Monday, 28 April 2025
TheStatesTimes

ตร. เตือน ความจริงของ QR Code ดูดเงิน ภัยออนไลน์ที่ป้องกันได้

วันที่ 10มิ.ย. 2565 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีนโยบายให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนรู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดนั้น

ด้วยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบพบว่าได้มีพี่น้องประชาชน แชร์ข้อความผ่านสื่อสังคมออนไลน์ในลักษณะเตือนภัย โดยระบุว่า ในปัจจุบันได้มีคนร้ายใช้ QR Code ในการหลอกลวง เมื่อเหยื่อสแกน QR Code ก็จะถูกดูดเงินหมดบัญชี นั้น

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอเรียนว่า การสแกน QR Code เพียงอย่างเดียว ไม่สามารถทำให้เงินในบัญชีของท่านถูกโอนไปให้กับคนร้ายได้ แต่อาจเกิดขึ้นได้หากมีองค์ประกอบอื่นร่วมด้วยเช่นกรณีดังต่อไปนี้

ญี่ปุ่น เตรียมกม. คุ้มครองเหยื่อ จากอุตฯ สื่อลามก สามารถแจ้งยกเลิกสัญญา - ลบฟุตเทจได้

เกียวโดนิวส์รายงาน (8 มิ.ย.) ขณะที่รัฐสภาญี่ปุ่นอภิปรายถึงกฎหมายฉบับใหม่ซึ่งร่างขึ้นเพื่อคุ้มครองคนผู้ตกเป็นเหยื่อสัญญาแสดงภาพอนาจาร โดยหวังว่ากฎหมายดังกล่าวจะเป็น "ก้าวแรก" ในการยุติการแสวงประโยชน์อันไม่เป็นธรรมในวงการหนังโป๊เอวี

ผู้หญิงคนหนึ่ง ใช้ชื่อสมมติว่า ไมโกะ เล่าถึงความจำยอมเข้าสู่งานสื่ออนาจาร เพราะความยากลำบากทางเศรษฐกิจได้ผลักดันให้เธอเข้าสู่วงการสื่ออนาจารเมื่อ 10 ปีก่อน

เมื่อช่วงเวลาที่ยากลำบากกับการหางาน ดิ้นรนที่จะจ่ายค่าเช่าบ้าน เธอพิมพ์คำว่า "สื่อลามก" ในอินเทอร์เน็ต เพื่อมองหางานที่ได้ค่าตอบแทนสูง

สิ่งที่เธอเห็นต่อไปคือภาพของดาราหนังโป๊ที่มีชื่อเสียงที่ได้รับการคัดสรรและนำเสนออย่างสวยงาม ไมโกะมองว่าเป็น "โลกที่เปล่งประกาย" และเธอ

ไมโกะตัดสินใจ หางานสื่อลามกเพื่อ "ยังชีวิต" ของเธอ และพวกเธอต้องการ                            

การเข้าถึงการรักษาพยาบาลและสวัสดิการก่อนที่จะตัดสินใจ ไปสัมภาษณ์ที่บริษัทที่รับสมัครนักแสดงหนังสำหรับผู้ใหญ่

ไมโกะ ได้รับการว่าจ้างทันทีในวันเดียวกับที่เธอไปสัมภาษณ์ เธอตกลงที่จะถ่ายภาพนู้ดเพื่อใช้ในการโฆษณา และลงนามสัญญา รายได้ 1 ล้านเยน (7,500 ดอลลาร์สหรัฐ) เธอจำได้ว่ารู้สึกโล่งใจที่เธอสามารถจ่ายค่าเช่าได้

ไมโกะถูกพาไปสัมภาษณ์กับผู้กำกับหนังโป๊ ซึ่งถามเธอเกี่ยวกับประสบการณ์ทางเพศในอดีตของเธอ มันเป็นความทรงจำอันขมขื่นเกี่ยวกับความรุนแรงทางเพศที่เธอต้องถูกกระทำ

ประสบการณ์ครั้งนั้นเกิดขึ้นในงานปาร์ตี้ ไมโกะดื่มเครื่องดื่มที่เธอเชื่อว่าถูกเพื่อนร่วมงานวางยา และมารู้ตัวอีกทีเธอก็พบว่าตัวเองอยู่คนเดียวในโรงแรมกับผู้ชายคนนั้น จากเหตุการณ์นั้น เธอถูกแบล็กเมล์ให้มีความสัมพันธ์ทางเพศเป็นเวลาหนึ่งปี ชายคนนั้นขู่ว่าจะแชร์รูปภาพซึ่งเขาถ่ายโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเธอ

TOPIC12 : ไบเดน จ่อพบ เจ้าชายฯ ซาอุฯ หวังต่อยอดผลประโยชน์ราคาพลังงาน คงภาพมหาอำนาจ คว่ำบาตรรัสเซียต่อ

‘ไบเดน’ จ่อพบ เจ้าชายฯ ซาอุฯ หวังต่อยอดผลประโยชน์ราคาพลังงาน คงภาพมหาอำนาจ คว่ำบาตรรัสเซียต่อ

จับโป๊ะ 'Do Kwon' โอนเงินหนีเดือนละ 80 ล้านเหรียญ ก่อน 'LUNA - UST' ล่มสลายเพียงไม่กี่เดือน

แม้การเสียชีวิตของนักลงทุนกว่า 22 คน ที่ตัดสินใจจบชีวิตของตนเองหลังเหรียญ LUNA ราคาร่วงลงเข้าใกล้ 0 ดอลลาร์ จะสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อนักลงทุนในวงการคริปโต จนทำให้ 'โด ควอน' (Do Keon) หนุ่มเกาหลีใต้ผู้ก่อตั้ง Terraform Labs ที่สร้างเหรียญ Stablecoin อย่าง LUNA และ TerraUSD (UST) ต้องออกมาทวีตว่า ตัวเขาหัวใจสลายที่เหรียญที่สร้างมาไม่มีค่าแล้ว และประกาศกร้าวที่จะฟื้นฟูระบบนิเวศ Terra จากการล่มสลายขึ้นมาใหม่ เพื่อสร้างความมั่นใจต่อนักลงทุน

ทว่า บรรดาผู้ที่ยังภักดีกับ LUNA อาจจะต้องใจสลายอีกครั้ง เมื่อล่าสุดรายงานจาก Naver และ JTBC สื่อท้องถิ่นประเทศเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า โด ควอน (Do Kwon) ได้โอนเงิน 2,700 ล้าน ออกจากบริษัททุกเดือน ก่อน LUNA และ UST จะล่มสลาย

Naver เผยว่า Terraform Labs ของโด ควอน ได้มีการโอนเงินออกจากกองทุนของบริษัท 'ทุกเดือน' คิดเป็นมูลค่าราว 100,000 ล้านวอน (80 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) หรือ 2,700 ล้านบาท ไปยังบัญชีที่แตกต่างกัน และบันทึกรายการนี้ว่า เป็นส่วนหนึ่งของ Operating Expenses หรือค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจการ

โดยผู้ที่มาเปิดเผยข้อมูลชุดนี้ เป็นพนักงานที่ทำงานอยู่ในบริษัทของโด ควอน ซึ่งระบุว่า การกระทำดังกล่าวเพิ่งจะเริ่มต้นตั้งแต่ช่วงเวลาที่ LUNA และ UST ล่มสลายเพียงไม่กี่เดือน ขณะที่สำนักข่าวท้องถิ่น ‘JTBC’ ระบุเพิ่มเติมว่า เงินดังกล่าวได้ถูกโอนไปยังวอลเล็ตคริปโตอื่นๆ และเป็นการกระทำด้วยตัวโด ควอนเอง โดยไม่ได้รับอนุมัติจากบริษัทแต่อย่างใด

ปศุสัตว์ แจง!! กระดูกในต้มเล้งไม่ใช่หัวสุนัข แท้จริงคือ กระดูกสันหลังกระเบนเหน็บหมู

วันที่ 10 มิถุนายน 2565 นายสัตวแพทย์ สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เผยว่าจากกรณีที่มีการแชร์ออนไลน์โพสต์คลิปเรื่องราว หลังสั่ง "ต้มเล้ง" มารับประทานกับเพื่อน ซึ่งหลังได้ต้มเล้ง ก็มีการลอกเนื้อออกจากกระดูกมากิน และสังเกตกระดูกในน้ำซุป คล้ายกะโหลกของสัตว์บางชนิด มีการตั้งคำถามกับชาวเน็ตว่า "ช่วยดูหน่อยว่านี่กระดูกอะไร” ทำให้เกิดความตื่นตระหนกและกังวลในผู้พบเห็น จำนวนมาก

ทั้งนี้กรมปศุสัตว์ในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านความปลอดภัยอาหารที่มีแหล่งกำเนิดมาจากสัตว์เพื่อสุขภาพที่ดีของผู้บริโภค ได้พัฒนาภารกิจด้านคุณภาพมาตรฐานการผลิตสินค้าปศุสัตว์มาอย่างต่อเนื่อง โดยยกระดับการผลิตสินค้าปศุสัตว์ของประเทศไทย ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่ากระดูกลักษณะดังกล่าว เป็นกระดูกหมูที่มาจากส่วนกระดูกสันหลังส่วนกระเบนเหน็บ (sacrum) เป็นชิ้นส่วนกระดูกที่เชื่อมต่อระหว่างกระดูกเชิงกราน (pelvic bone) และกระดูกหาง (coccygeal bone) อาจมีลักษณะหน้าตาคล้ายกับกระดูกของสัตว์บางชนิด ทำให้เกิดความตื่นตระหนกและสงสัยได้ ซึ่งถ้าสังเกตแล้วจะพบว่ารูปร่างลักษณะและความหนาแน่นของกระดูกจะแตกต่างกันอย่างมาก

เจ้าอาวาสไอเดียล้ำ!! เนรมิตจุดเช็กอินหน้าห้องน้ำ สร้างความสุขให้ญาติโยมนั่งพักผ่อนหลังปลดทุกข์

ที่วัดปุณณาวาส หรือวัดลำใน ตำบลบ้านนา อำเภอศรีนครินทร์ จังหวัดพัทลุง อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 30 กิโลเมตร เป็นวัดที่ตั้งอยู่ในตัวอำเภอศรีนครินทร์ อุดมสมบูรณ์ไปด้วยผลหมากรากไม้ตามฤดูกาล มีพระภิกษุจำพรรษาอยู่ประมาณ 6 รูป โดยมีพระปลัดสำเริง ฐิตญาโณ อายุ 56 ปี เลขานุการเจ้าคณะตำบลลำสินธุ์ พระนักพัฒนาดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาส และได้สร้างความฮือฮาให้กับญาติโยมด้วยการสร้างจุดเช็คอินหน้าห้องน้ำ ทำเอาประชาชนทั้งในและต่างจังหวัดเดินทางไปถ่ายรูปเช็คอินกันอย่างมากมาย

พระปลัดสำเริง เล่าว่า แรงบันดาลใจที่ทำให้ตนได้คิดสร้างห้องน้ำเป็นจุดปลดทุกข์และพักผ่อนหย่อนใจเพราะตนไปเห็นห้องน้ำวัดเกือบทุกวัดไม่ค่อยมีใครสนใจ ส่วนมากแวะปล่อยทุกข์แล้วจากไป บางแห่งผุพัง เลยคิดทำห้องน้ำที่เป็นมากกว่าห้องน้ำ เพราะนอกจากจะเป็นที่ปลดทุกข์ให้กับทุกคนแล้วอยากให้ทุกคนได้นั่งพักผ่อนก่อนจะเดินทางกลับ เลยคิดสร้างห้องน้ำเป็นจุดเช็คอิน มีการพัฒนารอบๆบริเวณหน้าห้องน้ำให้สวยงามมีสถานที่นั่งพักผ่อน มีปลาสวยงามนานาชนิดให้ทุกคนได้เพลิดเพลิน และจ้างแม่บ้านดูแลความสะอาดอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ญาติโยมเดินทางมาแล้วได้มีความประทับใจ อย่าให้เหมือนห้องน้ำในวัดวาอารามหลายๆสถานที่ บางครั้งญาติโยมเห็นแล้วไม่กล้าเข้า

'ชาติยุโรป' จำนน!! ร่วมกลไกชำระเงินรูเบิล รัสเซียคาดคงไม่ต้องตัดก๊าซใครเพิ่มอีก

รัสเซียระบุเมื่อวันพฤหัสบดี (9 มิ.ย.) คาดหมายว่าทางก๊าซพรอม บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของพวกเขา คงไม่ต้องตัดการส่งก๊าซธรรมชาติแก่บรรดาผู้โภคยุโรปอื่นอีก และบอกว่ากลไกบังคับชำระค่าก๊าซเป็นสกุลเงินรูเบิลกำลังได้ผลตามแผนที่วางเอาไว้

ก๊าซพรอม ได้ตัดการจ่ายก๊าซให้แก่ Orsted บริษัทเดนมาร์ก และเชลล์ เอเนอร์จี สำหรับสัญญาป้อนก๊าซแก่เยอรมนี เช่นเดียวกับ GasTerra ผู้ซื้อสัญชาติเนเธอร์แลนด์ รวมถึง บัลแกเรีย โปแลนด์ และฟินแลนด์ โทษฐานปฏิเสธชำระเงินค่าก๊าซธรรมชาติของรัสเซียเป็นสกุลเงินรูเบิล ภายใต้กลไกการชำระเงินแบบใหม่

การชำระเงินภายใต้กลไกแบบใหม่ ซึ่งถูกกำหนดขึ้นมาตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรของตะวันตก ครบกำหนดชำระแล้วในงวดเดือนเมษายนและพฤษภาคม

น้องสาว 'น้ำพุ' โพสต์ดึงสติ 'กัญชาฟีเว่อร์' จุดจบพี่ชายก็เริ่มจาก 'กัญชา' นี่แหละ

เป็นกระแสที่ได้รับความนิยมอยู่ในตอนนี้สำหรับพืชอย่าง "กัญชา" หลังรัฐบาลได้มีการประกาศปลดล็อคจากการเป็นสิ่งเสพติดไปหมาด ๆ

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่คนในสังคมออนไลน์เองต่างก็มีการพูดถึงเรื่องนี้ในวงกว้าง และส่วนใหญ่ดูเหมือนจะเห็นแต่ด้านดี ๆ ของกัญชา ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Benya Nandakwang ซึ่งเป็นของ

"เบญญา นันทขว้าง" อดีตผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมพลังประชาชาติไทยก็ได้มีการโพสต์ข้อความเตือนสติถึงเรื่องนี้ โดยระบุว่า...

"น้ำพุ พี่ชายฉันที่เสียชีวิตไป ก็เริ่มจากกัญชานี่ละค่ะ ไม่จำเป็นก็อย่าลองจะดีที่สุด"

"น้ำพุ" เป็นชื่อเล่นของ "วงศ์เมือง นันทขว้าง" เกิดเมื่อวันอังคารที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2499 เป็นบุตรของ สุวรรณี สุคนธา นักเขียน, นักประพันธ์นวนิยายชื่อดัง กับ ทวี นันทขว้าง อาจารย์ประจำคณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร และเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ ประจำปี พ.ศ. 253

โดยเจ้าตัวเป็นลูกชายคนเดียวจากจำนวนพี่น้อง 4 คน (มีพี่สาว 1 คน น้องสาว 2 คน) ซึ่งหลังจากพ่อแม่หย่าจากกัน น้ำพุก็ได้ไปอาศัยอยู่กับมารดา

'หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย' ชี้!! อุ้มแค่ 'บิ๊กป้อม' พร้อมส่งซิก ศึกซักฟอก 'รมต.พปชร.' น่าห่วง!!

(10 มิ.ย. 65) ที่โรงแรมรอยัล ริเวอร์ พรรคเศรษฐกิจไทย ได้จัดประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ 2/2565 เพื่อตั้งกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคเศรษฐกิจไทย ชุดใหม่ โดยมีรายชื่อ ดังนี้...ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรค, นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร เลขาธิการพรรค, นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ นายทะเบียนพรรค, น.ส.ธนพร ศรีวิราช เหรัญญิกพรรค

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้ถาม หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย ว่า ขณะนี้รัฐบาลยังไม่สามารถนับพรรค ศท. เป็นพรรคร่วมรัฐบาลใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ยืนยันว่าอยู่ข้างประชาชนไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งอะไร

เมื่อถามย้ำว่า หากมีการต่อรองหรือปรับ ครม. แล้วให้โควตาพรรค ศท. จะทำอย่างไร ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า “ไม่ต้องมาพูดกัน ประเด็นนี้ตัดทิ้งได้เลย ไม่รับ”

ส่วนข่าวลือที่ถูกทาบทามกลับไปพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นั้น "ข่าวลือก็คือข่าวลือจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่เป็นจริงก็เป็นข่าว แต่ยืนยันว่าไม่กลับไปไหน จะอยู่พรรค ศท. จะไม่พูดถึงบุคคลภายนอกว่าพูดถึงเราอย่างไร แต่ให้ดูที่การกระทำและนโยบายของพรรค ตลอดเวลาการเมืองหลังการเลือกตั้งในปี 62 ถึงขณะนี้ให้ดูการกระทำของส.ส. และผลงานของเราที่ลงพื้นที่ไม่เคยหยุด"

ผู้สื่อข่าวถามถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรายบุคคลมีจะจุดยืนอย่างไร ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า "ยังเหมือนเดิมคือดูสาระสำคัญของผู้ถูกอภิปราย ว่าถูกยื่นอภิปรายในประเด็นใดบ้าง อันไหนที่ชัดเช่นว่าฉ้อราษฎร์บังหลวง เราไม่ให้ผ่านแน่นอน และ คุยกับ ส.ส.18 คนของพรรคมาตลอดถึงประเด็นนี้"

'อินเดีย-เวียดนาม' ประสานพันธมิตร 2 ฟากทะเล ขยายศักยภาพการป้องกันทางทะเลเพื่อสกัดจีน

เมื่อ 9 มิ.ย. 65 ทางรัฐบาลอินเดียได้ส่งมอบเรือตรวจการณ์ความเร็วสูงจำนวน 12 ลำให้แก่ เวียดนาม หลังจากที่ทั้ง 2 ประเทศได้ตกลงเซ็นข้อตกลงร่วมด้านโลจิสติกส์ ที่จะทำให้ทั้งอินเดีย และเวียดนามสามารถใช้ฐานทัพร่วมกันได้ 

โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือ การขยายศักยภาพในการป้องกันดินแดน และความมั่นคงภายใน ต้านการแผ่อิทธิพลของจีน และข้อตกลงนี้จะมีผลผูกพันไปจนถึงปี 2030 ที่จะทำให้อินเดียเข้ามามีบทบาทเพิ่มขึ้นในเขตทะเลจีนใต้ ไม่ใช่เฉพาะแค่ในฝั่งมหาสมุทรอินเดีย

สำหรับเรือทั้ง 12 ลำใช้งบก่อสร้างราว ๆ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ โดย 5 ลำแรกจะต่อในโรงงานที่อินเดีย ส่วนอีก 7 ลำจะต่อที่อู่ต่อเรือในเมืองฮอยอัน ในเวียดนาม 

ด้านนายรัชนาถ ซิงห์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของอินเดีย ซึ่งได้เดินทางมาเวียดนาม เพื่อลงนามในข้อตกลงร่วมทั้ง 2 ประเทศ และส่งมอบเรือตรวจการณ์สัญชาติอินเดียในครั้งนี้ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมการป้องกันภัยและความมั่นคงของอินเดีย ภายใต้สโลแกน 'Make in India, Make for the World' ที่เราจะไม่ได้สร้างยุทโธปกรณ์เพียงเพื่อป้องกันดินแดนของอินเดียเท่านั้น แต่พร้อมจะเสริมกำลังความมั่นคงให้แก่นานาชาติด้วย 

ภายหลังจากการส่งมอบเรือตรวจการณ์ 12 ลำ รวมถึงที่อินเดียเคยให้วงเงินกู้แก่เวียดนาม 500 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ร่วมกันกับอินเดียนั้น ทางด้านเวียดนามก็เล็งที่จะซื้อขีปนาวุธพิสัยกลาง รุ่น BrahMos ที่มีความเร็วเหนือเสียง เป็นการตอบแทนด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top