สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนภัยการซื้อสินค้าผ่านสื่อสังคมออนไลน์

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนภัยการซื้อสินค้าผ่านสื่อสังคมออนไลน์โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรือเสริมสมรรถภาพทางเพศ ที่กล่าวอ้างสรรพคุณเกินจริง ไม่ได้มาตรฐานหรือผ่านการตรวจสอบและรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาจเกิดความเสียหายหรืออันตรายถึงแก่ชีวิตได้

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอฝากเตือนภัยการเลือกซื้อสินค้าผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรือเสริมสมรรถภาพทางเพศ  ที่ไม่ได้มาตรฐานหรือผ่านการตรวจสอบและรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาจเกิดความเสียหายหรือเกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

ในห้วงที่ผ่านในภาพรวมพบว่ามีการกระทำความผิดและการหลอกลวงของมิจฉาชีพที่เกี่ยวกับขายสินค้าผ่านสื่อสังคมออนไลน์โดยฉพาะอย่างยิ่ง สินค้าที่ไม่ได้มาตฐาน โฆษณาเกินจริง ไม่มีการรับรองผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับอาหารเสริมหรือเสริมสมรรถภาพทางเพศ เป็นจำนวนมาก

ดังเช่นกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์ได้นำเสนอข่าวเมื่อวันที่ 29 พ.ค.65 ได้กล่าวถึงกรณีสำนักงานวิทยาศาสตร์สุขภาพสิงคโปร์ (HSA) เตือนประชาชนไม่ให้บริโภคผลิตภัณฑ์กาแฟยี่ห้อหนึ่งชนิด 3in1 ที่ตรวจพบยาทาดาลาฟิล รักษาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศสูงเกินขนาดปกติ มากกว่า 10 เท่า ซึ่งพบว่าสารที่ออกฤทธิ์มีผลกระทบต่อการขยายหลอดเลือดและมีผลต่อผู้ป่วยโรคตับ ไต หัวใจ หลอดเลือดสมอง กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เจ็บหน้าอก ความดันเลือดต่ำหรือสูง เป็นต้น  

เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงได้กำชับและสั่งการไปยังหน่วยงานในสังกัดที่เกี่ยวข้องทุกหน่วย ในการป้องกันภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ให้เร่งสร้างการรับรู้ให้กับพี่น้องประชาชน ทราบถึงพิษภัยและรูปแบบการกระทำความผิดต่างๆ พร้อมเร่งทำการสืบสวนปราบปรามจับกุม ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ผิดกฎหมายมาดำเนินคดี เพื่อเป็นการจำกัดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นและตัดโอกาสในการกระทำความผิดอย่างจริงจังต่อเนื่องโดยให้มีผลการปฏิบัติเป็นรูปธรรม

ทั้งนี้หากมีการลักลอบนำมาจำหน่ายผ่านสื่อสังคมออนไลน์ หรือ การโฆษณาสรรคุณสินค้าที่เกินจริง  ซึ่งที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ก็จะมีคำสั่งให้ระงับจำหน่ายและโฆษณาทันทีโดยถือเป็นอาหารที่ไม่ปลอดภัย ผู้กระทำการฝ่าฝืน ผลิต นำเข้า หรือจำหน่ายมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

รวมถึงหากมีการนำไปอวดอ้างสรรพคุณที่เกินจริง บิดเบือนหรือผลิตข่าวปลอมที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรือเสริมสมรรถภาพทางเพศผ่านสื่อสังคมออนไลน์  ก็จะเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง 

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีดังกล่าวนั้นซึ่งเป็นความผิดต่อส่วนตัวหากมีประชาชนที่ได้รับความเสียหายสามารถรวบรวมข้อมูลและพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องมาแจ้งความร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป         

พร้อมขอฝากเตือนประชาชนใช้วิจารณญาณในการเลือกบริโภคสินค้าต่างๆให้พิจาณาให้ดี อย่าเชื่อแค่คำโฆษณาหรือการ บอกเล่าปากเปล่า และขอประชาสัมพันธ์แนวทางป้องกัน ดังนี้...

1.อย่าหลงเชื่อผลิตภัณฑ์ที่แสดงสรรพคุณเกินจริง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีการระบุสรรพคุณในการรักษาหรือมีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงหรือส่งผลต่อร่างกายของเราโดยเด็ดขาด 

2.ควรตรวจสอบข้อมูลผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่ามีสรรพคุณอย่างที่กล่าวอ้างจริงหรือไม่ 

3.การโฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร จะต้องได้รับการอนุญาตจากทางสำนักคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งสังเกตจากเลขทะเบียน (ที่ไม่ใช่เลข อย.) ซึ่งขึ้นด้วยอักษร "ฆอ. …" เป็นต้น

4.สามารถตรวจสอบการอนุญาตที่เกี่ยวข้องได้ที่เว็ปไชต์ https://porta.fda.moph.go.th ของ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) กระทรวงสาธารณสุข

นอกจากนี้หากพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งไปยัง Call Center สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง