความไม่พอใจ แต่ข้อดีของหลิน ทำไมหลินถึงมง เราปฏิเสธไม่ได้ว่าหลินมีความฟิต และมีสมองค่อนข้างลึก สิ่งนี้เราอาจจะหาจากคนทั่วๆ ไปยาก สามารถสื่อสารแล้วตอบโต้ได้ตลอดเวลา ไม่ต้องมีใครมานั่งบอก ซึ่งหลินมีในจุดนั้น และหลินมีคะแนนเพิ่มในห้องสัมภาษณ์ คือตลอดชีวิตทุกอย่างหาด้วยตัวเอง แต่พอมาประกวดนางงาม เริ่มมีคนเอาของมาให้ มันเลยกลายเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ในชีวิตมาก คะแนนห้องทำก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้รู้จักตัวตนเขามากขึ้น”

โจทย์ 4B - Beauty Body Brain Business ‘หลิน’ มีแค่ 2B คือธุรกิจกับสมอง
“สำหรับหลิน ถ้า 4B ผมว่าได้ 2B ที่ดีที่สุด คือหนึ่ง Business เพราะหลินเป็นอินฟลูฯ มาก่อน ยอดผู้ติดตามก็เยอะมากเป็นอันดับต้นๆ สามารถทำงานและทำเงินให้ตัวน้องและองค์กร สองคือ Brain มีสมองที่ครีเอทและไว ส่วนเรื่อง Beauty น้องก็ยังมีอยู่ อาจจะไม่สแตนดาร์ดที่หลายคนใฝ่ฝัน บอดี้ก็โดนโจมตีหนัก ผมก็ยอมรับว่าน้องอาจจะไม่มีในจุดนี้ หรือมีแต่อยู่ในคะแนนที่ต่ำ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าไม่เต็มร้อยสำหรับ 4B ทั้งหมด ตัวหลินเองก็ยอมรับ ผมว่านาทีนี้มันไม่มีใครมานั่งปฏิเสธ ในเรื่องของรูปร่าง ผมเองก็ไม่ปฏิเสธว่าเป็นปัญหา พูดกันอยู่ทุกครั้งก่อนตัดสินใจ ว่าแหม ถ้าอีกนิดหนึ่งนะ เราก็จะรอดพ้นปากเหยี่ยวปากกาไปเยอะ แต่ถ้าเราตัดสินใจเอา เราก็ต้องยอมรับ ซึ่งมันคงแก้เรื่องสรีระไม่ได้ มันเป็นเรื่องที่แก้ไม่ได้ ใบหน้ายังแก้ได้ แต่จะต่อกระดูกคงเป็นไปไม่ได้ ก็ต้องยอมรับครับ”

ยอมรับอาจจะเสียเปรียบ ตอนไปประกวดเวที ‘มิสแกรนด์อินเตอร์เนชั่นแนล’
“ก็ต้องยอมรับตรงๆ การไปประกวดระดับสากล ส่วนมากเขามองจากรูปลักษณ์ภายนอก เราก็ต้องยอมรับว่าอาจจะเสียเปรียบในจุดนี้ น้องก็อาจจะเอาจุดอื่นมาแก้ไข มาผ่อนปรนให้น้องทำดีที่สุด ก็พูดตรงๆ แกรนด์อินเตอร์ ถ้าน้องยังไม่เก่งพอ ยังไม่พร้อมพอ ยังไงไทยก็มงยากอยู่แล้ว พูดมาหลายปีก็ยืนยันเหมือนเดิม หลินภาษาอังกฤษดี สมองดี เดินทางได้ เข้ากับเพื่อนได้เร็ว หรือถ้าได้ตำแหน่งก็สามารถทำงานได้ เพราะเป็นคนคล่องตัว แต่ส่วนที่ไปเจออินเตอร์แล้วเราต้องยอม ก็ต้องยอมรับว่าอินเตอร์เขาวัดคนจากรูปลักษณ์จริงๆ เพราะหลังประกวดเสร็จ ไม่ได้ใช้ชีวิตเหมือนคนไทยด้วยกัน ที่จะอยู่แบบใกล้ชิด ซึ่งผลลัพธ์จะเป็นยังไงเราก็ต้องยอมรับตามสภาพ”

ยันไม่ใช่แฟนคลับ ‘เหมย’ หลังคนสงสัยทำไมเข้า Top 5 ครั้งแรกที่เจอยังให้ไปลดน้ำหนัก
“หลายคนติดใจกับเหมย ผมไม่รู้เหมือนกันว่าภาวะของเหมยเกิดจากอะไร เพราะตั้งแต่เก็บตัว เหมยจะถูกแอนตี้มาตลอด กลัวว่าเหมยจะได้ตำแหน่งที่ดี ไม่รู้ว่ามันเกิดการชี้นำแบบไหน บางคนมาโทษว่าผมเป็นแฟนคลับเหมยหรือเปล่า (เป็นลูกรักจริงไหม?) ไม่ครับ ก่อนจะเป็นลูกรัก ผมไม่รู้จักใครเลย ผมเจอเหมยครั้งแรกในการประกวดมิสแกรนด์เลย เหมยเดินมาขอถ่ายรูปด้วย เราก็นึกในใจเห็นชื่อมิสแกรนด์และจังหวัด เราก็ตกใจนางงามเราทำไมมีแบบนี้ด้วยเหรอ เดี๋ยวต้องคุยกับทีมงานนิดหนึ่งว่ายังไง ตอนนั้นน้ำหนักดูเยอะกว่านี้มาก ก็คิดว่าเข้ามาแล้วน้องจะมีปัญหาไหม ก็พูดตรงๆ ถ้าเป็นแกะดำ มันก็จะกลายเป็นสร้างความทุกข์ให้กับผู้หญิง มันจะกลายเป็นเรื่องกดดัน ก็เลยบอกทางผู้ช่วยที่ดูพีดี ว่าดูแลด้วย เดี๋ยวมันจะกลายเป็นตลกขบขัน ใครจะมาบูลลี่หรือเปล่า นั้นคือจุดเริ่มต้นที่รู้จักกัน

หลังจากนั้นก็ไม่เจอน้อง มาเจอตอนเข้ากอง ไม่เคยมีอะไรเกี่ยวข้องกัน แต่จากเส้นเรื่องที่เห็นน้องผ่านติ๊กต็อกตลอด น้องไลฟ์ขายของคนดูหลัก 10 ถ้าเป็นผมคงท้อ แต่น้องเอาจริงเอาจัง ผมก็คิดว่าเออ นี่ก็บ้าเหมือนกันนะ ในที่สุดความพยายามเขาก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ จนมาถึงจุดหนึ่ง เขาพยายามปรับตัวทุกอย่าง ผมไปพูดว่าลองติดกิ๊ฟดูสิ เพราะไม่รู้จะขายอะไร เข้ากองคนดูยัง 100-200 เขาก็เป็นเสือปืนไว สั่งแกร๊บไปซื้อกิ๊ฟมาติด แล้วคนดูก็ขึ้นปั๊บ เป็น 3,000-4,000 แล้วก็ขึ้นเรื่อยๆ เป็นคนหนึ่งที่แตะ 1 หมื่นคนดู แล้วยอดขายก็ทะลุทะลวง คราวนี้ขายอะไรก็ขายได้หมดเลย น้องก็มีความมั่นใจมากขึ้น ความรู้จักก็เลยเกิดจากตรงนี้ เส้นเรื่องและสิ่งที่ปรับ มันปรับแล้วมันเหมือนการก่อสร้าง มันเป็นไปตามสเปกที่ปรับได้ เลยเป็นสิ่งที่สัมผัสกันแค่นี้ครับ

เมื่อวานนี้ทั้งสกลนครและเหมย ตอบคำถามแย่ทั้งคู่ ไม่สามารถที่จะผ่านได้ ถ้าสกลนครตอบดีรู้เรื่อง ก็ได้ไป บังว่าเหมยตอบลงทะเลไปแล้ว แล้วสกลนครก็ลงตามไปด้วย เลยต้องกลับมานั่งคิด ว่าอย่างนั้นคำตอบวัดสองคนนี้ไม่ได้แล้ว เราต้องดูภูมิหลัง ดูสิ่งที่เราพบเจอมา ดูการไลฟ์ ในที่สุดก็ได้เป็นเหมยไป เพราะว่าวุฒิภาวะน่าจะดีกว่าครับ”

เตรียมแปลงโฉมเป็น ‘New เหมย’ สั่งลดน้ำหนัก ทำหน้า เปลี่ยนทรงผม
“เบื้องต้นเราก็พูดแล้วว่าต้องอะไรนะ อย่างแรกคือบอกน้องให้ทำจิตใจให้สบาย อะไรไม่สบายก็อย่าไปอ่านมัน แล้วสิ่งที่เราจะเห็นเหมยคือแน่นอน น้ำหนักต้องลงแบบก้าวกระโดด รูปร่างหน้าตาอาจจะต้องมีเปลี่ยนบ้าง ความใหญ่ของใบหน้าก็ต้องลดลง ต้องเป็น New เหมยให้ได้ แต่ก็ไม่รู้จะทันไหม ต้องทันแหละ เพราะมันที่ 18 นี้ T-Pop เริ่มฝึกแล้ว ฝึกที่ไทย 20 กว่าคิว เอาครูเกาหลีมาสอนทั้งร้องทั้งเต้น แล้วก็จะบินไปเกาหลีวันที่ 30 พฤษภาคม กลับมาอีกทีเดือนกรกฎาคมเลย หลายคนบอกเอาเหมยไปทำที่โน่นด้วย ถ้าไปทำก็ไม่ได้เป็น T-Pop จะเป็นคนไข้ เพราะมันจะใช้เวลาเป็นเดือน ต้องเป็น New เหมยที่ไทย มีหลายโรงพยาบาลติดต่อมาขอเหมย บอกอยากทำมาก มันมือมาก ตอนนี้ก็กำลังดูอยู่ อันดับแรกคือต้องเป็นสปอนเซอร์ก่อน ถามว่ามีเรฟฯ ไหม เรฟฯ ผมคืออิงฟ้า เอาเป็นว่าแต่ละคนก็มีบริบทของตัวเอง ถ้าอยากเห็นก็คือให้หน้าลงนิดหนึ่ง เปลี่ยนเป็นผมสั้นบ๊อบน่ารักๆ และผอมลงนิดหนึ่ง ทุกคนต้องถูกแปลงโฉมหมดนะครับ 8 คนจะถูกแปลงโฉมที่เกาหลี เราจะมีการเปลี่ยนบุลคลิกภาพ กลับมาอีกทีจำไม่ได้”

ยินดีคนย้อนคำพูด เคยบอกว่าบอดี้เป็นสิ่งสำคัญ แต่ปีนี้หุ่นไม่ปังตั้ง 2 คน
“ผมเคยพูดไว้ ว่าโอเคบอดี้เป็นสิ่งสำคัญ แต่ผมถามว่า ณ วันนี้ถ้ามีหมดครบทุกอย่าง ผมก็เลือกคนคนนั้น แต่สิ่งที่เรามีในปีนี้ มันไม่ครบสักคน ก็ต้องยอมรับ ถึงจะเอาคำพูดผมมาย้อน ผมก็ยินดี เพราะถูกย้อนมาตั้งแต่ปีอิงฟ้าแล้ว ขอเวลาผมดูแลและปลุกปั่นนิดหนึ่งแล้วจะดีขึ้น”

ลั่นเวทีเราหาเงิน หลังเจอเปรียบเทียบ Top 5 ต่างกับอีกเวทีหนึ่งมาก ถูกใจแต่เจ็บและจนผมไม่ทำ
“เวทีเราหาเงินอะครับ เวลาเราไม่ได้เน้นอยู่เฉยๆ เพราะฉะนั้นเราต้องดู ว่าเอามาแล้วต้องวิ่งไปทำงานและหาเงินได้ ถ้าเราจะหาคนสวยหาไม่ยากครับ ทำไมเราลงทุนเป็นเดือนๆ บางคนบอกหาเป็นเดือนๆ ได้มาสภาพแค่นี้เหรอ เออ เดี๋ยวมันจะรวยมากขึ้น เพราะเราต้องหาคนที่มันสร้างเงินครับ ผมยืนยันนะครับ ถ้ามันค้านสายตา เดี๋ยวมันก็เสื่อมไปเอง จะมีกลุ่มที่ไม่ใช่โปรไฟล์จริงๆ อาจจะไม่ชอบสไตล์นี้ ผมก็ยินดีน้อมรับใยความไม่ชอบ แต่ผมอธิบายใหัฟัง สิ่งสำคัญคือเราต้องเข้าใจว่าคนหมู่มาก ไม่ได้หมายความว่าคนหมู่เขา ถ้าเราต้องตามใจเขา บริษัทเราจะเล็กลง ปีหน้าเราจะหาสปอนเซอร์ยาก ถูกใจแต่เจ็บและจนผมก็ไม่ทำ ขอรวยดีกว่าครับ”

เคลียร์ปมทำไม สระบุรี และ กรุงเทพฯ ชนะแคมเปญ แต่ไม่ได้เข้ารอบลึกๆ
“เรื่องการชนะแคมเปญ ผมว่าทุกคนต้องเล่นทุกแคมเปญอยู่แล้ว เช่น สระบุรีและกรุงเทพฯ ก็เล่นเกือบทุกแคมเปญ คนที่ได้มาทั้งหมดเล่นหมด ยกเว้นคนที่เล่นแล้วอาจจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ภาคเหนือเป็นภาคที่หาได้ง่าย ใครไปอยู่ภาคเหนือ ล้านเปอร์เซ็นต์ยังไงก็เข้า สมมติสระบุรีไปอยู่ภาคเหนือก็เข้า มันบังเอิญว่ายังอยู่ไม่ถูกที่ถูกเวลา ซึ่งตัวเต็ง 3 คนในภาคกลาง กรุงเทพฯ สระบุรี ปทุมธานี มันต้องเหลือแค่คนเดียว เราไม่ปฏิเสธความสวยว่าไล่กันหมด ถ้าความสวยบวกความมั่น ปทุมธานีมั่นมาก ส่วนสระบุรีก็มีบางช่วงที่หายไป ต้องยอมรับนะ ว่าช่วงภูเก็ตอยู่ๆ นางก็หายไป ก็ต้องเรียกขวัญและกำลังใจกลับมา เพราะฉะนั้น 3 คนนี้ คนที่มีคอนเทนต์ครีเอทเตอร์ที่สุดคือปทุมธานี ครีเอทีฟสำหรับต่อการประกวดแกรนด์มากๆ ถ้ากองทัพไม่ฮึกเหิม ก็เหมือนกำลังจะอ่อนล้า”

ตำนานบอสช้อยต์ สร้างคนมง 4 ปีซ้อน เลือก ‘หลิน’ เพราะสปอนเซอร์ซื้อหนัก
“หลินขึ้นไลฟ์ก็ไม่เคยผิดหวัง คนดูแน่น ขายของแน่น แล้วที่สำคัญ 88 ล้านที่ได้มาจากสปอนเซอร์ทุกคน เซอร์เวย์ตำแหน่งพิเศษไป เห็นที่เขาส่งมาแล้วก็ตกใจ ไปบอกเขาว่าเปลี่ยนคนอื่นบ้างได้ไหม เราเลยรู้สึกว่าสปอนเซอร์เลือกขนาดนี้ เราจะทำยังไง ถ้าซื้อหนักขนาดนี้แล้วเราไม่เอามาเป็นบอสช้อยส์ ก็รู้สึกว่าสปอนเซอร์เขาจะอยู่กับเราไหมหนอปีหน้า มันมาเกือบทุกผลิตภัณฑ์ ก็เลยต้องเลือกบอสช้อยส์เป็นหลินครับ ตอนนี้มีคนติดต่องานมาเยอะ ราคาไลฟ์ของหลิน 250,000 บาท ต่อ 1 ชั่วโมงครับ มีคนจองอยู่ แล้วก็ลดลั่นกันมาจนถึง 100,000 บาท ส่วนพรีเซ็นเตอร์ก็มีแล้ว 2,500,000 บาท ต่อ 1 ปี นี่คือขายถูกแล้ว เดี๋ยวค่อยขึ้นราคา”

ดีใจกับ ‘ไผ่หลิว กมลวลัย ประจักษ์รัตนกุล’ รองอันดับ 5 Miss Grand Thailand 2023 ได้เดบิวต์เป็นไอดอลที่จีน“ดีใจด้วย เพิ่งไปเซ็นสัญญามา กี่ปีขออนุญาตไม่บอก แล้วน้องก็ยังอยู่กับเรา ในสังกัดแกรนด์ (เสียตังค์โหวตให้น้องไหม?) โอ๊ย นอกจากโหวตแล้วบังคับคนด้วย (หัวเราะ) ลามไปถึงนางงามรุ่นเก่ารุ่นใหม่เละเทะกันไปหมด วันแรกที่เราไปด้วยกัน ผมก็ทำตัวปกติ ขับรถไปด้วยกัน ไม่เคยเข้าไปก้าวล่วงทีมงานเลย ถามว่ามั่นใจไหม ตั้งแต่ไปเคยบอกกับแฟนคลับ อย่าโวยวายเยอะ ยังไงไผ่หลิวก็ต้องอยู่สิ ดูจากศักยภาพแล้ว ทุกอย่างมันต้องบอกได้ว่าเปอร์เซ็นต์ดีมากกว่าไม่ดี แล้วผมก็มีวิธีเช็กฟีดแบ็กภายในของผมว่ามันเป็นยังไง เพราะฉะนั้นโมเมนต์มันดีมาเสมอ ขอบคุณไผ่หลิวที่พูดถึงแกรนด์ตลอดเลย น่าจะเป็นดวงเขาที่เรามาเจอกัน”

‘ธ.กสิกรไทย’ ปรับปรุงแอปฯ K PLUS กดเงินไม่ใช้บัตรผ่านตู้ ‘ธ.กรุงเทพ’ แค่สแกน QR Code แล้วกดยืนยัน ใช้ได้แล้ววันนี้ ฟรีค่าธรรมเนียม

(8 เม.ย.67) แอปพลิเคชัน K PLUS ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เวอร์ชันล่าสุด (Version 5.18.2) ที่ออกมาเมื่อวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้เพิ่มฟังก์ชันกดเงินไม่ใช้บัตรผ่านตู้ ATM ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ได้แล้ว หลังจากทั้งสองธนาคารได้พัฒนาบริการถอนเงินไม่ใช้บัตรข้ามธนาคารขึ้นมา

โดยขั้นตอนการถอนเงินที่ตู้ ATM ธนาคารกรุงเทพ ให้ทำตามขั้นตอนเดียวกับถอนเงินไม่ใช้บัตรผ่านตู้ ATM กสิกรไทย โดยเลือกเมนู "ถอนเงินไม่ใช้บัตร" ที่ตู้ ATM จากนั้นสแกน QR Code บนหน้าจอตู้ ATM ภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากสร้างรายการถอนเงิน โดยหากถอนเงินผ่านตู้ ATM ต่างธนาคาร ให้ตรวจสอบค่าธรรมเนียมและกดยืนยันบนแอปฯ K PLUS และกดยืนยันอีกครั้งที่ตู้ ATM ที่ทำรายการ หลักฐานการเบิกถอนเงินสดจะปรากฏในประวัติการทำรายการใน K PLUS

สำหรับค่าธรรมเนียมการถอนเงินไม่ใช้บัตรผ่านตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงเทพ โดยปกติจะมีค่าธรรมเนียมจำนวน 10 บาทต่อรายการตั้งแต่ครั้งแรก โดยค่าธรรมเนียมจะแสดงตอนทำรายการ ปัจจุบันฟรีค่าธรรมเนียมทุกรายการตั้งแต่วันที่ 28 มี.ค. ถึง 31 พ.ค. 2567

ก่อนหน้านี้ ธนาคารกรุงเทพเปิดให้ผู้ใช้งานแอปพลิเคชัน Bangkok Bank Mobile Banking สามารถถอนเงินไม่ใช้บัตรผ่านตู้ ATM ธนาคารกสิกรไทย โดยการระบุจำนวนเงินที่ต้องการ จากนั้นสแกนคิวอาร์โค้ดบนหน้าจอเอทีเอ็ม และรับเงินได้ทันที ผู้ใช้งานสามารถถอนเงินได้สูงสุด 50,000 บาทต่อวัน โดยค่าธรรมเนียม 10 บาท จะถูกหักจากบัญชีที่เลือก อย่างไรก็ตาม ระหว่างวันที่ 28 มี.ค. ถึง 31 ก.ค. 2567 ได้ยกเว้นค่าธรรมเนียมดังกล่าว

อนึ่ง ปัจจุบันธนาคารกรุงเทพมีจำนวนตู้ ATM รวม 8,000 จุดทั่วประเทศ และมีจำนวนผู้ใช้งานแอปพลิเคชัน Bangkok Bank Mobile Banking ประมาณ 10 ล้านราย ส่วนธนาคารกสิกรไทยมีจำนวนตู้ ATM รวม 9,100 จุดทั่วประเทศ และมีจำนวนผู้ใช้งานแอปพลิเคชัน K PLUS ประมาณ 21.7 ล้านราย

สำหรับช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 ระหว่างวันที่ 12-16 เม.ย. 2567 ธนาคารกรุงเทพจัดสรรเงินสดสำรองให้บริการลูกค้าช่วงเทศกาลสงกรานต์เพิ่มอีก 40,000 ล้านบาท ผ่านสาขาธนาคาร และตู้เอทีเอ็มอีกกว่า 8,000 จุดทั่วประเทศ พร้อมแผนดูแลการเติมเงินสดในตู้เอทีเอ็มที่ตั้งอยู่ในชุมชน และจุดท่องเที่ยวทั่วประเทศเป็นพิเศษ ส่วนธนาคารกสิกรไทย เตรียมสำรองเงินสดรวมทั้งสิ้น 30,750 ล้านบาท แบ่งเป็นช่องทางสาขา 813 สาขาทั่วประเทศ รวม 7,950 ล้านบาท และเครื่องเอทีเอ็ม (K-ATM) 22,800 ล้านบาท แบ่งเป็นเครื่องเอทีเอ็มในเขตกรุงเทพฯ 8,300 ล้านบาท และเอทีเอ็มในเขตภูมิภาค 14,500 ล้านบาท

ค่ายแดนซามูไร ใช้กลยุทธ์ รถไฮบริดราคาต่ำล้าน สกัดดาวรุ่ง รถอีวีจีน เน้นข้อดี ‘ราคาไม่แพง-กินน้ำมันน้อย-ไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จ’

เมื่อวานนี้ 7 เม.ย.67 Business Tomorrow รายงานว่า มหกรรมการจัดแสดงยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ BANGKOK INTERNATIONAL MOTOR SHOW 2024 ในโค้งสุดท้ายของเกมยานยนต์บนพื้นที่จัดแสดง ผลปรากฎว่า ยอดจองรถ 11 วันที่ผ่านมา ก็คือ วันที่ 25 มีนาคม -4 เมษายน 2567 มีจำนวน 29,449 คัน โดย 10 ลำดับแรก คือ

1. Toyota 5,579 คัน
2. Honda 2,983 คัน
3. MG 2,164 คัน
4. CHANGAN 1,812 คัน
5. MITSUBISHI 1,647 คัน
6. IZUSU 1,635 คัน
7. GWM 1,608 คัน 
8. GAC AION 1,506 คัน 
9. NISSAN 1,374 คัน
10. NETA 1,282 คัน

ทั้งนี้มีบางแบรนด์ดังโดยเฉพาะ BYD เลือกที่จะไม่รายงานผลในตอนนี้ โดยจะรายงานในการรวมผลวันสุดท้าย

ไฮไลท์คงจะเป็น Toyota ยักษ์ใหญ่จากแดนซามูไรที่คราวนี้ยังคงยกทัพชิงตลาด ณ งานมอเตอร์โชว์ 2024 โดยยังคงชนะราบคาบไปที่ยอดจองกว่า 5.5 พันคัน ซึ่งหนีห่างเพื่อนร่วมประเทศอย่าง Honda ไปราว 2.5 พันคัน และที่สามตามมาด้วยแบรนด์จีนอย่าง MG ที่แม้จะมีดราม่าใหญ่ที่มีผู้ใช้มาประกาศเรียกร้องกลางงานถึงปัญหาที่ได้รับจากแบรนด์ 

การเดินเกมของค่ายญี่ปุ่นครั้งนี้คือ การนำเสนอรถยนต์แบบไฮบริด โดยนำสองโมเดลใหม่น่าจับจองอย่าง YARIS CROSS และ COROLLA CROSS ที่เป็นรถยนต์รูปแบบไฮบริดที่มีราคาที่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท เริ่มต้นเพียง 7.8 แสนกว่าบาท ทำให้การครอบครองเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น อีกทั้งรถยนต์ไฮบริดมีความน่าสนใจกว่ารถยนต์สันดาปและรถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่ต้องกังวลสาธารณูปโภคสนับสนุนแบบที่ชาร์จของอีวี หรือการกินน้ำมันที่น้อยกว่ารถยนต์สันดาป 

Toyota ยังกล่าวในงานแถลงข่าวมอเตอร์โชว์ว่า พวกเขายังเลือกเส้นทางการนำเสนอสินค้าหลากหลายรูปแบบโดยมองถึงการทำอีวีในอนาคต แต่ก็ยังคงนำเสนอพลังงานเก่า พลังงานไฮบริด และมองถึงความเป็นไปได้ในการสนับสนุนพลังงานไฮโดรเจนเพื่อนำประเทศไทยไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน

ในส่วนของเกมราคาของฝั่งจีนกลับอาจเป็นการเดินหมากผิดที่ทำให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจีนอาจชะงักลงไปบ้าง แม้ยอดของฝั่งจีนจะขยับขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยังถูกพี่ใหญ่อย่าง Toyota ทิ้งห่าง และท่าทีของยักษ์ใหญ่อย่าง BYD ที่ใครต่างมองว่าจะเข้ามาท้าชนเจ้าตลาดอย่างญี่ปุ่น กับมีท่าที ‘ดูเชิง’ ด้วยการเปลี่ยนกลยุทธ์การรายงานรายวันเป็นรวมยอดวันเดียว ทำให้ทั้งหลายสำนักรวมถึงนักเลงรถยนต์บนโลกออนไลน์ต่างเคลือบแคลงท่าทีนี้ว่า BYD อาจจะไม่มั่นใจยอดขายหรือเปล่า?

อย่างไรก็ตาม Motor Expo 2023 ปลายปีที่ผ่านมา Toyota ครองแชมป์ไปที่ 7,245 คัน ตามด้วยอันดับ 2 Honda 6,149 คัน ส่วนอันดับ 3 ก็ไล่ที่สองมาแบบหายใจลดต้นคออย่าง BYD ที่ 6,119 คัน มาดูกันว่าในวันสุดท้ายของการจัดแสดงนี้ ชาติไหนจะเข้าป้าย แล้วจะทิ้งห่างไปได้มากแค่ไหนกัน

เรียบเรียงจาก กรังปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล, Motor Expo 2023, Toyota

'ฟุตบอล' กีฬาแห่งการรวมใจคนทั้งชาติ  วิวัฒนาการพันปีที่มีจุดเริ่มจากแดนมังกร

หากพูดถึงกีฬาที่คนทั้งโลกนิยมทั้งเล่นและชม กีฬาประเภทนั้นคงไม่พ้นกีฬา 'ฟุตบอล' ซึ่งเป็นกีฬาเก่าแก่ชนิดหนึ่งของโลก เก่าแก่ขนาดไหน และมาอยู่ในประเทศไทยได้อย่างไร ผมพอจะเรียบเรียงเรื่องให้อ่านกันเพลิน ๆ ได้แบบนี้ 

พอนึกถึงต้นกำเนิดกีฬาฟุตบอล เราคงจะนึกถึงประเทศอังกฤษ ประเทศที่มีทีมฟุตบอลยอดนิยมอยู่หลายต่อหลายทีม แต่คุณรู้ไหม? จุดกำเนิดของฟุตบอลมันกลับมาจากกีฬาที่เล่นกันในประเทศจีนเมื่อตั้งแต่ประมาณ ๒,๖๐๐ ปีก่อนคริสตกาล 

กีฬาโบราณของจีนที่เชื่อว่ามันคือต้นกำเนิดของฟุตบอลมีชื่อเรียกว่า 'ชู่จีว์' (蹴鞠) จากบันทึก 'สื่อจี้' ของ 'ซือหม่าเชียน' ผู้บันทึกประวัติศาสตร์จีนตั้งแต่สมัยหวงตี้ (จักรพรรดิเหลือง) มาจนถึงสมัยจักรพรรดิฮั่นอู่ตี้ (ราชวงศ์ฮั่นตะวันตก) ได้บันทึกไว้ว่า 'ชู่จีว์' เป็นกิจกรรมเพื่อการผ่อนคลายรูปแบบหนึ่งของประชาชนทั่วไปโดยมีกำเนิดราว ๕,๐๐๐ ปีก่อน ในสมัยก่อนเกิดจักรพรรดิ จากนั้นถูกนำเข้าไปสู่การเล่นเผื่อการผ่อนคลายของทหารในช่วงราว ๒,๕๐๐ ปีก่อนในยุคสงครามระหว่างแคว้นครั้งใหญ่ และมาได้รับความนิยมถึงขีดสุดในยุคราชวงศ์ฮั่น ในช่วง ๒๐๖ ปีก่อนคริสตกาล

'ชู่จีว์' (蹴鞠) มีความหมายตรงตัวว่า 'เตะบอล' โดยมักถูกนำไปเล่นในกองทัพเพื่อเป็นการฝึกทหาร ในสมัยราชวงศ์ฮั่นไปจนถึงยุคสามก๊กกีฬาประเภทนี้ถือว่าเป็นกีฬายอดนิยมเลยทีเดียว เพราะมีการสร้างสนามแข่งขันที่มีในค่ายทหารทุกแห่ง เรียกว่า 'จูซาง' เพื่อไว้ใช้แข่งขันโดยเฉพาะ โดยมีเสาประตูเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว และมีลูกบอลทำจากขนนก กติกาการแข่งขันก็จะคล้าย ๆ ฟุตบอลในปัจจุบันคือ แบ่งออกเป็น ๒ ฝ่าย มีผู้เล่นฝ่ายละ ๑๒ คน ห้ามใช้มือสัมผัสลูกบอล แต่ผู้เล่นสามารถกระแทกกัน กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันได้ ชิงไหวชิงพริบ ชิงจังหวะเข้าทำประตู มีลักษณะคล้ายกับรักบี้ผสมฟุตบอล ฝ่ายไหนเตะบอลเข้าประตูของคู่แข่งได้มากกว่าฝ่ายนั้นก็คือผู้ชนะ 

ลูกบอลแบบขนนกถูกปรับมาเป็นลูกบอลหนังที่มีอากาศบรรจุไว้ภายในช่วงยุค 'ราชวงศ์ถัง' ซึ่งเป็นช่วงราชวงศ์ที่มีความเป็นปึกแผ่นสูง 'จูซาง' ได้ถูกสร้างไว้อย่างแพร่หลายในนครหลวง 'ฉางอัน' และมารุ่งเรืองถึงขีดสุดในช่วงสมัย 'ราชวงศ์ซ่ง' เพราะมีการแข่งขัน 'ชู่จีว์' ในรูปแบบ Tournament ซึ่งมีการเชียร์กันอย่างเอิกเกริกและเริ่มส่งต่อกีฬาประเภทนี้ไปยังประเทศอื่น ๆ ที่ได้เข้ามาค้าขายในประเทศจีน ณ ช่วงเวลานั้นอย่าง ญี่ปุ่น เกาหลี ไปจนถึงพ่อค้าชาวตะวันตก ซึ่งนักประวัติศาสตร์กีฬาสันนิษฐานว่า 'ชู่จีว์' น่าจะไปถึงยุโรปและพัฒนามาเป็นฟุตบอลในรูปแบบของประเทศอังกฤษในเวลาต่อมา 

จากหลักฐานยืนยันด้วยภาพวาดยุคโบราณ บันทึกและการค้นพบเหรียญบรอนซ์ที่แกะสลักเป็นรูป 'ชู่จีว์' ทำให้ ใน ค.ศ. ๒๐๐๔ การแถลงข่าวของงานมหกรรมฟุตบอลนานาชาติแห่งประเทศจีนครั้งที่ ๓ 'เซปป์ แบลตเตอร์' ประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) ในขณะนั้นได้ประกาศว่า 'จีนเป็นแหล่งกำเนิดของกีฬาฟุตบอล'

คราวนี้เราข้ามไปที่ฝั่งอังกฤษเพื่อรู้จักกับฟุตบอลที่แพร่หลายในปัจจุบันกันบ้าง โดยนักประวัติศาสตร์ระบุว่าคำว่า Football เกิดขึ้นโดย 'พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ ๒ แห่งอังกฤษ' เมื่อปี ค.ศ.๑๓๑๔ แต่คำว่า Football นี้กลับเป็นประกาศที่พระองค์ห้ามเล่นกีฬาประเภทนี้ !!! เพราะมันหนวกหูจากเสียงเชียร์และการตะโกนใส่กัน (งั้นก็แสดงว่าเขาเล่นกีฬาแย่งลูกบอลแบบนี้เล่นกันมาก่อนยุคของพระองค์แล้วสิ ???) 

ในยุคแรกกีฬาฟุตบอลของอังกฤษเริ่มต้นขึ้นในสถานศึกษาที่มีสนามหญ้า จนกระทั่งในวันที่ ๒๔ ตุลาคม ค.ศ. ๑๘๕๗ กลุ่มนักเรียนเก่าในเมืองเชฟฟีลด์ (Sheffield) รวมตัวกันก่อตั้ง 'สโมสรฟุตบอลเชฟฟีลด์” (Sheffield Football Club) ขึ้นเป็นสโมสรฟุตบอลแห่งแรกของอังกฤษและของโลก โดยมีการแข่งขันครั้งแรกระหว่าง 'สโมสรฟุตบอลเชฟฟีลด์' (Sheffield Football Club) กับ กับ 'สโมสรฟุตบอลฮัลลัม' (Hallam football club) ซึ่งอยู่ในเมืองเดียวกัน ในปี ค.ศ. ๑๘๖๒ 

แต่กระนั้นการแข่งขันฟุตบอลก็ยังมีกติกาสะเปะสะปะไปตามแต่ละพื้นที่แล้วแต่ใครจะยึดถือ เช่น กฎของเคมบริดจ์และกฎของเชฟฟีลด์ ซึ่งสร้างความสับสนให้กับผู้เล่น จนกระทั่ง FA ของอังกฤษถูกจัดตั้งขึ้นในปี ค.ศ. ๑๘๖๓ กฎและกติกาของฟุตบอลจึงเริ่มเป็นรูปธรรมจากการประชุมครั้งแรกในกรุงลอนดอน ซึ่งมีตัวแทนจาก ๑๒ สโมสรเข้าร่วม ซึ่งตัวตั้งตัวตีในการประชุมครั้งนั้นก็คือ 'อีเบเนเซอร์ โคบบ์ มอร์ลีย์' (Ebenezer Cobb Morley) ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น 'บิดาของสมาคมฟุตบอลและฟุตบอลสมัยใหม่: ซึ่งกติกาและรูปแบบการเล่นฟุตบอลก็ได้พัฒนาขึ้นจากวันนั้นมาจนถึงปัจจุบัน 

โดยการแข่งขันรายการฟุตบอลแรกของอังกฤษและของโลกก็คือการแข่งขันที่ชื่อว่า FA Cup เมื่อ ค.ศ. ๑๘๗๒ ซึ่งเป็นการแข่งขันในรูปแบบแพ้ตกรอบ แต่กระนั้นก็เป็นการแข่งขันที่ทุกสโมสรตั้งตารอเพื่อเข้าแข่งขัน เพราะมันคือรายการที่สโมสรไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ก็มีโอกาสเข้ารอบและตกรอบได้เหมือนกัน ก่อนที่จะเกิดระบบ League ที่มีการแข่งขันเพื่อเก็บสะสมคะแนนแล้วจัดลำดับในเวลาต่อมา

แล้วในประเทศไทยล่ะกีฬาฟุตบอลเข้ามายังไง ? และเริ่มขึ้นเมื่อไหร่ ? 

กีฬาฟุตบอลในไทยเริ่มต้นขึ้นในรัชสมัยของ 'พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว' รัชกาลที่ ๕ พระองค์ได้ส่งพระเจ้าลูกยาเธอ พระเจ้าหลานยาเธอ และข้าราชบริพารไปศึกษาวิชาการด้านต่าง ๆ ที่ประเทศอังกฤษ โดยหนึ่งในนั้นคือ 'ครูเทพ' เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) เป็นผู้ที่นำกีฬาฟุตบอลกลับเข้ามาเล่นในประเทศไทยเป็นคนแรก ทั้งยังจัดการแข่งขันฟุตบอลรายการแรกของประเทศไทยระหว่าง 'ทีมชาวบริเตนบางกอก' กับ 'ทีมกรมศึกษาธิการ' ในปี พ.ศ. ๒๔๓๓ โดยใช้กติกาของ FA 

เมื่อเริ่มแรกกีฬาฟุตบอลถูกคัดค้านเป็นอย่างมากด้วยเหตุผลที่ว่า สยามเป็นเมืองอากาศร้อน ทั้งยังก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้เล่น และผู้ชมได้ง่าย ฯลฯ เอาว่าอะไรใหม่ ๆ ก็อย่างนี้แหละมักจะโดนค้านไว้ก่อน แต่หลังจากนั้นทุกคำครหาก็ค่อย ๆ เงียบไป เพราะ 'พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว' รัชกาลที่ ๖ ซึ่งทรงเป็นนักเรียนเก่าจากอังกฤษทรงจัดตั้ง 'สโมสรคณะฟุตบอลสยาม' ซึ่งมีพระองค์และพระบรมวงศานุวงศ์ ทรงลงแข่งขันเป็นผู้เล่นเอง ทั้งส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันระดับประเทศและระดับนานาชาติขึ้นเป็นครั้งแรกในรัชสมัยของพระองค์อีกด้วย โดยรายการนานาชาติรายการแรกของสยามระหว่าง 'ทีมชาติสยาม' กับ 'ทีมราชกรีฑาสโมสร' เกิดขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๕๘ 

จากนั้นในปี พ.ศ. ๒๔๕๙ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ก่อตั้งสมาคมฟุตบอลแห่งชาติสยามขึ้น โดยทรงรับเข้าอยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์ และมี 'เจ้าพระยารามราฆพ' (หม่อมหลวงเฟื้อ พึ่งบุญ) เป็นนายกสมาคม ฯ คนแรก 

ในปลายปี พ.ศ. ๒๔๕๙ รัชกาลที่ ๖ พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ริเริ่มการแข่งขัน 'การแข่งขันฟุตบอลสำหรับพระราชทานถ้วยทองของหลวง' โดยถ้วยรางวัลทำด้วยทองคำแท้ขึ้น มี ๑๒ ทีมเข้าร่วม ได้แก่ นักเรียนนายร้อยทหารบก, นักเรียนนายเรือ, นักเรียนตำรวจภูธร, นักเรียนสารวัตร, กรมนักเรียนเสือป่าหลวง, เสือป่าเสนากลาง, เสือป่ากองพันพิเศษ รักษาพระองค์, กรมเสือป่าราบหลวง, กรมพรานหลวง, กรมเสือป่าม้าหลวง, กรมทหารมหาดเล็ก และกรมทหารรักษาวังซึ่งต่อมาการแข่งขันนี้จะรู้จักกันในชื่อฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ก. 

เมื่อแข่งขันกันครบ ๒๙ นัด ผลปรากฏว่า 'สโมสรนักเรียนนายเรือ' ที่กล่าวกันว่า 'เสด็จเตี่ย' กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ อดีตนักฟุตบอลโรงเรียนนายเรือของประเทศอังกฤษ คือผู้นำกีฬาลูกหนังเข้าไปสู่รั้วโรงเรียนนายเรือ มีคะแนนเป็นอันดับที่ ๑ จากการลงสนามแบบพบกันหมด จึงได้ครองถ้วยทองของหลวงเป็นสโมสรแรก

จากฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ก. ซึ่งเรียกว่า 'ถ้วยใหญ่' ในปี พ.ศ. ๒๔๕๙ เรายังมีการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานระดับชั้นที่ ๒ ของประเทศไทย โดยจัดการแข่งขันครั้งแรกในปีเดียวกัน โดยสโมสรทหารราชวัลลภ ได้ตำแหน่งชนะเลิศในรายการนี้เป็นสโมสรแรก ซึ่งในขณะนั้นเรียกว่าการแข่งขันชิง 'ถ้วยน้อย' ก่อนที่การแข่งขันในประเทศไทยจะเกิดขึ้นอย่างแพร่หลาย

จนในปี พ.ศ. ๒๕๐๕ ในรัชสมัยของ 'พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร' รัชกาลที่ ๙ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้ขอพระราชทานถ้วยพระราชทานเพิ่มเติม คือ ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ค. และ ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ง. ทำให้ต้องมีการเปลี่ยนชื่อ 'ฟุตบอลถ้วยใหญ่' และ 'ฟุตบอลถ้วยน้อย' เป็น ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ก. และ ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ข.

ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๓๙ สมาคมฟุตบอลฯ ดำเนินการจัดแข่งขัน ฟุตบอลอาชีพในระบบลีกขึ้น โดยผ่านช่วงล้มลุกคลุกคลาน ปรับเปลี่ยน มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ก่อนจะลดบทบาท ลดทอนและพัฒนามาจนเป็นการแข่งขัน 'ไทยลีก' อย่างในปัจจุบัน

ที่เล่ามาทั้งหมดนี้เพียงแค่อยากจะเล่าให้ทุกท่านได้สัมผัสว่า 'ฟุตบอล' มันเป็นอะไรที่มากกว่ากีฬา มันมีแหล่งกำเนิดที่หลากหลายมากกว่าที่เราจะบันทึกสรุปได้ในบทความสั้น ๆ แต่กระนั้นผมก็เชื่อว่ากีฬาชนิดนี้ยังคงเดินหน้าและเติบโตต่อไป ทั้งในเรื่องผลประโยชน์ โอกาสทางเศรษฐกิจ โอกาสแห่งชีวิต ฯลฯ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น 'ฟุตบอล' คือกีฬาที่ช่วยรวมใจคนทั้งชาติได้ เป็น 'กีฬาที่เป็นมากกว่ากีฬา' ของจริง 

‘นิพนธ์-มาดามเดียร์-สรรเพชญ’ เปิดเวทีระดมสมอง รับฟังความคิดเห็น จากปชช.  เพื่อนำข้อมูลไปพัฒนา นำปัญหาไปแก้ ย้ำ!! ทำตามอุดมการณ์ เป็นฝ่ายค้านให้ดีที่สุด

เมื่อวานนี้ 7 เม.ย.67 ที่ จ.สงขลา นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย น.ส.วทันยา บุนนาค อดีตประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง พรรคประชาธิปัตย์ นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีต สส. และนายสรรเพชญ บุญญามณี สส.สงขลา เปิดเวทีระดมความคิดหัวข้อ “อยากเห็นสงขลาเป็นแบบไหน…แหลงได้เลยน้อง” โดย นายนิพนธ์ ถามนำว่า พี่น้องอยากเห็นอะไรในเมืองสงขลา และอยากเห็นประเทศไทยเดินไปทางไหนทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมฯ

น.ส.วทันยา กล่าวว่า ประเทศที่พัฒนาแล้วและประชากรมีคุณภาพชีวิตที่ดี ส่วนใหญ่กระจายอำนาจและการสร้างการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นประเทศคอมมิวนิสต์หรือประชาธิปไตย เช่น จีนมีการปกครองส่วนท้องถิ่น แต่ละมณฑลตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง เช่น เซินเจิ้น พัฒนาเป็นเมืองแห่งเทคโนโลยี ตัดสินใจเรื่องการใช้จ่ายเงินภาษีได้เอง สวิตเซอร์แลนด์มีการปกครองประชาธิปไตยแบบทางตรง ไม่ว่าจะเป็นเลือก สส. หรือผู้แทนรัฐ ประชาชนร่วมโหวตได้ทันที

“แม้ทั้งสองประเทศ มีระบอบการปกครองตรงข้ามกัน แต่ทั้งคู่กระจายอำนาจไปยังการปกครองท้องถิ่น สร้างความก้าวหน้าของประเทศ ย้อนกลับมามองที่ประเทศไทย ภาคใต้หารายได้เข้าประเทศมากมาย แต่รายได้กลับเข้าไปที่ส่วนกลาง และค่อยจัดสรรมาอีกที เราควรมีสิทธิร่วมกันออกแบบเมือง และชีวิตที่เราอยากได้ อีกไม่นานจะถึงการเลือกตั้ง อบจ. เป็นช่วงเวลาที่ดีที่เราจะผลักดันเรื่องนี้ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ”

นายสรรเพชญ กล่าวว่า จะนำปัญหาไปหารือในสภา เพื่อย้ำถึงปัญหาและความต้องการของประชาชนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และย้ำว่า ไม่ลืมพี่น้องที่โหวตให้เข้าไปในสภา ไม่ว่าอะไรจะขึ้นก็จะอยู่ตรงนี้ ทำตามอุดมการณ์ เป็นฝ่ายค้านให้ดีที่สุด เพราะเชื่อว่าอยู่ตรงไหนก็ทำงานได้เหมือนกัน หากเราไม่ได้แสวงหาประโยชน์เราก็พร้อมทำหน้าที่ทุกแบบอยู่แล้ว “ขายวัวขายที่ ผมขายได้ แต่ศักดิ์ศรีผมไม่ขาย ให้สมกับชาวสงขลาที่ไว้ใจผม”

ด้านนายสามารถ กล่าวถึงการแก้ปัญหาภาคใต้โดยรัฐบาล ว่า โครงการรถไฟฟ้าโมโนเรลหาดใหญ่ที่ นายนิพนธ์ เสนอตั้งแต่เป็นนายก อบจ. จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้อนุมัติงบประมาณ แต่ตนกลัวว่ารัฐบาลจะเอางบไปสร้างที่เชียงใหม่ ทั้งที่สงขลา-หาดใหญ่ หาเงินเข้าประเทศได้เป็นล้านล้านบาท แต่งบประมาณหมื่นล้านเพื่อรถไฟฟ้าสายแรกในต่างจังหวัดกลับสร้างไม่ได้ ค่าตั๋วเครื่องบินกรุงเทพฯ-หาดใหญ่ ก็มีราคาแพงเพราะรัฐบาลตั้งเพดานราคาไว้สูง โครงการแลนด์บริดจ์ก็ไม่มีคนสนใจมาลงทุนเพราะมันจะไม่คุ้มทุน รัฐบาลต้องปรับโครงการด้วยการให้ความสำคัญกับการสร้างท่าเรือน้ำลึกและมอเตอร์เวย์ รวมไปถึงโครงการรถไฟทางคู่เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและโครงสร้างพื้นฐานของภาคใต้

ขณะที่เสียงจากภาคประชาชนสะท้อนว่าอยากให้ระดับด้านความปลอดภัย และพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวให้สะอาดสวยงามน่าเที่ยว ปรับภูมิทัศน์ด้วยการเอาสายไฟฟ้าลงดิน พร้อมทั้งพัฒนาระบบจราจรและขนส่งมวลนให้ง่ายต่อการเข้าถึงสถานที่ต่างๆ เพื่อเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยว สร้างอาชีพ และดูแลให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีด้วยสวัสดิการ

ก่อนปิดการระดมความคิดเห็นนายนิพนธ์ บุญญามณีได้กล่าวสรุปว่าวันนี้คือความตั้งใจที่จะมารับฟังความคิด ความเห็นในแต่ละปัญหา ของแกนนำในอำเภอมืองสงขลาส่วนพื้นที่อื่นๆก็จะได้เปิดการรับฟังความคิดความเห็นในครั้งต่อๆไปเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาผ่านกลไกต่างๆต่อไป

สังคมเกาหลีเดือด กระแส 4B Movement ลาม ทำอัตราเด็กแรกเกิดเกาหลีใต้ต่ำที่สุดในโลก

ขบวนการสตรีนิยม (กลุ่ม เฟมินิสต์) ในเกาหลีใต้ กำลังตกเป็นจำเลยสังคมเมื่อถูกกล่าวหาว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้เกาหลีใต้มีอัตราเด็กแรกเกิดน้อยที่สุดในโลก เนื่องจากจุดกระแส 4B Movement ที่ให้ผู้หญิงเกาหลีลุกขึ้นมาปฏิเสธการแต่งงาน และการมีลูก 

กระแส 4B Movement ย่อมาจากแนวทางการปฏิเสธบรรทัดฐานของสังคมต่อผู้หญิง 4 ประการของเกาหลีใต้ได้แก่...

- Bihon (非婚) - ปฏิเสธการแต่งงานกับผู้ชาย
- Bichulsan (非出産) - ปฏิเสธการมีลูก
- Biyeonae (非戀愛) - ปฏิเสธการดูตัวกับผู้ชาย
- Bisekseu ( 非sex) - ปฏิเสธการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย 

โดยกระแส 4B Movement เริ่มเกิดขึ้นราวๆ ปี 2019 ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก 'คิมจียอง เกิดปี 82' นิยายแนวเฟมินิสม์ เรื่องดังของเกาหลีใต้ ของ 'โช นัม-จู' ที่มียอดจำหน่ายสูงกว่า 1 ล้านเล่ม ต่อมาถูกนำมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ นำแสดงโดยดาราชื่อดังระดับแถวหน้าของเกาหลีใต้อย่าง ช็อง ยู-มี และกงยู มาแล้ว 

และเคยเป็นนิยายที่ทำให้เกิดกระแสต่อต้านจากกลุ่ม 'ชายแท้' และ 'กลุ่มอนุรักษ์นิยม' ในเกาหลีใต้อย่างรุนแรง ถึงกับประกาศบอยคอดนักแสดงหญิงทุกคนที่อ่านนิยายเล่มนี้ออกสื่อ หรือจะไม่ยอมแต่งงานกับผู้หญิงที่เคยอ่านนิยายเล่มนี้โดยเด็ดขาด 

แต่ในขณะเดียวกัน นิยายเล่มนี้ก็ได้รับเสียงตอบรับที่ชื่นชมอย่างถล่มทลายจากนักวิจารณ์วรรณกรรม และ กลุ่มนักอ่านผู้หญิง และเป็นต้นกำเนิดของกระแส 4B Movement ของกลุ่มสตรีนิยมสุดโต่งในเกาหลีใต้ในเวลาต่อมา ที่คาดว่าน่าจะสมาชิกราวๆ 5 พัน - 5 หมื่นคนทั่วประเทศ

แม้จะมีเคลื่อนไหวในกลุ่มสตรีนิยมของเกาหลีใต้มานานหลายปีแล้ว แต่อยู่ดีๆ ก็มีการพูดถึงกระแส 4B ขึ้นมาอีก เมื่อมียูทูปเบอร์ 2 สาวชื่อดัง จอง เซ-ยองและ แบ็ก ฮา-นา ได้แสดงความคิดเห็นของพวกเธอผ่านช่อง SOLOdarity ว่าการแต่งงานเป็น 'สาเหตุที่แท้จริงของระบบปิตาธิปไตย' หรือระบบที่ผู้ชายเป็นใหญ่ และ 2 สาวยูทูบเบอร์ยังสนับสนุนให้ผู้หญิงเกาหลีลุกขึ้นมาปฏิเสธค่านิยมที่ว่าด้วยเรื่องหน้าที่ของผู้หญิงที่ฝังรกลึกมาแต่โบราณ รวมถึง การต้องแต่งงาน หรือ ต้องมีลูกให้ได้

จึงทำให้มีการหยิบประเด็นเรื่อง 4B กลับมาถกเถียงกันอย่างร้อนแรงใน Tiktok ของเกาหลีใต้อีกครั้งโดยดาว TikTok สาวชื่อ Jeanie ได้ออกมาวิจารณ์ว่า การปฏิเสธผู้ชายนั่นต่างหากที่อาจทำให้ผู้หญิงสูญพันธุ์ และเกาหลีก็จะสิ้นชาติ แต่ประเด็นคือ กระแส 4B เกิดจากการที่สังคมเกาหลีมีแนวคิดเหยียด และรังเกียจผู้หญิงมาตลอด จึงทำให้ผู้หญิงเกาหลีใต้จำนวนมากลุกขึ้นมาต่อต้านความสัมพันธ์ระหว่างชาย-หญิง และ บรรทัดฐานทางสังคมที่มีต่อผู้หญิงเกาหลี

ซึ่งตอนนี้กระแส 4B ก็เริ่มลุกลามออกไปนอกเกาหลีแล้ว จากการแชร์ในโซเชียลมีเดียต่างๆ ที่มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก และกำลังถูกกล่าวหาว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้เกาหลีใต้มีอัตราเด็กเกิดใหม่ต่ำที่สุดในโลกในปี 2023 ที่ผ่านมาด้วยอัตราเด็กแรกเกิดเพียง 0.78 เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยโลกที่ 2.3 และสอดคล้องกับผลสำรวจความเห็นของผู้หญิงเกาหลีใต้ล่าสุด กว่า 65% ระบุว่าไม่ต้องการมีลูก

สื่อเกาหลีใต้ชี้ว่า กระแส 4B ส่วนหนึ่งก็เกิดจากการตอบโต้ของผู้หญิงเกาหลี ต่อความรุนแรงในสังคมที่ผู้หญิงมักเป็นเหยื่อผู้ถูกกระทำ อาทิ คดีฆาตกรรมหญิงสาวในห้องน้ำสาธารณะเมื่อไม่นานมานี้ โดยชายหนุ่มที่อ้างว่าโกรธแค้นเพราะฝ่ายหญิงหมางเมิน ไม่สนใจเขา 

อย่างไรก็ตาม กระแส 4B Movement ก็ยังถือว่าเป็นเพียงกลุ่มเคลื่อนไหวเล็กๆ ในเกาหลีใต้เท่านั้น ไม่อาจระบุว่าเป็นตัวแทนกลุ่มประชากรหญิงของเกาหลีใต้ทั้งหมดได้ ซึ่งปัจจัยที่ทำให้เกาหลีใต้มีเด็กเกิดน้อย หรือ ผู้หญิงเกาหลีใต้ไม่อยากแต่งงาน หรือ ไม่อยากมีลูก ไม่ได้เกิดจากกระแสเรื่อง 4B Movement เพียงอย่างเดียว แต่ต้องพิจารณาเรื่องปัจจัยด้านเศรษฐกิจ สังคม สวัสดิการช่วยเหลือของรัฐบาล หรือค่านิยมโดยรวมที่เปลี่ยนไปของคนหนุ่ม-สาวรุ่นใหม่ด้วย 

เพราะเรื่องของหัวใจ และ ความรักระหว่างหญิง-ชาย กับ ความพร้อมในการดูแลลูกนั้น ไม่ใช่เรื่องเดียวกัน 

 

ตำรวจภาค 4 เปิดปฏิบัติการปูพรมตรวจค้นจับกลุ่มแก๊งปล่อยเงินกู้ทวงหนี้นอกระบบทั่วอีสานเหนือรวม 12 จุด  ยึดทรัพย์กว่า 13 ล้านบาท 

ตามนโยบายรัฐบาล และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รรท.ผบ.ตร. ที่สั่งการให้ทุกพื้นที่กวดขันจับกุมแก๊งปล่อยเงินกู้ นอกระบบ ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน  พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4 จึงได้สั่งการให้ตำรวจภูธรภาค 4 เปิดปฏิบัติการปูพรมปิดล้อมตรวจค้นแก๊งปล่อยเงินกู้นอกระบบทั่วภาคอีสานเหนือ ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.67 ถึงวันที่ 10 เม.ย.67

ผลการระดมกวาดล้างจับกุมแก๊งปล่อยเงินกู้นอกระบบได้มีการปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย 12 เป้าหมาย ดำเนินคดีแก๊งปล่อยเงินกู้นอกระบบรวม 69 คดี ดำเนินคดีข้อหาให้ผู้อื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกอัตราดอกเบี้ยเกินกฎหมายกำหนด จำนวน 57 คดี, ข้อหาให้ผู้อื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกอัตราดอกเบี้ยเกินกฎหมายกำหนดและประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล(รับจำนำรถ)ฯ จำนวน 12 คดี, ตรวจยึดของกลาง ซึ่งเป็นทรัพย์สินจากการปล่อยนเงินกู้นอกระบบ และการรับจำนำรถได้เป็นจำนวนมาก อาทิเช่น รถยนต์ 51 คัน รถจักรยานยนต์ 76 คัน อาวุธปืน 1 กระบอก มูลค่ารวมประมาณ 13 ล้านบาท ทั้งนี้ ตำรวจภูธรภาค 4 จะยังคงเดินหน้ากวาดล้างจับกุมแก๊งปล่อยเงินกู้นอกระบบอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดปัญหาความเดือนร้อนของประชาชน ต่อไป

‘นพ.วรงค์’ โพสต์เฟซ ‘ทักษิณ’ ยกดัมเบล เล่นน้ำเริงร่ากับหลาน ชี้นี่คือ ‘นักโทษที่สภาพย่ำแย่’ หรือเป็น ‘นักโทษที่เย้ยกฎหมาย’ 

(8 เม.ย.67) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับกรณีที่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย โพสต์ภาพ นายทักษิณ ชินวัตร ยกดัมเบล เล่นกับหลานในสระน้ำ โดย นพ.วรงค์ ได้ระบุว่า ...

#คนอื่นตายช่างมัน

การที่อุ้งอิ้งโพสต์ภาพ นักโทษที่อยู่ในระหว่างพักโทษกรณีพิเศษ ยกดัมเบลเล่นกับหลานในสระน้ำ .........นี่หรือนักโทษที่ต้องพักโทษกรณีพิเศษเพราะอายุเกิน70 ปีและช่วยตัวเองไม่ได้

ไม่รู้ว่าอุ้งอิ้งรู้หรือไม่ว่า หลักการพักโทษกรณีพิเศษ จากเงื่อนไขอายุเกิน 70 ปี และช่วยตัวเองไม่ได้ จากการประเมินคะแนนช่วยเหลือตัวเองได้ 9 คะแนน นั่นหมายถึงสภาพที่ย่ำแย่

มีปัญหาทั้งการกินอาหาร ใส่เสื้อผ้า เดินไปมา ขึ้นลงบันได ลุกจากเตียง ล้างหน้าแปรงฟัน อาบน้ำ ใช้ห้องน้ำ กลั้นอุจจาระ กลั้นปัสสาวะ

เขาใช้หลักมนุษยธรรม เพื่อให้มาใช้ชีวิตบั้นปลาย สำหรับคนที่ช่วยตนเองไม่ได้ และไม่ให้เป็นภาระกับทางเรืนจำ จึงให้การพักโทษกรณีพิเศษ

สุดท้ายนี้ อนุกรรมการพักโทษ รวมทั้งอธิบดี รัฐมนตรี ต้องมารับผิดชอบแทน เพราะพวกคุณประเมินคะแนน ต่ำกว่าความเป็นจริง เข้าหลักขอให้กูรอด คนอื่นตายช่างมัน 

การท้าทายกฏหมาย ก็คือการท้าทายประชาชน

ทำความรู้จัก ‘แร่แคดเมียม’ ราคาสูง มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นที่ต้องการ ในอุตสาหกรรม ‘ผลิตแบตเตอรี่-ผลิตสี-ชุบโลหะ’

(8 เม.ย.67) แร่แคดเมียม เป็นแร่โลหะ มักพบปะปนในสายแร่สังกะสี ตะกั่ว และทองแดง แม้จะเป็นอันตรายต่อมนุษย์ แต่ก็เป็นที่ต้องการใน 3 อุตสาหกรรม คือ
• การผลิตแบตเตอรี่แบบชาร์จไฟซ้ำได้ หรือแบตเตอรี่แบบนิเกิล-แคดเมียม (Ni-Cd) ซึ่งชาร์จซ้ำได้มากและจ่ายกระแสไฟได้สูงกว่าแบตเตอรี่ลิเทียม รวมถึงสามารถใช้งานได้ทั้งในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงและต่ำ แต่มีข้อเสียคือ ความจุพลังงานน้อยกว่าแบตลิเทียมและเสียความจุหากชาร์จไม่ถูกวิธี รวมถึงเป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม
• การชุบโลหะเนื่องจากแคดเมียมมีคุณสมบัติต้านทานการกัดกร่อนสูง จึงสามารถนำไปชุบเคลือบโลหะอื่นเพื่อป้องกันสนิมหรือการกัดกร่อน รวมถึงมีแรงเสียดทานต่ำจึงนิยมใช้เคลือบชิ้นส่วนเครื่องจักรที่มีการเสียดสี เช่น เฟือง ลูกปืน ฯลฯ อีกทั้งยังอ่อนตัวทำให้เคลือบชิ้นงานที่พื้นผิวซับซ้อนได้ง่าย
• การผลิตสีซึ่งเม็ดสีจากแคดเมียมจะให้สีเหลืองสด สีส้ม และสีแดง ซึ่งทดทานต่อแสงและการกัดกร่อนของสารเคมี

ด้วยความต้องการในภาคอุตสาหกรรมนี้ทำให้ราคาและมูลค่าตลาดแคดเมียมโลกมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยตามข้อมูลของ Statista เมื่อปี 2023 ราคาเฉลี่ยของแคดเมี่ยมในสหรัฐอเมริกาอยูที่ 4.1 ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้นจากราคา 3.4 ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลกรัม ในปี 2022 และรายงาน 360 Industry Research  ประเมินว่าตลาดแคดเมียมโลกเมื่อปี 2021 มีมูลค่า 41.52 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะเติบโตเป็น 47.83 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2027 สอดคล้องกับรายงานของ Reports and Data ที่คาดว่าตลาดแคดเมียมจะเติบโตเฉลี่ย 4.28% ต่อปีไปจนถึงปี 2030

ส่วนตลาดแคดเมียมในเอเชียตะวันออกนั้น indexbox.io รายงานว่าตลาดเติบโตต่อเนื่องในช่วงปี 2021-2022 หลังการหดตัวต่อเนื่องในช่วง 4 ปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตามปริมาณการใช้งานค่อนข้างทรงตัว

กากจากการทำเหมืองเป็นแหล่งแคดเมียมหลัก
ทั้งนี้ แคดเมียมที่มีการซื้อขายในตลาดโลกและใช้ในอุตสาหกรรมส่วนใหญ่มาจาก 2 แหล่ง คือ ผลพลอยได้ของการทำเหมืองแร่สังกะสี เหมืองตะกั่ว เช่นเดียวกับกากแคดเมียมที่พบลักลอบขนย้ายในประเทศไทย ซึ่งเป็นกากแร่ที่เหลือจากการทำเหมืองสังกะสี-ถลุงโลหะสังกะสีของบริษัทเบาด์ แอนด์ บียอน จำกัด (มหาชน) ที่เดิมถูกฝังกลบในบ่อกักเก็บกากแร่ไปแล้ว ส่วนอีกแหล่งจะมาจากการรีไซเคิลผลิตภัณฑ์ที่มีแคดเมียมอยู่

อย่างไรก็ตามแนวโน้มราคานี้มีความผันผวนสูง เนื่องจากหลายประเทศและหลายอุตสาหกรรมต่างพยายามลดการใช้งานแคดเมียมลง เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

โดยอัตรายจากแคดเมียมต่อมนุษย์นั้นเกิดเมื่อรับแคดเมียมเข้าสู่ร่างกายใน 2 ช่องทาง คือ การหายใจเอาไอซึ่งจะเกิดเมื่อได้รับความร้อน 321 องศาเซลเซียสขึ้นไป หรือฝุ่นของสารนี้ รวมถึงจากควันบุหรี่เข้าไป และการกินทั้งโดยตรงและกรณีปนเปื้อนในอาหาร

เมื่อแคดเมียมเข้าสู่ร่างกายจะไปสะสมที่หมวกไต ทำให้ไตสูญเสียการทำงาน และอาจทำให้เกิดไตวายเรื้อรัง และเป็นพิษต่อกระดูก โดยทำให้เกิดโรคกระดูกพรุน มีความผิดปกติของกระดูกสันหลังทำให้ร่างกายโก่งเตี้ยลง และมีอาการปวดกระดูกรุนแรงโดยเฉพาะที่กระดูกสะโพก ซึ่งเป็นอาการของโรคอิไต-อิไต

จนกระทั่งเข้าสู่อาการระยะสุดท้าย ได้แก่ เบื่ออาหาร น้ำหนักลด การเผาผลาญผิดปกติ โดยส่วนใหญ่จะเสียชีวิตจากภาวะไตวาย

‘Cullen hateberry’ โพสต์ชี้แจง ดรามากรณี ‘ไกด์เกาะเต่า’ ยัน 3 หนุ่ม ‘คัลแลน-พี่จอง-น้องแดน’ สนุกแฮปปี้ กับบริษัททัวร์

(8 เม.ย.67) กลายเป็นดรามาในโลกออนไลน์ หลังช่อง Cullen hateberry ปล่อยคลิป เราจะดำน้ำ กระโดดหน้าผา ตามหาน้องเต่า-น้องฉลาม | ชุมพร Day 3 ปรากฎว่า มีกระแสวิพาษก์วิจารณ์ไกด์ทัวร์ ที่พา คัลแลน พี่จอง และ น้องแดน เที่ยวเกาะเต่า อย่างหนัก

ต่อมาเพจ The Journey Koh Tao โพสชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าว ระบุว่า บริษัทกราบขออภัยพี่จอง พี่คัลแลน พี่แดน และทีมงาน รวมถึงแฟนคลับของพี่ๆด้วยนะครับ บริษัทขอน้อมรับคำติชมและนำไปปรับปรุงแก้ไขครับ

ล่าสุด ทีมงานช่อง Cullen hateberry โพสต์ชี้แจงใต้คลิปดังกล่าว ระบุว่า สวัสดีครับ จากทีมงานช่อง Cullen hateberry เราจะมาชี้แจงประเด็นในส่วนของไกด์ในคลิปชุมพร ep.3 ครับ

เราได้พูดคุยกับไกด์และบริษัททัวร์ ซึ่งในวันนั้นไกด์ที่จะนำทัวร์ไม่สามารถมาได้ ดังนั้นน้องที่เป็นเด็กเรือจึงมาเป็นไกด์ให้เราแทนครับ

“ซึ่งทางบริษัททัวร์ได้ขอโทษสำหรับการทำงานของน้องที่อาจจะไม่ได้ตรงตามการทำงานของไกด์ นอกจากนี้น้องยังเป็นแฟนคลับของช่อง Cullen Hateberry มาเป็นเวลานาน น้องได้ทำการขอโทษจากใจจริงที่อาจทำให้หลายๆคนอึดอัด ทางบริษัททัวร์ได้ทำการขอโทษต่อทีมงาน Cullen Hateberry ที่อาจรบกวนการถ่ายทำ และเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกไม่สบายใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น”

และนี่เป็นการแสดงความขอโทษจากบริษัททัวร์ครับ

ทางทีมงานช่องCullen Hateberry ก็ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่งที่ไม่สามารถสื่อสารและอธิบายสถานการณ์ให้ผู้ชมทราบได้อย่างถี่ถ้วนในวิดีโอ

ทั้ง คัลแลน พี่จอง และน้องแดน ไม่ทราบในประเด็นนี้ เพราะในทริปนี้ทั้ง 3 คน สนุกสนานและแฮปปี้กับทางบริษัททัวร์และไกด์ครับ

ในอนาคต เราจะทำงานให้มากขึ้นเพื่อสร้างคอนเทนต์ที่สนุกสนานครับ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top