Saturday, 7 June 2025
TheStatesTimes

เคาะแล้ว!! เปิดโผรายชื่อ ‘คณะรัฐมนตรีเศรษฐา ​1’ อย่างเป็นทางการ

เมื่อวันที่ 2 ก.ย. 66 เว็บไซต์ราชกิจจา​นุเบกษา เผยแพร่ประกาศแต่งตั้งรัฐมนตรี​ ลงวันที่​ 2 กันยายน​ 2566​ ความว่า…

“พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง​ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 22 สิงหาคม พุทธศักราช 2566 แล้ว นั้น

บัดนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้เลือกสรรผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้”

- นายภูมิธรรม เวชยชัย​ พรรคเพื่อไทย เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

- นายสมศักดิ์ เทพสุทิน​ พรรคเพื่อไทย เป็นรองนายกรัฐมนตรี 

- นายปานปรีย์ พหิทธานุกร​ พรรคเพื่อไทย เป็นรองนายกรัฐมนตรีและ​รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ 

- นายอนุทิน ชาญวีรกูล​ พรรคภูมิใจไทย เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 

- พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ​ พรรคพลังประชารัฐ เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 

- นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค​ พรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน 

- นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ​พรรคเพื่อไทย เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 

- นายสุทิน คลังแสง​ พรรคเพื่อไทย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม 

- นายเศรษฐา ทวีสิน พรรคเพื่อไทย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอีกตำแหน่งหนึ่ง 

- นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ พรรครวมไทยสร้างชาติ เป็น​รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง 

- นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ พรรคเพื่อไทย เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง 

- นายจักรพงษ์ แสงมณี​ พรรคเพื่อไทย เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ 

- นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล​ พรรคเพื่อไทย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

- นายวราวุธ​ ศิลปอาชา พรรคชาติไทยพัฒนา เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 

- นางสาวศุภมาส อิศรภักดี พรรคภูมิใจไทย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม 

- ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า​ พรรคพลังประชารัฐ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร​และสหกรณ์

- นายไชยา พรหมา ​พรรคเพื่อไทย เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 

- นายอนุชา นาคาศัย​ พรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 

- นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ​ พรรคเพื่อไทย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม 

- นางมนพร เจริญศรี​ พรรคเพื่อไทย เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม 

- นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ​ พรรคเพื่อไทย เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม 

- นายประเสริฐ จันทรรวงทอง​ พรรคเพื่อไทย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

- นายนภินทร ศรีสรรพางค์ พรรคภูมิใจไทย เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์  

- นายเกรียง กัลป์ตินันท์ พรรคเพื่อไทย เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย 

- นายทรงศักดิ์ ทองศรี​ พรรคภูมิใจไทย เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย  

- นายชาดา ไทยเศรษฐ์​ พรรคภูมิใจไทย เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย 

- พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง​ พรรคประชาชาติ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม 

- นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ พรรคภูมิใจไทย​ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน

- นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช​ พรรคเพื่อไทย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม 

- พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ​ พรรคภูมิใจไทย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ 

- นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล​ พรรคภูมิใจไทย เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ 

- นายชลน่าน ศรีแก้ว ​พรรคเพื่อไทย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข 

- นายสันติ พร้อมพัฒน์​ พรรคพลังประชารัฐ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข 

- นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล พรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม 

ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ 1 กันยายน พุทธศักราช 2566 เป็นปีที่ 8 ในรัชกาลปัจจุบัน ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในราชกิจจานุเบกษา​ไม่มีรายชื่อ​ ของนายไผ่​ ลิกค์​ แต่อย่างใด​ แม้ว่าวานนี้ (1 ก.ย.) จะมีการลงพื้นที่ร่วมกับนายเศรษฐา​ ที่จังหวัดสมุทรคราม​ เพื่อรับฟังปัญหาการประมงผิดกฎหมาย​ อีกทั้งไม่มีชื่อนายพิชิต ชื่นบาน หลังจากที่เจ้าตัวประกาศไม่ขอรับตำแหน่งตั้งแต่เมื่อค่ำวันที่ 1 ก.ย. เช่นกัน

แบ่งปันกันยิ่งใหญ่!!

(2 ก.ย.66) สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า ‘สี จิ้นผิง’ ประธานาธิบดีจีน กล่าวว่า จีนจะแบ่งปันความสำเร็จของการขับเคลื่อนการสร้างความทันสมัยของจีน ขณะดำเนินความพยายามร่วมกันกับนานาประเทศทั่วโลก ในการนำพาเศรษฐกิจโลกเข้าสู่เส้นทางการฟื้นตัวอย่างยั่งยืน

อนึ่ง สี จิ้นผิง กล่าวคำข้างต้นขณะกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมสุดยอดการค้าภาคบริการโลกของงานมหกรรมการค้า ภาคบริการนานาชาติแห่งประเทศจีน (CIFTIS) ประจำปี 2023 ผ่านทางระบบวิดีโอ

สี จิ้นผิง กล่าวว่า “จีนจะทำงานเพื่อขยายอุปสงค์ภายในประเทศ เร่งการสร้างตลาดภายในประเทศที่แข็งแกร่ง ดำเนินแผนริเริ่มเพื่อเพิ่มการนำเข้าบริการที่มีคุณภาพสูง และส่งเสริมการส่งออกบริการที่อาศัยองค์ความรู้มากขึ้น”

สี จิ้นผิง ระบุว่า จีนจะอัดฉีดแรงผลักดันใหม่สู่การพัฒนาระดับโลก ด้วยโอกาสที่เกิดจากตลาดอันกว้างใหญ่ของจีน รวมถึงส่งมอบการบริการของจีนที่ดีขึ้นและมากขึ้นแก่โลก ผ่านการพัฒนาคุณภาพสูง เพื่อเพิ่มการรับรู้ถึงผลประโยชน์ของผู้คนทั่วโลก

‘วันชัย’ ทวนคำทำนาย!! ตอกย้ำ ‘เศรษฐา’ มา ‘ราหู’ ไป ความขัดแย้งจะไม่มีอีก ไพร่ฟ้าหน้าใสคนไทยเป็นสุข

(2 ก.ย. 66) นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “ทนายวันชัย สอนศิริ” ระบุว่า…

“ผมเคยบอกไว้เมื่อ 27 ส.ค. 66 ว่า เศรษฐามา… ราหูไป ความศิวิไลซ์แห่งประเทศจะบังเกิด ที่ไม่เคยเห็นจะได้เห็น... ที่ไม่เคยเป็นจะได้เป็น... ที่ไม่เคยมีจะได้มี... ความสามัคคีปรองดองจะเกิดขึ้น ความขัดแย้งจะไม่มีอีกต่อไป ไพร่ฟ้าหน้าใสคนไทยเป็นสุข... เป็นความมหัศจรรย์พันลึก บรรจงลงตัวพอดี เห็นมั้ยล่ะ... พระสยามเทวาธิราชมีอยู่จริง มีอิทธิฤทธิ์จริงๆ”

‘พิชิต ไชยมงคล’ วิเคราะห์ ‘ทักษิณ’ ขอพระราชทานอภัยโทษ อาจเกิดคลื่นความขัดแย้งใหม่ในสังคม แต่ไม่ถึงขั้นลงถนน

เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 66 นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ได้ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นการขอพระราชทานอภัยโทษของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นประเด็นที่กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมอยู่ขณะนี้ ผ่านรายการ ‘คุยข่าว ถึงเครื่อง’ ประจำวันที่ 1 ก.ย. 66 เผยแพร่ผ่านช่องทางรับชมในเครือ THE STATES TIMES, คุยถึงแก่น, เปรี้ยง, NAVY AM RADIO/ MAYA Channel ช่อง 44 และ FM101 โดยมี นายปรเมษฐ์ ภู่โต สื่อมวลชนอาวุโส พิธีกร ผู้ประกาศข่าวรายการคุยถึงแก่น เป็นผู้ดำเนินรายการ

ทั้งนี้ นายพิชิต ได้ให้มุมมองต่อประเด็นการขอพระราชทานอภัยโทษของนายทักษิณ ชินวัตร ว่าจะส่งผลกระทบต่อการพยายามสร้างความปรองดองของรัฐบาลใหม่ ภายใต้การนำของคุณเศรษฐา ทวีสิน หรือไม่? อย่างไร? ดังนี้…

“ผมมองว่า ปมนี้ อาจจะเป็นปมที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งระลอกใหม่ในสังคมไทยได้ เนื่องจาก คุณเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่มาจากพรรคเพื่อไทย ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าจะไม่อยู่ใต้ คุณทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมีอิทธิพลต่อพรรคเพื่อไทย ทั้งในทางความคิด และในทางปฏิบัติ

ผมตั้งข้อสังเกตแบบนี้ว่า เมื่อรัฐบาลประกาศเดินหน้าที่จะเป็น ‘รัฐบาลผสม’ ที่จะเดินหน้าสู่ความปรองดอง สลายสีเสื้อ สลายขั้ว...ก็คงต้องถามชัดๆ ว่า ทำแบบนั้นแล้ว ประชาชนได้อะไร? นี่คือการสลายขั้วแค่เพียงในส่วนของนักการเมืองหรือไม่? คำตอบนี้จะถูกตอกย้ำในกรณีของการปฏิบัติต่อนักโทษท่านหนึ่ง”

นายพิชิต กล่าวต่อว่า “สถานะของคุณทักษิณ ชินวัตร ในตอนนี้คือ ‘นักโทษ’ ที่ต้องถูกคุมขังตามคําพิพากษา แม้ว่าอดีตท่านจะเคยเป็นนายกรัฐมนตรี หรือตำแหน่งใดก็ตาม แต่เราต้องคำนึงว่า ปัจจุบัน ซึ่งคุณทักษิณเป็น ‘ผู้ต้องหา’ ด้วย”

“อย่างไรก็ตาม การที่คุณทักษิณได้รับการปฏิบัติเยี่ยงอภิสิทธิ์ชนเช่นนี้ ผมมองว่า คนในสังคม ไม่เพียงแค่กลุ่มที่เคยออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องนี้เท่านั้น แม้แต่กลุ่มคนเสื้อแดงที่เคยออกมาเคลื่อนไหวเพื่อคุณทักษิณ ก็อาจจะตั้งคำถามในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน ว่าทำไมกลุ่มแกนนำ หรือแม้แต่กลุ่มคนเสื้อแดงที่ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อคุณทักษิณ ต้องติดคุก บางคนบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต”

“แต่ในขณะเดียวกัน คุณทักษิณเดินทางกลับมาที่ประเทศไทย พร้อมรับอภิสิทธิ์ขนาดนี้ ยิ่งมีการขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย จนกระทั่งได้รับการพระราชทานอภัยโทษด้วยแล้วอีก เรื่องนี้ผมจึงเชื่อว่าจะทำให้เกิดการตั้งคำถามขึ้นอย่างมากแน่นอน”

ทั้งนี้ นายพิชิต ยังได้ยกข้อมูลเกี่ยวกับระเบียบฉบับของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ในปี 2561 และ 2564 ออกมาอ้างอิงด้วย ว่า...

“ในกรณีที่จะทูลเกล้าฯ ขอถวายฎีกา หน่วยงานราชการ หรือหัวหน้าส่วน หรือกระทรวงต่างๆ จะต้องมีการพิจารณาในเรื่องดังต่อไปนี้...

1.) มีความเหมาะสมหรือไม่
2.) มีเรื่องร้องเรียนต่อกรณีนั้นหรือไม่
3.) จะก่อให้เกิดปัญหาในอนาคตตามมาหรือไม่

อีกทั้ง กรอบระยะเวลาที่รัฐบาลต้องพิจารณา และถวายทูลเกล้าฯ ก็ยังมีความไม่ชัดเจน ว่าจะต้องใช้ระยะเวลาเท่าไร”

“ผมคิดว่า รัฐมนตรีที่มีความเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ หากมีการพิจารณาภายใต้ระเบียบของสํานักนายกรัฐมนตรีที่ได้มีแนวทางข้อบังคับไว้ ก็คงจะทำให้สังคมได้กลับมาตรึกตรองอีกครั้งหนึ่ง แต่ไม่ใช่ให้คุณทักษิณ ใช้ความไม่สมควร หรือมิบังควร ยื่นเรื่องไป แล้วทางผู้รับก็พร้อมรับและนำไปยื่นทูลเกล้าฯ ได้เลย ถ้าแบบนี้ ผมมองว่าจะยิ่ง ‘ตอกลิ่มความขัดแย้ง’ ในอนาคตได้มากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ” นายพิชิต กล่าว

จากกรณีของคุณทักษิณยื่นขออภัยโทษครั้งนี้ นายพิชิต ได้ทิ้งท้ายไว้ถึงเชื้อไฟแห่งความไม่พอใจของผู้คนคงจะกระพือชัดขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในกลุ่มของคนเสื้อเหลือง และคนเสื้อแดงเองด้วยเช่นกัน เพียงแต่การแสดงออกนั้น คงยังไม่ถึงจุดที่จะก่อให้เกิดการประท้วง หรือลงถนน

แต่ที่น่าห่วงคือ ท่าทีของรัฐบาลชุดใหม่ ว่าจะดำเนินการต่อไปในรูปแบบใด เช่น จะไหลตามน้ำ หรือจะทำการตรวจสอบพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ตามขั้นตอนของกระบวนการตรวจสอบ เพราะอาจเป็นตัวกำหนดท่าทีและการเคลื่อนไหวของประชาชน ก็เป็นได้…

อื้ออึง!! ‘ไผ่ ลิกค์’ หายวับ!! ครม.เศรษฐา 1 พปชร.ถูกตัดโควตาเหลือแค่ 3 ตำแหน่ง

พลันที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี ก็มีคำถามพุ่งมามากมายเกี่ยวกับบุคคลที่หลุดจากตำแหน่งไป จากเดิมที่เคยอยู่ในโผว่าจะได้เป็นรัฐมนตรี ก็ให้เป็นที่สงสัยว่าเกิดจากอะไร พรรคการเมืองบางพรรคก็ถูกปรับลดโควตาลง ทั้งๆ ที่เคยมีโควตาตามสัดส่วน 9 : 1

ตามพระบรมราชโองการโปรดเกล้าแต่งตั้งรัฐมนตรี พบว่ามีการโปรดเกล้าลงมาเพียง 34 คน ทั้งๆ ที่ควรจะเป็น 35+1 คือบวกนายกรัฐมนตรีอีก 1 คน

ตรวจสอบลึกลงไปพบว่า พรรคพลังประชารัฐได้มาเพียง 3 ตำแหน่ง คือ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยสาธารณสุข, พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยกรธรรมชาติและสิ่งแล้วล้อม...

ชื่อของ ‘ไผ่ ลิกค์’ ที่มีโผว่าจะได้เป็นรัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ แต่หายไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ คุณสมบัติไม่ผ่าน หรือถูกตัดโควตาก็ไม่ทราบ แต่ถ้าตัดโควตา ก็ไม่เห็นว่าจะเอาไปเพิ่มให้ใคร ตรงไหน?

เรื่องนี้พลังประชารัฐจะว่าอย่างไร? มี สส.40 คน แต่ได้ตำแหน่งรัฐมนตรีเพียง 3 คน ซึ่งข้อเท็จจริงควรจะได้ 4+ ด้วยซ้ำไป

หรือเกิดจากการเอาคืนของเพื่อไทย ที่เสียงของพลังประชารัฐมาไม่เต็ม มาแค่ 39 จาก 40 และคนที่ไม่มาเป็นถึงหัวหน้าพรรค พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และเสียงสมาชิกวุฒิสภาสาย พล.อ.ประวิตร ก็มาแค่หร่อมแหร่ม 4-5 คน จึงถูกตัดโควตารัฐมนตรีลง แต่โดยมารยาทควรจะบอกกล่าวกันก่อนไหม

ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติ เสียงเต็มทั้ง 36 เสียง แถมเสียงสมาชิกวุฒิสภา สาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็มาเต็มเม็ดเต็มหน่วย เอาว่าเป็นเนื้อเป็นหนัง มี สส.36 คน แต่มีรัฐมนตรีถึง 5 ที่นั่ง ไม่ว่าจะเป็นพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีพลังงาน, นายกฤษณะ จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยคลัง (คนนอก), นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยเกษตร, นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการอุตสาหกรรม เป็นต้น 

เอาเป็นว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นเนื้อเป็นหนังกว่าเยอะ!!

นอกจากนี้ยังมีชื่อบุคคลที่เคยอยู่ในโผ แต่หลุดมือไปตอนไหนไม่รู้ นอกจาก ‘ไผ่ ลิกค์’ แล้ว ยังมี ‘ชูศักดิ์ ศิรินิล’ ที่ควรได้เป็นรองนายกรัฐมนตรี ดูแลฝ่ายกฎหมาย และช่วยงานพรรคมาตั้งแต่ยุคไทยรักไทย มีมือดีเข้ามาล่วงโผ ดัน ‘พิชิต ชื่นบาน’ อดีตทนายถุงขนม เข้ามาเสียบแทน ‘ชูศักดิ์’ โดยไม่ได้ดูคุณสมบัติ ว่าเคยต้องโทษจำคุกมาก่อนถึง 6 เดือน ซึ่งถือว่าขาดคุณสมบัติ ‘พิชิต’ จึงหลุดไปอีกคน 

สรุปง่ายๆ ว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่มีรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย หรือจะให้ ‘พีระพันธุ์’ ดูแลแทน ในฐานะอดีตผู้พิพากษา

ส่วน พิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ ที่เคยเข้าวินในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการอุตสาหกรรม ก็หลุดไปเหมือนกัน โดยมี ‘พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล’ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ เข้ามาสวมแทน… ทราบว่า นายกรัฐมนตรี ‘เศรษฐา ทวีสิน’ ขอเปลี่ยนตัวเอง ต้องการคนมีประสบการณ์เข้ามาทำงาน จึงโยกพิมพ์ภัทรา จากช่วยมหาดไทย มานั่งว่าการอุตสาหกรรมแทนพิชชารัตน์ ซึ่งชื่อของพิชชารัตน์ก็หายไปจากสารบบ 2-3 วันแล้ว

ด้าน ‘วิทยา แก้วภราดัย’ ที่เคยมีชื่อเข้าชิงในรอบแรก ในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยสาธารณสุข แต่ชื่อหลุดไปเมื่อเข้ารอบสอง ซึ่งเจ้าตัวอาจจะขอถอนเองก็เป็นได้ เพราะเคยนั่งว่าการสาธารณสุขมาแล้ว

ชื่อ ‘อดิศร เพียงเกษ’ หมอแคนจากพรรคเพื่อไทยก็ไปเข้ารอบ ไม่แตกต่างจาก ‘เสี่ยอ๋อย’ จาตุรนต์ ฉายแสง แต่ดูเหมือนว่า จะมีชื่อคนใหม่ๆ แปลกๆ เข้ามาแทนหลายตำแหน่งอยู่เหมือนกัน เช่น จักรพงษ์ แสงมณี มากพรรคไหนไม่ทราบ เข้ามานั่งช่วยต่างประเทศ

การตั้งรัฐบาลคราวนี้ พรรคที่เจ็บกระดองใจมากที่สุดน่าจะเป็นพลังประชารัฐ ที่มี สส.มากกว่ารวมไทยสร้างชาติ แต่ได้รัฐมนตรีน้อยกว่า ถึงเวลาพลังประชารัฐต้องมานั่งขบคิดแล้วละ จะว่าโควตาเต็มก็ไม่ใช่ เพราะตั้งยังขาดอยู่อีก 2 ตำแหน่ง หรือใครบางคนขาดคุณสมบัติ ส่งคนใหม่มาก็ตรวจสอบไม่ทันแล้ว เพราะรายชื่อส่งหมดแล้ว จะรอก็ไม่ได้ เพราะกำหนดการวางไว้หมดแล้ว วันศุกร์นำรายชื่อคณะรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้า โปรดเกล้าฯ ลงมา ‘เสาร์’ วันจันทร์เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน วันอังคารก็จะประชุม ครม.นัดแรก วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ‘ลุงตู่’ จึงมีอีเวนต์ อำลาทำเนียบรัฐบาลด้วย ‘รอยยิ้ม-น้ำตา’

แต่เริ่มต้น รัฐบาลเศรษฐา 1 ก็เห็นรอยร้าวแล้ว และน่าจะเป็นบทลงโทษที่สาสมกับเพื่อไทยต่อพลังประชารัฐ

อึ้งเมนต์ชาวเน็ต “เอื้อเฟื้อที่นั่ง-ไม่ได้บังคับ-ขึ้นอยู่ที่จิตใจคน” กรณีพระสงฆ์ยืนบนรถไฟฟ้า แล้วไม่มีใครลุกให้นั่ง

เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 66 มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ‘Bannasan Chansomsak’ โพสต์ภาพพระสงฆ์รูปหนึ่ง ยืนอยู่บนรถไฟฟ้า MRT ซึ่ง ‘ที่นั่งสำรองบุคคลพิเศษ’ (Priority seat) มีผู้โดยสารนั่งอยู่ โดยผู้โพสต์ระบุข้อความว่า “ข้างป้าย ที่นั่งสำรองบุคคลพิเศษ MRT พระภิกษุยืน บุคคลพิเศษกว่า นั่งกันตรึม”

สำหรับ ‘ที่นั่งพิเศษ’ หรือที่เรียกกันว่า ‘Priority Seat’ เป็นที่นั่งไว้คอยบริการแก่บุคคลพิเศษ เด็ก, สตรีมีครรภ์, คนชรา, พระสงฆ์, ผู้พิการ ซึ่งผู้โดยสารทุกท่านสามารถนั่งได้ แต่ก็ต้องพร้อมเสมอที่จะลุกเสียสละ เมื่อมีบุคคลพิเศษจำเป็นต้องใช้บริการ

อย่างไรก็ตาม โพสต์ดังกล่าวมีชาวเน็ตแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก เช่น

“ยุคนี้ ประเด็นเรื่องลุกให้นั่งยังมีอีกหรอ คนเหมือนกัน”
“อยู่ที่สามัญสำนึกของบุคคลที่ถูกสั่งสอนมาไม่เหมือนกันแต่ละครอบครัว คำว่าเอื้อเฟื้อที่นั่ง ไม่ได้บังคับ แต่ขึ้นอยู่จิตใจคน”
“ส่วนตัวมองว่ามันเป็นเรื่องของ policy มากกว่าในเมื่อจะเลือกไปใช้รถไฟที่เขามีกฎแบบนี้ ก็ต้องทำตาม เออแต่ถ้าไม่มีกำหนดก็ไม่ต้องก็ไม่มีใครว่า ปล.พระอาจยืนให้เพราะเหมือนที่นั่งอาจจะอายุเยอะแล้ว” เป็นต้น

สถาบันทิศทางไทย ออกแถลงการณ์ 7 ข้อ ‘อภัยลดโทษ’ ทักษิณ ไม่ใช่ ‘อภัยโทษ’

(2 ก.ย.66) ‘สถาบันทิศทางไทย’ ได้ออกแถลงการณ์ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อราชกิจจานุเบกษา ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณให้อภัย ‘ลด’ โทษ นักโทษชายเด็ดขาดทักษิณ ชินวัตร ว่า...

“สถาบันทิศทางไทย อันประกอบด้วยนักวิชาการและผู้ทรงคุณวุฒิในหลายแขนง ได้เห็นร่วมกันถึงพระราชอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดังปรากฏในพระมหากรุณาธิคุณให้อภัย ‘ลด’ โทษนักโทษชายเด็ดขาดทักษิณ

จึงใคร่ขอให้พสกนิกรและผู้จงรักภักดีได้เข้าใจถึงข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง ดังต่อไปนี้

1.) ราชกิจจานุเบกษาเป็นประกาศพระมหากรุณาธิคุณ ‘พระราชทานอภัยลดโทษ’ กับนักโทษชายเด็ดขาดทักษิณ ไม่ใช่ ‘พระราชทานอภัยโทษ’ แต่อย่างใด ดังนั้น นักโทษชายทักษิณยังมีความผิดมิใช่ได้รับนิรโทษกรรมหรือพ้นจากความผิดที่ได้เคยกระทำไว้  และหากต้องโทษในคดีอื่นๆ อีกก็ย่อมมิอาจขอพระราชทานอภัยโทษเป็นการเฉพาะได้อีกเพราะถือเป็นที่สุดแล้ว

2.) นักวิชาการ อ.เทพมนตรี ลิมปพยอม ได้ชี้ให้เห็นว่า ราชกิจจานุเบกษาคือการ ‘ตรา’ บันทึกความผิดของนักโทษชายเด็ดขาดทักษิณเอาไว้แล้วในประวัติศาสตร์ มิมีสิ่งใดมาแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้เลยนับจากนี้

3.) คำกล่าวในอดีตของนักโทษชายเด็ดขาดทักษิณที่มักอ้างว่า โดนกลั่นแกล้งทางการเมือง โดนศาลตัดสินด้วยกระบวนการที่บิดเบี้ยว รวมถึงวาทกรรมผลพวงรัฐประหาร ล้วนแล้วแต่ไม่จริง เพราะนักโทษชายเด็ดขาดทักษิณได้ยอมรับผิดทั้งหมดด้วยตัวเองก่อนขอพระราชทานอภัยโทษ

4.) ขบวนการปฏิรูปสถาบันที่นำโดยพรรคก้าวไกล (อนาคตใหม่) คณะก้าวหน้า กลุ่ม NGO ที่ได้รับเงินต่างชาติ กลุ่มราษฎร กลุ่มทะลุวัง ย่อมมิอาจอ้างวาทกรรม ‘ตุลาการภิวัฒน์’ ‘นิติสงคราม’ วาทกรรมสถาบันแทรกแซงการเมืองผ่านศาลและกองทัพได้อีกต่อไป เพราะนักโทษชายเด็ดขาดทักษิณได้ยอมรับเองไปแล้วว่าได้กระทำผิดจริง

5.) การพระราชทานอภัยลดโทษให้นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ เป็นไปตามระบอบราชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ เป็นการใช้ ‘ธรรมราช’ อันเป็นพระราชอำนาจโดยหลักทศพิธราชธรรมของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโดยมีนายกฯรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

6) ดร.สุวินัย ภรณวลัย ได้ชี้ให้เห็นแล้วว่าการใช้พระราชอำนาจเช่นนี้เป็นพระราชอัจฉริยภาพ และพระราชวินิจฉัยเพื่อดับวิกฤติที่กำลังคุกคามประเทศไทยเราอยู่ ชาติไทยเราอยู่รอดมาได้ต้องแลกมาด้วยเลือดเนื้อ สิ่งที่เราเองก็มิอยากสูญเสียหรือมิอยากเห็นยิ่งกว่านี้ ข้อเปลี่ยนแปลงใดๆย่อมมิสำคัญเท่ากับทางรอดของประเทศชาติ

7.) ครอบครัวชินวัตร พรรคเพื่อไทย รวมถึงรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ที่โน้มรับในพระมหากรุณาธิคุณพึงต้องแสดงความจงรักภักดีให้เป็นรูปธรรมเป็นที่ประจักษ์ คือ

7.1.) ยืนยันต่อระบอบการปกครองราชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญดังที่เป็นมา
7.2.) ยืนยันอย่างเปิดเผยไม่เปลี่ยนแปลงแก้ไขสาระสำคัญรัฐธรรมนูญหมวด 1 และหมวด 2
7.3.) ไม่เร่งการแก้รัฐธรรมนูญ มุ่งแก้ปัญหาปากท้องของคนในชาติอันเป็นเรื่องเร่งด่วนกว่า
7.4.) ผลักดันกฎหมายควบคุม NGO ให้ออกมาได้โดยเร็ว เพราะสามารถตรวจสอบเส้นทางเงินของ NGO ที่รับเงินต่างชาติมาเคลื่อนไหวล้มล้างสถาบันฯ
7.5.) ดำเนินการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด สามารถสั่งปิดกับแพลตฟอร์มต่างชาติ Facebook, X(Twitter เดิม), Tik Tok ที่ปล่อยให้กลุ่มล้มล้างโพสต์ใส่ร้ายสถาบันฯ ต่อเนื่อง

ด้วยความเคารพ
สถาบันทิศทางไทย

‘บุ๋ม ปนัดดา’ ถูกรถชนท้ายอย่างแรงที่สิงคโปร์ ระบมทั้งหลัง-คอ มึนหัวจนอยากอาเจียน!!

(2 ก.ย. 66) ทำเอาแฟนๆ ตกใจอยู่ไม่น้อย หลังจากที่ ‘บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี’ เผยผ่านอินสตาแกรมว่า ตอนนี้ตัวเองขึ้นรถแท็กซี่อยู่ประเทศสิงคโปร์ และถูกรถที่วิ่งตามหลังมาชนโครมใหญ่ จนระบมหลังล่างกับคอ มึนหัวจนอยากอาเจียน ด้านเพื่อนที่มาด้วยกันถูกโทรศัพท์มือถือกระแทกเข้าหน้า

“ต้อนรับการมาถึงสิงคโปร์ ด้วยรถชนจ้า โครมใหญ่มาก โดนชนจากข้างหลัง เพื่อนฝน มือถือหลุดกระเด็นกระแทกตา ส่วนของบุ๋มระบมหลังล่างกับคอ มึนหัวจนอยากอาเจียน แง

ปล. ดีที่เราใส่สายคาด แต่มันแน่นจนตัวไม่ขยับ แต่ก็เกิดแรงกระแทกหนักอยู่”

นอกจากนี้ บุ๋มยังเข้าไปเมนต์ตอบชาวเน็ตที่บอกว่า “ถ้าเจ็บมากให้รีบไปตรวจ” ด้วยข้อความว่า “ตอนนี้รู้สึกชาๆ มึนๆ อยู่”

‘เปิ้ล นาคร’ พ้อ!! เหนื่อยเพื่อชาติแค่ไหน ก็คงต้องตัวใครตัวมัน หลัง ‘กีฬาเจ็ตสกี’ โดนตัดงบสนับสนุนนักกีฬาทีมชาติไทย

(2 ก.ย. 66) ‘เปิ้ล นาคร’ ขำไม่ออก หลังได้รับข่าวจากผู้ใหญ่ในวงการเจ็ตสกีประเทศไทยเกี่ยวกับเงินสนับสนุนและเงินอัดฉีด เพื่อใช้พัฒนานักกีฬาเจ็ตสกีทีมชาติไทยในปี 2022 ว่าทางผู้ใหญ่สรุปมาแล้วว่า “ยกเลิกเงินสนับสนุนและเงินอัดฉีดทั้งหมดของปี 2022 และปีต่อ ๆ ไป ด้วยเหตุผลที่มีเหตุผลของท่าน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ลูกชายของเปิ้ลอย่าง ‘น้องออก้า นครา’ ตัวทีมนักกีฬาเจ็ตสกีทีมชาติไทยที่อายุน้อยที่สุด และตัวแทนนักกีฬาเจ็ตสกีทีมชาติไทย พากันไปสร้างชื่อเสียงจนเป็นอันดับ 1 ของโลกครั้งแรกในประวัติศาสตร์มาแล้ว

โดย ‘เปิ้ล’ ได้โพสต์ภาพและข้อความตัดพ้อดังกล่าวผ่านเฟซบุ๊กเพจ Ple nakorn โดยระบุว่า…

‘ยกเลิก’ เงินสนับสนุนและเงินอัดฉีดปี2022..ที่นักกีฬาเจ็ตสกีไทยได้ไปสร้างชื่อเสียงจนเป็นอันดับ 1 ของโลกครั้งแรกในประวัติศาสตร์มาได้นั้น…ทางผู้ใหญ่สรุปมาแล้วครับว่า… “ยกเลิกเงินสนับสนุนและเงินอัดฉีดทั้งหมด!!!”… ไม่มีใครได้แล้วนะครับ… รวมถึงปีต่อ ๆ ไปด้วย…” ด้วยเหตุผลที่มีเหตุผลของท่าน” นักกีฬาเจ็ตสกีทีมชาติไทยทุกคนต่อจากนี้ไป (และอีกหลายประเภทกีฬา) จะเหนื่อยแค่ไหน จะตั้งใจทำเพื่อประเทศชาติกันสักแค่ไหน ก็ตัวใครตัวมันแล้วนะครับ

ขอบคุณสำหรับทุนงบประมาณที่คาดว่าจะนำมาใช้พัฒนานักกีฬา “มีหลักเกณฑ์ที่รอบคอบ จนสามารถยกเลิกกำลังใจที่นักกีฬาทุกคนตั้งใจทุ่มเทเพื่อประเทศชาติได้”… ขอบคุณสำหรับการจัดงบประมาณที่ทำให้การพัฒนากีฬาของไทยที่จะไปได้ไกล กลับริบหรี่ลงทุกวัน… มันเริศจริง ๆ…!!! #สมาคมเจ็ตสกีแห่งประเทศไทย #นักกีฬาทีมชาติไทย #การกีฬาแห่งประเทศไทย”

หลังจากนั้นได้มีแฟน ๆ เข้ามาคอมเมนต์แสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก

‘ปชป.’ ยกทีมบุกระยอง รวมพลังช่วย ‘หมอบัญญัติ’ ชิง สส. วอนชาวแกลงเลือกคนขยัน-ผลงานเด่น เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

‘บัญญัติ-สุทัศน์-นิพนธ์-คุณหญิงกัลยา’ รวมพลังช่วย ‘หมอบัญญัติ’ ชิง สส.ระยองวอน ชาว อ.แกลง อ.เขาชะเมา เลือกคนขยัน เข้าใจปัญหา เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนระยอง

เมื่อวันที่ 2 ก.ย. 66 นายบัญญัติ บรรทัดฐาน สส.พรรคประชาธิปัตย์, นายนิพนธ์ บุญญามณี รักษาการรองหัวหน้าพรรคฯ, คุณกัลยา โสภณพนิช รักษาการรองหัวหน้าพรรคฯ และนายสุทัศน์ เงินหมื่น อดีต สส.ประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่เขตเทศบาลตำบลเมืองแกลง เพื่อขอคะแนนเสียงให้กับ นพ.บัญญัติ เจตนจันทร์ ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หมายเลข 2 พรรคประชาธิปัตย์

นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กล่าวช่วงหนึ่งว่า ที่น่าห่วงคือ วันนี้ที่ประชาชนเบื่อการเมือง เพราะเข้าใจว่าไม่เกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ เลยไม่อยากที่จะไปใช้สิทธิ์ใช้เสียง แต่อย่างไรก็ตาม ก็ขอยืนยันว่า ยังไงการเมืองก็เกี่ยวข้องกับพี่น้องประชาชนโดยตรง แต่ที่ทำให้เบื่อหน่ายคือ การที่พี่น้องประชาชน ไม่ได้เลือกผู้แทนจาก 2 ปัจจัยสำคัญ คือ 1.) คนที่รู้ เข้าใจปัญหา และ 2.) คนที่ขยัน ติดตามการแก้ไขปัญหา ซึ่ง 2 ปัจจัยนี้มีอยู่ครบถ้วนในตัว นพ.บัญญัติ เจตนจันทร์ และประชาชนจะได้ผู้แทนของพี่น้องประชาชนจริงๆ จึงขอฝากไปยังพี่น้องประชาชนว่าได้โปรดให้การสนับสนุนหมอบัญญัติเพื่อให้ได้กลับเข้าไปทำหน้าที่ สส.ตามเดิม

ด้านนายนิพนธ์ กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า คุณหมอบัญญัตินั้น เป็นคนที่ขยัน เป็นภาพจำที่โดดเด่นในการทำหน้าที่ได้อย่างดีทั้งในและนอกสภาฯ โดยเมื่อครั้งที่ตนดำรงตำแหน่ง รมช.มท. คุณหมอบัญญัติ ได้มีการประสานให้ตน ลงพื้นที่เพื่อแก้ไขปัญหาช้างป่าบุกรุกทำลายพืชผลทางการเกษตร รวมทั้ง การจัดทำมาตรการเชิงรุกเพื่อลดอุบัติเหตุในจังหวัดระยอง ที่เคยมียอดผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางท้องถนนสูงที่สุดของภาคตะวันออก และอีกหลายๆ ที่เป็นผลงานที่เกิดรูปธรรม ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ เพื่อต้องการสื่อให้พี่น้องประชาชนได้เห็นความตั้งใจทำงาน ความเข้าใจปัญหา เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนระยองทั้งหวัดที่คุณหมอบัญญัติได้ตั้งใจจริง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top