Saturday, 26 April 2025
TheStatesTimes

31 พฤษภาคม พ.ศ. 2423 วันคล้ายวันสวรรคต สมเด็จพระนางเรือล่ม พระนางผู้เป็นที่รักยิ่งของพระพุทธเจ้าหลวง

31 พฤษภาคม พ.ศ. 2423 ย้อนรอยโศกนาฏกรรม พระนางเรือล่ม อัครมเหสีผู้เป็นที่รักยิ่งของพระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ 5

สมเด็จพระนางเรือล่ม มีพระนามว่า สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี ประสูติเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2403 ทรงเป็นพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชสมภพแต่สมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา ลำดับที่ 50 ในจำนวนทั้งหมด 82 พระองค์

สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี ทรงรับราชการสนองพระเดชพระคุณเป็นพระภรรยาเจ้าในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยพระขนิษฐาอีก 2 พระองค์ ได้แก่ พระองค์เจ้าสว่างวัฒนา (สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า) และ พระองค์เจ้าเสาวภาผ่องศรี (สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พระพันปีหลวง)

ครั้นเมื่อสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี พระชนมายุได้ 19 พรรษา ทรงมีพระราชธิดาพระองค์แรก ทรงพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้ากรรณาภรณ์ เพชรรัตน์ และเสด็จทิวงคตพร้อมกันกับ สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี ที่ขณะนั้นทรงพระครรภ์ได้ 5 เดือน 

เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2423 เหตุการณ์อันน่าเศร้าสลดใจก็เกิดขึ้น ก่อนเกิดเหตุการณ์โศกนาฏกรรมขึ้นนั้น มีเรื่องเล่าว่า สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ฯ ได้ทรงพระสุบินว่า พระราชธิดาของพระองค์ตกลงไปในน้ำ ด้วยความตกพระทัยจึงรีบคว้าพระราชธิดาจนตกลงไปในน้ำด้วยกัน แล้วได้ตื่นจากบรรทม ท่านก็ทรงครุ่นคิดถึงการเสด็จฯ ไปพระราชวังบางปะอิน แต่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงชะตากรรมได้ 

ในวันเกิดเหตุวิปโยค เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ทรงกำหนดเสด็จพระราชดำเนินไปประทับพักผ่อนพระอิริยาบถที่พระราชวังบางปะอิน ในเวลา 2 โมงเช้าทรงมีพระราชดำรัสให้ปล่อยขบวนเรือพระประเทียบ หรือเรือฝ่ายในล่วงหน้าไปก่อน ส่วนพระองค์เสด็จไปทอดพระเนตรการซ่อมบำรุงวัดพระศรีรัตนศาสดาราม จน 2 โมงเศษ จึงประทับเรือพระที่นั่งโสภณภควดี ซึ่งเป็นเรือกลไฟฝีจักรเร็วที่สุดในขณะนั้นตามไป เมื่อไปถึงบางตลาดจะเข้าปากเกร็ด ทอดพระเนตรเห็นเรือกลไฟราชสีห์ล่องแม่น้ำสวนมาอย่างรีบร้อนและเข้าเทียบเรือพระที่นั่ง กราบทูลว่า เรือพระประเทียบของพระนางเจ้าสุนันทาฯ ที่ล่วงหน้าไปแต่เช้าได้เกิดล่มขึ้นที่บางพูด ทำให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้ากรรณาภรณ์สิ้นพระชนม์ แต่ไม่ได้กราบทูลให้ทรงทราบว่าสมเด็จพระอัครมเหสีก็สิ้นพระชนม์ด้วย

เหตุการณ์นี้ปรากฏรายละเอียดอยู่ในจดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ มีความตอนหนึ่งว่า

“...จึงรีบแล่นเรือพระที่นั่งไปถึงบางพูดเช้า 5 โมง เห็นเรือไฟและเรือพระประเทียบทอดอยู่กลางน้ำที่เขาดำทราย เหนือบ้านพระเกียรติหน่อย ประทับเรือพระที่นั่งเข้าที่เรือปานมารุต ไล่เลียงกรมอดิสรกับพระยามหามนตรีด้วยเรื่องเรือล่ม พระมหามนตรีทูลว่าเรือราชสีห์ซึ่งจูงเรือพระองค์เจ้าสุขุมาลนั้นไปหน้า ใกล้ฝั่งตะวันออก เรือโสรวารซึ่งพระยามหามนตรีไปจูงเรือพระองค์เจ้าเสาวภาตามไปเป็นที่สองแนวเดียวกัน เรือยอร์ชสมเด็จกรมหลวงซึ่งจูงเรือกรมสมเด็จพระสุดารัตน์ราชประยูรไปทางฝั่งตะวันตกตรง แล่นตรงกับเรือราชสีห์ แล้วเรือปานมารุตแล่นขึ้นมาช่องกลางระหว่างเรือ ห่างเรือโสรวารสัก 10 ศอก พอเรือปานมารุตแล่นขึ้นไปใกล้เรือราชสีห์ก็เบนหัวออก 

เรือพระประเทียบเสียท้ายปัดไปทางตะวันออก ศีรษะเรือโดนข้างเรือโสรวารน้ำเป็นระลอกประทะกัน กดศีรษะเรือพระประเทียบจมคว่ำลง พระยามหามนตรีว่าได้ดำน้ำลงไปถึงในเก๋ง เชิญเสด็จสมเด็จพระเจ้าลูกเธอออกมาก็สิ้นพระชนม์เสียแล้ว แต่กรมหมื่นอดิสรซัดพระยามหามนตรีว่า เป็นเพราะเรือโสรวารหนีตื้นออกมา จึงเป็นเหตุเรือปานมารุตแล่นห่างกว่า 10 ศอก ต่างคนต่างซัดกัน จึงโปรด้เกล้าฯให้เจ้านายขึ้นไปไล่เลียงดูที่คนอื่นๆทีละคนสองคน แยกกันถามจึงได้ความว่า พระองค์เจ้าสุนันทาสิ้นพระชนม์ด้วย กับแก้ว พระพี่เลี้ยงอีกคนหนึ่งตาย และคนที่อยู่ในเก๋งออกมาไม่ทันบ้าง ที่สลบก็แก้ฟื้นขึ้นได้หลายคน จึงไล่เลียงได้ความว่า เมื่อเรือล่มคว่ำนั้น พระองค์เจ้าสุนันทาอยู่ในเก๋งออกมาไม่ได้ จึงช่วยกันหงายเรือขึ้น 

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ นายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ นำประชาชนชาวตรังร่วมปลูกจิตสำนึก "จิตอาสารักษ์ป่าชายเลนหาดปากเมงเฉลิมพระเกียรติ" ณ จังหวัดตรัง ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

เมื่อวันที่ 29 พ.ค. 65 เวลา 15.00 น.พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะนายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ ประธานในพิธีนำประชาชนชาวจังหวัดตรังเข้าร่วมในโครงการ "จิตอาสารักษ์ป่าชายเลนหาดปากเมงเฉลิมพระเกียรติ" เพื่อระลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 

โดยภายในงานมี ผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐ ภาคีเครือข่ายเอกชน ข้าราชการ นักเรียนนักศึกษา ตลอดจนประชาชนจิตอาสา รวมกันกว่า 2500 คน เข้าร่วมโครงการอย่างพร้อมเพรียง ณ พื้นที่หาดปากเมง หมู่ 4 ต.ไม้ฝาด อ.สิเกา จ.ตรัง

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า กิจกรรมจิตอาสารักษ์ป่าชายเลนหาดปากเมงเฉลิมพระเกียรตินี้ ทางสมาคมชาวปักษ์ใต้ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับ สมาคมชาวตรัง จัดโครงการดังกล่าวเพื่อระลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ตามพระราชปณิธานในการสืบสาน รักษาและต่อยอดพระราชกรณียกิจของพระราชบิดา ผสานร่วมกับแนวคิดเรื่องจิตอาสา ประกอบกับวันที่ 3 มิถุนายน 2565 เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จึงเป็นโอกาสอันดีที่จะทำกิจกรรมจิตอาสาเพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีและถวายเป็นพระราชกุศล ด้วยการบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคมส่วนรวม และร่วมกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญของประเทศ 

‘ดร.สมเกียรติ’ แย้ม!! ข่าวเจาะแบบโทรเลข ต่างชาติหอบทุนหนุนไทยจากทั่วสารทิศ

ดร.สมเกียรติ โอสถสภา อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ในหัวข้อ ‘ข่าวดีของไทย ข่าวเจาะแบบโทรเลข’ เผยถึงความเคลื่อนไหวของนานาประเทศที่กำลังจะเข้ามาร่วมมือกันทางด้านเศรษฐกิจกับประเทศไทย โดยระบุว่า...

‘นายกฯ ลาว’ จะมาไทยสองวัน วันที่ 1ถึง 2 นี้ คุยกันทุกเรื่อง ดีมากครับ ดีต่อประชาชนทั้งสองประเทศ ย้ำทุกเรื่อง ทุกอย่างดีมาก

‘ญี่ปุ่น’ ส่งหน่วยงานเศรษฐกิจมาประชุมยืนยันกับนายกฯ สมัยก่อนผมเคยติดต่อ หน่วยงานระดับนี้มา จะเกิดการลงทุนระดับใหญ่มาก ทุกด้าน (ขีดเส้นใต้ ไม่มีอะไรเกี่ยวกับสงคราม)

‘ทีมงานซาอุดีอาระเบีย’ กับ ‘ไทย’ ทำงานหนัก ซาอุฯ ขนกองทุนความมั่งคั่งที่ใหญ่สุดของโลกเข้ามา ซาอุฯ มาจะดึงพันธมิตรแห่งริยาดห์ 55 ประเทศมาด้วย (วิชั่น2030)

‘อเมริกา’ เสนอแนวทางลงทุนแล้ว ระดับรัฐบาลจะมีอุตสาหกรรมใหญ่เยอะ เปลี่ยนโฉมประเทศเลย

‘รัสเซีย’ ยืนยันขยายการค้า การท่องเที่ยว การบิน พันธมิตรรัสเซียมาอีกตรึม ทะเลสาบแคสเปี้ยนน่าสนใจมาก จะขนนักท่องเที่ยวมา

‘อินเดีย’ กลายเป็นผู้มาท่องเที่ยวอันดับหนึ่ง สิ้นปีนี้เริ่มเดือนละล้านขึ้น

‘ยุโรป’ กำลังมา เพราะอนาคตยุโรปไม่แน่นอน

ดร.สมเกียรติ เผยอีกว่า จะไม่มีสงครามในย่าน อินโดจีน และ ไทย รวมพม่าด้วย เพราะเค้าคุยกันแล้ว 

อาเซียนตั้งมา 55 ปี ทำดุลยภาพกันมา 30 ปี ตัวแทนประเทศต่างๆ ในอาเซียนบินคุยกันว่อนถึงยุทธศาสตร์อาเซียน ที่ไม่เอาสงคราม เพราะวันนี้อาเซียนมีประชากร 650 ล้าน มีเกาะ 30,000 เกาะ ต้องเน้นหาตังค์ลูกเดียว

อย่างไรก็ตาม อาเซียนคุยลับกันเยอะ แต่ก็ไม่มีอันตรายกับจีนแน่นอน แต่เช่นเดียวกันก็ไม่อยากโดนแซนด์วิช
 

‘มาคาเลียส’ จัดโปรฟ้าฝ่า ลดราคาท้าฝน ขนที่พักริมทะเลใกล้กรุง ลดสูงสุด 80%

‘มาคาเลียส' (Makalius) แหล่งรวมอี-วอเชอร์ที่พัก ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว อันดับ 1 ของประเทศไทย นำที่พักริมทะเลใกล้กรุง จัดโปรโมชั่น ‘มาคาเลียส โปรฟ้าฝ่าลดราคาท้าฝน’ ลดสูงสุด 80% อาทิ AT T Boutique Hotel, Rodina Beach Hotel, Golden Tulip Pattaya Beach Resort, Sonia Residence Pattaya, Garden Cliffe Resort & Spa, T Pattaya Hotel และอีกมากมาย พร้อมมอบสิทธิพิเศษให้เฉพาะลูกค้ามาคาเลียส ไม่ว่าจะเป็น Soft  Drink, Afternoon Tea, Seafood Dinner เป็นต้น   เปิดจองวอเชอร์แล้วตั้งแต่วันนี้ เป็นต้นไป 

คลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติม ที่ www.makalius.co.th สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 02 821 5215 หรือ Line Official @makalius

ราคาน้ำมันไทย ถูกหรือแพงในอาเซียน!!

สำนักงานนโยบายและพลังงาน กระทรวงพลังงานเปิดเผยบทวิเคราะห์ราคาน้ำมันต่างประเทศ โดยนำเสนอราคาน้ำมัน 2 ประเภท คือ 1. เบนซิน และ 2. ดีเซล เปรียบเทียบกับหมู่ประเทศที่เป็นสมาชิก ‘อาเซียน’

ทั้งนี้ แต่ละประเทศสมาชิกมีมาตรการภาษี และระบบการเก็บเงินเข้ากองทุนหรืออุดหนุนราคาพลังงานที่แตกต่างกัน และหลายประเทศยังมีการอุดหนุนราคาอยู่

ขณะที่ ไทยสนับสนุนการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ ให้การอุดหนุนราคาโดยกองทุนน้ำมันฯ จึงทำให้ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ถูกกว่าเบนซิน

หมายเหตุ : ราคา ณ วันที่ 30 พฤษภาคม 2565 อัตราแลกเปลี่ยน (อัตรากลาง) ณ วันที่ 27 พฤษภาคม 2565 
* ประเทศไทย เป็นราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95E10 ซึ่งมีสัดส่วนการใช้มากที่สุด

สำหรับ ภาพรวมพลังงานของไทย ระหว่างเดือน ม.ค. - มี.ค. 2565 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว การผลิตพลังงานขั้นต้น ลดลงเกือบทุกประเภท โดยลดลง 19.7% ยกเว้นไฟฟ้าพลังน้ำที่มีการผลิตเพิ่มขึ้น 35.1% ส่วนการนำเข้าพลังงาน (สุทธิ) เพิ่มขึ้นเกือบทุกประเภท โดยเพิ่มขึ้น 1.1% ยกเว้นถ่านหิน โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของการนำเข้าน้ำมันดิบ การนำเข้าไฟฟ้า และการนำเข้าก๊าซธรรมชาติ ขณะที่ความต้องการใช้พลังงานลดลง 0.8%

ด้านการใช้พลังงานขั้นสุดท้ายเพิ่มขึ้นทุกประเภท เพิ่มขึ้น 11.3% โดยน้ำมันสำเร็จรูปมีสัดส่วนการใช้สูงสุด 53% รองลงมาคือการใช้ไฟฟ้า 21%


ที่มา : สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน
https://www.facebook.com/AECconnect/photos/a.124639997878862/1729949350681244

'กระทรวงเกษตรฯ' สร้างโอกาสประเทศไทยในยุคโลกขาดแคลนอาหาร เร่งเครื่องอัพเกรดบริการภาครัฐ (e-Service) 22 หน่วยงาน 176 ระบบเพิ่มศักยภาพภาคเกษตรไทยภายใต้ '5 ยุทธศาสตร์เฉลิมชัย'

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเทคโนโลยีเกษตร 4.0 เปิดเผยวันนี้ (30 พ.ค.65) ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำลังเร่งเครื่องอัพเกรดบริการภาครัฐ (e-Service) สู่กระทรวงเกษตร 4.0 เพื่อยกระดับศักยภาพและประสิทธิภาพภาคเกษตรภายใต้ 5 ยุทธศาสตร์และนโยบายเทคโนโลยีเกษตร 4.0 ของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสไทยในฐานะครัวโลกในยุคที่โลกกำลังเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนอาหารจากผลกระทบของโควิด19 และสงครามรัสเซีย-ยูเครน

ทั้งหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทั้ง 22 หน่วยงานกําหนดเป้าหมายแรกให้บริการแก่ประชาชน ในรูปแบบบริการอีเล็คทรอนิกส์ (e-Service) รวม 176 ระบบ โดยได้ดําเนินการแล้วเสร็จและให้บริการเรียบร้อยแล้วจํานวน 167 ระบบ และอยู่ระหว่างการพัฒนา 9 ระบบ ซึ่งคาดว่าจะดําเนินการพัฒนาให้แล้วเสร็จภายในปี 2565 

สําหรับระบบริการ จะมุ่งเน้นให้บริการครอบคลุมตลอดวัฏจักรการทําการเกษตร ตั้งแต่การวางแผนการผลิต จนถึงการตลาด อาทิ ระบบ ตรวจสอบดิน (กรมพัฒนาที่ดิน) ระบบโปรแกรมประยุกต์การคํานวณการให้อาหารกุ้งทะเล (Feed App) (กรมประมง) ระบบ การขอใบอนุญาตนําหรือเคลื่อนย้ายสัตว์หรือซากสัตว์ภายในราชอาณาจักร (ร.3 /ร.4 /ร.5) (กรมปศุสัตว์) ระบบงานยื่น คําขอและออกใบสําคัญขึ้นทะเบียน/ใบรับรอง/ใบอนุญาตนําเข้าปุ๋ย (กรมวิชาการเกษตร) รวมทั้งยังมีระบบที่เช่ือมโยง ข้อมูลกับระบบ National Single Window (NSW) ของกรมศุลกากร เพื่อการออกใบอนุญาตที่สําคัญต่างๆ ใบสําคัญใน การนําเข้า-ส่งออก หรือการรับรองผลการตรวจสุขอนามัยพืชและสัตว์ (จํานวน 55 ระบบ)

อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการอํานวยความสะดวกต่อผู้ใช้งานทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชนทั่วไปให้สืบค้นข้อมูลได้ อย่างรวดเร็วและเข้าถึงการบริการ e-Service ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ง่ายยิ่งขึ้น สํานักงานเศรษฐกิจ การเกษตร (สศก.) ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะอนุกรรมการขับเคลื่อน Big Data และ Gov Tech ภายใต้คณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเทคโนโลยีเกษตร 4.0 ของกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ ได้จัดทํา Web Application “ระบบบริการภาครัฐ: http://mis.oae.go.th/rservice” เพื่อเป็น ช่องทางกลางในการเข้าถึงบริการ e-Service ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย “ระบบบริการภาครัฐ” มีเมนู จําแนกตามกิจกรรมบริการที่สอดคล้องกับวัฏจักรการทําการเกษตรทั้ง 6 ด้าน ประกอบด้วย 1) การวางแผนการผลิต 2) การหาปัจจัยการผลิต 3) การเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ ดูแลรักษา 4) การเก็บเกี่ยว 5) การแปรรูป การเพิ่มมูลค่าและ 6) การตลาด การจําหน่าย นอกจากนี้ ยังมีเมนูพิเศษ อื่น ๆ เพื่อการสืบค้นและสามารถเข้าถึงงานวิจัย ตลอดจน รายชื่อองค์ความรู้เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรมของศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (ศูนย์ AIC 77จังหวัด) โดยผู้ใช้งานสามารถค้นหาระบบ e-Service ที่ต้องการได้ทันที และระบบจะเชื่อมโยงไปถึงระบบ e-Service ของหน่วยงานต้นทางที่พร้อมให้บริการได้อย่างสะดวก รวดเร็วและง่าย ต่อการใช้งาน

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนภัยการซื้อสินค้าผ่านสื่อสังคมออนไลน์

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนภัยการซื้อสินค้าผ่านสื่อสังคมออนไลน์โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรือเสริมสมรรถภาพทางเพศ ที่กล่าวอ้างสรรพคุณเกินจริง ไม่ได้มาตรฐานหรือผ่านการตรวจสอบและรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาจเกิดความเสียหายหรืออันตรายถึงแก่ชีวิตได้

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอฝากเตือนภัยการเลือกซื้อสินค้าผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรือเสริมสมรรถภาพทางเพศ  ที่ไม่ได้มาตรฐานหรือผ่านการตรวจสอบและรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาจเกิดความเสียหายหรือเกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

ในห้วงที่ผ่านในภาพรวมพบว่ามีการกระทำความผิดและการหลอกลวงของมิจฉาชีพที่เกี่ยวกับขายสินค้าผ่านสื่อสังคมออนไลน์โดยฉพาะอย่างยิ่ง สินค้าที่ไม่ได้มาตฐาน โฆษณาเกินจริง ไม่มีการรับรองผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับอาหารเสริมหรือเสริมสมรรถภาพทางเพศ เป็นจำนวนมาก

ดังเช่นกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์ได้นำเสนอข่าวเมื่อวันที่ 29 พ.ค.65 ได้กล่าวถึงกรณีสำนักงานวิทยาศาสตร์สุขภาพสิงคโปร์ (HSA) เตือนประชาชนไม่ให้บริโภคผลิตภัณฑ์กาแฟยี่ห้อหนึ่งชนิด 3in1 ที่ตรวจพบยาทาดาลาฟิล รักษาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศสูงเกินขนาดปกติ มากกว่า 10 เท่า ซึ่งพบว่าสารที่ออกฤทธิ์มีผลกระทบต่อการขยายหลอดเลือดและมีผลต่อผู้ป่วยโรคตับ ไต หัวใจ หลอดเลือดสมอง กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เจ็บหน้าอก ความดันเลือดต่ำหรือสูง เป็นต้น  

เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงได้กำชับและสั่งการไปยังหน่วยงานในสังกัดที่เกี่ยวข้องทุกหน่วย ในการป้องกันภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ให้เร่งสร้างการรับรู้ให้กับพี่น้องประชาชน ทราบถึงพิษภัยและรูปแบบการกระทำความผิดต่างๆ พร้อมเร่งทำการสืบสวนปราบปรามจับกุม ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ผิดกฎหมายมาดำเนินคดี เพื่อเป็นการจำกัดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นและตัดโอกาสในการกระทำความผิดอย่างจริงจังต่อเนื่องโดยให้มีผลการปฏิบัติเป็นรูปธรรม

ทั้งนี้หากมีการลักลอบนำมาจำหน่ายผ่านสื่อสังคมออนไลน์ หรือ การโฆษณาสรรคุณสินค้าที่เกินจริง  ซึ่งที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ก็จะมีคำสั่งให้ระงับจำหน่ายและโฆษณาทันทีโดยถือเป็นอาหารที่ไม่ปลอดภัย ผู้กระทำการฝ่าฝืน ผลิต นำเข้า หรือจำหน่ายมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

รวมถึงหากมีการนำไปอวดอ้างสรรพคุณที่เกินจริง บิดเบือนหรือผลิตข่าวปลอมที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรือเสริมสมรรถภาพทางเพศผ่านสื่อสังคมออนไลน์  ก็จะเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง 

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีดังกล่าวนั้นซึ่งเป็นความผิดต่อส่วนตัวหากมีประชาชนที่ได้รับความเสียหายสามารถรวบรวมข้อมูลและพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องมาแจ้งความร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป         

พร้อมขอฝากเตือนประชาชนใช้วิจารณญาณในการเลือกบริโภคสินค้าต่างๆให้พิจาณาให้ดี อย่าเชื่อแค่คำโฆษณาหรือการ บอกเล่าปากเปล่า และขอประชาสัมพันธ์แนวทางป้องกัน ดังนี้...

1.อย่าหลงเชื่อผลิตภัณฑ์ที่แสดงสรรพคุณเกินจริง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีการระบุสรรพคุณในการรักษาหรือมีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงหรือส่งผลต่อร่างกายของเราโดยเด็ดขาด 

2.ควรตรวจสอบข้อมูลผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่ามีสรรพคุณอย่างที่กล่าวอ้างจริงหรือไม่ 

3.การโฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร จะต้องได้รับการอนุญาตจากทางสำนักคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งสังเกตจากเลขทะเบียน (ที่ไม่ใช่เลข อย.) ซึ่งขึ้นด้วยอักษร "ฆอ. …" เป็นต้น

4.สามารถตรวจสอบการอนุญาตที่เกี่ยวข้องได้ที่เว็ปไชต์ https://porta.fda.moph.go.th ของ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) กระทรวงสาธารณสุข

นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 5/2565 ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล

พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า วันจันทร์ ที่ 30 ต.ค.65 เวลา 15.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 5/2565 ณ ตึกภักดีบดินทร์  ทำเนียบรัฐบาล โดยมีรายละเอียดเบื้องต้นในการประชุม เพื่อรับฟังรายงานผลการดำเนินการของคณะอนุกรรมการข้าราชการตำรวจด้านต่างๆ 

การประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ ๔ ประจําปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๕

วันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๕ เวลา ๑๐.๐๐ นาฬิกา กองบัญชาการกองทัพไทย จัดการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ ๔ ประจําปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๕ ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด ๑๙ (ศบค.) โดยมี พลเอก เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธาน พร้อมด้วย ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ และเสนาธิการทหารอากาศ เข้าร่วมประชุม ณ กองบัญชาการกองทัพไทย ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ

การประชุมฯ ในครั้งนี้ที่ประชุมได้รับทราบข้อมูลที่สําคัญของกองบัญชาการกองทัพไทย เหล่าทัพ และสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ดังนี้...

กองบัญชาการกองทัพไทย ได้นําเสนอการจัดการฝึกร่วมกองทัพไทย ๒๕๖๕ ซึ่งเป็นการฝึกร่วม ตามแผนป้องกันประเทศ โดยบูรณาการการอํานวยการยุทธร่วม ด้วยการใช้กําลังทหารขนาดใหญ่ของกองทัพไทย รวมถึงบูรณาการการปฏิบัติการร่วมระหว่างเหล่าทัพและพลเรือน อันเป็นการเสริมสร้างขีดความสามารถ ในการปฏิบัติการร่วมของกองทัพไทยให้มีความพร้อมในการปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติ รวมถึง รักษาความมั่นคงของรัฐ เพื่อเป็นหลักประกันด้านความมั่นคงให้กับประเทศชาติและความสงบสุขของประชาชน

กองทัพบก ได้รายงานผลการปฏิบัติงานที่สําคัญให้ที่ประชุมได้รับทราบ จํานวน ๒ เรื่อง ได้แก่ เรื่องที่ ๑ การจัดการฝึกทหารใหม่ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ตั้งแต่ กรรมวิธีการรับทหารใหม่ การเคลื่อนย้ายจนถึงหน่วยฝึกทหารใหม่ การกักตัวครูฝึก ผู้ช่วยครูฝึก และทหารใหม่ ภายใต้มาตรการ Bubble & Sealed และ เรื่องที่ ๒ การปฏิบัติภารกิจของอากาศยานเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป แบบ ๑๔๕ (ฮ.ท.๑๔๕) ในการลําเลียงผู้ป่วยฉุกเฉินร่วมกับทีมแพทย์ของโรงพยาบาลในสังกัดกองทัพบกในพื้นที่ และทีมแพทย์สกายดอกเตอร์ของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ซึ่งสามารถให้การช่วยเหลือผู้ป่วยอาการ วิกฤตให้รอดชีวิต ได้รับการตอบรับจากประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างดียิ่ง

กองทัพเรือ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ได้เตรียมความพร้อมในการรองรับสงครามอาวุธที่มีอานุภาพ ทําลายล้างสูง ได้แก่ อาวุธเคมี ชีวะ รังสี และนิวเคลียร์ (คชรน.) ในด้านต่างๆ ได้แก่ ด้านองค์บุคคล ระดับ นานาชาติ ด้านองค์วัตถุ ด้านองค์ยุทธวิธี โดยผลงานสําคัญที่ผ่านมา ได้แก่ การสนับสนุนความปลอดภัยของนักดําน้ํา โดยการตรวจสอบปริมาณก๊าซพิษและก๊าชออกซิเจนในภารกิจค้นหาและกู้ภัยถ้ำหลวงเพื่อช่วยเหลือทีมฟุตบอลหมูป่า การนําขีดความสามารถด้านการป้องกันอาวุธชีวภาพมาใช้ในการควบคุมการแพร่กระจายของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ณ อาคารรับรองสัตหีบ ซึ่งเป็นสถานที่กักตัวของรัฐ และการนําเครื่องตรวจวิเคราะห์สารพิษ เทคโนโลยีสูงมาตรวจการปนเปื้อนของสารพิษในสิ่งแวดล้อม และสามารถรายงานผลได้อย่างแม่นยํา รวดเร็ว แบบ Real Time

กองทัพอากาศ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงการพัฒนาขีดความสามารถด้านการข่าวกรองการเฝ้าตรวจ และการลาดตระเวน (ISR) โดยการพัฒนาระบบงานและคุณภาพบุคลากร การพัฒนาด้านยุทโธปกรณ์ การจัดหา อากาศยานไร้คนขับ (Dominator) การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ ระบบ GEOINT PORTAL เพื่อพัฒนาศักยภาพ และขีดความสามารถด้านการข่าวกรองการเฝ้าตรวจและการลาดตระเวนสู่การมีข้อมูลและการข่าวที่มีคุณภาพ (Superior ISR)

สํานักงานตํารวจแห่งชาติ ได้นําเสนอระบบ Biometrics ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสําหรับการเก็บข้อมูล คัดกรอง และสืบค้นอัตลักษณ์บุคคลในการเข้า-ออกประเทศทั้ง ด่านตรวจทางน้ํา ด่านตรวจทางบก และด่านตรวจ ทางอากาศ ซึ่งมีจํานวน ๑,๘๔๓ จุด ทั่วประเทศ โดยเป็นการใช้ข้อมูลจากลายพิมพ์นิ้วมือและภาพถ่ายใบหน้าในการ ยืนยันตัวตนที่มีความแม่นยํา มีประสิทธิภาพสูง มีการเชื่อมโยงและบูรณาการข้อมูลต่าง ๆ ทําให้กระบวนการสืบค้น ข้อมูลเพื่อนําไปสู่การจับกุมเป็นไปอย่างรวดเร็ว และแม่นยํามากขึ้น

'รองฯ รอย' เป็นประธานเปิด การแข่งขัน SWAT Challenge 2022 ทีมหนุมานชัย STAGE 1

(30 พ.ค.65) ที่ลานรวมพล กก.1 บก.สอ.บช.ตชด.ค่ายนเรศวร อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จัด การแข่งขันหน่วยปฏิบัติการพิเศษระดับ บช. (SWAT Challenge 2022) ในวันที่ 29 พ.ค. - 4 มิ.ย.65  โดยจัดการแข่งขัน ขึ้นเพื่อต้องการพัฒนาและดำรงขีดความสามารถของหน่วยปฏิบัติการพิเศษในการคลี่คลายสถานการณ อาชญากรรมที่มีความรุนแรง โดยมีหน่วยเข้าร่วมแข่งขัน จำนวน 12 หน่วย ประกอบด้วย  ภ.1-9, บช.ก., บช.ส. และ บช.ปส. บช.น.

สำหรับ การแข่งขันจะแบ่งออกเป็น 5 Stage ซึ่งอ้างอิงจากขั้นตอนในการปฏิบัติทางยุทธวิธี เริ่มจาก

(1.)การเคลื่อนที่ 
(2.)การปฏิบัติของส่วนโจมตี 
(3.)การปฏิบัติของส่วนซุ่มยิง 
(4.)การปฏิบัติร่วมส่วนโจมตีและส่วนซุ่มยิง
(5.)การเคลื่อนที่ผ่านสนามเครื่องกีดขวาง 

ซึ่งปีนี้ได้นำแนวทางการแข่งขัน SWAT Challenge ที่ประเทศดูไบมาปรับใช้ กรรมการประกอบด้วย 3 ส่วน1. ตัวแทน ตร. ที่ไปแข่งที่ดูไบ, 2. อรินทราช 26 ,3. นเรศวร 261 

โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.มอบหมายให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. (ปป.) เดินทางไปเป็นประธานพิธีเปิด การแข่งขัน โดยมี พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลัก บุญ รอง จตช. (ช่วยเหลือ ผช.ผบ.ตร.งาน ปป.), พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ส. พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.3, พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5, พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7, พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ วุฒิจรัสธำรงค์ พล.ต.ต.วันชนะ ธรรมเสมา ผบก.สอ.บช.ตชด. และตัวแทนจาก บช.ต่างๆ พร้อมด้วยเจ้าที่ ที่เกี่ยวข้อง เข้าเยี่ยมชมการแข่งขันในครั้งนี้ 

พล.ต.อ.รอย กล่าวว่า การแข่งขันหน่วยปฏิบัติการพิเศษระดับ บช. (SWAT Challenge 2022)รวมถึงโครงการฝึกอบรมเตรียมความพร้อมหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ระดับกองบัญชาการ ของสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ประจําปีงบประมาณ 2565 ตนได้รับมอบหมายให้มาเป็นประธานเปิดโครงการฝึกอบรมเตรียมความพร้อม,หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ระดับกองบัญชาการ ของสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ในวันนี้ การปฏิบัติการพิเศษในสังกัดสํานักงานตํารวจ แห่งชาติได้ในทุกมิติ เข้าใจในบทบาทหน้าที่การปฏิบัติร่วมกันอย่างมืออาชีพเพื่อสร้างความเชื่อมั่นศรัทธาให้กับประชาชน

"ดังนั้นขอให้ผู้เข้ารับการฝึก มีความมุ่งมั่นตั้งใจหาความรู้ ฝึกทักษะการ ปฏิบัติ เพื่อให้เกิดความชํานาญรวมถึงแลกเปลี่ยนประสบการณ์ การทํางานใสร้างสัมพันธภาพระหว่างกันใเพื่อประสานการปฏิบัติในโอกาสต่อไป

ขอขอบคุณ คณะทํางานใผู้รับผิดชอบโครงการ ครูฝึก, เจ้าหน้าที่ที่ทุ่มเท เตรียมการฝึกในครั้งนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการฝึกอบรมในครั้งนี้จะสําเร็จลุล่วงปลอดภัยและบรรลุวัตถุประสงค์ของทางราชการทุกประการ"

รอง ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า โครงการฝึกอบรมนี้ เพื่อเตรียมความพร้อม ให้กับหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ระดับกองบัญชาการ ของสํานักงาน ตํารวจแห่งชาติ  การฝึกอบรมนี้ ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติมีเจตนารมณ์ที่ต้องการพัฒนา เพิ่มขีดความสามารถของหน่วยปฏิบัติการพิเศษในการปฏิบัติภารกิจและแก้ไข สถานการณได้อย่างเป็นมาตรฐานสากล ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ทั้งต้องสามารถบูรณาการระหว่างหน่วย

สำหรับโครงการฝึกอบรมเตรียมความพร้อมหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ระดับกองบัญชาการ ตามที่ ตร. มอบหมายให้ กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ได้จัดการฝึกอบรม โครงการฝึกอบรมเตรียมความพร้อมหน่วยปฏิบัติการพิเศษระดับกองบัญชาการ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเตรียมความพร้อม และพัฒนาศักยภาพเชิงทักษะของบุคลากร ในหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพ ทบทวนบทบาท หน้าที่ และแนวทางในการปฏิบัติภารกิจร่วมกัน ของหน่วยปฏิบัติการพิเศษ  รอง ผบ.ตร.กล่าว

สำหรับ กำลังพลผู้เข้ารับการฝึกอบรมตามโครงการ จำนวน 144 นาย ประกอบด้วยหน่วยละ 12 นาย (1.)หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธร ภาค 1 (2.)หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธร ภาค 2 (3.) หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธร ภาค 3 (4.)หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธร ภาค 4(5.)หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธร ภาค 5 (6.) หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธร ภาค 6 (7.)หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธร ภาค 7 (8.)หน่วยปฏิบัติการพิเศษ  ตำรวจภูธร ภาค 8 (9) หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธร ภาค 9 (10.)หน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (11.)หน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(12.)หน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจสันติบาล 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top