Wednesday, 14 May 2025
TheStatesTimes

“บิ๊กป้อม” ประชุมคณะกรรมการ EIA ผ่านความเห็นชอบ 4 โครงการ พร้อมสั่ง จ.ระยอง ตั้งคณะทำงานเร่งติดตามการช่วยเหลือประชาชนที่รับผลกระทบน้ำมันรั่วด่วน และให้ทุกหน่วยงานให้ความสำคัญแก้ปัญหา PM 2.5 อย่างจริงจัง

ที่ ณ มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อห้าจังหวัด พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ในฐานะโฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุม คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/65 ผ่านระบบ VTC เพื่อติดตามขับเคลื่อนมาตรฐานสิ่งแวดล้อม 

โดยที่ประชุมรับทราบผลการดำเนินการ ปี 64 จากการสำรวจความเชื่อมั่นในกระบวนการ EIA พบว่า มีระดับความเชื่อมั่นร้อยละ 80.20 เห็นชอบ 404 โครงการ มีโครงการที่ยังดำเนินการอยู่ 6,299 โครงการ ได้รับการร้องเรียน 29 โครงการ และรับทราบผลติดตามการปรับลดอัตราการระบายมลพิษทางอากาศ 80:20 พบอัตราการระบายก๊าซออกไซด์ของไนโตรเจน และ ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยขอให้ ทส.ดำเนินการต่อและผลักดันให้มีระบบฐานข้อมูลกลางให้มีหน่วยงานกลางกำกับดูแลทั้งในและนอกเขตนิคมอุตสาหกรรม สำหรับเรื่องร้องเรียน ขอให้ ทส.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ข้อมูลตอบผู้ร้องทุกราย เพื่อรับทราบข้อมูลและสถานะของโครงการไปพร้อมกัน

พล.อ.คงชีพ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังรับทราบ แนวทางการบริหารจัดการขยะติดเชื้อ ที่มอบหมายให้ กระทรวงทรัพย์การธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ประสาน กระทรวงมหาดไทย (มท.) และ กระทรวงสาธารณะสุข (สธ.) เพื่อให้องค์กรปกครองท้องถิ่น บริหารจัดการแบบรวมศูนย์ ( Cluster ) และให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในอนาคต และรับทราบรายงาน กรณีการแก้ไขน้ำมันรั่วไหลกลางทะเลจังหวัดระยอง ซึ่งสามารถควบคุมดูแลสถานการณ์และขจัดคราบน้ำมันจนเสร็จสิ้นแล้วเมื่อ 1 ก.พ.65 และมอบหมายให้ ทส.ติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสถานภาพของทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งต่อเนื่อง เพื่อประเมินผลกระทบและฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดขึ้นตามกฏหมายจากบริษัทฯ

พล.อ.คงชีพ กล่าวอีกว่า จากนั่นได้ร่วมกันพิจารณาและให้ความเห็นชอบ 4 โครงการ ประกอบด้วย โครงการรถไฟฟ้ารางเดียวสายสีเทา ระยะที่ 1 วัชรพล - ทองหล่อ โครงการระบบโครงข่ายไฟฟ้า 230 กิโลวัตต์ ตาก 2 - แม่สอด โครงการที่พักอาศัยผู้สูงอายุ รามา - ธนารักษ์ จังหวัดสมุทรปราการ และโครงการก่อสร้างทางวิ่งและทางขับที่ 2 สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา และให้ความเห็นชอบกรอบการประชุมระหว่างประเทศ ที่จะจัดขึ้นใน มี.ค.65 ทั้งการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติสมัยที่ 5  ณ ประเทศเคนยา และการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามตะ ว่าด้วยตลอดสมัยที่ 4 ณ ประเทศอินโดนีเซีย  รวมทั้งให้ความเห็นชอบการกำหนดอัตราค่าบริการในการจัดการมูลฝอยติดเชื้อขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงและคาดการณ์ต้นทุนในระยะเวลา 20 ปี และ การกำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากสถานที่ฝังกลบมูลฝอย อย่างถูกหลักสุขาภิบาล 

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กำชับขอให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง นำเรื่องที่พิจารณาและให้ความเห็นชอบร่วมกันแล้ว เสนอ ครม. ต่อไป  พร้อมทั้งย้ำให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมและสร้างความเข้าใจในกระบวนการและมาตรการสิ่งแวดล้อมร่วมกันให้มากขึ้น  ทั้งนี้ต้องไม่ละเลยในทุกเรื่องที่มีการร้องเรียน โดยต้องให้ข้อมูลและทำความเข้าใจ  ยึดประโยชน์ส่วนรวมเป็นเป้าหมายหลักของการดำเนินการร่วมกัน

“ปัญหาน้ำมันรั่วไหล ขอขอบคุณกองทัพเรือ ที่เป็นหลักสนับสนุนการดำเนินการอย่างทันท่วงทีและต่อเนื่องที่ผ่านมา และขอให้ ทส.ประสานกับ มท.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงสำรวจความเสียหายจากผลกระทบที่เกิดขึ้นทั้งชายฝั่งและใต้ทะเลให้ทั่วถึง โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง จัดตั้งคณะทำงานติดตามการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และเร่งรัดให้บริษัทสตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) รับผิดให้การช่วยเหลือเยียวยาเป็นการเร่งด่วนให้ทั่วถึงโดยเร็ว”พล.อ.คงชีพ กล่าว

สุพรรณบุรี - "นิพนธ์" ตรวจภัยแล้งสุพรรณฯ มั่นใจ! ปีนี้ไม่ขาดแคลนน้ำใช้อุปโภค -บริโภค และน้ำเกษตร พร้อมกำชับป้องกันไฟป่า-หมอกควันอย่างใกล้ชิด

ที่อ่างกักเก็บน้ำเขื่อนกระเสียว ตำบลด่านช้าง อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำในอ่างกักเก็บน้ำเขื่อนกระเสียว โดยมีนายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี ปลัดจังหวัดสุพรรณบุรี หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุพรรณบุรี ผอ.ศูนย์.ปภ.เขต 2 สุพรรณบุรี ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษากระเสียว นายอำเภอด่านช้าง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมติดตามสถานการณ์

นายนิพนธ์ กล่าวว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญปัญหาภัยแล้งมาโดยตลอด และตนในฐานะกำกับดูแลกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีหน้าที่ในการ "บำบัดทุกข์ บำรุงสุข" ให้แก่พี่น้องประชาชน นั้น มีความตั้งใจจะลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์ภัยแล้งอย่างใกล้ชิด จากการรับฟังรายงานสรุปสถานการณ์ปริมาณเก็บกักน้ำในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำเขื่อนกระเสียว มีความจุที่ระดับน้ำสูงสุด 299,000 ล้าน ม.3 โดยวันนี้มีปริมาตรน้ำเก็บกัก 296 ล้าน ลบ.ม. (99.29%) และปริมาณการใช้น้ำ 256 ล้าน ลบ.ม. (99.18%)  ซึ่งคาดการณ์ว่ามีปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการ ทั้งในด้านการอุปโภคบริโภค และการทำการเกษตร จึงไม่มีความกังวลในประเด็นดังกล่าว ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ฝ่ายที่ได้มีการเตรียมความพร้อมในการรับมือโดยจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ภัยแล้ง ปี 2565 และศูนย์อำนวยการและประสานงานให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ (ภัยแล้ง) ระดับพื้นที่  จัดเตรียมกำลังคน วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องจักรกลสาธารณภัย ให้มีความพร้อมปฏิบัติงานตามแผนเผชิญเหตุ ตลอด 24 ชั่วโมง

นอกจากนี้ ยังติดตามและเตรียมความพร้อมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ด้วยทุกปี พื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรีมักจะประสบปัญหาความแห้งแล้งทำให้เอื้อต่อการเกิดไฟป่าได้ง่าย ซึ่งการเกิดไฟป่าแต่ละครั้งเป็นอันตรายและสร้างความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินทั้งของประชาชนและราชการ และยังเป็นสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดปัญหาวิกฤตมลพิษหมอกควัน ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิต สุขภาพอนามัยของประชาชน จึงให้ทุกฝ่ายบูรณาการร่วมกันดูแลให้คำแนะนำและประสานการปฏิบัติในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ให้ทั่วถึงและรวดเร็ว รวมถึงเผยแพร่ความรู้ ให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากอัคคีภัย ไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เพิ่มความระมัดระวังในการประกอบกิจกรรมที่อาจทำให้เกิดอัคคีภัยได้ง่าย

เริ่มศึกซักฟอกรัฐบาล!! ‘หมอชลน่าน’ ซัด ‘บิ๊กตู่’ ตัวปัญหา ต้นเหตุทำประเทศ ‘แพง จน พัง’ ทั้งแผ่นดิน 

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 17 ก.พ. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 โดยมีนายชวน หลีกภัย ประธานสภา ผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม โดยก่อนเข้าสู่การอภิปราย นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน ในสภาผู้แทนราษฎร (วิปฝ่ายค้าน) ชี้แจง ข้อตกลงการประชุมทั้ง 2 วัน คือ วันที่ 17-18 ก.พ.นี้ ว่า จะประชุมตั้งแต่เวลา 09.30 - 00.00 น. โดยจะใช้เวลาอภิปราย 15 ชม. ในวันแรก ส่วนวันที่ 2 จะเริ่มเวลา 09.00 - 00.00 น.เช่นกัน สัดส่วนเวลาพรรคร่วมฝ่ายค้าน มี 22 ชม. พรรคร่วมรัฐบาล และคณะรัฐมนตรี (ครม.) 8 ชม. ส่วนการแบ่งเวลาอภิปรายของฝ่ายค้านแต่ละพรรคมีการแบ่งเวลาที่ชัดเจนแล้ว ด้าน นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานวิปรัฐบาล ชี้แจงว่า โควตาพรรคร่วมรัฐบาล ได้เวลาอภิปราย 8 ชม. จะแบ่งวันละ 4 ชม. แบ่งเป็นของพลังประชารัฐ 44 นาที ภูมิใจไทย 27 นาที ประชาธิปัตย์ 23 นาที พรรคเล็กที่เกินกว่า 1 คน พรรคละ 6 นาที และพรรคเล็กที่มีพรรคละ1 คน ได้ 4 นาที

จากนั้น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน แถลงเปิดญัตติว่าด้วยปรากฏข้อเท็จจริงว่าสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจของประเทศขณะนี้ ส่งผลกระทบต่อการดำเนินการชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างรุนแรง ข้าวของแพง ค่าแรงถูก อันสืบเนื่องจากการบริหารราชการแผ่นดินที่ล้มเหลวผิดพลาดทุกด้านของรัฐบาลนี้ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจที่ตกต่ำ และทรุดตัวอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ยึดอำนาจมาจนถึงรัฐบาลปัจจุบันซึ่งเป็นรัฐบาลเดียวกัน มีการก่อหนี้สาธารณะสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่หนี้ครัวเรือนของประชาชน และอัตราการว่างงานของนักศึกษาจบใหม่สูงขึ้น เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 มาตรการแก้ปัญหากลับไม่มีความชัดเจน ซึ่งแน่นอนว่ายิ่งทำให้เศรษฐกิจของประเทศดิ่งเหว การท่องเที่ยวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง 

นอกจากนี้ การจัดการจัดหาวัคซีนยังล่าช้าไร้ประสิทธิภาพ ต่อมาเกิดการแพร่ระบาดของโรคระบาดในสัตว์ และเกิดเชื้อแอฟริกาในสุกร ทำให้สุกรขาดตลาด เนื้อสุกรราคาสูงขึ้นมาก แต่รัฐบาลกลับปกปิดข้อมูลการระบาดของโรคจนทำให้การระบาดกระจายไปทั่วประเทศ เกษตรกรได้รับความเสียหายเดือดร้อนในวงกว้าง แต่กลับมีข้อมูลเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนรายใหญ่ การแก้ปัญหาโรคระบาดทั้งคน และสัตว์ขาดความรู้ภูมิปัญญา  

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า ปัญหาสิ่งแวดล้อมนับวันยิ่งทวีความรุนแรง ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยประชาชน แม้เกิดขึ้นซ้ำซากทุกปี แต่รัฐบาลไม่มีการแก้ปัญหาที่เหมาะสม มีการนำงบประมาณไปแลกเปลี่ยนใช้จ่ายแก้ปัญหาในการกระทำที่ผิดพลาดของนายกรัฐมนตรี กรณีเหมืองทองอัครา การแก้ปัญหาประมงที่ล้มเหลว การปฏิรูปการเมืองที่กำหนดในรัฐธรรมนูญ และยุทธศาสตร์ชาติ ไม่มีความคืบหน้า เหตุเพราะรัฐบาลขาดความจริงใจ วิสัยทัศน์ผู้นำที่ไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก ทำให้ไทยต้องสูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจมหาศาล และสูญเสียโอกาสที่จะได้จากความร่วมมือในกลุ่มเอเปก การบริหารราชการแผ่นดินส่อในทางทุจริต หลายเรื่องส่งผลกระทบต่องบประมาณแผ่นดิน ซึ่งจากรายงานของวุฒิสภา และหน่วยงานภายนอกพบว่า รัฐบาลนี้มีการทุจริตสูงมาก ส่งผลให้การทุจริตคอร์รัปชันในประเทศสูงขึ้น รวมถึงปัญหายาเสพติดขยายวงกว้างในหลายพื้นที่ และเป็นแหล่งส่งออกไปต่างประเทศทำให้ประเทศเสียหาย ถือได้ว่าขณะนี้เป็นวิกฤตของประเทศ จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจึงเป็นกรณีจำเป็นที่ ส.ส.ในฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทย ต้องสอบถามข้อเท็จจริงต่อครม. ในการแก้ปัญหาเรื่องต่างๆ และหาข้อสรุปเพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพตรงเป้าหมาย เพื่อประโยชน์ของประชาชนต่อไป

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า ญัตตินี้ไม่ต้องมีมติ มีลักษณะเหมือนกระทู้ แต่ไม่ใช่กระทู้ เป็นการซักถามข้อเท็จจริง และเสนอต่อครม. ไม่ได้มุ่งหมายต่อรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่ง เพื่อประโยชน์ของประชาชนเจ้าของอำนาจอธิปไตย ที่ต้องการรู้ว่าทำไมถึงตอนนี้พวกเขามีความทุกข์ลำบากยากแค้น ถือเป็นญัตติแพงทั้งแผ่นดิน จนพังทั้งแผ่นดิน นี่คือการทำงานร่วมกันเพื่อบ้านเมือง เพราะเราจะเสนอแนะรัฐบาลเพื่อนำไปแก้ไขให้กับประชาชน เราจะบอกปัญหาที่รัฐมนตรีไม่รู้ว่าเป็นปัญหา และไม่รู้ว่าจะแก้อย่างไร เพื่อประโยชน์ของประชาชนให้เร็วที่สุด โดยปัญหาเศรษฐกิจพี่น้องคนไทยทุกข์ระทมกับของแพงทั้งแผ่นดิน ส่วนรายได้แสนจะถูก ชีวิตความเป็นอยู่ยุ่งยากซับซ้อน จนเกิดปัญหาสังคมตามมา รวมถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการบริหารงานล้มเหลว และปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทั้งยังก่อให้เกิดปัญหาหนี้สาธารณะ หนี้ครัวเรือน จนหนี้ท่วมประชาชน 

นอกจากนี้ ยังมีวิกฤตการใช้งบเงินกู้ และการจัดสรรงบประมาณปี 65 ที่ไม่เหมาะสม รัฐบาลบริหารล้มเหลวจนเกิดเงินเฟ้อของแพง ที่ไม่เหมือนกับประเทศอื่น เพราะเป็นเงินเฟ้อจากต้นทุนการผลิตที่สูง ค่าแรงถูก และคนตกงานทั้งแผ่นดิน เป็นความผิดพลาดจากนายกฯ และครม. ที่ใช้มาตรการผิดพลาดบกพร่อง สิ่งที่จะต้องขุดต่อคือ เรื่องความสามารถในการแข่งขันของไทย ที่มีความสามารถที่ย่ำแย่ ระบบการเงินที่ไม่เอื้อต่อการลงทุน ผู้ประกอบการรายย่อยล้มหายตายจาก ขณะที่การพัฒนาประเทศในยุคดิจิทัล ประเทศเราสูญเสียโอกาสมากในการบริหารงานด้านนี้ ซ้ำร้ายที่สุดคือมีกลไกการโกงการหาประโยชน์จากระบบนี้ด้วย รายได้จากภาคการท่องเที่ยวก็ล้มเหลวหดตัว เข้าใจได้ว่าเกิดสถานการณ์โควิด-19 แต่เมื่อเปรียบเทียบประเทศอื่นๆ ทำไมเขาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว สิ่งที่ต้องถามคือทำไมการระบาดของโควิด-19 ยังอยู่ถึงปัจจุบัน ท่านอาจจะโชคช่วยเพราะเกาะโรคเพื่อให้ท่านดำรงอยู่ ท่านจึงเลี้ยงโรคเลี้ยงไข้ ซึ่งโชคดีที่โอมิครอนเข้ามาช่วยชีวิตท่านไว้

'ก.แรงงาน' ผนึกกำลัง 'ซีพีเอฟ' ลงนามความร่วมมือยกระดับมาตรฐานแรงงานไทยในสถานประกอบการ

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เรื่อง “การยกระดับมาตรฐานแรงงานไทย เพื่อก้าวไปอย่างยั่งยืน” ระหว่างกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กับบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ โดยมี นายนิยม สองแก้ว อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหารบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมด้วย ณ ห้องประชุมจอมพล ป. พิบูลสงคราม ชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน

นายสุเทพ กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของท่านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และท่าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงานได้ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการแรงงานอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคม และสอดคล้องกับมาตรฐานแรงงานตามหลักสากล ซึ่งปัจจุบันเป็นยุคของการเปิดเสรีทางการค้าและการลงทุน และมีการนำมาตรฐานแรงงานมาเชื่อมโยงกับการค้า เพื่อกระตุ้นให้เกิดการคุ้มครองสิทธิแรงงานและสิทธิมนุษยชน ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตในการทำงานให้ดีขึ้นสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่กำหนดเป้าหมายให้ประเทศไทยมีขีดความสามารถ ในการแข่งขันที่สูงขึ้น รองรับการพัฒนาประเทศสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน 

นายสุเทพ กล่าวต่อว่า วัตถุประสงค์การลงนามบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้ เป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันระหว่างทั้งสองหน่วยงานโดยเฉพาะเครือเจริญโภคภัณฑ์ฯ ถือเป็นผู้ประกอบธุรกิจกุ้งแบบครบวงจรในประเทศไทย เป็นการส่งเสริม สนับสนุน พัฒนาสถานประกอบกิจการ และห่วงโซ่อุปทานตลอดสายการผลิต เพื่อให้การดำเนินธุรกิจมีความรับผิดชอบทางสังคมด้านแรงงาน โดยปฏิบัติสอดคล้องกับข้อกำหนดมาตรฐานแรงงานไทย ส่งผลให้มีกลุ่มธุรกิจเข้าสู่ระบบมาตรฐานแรงงานไทยเพิ่มมากขึ้น นำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงาน สินค้าบริการได้รับการยอมรับจากลูกค้าว่าผลิตสินค้าได้อย่างมีจริยธรรมและปราศจากการค้ามนุษย์ 

ทั้งนี้ สาระสำคัญของการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฯ ก็เพื่อที่จะให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานและ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบธุรกิจกุ้งครบวงจร เขตประเทศไทย และสถานประกอบกิจการในห่วงโซ่อุปทาน ได้ประสานความร่วมมือรณรงค์ส่งเสริม ตระหนักและเห็นความสำคัญของความรับผิดชอบต่อสังคมด้านแรงงาน และนำมาตรฐานแรงงานไทยมาปฏิบัติ เพื่อเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้า ตลอดจนความร่วมมือในการพัฒนาระบบมาตรฐานแรงงานไทยและนำมาใช้บริหารจัดการแรงงานในสถานประกอบกิจการอย่างมีความรับผิดชอบทางสังคม และส่งเสริมให้สถานประกอบกิจการในห่วงโซ่อุปทานของบริษัทฯ เข้าสู่ระบบมาตรฐานแรงงานไทย

เห็นแล้วเสียวแทน!! สถานีชาร์จ EV กลายเป็นที่ทอดกุยช่าย คนขายของมักง่าย ระเบิดเมื่อไรเละแน่

เพจดังเผยภาพสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า โรงพยาบาลศิครินทร์ จ.สมุทรปราการ กลายเป็นที่ทอดกุยช่าย พ่อค้าแม่ค้าตั้งแผงบนทางเท้า สุดเสี่ยงอันตรายหากระเบิดเมื่อไรเละแน่

เพจเฟซบุ๊ก ขาเกือบพลิก ได้มีการเผยภาพสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งตั้งอยู่ที่บริเวณใกล้กับโรงพยาบาลศิครินทร์ จ.สมุทรปราการ ถูกเหล่าบรรดาพ่อค้าแม่ค้าขายของบนทางเท้าวางกระทะทอดกุยช่ายติดกับจุดชาร์จ เสี่ยงเกิดอันตรายเป็นอย่างมาก

“โฆษกรัฐบาล” วอน ผู้ใช้รถบรรทุก-เบนซิน เข้าใจรัฐบาล ยัน ดูแลทุกฝ่ายเท่าเทียม

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ติดตามสถานการณ์พลังงาน เพื่อเร่งแก้ปัญหาราคาน้ำมัน ล่าสุดคณะรัฐมนตรี เห็นชอบร่างกฏกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งเป็นมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ไม่เกิน 3 บาทต่อลิตร เป็นเวลา 3 เดือน สิ้นสุดวันที่ 20 พ.ค. 2565 ที่ผ่านมา รัฐบาล ติดตามสถานการณ์ด้านราคามาโดยตลอด และดำเนินหลายมาตรการช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบกับประชาชน โดยเฉพาะน้ำมันดีเซล

อาทิ ตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร โดยอาศัยกลไกเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการชดเชยราคา การปรับลดสัดส่วนผสมไบโอดีเซลที่มีราคาค่อนข้างสูง การขอความร่วมมือกับผู้ค้าน้ำมันในการปรับลดค่าการตลาด และปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล จากเดิมที่เก็บอยู่ที่ 5.99 บาทต่อลิตรลดลง 3 บาท

นายธนกร กล่าวว่า ขอวอนกลุ่มผู้ขับรถบรรทุก กลุ่มผู้ใช้น้ำมันเบนซิน ให้เข้าใจว่ารัฐบาลจะต้องพิจารณามาตรการอย่างรอบคอบ เพื่อใช้งบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ยืนยันว่ารัฐบาลพร้อมดูแลให้ความช่วยเหลือทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียม โดยยึดประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก และให้เข้าใจถึงสภาวการณ์ของราคาน้ำมันในตลาดโลก โดยประเทศไทยเป็นประเทศนำเข้าน้ำมัน ทำให้ราคาขึ้นลง สอดคล้องกับราคาในตลาดโลก ขอเน้นย้ำว่าราคาน้ำมันในไทย ไม่ได้แพงที่สุดตามที่มีการเผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย ราคาน้ำมันไทยอยู่อันดับที่ 6 ในอาเซียน และ มาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล เป็นมาตรการที่เหมาะสมที่สุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนผ่านราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ ซึ่งจะส่งผลถึงราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ลดลงตามด้วย

"นายก ฯ" ย้ำรัฐบาลชุดปัจจุบัน เข้ามาตามกลไกรัฐธรรมนูญ 60  เผย 6 เดือนแรกปี 64 ศก.ไทยพลิกเป็นบวก 1.3% ต่อปี  รับส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้ากว่า 2 พันโครงการ ทุ่ม 7.7 แสนล้าน ทั่วโลกชมไทยแก้ปัญหาโควิด-19 ชี้ ฟื้นตัวเป็นอันดับ 2 ของโลก อันดับ 1 เอเชีย

ณ ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชั้น 2 อาคารรัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปีที่ 3 ครั้งที่ 32 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงถึงข้อกล่าวหาจากฝ่ายค้านซึ่งมีทั้งหมด 15 ประเด็น ทั้งนี้ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปการชี้แจงของนายกรัฐมนตรี ดังนี้

นายกรัฐมนตรี พร้อมรับฟังการอภิปรายฯ ครั้งนี้ ด้วยเหตุด้วยผล อะไรที่เป็นประโยชน์พร้อมรับไปแก้ไขดำเนินการ ทั้งนี้ สถานการณ์ปัจจุบัน รัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหามาตลอด ร่วมงานกับ รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และข้าราชการทั่วประเทศ แม้ว่าจะมีข้อบกพร่อง อย่างไรก็ดี หลายท่านมองว่านายกรัฐมนตรีไม่มีความสามารถ ซึ่งอยู่กับความเชื่อมั่น และผู้ให้ความเชื่อมั่นคือประชาชนทั่วประเทศ ทั้งนี้แม้ว่าฝ่ายค้านจะเคยบอกว่าให้นายกรัฐมนตรีวางบทบาทเหมือนรามเกียรติ์ อย่างไรก็ดี ประเทศชาติ ไม่ได้เหมือนเรื่องราวในรามเกียรติ์ 

ประเด็นแรก กล่าวถึงการเข้าสู่อำนาจของรัฐบาลซึ่งขอยืนยันว่า รัฐบาลไม่ใช่รัฐบาลเดิมในปี 2557 เป็นการแต่งตั้งจากรัฐธรรมนูญปี 2560 รัฐมนตรีถึง 32 คน เป็นคนใหม่ ประเด็นการขยายเพดานหนี้ ข้าวของแพง ค่าแรงถูก และเรามีการแก้ไขปัญหามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะมีรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องชี้แจงให้ทุกคนเข้าใจ
สถานการณ์โควิดเป็นสถานการณ์ไม่ปกติ ซึ่งรัฐบาลต้องเข้าไปแก้ไขปัญหาทั้งหมดในเชิงโครงสร้าง ทั้งการแก้ไขมาตรการ กฎหมายต่าง ๆ ซึ่งวันนี้ไทยสามารถจัดหาวัคซีนได้เพียงพอ และครบถ้วน จนไทยได้รับการยอมรับจากหลายประเทศ การท่องเที่ยว ได้มีการแก้ไขปัญหา และจะมีการชี้แจงต่อไป 

ทั้งนี้ รัฐบาลนี้ ได้พัฒนาโครงสร้างในภาพรวมมามาก ซึ่งอยากทราบว่ารัฐบาลเก่าๆ ได้พัฒนาโครงสร้างที่เป็นประโยชน์กับประเทศบ้างหรือไม่
อหิวาต์แอฟริกา ตอนนี้ นายกรัฐมนตรีเข้าไปแก้ไขปัญหาราคาเนื้อหมูแล้ว พร้อมชี้แจง ไม่มีการปกปิด อย่างไรก็ดี มีคนเก็บกักเนื้อหมู รัฐบาลจะต้องนำคนผิดมาลงโทษ ทั้งนี้อาหารราคาสูง เป็นไปตามความต้องการของตลาด ตามฤดูกาล ซึ่งได้สั่งการให้มีการตรวจสอบต่อเนื่อง เพื่อให้ทราบถึงปัญหาและแก้ไขในทันที นายกรัฐมนตรีไม่เคยโทษใคร ขอให้ทุกคนมาร่วมมือกัน เรื่อง PM 2.5 มีแนวทางการแก้ไข อยู่ในแผนยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งจะแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ รัฐบาลไม่ได้ทำงานสนองความพอใจเพียงคนบางกลุ่ม ประชาชนทุกคนมีรายได้ต่างกันจะทำอย่างไรให้ปรับตัวได้ ซึ่งรัฐบาลต้องดูแล 

นายกรัฐมนตรีต้องการให้ประชาชนทุกคนมีความสุข ประมงล้มเหลว รัฐบาลต้องการสร้างความเป็นธรรมให้ประมงพาณิชย์ ประมงพื้นบ้าน ไม่ให้เกิดผลกระทบ เยียวยา ต้องการปฏิรูปทั้งระบบการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่น รัฐบาลพร้อมกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นมีอำนาจมากขึ้น มีรายได้เพียงพอ รัฐบาลพร้อมสนับสนุน หาเงินเติมให้ ไม่ได้หวงอำนาจยาเสพติด หลายประเทศได้ชื่นชมการทำงานของไทย และเจ้าหน้าที่ในการดำเนินการในทุกด่านการตรวจสอบ มีการจับกุมทุกวัน
บริหารทุจริต อย่าพูดประเด็นที่ไม่มีหลักฐาน นายกรัฐมนตรียืนยัน ไม่มีการทุจริต โดยเด็ดขาด ทั้งนโยบาย เจตนารมณ์ และตัวนายกรัฐมนตรีเอง 
ทุกเรื่องที่มีการกล่าวหา จะมีการชี้แจงอย่างชัดเจน 

นายกรัฐมนตรียืนยันว่า ตั้งแต่ปี 2564 เกิดสถานการณ์โควิด และทุกประเทศก็ประสบปัญหาร่วมกัน โดยไทยสามารถฉีดวัคซีน เกินเป้าหมาย 100 ล้านโดส สำเร็จก่อนเป้าหมายที่วางไว้ และเป็นวัคซีนที่ได้รับอนุมัติ ทำให้ เศรษฐกิจไทย 6 เดือนแรกของปี 2564 พลิกกลับมาเป็นบวกได้ที่ร้อยละ 1.3 ต่อปี เกินกว่าที่หลายฝ่ายคาดหมายประเทศรอบบ้านมีปัญหาไทยทำได้ดีกว่าหลายประเทศ 

ผลกระทบทางเศรษฐกิจ ลดจำนวนลูกหนี้ที่ต้องการขอพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย จาก 12.5 ล้านบัญชี เหลือต่ำกว่าครึ่ง หรือกว่า 6 ล้านบัญชี มีการจ้างงานมากขึ้น จำนวนผู้มีงานทำ 37.9 ล้านคน ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 3 ของปี 2564 นักศึกษาจบใหม่ ปี 2563 - 2564 ทำงานในภาคเอกชนกว่า 66.78% ทำงานในภาครัฐ 20% ส่วนที่เหลือประกอบอาชีพอิสระหรือธุรกิจส่วนตัว การลงทุนภาคเอกชนขยายตัว มีการเปิดกิจการใหม่ในปี 2564 มากกว่าบริษัทที่ปิดกิจการ กว่า 4 เท่าตัว ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจสูงขึ้น ยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุน สูงขึ้นกว่า 600,000 ล้านบาท ดีกว่าก่อนโควิด-19 การขอรับการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย จำนวน 2,339 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 7.7 แสนล้านบาท กระจายไปทุกภูมิภาคทั่วประเทศ การส่งออกปี 2564 ดีขึ้นมาก มีมูลค่ารวม 8.5 ล้านล้านบาท 

ตัวอย่างการลงทุนที่สำคัญ Cloud Service โครงการผลิตอาหารสัตว์ชีวภาพ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีพบภาคเอกชน และรับทราบว่าเอกชนพอใจการปรับปรุงมาตรการของไทยเพื่อให้นักลงทุนมาลงทุน ไม่ใช้การเอื้อประโยชน์ หรือขายทรัพยากรชาติ ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ตามข้อตกลงการจัดอันดับความน่าเชื่อถือทางการเงินการคลังของไทยจากทั้ง 3 สถาบันการจัดอันดับโลก ได้แก่ S&P Fitch Ratings และ Moody's ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงที่ BBB+ และอยู่ในระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) ภาคการเงินการคลังของไทยยังเข้มแข็ง และมีความน่าเชื่อถือในระดับสูง ถึงแม้มีการปรับเพดานหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังอยู่ในกรอบวินัยการเงินการคลังตามกฎหมาย สำคัญที่สุด คือ การที่คนไทยได้มีความสุขในการฉลองปีใหม่ปี 2565 เป็นครั้งแรกในรอบ 24 เดือน ซึ่งมาตรการป้องกันทางสาธารณสุขต้องปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ คำนึงถึงความสมดุลทางด้านสาธารณสุข และเศรษฐกิจควบคู่กันด้านมาตรการสาธารณสุข ไทยเป็นอันดับที่ 5 ของโลก ในประเทศที่มีความมั่นคงทางสุขภาพ ดัชนี Global Health Security Index (GHS) ปี 2021 และประเทศไทยฟื้นตัวจากโควิด-19 เป็นอันดับ 2 ของโลก อันดับ 1 ของเอเชีย

ปัญหาเงินเฟ้อ เกิดจากความต้องการที่มากขึ้นจากการฟื้นตัวของโลก ราคาพลังงานแพงขึ้นเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก รัฐบาลพยายามเต็มที่ในการดูแลราคาปัจจัยการผลิตที่มีผลกับราคาสินค้าอุปโภคบริโภค มีการเตรียมการอย่างเป็นระบบและการสั่งการอย่างเร่งด่วนเพื่อแก้ปัญหาอย่างตรงจุด 
ซึ่งในปี 2565 ไทยพร้อมเปิดประเทศอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการเตรียมความพร้อมรับมือโควิด-19 หลายประเทศใช้ไทยเป็นตัวอย่าง ไทยเตรียมยา เตรียมวัคซีน และเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ มีแผนเผชิญหน้า แผนอนาคต เป็นการทำงานร่วมกัน ของทุกพรรค ในรัฐบาล

ควบคู่กับการ “แก้หนี้ภาคครัวเรือน” สร้างงานสร้างอาชีพ มีการจัดทำโครงสร้างหนี้ เดินหน้าแก้ปัญหาหนี้ครู หนี้ข้าราชการ มีการแก้ไขแล้ว และเป็นการแก้ไขที่ต้นเหตุ ต้องครอบคลุมการเป็นหนี้ทุกแบบ การลดอุปสรรคการเข้าถึงเงินทุน รัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหาทุกมิติ ทั้งนี้ รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องจะชี้แจงต่อไป 

รัฐบาลนี้ จะไม่มีความสุขหากประชาชนไม่มีความสุข จึงมีการจัดโครงการเพื่อประชาชน เยียวยาประชาชน เสริมชีวิตความเป็นอยู่ประชาชน อาทิ โครงการคนละครึ่ง ทั้งนี้ ความสุขความพอใจอยู่ที่การบริหาร และงบประมาณที้มี ต้องทำควบคู่กันไป ทั้งนี้ หากมีโครงการไหน ที่ไม่ชอบ ขอให้ฝ่ายค้านพูดในสภาได้เลย 
มาตรการทางสังคม สังคมไทยอ่อนไหว ต้องทำให้เข้มแข็ง ตอบสนอง อย่าให้สังคมอ่อนแอ ความรักความ สามัคคีเป็นสิ่งสำคัญ จากสถานการณ์ต่างประเทศ ชาติ ศาสนา พหุวัฒนธรรม สถาบันมีความแตกต่างกันในทุกประเทศ เราควรนำปัจจัยทุกอย่างในประเทศนำมาเสริมสร้างความสามัคคี ไม่ใช่ความแตกแยก นายกรัฐมนตรีห่วงกังวลความแตกแยกในสังคม แม้จะชินแล้วจากคำพูดที่หยาบคาย ความรุนแรง การฝ่าฝืนกฎหมาย และด่าทอเจ้าหน้าที่

สมุทรปราการ - สมโภชน์ 200 ปี วัดดังบางพลี!! เจ้าอาวาสจัดพิธีบวงสรวงทวยเทพเทวดา เททองหล่อพระพุทธเมตตาองค์ใหญ่ กว่า 9 เมตร

ที่บริเวณลานหน้าพระมหาเจดีย์พิศาลวุฒิกิจมงคลมหาชนบูชิต วัดบางพลีใหญ่กลาง ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ประธานฝ่ายสงฆ์ นำคณะพระภิกษุสงฆ์วัดบางพลีใหญ่กลาง และไวยาวัจกรวัดบางพลีใหญ่กลาง ร่วมในพิธีบวงสรวงเททองหล่อพระพุทธเมตตาองค์ใหญ่ ขนาดความสูง 9 เมตร 90 เซนติเมตร

โดยทางวัดบางพลีใหญ่กลาง โดยท่าน พระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ถือฤกษ์มงคล ตรงกับวันมาฆบูชา ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 จัดพิธีเททองหล่อพระพุทธเมตตาองค์ใหญ่ เนื่องในโอกาสครบรอบ 200 ปี วัดบางพลีใหญ่กลาง โดยพระพุทธเมตตาองค์นี้มีขนาดความสูงอยู่ที่ 9 เมตร 90 เซนติเมตร หน้าตักกว้าง 8 ซอก 9 นิ้ว น้ำหนักประมาณ 10 ตัน หลังจากดำเนินการหล่อเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง จะนำไปประดิษฐานไว้ภายในพระมหาเจดีย์ของวัดบางพลีใหญ่กลาง เพื่อให้พี่น้องประชาชนชาวพุทธได้เข้ามากราบไหว้สักการบูชา

โดยในการเททองหล่อพระพุทธเมตตาองค์นี้ ทางวัดบางพลีใหญ่กลางจะแบ่งวันทำพิธีเททองหล่อพระพุทธเมตตา ณ บริเวณด้านหน้าพระมหาเจดีย์เป็นส่วน ๆ ดังนี้

ครั้งที่ 1. วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ 2565 (วันมาฆบูชา) เททองหล่อเศียรพระพุทธเมตตา

ครั้งที่ 2. วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม 2565 (วันวิสาขบูชา) เททองหล่อหน้าอกพระ

ครั้งที่ 3. วันพุธที่ 13 กรกฎาคม 2565 (วันอาสาฬหบูชา) เททองหล่อหน้าตักพระ 2 ส่วน และ

ครั้งที่ 4. วันพฤหัสบดีที่ 28 กรกฎาคม 2565 (วันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว) เททองหล่อฐานพระพุทธเมตตา 4 ส่วน

โดยพิธีเททองหล่อพระพุทธเมตตาในวันนี้ ได้รับความเมตตาจากท่าน พระครูธีระธรรมมานันท์ เจ้าคณะแขวงบางแวก เจ้าอาวาสวัดบางแวก พร้อมด้วย นายฉะโอด รุ่งเรือง อดีตนายก อบต.บางพลีใหญ่ นายภูมินันท์ ขวัญเมือง นายโสภณ มหาบุญ ไวยาวัจกรวัดบางพลีใหญ่กลาง นายสกล สุขพรหม ผอ.รพ.บางพลี นายบิณฑ์ บันลือฤทธิ์ ผู้จัดการฝ่ายกิจกรรมพิเศษมูลนิธิร่วมกตัญญู อีกทั้ง มีข้าราชการระดับสูงเดินทางมาร่วมในพิธีและร่วมทำบุญเททองหล่อพระพุทธเมตตาองค์ใหญ่ 

'นายก' ห่วงคนงานนั่งร้านถล่ม สั่ง รมว.เฮ้ง เร่งเยียวยาสิทธิประโยชน์ทดแทน แก่ญาติผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บโดยด่วน

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือเยียวยาลูกจ้างที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุการณ์ไซต์งานก่อสร้าง โครงการวันแบงค็อก ถนนพระราม 4 แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร โดยมี บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง เกิดอุบัติเหตุเหล็กค้ำยันรองรับหล่อคอนกรีตพังถล่มขณะเทคอนกรีต ทำให้มีลูกจ้างที่ปฏิบัติงานอยู่ใต้จุดค้ำยันเสียชีวิต 3 ราย และได้รับบาดเจ็บ 3 ราย นั้นว่า

ท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ในครั้งนี้ และกำชับให้กระทรวงแรงงานเร่งให้ความช่วยเหลือญาติของคนงานที่เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บโดยด่วน ผมได้สั่งการให้สำนักงานประกันสังคมตรวจสอบข้อมูลความเป็นผู้ประกันตนของลูกจ้างที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ เพื่อเร่งประสานการช่วยเหลือเยียวยาตามขั้นตอนให้ได้รับสิทธิประโยชน์โดยเร็ว

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบของสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ 4 พบว่า มีลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ จำนวน 3 ราย ได้แก่ นางบุญโฮม วังมา อายุ 42 ปี นางประไพ สุปมา อายุ 58 ปี นางอุดร เลขสันต์ อายุ 47 ปี สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ 4 พิจารณาแล้วเห็นว่า การเสียชีวิตของลูกจ้างทั้ง 3 รายเกิดเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้าง ทายาทและผู้มีสิทธิ มีสิทธิได้รับเงินทดแทนตามพระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ.2537 และเงินบำเหน็จชราภาพกองทุนประกันสังคม รายแรก ทายาทของนางบุญโฮม วังมา จะได้ค่าทำศพ 50,000 บาท ค่าทดแทน อัตราเดือนละ 6,374.20 บาท เป็นเวลา 10 ปี เป็นเงิน 764,904 บาท และเงินบำเหน็จชราภาพกรณีเสียชีวิต 10,201.69 บาท รวมเป็นเงินทั้งหมด 825,105.69 บาท

ฉะเชิงเทรา - นายกอบจ. มอบอุปกรณ์ป้องกันโควิด-19 ให้กับองค์การบริหารส่วนตำบลท่ากระดาน ตามโครงการป้องกันควบคุมโรคติดต่อ - โรคอุบัติใหม่!!

วันที่ 17 ก.พ. 2565 นายกิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์ นายก อบจ.ฉะเชิงเทรา เป็นประธานในพิธีมอบวัสดุอุปกรณ์ป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ให้กับองค์การบริหารส่วนตำบลท่ากระดาน โดยมีนายทรัพย์ทวี กุลสารี นายก อบต.ท่ากระดาน เป็นผู้รับมอบ และเทศบาลตำบลท่าถ่าน โดยมีนายขจรศักดิ์ พงษ์นิทรัพย์ รองนายกเทศมนตรีตำบลท่าถ่าน เป็นผู้รับมอบ ตามโครงการป้องกันควบคุมโรคติดต่อหรือโรคอุบัติใหม่ โรคติดต่อร้ายแรง และโรคระบาดจังหวัดฉะเชิงเทรา ประจำปีงบประมาณ 2565 ทั้งนี้มีนายวรรณา รอดพิทักษ์ รองนายก อบจ.ฉะเชิงเทรา คณะผู้บริหาร และหัวหน้าส่วนราชการ ร่วมพิธี ณ บริเวณด้านหน้า องค์การบริหารส่วนจังหวัดฉะเชิงเทรา

สำหรับการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในครั้งนี้ ประกอบด้วย เจลแอลกอฮอล์ ขนาด 500 มิลลิลิตร จำนวน 15,000 ขวด และหน้ากากอนามัย 3 ชั้น ชนิดใช้ครั้งเดียวทิ้ง (บรรจุกล่องละ 50 ชิ้น) จำนวน 15,000 กล่อง โดยแบ่งจัดสรร เจลแอลกอฮอล์ จำนวน 15,000 ขวด และหน้ากากอนามัย จำนวน 15,000 กล่อง ให้กับองค์การบริหารส่วนตำบลท่ากระดาน และมอบเจลแอลกอฮอล์ จำนวน 2,500 ขวด และหน้ากากอนามัย จำนวน 2,500 กล่อง ให้กับเทศบาลตำบลท่าถ่าน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top