Sunday, 8 June 2025
TheStatesTimes

‘เจ้านาย-เจ้าขุน’ เตรียมตบเท้า เข้ารับการตรวจเลือก  กองทัพ เผย ปีนี้ต้องการ ทหารเกณฑ์ 8.9 หมื่นนาย

(31 มี.ค.67) เข้าสู่ฤดูกาลตรวจเลือกทหารกองเกิน (ทหารเกณฑ์) เข้ารับราชทหารกองประจำการ ประจำปี 2567 ระหว่างวันที่ 1-12 เมษายน 67 (เว้น 6 เม.ย.) โดยความต้องการของกองทัพในปีนี้ อยู่ที่ 8.9 หมื่นนาย ทำให้ชายไทยที่เข้าเกณฑ์ มีอายุครบ 21 ปี หรือนิสิตนักศึกษา หรือบุคคลที่จะขอผ่อนผันนั้น ต้องเดินทางไปติดต่อแสดงตนต่อคณะกรรมการตรวจเลือก

สำหรับปีนี้ ยังคงมีชายไทยซุปเปอร์สตาร์แวดวง นักแสดง นักร้อง นักกีฬา และลูกคนเด่น คนดัง นักการเมืองเข้าเกณฑ์เหมือนเดิม อาทิ ‘เจ้านาย’ จินเจษฎ์ วรรธนะสิน นักร้อง และ ‘เจ้าขุน’ จักรภัทร วรรธนะสิน นักร้อง ‘มีน’ นิชคุณ ขจรบริรักษ์ นักแสดง, ‘ภูมิ’ เกียรติภูมิ บันลือชัยฤทธิ์ นักแสดง, ‘โดนัท’ภัทรพลฒ์ เดชพงษ์วรานนท์ นักแสดง, ‘อาร์ตติส’ ธนากรณ์ ญาติกลาง นักร้อง, ‘ไรอัน’ กาจบัณฑิต จำปาศิลป์ นักร้องลูกทุ่ง, แทค พงศกร สุเกียง นักแสดง, ‘อชิ’ อชิรวัตติ์ มัสยวาณิช และ นายสราลัญ วัชรพล นายสรัญวุฐิ วัชรพล

‘ขนุน สิรภพ’ แนวร่วมม็อบ 3 นิ้ว เครียดจัด กินข้าวไม่ได้ หายใจไม่ออก เร่งให้ทนาย ยื่นประกันตัว ลั่น ‘ผมยอมหมด-ผมไม่อยากอยู่ที่นี่’ 

(31 มี.ค.67) ล่าสุด ทนายความเข้าเยี่ยม ขนุน สิรภพ ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เป็นครั้งแรก หลังศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษาคดีมาตรา 112 กรณีการปราศรัยในการชุมนุม 18พฤศจิกาไปราษฎรประสงค์ โดยศาลสั่งจำคุก 3 ปี ก่อนลดเหลือ 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา และไม่อนุญาตให้ประกันตัวระหว่างอุทธรณ์

ทนายความถามสิรภพประโยคแรกว่า เป็นอย่างไรบ้าง สิรภพตอบว่า เครียด และปกติเป็นภูมิแพ้อยู่แล้ว พอต้องเข้ามาอยู่ในเรือนจำที่ค่อนข้างแออัด ทำให้เป็นผื่นตามตัว บางครั้งก็มีอาการหายใจไม่ค่อยออก

“ตอนแรกผมยังไม่ได้ตัดผม บอกกับทางเรือนจำว่า ให้รอก่อน 3 วัน แต่พอ 3 วัน ไม่มีข่าวเรื่องประกัน ผมก็รู้ว่าไม่ได้ออก เลยให้พี่เขามาช่วยตัดผม” “ผมกินข้าวไม่ค่อยได้ อยู่มา 5 วัน กินข้าวได้ 3 มื้อเอง ส่วนใหญ่ผมกินน้ำ ข้าวน้ำที่ซื้อเข้ามาให้ ผมก็แจกคนในห้อง นอนวันหนึ่งได้แค่ไม่กี่ชั่วโมง รู้สึกแย่ พอผ่านไปวันที่สามไม่ได้ออก พี่ๆ ในห้องก็ช่วยปลอบ ในห้องขังที่ผมอยู่ มีกันอยู่ 18 คน ทุกคนก็ดีกับผม มีพี่คนหนึ่ง และฝรั่งอีกคนที่คุยกับผมบ่อย ถ้าจะมีอะไรที่เป็นข้อดีสักอย่างในนี้ ก็คือมีเพื่อนฝรั่งที่ทำให้ได้ฝึกภาษาอังกฤษ”

“ผมยังไม่ได้เจอใครในนี้ มีพี่เก็ท โสภณ ฝากของมาให้ มีคนส่งข่าวว่า พี่เก็ทและพี่อานนท์ รู้แล้วว่าผมอยู่ในนี้ แต่ผมยังไม่ได้เจอ เพราะต้องกักตัว และไม่รู้ว่าจะได้อยู่แดนเดียวกันหรือเปล่า”

หลังศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษาว่า สิรภพมีความผิดในคดีมาตรา 112 ลงโทษจำคุก 2 ปี และส่งเรื่องการประกันตัวให้ศาลอุทธรณ์พิจารณา ศาลอุทธรณ์มีคำสั่ง “พิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหา และพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ข้อหามีอัตราโทษสูง ลักษณะการกระทำผิดของจำเลยที่ 1 นำมาซึ่งความเสื่อมเสียสู่สถาบันพระมหากษัตริย์ กระทบกระเทือนจิตใจของประชาชน ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุก 2 ปี หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว มีเหตุอันควรเชื่อว่า จำเลยจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลย ในระหว่างอุทธรณ์ ให้ยกคำร้อง”

หลังทนายอ่านข้อความนี้ให้สิรภพฟัง สิรภพบอกว่า “โอเค งั้นยื่นขอติด EM อยู่ในบ้าน 24 ชั่วโมง ห้ามออกนอกประเทศก็ได้ ให้ผมไปรายงานตัว บำเพ็ญประโยชน์อะไรก็ได้ ผมยอมหมด ยื่นให้สุด ผมไม่อยากอยู่ที่นี่ ไม่มีคนรู้จัก มันไม่สมเหตุสมผล”

ทนายได้อธิบายสถานการณ์ว่า ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ไม่มีคดี 112 ที่ศูนย์ทนายฯ ให้ความช่วยเหลือ ที่ส่งศาลสูงพิจารณาคำร้องขอประกันแล้วได้ประกันเลย สิรภพเข้าใจ แต่ก็ยังคุยกันเรื่องการยื่นขอประกันอีกครั้ง

ทนายอ่านจดหมายจากเพื่อนๆ ให้ขนุนฟัง สิรภพยังถามถึงความเคลื่อนไหวด้านนอก ถามถึงการอดอาหารของตะวัน ความคืบหน้าคดีของคนอื่น ฝากข้อความถึงครอบครัวและคนรัก สิรภพอยากได้รับจดหมายทาง โดมิเมล์ แต่ต้องรอพ้นเวลากักตัว และสิ่งที่อยากสื่อสารต่อสาธารณะ สิรภพบอกเพียงสั้นๆ ว่า “ผมอยากเรียนต่อ” จนถึงปัจจุบันสิรภพ ถูกคุมขังระหว่างอุทธรณ์มาแล้ว 7 วัน

สำหรับเหตุการณ์ที่ทำให้สิรภพถูกดำเนินดี เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 พ.ย. ปี 63 สิรภพและชูเกียรติได้เข้าร่วมการชุมนุม ที่บริเวณแยกราชประสงค์ ก่อนมีการเดินขบวนไปยังหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ การชุมนุมดังกล่าว จัดขึ้นภายหลังเจ้าหน้าที่เข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มราษฎร ที่จะไปชุมนุมที่หน้ารัฐสภาในวันที่ 17 พ.ย. ปี 63

ในการชุมนุมดังกล่าว ผู้ชุมนุมผลัดเปลี่ยนกันขึ้นปราศรัย บนรถบรรทุกติดเครื่องขยายเสียง ระหว่างการเคลื่อนขบวน โดยสิรภพได้กล่าวถึงบทบาทของกษัตริย์ที่มีต่อระบอบประชาธิปไตยของไทย บทบาทที่เกี่ยวข้องกับการเมือง การโอนย้ายกองทัพเป็นของส่วนพระองค์ สถานะของประชาชนที่สัมพันธ์กับสถาบันกษัตริย์

เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2564 สิรภพและชูเกียรติ ได้ถูกพนักงานอัยการสั่งฟ้องทั้งสิ้น 3 ข้อกล่าวหา ได้แก่ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, ฝ่าฝืน พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 และ พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ

ภาพรวมการสืบพยาน สิรภพให้การปฏิเสธข้อหา 112 โดยระบุว่า ปราศรัยเกี่ยวกับบทบาทของกษัตริย์ ในระบอบประชาธิปไตย และมบูรณาญาสิทธิราชย์ ตามความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมา ไม่ได้มีเจตนามุ่งร้าย และให้ความเคารพต่อสถาบันกษัตริย์ฯ เฉกเช่นบุคคลทั่วไป

ลูกค้าสั่ง ‘ปลานิลทอดน้ำปลา’ พร้อมระบุ ‘ขอแบบไม่มีก้าง’ ทางร้านจัดให้ ตรงตามบรีฟ ทำเอาชาวเน็ต ถึงกับอ้าปากค้าง

(31 มี.ค.67) กลายเป็นภาพไวรัลไปทั่วโลกโซเชียล เมื่อทางเพจ Very Good Coffee ร้านอาหารชื่อดังใน จ.ขอนแก่น ออกมาแชร์เมนูอาหารที่ทำเอาชาวเน็ตถึงกับอ้าปากค้าง

โดยทางเพจระบุข้อความว่า “โอเค ปลาก้างห้ามมี เด็กน้อยกิน” พร้อมแนบภาพใบออเดอร์จากลูกค้าที่ระบุว่า “ปลานิลทอดน้ำปลา เปลี่ยนเป็นปลาที่ไม่มีก้างนะคะ เด็กทาน”

พร้อมเบื้องหลังเป็นภาพ จานอาหารจานใหญ่ที่ถูกตกแต่งมาอย่างดีตามสไตล์เมนูปลานิลทอดน้ำปลา มีผักเคียง และมีน้ำจิ้มพร้อม

ทว่าจะเด่นของจานอย่าง ปลานิล กลับมารูปร่างแปลกตา กลายเป็นเหมือนลูกชิ้นปลาตัวจิ๋ว หน้าตาเหมือน ปลาการ์ตูน หรือที่ชาวไทยนิยมเรียกกันว่าปลานีโม่ ถูกทอดจนดูกรอบ วางเรียงรายเป็นแถว

เมื่อโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ก็กลายเป็นไวรัลไปทั่วโลกโซเชียล มีชาวเน็ตเข้ามากดถูกใจ กดแชร์ และคอมเมนต์กันสนั่น อาทิ

ปลาทะเลกินแล้วมีโปรตีนสูง

ดีนะ ไม่เอาปลาปิก้ามาทอด

เอาปลาการ์ตูนมาทอด

ปลานีโม่ทอด

ตรงโจทย์ไม่ผิดเพี้ยน

สูวววว

เฮ็ดขึ้น สร้างขึ้น ความคิดดือ

สมาคมภัตตาคารไทย ผุดไอเดีย ‘ฟู้ดพาวเวอร์’  เพื่อเป็นจุดขาย ดึงดูดใจนักท่องเที่ยว

(31 มี.ค.67) นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย เปิดเผยว่า สมาคมภัตตาคาร ผู้ประกอบการร้านอาหารและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เตรียมจัดโครงการฟู้ดพาวเวอร์ (FOOD POWER) เพื่อส่งเสริมและผลักดันการรับรู้เมนูอาหารและผู้ประกอบการร้านอาหารของไทยทั่วเมืองไทย ซึ่งในโครงการจะมีการจัดประกวดและคัดเลือกเมนูอาหารที่จะเป็นจุดขายและจูงใจนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เมื่อมาเมืองไทยต้องสั่งรับประทาน หรือเป็นเมนูอาหารคิดถึง ไม่ว่าจะไปร้านอาหารไทยในต่างประเทศ ก็จะสั่งรับประทาน ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ในกลุ่มอาหาร ที่รัฐบาลกำลังผลักดัน

นางฐนิวรรณ กล่าวต่อว่า สมาคมและกลุ่มร้านอาหาร จะมีการประชุมหารือเพื่อลงในรายละเอียดครั้งที่สองในเดือนเมษายนนี้ หลังจากเทศกาลมหาสงกรานต์ผ่านไป เบื้องต้นจะเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการอาหารและร้านอาหาร ในแต่ละภูมิภาค เสนอเมนูและวัตถุดิบที่ใช้ประกอบอาหาร ซึ่งเป็นเมนูอาหารท้องถิ่น และสามารถหาบริโภคได้ทั่วไป ไม่เจาะจงว่าต้องไปที่ร้านนั้นเท่านั้น หรือหาทานได้แค่ท้องถิ่น สำหรับมาตรฐาน สมาคมฯจะร่วมกับหอการค้าไทย ในการจัดทำมาตรฐานร้านอาหารเพื่อการท่องเที่ยว มีหลักเกณฑ์คัดเลือก อาทิ เมนูอาหารอร่อย วัตถุดิบหาได้ในท้องถิ่น สถานที่อำนวยความสะดวก สะอาด ห้องน้ำพร้อม เป็นต้น

“มีคำถามว่าตอนนี้เรา ก็มีหน่วยงานรัฐและองค์กรที่คัดเลือกเมนูและร้านอาหารในชื่อโครงการต่างๆ มากแล้ว แต่ก็มีร้านอาหารส่วนใหญ่ ยังมองว่าเป็นการคัดเลือกเข้าโครงการของหน่วยงานนั้นๆ มีการจำนวน มีข้อจำกัด แต่ละองค์กรมีร้านค้าหรือเมนูไม่กี่ร้อยหรือพันกว่าร้าน เทียบกับร้านอาหารในไทยเปิดกันทั่วไป ทั้งอยู่ในอาคาร นอกอาคาร ในตึกแถว ในห้าง หรือ ริมถนนตามชุมชน กว่า 1 แสนร้านค้า และสตรีทฟู้ดส์ที่เกิดจากคนรุ่นใหม่อีกหลายหมื่นราย อยากให้มีเมนูขึ้นชื่อและเป็นที่นิยมของต่างชาติ ก่อนหน้าเราเคยเสนอใบกะเพรา เป็นวัตถุดิบหลัก จนผัดกะเพรา เป็นที่รู้จักมากขึ้น

เหมือนอย่างต้มยำกุ้ง หรือผัดไทย ส่วนตัวกำลังมองการใช้วัตถุดิบหลักอย่างไก่ และกุ้ง เป็นวัตถุดิบหลักในการคิดเมนูระดับชาติต่อไป เพราะไม่แค่คนมาไทยจะสั่งเมนูจากไก่หรือกุ้ง ยังเป็นส่งเสริมส่งออกวัตถุดิบไก่และกุ้ง ไปทั่วโลกด้วย ต่อไปก็จะต่อยอดเป็นสินค้ากึ่งสำเร็จรูป ประเด็นคือ เมื่อเมนูที่ได้คัดเลือก สามารถปรุงแต่งขายกันทั่วไปแล้ว นักท่องเที่ยวหารับประทานได้ทั่วไป และในราคาปกติทั่วไปด้วย จุดประสงค์เราต้องการให้เป็นเมนูที่โด่งดัง รับรู้เป็นที่นิมของทั่วโลก โดยที่แต่ละภาคจะพัฒนาสูตรเฉพาะของตนเอง เช่น ไก่ย่างไทยพิเศษกว่าประเทศเพื่อนบ้านเราอย่างไร เป็นต้น” นางฐนิวรรณ กล่าว

นางฐนิวรรณ กล่าวถึงกำลังใช้จ่ายในร้านอาหารว่า สงกรานต์เดือนเมษยนนี้ จะเป็นอีกช่วงที่จะสร้างโอกาสการขายและเพิ่มรายได้กว่าปกติ โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด โดยภาพรวมการเข้าร้านอาหารในปี 2567 นี้ฟื้นตัวแล้วอัตราประมาณ 90% ดีกว่าปีก่อนที่ฟื้นตัวอัตรา 75-80% ที่ยังไม่เต็ม 100% เท่าปีก่อน 2562 ก่อนเกิดโควิด เพราะจำนวนนักท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นเท่าเดิม ปีนั้นมีถึง 40 ล้านคน ดังนั้นการฟื้นระดับ 90% ถือว่าดีขึ้นมากแล้ว

นางฐนิวรรณ กล่าวต่อว่า บรรยากาศสงกรานต์ปี 2567 นี้ มั่นใจได้ว่าจะคักคักกว่าสงกรานต์หลายปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งจากมหาสงกรานต์ 21 วัน ซึ่งในกรุงเทพฯมักมีคนน้อย งานมหาสงกรานต์ภายใต้ซอฟต์พาวเวอร์ ที่กำหนดเปิดงานใหญ่ช่วงวันที่ 11-16 เมษายน ที่ถนนราชดำเนิน สนามหลวง จะดึงคนไทยและต่างชาติ เที่ยวในไทยมากขึ้น พร้อมกับกิจกรรมหัวเมืองใหญ่จะสร้างบรรยากาศสงกรานต์ไทยปีนี้คึกคักได้มาก สะท้อนจากร้านอาหารทั่วไปมักปิดทำการและเดินทางกลับภูมิลำเนาในต่างจังหวัด ส่วนหนึ่งเตรียมเปิดจำหน่ายในช่วงสงกรานต์

“ข้อกังวลของธุรกิจร้านอาหาร ไม่แค่ลุ้นจำนวนนักท่องเที่ยวจะกลับมาเท่าเดิมในแต่ละเดือน ยังต้องติดตามผลกระทบจากต้นทุนสูง หลังนโยบายให้ปรับค่าจ้างแรงงานรายวัน ราคาดีเซล หรือการสิ้นสุดของมาตรการช่วยค่าไฟ ค่าน้ำ ของภาครัฐ ซึ่งมีผลตรงต่อเงินในกระเป๋าประชาชน และอารมณ์ที่ออกมาร้านอาหารนอกบ้าน ตอนนี้การมีมาตรการกระตุ้นใช้จ่าย ทั้งการลดค่าใช้จ่ายหรือการเติมเงินเข้ากระเป๋า จะเป็นแรงส่งต่อการใช้จ่ายต่อเนื่อง ตอนนี้ทั้งคนซื้อคนขายก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร การลงทุนระดับฐานรากก็ยังลังเลกว่าในอดีตมาก เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องดึงความเชื่อมั่นต่ออนาคตให้มากขึ้น” นางฐนิวรรณ กล่าว

‘ดร.อานนท์’ ติง!! ‘งานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ 67’ ในแง่งานอีเวนต์ ไม่ผ่าน!! ‘ขาดความละเอียดอ่อน-ไร้เอกภาพ’

เมื่อวานนี้ (31 มี.ค. 67) ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ ‘งานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์’ ครั้งที่ 75 ปี 2567 โดยระบุว่า…

“งานฟุตบอลยูนิตี้จุฬา ธรรมศาสตร์อะไรนี่ ทางสมาคมนิสิตเก่า สมาคมนักศึกษาเก่าเขาไม่เอาด้วย พวกอบจ กับ อมธ ก็จัดงานกันไป เอาเงินมาจากไหนผมก็ยังงง ปกติ นิสิต นักศึกษา จัดกิจกรรมใหญ่ ๆ ต้องขอเงินรุ่นพี่ศิษย์เก่าทั้งนั้น

“พักเรื่องเงินก่อนนะครับ ผมได้ดูไลฟ์สดการจัดงาน โห พูดไม่ออกบอกไม่ถูกครับ

“ในแง่ของการจัดอีเวนต์ (Event management) คือไม่ผ่านอย่างแรง เละเทะ ไม่มีเอกภาพ ไม่มีธีมอะไรเลย มั่วไปหมด แล้วดูไร้ระดับ ไม่มีคลาส ไม่มีรสนิยมเอาเสียเลย หรือคำว่าดีงามของเรากับของน้อง ๆ จะต่างกันก็ไม่ทราบ

“คือสุนทรียรส กุสุมรส หายไปไหนก็ไม่ทราบ 

“เป็นการจัดงานและขบวนแห่ที่ดูราคาถูก เลอะเทอะมากมายจริง ๆ ครับ”

ผศ.ดร. อานนท์ กล่าวต่อว่า “ได้ดูแป๊บเดียวแล้วถอนหายใจ คือไม่ใช่เรื่องแนวคิดนะครับ เช่น ความหลากหลาย สิทธิเสรีภาพ กระทั่งต่อต้านมาตรา 112 ผมก็คิดว่านำเสนอได้ แต่ฝีมือในการนำเสนอมันไม่ไหวจริง ๆ ลวก ๆ ไม่เรียบร้อย ไร้ฝีมือ ไร้รสนิยม”

“สรุปคือมันเป็นงานหยาบกระด้างขาดความละเอียดอ่อนงดงามในจิตใจของคนจัดงานจริง ๆ นะครับ” ผศ.ดร. อานนท์ ทิ้งท้าย

อุดรธานี-พรรครวมพลัง เลือกหัวหน้าพรรค พร้อมคณะกรรมการบริหารพรรคปี 2567

“ดนุช ตันเทอดทิตย์” ได้รับความไว้วางใจเป็นหัวหน้าพรรครวมพลังต่อ ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปีที่อุดร พร้อมเดินหน้าต่อเพื่อสร้างประโยชน์ให้ประชาชนทุกกลุ่ม 

วันนี้(31 มีนาคม 2567) พรรครวมพลัง จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปีงานประชุมใหญ่สามัญประจำปี  2567 เพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคและกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ณ ศูนย์ประชุมอุดรดุษฎี โรงแรมเจริญโฮเต็ล จังหวัดอุดรธานี โดยมีสมาชิก หัวหน้าสาขาพรรค จากทั่วประเทศร่วมอาทิ จากกาฬสินธุ์ ศรีสะเกษ สงขลา พัทลุง กำแพงเพชร อยุธยา พิษณุโลก กรุงเทพ และอุดรธานีเจ้าภาพ ซึ่ง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ปรึกษาพรรครวมพลัง ได้ให้เกียรติ ร่วมประชุมครั้งนี้ด้วย  มีนางสาวณัฐธนินทร์ เลิศเตชะสกุล หรือ "น้องโย" หญิงเก่งของพรรค ดำเนินรายการ

ดร.ดนุช ตันเทิดทิตย์ หัวหน้าพรรครวมพลัง ได้กล่าวพบปะสมาชิก รายงานการดำเนินงานกิจกรรมของพรรคในรอบปีที่ผ่านมา และรายงานงบการเงิน และมีการเลือกคณะกรรมการบริหารพรรค ปี 2567 พรรคเราอยู่อย่างสมศักดิ์ศรีของพรรค ไม่มีนายทุน ไม่เอาประโยชน์จากงบประมาณ โครงการต่างๆ เราทำงานเป็นทีม ทุกคนล้วนมีประสบการณ์ สร้างประโยชน์ให้ประชาชนทุกกลุ่ม

ทั้งนี้ การเลือกกรรมการบริหารพรรคของที่ประชุม มีดังนี้ 
ดร.ดนุช ตันเทอดทิตย์  หัวหน้าพรรค
นายภูมิ เทือกสุบรรณ  เลขาธิการพรรค
นางชลิตา บุรณศิริ  เหรัญญิกพรรค
ผศ.ดร.วัชรินกร เมฆลา  นายทะเบียนสมาชิกพรรค
นางสาวเพชรน้ำหนึ่ง ศรีวรรธนะ  กรรมการบริหารพรรค
นางสาวนงนุช เพชรสังฆาต  กรรมการบริหารพรรค
นายยศวัจน์  ธนทรงทรัพย์  กรรมการบริหารพรรค

นอกจากนี้ยังมีการเลือกตั้งกรรมการจริยธรรมและวินัย และกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง

ประวัติหัวหน้าพรรครวมพลัง
“ดร.ดนุช ตันเทอดทิตย์ “ หรือ ดร.ปอน ดำรงตำแหน่ง หัวหน้าพรรครวมพลัง
เกิดวันที่ 18 สิงหาคม 2507  (ปัจจุบันอายุ 60 ปี)
จบการศึกษา ปริญญาตรี พาณิชยศาสตร์บัณฑิต สาขาการตลาด มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์,ปริญญาโท California State University , Bakersfield สาขา การตลาด
,ปริญญาเอก ครุศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี

จุดเริ่มต้นเข้ามาในเส้นทางการเมืองเริ่มต้นด้วยการผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตร, ร่วมก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่ , เข้าร่วมกับคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ในเวลาต่อมาก็เป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย และเป็นกรรมการบริหารพรรค เดือนสิงหาคม 2564 ได้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีอว. และ เลขานุการรัฐมนตรีอว. ในสมัยรัฐบาลที่ผ่านมา

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ปรึกษาพรรครวมพลัง กล่าวว่า ตนเองเป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรค เราร่วมก่อตั้งพรรคการเมืองที่เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง เพื่อประเทศชาติ เพื่อประชาชน เป็นพรรคเล็กๆ เลือกตั้งครั้งแรกเราประสบความสำเร็จพอสมควร และได้รับเชิญให้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ดูแลกระทรวงแรงงาน และกระทรวง อว. วันนี้เป็นการประชุมใหญ่สามัญประจำปีตามปกติ มาร่วมประชุมเป็นกำลังใจให้สมาชิก ที่มีอุดมการณ์เดียวกัน ไม่ได้มีอะไรพิเศษ ส่วนแนวทางการเลือกตั้งนั้น จะมีการคัดเลือกคนลงสมัครในระดับต่างๆตามที่พรรคมีความพร้อม เราจะเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ 

เชียงใหม่-คณะแพทย์ มช. จัดงานนิทรรศการบริการวิชาการสู่ชุมชน เนื่องในโอกาสครบรอบ 65 ปีคณะแพทยศาสตร์ มช. ภายใต้ชื่องาน “รับมือ รู้ทัน ป้องกัน PM2.5”

คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดงานนิทรรศการบริการวิชาการสู่ชุมชน เนื่องในโอกาสครบรอบ 65 ปี คณะแพทยศาสตร์ มช. ภายใต้ชื่องาน “รับมือ รู้ทัน ป้องกัน PM2.5” เพื่อตระหนักถึงมลภาวะทางอากาศโดยเฉพาะอย่างยิ่งฝุ่น PM2.5 มักเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับประชาชนเป็นประจำทุกปี ทางโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์ มช. จึงได้เล็งเห็นถึงความสำคัญ และหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และเพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสที่คณะแพทยศาสตร์ มช. ครบรอบ 65 ปี ด้วยวิสัยทัศน์ “โรงเรียนแพทย์ในดวงใจเพื่อยกระดับสุขภาวะของมนุษยชาติอย่างยั่งยืน” ซึ่งกิจกรรมในครั้งนี้จัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 30 และวันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม 2567 ณ ชั้น 1 Grand Hall  ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา เชียงใหม่ แอร์พอร์ต โดยวันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม 2567 ได้รับเกียรติจากนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธี

ศ.(เชี่ยวชาญพิเศษ)นพ.บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มช. กล่าวว่า “เนื่องในโอกาสจะครบ 65 ปี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้จัดกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย โดยกิจกรรมที่เกิดขึ้นนั้น นำไปสู่การก้าวสู่ปีที่ 65 อย่างมั่นคง  เป็นไปตามคำสอนของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนกว่า “ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตนเป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์ เป็นกิจที่หนึ่ง”และพร้อมก้าวสู่การเป็นโรงเรียนแพทย์ในดวงใจของประชาชน โดยเริ่มจากการนำร่องสร้างอาคารสุจิณฺโณ ปลอด PM2.5 เพื่อให้สุขภาพของผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษา บุคลากร และญาติผู้ป่วยที่อยู่ในบริเวณอาคารสุจิณฺโณ มีสุขภาวะที่ยั่งยืนต่อไปได้ ”

กิจกรรมภายในงานประกอบด้วยการเสวนาให้ความรู้ ในวันเสาร์ที่ 30 มีนาคม 2567 ระหว่างเวลา 12.30 -13.15 น. เสวนา เรื่อง “ผลกระทบของ PM2.5 ต่อโรคมะเร็ง” โดย รศ.พญ.บุษยามาส ชีวสกุลยง หัวหน้าหน่วยมะเร็งวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มช. ,รศ.นพ.ชัยยุทธ เจริญธรรม อาจารย์ประจำหน่วยมะเร็งวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มช. ,ผศ.นพ.ธัชธรรม์ สุขสมบูรณ์เจริญ อาจารย์ประจำหน่วยมะเร็งวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มช. ,นพ.ภัทรพงศ์ สัจจริตานันท์ แพทย์ประจำบ้านอายุรศาสตร์มะเร็งวิทยา และทีม Northern Thailand Thoracic Oncology Groupระหว่างเวลา 14.45 -15.30 น. เสวนา เรื่อง “ผลกระทบของฝุ่น PM2.5 ต่อเด็กและสตรีตั้งครรภ์” โดย รศ.พญ.สุชยา ลือวรรณ อาจารย์ประจำภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มช. ,รศ.นพ.มงคล เหล่าอารยะ อาจารย์ประจำภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มช. ระหว่างเวลา 16.00 -16.45 น. เสวนา เรื่อง “ผลกระทบของฝุ่น PM2.5 ต่อ ดวงตา โรคภูมิแพ้ และระบบการหายใจในเด็กและผู้ใหญ่” ,ผศ.นพ.พิชญ์       อุปพงศ์ อาจารย์ประจำภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มช. ,อ.พญ.กนกกาญจน์ ภิญโญพรพาณิชย์ อาจารย์ประจำหน่วยภูมิแพ้และภูมิคุ้มกันทางคลินิก ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มช. ,อ.พญ.ธันยธร ธีรนรเศรษฐ์ อาจารย์ประจำภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มช.
วันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม 2567 ระหว่างเวลา 14.45 -15.30 น. เสวนา เรื่อง “การป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพจาก PM2.5” โดย รศ.นพ.เฉลิม ลิ่วศรีสกุล หัวหน้าภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ 

มช. ,ผศ.นพ.วิทวัส สุรวัฒนสกุล อาจารย์ประจำภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์ มช. ระหว่างเวลา 16.00 -16.45 น. เสวนา เรื่อง “ผลกระทบของฝุ่น PM2.5 ต่อเส้นเลือดหัวใจและเส้นเลือดสมอง” โดยอ.นพ.รังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์ หัวหน้าศูนย์การเรียนรู้ตลอดชีวิต ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ มช. ,ผศ.นพ.กิตติ เทียนขาว อาจารย์ประจำหน่วยประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มช.

นอกจากนี้ยังมีนิทรรศการให้ความรู้เรื่อง PM2.5 มีผลกระทบต่อร่างกาย บูธให้บริการตรวจสุขภาพ อาทิ ตรวจตาแห้ง, ตรวจคัดกรองโรคต้อหินและโรคจอตาบริการรักษาตาแห้งด้วย IPL และ lid spa นวดทำความสะอาดเปลือกตา บรรเทาอาการตาแห้งเรื้อรัง ,ตรวจอัลตราซาวนด์คลื่นความถี่สูง 4 มิติ สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ ,ตรวจวัดองค์ประกอบของร่างกายความดันโลหิตและแปลผลองค์ประกอบของร่างกาย ,ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ,ตรวจความแน่นกระชับของหน้ากากป้องกันฝุ่น (Fit test) ,ประเมิน-คัดกรองโรคหลอดเลือดสมอง,สมองเสื่อม และไมเกรน ,ส่องกล้องตรวจหูออกจอ ,ตรวจสมรรถภาพปอด ,ตรวจภูมิแพ้ทางผิวหนัง ,วัดความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ,วัดดัชนีมวลกาย เป็นต้น  กิจกรรมร่วมสนุกตอบคำถาม ลุ้นรับของรางวัล จากคณะแพทยศาสตร์ มช. กิจกรรม workshop การทำเครื่องฟอกอากาศ DIY “Air Purifier DIY by Suandok ป้องกันฝุ่น PM2.5”  การแสดงดนตรีอะคูสติก โดย ชมรมดนตรีสากล สโมสรนักศึกษา คณะแพทยศาสตร์ มช.

นภาพร/เชียงใหม่

“We can run: Fund for legs” ขยับขาเพื่อ 100 ขาเทียม  ส่งต่อคุณภาพชีวิตผู้พิการ สร้างสังคมรีไซเคิล สู่เป้าหมาย Net Zero

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับหน่วยงานเครือข่ายภาคเอกชน เปิดกิจกรรม “We can run: Fund for legs” ณ บริเวณลานกลางท้องสนามหลวง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร พร้อมส่งมอบขาเทียม 100 ขา เพื่อมูลนิธิขาเทียมในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ส่งต่อคุณภาพชีวิตที่ดีให้ผู้พิการ สร้างสังคมรีไซเคิลสู่เป้าหมาย Net Zero

วันที่ 31 มีนาคม 2567 นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้บูรณาการดำเนินงานของหน่วยงานให้เป็นไปตามเป้าหมายยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG มุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำและวิถีชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งกิจกรรมครั้งนี้เป็นการสร้างกระแสสังคมให้ทุกคนหันมาร่วมปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมนำไปสู่สังคมแห่งการรีไซเคิล และขอขอบคุณหน่วยงานภาคีเครือข่ายที่ร่วมมือกันทำให้เกิดงานดีๆ นี้ขึ้น โดยเฉพาะนักวิ่งทุกคนที่มาร่วมกันส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับผู้พิการพร้อมสร้างสังคมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และที่สำคัญมูลนิธิขาเทียมฯ ที่เป็นกำลังหลักให้เราได้ส่งผ่านกำลังใจให้ผู้พิการ “ร่วมกันขยับขาของเรา...เพื่อ 100 ขาเทียม”

ด้าน ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า กิจกรรมเดิน-วิ่ง มินิมาราธอนการกุศล Recycle for Life “We can run: Fund for legs” เพื่อมูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้จัดขึ้น ณ บริเวณลานกลางท้องสนามหลวง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร แบ่งเป็น 2 ระยะทาง ได้แก่ Mini Marathon 10 กิโลเมตร และ Micro Marathon 5 กิโลเมตร มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมรวมกว่า 
2,500 คน  ซึ่งได้รับเกียรติจากนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานปล่อยตัวนักวิ่งและพิธีมอบรางวัลให้แก่ผู้ชนะ พร้อมพิธีมอบขาเทียม 100 ขาให้แก่ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์นิเวศน์ นันทจิต เลขาธิการมูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี

เป้าหมายของการจัดกิจกรรมครั้งนี้ คือ สนับสนุนการผลิตขาเทียม 100 ขา มูลค่ากว่า 2,500,000 บาท มอบแก่ผู้พิการที่มีความยากไร้ให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดี อีกทั้งรวบรวมกระป๋องอลูมิเนียมใช้แล้วกลับเข้าสู่ระบบรีไซเคิล 4,800,000 ใบ โดยให้นักวิ่งนำกระป๋องอลูมิเนียมใช้แล้ว 5 ใบ มาแลกรับเสื้อและบิบ ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึง 570 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (จากการรีไซเคิลกระป๋องเทียบกับการขุดแร่ใหม่) เป็นการส่งเสริมให้ทุกคนหันมาสนใจการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ และร่วมบริจาคเงินรายได้ให้กับมูลนิธิขาเทียมฯ รวมถึงสร้างสังคมการรีไซเคิลและยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ตามที่ประเทศไทยตั้งไว้ 

กิจกรรมดี ๆ นี้ สำเร็จได้ด้วยพลังความร่วมมือของภาคีเครือข่ายที่เข้มแข็ง ได้แก่ มูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี กรมควบคุมมลพิษ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กลุ่มธุรกิจ TCP บริษัท ไทยน้ำทิพย์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยเบเวอร์เรจแคน จำกัด บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ รีไซเคิล จำกัด และภาคีเครือข่ายอื่นๆ อาทิ มูลนิธิการจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน (มูลนิธิ 3R) บริษัท วอริกซ์ สปอร์ต จำกัด (มหาชน) บริษัท ชบาบางกอก จำกัดซึ่งถือเป็นหนึ่งในความรับผิดชอบของผู้ผลิตในการสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนเกี่ยวกับการจัดการขยะหลังการบริโภค และที่สำคัญยังได้รับความสนใจจากดารานักแสดง อย่างคุณเต้ย จรินทร์พร จุนเกียรติ รวมถึง ช่อง 7HD
ที่นำทัพดารา นักแสดงจาก 7 สี ปันรักให้โลก อย่างคุณจาด้า อินโตร์เร  คุณโอ๊ต รัฐธีร์ วรโรจน์โยธิน พร้อมผู้ประกาศข่าวช่อง 7HD อย่างคุณบี กมลาสน์ เอียดศรีชาย และ คุณบอย ธนพัต กิตติบดีสกุล เข้าร่วมกิจกรรม อีกทั้งการจัดงานในวันนี้เป็นการจัดงานแบบปลอดคาร์บอน มีการเก็บรวบรวมข้อมูลจากกิจกรรมการจัดงานต่างๆ อาทิ การใช้ไฟฟ้า อาหารและเครื่องดื่ม การเดินทาง ป้าย วัสดุสิ้นเปลือง ของเสีย เพื่อนำมาประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจก พบว่า มีปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวม 47 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และได้มีการชดเชยจากโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย ทำให้การจัดงานครั้งนี้มีการปลดปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์

เชียงใหม่-รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ คณะแพทย์ มช.เดินหน้าสร้าง“อาคารสุจิณฺโณ ปลอดฝุ่น PM2.5” นำร่องแห่งแรกในภาคเหนือ

ฝุ่น PM2.5 ปัญหาที่เกิดขึ้นกับประชาชนเป็นประจำทุกปี คณะแพทยศาสตร์ มช. เล็งเห็นความสำคัญ และหาแนวทางแก้ไขปัญหา นำร่องสร้างอาคารสุจิณฺโณ ปลอดฝุ่น PM 2.5 ยกระดับสุขภาวะของผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษา และบุคลากรทางการแพทย์ภายในอาคารสุจิณฺโณ

ศ.(เชี่ยวชาญพิเศษ) นพ.บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มช. เปิดเผยว่า สถานการณ์วิกฤตหมอกควันมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝุ่นที่มีอนุภาคเล็กกว่า 10 ไมครอน(PM10) และฝุ่นที่มีอนุภาคเล็กกว่า 2.5 ไมครอน (PM2.5) ที่เป็นปัญหาเกิดขึ้นกับจังหวัดต่างๆ ในภาคเหนือมาอย่างยาวนาน โดยขณะนี้เกินค่ามาตรฐานอย่างหนักในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดเชียงราย จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดลำปาง จังหวัดลำพูน จังหวัดพะเยา จังหวัดน่าน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ปัจจุบันมีผู้ป่วยเข้ารับการรักษา ณ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ (สถิติวันที่ 1 ม.ค.-15 มี.ค. 2567) ด้วยผลกระทบจาก PM2.5 แล้วทั้งสิ้น จำนวน 30,339 ราย มากกว่าจำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในช่วงเดียวกันของปีก่อน1 เท่าตัว (สถิติวันที่ 1 ม.ค.-31 มี.ค. 2566 จำนวนผู้ป่วย 12,671 คน) ส่วนใหญ่พบมีอาการของโรคภูมิแพ้กำเริบ เยื่อบุจมูกอักเสบ โรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน เยื่อบุตาอักเสบ โรคหืด เลือดกำเดาไหล โรคถุงลมโป่งพอง ตามลำดับ

คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มช. เปิดเผยต่อว่า “อาคารสุจิณฺโณ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ มีหอพักผู้ป่วยแบบปรับอากาศและไม่ปรับอากาศ ซึ่งหอพักผู้ป่วยแบบไม่ปรับอากาศ ปัจจุบันมีการเปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศ ดังนั้นหากฝุ่น PM2.5 เข้ามายังอาคารหอผู้ป่วยสุจิณฺโณ จะส่งผลกระทบต่อสภาวะทางเดินหายใจของผู้ป่วยได้ จึงได้มีแนวคิดในการป้องกันปัญหา PM 2.5 ของอาคารสุจิณฺโณ 

โดยการสร้างความดันภายในอาคาร ให้สูงกว่าภายนอกบริเวณอาคาร เพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นเล็ดลอดเข้ามาในอาคารสุจิณฺโณ ลดพื้นที่ช่องเปิดให้เหลือน้อยที่สุด และทำการเติมอากาศสะอาดเข้ามาภายในบริเวณโถงทางเดิน ซึ่งอากาศที่เติมเข้ามา จะถูกกรองด้วยระบบกรองอากาศ โดยใช้ Filter 3 ชั้น ได้แก่ แผ่นกรองอากาศชนิดชั้นต้น (Pre – Filter), แผ่นกรองอากาศชั้นกลาง (Secondary -filter) และแผ่นกรองอากาศขั้นสูง (HEPA -filter) ที่มีความสามารถในการกรองฝุ่นได้ถึงระดับ PM2.5
 
นอกจากนี้ พื้นที่ช่องเปิดและหน้าต่างสำหรับระบายอากาศที่เหลือ ได้ทำการติดตั้งม่านกันฝุ่น PM2.5 โดยใช้ม่านกันฝุ่นชนิดนาโนไฟเบอร์ในห้องผู้ป่วยที่ไม่มีการปรับอากาศ ทั้งนี้ในอาคารสุจิณฺโณ ได้มีการติดตั้งเซนเซอร์ วัดปริมาณฝุ่น PM2.5 เพื่อติดตามปริมาณฝุ่น ภายในอาคาร และสามารถรายงานผลได้ทุกช่วงเวลา แบบ Real time”

คณะแพทยศาสตร์ มช. จึงได้จัดแถลงข่าว“อาคารสุจิณฺโณปลอดฝุ่น ลดผลกระทบต่อสุขภาพจาก PM 2.5”ขึ้น ในวันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม 2567 เวลา 12.15 น. โดยมีนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานและร่วมแถลงในประเด็น สถานการณ์และมาตรการการแก้ปัญหา PM2.5 จังหวัดเชียงใหม่ ศ.(เชี่ยวชาญพิเศษ) นพ.บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มช.แถลงประเด็น นโยบายคณะแพทยศาสตร์ มช. ในการสร้างอาคารสุจิณฺโณ ให้เป็นอาคารนำร่อง ปลอดฝุ่นPM 2.5 และการป้องกันดูแลสุขภาพของประชาชน และรศ.นพ.นเรนทร์ โชติรสนิรมิต ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ แถลงถึงความคืบหน้าอาคารสุจิณฺโณ ปลอดฝุ่น PM 2.5 ณ ชั้น 1 Grand Hall ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต

นภาพร/เชียงใหม่

'อดีตบิ๊กข่าวกรอง' เผย!! พระเกี้ยวเป็นเครื่องสูง จึงต้องใช้เสลี่ยงอัญเชิญ ชี้!! อย่านำ 'การเมือง-เสรีภาพ' มาเกี่ยว หากไม่เคารพอย่าหลู่เกียรติ

(1 เม.ย.67) นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ 'ขอตราพระเกี้ยวยั่งยืนยง' ระบุว่า...

นิสิตจุฬาเห็นภาพนี้แล้วรู้สึกอย่างไร
นี่มันคือการเทิดพระเกียรติพระเกี้ยว
หรือนี่มันคือหลู่เกียรติพระเกี้ยว
หากไม่เต็มใจที่จะเทิดพระเกียรติ
ก็ไม่ต้องอัญเชิญพระเกี้ยวออกมา

พระเกี้ยวคือ ของสูง 
เป็นศิราภรณ์ประดับพระเกศา
เป็นเครื่องประดับของพระจุลจอมเกล้าฯ
เป็นสัญญลักษณ์ที่ได้รับพระราชทาน

เนื่องจากพระเกี้ยวเป็นเครื่องสูง
การอัญเชิญจึงต้องใช้เสลี่ยง
ไม่ใช่เรื่องการเมือง หรือสิทธิเสรีภาพ
ไม่รักไม่เคารพก็อย่าหลู่เกียรติ

นิสิตจุฬาทุกคนต้องมีความภาคภูมิใจ
ในสัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัย
หากไม่รักไม่ภูมิใจ อย่าอยู่เลย 

ขอตราพระเกี้ยวยั้งยืนยง
นิสิตประสงค์เป็นธงชัย
ถาวรยศอยู่คู่ไทย เชิดไชย ชโย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top