Saturday, 7 June 2025
TheStatesTimes

‘ดร.เอ้’ เห็นต่าง ‘กาสิโนเสรี’ ชี้ ประเทศไทยยังไม่พร้อม ย้ำ!! ต้องศึกษาให้ละเอียด ‘ไม่ฉาบฉวย-ไม่เร่งร้อน’ เกรงกระทบต่อสังคม

(31 มี.ค.67) ศาสตราจารย์ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กทม. ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวแสดงความเห็นในฐานะ พลเมืองไทยและพ่อคนหนึ่ง ที่ในขณะนี้นายกรัฐมนตรี พูดเรื่อง "กาสิโนเสรี" 

ดร.เอ้ สุชัชวีร์ กล่าวว่า ไทยเรายังไม่พร้อม ทั้งเรื่องโครงสร้างกฎหมาย และการบังคับใช้จากเจ้าหน้าที่รัฐ อีกทั้งเรายังไม่มีภูมิคุ้มกันให้แก่เยาวชน สุดท้ายจะกลายเป็น "ปัญหาร้ายแรง" ที่แก้ไขยาก เช่นเดียวกับ "กัญชาเสรี" และอาจรุนแรงกว่าด้วยซ้ำ! 

อีกทั้งไม่ได้การันตีว่า "บ่อนออนไลน์" และ "บ่อนเถื่อน" จะหมดไปแต่อย่างใด อาจเฟื่องฟูกว่าเดิมก็เป็นไปได้ โดยสุดท้าย ส่งผลให้ "คุมผลกระทบไม่ได้" เกิดการบานปลาย และสังคมพัง

ขณะเดียวกัน ยกตัวอย่างจาก “ผู้นำสิงคโปร์” เตรียมความพร้อม "ด้านการศึกษา" มาเป็นอันดับแรก เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันแก่พลเมือง และ มุ่งสร้างรายได้ประชาชาติจาก "เศรษฐกิจมูลค่าเพิ่ม" ที่แท้จริง ก่อนจะทำเรื่องอื่น

หากจะเลียนแบบสิงคโปร์ ที่มีกาสิโน ก็ควร "ศึกษาปัญหาอย่างละเอียดถี่ถ้วน" ไม่ฉาบฉวย ไม่เร่งร้อน รับฟังประชาชนรอบด้าน ทั้งสิงคโปร์เป็นประเทศเล็ก พลเมืองน้อย เจ้าหน้าที่รัฐเข้มแข็ง ทำหน้าที่ตรงไปตรงมา ปกป้องลูกหลาน ได้อย่างเต็มที่ เราทำแบบเขาได้ไหม? 

ซึ่งให้ความคิดเห็นต่อ “นายกรัฐมนตรีไทย”  ที่เน้นแต่จะสร้าง "รายได้เฉพาะหน้า" โดยไม่คำนึงถึง “การพัฒนาคน” และจะส่งผลกระทบ ต่อเด็ก ครอบครัว สังคม และประเทศชาติ ซึ่งจุดนี้ตนอดห่วงในลูกหลานเสียไม่ได้

ดร.เอ้ สุชัชวีร์ ขอพูดในฐานะ พลเมืองไทยและพ่อคนหนึ่ง ที่ไม่ต้องการให้ประเทศไทย เดินทางแบบมั่วซั่ว ลองผิดลองถูก สุดท้ายลูกๆหลานๆ ต้องมาเสียคน อะไรก็ทดแทนกันไม่ได้

‘อัครเดช’ เอาจริง เตรียมลุยระยอง บุกตรวจสอบ โรงงานจีน หลังพบ ฝ่าฝืนกฎหมาย ‘การก่อสร้าง-ก่อมลภาวะ-ใช้นอมินีสวมสิทธิ์’

(31 มี.ค.67) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) การอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงกรณีโรงงานถลุงเหล็กของนักลงทุนจีน ที่จังหวัดระยองถล่มว่า ได้ขอให้ สส.ระยองที่เป็น กมธ.อุตสาหกรรมลงพื้นที่ไปเก็บข้อมูลมาเสนอ กรรมาธิการอุตสาหกรรมพิจารณา เพราะมีข้อมูลว่ามีนักลงทุนจากประเทศจีนมาลงทุนก่อสร้างโรงงานกระทำการผิดกฎหมายจำนวนมาก กมธ.กำลังติดตามพฤติกรรมของนักลงทุนจีนเหล่านี้ที่ฝ่าฝืนกฎหมาย มีข้อมูลว่ามีอยู่หลายราย ไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต การประกอบกิจการผิดประเภท การก่อมลภาวะให้ชุมชน และการใช้นอมินีมาสวมสิทธิ์การประกอบกิจการ รวมถึงการทำผิดกฎหมายอื่นๆอีกหลายอย่าง

นายอัครเดช กล่าวว่า ล่าสุดพบว่ามีโรงงานของนักลงทุนจีนแห่งหนึ่งมีการขนย้ายและดำเนินการเรื่องกากแร่ที่เป็นวัตถุอันตรายที่ผิดกฎหมาย อาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อสุขภาพของประชาชนอย่างมาก ซึ่งกรรมาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังตรวจสอบอยู่ ซึ่งกมธ.กำลังไล่ตรวจสอบโรงงานลักษณะนี้ทั่วประเทศ โดยตรวจสอบร่วมกับเจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรม ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีการจับกุมนักลงทุนจีนรายหนึ่งที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่จังหวัดชลบุรี และกำลังตรวจสอบอีก 2 แห่งในจังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดฉะเชิงเทรา

“เราพบว่ามีนักลงทุนจากประเทศจีนกระทำผิดกฎหมายอยู่หลายแห่ง ทำธุรกิจที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชน กรณีที่เกิดขึ้นกมธ.ได้เร่งเก็บข้อมูลเพื่อประชุมพิจารณาดำเนินการโดยประสานเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ทั้งกรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการคดีและดำเนินการจับกุมต่อไป” นายอัครเดชกล่าว

เมื่อถามว่า การทำผิดลักษณะนี้ กมธ.ได้รับแจ้งข้อมูลจำนวนมากหรือไม่ นายอัครเดช กล่าวว่า กมธ.ได้รับแจ้งข้อมูลจำนวนมากมีทั้งอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงของกมธ. อยู่ระหว่างการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ และที่ตำรวจจับกุมไปแล้วก็มี ล่าสุดที่จังหวัดสมุทรสาครทางกรมโรงงานอุตสาหกรรมคำสั่งให้หยุดประกอบกิจการชั่วคราวและมีอยู่อีกหลายรายที่กมธ.ได้ติดตามอยู่ กรณีจังหวัดฉะเชิงเทรา กมธ.อุตสาหกรรมได้ลงไปตรวจสอบอย่างจริงจังแล้ว

เมื่อถามว่า การที่เราเข้มงวดจะทำให้กระทบต่อการลงทุนของนักลงทุนจีนหรือไม่ นายอัครเดช กล่าวว่า ในระยะยาวเราต้องการนักลงทุนที่มีคุณภาพมาลงทุน ประเทศไทยไม่ต้องการนักลงทุนที่มาเอาเปรียบและทำร้ายคนไทยเป็นภัยต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ และเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศในหลายๆด้านกมธ.กำลังตรวจสอบนักลงทุนจากจีนที่ทำผิดกฎหมายมีอยู่จำนวนมาก ที่ดำเนินการอยู่มี 5-6 รายแล้ว

เมื่อถามย้ำว่า คิดว่าทางการจีนเข้าใจการดำเนินการของไทยหรือไม่ ประธานกมธ.อุตสาหกรรม กล่าวว่า ในอนาคตคงต้องหารือกับทางการจีนว่า ต้องคัดเลือกนักลงทุนที่มีคุณภาพ และให้ทางการจีนพิจารณาดำเนินการลงโทษคนที่ทำผิด ล่าสุดกมธ.ได้ประชุมร่วมกับบีโอไอ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า คณะกรรมการแข่งขันทางการค้า ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และอีกหลายหน่วยงาน โดยได้กำหนดแนวทางเบื้องต้นแก่นักลงทุนที่เข้ามาลงทุนแล้วทำผิดกฎหมายทำร้ายสุขภาพคนไทย ทำลายสิ่งแวดล้อมของไทยไม่ให้เข้ามาประกอบธุรกิจในไทย โดยเสนอให้ภาครัฐยกเลิกวีซ่า และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

‘นิด้าโพล’ เปิดมุมมอง สะท้อนความคิดเห็น ‘ขรก.-จนท.รัฐ’ เบื่อขั้นตอนมากมาย-เบื่อเจ้านาย แต่ ‘ไม่อยากย้าย-ไม่อยากออก’

(31 มี.ค.67) ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “ข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ เบื่ออะไร?” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 14-18 มีนาคม 2567 จากข้าราชการ ลูกจ้าง พนักงานรัฐวิสาหกิจทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับความรู้สึกเบื่อของข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐต่อระบบราชการไทย เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0

เมื่อถามถึงความคิดเห็นของข้าราชการ ลูกจ้าง พนักงานรัฐวิสาหกิจเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้รู้สึกเบื่อในระบบ หรืองานราชการ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 39.47 ระบุว่า ขั้นตอนการปฏิบัติราชการที่มากมายและยุ่งยากซับซ้อน , รองลงมา ร้อยละ 31.53 ระบุว่า ระบบอุปถัมภ์ในระบบราชการ , ร้อยละ 28.24 ระบุว่า เงินเดือนน้อย , ร้อยละ 22.44 ระบุว่า ตัวชี้วัดทั้งหลาย , ร้อยละ 20.38 ระบุว่า โครงสร้าง การปกครองหรือสั่งการตามลำดับชั้น

ร้อยละ 18.93 ระบุว่า การประสานงานที่ไม่เป็นระบบ , ร้อยละ 17.02 ระบุว่า การแข่งขันกันเพื่อแย่งชิง ความดีความชอบและตำแหน่งที่สำคัญ , ร้อยละ 16.49 ระบุว่า การคอร์รัปชันในระบบราชการ , ร้อยละ 16.18 ระบุว่า เจ้านาย , ร้อยละ 15.73 ระบุว่า ไม่เบื่ออะไรเลย , ร้อยละ 14.05 ระบุว่า เพื่อนร่วมงาน , ร้อยละ 11.07 ระบุว่า การทำงานแบบผักชีโรยหน้า , ร้อยละ 10.23 ระบุว่า การแทรกแซง ของนักการเมือง ผู้มีอิทธิพล , ร้อยละ 8.47 ระบุว่า ลูกน้อง , ร้อยละ 7.25 ระบุว่า งานที่มีความเสี่ยงจะผิดกฎระเบียบ และร้อยละ 6.41 ระบุว่า ประชาชนที่ไม่เข้าใจในระบบงาน กฎระเบียบของราชการ

ด้านความศรัทธาต่อระบบราชการไทย พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 49.47 ระบุว่า ค่อนข้างศรัทธา , รองลงมา ร้อยละ 22.52 ระบุว่า ศรัทธามาก , ร้อยละ 21.53 ระบุว่า ไม่ค่อยศรัทธา , ร้อยละ 6.34 ระบุว่า ไม่ศรัทธาเลย และร้อยละ 0.14 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

ท้ายที่สุดเมื่อถามความคิดเห็นเกี่ยวกับการลาออก หรือการย้ายไปอยู่หน่วยงานอื่นของรัฐ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 63.04 ระบุว่า ไม่อยากลาออกและไม่อยากย้ายหน่วยงาน , รองลงมา ร้อยละ 14.89 ระบุว่า อยากลาออกจากหน่วยงานของรัฐ , ร้อยละ 13.44 ระบุว่า อยากย้ายไปอยู่หน่วยงานอื่นของรัฐ , ร้อยละ 8.32 ระบุว่า ลาออกหรือย้ายหน่วยงานก็ได้ และร้อยละ 0.31 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

‘มิสแกรนด์นครราชสีมา’ แต่งเป็น ‘อนุสาวรีย์ย่าโม’ ชาวโซเชียลแห่ชม ‘บอสณวัฒน์’ ยกให้ สุดจริงทุกมิติ

(31 มี.ค.67) กำลังเป็นไวรัลถูกพูดถึงไปทั่วโลกโซเชียลขณะนี้ สำหรับเวทีการประกวด มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2024 ในรอบ ชุดประจำจังหวัด เพื่อค้นหาที่สุดแห่งชุดประจำชาติ (Miss Grand Thailand 2024 : National Costume Competition)

งานนี้สาวงามจากทั่วประเทศ ก็งัดของดีของเด็ด มาประชันกัน ซึ่งสาวงามที่ถูกจับตามองในค่ำคืนนี้ คือ พลอย-นันทิชา ยังวัฒนา มิสแกรนด์นครราชสีมา 2024 มาในชุด “ย่าโม”

งานนี้ก็ทำเอาโลกโซเชียลฮือฮา คอมเมนต์ชื่นชมกันยกใหญ่ อาทิ
• คิดว่ายกรูปปั้นอนุสาวรีย์มาจากโคราช ทำถึงมาก
• เราคนโคราชไม่ดราม่านะคะ คุณย่าใจดีไม่ใช่การล้อเลียนแต่เป็นการสื่อให้รู้ในสิ่งที่คนโคราชนับถือคู่บ้านเมืองค่ะ
• ขนลุกเลยค่ะ ทำถึงมาก จากใจคนโคราช
• คิดว่าย่ามาจริง
• สวยขลัง มีพลังความเป็นแม่ย่ามากค่ะ
• ชุดหน้าเหมือนมากค่ะ เป๊ะปังเวอร์ งดงาม ขนลุกเลยค่ะ
แถมงานนี้ไม่ธรรมดา เพราะความปังก็เตะตา บอส ณวัฒน์ อิสรไกรศีล สุด ๆ เจ้าตัวถึงขั้นเอ่ยปากชมผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุข้อความว่า “ชุดประจำชาติของจังหวัดนครราชสีมาเมื่อคืนนี้บอกได้คำเดียวว่าสุดจริงทุกมิติ”

นครพนม​ -ผู้บัญชาการทหารบก/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติภารกิจของกำลังป้องกันชายแดนไทย-ลาว 

เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2567 พลเอกเจริญชัย  หินเธาว์  ผู้บัญชาการทหารบก/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก พร้อมคณะ  ด้วยพลโท อดุลย์ บุญธรรมเจริญ แม่ทัพภาคที่ 2/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 มอบหมายให้ พลโท บุญสิน   พาดกลาง   แม่ทัพน้อยที่ 2 /รองผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 เป็นผู้แทนพร้อมด้วย พลตรี พรชัย    มาหลิน  รองแม่ทัพภาคที่ 2, และพลตรี นรธิป  โพยนอก ผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 ส่วนแยก 1 ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติภารกิจและให้กำลังใจหน่วยกองกำลังป้องกันชายแดน ไทย-ลาว ในพื้นที่จังหวัดนครพนม โดยได้รับฟังการบรรยายสรุปผลการดำเนินงานด้านยาเสพติด ของหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งตัน และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (นบ.ยส.24) เพื่อรับทราบข้อมูล สถานการณ์ในพื้นที่ ปัญหาข้อขัดข้องต่างๆ ของหน่วย พร้อมทั้งได้มอบแนวทางการปฏิบัติ การแก้ไขปัญหายาเสพติด

โดยเน้นการบูรณาการขับเคลื่อนการดำเนินงาน ในการแก้ไขปัญหายาเสพติด ร่วมกับทุกภาคส่วนในพื้นที่เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์และเป็นรูปธรรม เพื่อสนองนโยบายของรัฐบาล ภายใต้การนำของนายเศรษฐา  ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการลดความเดือดร้อน จากปัญหายาเสพติดให้เห็นผลเป็นรูปธรรมภายใน 1 ปี จึงกำหนดปฏิบัติการ Quick Win ประกาศพื้นที่พิเศษที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด กำหนดให้จังหวัดนครพนม ในพื้นที่ 4 อำเภอชายแดน ได้แก่ อำเภอท่าอุเทน ธาตุพนม บ้านแพงและอำเภอเมืองนครพนม  เป็นพื้นที่พิเศษ เร่งด่วนในการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยมีการจัดตั้งหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด เคมีภัณฑ์และสารตั้งต้นชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อให้เกิดการดำเนินการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด เคมีภัณฑ์และสารตั้งต้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่บัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งตัน และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ค่ายพระยอดเมืองขวาง ตำบลกุรุคุ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม 

จากนั้น ผู้บัญชาการทหารบก/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบกและคณะ ได้เดินทางไปตรวจพื้นที่หาดบ้านหนาด ตำบลบ้านกลาง อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม โดยรับฟังการบรรยายสรุปผลการปฏิบัติภารกิจในห้วงที่ผ่านมา ประกอบภูมิประเทศ ( Board walk ) จากหน่วยกองบังคับการควบคุมที่ 1 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี เพื่อรับทราบข้อมูลการปฏิบัติงาน ปัญหาข้อขัดข้องต่างๆ ของหน่วย พร้อมทั้งมอบนโยบาย ข้อเน้นย้ำ และมอบแนวทางการปฏิบัติภารกิจ ให้ยกระดับเข้มงวด เพิ่มการคุมเข้ม ช่องทางผ่านเข้า – ออกชายแดนแม่น้ำโขง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันชายแดน ในพื้นที่รับผิดชอบของหน่วย เช่น การกระทำผิดกฎหมาย การลักลอบนำเข้ายาเสพติด การหลบหนีเข้าออกนอกราชอาณาจักร เพิ่มมาตรการในการปฏิบัติจุดเฝ้าระวังช่องทางธรรมชาติ ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งทางบกและทางน้ำ
จากนั้นผู้บัญชาการทหารบก/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก และคณะ ได้เดินทางไปตรวจพื้นที่อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม รับฟังการบรรยายสรุปผลการปฏิบัติภารกิจในห้วงที่ผ่านมา ประกอบภูมิประเทศ ( Board walk ) โดยพันเอก สุริวัชร์  อัครพรเดชาพงษ์  ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 21/ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 มอบหมายให้ ร้อยโท วันชาติ  เหมือนปืน ผู้บังคับกองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2101 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 บรรยายสรุปผลการปฏิบัติภารกิจในห้วงที่ผ่านมา จากนั้นผู้บัญชาการทหารบก/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบกและคณะ ได้พบปะให้โอวาท มอบนโยบาย ข้อเน้นย้ำ และมอบแนวทางการปฏิบัติภารกิจ ให้กับกำลังป้องกันชายแดนที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดนไทย - ลาว ตามลำแม่น้ำโขง ให้ยกระดับเข้มงวด เพิ่มการคุมเข้ม ช่องทางผ่านเข้า – ออกชายแดนแม่น้ำโขง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันชายแดน ในพื้นที่รับผิดชอบของหน่วย เช่น การกระทำผิดกฎหมาย การลักลอบนำเข้ายาเสพติด การหลบหนีเข้าออกนอกราชอาณาจักร เพิ่มมาตรการในการปฏิบัติจุดเฝ้าระวังช่องทางธรรมชาติ ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งทางบกและทางน้ำ และเน้นการบูรณาการด้านการข่าวร่วมกับทุกภาคส่วน ที่ฐานปฏิบัติการกองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2101 หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 21 อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม  ซึ่งในห้วงที่ผ่านจังหวัดนครพนม ได้ประกาศพื้นที่พิเศษ ใน 4 อำเภอชายแดน เป็นพื้นที่พิเศษเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหายาเสพติด

โดยมีการจัดตั้งหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด เคมีภัณฑ์และสารตั้งต้นชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเป็นการบูรณาการกำลังทั้งทหาร ตำรวจภูธรจังหวัด สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 4 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดนครพนม เสริมความเข้มแข็งตามแนวชายแดนมากยิ่งขึ้น ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 จนถึงปัจจุบัน  ในโอกาสนี้ผู้บัญชาการทหารบก/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก ได้มอบสิ่งของบำรุงขวัญ ให้กับกำลังป้องกันชายแดนที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดนรับผิดชอบของ กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ และกล่าวขอบคุณกำลังพลที่ปฏิบัติภารกิจสำคัญในการดูแลแนวชายแดนไทย- ลาว ซึ่งมีความทุ่มเท เสียสละ ปกป้องประเทศชาติจากภัยคุกคาม ยาเสพติด หรือสิ่งผิดกฎหมาย ซึ่งแสดงถึงการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ รวมทั้งการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือนร้อน ตามแนวชายแดนไทย-ลาว ในทุกสถานการณ์ 

เดวิท​ โชคขัย​ รายงาน​092-5259777

‘บรูโน มาส์’ โชว์เปียโน เพลงพระราชนิพนธ์ สร้างความประทับใจ ให้กับแฟนเพลงชาวไทย 

(31 มี.ค.67) สำหรับคอนเสิร์ตศิลปินชื่อดัง บรูโน มาส์ ที่จัดขึ้นในประเทศไทย ในวันที่ 30 และ 31 มีนาคม 2567 ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน คอนเสิร์ตในครั้งนี้ มีการเล่นเพลงพระราชนิพนธ์ Still on my mind ของในหลวงรัชกาลที่ 9 สร้างความประทับใจให้กับแฟนเพลงชาวไทยเป็นอย่างมาก 

ดัชนีค่าครองชีพของไทย อยู่อันดับที่ 94  ชี้ เศรษฐกิจกำลังดี มีแนวโน้ม น่าลงทุน 

(31 มี.ค.67) Business Tomorrow รายงานว่า ค่าครองชีพไทยอยู่อันดับ 94 จาก 146 ประเทศ อันดับที่ 5 ในกลุ่มอาเซียน

โดยกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า Numbeo ซึ่งเป็นเว็บไซต์ฐานข้อมูลด้านค่าครองชีพโลกที่มีชื่อเสียง ได้จัดทำดัชนีค่าครองชีพ (Cost of Living Index) ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกช่วงต้นปี 2024 พบว่า ดัชนีค่าครองชีพของไทย อยู่ที่ 36% ต่ำกว่าดัชนีเมืองนิวยอร์ก สหรัฐฯ ที่ใช้เป็นฐานเท่ากับ 100% โดยอยู่อันดับที่ 94 จาก 146 ประเทศทั่วโลก ถือว่าอยู่ระดับต่ำ โดยลดลงจาก 40.7% หรืออยู่อันดับที่ 79 จาก 140 ประเทศทั่วโลก ในปี 2023

ประเทศในกลุ่มอาเซียน
อันดับที่ 7 สิงคโปร์ 
อันดับ 48 บรูไน 
อันดับ 87 เมียนมา 
อันดับ 88 กัมพูชา 
อันดับ 94 ไทย
อันดับ 104 ฟิลิปปินส์ 
อันดับ 113 เวียดนาม 
อันดับ 115 มาเลเซีย 
อันดับ 126 อินโดนีเซีย 

ประเทศที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดในโลก 3 อันดับแรก 
1.เบอร์มิวดา ภูมิประเทศที่มีข้อจำกัด พึ่งพาการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคจากต่างประเทศ เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ 
2.สวิตเซอร์แลนด์ มีรายได้ต่อหัวสูง มีระบบสวัสดิการที่ดี การเมืองและเศรษฐกิจมีเสถียรภาพ นักท่องเที่ยวต่างชาติเยอะ 
3.หมู่เกาะเคย์แมน หมู่เกาะเคย์แมนเป็น 1 ใน 10 ประเทศที่ถูกจัดว่าร่ำรวยที่สุดในโลก มีชื่อเสียงด้านบริการทางการเงิน และด้วยภูมิประเทศที่เป็นหมู่เกาะในทะเลแคริบเบียน ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับชาวต่างชาติ 

ประเทศที่มีค่าครองชีพต่ำที่สุดในโลก 3 อันดับแรก
1.ปากีสถาน มีปัญหาหนี้สินที่อยู่ระดับสูง การคอร์รัปชัน และความไม่มั่นคงทางอาหาร 
2.ไนจีเรีย การเติบโตทางเศรษฐกิจค่อนข้างอ่อนแรงลงจากปัจจัยต่าง ๆ การขาดแคลนอาหาร และปัญหาความยากจนที่มีแนวโน้มสูงขึ้น 
3.ลิเบีย จัดว่าเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยระดับสูงสุด และเศรษฐกิจที่ยังคงอ่อนแอ 

การจัดทำดัชนีค่าครองชีพ (Cost of Living Index) ดังกล่าว คำนวณจากค่าใช้จ่ายสินค้าอุปโภคบริโภค อาทิ ค่าอาหาร ค่าเดินทาง เสื้อผ้าและรองเท้า กีฬาและสันทนาการ และค่าสาธารณูปโภค (ไม่รวมค่าเช่าที่อยู่อาศัย) ซึ่งสำรวจข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ อาทิ หน่วยงานภาครัฐ ซูเปอร์มาร์เก็ต ผู้ประกอบการ และผู้บริโภค โดยเปรียบเทียบกับดัชนีค่าครองชีพของเมืองนิวยอร์ก สหรัฐฯ ซึ่งใช้เป็นฐานอยู่ที่ร้อยละ 100

'6 เดือนรัฐบาล' กระตุ้นเศรษฐกิจไม่เป็นตามหวัง ซ้ำ!! 'เงินดิจิทัลวอลเล็ต' ยังกระทบงบประมาณ 67

'เศรษฐกิจไทย' ยังคงทรงตัว และไม่มีสัญญาณใด ๆ ที่จะส่งผลดี กระตุ้นให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้เพิ่มขึ้น ภาคอสังหาริมทรัพย์ สต็อกบ้าน คอนโด เหลือขายเป็นจำนวนมาก โครงการเปิดขายใหม่ ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล เพิ่มขึ้น 10.80% แต่หน่วยขายได้ กลับลดลง -14.50% เตรียมเข็นมาตรการลดค่าจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์ จาก 2% เหลือ 1% และค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์ จาก 1% เหลือ 0.01% โดยขยายสำหรับที่อยู่อาศัยที่มีราคาซื้อขายเกิน 3 ล้านบาท โดยให้สิทธิเฉพาะ 3 ล้านบาทแรก เท่านั้น

ด้านพลังงาน มาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซล ก๊าซหุงต้ม จะสิ้นสุด 31 มีนาคม 2567 คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) คาดการว่า กองทุนน้ำมันฯ จะติดลบในระดับ 100,000 ล้านบาท จึงอาจไม่สามารถขยายเวลาในการตรึงราคาน้ำมันดีเซล ให้ไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร ได้ 

หากจำเป็นต้องตรึงราคาดีเซลต่อ ต้องอาศัยกลไกจากกระทรวงการคลัง โดยการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล มาช่วยตรึงราคาควบคู่กับกลไกกองทุนน้ำมัน 

ส่วนค่าไฟฟ้า มาตรการจะสิ้นสุด 30 เมษายน 2567 ซึ่ง คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้ประชุมเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2567 มีแนวโน้มจะสามารถตรึงฐานค่าไฟได้ต่อ ถึงเดือนสิงหาคม 2567 

ด้านการท่องเที่ยว คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้เห็นชอบการเปิดให้การส่งเสริมการลงทุนใน 'กิจการจัดงานมหกรรมดนตรี กีฬา และเทศกาลนานาชาติ' ที่มีการลงทุนเกิน 100 ล้านบาทในไทย สามารถยื่นขอบีโอไอได้ ได้รับสิทธิ์เว้นอากรขาเข้า อุปกรณ์-เครื่องจักร พร้อมช่วยอำนวยความสะดวกวีซ่า ใบอนุญาตทำงาน เพื่อยกระดับประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางในการจัดงานระดับโลก (World Class Events) และเป็นศูนย์กลางเมืองท่องเที่ยวของภูมิภาค (Tourism Hub) 

มาตรการที่มีในปัจจุบัน ยังคงไม่ทำให้คะแนนนิยมทั้งของรัฐบาล และตัวนายกรัฐมนตรีกระเตื้องขึ้น กับการที่บริหารประเทศมากว่า 6 เดือน ซึ่งจำเป็นต้องเข็นมาตรการเงินดิจิตอลวอลเล็ต เพื่อช่วยให้ความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลในด้านเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น 

โดยวันที่ 10 เม.ย. 67 จะมีการประชุมคณะกรรมการโครงการดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่ ที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน โดยวาระสำคัญคือการเคาะแหล่งที่มาของเงินในโครงการนี้ ซึ่งขณะนี้มีอยู่ 2 - 3 ทางเลือกระหว่างการใช้เงินกู้ และงบประมาณรายจ่ายประจำปี หลังจากที่ได้ข้อสรุปเรื่องแหล่งเงิน และไทม์ไลน์ในโครงการนี้แล้ว โครงการจะเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งเท่ากับว่าเป็นการยืนยันว่าโครงการนี้รัฐบาลจะเดินหน้าตามขั้นตอนทางกฎหมายเพื่อให้สามารถแจกเงินได้ทันภายในไตรมาสที่ 4 ของปีก่อนเทศกาลปีใหม่ 2568

ภาวะเศรษฐกิจประเทศไทยที่ยังคงไม่กระเตื้อง อีกสาเหตุหนึ่ง คือ การเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 ที่ล่าช้า แต่เมื่อการหาแหล่งเงินทุนในโครงการแจกเงินดิจิตอลวอลเล็ต 10,000 บาท ซึ่งเป็นนโยบายหาเสียงที่สำคัญของพรรคเพื่อไทย ที่เข้ามาเป็นรัฐบาล อาจจะต้องไปใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีร่วมด้วย นั่นหมายความว่า งบประมาณประจำปี ที่คาดการณ์ว่าจะมีการเบิกจ่ายตามกรอบงบประมาณ ของหน่วยงานต่าง ๆ ต้องถูกตัดไปใส่ในโครงการดิจิตอลวอลเล็ต เท่ากับว่า เม็ดเงินที่จะออกมาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มขึ้นไม่มากตามที่คาดการณ์ เพราะส่วนหนึ่งใช้จากงบประมาณรายจ่ายประจำ ที่จะต้องมีการเบิกจ่ายอยู่แล้ว 

หากเป็นเช่นนี้ ก็คงต้องคิดเผื่อด้วยว่า งบประมาณรายจ่ายประจำปี ของแต่ละหน่วยงาน อาจจะต้องมีการเบิกจ่ายล่าช้าออกไปอีก เพราะทุกหน่วยงานต้องรอจัดสรรการใช้จ่ายในแต่ละโครงการอีกครั้ง ว่าโครงการใด ต้องชะลอเพื่อกันเงินไว้สำหรับโครงการดิจิตอลวอลเล็ต โครงการใดที่จะสามารถเบิกจ่ายได้จริง ส่งผลการเบิกจ่ายงบประมาณที่ล่าช้า ยิ่งต้องล่าช้าออกไปอีก 

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาในช่วงนี้ แทบจะไม่มีผลต่อเศรษฐกิจในประเทศเท่าใดนัก และกับการที่อาจต้องคาดการณ์ว่า การเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 จะล่าช้าออกไปอีก ... ความกดดันที่ก่อตัวเพิ่มขึ้น กำลังถาโถมต่อรัฐบาล และทีมเศรษฐกิจ

ตอนได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ โควิด-19 สถานการณ์หนักพอควรแล้ว สถานการณ์ตอนนี้ ก็คงไม่ต่างกัน นโยบายที่ออกมาเพียงเพื่อหาเสียงเพื่อให้ได้เข้าไปนั่งในสภา ถึงเวลาที่ต้องทบทวนกฎกติกา หรือยัง ?

'สืบนครบาล' โพสต์เฟซ ช่วยสาวคิดสั้น หลังเจอปัญหา เรื่องเครียดรุมเร้า  ตร.เข้าเกลี้ยกล่อม เตือนใจ ‘อย่าไปเสียเวลา ให้กับสิ่งที่ไม่ได้ ทำให้เราดีขึ้น’

เมื่อวานนี้ เฟซบุ๊กเพจ 'สืบนครบาล IDMB'โพสต์เล่าเหตุการณ์ช่วยสาวคิดสั้น ตั้งใจนั่งรถมาโดดสะพาน เพื่อจบชีวิตที่แม่น้ำเจ้าพระยา หลังเครียดเหตุเลิกแฟนหนุ่ม และเพื่อนยืมเงินไม่คืน โดยได้ระบุว่า ...

เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2567 เวลาประมาณ 07.00 น. ร.ต.ท บรรเจิด คงเจริญ รอง สวป. และ จ.ส.ต.มงคล อัปมะโน ผบ.หมู่ (ป.) สน.วัดพระยาไกร ได้รับแจ้งจากพนักงานวิทยุฯ ว่ามีหญิงคิดสั้นจะกระโดดสะพาน จึงได้รีบเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบหญิงคนดังกล่าวนั่งอยู่บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา ติดกับสวนสาธารณะใต้สะพานกรุงเทพ จึงได้เข้าไปเกลี้ยกล่อม ใช้เวลาประมาณ 10 นาที หญิงคนดังกล่าวจึงยอมขึ้นมากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ 

จากการสอบถาม แจ้งว่าเพิ่งเลิกรากับแฟนหนุ่ม และพักอยู่ด้วยกันแถวคลองเตย บวกกับถูกเพื่อนสาวยืมเงินไปจำนวน 5,000 บาท และไม่ยอมคืน จึงเกิดความเครียด นั่งวินจักรยานยนต์จากคลองเตย มาที่สะพานกรุงเทพ ช่วงเวลาประมาณ 05.30 น. เพื่อจะก่อเหตุดังกล่าว 

ร.ต.ท.บรรเจิด จ.ส.ต.มงคลฯ จึงให้การทำช่วยเหลือจนปลอดภัยและไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้พาตัวน้องมาสงบสติอารมณ์ ที่ สน.วัดพระยาไกร และ น้องได้โทรติดต่อเพื่อน เพื่อจะไปขอพักอาศัยกับเพื่อนแถวประชาอุทิศต่อไป

โดยในตอนท้าย ยังได้ฝากข้อคิดเตือนใจไว้ด้วยว่า 

"อย่าไปเสียเวลา ให้กับสิ่งที่ไม่ได้ทำให้เราดีขึ้น"

เจ้าหน้าที่จีน เผยตัวเลข นทท.เข้า-ออกสูงเกือบ 3 ล้าน เหตุจาก นโยบายฟรีวีซ่า-ชำระเงินง่าย สะดวกสบาย 

เมื่อเร็วๆนี้ สำนักข่าวซินหัว ได้รายงานว่า สือเจ๋ออี้ เจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของจีน อ้างอิงข้อมูลจากสำนักบริหารการตรวจคนเข้าเมืองแห่งชาติจีน ระบุว่าจีนพบยอดการเดินทางขาเข้าและขาออกของผู้มาเยือนต่างชาติ รวมอยู่ที่ 2.95 ล้านครั้ง ในช่วงสองเดือนแรก (มกราคม-กุมภาพันธ์) ของปี 2024

สือเผยว่าตัวเลขข้างต้นเพิ่มขึ้น 2.3 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า และฟื้นตัวสูงถึงร้อยละ 41.5 ของระดับก่อนเกิดโรคระบาดใหญ่ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากนโยบายฟรีวีซ่าที่จีนขยายครอบคลุมประเทศอื่นๆ เพิ่มเติมเมื่อไม่นานนี้ อาทิ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี เนเธอร์แลนด์ สเปน มาเลเซีย และสิงคโปร์ และยอดนักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศเหล่านี้ยังเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญในช่วงเทศกาลตรุษจีน

สือกล่าวว่าจีนจะดำเนินงานเพื่อขจัดอุปสรรคและจัดการกับปัญหาในด้านวัฒนธรรมและการท่องที่ยว โดยเฉพาะการทำให้กระบวนการชำระเงินตามสถานที่ท่องเที่ยว สถานที่จัดการแสดงทางวัฒนธรรม และโรงแรมสะดวกสบายยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ จีนจะจัดหาผลิตภัณฑ์และบริการด้านการท่องเที่ยวเพิ่มเติม พร้อมเพิ่มความพยายามในการโฆษณาและส่งเสริมตลาดระหว่างประเทศ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top