Wednesday, 11 June 2025
TheStatesTimes

‘ไบเดน’ โหนกระแส ฟันธง!! ‘ปูติน’ อยู่เบื้องหลัง  ‘เยฟเกนี พริโกซิน’ หัวหน้า Wagner เสียชีวิต

(24 ส.ค. 66) จับกระแสไว ยิ่งกว่าเจ้าของรายการโหนกระแสเสียอีก สำหรับ ‘โจ ไบเดน’ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา หลังจากทราบข่าวเรื่องอุบัติเหตุเครื่องบินของ ‘เยฟเกนี พริโกซิน’ ผู้ก่อตั้งกองกำลัง Wagner ตกในรัสเซีย ที่ทำให้ผู้โดยสาร จำนวน 10 คน รวมทั้งเยฟเกนี พริโกซิน เสียชีวิตยกลำ ก็ได้ออกมาฟันธงทันทีว่า ‘วลาดิมีร์ ปูติน’ ผู้นำรัสเซีย เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุครั้งนี้อย่างแน่นอน

สื่อรัสเซียรายงานว่า เกิดอุบัติเหตุเครื่องบินเจ็ทเหมาลำโดย ‘เยฟเกนี พริโกซิน’ และผู้บริหารระดับสูงของกองกำลัง Wagner ตกที่ ‘เมืองตเวียร์’ ทางภาคตะวันตกของรัสเซีย เมื่อช่วงเย็นของวันพุธที่ 23 สิงหาคม 2566 และไม่มีผู้ใดรอดชีวิต ตอนนี้เจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังเคลียร์พื้นแล้ว ล่าสุดพบร่างผู้เสียชีวิตแล้ว 8 ศพ ส่วนทางรัฐบาลมอสโก ยังไม่ออกมาแสดงความเห็นใดๆ เกี่ยวกับอุบัติเหตุครั้งนี้

ถึงแม้ทางเครมลินยังเงียบ แต่ทำเนียบขาวมาแล้ว โดย ‘โจ ไบเดน’ ออกมาแสดงความเห็นอย่างหนักแน่นว่า ‘วลาดิมีร์ ปูติน’ ผู้นำรัสเซีย เกี่ยวข้องกับการตกของเครื่องบินเหมาลำของหัวหน้าหน่วย Wagner อย่างไม่ต้องสงสัย

ไบเดนกล่าวว่า “ผมยังไม่รู้รายละเอียดแน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ผมไม่ประหลาดใจเลย เพราะไม่ค่อยมีอะไรที่เกิดขึ้นในรัสเซีย แล้วจะไม่เกี่ยวข้องกับปูติน”

ไบเดนยังบอกนักข่าว CNN ที่ตามไปสัมภาษณ์เกี่ยวกับข่าวของพริโกซินว่า เขาเคยพูดไว้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมแล้วว่า พริโกซินต้องระวังความปลอดภัยของตัวเองให้มาก หลังเหตุก่อกบฏที่ล้มเหลวเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

ซึ่ง โจ ไบเดน เคยพูดเช่นนั้นจริงๆ ตอนที่เขาไปเยือนกรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2566 ในครั้งนั้น ไบเดนพูดติดตลกในห้องประชุมผู้สื่อข่าวว่า “ถ้าผมเป็นพริโกซินตอนนี้ ผมจะระวังอาหารทุกจานที่ผมกิน จับตามองเมนูทุกอย่างที่จะเสิร์ฟให้ผมนับจากนี้”

ไม่ใช่เฉพาะ ‘โจ ไบเดน’ ที่เชื่อว่า ‘เยฟเกนี พริโกซิน’ อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัย ‘มิไคโล โปโดลแยค’ ผู้ช่วยประธานาธิบดียูเครน ก็ได้ออกมาแสดงความเห็นเช่นกันว่า อุบัติเหตุของเครื่องบินโดยสารของเยฟเกนี พริโกซิน เกิดขึ้นตรงวันที่กองกำลัง Wagner ลุกฮือในรัสเซีย ครบรอบ 2 เดือนพอดี (23 มิถุนายน 2566) ซึ่งเชื่อได้ว่าเป็นการส่งสัญญาณของรัฐบาลปูติน ถึงกลุ่มนายทุนชั้นสูงของรัสเซียว่า การไม่จงรักภักดีต่อระบอบปูติน มีราคาที่ต้องจ่าย และยังเป็นการปูทางสู่การเลือกตั้งใหญ่ในรัสเซียในปี 2024 อีกด้วย

ด้าน ‘วลาดิมีร์ ปูติน’ ที่ถูกพาดพิงจากสื่อทุกสำนักในวันนี้ ก็ยังไม่ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับอุบัติเหตุของเยฟเกนี พริโกซิน นอกจากกำหนดการที่ต้องออกมากล่าวคำปราศรัยในวันฉลองชัย วันครบรอบ 80 ปี ยุทธการที่เมืองคูสค์ ซึ่งกองกำลังโซเวียตมีชัยชนะอย่างเด็ดขาดต่อกองทัพนาซีเยอรมัน ในแนวรบที่เมืองคูสค์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยได้ถือโอกาสนี้กล่าวปลุกใจ สร้างขวัญทหารรัสเซียที่ไปรบในยูเครนตามปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

โดยนักวิเคราะห์มองว่า นี่เป็นการแสดงให้เห็นถึงสถานะของปูตินที่ยังแข็งแกร่งเพียงพอ ที่จะรอโอกาสแก้แค้นฝ่ายที่ต่อต้านเขาได้อย่างใจเย็น

สำหรับในวันนี้ ที่หน้าสำนักงานกองกำลัง Wagner ในเมือง เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก จะมีการจุดเทียน และวางดอกไม้ไว้อาลัยให้กับ เยฟเกนี พริโกซิน เนื่องจากพริโกซิน เป็นหนึ่งในนายทุนระดับสูงที่มีฐานความนิยมในรัสเซียอยู่พอสมควร ทว่าการจากไปของพริโกซิน ทำให้ไม่อาจคาดเดาอนาคตของกองกำลัง Wagner ที่ปักหลักในยูเครน และ ทวีปแอฟริกา ว่าจะเคลื่อนไหวอย่างไรต่อไปหลังจากนี้…

'ลุงตู่' ฝากฝัง 'เศรษฐา' รักษาสถาบันฯ  วอนคนไทย 'เลิกแบ่งสี-แบ่งฝ่าย' ได้แล้ว 

(24 ส.ค. 66) ที่กระทรวงกลาโหม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการประชุมสภากลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ถ่ายรูป และเซลฟี่ กับสื่อมวลชนอย่างชื่นมื่น ท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก พร้อมทั้งกล่าวหยอกล้อว่า "ฉันยังไม่ได้ไปไหนหรอกนะ" 

โดยสื่อมวลชนได้ร้องเพลง ‘แม้ไม่ใช่คนโปรด อย่างคนอื่นเขา’ ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ มีรอยยิ้มออกมาพร้อมทั้งกล่าวว่า "ร้องเพลงให้นายกฯ คนนี้แล้ว ก็ให้ไปร้องเพลงนี้ให้นายกฯ คนใหม่ด้วย"

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายเศรษฐา ทวีสิน ว่าที่นายกฯ คนที่ 30 เข้าพบเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า ได้ฝากดูแลทุกอย่าง ซึ่งท่านก็รับไป ตนก็ไม่ได้ไปก้าวล่วงอำนาจ ซึ่งตนพร้อมส่งมอบงานและข้อมูลต่าง ๆ เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติ ในการบริหารราชการต่อไป

เมื่อถามว่า มีงานที่คั่งค้างและฝากนายกฯ คนใหม่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่มี ท่านก็คงนำไปพิจารณาและทำต่อ อะไรที่ต้องปรับ ก็ปรับ ส่วนเรื่องสถาบันฯ ฝากแล้ว

เมื่อถามว่าได้มีการมองหา รมว.กลาโหมคนใหม่ เพื่อดูแลกองทัพต่อไปหรือไม่? พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ยังไม่ทราบว่าใครเป็น" 

เมื่อถามว่าถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่นายกฯ ทั้งสองคนมาเจอกันเพื่อสลายขั้ว สร้างความสามัคคี หรือไม่? พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "อย่าไปมองว่าสีไหนเป็นสีไหน เลิกแบ่งสีได้แล้ว วันนี้บ้านเมือง เดินไปข้างหน้ามีรัฐบาลใหม่มา"

เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่ากรณีที่นายเศรษฐาได้เป็นนายกฯ เพราะได้รับการสนับสนุนจากพล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่? พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ก็อย่าไปมองอย่างนั้นซิ รัฐบาลมาตามขั้นตอนและกระบวนการ เรื่องต่าง ๆ ในสภาก็เป็นเรื่องของรัฐสภา ตอนนี้อย่าไปสร้างประเด็น หรือคิดเอาเองกัน เขียนออกมาก็ต้องระมัดระวังด้วย วันนี้ขัดแย้งกันไม่ได้แล้ว แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการ"

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้เดินเข้าไปนั่งในรถประจำตำแหน่ง พร้อมลดกระจกลง พร้อมโบกมือให้สื่อพร้อมทั้งกล่าวว่า "ยังไม่ได้ไปไหนสักหน่อยนึง วันนี้ข้าราชการอำลาเกษียณฯ 60 ฉันเกษียณ 70" 

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าจะไปทำอะไรดี? พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า "พักผ่อน" ก่อนเดินขึ้นรถไป ก่อนจะเปิดกระจกรถยกมือบ๊ายบายพร้อมกล่าวว่า “ยังไม่ได้ไปไหน”

‘คนเสื้อแดงปทุมฯ’ เข้าให้กำลังใจ ‘เศรษฐา’ ตะโกน “นายกฯ ชื่อเศรษฐา คนไทยจะเป็นเศรษฐี”

(24 ส.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) กลุ่มเสื้อแดงปทุมธานี นำโดย นายยุทธศักดิ์ ชูประเสริฐ หรือ จ่ายุทธ อดีตผู้สมัคร ส.ส.ปทุมธานี เขต 3 พรรคเพื่อไทย มอบดอกไม้ให้กำลังใจ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โดยจ่ายุทธกล่าวว่า ดีใจที่ท่านได้มาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งสวัสดิการเรื่องปากท้อง ผู้สูงอายุที่พรรคเพื่อไทยมีท่านจะผลักดันไปได้ดี เพราะท่านเป็นนักธุรกิจใหญ่ ทำความสำเร็จมาแล้ว

ก่อนที่กลุ่มคนเสื้อแดงปทุมธานีจะพร้อมใจกันตะโกนว่า “นายกฯ ชื่อเศรษฐา คนไทยจะเป็นเศรษฐี”

ขณะที่นายเศรษฐากล่าวว่า รู้สึกปลาบปลื้มที่วันนี้มากันมากมาย ภูมิใจที่วันนี้มาถึงตรงนี้ได้ แม้จะไม่ได้ สส.ทุกจังหวัด แต่ก็ทราบดีว่ามีการสนับสนุนที่ดีมาโดยตลอด และเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลในรอบ 9 ปี และมีนายกรัฐมนตรีที่มาจากพรรคเพื่อไทยโดยได้รับการสนับสนุนที่ดีจากพี่น้อง เพราะเรามี สส. ที่มีคุณภาพนโยบายดี ๆ ต่าง ๆ เชื่อว่าจะช่วยยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนทุกคน

จากนั้นกลุ่มคนเสื้อแดงปทุมธานีตะโกน “เพื่อไทยจงเจริญ” พร้อมตะโกนย้ำอีกครั้งว่า “นายกฯ ชื่อเศรษฐา คนไทยจะเป็นเศรษฐี”

‘ศาลอาญา’ สั่งจำคุก 3 ปี 6 เดือน ‘เก็ท โมกหลวงริมน้ำ’ ฐานปราศรัยดูหมิ่น-แสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันฯ

(24 ส.ค. 66) ที่ห้องพิจารณา 707 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีดูหมิ่นสถาบัน หมายเลขดำ อ.1447/2565 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้องนายโสภณ สุรฤทธิ์ธำรง หรือเก็ท แกนนำกลุ่มโมกหลวงริมน้ำ เป็นจำเลยในความผิดฐาน ดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงฯ

โดยอัยการโจทก์ฟ้องสรุปความผิดว่า เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2565 จำเลยได้ปราศรัยระหว่างทำกิจกรรม ทัวร์มูล่าผัว ดูหมิ่นในหลวงรัชการที่ 10 และพระราชินี โดยใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการดูหมิ่นสถาบัน แสดงความอาฆาตมาดร้ายให้เกิดความเสื่อมเสียพระเกียรติยศ ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง

เหตุเกิดที่แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กทม. จำเลยให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้ง 2 ฝ่ายที่นำสืบหักล้างแล้ว เห็นว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112  และ พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ. 2493 มาตรา 4,9 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์และพระราชินี จำคุก 3 ปี ฐานใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน รวมจำคุก 3 ปี 6 เดือน ไม่รอลงอาญา

ส่วนคำขอให้นับโทษจำคุกจำเลยในคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยที่ 11 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ 1423/2564 คดีหมายเลขแดงที่ อ 953/2566 ของศาลอาญา นั้น เนื่องจากคดีดังกล่าวศาลพิพากษารอการลงโทษจึงไม่มีโทษจำคุกให้นับโทษต่อยกคำขอส่วนนี้

‘เพื่อไทย’ จวก!! ‘รองอ๋อง’ แต่งชุดไม่สุภาพ ใส่เสื้อคอจีน-ไม่ผูกเน็กไท ด้านเจ้าตัวแจง เป็นไปตามระเบียบ หากไม่สบายใจจะปรับปรุงให้ดีขึ้น

(24 ส.ค. 66) ที่รัฐสภา ระหว่างที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร กำลังพิจารณารับทราบรายงานผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนพัฒนาน้ำบาดาล สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 2564 นั้น

นายนิคม บุญวิเศษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นตำหนิการแต่งกายของนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ปฏิบัติหน้าที่ประธานการประชุม ที่แต่งกายใส่เสื้อคอจีนและใส่เสื้อสูททับ โดยไม่ติดเน็กไท เป็นการแต่งกายไม่สุภาพ

นายนิคมกล่าวว่า ข้อบังคับการประชุมสภาฯ สส.ต้องแต่งกายเครื่องแบบรัฐสภา ชุดสากลนิยม ชุดพระราชทาน หรือชุดตามระเบียบที่สภาฯ กำหนด แต่ชุดที่ประธานฯ แต่ง เห็นแล้วไม่สบายใจ ไม่เรียบร้อย เกรงจะเป็นบรรทัดฐานให้ที่ประชุม นี่คือรัฐสภา ขอให้เป็นตัวอย่างแก่สมาชิก

ขณะที่นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวเสริมว่า การแต่งกายของประธานฯ ไม่ใช่สากลนิยม ควรตั้งคณะกรรมการมาพิจารณาเรื่องการแต่งกายของ สส.ให้เป็นสากลนิยม ให้ทุกคนปฏิบัติโดยพร้อมเพรียง ไม่อยากให้ประธานฯ โดนอะไรไปมากกว่านี้ มองยังไงก็ไม่ใช่ชุดสากล

ทำให้นายปดิพัทธ์ ชี้แจงว่า การแต่งกายชุดสากลนิยมเคยหารือแล้วว่า การใส่เสื้อคอจีน แล้วใส่สูททับ โดยไม่ใส่เน็กไท เป็นชุดสุภาพ ตามระเบียบสภาฯ ตนเคารพทุกคน ถ้าไม่สบายใจก็จะแต่งตัวให้ดีขึ้น แต่ยืนยันว่า แต่งกายถูกต้องตามระเบียบ วันนี้ถ้าจะยึดแบบสากลนิยมจริงๆ การแต่งกายหลายคนคงไม่ผ่าน ขอให้เดินหน้าประชุมก่อน เรื่องระเบียบต่างๆ จะนำกลับไปพิจารณา ปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น

‘หนุ่ม ศรราม’ ฉลองวันเกิดแบบเรียบง่าย ในวัย 50 ปี ด้วยการกราบขอพร ‘แม่-ป๋าเดียร์’ พร้อมจัดปาร์ตี้เล็กๆ

(24 ส.ค. 66) เป็นวันเกิดที่น่ารักและอบอุ่นไม่น้อย สำหรับพระเอกดังอย่าง ‘หนุ่ม ศรราม เทพพิทักษ์’ ได้เผยคลิปโมเมนต์ครอบครัวเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดของตัวเองเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ที่ผ่านมา ครบ 50 ปีพอดี โดยเจ้าตัวก็ได้ใส่แคปชันระบุว่า…

“วันเกิด กราบเท้าแม่ กราบป๋า กราบพระและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอพรท่านช่วยคุ้มครองผมและวีจิ ด้วยนะครับผม” โดยในคลิปนั้น ‘หนุ่มศรราม’ ก็ได้เข้าไปกราบขอพรจากแม่เนื่องในวันเกิด โดยคุณแม่ก็ได้อวยพรว่า “แฮปปี้เบิร์ธเดย์นะลูก ขอให้ลูกแข็งแรง มีสุขภาพที่ดี” พร้อมนำพวงมาลัยไปกราบหน้ารูปของ ‘ป๋าเดียร์ ชุมพร เทพพิทักษ์’

นอกจากนี้ ยังมีโมเมนต์น่ารัก ๆ ของพ่อลูก โดย ‘น้องวีจิ’ ได้บอกว่า “แฮปปี้ เบิร์ธเดย์ป่ะป๊านะคะ หนูรักป่ะป๊าที่สุดในโลกนะคะ”

พ่อหนุ่มก็กอดหอมลูกสาว พร้อมบอกว่า “รักวีจิที่สุดในโลกนะคะ ขอบคุณนะลูก”

รวมถึงปาร์ตี้เล็ก ๆ ที่คนใกล้ชิดได้ทำเซอร์ไพรส์ให้ด้วย “ขอบพระคุณเจณจินนี่ ปุ๋ม และเพื่อน ๆ   ทุกคนสำหรับงานวันเกิดเล็ก ๆ แต่ได้เจอครบทุกคน ขอบพระคุณทุก ๆ คำอวยพรจากแฟน ๆ ทุกคนนะครับ ด้วยความเคารพครับผม”

25 สิงหาคม พ.ศ. 2565  พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  รักษาการนายกฯ แทน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นวันแรก

วันนี้ เมื่อปีก่อน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นั่งเก้าอี้รักษาการนายกรัฐมนตรี แทน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ระหว่างรอวินิจฉัยอยู่ในตำแหน่งนายกฯ 8 ปี

จากกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเสียงข้างมาก 5:4 รับคำร้อง วาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปี และ สั่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หยุดปฏิบัติหน้าที่ เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2565 โดยในระหว่างนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จะปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีแทนไปจนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยออกมา

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันในนาม ‘ลุงป้อม’ กับภาพลักษณ์ผู้ใหญ่ใจดี ยิ้มง่าย มีใบหน้าเปื้อนยิ้มตลอดเวลา

พล.อ.ประวิตร เกิดเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2488 เพิ่งอายุครบ 78 ปีไปหมาด ๆ เป็นชาวกรุงเทพมหานครโดยกำเนิด เข้าเรียนที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล ก่อนศึกษาต่อยังโรงเรียนเตรียมทหาร ในรุ่นที่ 6 โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 17 พร้อมกับจบการศึกษาหลักสูตรประจำ ชุดที่ 56 โรงเรียนเสนาธิการทหารบก เมื่อปี 2521

ในด้านการรับราชการทหาร พล.อ.ประวิตร ก้าวขึ้นมาเป็นผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์ เมื่อปี 2532 ต่อด้วยผู้บัญชาการกรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ฯ เมื่อปี 2539 และค่อย ๆ ได้รับการขยับตำแหน่งสูงขึ้น จนได้มาเป็นผู้บัญชาการทหารบกเมื่อปี 2547 ในสมัยนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และถือได้ว่าเป็นนายทหารรุ่นพี่ที่สนิทสนมกับนายทหารอดีตผู้บัญชาการทหารบกสองนาย คือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จนได้รับฉายาว่าเป็นพี่ใหญ่แห่งพี่น้อง 3 ป.

สำหรับเส้นทางการเมืองของพล.อ.ประวิตร เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในปี พ.ศ. 2552 จากนั้น ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานที่ปรึกษา และเป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ภายหลังจากการรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2557

27 สิงหาคม พ.ศ. 2378  หมอบรัดเลย์ นายแพทย์ชาวอเมริกัน เริ่มการผ่าตัดเป็นครั้งแรกในสยาม

วันนี้เมื่อ 188 ปีก่อน หมอบรัดเลย์ เริ่มการผ่าตัดเป็นครั้งแรกในสยาม โดยผ่าตัดก้อนเนื้อที่หน้าผากของผู้ป่วยรายหนึ่งโดยไม่มียาสลบ

หมอบรัดเลย์ หรือ แดน บีช แบรดลีย์ (Dan Beach Bradley) เป็นนายแพทย์ชาวอเมริกัน ได้เดินทางเข้ามายังสยาม เมื่อ พ.ศ. 2378 โดยเข้ามาทำงานในคณะกรรมธิการพันธกิจคริสตจักร โพ้นทะเล (American Board of Commissioners for Foreign Missions) พักอาศัยอยู่กับมิชชันนารี ชื่อ จอห์นสัน ที่วัดเกาะ และได้เปิดโอสถศาลาขึ้นที่ข้างใต้วัดเกาะ รับรักษาโรคให้แก่ชาวบ้านแถวนั้นพร้อมทั้งสอนศาสนาคริสต์ให้แก่ชาวจีนที่อยู่ในเมืองไทย

ต่อมาหมอบรัดเลย์ได้เริ่มการผ่าตัดเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยผ่าตัดก้อนเนื้อ (ฝีขนาดใหญ่เหนือคิ้วซ้าย) ที่หน้าผากของผู้ป่วยรายหนึ่งโดยในขณะนั้นยังไม่มียาสลบ เป็นการผ่าตัดก่อนหน้าจะมีการใช้ยาสลบอีเทอร์ครั้งแรกในประเทศไทยถึง 13 ปี (ยาสลบอีเทอร์ใช้ครั้งแรกในไทยโดยหมอเฮาส์ในปี พ.ศ. 2391) การผ่าตัดสำเร็จด้วยดีท่ามกลางการเฝ้าดูและให้กำลังใจของชาวบ้าน

และอีกหนึ่งการผ่าตัดที่ได้รับการจารึกไว้คือเมื่อวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2380 เกิดเหตุระเบิดของปืนใหญ่ที่บริเวณงานวัดประยุรวงศาวาส มีคนเสียชีวิต 8 คน และบาดเจ็บจำนวนมาก ซึ่งในเหตุการณ์นี้ได้มีพระภิกษุรูปหนึ่งได้รับบาดแผลฉกรรจ์หมอบรัดเลย์จึงได้คิดเห็นว่าต้องตัดแขนและขาทิ้ง เพื่อรักษาชีวิตไว้

‘ถา สถาพร’ เผยข้อดี หลังเลิกบุหรี่มา 5 ปี ชี้!! ประหยัดเงินไปได้เกือบ 6 แสนบาท

(24 ส.ค. 66) นอกจากสุขภาพจะดีขึ้นแล้วยังประหยัดเงินในกระเป๋าไปได้เยอะเลยทีเดียว สำหรับ ผู้จัด-นักแสดง ‘ถา สถาพร นาควิไลโรจน์’ ที่ตั้งใจเลิกสูบบุหรี่มาตั้งแต่ปี 2561 จนถึงตอนนี้ก็เป็นระยะเวลากว่า 5 ปีแล้ว ที่เจ้าตัวทำสำเร็จ

โดย ‘ถา สถาพร นาควิไลโรจน์’ ได้ออกมาโพสต์แชร์ประสบการณ์หลังเลิกบุหรี่ 5 ปี ทำให้ประหยัดเงินในกระเป๋าไปกว่าครึ่งล้าน ระบุข้อความว่า "ครบ 5 ปี ที่เลิกบุหรี่สำเร็จ (24 สิงหาคม 2561-2566) เซฟเงินไปเกือบ 6 แสนบาท (150x2x30x12x5) รองาน Presenter เข้า"

ท่ามกลางคอมเมนต์ของแฟน ๆ เข้ามาชื่นชมเป็นจำนวนมาก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top