Tuesday, 10 June 2025
TheStatesTimes

ถ้าคุณมีเงิน ‘ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท’ และสามารถใช้จ่ายอะไรตามใจตัวเองก็ได้ คุณอยากจะแลกเปลี่ยนเป็นอะไรกันบ้าง!! ✨💰

ถ้าคุณมีเงิน ‘ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท’ และสามารถใช้จ่ายอะไรตามใจตัวเองก็ได้ คุณอยากจะแลกเปลี่ยนเป็นอะไรกันบ้าง!! ✨💰
 

‘มาดามเดียร์’ ลั่น!! ถึงเวลา ปชป. ประกาศจุดยืนฝ่ายค้าน ก่อนตั้ง ครม. ใหม่ ยัน!! ยึดหลักการอยู่ข้าง ปชช. ไม่แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน

เมื่อวานนี้ (24 ส.ค.66) น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม. พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ภาพและข้อความผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘เดียร์ วทันยา บุนนาค’ เพื่อเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์ประกาศจุดยืนเป็นฝ่ายค้านอย่างสมศักดิ์ศรีก่อนจัดตั้ง ครม. ชุดใหม่ ท่ามกลางกระแสวิจารณ์เรื่องผลโหวตนายกรัฐมนตรีที่ สส. พรรคประชาธิปัตย์มีทิศทางที่แตกต่างและไม่มีเอกภาพ โดยมีเนื้อหาดังนี้...

[ถึงเวลาที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องชัดเจน ประกาศจุดยืนฝ่ายค้านอย่างมีศักดิ์ศรีก่อนจัดตั้งครม.ชุดใหม่]

แม้ผลการโหวตเลือกนายกฯ คนที่ 30 ของสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์บางท่านในวันที่ 22 ส.ค. ที่ผ่านมาได้สร้างความเคลือบแคลงใจและไม่สบายใจให้แก่สมาชิกพรรคและสังคม แต่เดียร์ยังคงเชื่อมั่นว่าเป็นเพียงเพราะความเห็นต่างทางการเมืองที่เกิดขึ้นของ สส. ในพรรคประชาธิปัตย์ 

ดังนั้นเพื่อสร้างความกระจ่างให้แก่สมาชิกและประชาชนที่ติดตามการทำงานของพรรค จึงเห็นว่า สส. และคณะกรรมการบริหารซึ่งเป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาล ควรออกมา ‘ประกาศจุดยืนการเป็นฝ่ายค้านของพรรคประชาธิปัตย์’ ให้ชัดเจน โดยไม่จำเป็นต้องรอการจัดตั้ง ครม. ให้เสร็จสิ้น เพื่อแสดงออกถึงจุดยืนทางการเมืองของพรรคที่พร้อมทำงานในฐานะตัวแทนประชาชนโดยไม่ยึดการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนและเพื่อพวกพ้องเป็นที่ตั้ง

ทั้งนี้เดียร์ยังคงเชื่อมั่นว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองที่สมาชิกทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกัน สมาชิกสามารถมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ขับเคลื่อนการทำงานของพรรคอย่างแท้จริง อีกทางหนึ่งคือเครื่องบ่งชี้ว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองที่ขับเคลื่อนอยู่บนกลไกความเป็นประชาธิปไตย ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของพรรคการเมืองที่เป็นองค์กรสาธารณะ ต้องเปิดโอกาสให้ประชาชน ภาคสังคม และสมาชิกเข้ามามีส่วนร่วมในการทำงาน ไม่ปิดกั้นโอกาสทางความคิด

อย่างไรก็ตามภายใต้เสรีภาพในการทำงาน ที่ต้องการพลังความคิดที่หลากหลาย แต่องค์กรจะเดินไปได้อย่างเข้มแข็ง ย่อมต้องเดินเคียงคู่กับความเป็นเอกภาพของสมาชิกภายใน และนั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราต้องมี ‘กติกา’ ที่เรียกว่า ‘มติพรรค’ เพื่อให้สมาชิกสามารถทำงานร่วมกันได้ด้วยหลักการเคารพเสียงข้างมาก แต่ไม่ละเลยมองข้ามเสียงข้างน้อย สร้างให้พรรคเป็นพื้นที่ของคนทุกคน ดังนั้นไม่ว่ามติพรรคออกมาเป็นอย่างไรสมาชิกก็พร้อมน้อมรับผลลัพธ์ร่วมกันเพราะเกิดจากการตัดสินใจร่วมกัน

การกระทำใด ๆ ที่ไม่เป็นไปตามมติพรรค จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิสูจน์ได้ว่าเป็นการใช้เอกสิทธิ์โดยสุจริต ด้วยการยึดหลักยืนเคียงข้างประชาชน ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม

‘วิโรจน์’ ออกโรงป้อง ‘รองอ๋อง’ หลังถูกตำหนิเรื่องการแต่งกาย ยกกรณี ‘ผู้นำสิงคโปร์’ เทียบ ซัด ‘พท.’ อย่าใช้เรื่องนี้หาซีนในสภาฯ

(25 ส.ค. 66) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ‘Wiroj Lakkhanaadisorn - วิโรจน์ ลักขณาอดิศร’ ถึงกรณี สส.พรรคเพื่อไทย ตำหนิการแต่งกายของนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ประธานการประชุม โดยสวมเสื้อคอจีนและใส่สูททับ พร้อมกับโพสต์ภาพของผู้นำสิงคโปร์ขณะที่อยู่ในสภาฯ โดยสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวไม่ผูกเน็กไท โดยนายวิโรจน์ ระบุว่า…

“การแต่งกายด้วยชุดสุภาพสากล สามารถสวมสูท โดยไม่จำเป็นต้องผูกเน็กไทก็ได้ครับ คือ สส.คนไหนจะผูก หรือไม่ผูก ก็ถือว่าเป็นดุลพินิจในการแต่งตัวของแต่ละคน

การใส่เสื้อเชิ้ต และสวมสูททับ ก็ถือว่าเพียงพอแล้วครับ

อย่างกรณีที่สิงคโปร์ นายกรัฐมนตรี ลี เซียนลุง และ สส.ที่สิงคโปร์ เขาก็ใส่เสื้อเชิ้ตเข้าประชุมสภาฯ ตามปกติของเมืองร้อนได้เลยนะครับ

ที่สิงคโปร์เขามุ่งเน้นที่เนื้อหาสาระในการทำงาน ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับเปลือกครับ

ผมจำได้ว่าในสภาฯ ชุดที่แล้ว ก็เคยมีการประท้วงในเรื่องนี้ไปแล้ว และพรรคที่ประท้วงเรื่องนี้ ก็น่าจะเป็นพรรคพลังประชารัฐนะครับ

ผมเองก็คิดว่า มันน่าจะจบด้วยความเข้าใจไปแล้ว ถ้าคนที่ประท้วงในเรื่องนี้ เป็นพรรครวมไทยสร้างชาติ หรือพรรคพลังประชารัฐ ผมก็ยังพอเข้าใจได้

ไม่นึกไม่ฝันว่าอยู่ดีๆ พรรคเพื่อไทย จะเอาเรื่องกระพี้แบบนี้มาประท้วงเอาซีนในสภาฯ อีก

ผมจึงถือโอกาสชี้แจงให้ทุกท่านทราบอีกครั้งก็แล้วกันนะครับ จะได้เคลียร์ๆ และการประท้วงด้วยเรื่องไร้สาระแบบนี้ จะได้หมดไปจากสภาไทยเสียที ไม่อยากให้เรื่องหยุมหยิมแบบนี้รกสภาฯ ครับ”

‘BRICS’ รับสมาชิกใหม่ 6 ชาติ มี ‘ซาอุฯ-อิหร่าน’ ร่วมแจมด้วย หวังเปลี่ยนระเบียบโลก-ขึ้นแท่นมหาอำนาจใหม่ สู้โลกตะวันตก

(25 ส.ค. 66) บริกส์ (BRICS) กลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่มีการพัฒนาและการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว เห็นพ้องกันในวันพฤหัสบดี (24 ส.ค.) อ้าแขนต้อนรับ ซาอุดีอาระเบีย, อิหร่าน, เอธิโอเปีย, อียิปต์, อาร์เจนตินา และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เข้าเป็นรัฐสมาชิก ความเคลื่อนไหวที่มีเป้าหมายเร่งรัด ความพยายามผลักดันการเปลี่ยนแปลงระเบียบโลก ที่พวกเขามองว่าเก่าเก็บล้าสมัยไปแล้ว

ในการตัดสินใจขยายขอบเขตของกลุ่ม ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปี บรรดาพวกผู้นำบริกส์ยังได้เปิดประตูสำหรับการรับสมาชิกใหม่เพิ่มเติมในอนาคต ในขณะที่ยังมีอีกหลายสิบประเทศที่ส่งเสียงแสดงความสนใจเข้าร่วมกลุ่ม ที่พวกเขาหวังว่าจะสามารถทำให้เกิดการแข่งขันกันในระดับโลกอย่างเป็นธรรมกับผู้เล่นทุกราย

การขยายขอบเขตเศรษฐกิจเพิ่มเติมเข้าสู่ BRICS ซึ่งปัจจุบันชาติสมาชิกประกอบด้วย จีน ชาติเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของโลก บราซิล รัสเซีย อินเดีย และแอฟริกาใต้ ยังเป็นการยกระดับความทะเยอทะยานอย่างเปิดเผย ของทางกลุ่มในการก้าวเป็นแชมป์เปี้ยนแห่งโลกใต้

“นี่คือการขยายจำนวนสมาชิกครั้งประวัติศาสตร์” สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนกล่าว “มันแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบรรดาประเทศกลุ่มบริกส์ สำหรับความเป็นหนึ่งเดียวกันและความร่วมไม้ร่วมมือ กับบรรดาชาติกำลังพัฒนาในวงกว้าง”

6 ชาติว่าที่สมาชิกใหม่จะกลายมาเป็นรัฐสมาชิกกลุ่มบริกส์อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 มกราคม 2024 จากการเปิดเผยของ ‘ซีริล รามาโฟซา’ ประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ ครั้งที่เขาเปิดเผยชื่อประเทศเหล่านี้ ระหว่างการประซัมมิตผู้นำกลุ่มบริกส์เป็นเวลา 3 วัน ที่เขาเป็นเจ้าภาพในเมืองโยฮันเนสเบิร์ก

“บริกส์ได้เริ่มต้นปฐมบทใหม่ในความพยายามสร้างโลกที่ยุติธรรม โลกที่อยู่ร่วมกันและเต็มไปด้วยความรุ่งเรือง” รามาโฟซากล่าว “เรามีความเห็นเป็นเอกฉันท์ในขั้นแรกของกระบวนการขยายรับสมาชิก และขั้นอื่นๆ จะตามมาหลังจากนี้”

การเชิญประเทศต่างๆ เข้ากลุ่ม สะท้อนถึงความปรารถนาของรัฐสมาชิกกลุ่มบริกส์แต่ละชาติ ที่ต้องการดึงพันธมิตรของตนเองเข้าร่วมกลุ่ม

‘ลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา’ ประธานาธิบดีบราซิล ล็อบบี้ให้นับรวมอาร์เจนตินา ประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนอียิปต์นั้นมีความใกล้ชิดทางการค้ากับรัสเซียและอินเดีย

ขณะเดียวกัน การเข้าร่วมของมหาอำนาจทางน้ำมันอย่างซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เน้นย้ำว่าพวกเขากำลังปลีกตัวออกจากวงโคจรของสหรัฐฯ และมีความทะเยอทะยานก้าวมาเป็นยักษ์ใหญ่ของโลก ด้วยสิทธิของตนเอง

รัสเซียและอิหร่าน มีเหตุผลร่วมกันในการดิ้นรนต่อสู้กับมาตรการคว่ำบาตร และการโดดเดี่ยวทางการทูตที่นำโดยสหรัฐฯ ในขณะที่ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่าง 2 ชาติมีความแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ตามหลังมอสโกเปิดฉากรุกรานยูเครน

“บริกส์ไม่ได้แข่งขันกับใคร” จากคำกล่าวในวันพฤหัสบดี (24 ส.ค.) ของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ซึ่งเข้าร่วมประชุมแบบทางไกล สืบเนื่องจากหมายจับของศาลอาญาระหว่างประเทศ ตามข้อกล่าวหาก่ออาชญากรรมสงคราม “แต่ชัดเจนว่า กระบวนการนี้ของการปรากฏขึ้นมาของระเบียบโลกใหม่ ยังคงถูกต่อต้านอย่างดุเดือด”

จีนมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเอธิโอเปีย และการเข้าร่วมของประเทศแห่งนี้ยังเป็นการดำเนินการตามความปรารถนาของแอฟริกาใต้ ที่ประสงค์เห็นแอฟริกามีสิทธิ์มีเสียงมากยิ่งขึ้นในกิจการต่างๆ ของโลก

ด้วย ‘อันโตนิโอ กูเตอร์เรส’ เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ เข้าร่วมในการแถลงข่าวขยายจำนวนสมาชิกกลุ่มบริกส์ด้วยในวันพฤหัสบดี (24 ส.ค.) มันสะท้อนอิทธิพลที่มากขึ้นเรื่อยๆ ของกลุ่มนี้ ในขณะที่กูเตอร์เรส ส่งเสียงเห็นด้วยกับเสียงเรียกร้องมาช้านานของกลุ่มบริกส์ ที่อยากให้มีการปฏิรูปคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ และธนาคารโลก

เหล่าสมาชิกกลุ่มบริกส์ มีเศรษฐกิจที่แตกต่างกันอย่างมากในแง่ของขนาด และบ่อยครั้งรัฐบาลของพวกเขามีเป้าหมายในนโยบายต่างประเทศแตกต่างกัน เหล่านี้เป็นปัจจัยแทรกซ้อนต่อโมเดลการตัดสินใจอย่างเป็นเอกฉันท์ของทางกลุ่ม

บริกส์ มีประชากรรวมกันคิดเป็น 40% ของประชากรโลก และมีเศรษฐกิจรวมกันคิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 4 ของจีดีพีโลก อย่างไรก็ตาม ความแตกแยกภายในเป็นอุปสรรคขัดขวางความทะเยอทะยานของบริกส์มาช้านาน ที่ต้องการกลายมาเป็นผู้เล่นหลักในเวทีโลก

ยกตัวอย่างเช่น กรณีสมาชิกของกลุ่มเน้นย้ำความปรารถนาปลีกตัวเองออกจากดอลลาร์สหรัฐ แต่มันไม่เคยเป็นรูปธรรม ในขณะที่ ‘ธนาคารเพื่อการพัฒนาใหม่’ (New Development Bank) ความสำเร็จที่เป็นรูปเป็นร่างที่สุดของพวกเขา เวลานี้กำลังประสบปัญหาในยามที่รัสเซีย ผู้ร่วมก่อตั้งกำลังเผชิญกับมาตรการคว่ำบาตร

ประธานาธิบดีบราซิล ปฏิเสธความคิดที่ว่าทางกลุ่มกำลังหาทางเป็นคู่ขัดแย้งกับสหรัฐฯ และกลุ่ม 7 ชาติเศรษฐกิจชั้นนำของโลก (จี7) แต่ระหว่างออกเดินทางจากแอฟริกาใต้ในวันพฤหัสบดี (24 ส.ค.) เขาไม่เห็นจะมีประเด็นโต้เถียงใดๆ ในการดึงอิหร่าน คู่ปรับเก่าแก่ของสหรัฐฯ เข้าเป็นรัฐสมาชิก “เราไม่อาจปฏิเสธความสำคัญทางภูมิรัฐศาสตร์ของอิหร่านและประเทศอื่นๆ ที่จะเข้าร่วมกลุ่มบริกส์ สิ่งสำคัญไม่ใช่เรื่องบุคคลที่บริหาร แต่มันอยู่ที่ความสำคัญของประเทศนั้นๆ”

ฉากทัศน์สลายขั้ว 'ก๊กแดง' ผนึก 'ก๊กเสื้อหลากสี' เกมที่ต้องทำ!! สกัด 'ก๊กส้ม' ทลายชาติ-ล้างราชวงศ์

มาถึงตอนนี้ การเมืองไทย ได้ก้าวสู่ยุค 'สามก๊ก' โดยสมบูรณ์ไปเป็นที่เรียบร้อย

1. ก๊กส้ม (151 คือ กก.) ก๊กนี้กำลังห้าว รุกทุกพื้นที่ ก้าวร้าวสุดๆ ไม่ยึดคุณธรรม ทำลายทุกคน 

= วุยก๊ก

2. ก๊กแดง (141+7 = 148 คือ พท. และวันนอร์) ก๊กนี้รุ่นพ่อแม่สร้างให้ ทรัพยากรอุดมสมบูรณ์  

= ง่อก๊ก

3. ก๊กหลากสี (71+40+36+25=172 คือ ภท. พปชร. รทสช. ปชป.) นำโดยก๊กเหลือง ก๊กนี้เรียกว่าแนวอนุรักษ์นิยม ยึดประเพณีบรรพบุรุษ ที่ดีงาม หรือพวกผู้ดีเก่า

= จ๊กก๊ก

***การเมืองไทยในอดีตเป็นยุค 2 ก๊ก แต่ปัจจุบัน เกิดก๊กใหม่เป็น 'ก๊กส้ม' ซึ่งกำลังเติบโตสุด ๆ จนกลายเป็น 3 ก๊กเรียบร้อยแล้ว

ดังนั้นไม่ว่า 2 ก๊กไหนได้จับมือกัน ก๊กนั้นก็จะครอบครองอำนาจได้ทันที

ก๊กส้ม ของ โจโฉ อยากเป็นใหญ่แต่เพียงผู้เดียว ดังนั้นจึงหาพันธมิตรไม่ได้ ไม่มีใครคบ

ในอดีตก๊กแดง ของ ซุนกวน และก๊กหลากสี ของเล่าปี่ ขัดแย้งกันหนักเป็นระยะเวลาร่วม 20 ปี ต้องหันมาจับมือกัน เพื่อต้านทานก๊กส้ม ที่กำลังเติบใหญ่

ยุคสามก๊กปลายราชวงศ์ฮั่นตะวันออก บ้านเมืองแตกแยกอย่างหนัก 

ตอน #ยุทธศาสตร์หลงจง

ขงเบ้งตกลงร่วมงานกับเล่าปี่ ช่วยฟื้นฟูราชวงศ์ฮั่น โดยเสนอ #ยุทธศาสตร์หลงจง แก่เล่าปี่ ก่อนลงจากเขาโงลังกั๋ง

สาระคือ เล่าปี่ ต้องครอบครอง ดินแดนเกงจิ๋ว ให้ได้ก่อน แล้วไปเป็นพันธมิตรกับซุนกวนที่ครอบครองดินแดนกังตั๋งได้แล้ว เพื่อต้านทานทัพโจโฉ ที่ขยายอิทธิพลยึดดินแดนทางใต้ ถ้าไม่สามัคคีกัน #เกงจิ๋ว ของเล่าปี่ จะพังพินาศพร้อมกับ #กังตั๋ง ของซุนกวน

หลังจากนั้นสร้างกองทัพให้เข้มแข็ง สะสมเสบียงให้พร้อม แล้วค่อยรวบรวมแผ่นดินให้เป็นหนึ่งเดียว อีกรอบ

และกุนซือ ทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันว่า อย่าเพิ่งทำลายกันเอง เพราะถ้าทำลายกันเอง จะไม่มีกำลังพอที่จะต้านทานทัพโจโฉ ดังนั้นทั้งสองแม้ไม่ใช่เป็นพันธมิตรที่เหนียวแน่น แต่ต้องรวมกันยามมีภัย

การเมืองไทยยุคนี้ เกิดเป็น 3 ก๊ก ชัดเจนแล้ว และจะเป็นแบบนี้ไปอีกหลายปี ทางที่ประเทศชาติจะปลอดภัย ก๊กแดงกับก๊กเสื้อหลากสี ที่นำโดยเหลือง จำเป็นต้องประสานความร่วมมือกันเพื่อสกัดก๊กส้ม ให้ได้

ถ้าแย่งอำนาจ ทำลายกันเอง อีก 4 ปีข้างหน้า จะถูก ก๊กส้ม กลืนกิน ทำลายหมดทุกก๊ก นอกจากไม่มีดินแดนให้ครอบครองแล้ว จะยังไม่มีที่นั่งในสภาอีกต่อไป  

ที่นี้แหละ ประชาชนทั้งแผ่นดินที่ไม่ใช่ประชาชนของ ก๊กส้มจะถูกทำลายราบจนสิ้นราชวงศ์ฮั่น

เรื่อง: มิสเตอร์เค

คอลัมน์: เล่าเท่าที่รู้

‘ตงตง กฤษกร’ ถูกหามส่งโรงพยาบาล แอดมิทด่วนที่เมียนมา หลังป่วยเป็น ‘ไข้หวัดใหญ่’ แฟนคลับ-คนบันเทิงแห่ให้กำลังใจ

ทำเอาแฟนๆ เป็นห่วงมาก หลังจากพระเอกหนุ่ม ‘ตงตง กฤษกร’ หรือ ‘ตงตง เดอะสตาร์’ เผยภาพตัวเองขณะแอดมิทพร้อมเขียนแคปชันว่า “Influenza”

ในภาพนั้น เป็นภาพขณะ ตงตง นอนอยู่บนเตียงที่โรงพยาบาล โดยมีเพื่อนๆ ในวงการบันเทิงและแฟนคลับต่างเข้ามาให้กำลังใจ และขอให้เจ้าตัวหายไวๆ จำนวนมาก

ล่าสุด ทางวันบันเทิง แจ้งข้อมูลเพิ่มเติมรายงานว่า ตงตงไปเที่ยวที่ประเทศเมียนมา และป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่จนต้องแอดมิทด่วนโดยคุณหมอให้รอดูอาการ

คาดว่าน่าจะออกจากโรงพยาบาลได้ในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ เพื่อกลับมารักษาตัวต่อที่ประเทศไทย

‘พิธา’ ลบตำแหน่ง ‘แคนดิเดตนายกฯ ไทย’ ออกจากไอจี พร้อมแชร์คลิปเศร้า ‘ก้าวไกลไม่มีใครเลย นอกจากประชาชน’

(25 ส.ค. 66) ภายหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย ล่าสุดในอินสตาแกรม นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ลบคำว่า ‘แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย 30th Prime minister–designate of Thailand.’ ออกจากโปรไฟล์ของ อินสตาแกรม pita.ig เหลือแค่เพียงคำว่า ‘นักการเมือง’

นอกจากนี้ ยังได้แชร์คลิปจากผู้ใช้ TIKTOK ลงในไอจีสตอรี่ ซึ่งเป็นช่วงที่นายพิธาลงพื้นที่หาเสียงช่วงเลือกตั้ง พร้อมกับมีแคปชันว่า ‘ก้าวไกลไม่มีใครเลย นอกจากประชาชน’

ส่องผลงานแบงก์พาณิชย์ไทย ไตรมาส 2/66 สินเชื่อหดตัว 0.4%

🔎ผลงานธนาคารพาณิชย์ไทยครึ่งปีแรกยังแข็งแกร่ง!!

ธนาคารแห่งประเทศไทย เผยภาพรวมธนาคารพาณิชย์ ไตรมาส 2 ปี 2566 พบว่า ระบบธนาคารพาณิชย์มีความมั่นคงและมีเสถียรภาพ โดยมีเงินกองทุน เงินสำรอง และสภาพคล่องอยู่ในระดับสูง ขณะที่สินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์หดตัวเล็กน้อยร้อยละ 0.4 จากการทยอยชำระคืนหนี้ของภาคธุรกิจ รวมถึงภาครัฐ หลังมีการขยายตัวต่อเนื่องเพื่อเสริมสภาพคล่องในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 โดยเฉพาะการชำระคืนสินเชื่อ SMEs และ Soft loan วงเงิน 138,000 ล้านบาท 

ขณะที่ธนาคารพาณิชย์บริหารจัดการคุณภาพหนี้และให้ความช่วยเหลือลูกหนี้อย่างต่อเนื่องด้วยการปรับโครงสร้างหนี้ ส่งผลให้ยอดคงค้างสินเชื่อด้อยคุณภาพ (non-performing (oan: NPL หรือ stage 3) ไตรมาส 2 ปี 2566 ลดลงมาอยู่ที่ 492,300 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมที่ร้อยละ 2.67

‘บิ๊กป้อม’ หารือแนวทางรับมือสภาพอากาศผันผวน เร่งสร้างความเข้าใจ ปชช. ลดผลกระทบรุนแรง

(25 ส.ค. 66) ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมคณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศแห่งชาติ (กนภ.) ครั้งที่ 3/66 มีนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว. ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม 

โดยที่ประชุมเห็นชอบแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบว่าด้วยการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งการปรับปรุงองค์ประกอบคณะอนุกรรมการภายใต้ กนภ.จำนวน 8 คณะ ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว และเสนอให้ส่วนราชการต่างกระทรวง มีหน่วยงานรองรับร่วมขับเคลื่อนภารกิจดังกล่าวไปด้วยกัน

นอกจากนั้นที่ประชุมรับทราบ การปรับปรุงกฎกระทรวงและการแบ่งส่วนราชการ กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2566 ที่เปลี่ยนชื่อมาจาก กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม โดยจะทำหน้าที่จะเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งการลดก๊าซเรือนกระจกและการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเป็นหน่วยประสานงานกลางของประเทศ ภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงความร่วมมือระหว่างประเทศต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังเป็นหน่วยให้บริการข้อมูลข่าวสารเพื่อเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ ศึกษาวิจัย พัฒนาองค์ความรู้และเทคโนโลยี เพื่อการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการสร้างเครือข่ายความร่วมมือทุกภาคส่วนต่อไป

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า สภาพอากาศมีการเปลี่ยนแปลง ผันผวนและทวีรุนแรงมากขึ้น มีผลกระทบต่อสภาวะแวดล้อมของประเทศอย่างมาก ซึ่งเป็นเรื่องที่รอไม่ได้ต้องเตรียมการรับมือ จึงกำชับขอให้คณะกรรมการฯ กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ศึกษา ติดตามและขับเคลื่อนดำเนินงานร่วมกับภาคีเครือข่ายองค์กรที่เกี่ยวข้อง ทั้งในและระหว่างประเทศ เตรียมพร้อมรับมือกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้นไปด้วยกัน โดยให้ความสำคัญกับการสร้างความตระหนักรู้ ความเข้าใจและความร่วมมือกัน รับมือกับการเปลี่ยนแปลง ทั้งการป้องกันและการแก้ปัญหาไปพร้อม ๆ กัน เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นให้มากที่สุด

‘อี้ แทนคุณ’ ฉะ ‘รองอ๋อง’ ทำตัวเป็นเด็ก-ไร้วุฒิภาวะ ‘มารยาท-การแต่งกาย’ ไม่เหมาะนั่ง ‘รอง ปธ.สภาฯ’

(25 ส.ค. 66) ดร.แทนคุณ​ จิตต์​อิสระ ​รักษา​การ​ประธาน​คณะกรรมการ​ส่งเสริม​สิทธิ​มนุษยชน​และ​ความ​เสมอภาค​ระหว่าง​เพศ​ พรรค​ประชา​ธ​ิ​ปัตย์​ กล่าว​ถึง​กรณี​นาย​ปดิพัทธ์​ สันติ​ภาดา​ รองประธาน​สภา​คนที่​ 1 จากก้าวไกลกระทำตัวไม่เหมาะสมไร้วุฒิภาวะ​หลายครั้ง​จนเป็น​เหตุ​ให้สภากลายเป็น​สภาโจ๊ก จนมี สส. จากพรรคเดียวกัน​ยังล้อ​เล่นตลกตอกย้ำ ความเป็​น ‘ประธาน​สภาหมูกระทะ’ ซึ่งไม่เคยปรากฏ​มาก่อนในประวัติศาสต​ร์ 

ล่าสุดกับการแต่งกายไม่เหมาะสม​จนกลายเป็น​ต้องมีเรื่องให้ สส. ประท้วงและประชาชน​ตำหนิทุกวันและยังปิดปากลิดรอนสิทธิ์​ สส. ในการประท้วงตนเองอีก​โดย​มี​ประชาชน​วิพากษ์วิจารณ์​อย่างกว้างขวาง​ว่าใช้อำนาจตามอำเภอใจไม่ให้​เกียรติ​สถานที่​และสมาชิก​สภาผู้แทนราษฎร​ที่ร่วมประชุม​อยู่ ​ทำเสมือน​เป็น​เด็กเล็ก ๆ เล่นในสนามเด็กเล่น​ จะเล่นอะไรจะทำตัวอย่างไร แต่งตัวขึ้นบนบัลลังก์​อย่างไรก็ได้ พ่วงด้วยคดี ‘โชว์​เชีย​ร์เบียร์’ ที่ผลิตคนละจังหวัดเป็นการทำผิดกฎหมาย​ก็ยังไม่สลด  

โดยเฉพาะ​อย่างยิ่ง​ตอนนี้​สถานการณ์​ชัดเจน​แล้ว​ว่า พรรคก้าวไกล​ต้องไปเป็นฝ่ายค้าน ตามธรรมเนียม​ควรมีสำนึกลาออกจากตำแหน่​งรองประธาน​สภา​ฯ หลีกทางให้พรรครัฐบาล​เป็น​แทนอย่าให้มองว่าไม่รู้เรื่องไม่สนใจ​ธรรมเนียม​ ไม่รู้​กาลเทศะ​อะไรเลย โดยบอกว่าเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในขณะที่ประชาชนยังอดสงสัยไม่ได้ว่าเรื่องแค่นี้ยังดูแลตัวเองไม่ได้ แล้วจะสามารถดูแลประเทศชาติในเรื่องใหญ่กว่านี้ได้อย่างไร 

รวมทั้งอยากจะตั้งคำถามไปยังพรรคก้าวไกลว่านี่คือคนที่ ‘คัดมาอย่างดีที่สุด’ ในการมาดำรงตำแหน่งนี้แล้วใช่ไหม ถึงมีเรื่องให้เป็นที่ครหาได้ไม่เว้นแต่ละวัน หรือจะรอถลุงเงินหลวงจากภาษีประชาชน​เพื่อโปรโมตตัวเองและพรรคของตัวเองให้หมดก่อนแล้วจึงค่อยลาออก ซึ่งย้อนแย้งกับนโยบายที่พรรคก้าวไกลเคยประกาศไว้ว่าห้ามใช้เงินหลวงโปรโมตตัวเอง 

เรียกได้ว่าเป็นพรรคการเมืองและนักการเมืองที่ไม่เคยสนใจหลักการจริยธรรม กฎระเบียบบ้านเมือง เป็น​แบบ​อย่างให้เยาวชนตีความ​เสรีภาพผิดจนเกิดความก้าวร้าวรุนแรงกระด้างกระเดื่องต่อกฎหมายบ้านเมืองจนเสียอนาคตไปหลายคน แต่ไม่เคยเห็นความรับผิดชอบใด ๆ ของคนในพรรคนี้เลย ซึ่งทำให้เชื่อว่าหากพรรคนี้อยู่ต่อไปยิ่งนานยิ่งทำให้สังคมมีแต่ถดถอยลง 

อยากเตือนไปถึง ‘หมออ๋อง’ อย่าตะแบงทำผิดไปมากกว่า​นี้​ก่อนที่จะ​ต้อง ‘ให้มันจบที่ คุกเรา’ อีกคน แค่นี้​ขาข้างหนึ่ง​ก็ก้าวเข้าไปรอในเรือนจำแล้วเพราะคดีก่อนหน้านี้ยังไงก็ผิดกฎหมาย​แล้ว ขืนยิ่งอยู่นานยิ่งมีปัญหา​และนี่อาจเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะหยุดทำเพื่อสนองต่อกิเลสตัณหาและอำนาจของตัวเองก่อนที่จะทำให้ภาพลักษณ์​รัฐสภาไทยแย่ลงไปกว่านี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top