Sunday, 18 May 2025
TheStatesTimes

79 ปี สิ้น ‘เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี’ ประธานสภาฯ คนแรกของไทย และผู้วางรากฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน-อาชีวศึกษา 

เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี เกิดเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2419 ที่บ้านหลังศาลหัวเม็ด ตำบลสะพานหัน กรุงเทพฯ นามเดิม สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา เป็นบุตรคนที่ 18 ในจำนวนพี่น้อง 32 คน ของพระยาไชยสุรินทร์ (เจียม เทพหัสดิน ณ อยุธยา) เสนาบดีกระทรวงเกษตรและพระคลังในสมัยรัชกาลที่ 5 แต่เป็นบุตรคนโตของมารดา คือคุณหญิงอยู่ เมื่ออายุได้ 8 ปี บิดาถึงแก่กรรม ฐานะครอบครัวตกต่ำลง มารดาจึงหารายได้ทางเย็บปักถักร้อย

เมื่ออายุ 12 ปี ได้เรียนหนังสือด้วยวิธีต่อหนังสือที่โรงเรียนวัดบพิตรพิมุข สอบได้ประโยคหนึ่ง ในปี พ.ศ. 2431 แล้วเรียนที่โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบสอบไล่ได้ประโยคสอง ต่อมาสอบไล่ได้ชั้น 5 ภาษาอังกฤษตามหลักสูตรหลวง ปีพ.ศ. 2432 เข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนฝึกหัดอาจารย์ปีพ.ศ. 2435 จนได้รับประกาศนียบัตรครูสอบไล่ได้ที่ 1 ของผู้สำเร็จวิชาครูรุ่นแรก ได้รับพระราชทานรางวัลเมื่อ พ.ศ. 2437 ทางกระทรวงธรรมการได้คัดเลือกส่งไปศึกษาเพิ่มเติมที่ประเทศอังกฤษ จนได้รับรางวัลประกาศนียบัตรวิชาครูของอังกฤษ จากโรงเรียนฝึกหัดครูเบอโรโรค ที่ตำบลไวสลเวิฟ ใกล้กับกรุงลอนดอน เมื่อพ.ศ. 2441

กระทั่งปีพ.ศ. 2435 ได้เข้ารับราชการในกระทรวงธรรมการเป็นนักเรียนสอบในโรงเรียนตัวอย่าง จนได้เป็นครูผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่โรงเรียนฝึกหัดครู เมื่อพ.ศ. 2437 เมื่อกลับมาจากประเทศอังกฤษก็ได้รับตำแหน่งเป็นเสนาบดีกระทรวงศึกษาธิการเมื่อ พ.ศ. 2459 โดยได้บรรดาศักดิ์ครั้งสุดท้ายเป็น เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรีเมื่อ พ.ศ. 2460 วันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2475 เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรคนแรกของประเทศไทย รวมทั้งได้เคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงธรรมการ

นอกจากนี้เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรีได้ประกอบกิจการทางการศึกษาอันเป็นคุณูปการไว้แก่ประเทศไว้มากมาย โดยเฉพาะในการวางรากฐานอย่างสมัยใหม่ เริ่มตั้งแต่การเป็นครู ผู้ตรวจการศึกษา เป็นเจ้ากรมราชบัณฑิต เจ้ากรมตรวจ ปลัดทูลฉลองจนถึงเสนาบดี โดยเริ่มนำเอาความรู้แผนใหม่เข้ามาในวงการครู เริ่มพัฒนาด้านพุทธิศึกษาอย่างจริงจัง เขียนตำรา เริ่มตั้งแต่ด้านสุขาภิบาลและสุขศึกษาสำหรับครอบครัว 

ตั้ง ‘แรมโบ้’ หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ติดตาม - ตรวจสอบขายสลากเกินราคา

นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาผู้ได้รับความเดือดร้อนจากการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่ากำหนด 

นายอนุชา กล่าวว่า ในการประชุมครั้งนี้ นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่าที่กำหนดในสลากกินแบ่งรัฐบาล ว่า คณะกรรมการได้เสนอให้ปรับปรุงกฎหมายควบคุมการค้าสลากเกินราคา โดยพบว่ากฎหมายปัจจุบันที่บังคับใช้มีความล้าสมัย คือ พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ. 2517 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ที่ระบุรายละเอียดบทลงโทษผู้จำหน่ายสลากเกินราคา ไม่เกิน 10,000 บาท และมีบทลงโทษผู้จำหน่ายสลากในสถานศึกษา และจำหน่ายให้กับเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ 

‘วัชระ’ ร้อง ‘ลุงตู่’ ค้าน! ทรูควบรวมดีแทค ผูกขาดการค้าลิดรอนสิทธิ์ ปชช.!!

(31 ม.ค.65) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอให้กำกับดูแลให้คณะกรรมการ กสทช. และคณะกรรมการแข่งขันทางการค้าดำเนินการให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และกฎหมายทุกฉบับโดยเคร่งครัด โดยไม่ให้มีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนผู้บริโภคถูกเอารัดเอาเปรียบ ถูกลิดรอนสิทธิ์ในการเลือกใช้บริการโทรคมนาคมพื้นฐาน จากกรณีกลุ่มบริษัทในเครือซีพี (กลุ่มบริษัททรู) จะควบรวมกิจการกับกลุ่มบริษัทในเครือเทเลนอร์ (กลุ่มบริษัทดีแทค) ซึ่งปรากฏว่ามีนักวิชาการ นักคุ้มครองผู้บริโภค รวมทั้งประชาชนทั่วไปได้แสดงความกังวลถึงสิทธิของผู้บริโภคในการเลือกใช้บริการโทรคมนาคมพื้นฐานที่จะถูกลิดรอนไปอันเป็นผลจากการควบรวมกิจการดังกล่าว เนื่องจากตามข้อมูลของ กสทช.

ในปัจจุบันมีผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่จำนวน 141 ล้านเลขหมาย ผ่านผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3 รายใหญ่ (ไอไอเอส ทรู และดีแทค) 132 ล้านเลขหมาย คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดรวมกันสูงถึงร้อยละ 93 และทั้ง 3 รายล้วนเป็นผู้มีอิทธิพลเหนือตลาดทั้งสิ้น แต่เมื่อมีการควบรวมกิจการระหว่างกลุ่มทรูและกลุ่มดีแทคแล้วจะเป็นรายที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงถึงร้อยละ 57 ซึ่งถือว่าจะเป็นผู้มีอิทธิพลเหนือตลาดเป็นอย่างยิ่ง ที่สำคัญกว่านั้นการควบรวมนี้จะทำให้กลุ่มบริษัทใหม่หลังการควบรวมจะกลายเป็นผู้ถือครองคลื่นความถี่จำนวนมากที่สุดรายหนึ่งของประเทศไทย คือจำนวน1,260 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่งขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย “มาตรา 60 ...คลื่นความถี่เป็นสมบัติของชาติเพื่อใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชน ... องค์กรดังกล่าว (กสทช.) ต้องจัดให้มีมาตรการป้องกันมิให้มีการแสวงหาประโยชน์จากผู้บริโภคโดยไม่เป็นธรรมหรือสร้างภาระแก่ผู้บริโภคเกินความจำเป็น ... ป้องกันการ กระทำที่มีผลเป็นการขัดขวางเสรีภาพในการรับรู้หรือปิดกั้นการรับรู้ข้อมูลหรือข่าวสารที่ถูกต้อง ... และป้องกันมิให้บุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดใช้ประโยชน์จากคลื่นความถี่โดยไม่คำนึงถึงสิทธิของประชาชนทั่วไป...” 

การควบรวมกิจการดังกล่าว อันเป็นการจำกัดลิดรอนสิทธิ์ของผู้บริโภค จึงถูกบัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของ กสทช. ตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553 “มาตรา 27 (11) กำหนดมาตรการป้องกันมิให้มีการกระทำอันเป็นการผู้ขาดหรือก่อให้เกิดความเป็นธรรมในการแข่งขัน...” “มาตรา 27 (13) คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนมิให้ถูกเอาเปรียบจากผู้ประกอบกิจการและคุ้มครองสิทธิในความเป็นส่วนตัวและเสรีภาพของบุคคลในการสื่อสารถึงกันโดยทางโทรคมนาคมและส่งเสริมสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคของประชาชนในการเข้าถึงและใช้ประโยชน์คลื่นความถี่...” และ “มาตรา 31... ตรวจสอบการดำเนินการของผู้ประกอบกิจการฯ มิให้มีการดำเนินการใดๆ ในประการที่น่าจะเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค ...” ซึ่ง กสทช. (กทช. ในขณะนั้น) ได้ดำเนินการตามบทบัญญัติข้างต้นโดยออก ประกาศ กทช. เรื่อง มาตรการป้องกันมิให้มีการกระทำอันเป็นการผูกขาดหรือก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการแข่งขันในกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2559 โดยเฉพาะใน “ข้อ 8 ... การเข้าซื้อหุ้นเกินร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของผู้รับใบอนุญาตรายอื่นจำกระทำมิได้ เว้นแต่ กสทช.จะอนุญาต และหากการดำเนินการนั้นส่งผลให้เกิดการผูกขาดหรือลดหรือจำกัดการแข่งขันในการให้บริการ กสทช. อาจจะสั่งห้ามการถือครองกิจการ หรือกำหนดมาตรการเฉพาะ ...” 

นอกจากนั้น พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 มาตรา 21 บัญญัติให้ กสทช.ต้องกำหนดมาตรการป้องกันการผูกขาด ทำให้กลุ่มทรูและกลุ่มดีแทค ต้องรายงานรายละเอียดการควบรวมกิจการต่อเลขาธิการ กสทช. ก่อนการดำเนินการใด ๆ โดยต้องมีรายละเอียดเป็นไปตามประกาศ กสทช. เรื่อง มาตรการกำกับดูแลการรวมธุรกิจในกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2561 ข้อ 5-11ซึ่งเลขาธิการ กสทช. ต้องเสนอรายงานดังกล่าว กสทช. พิจารณาภายใน60 วัน เพื่อให้กำหนดเงื่อนไขป้องกันความเสียหายในทันทีให้เป็นไปตามมาตรา 22 ของกฎหมายฉบับดังกล่าวโดยมีมาตรการป้องกันการผูกขาดหรือการแข่งขันอย่างไม่เป็นธรรมให้เป็นไปตามประกาศข้างต้นในข้อ 12 

อีกทั้งกลุ่มทรูและกลุ่มดีแทค ประกอบธุรกิจอื่น ๆ นอกเหนือไปจากกิจการที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ กสทช. จึงต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 “มาตรา 51 ...แจ้งผลการควบรวมธุรกิจต่อคณะกรรมการแข่งขันทางการค้าภายใน 7 วัน เว้นแต่การควบรวมจะทำให้ผูกขาดหรือมีอำนาจเหนือตลาด ต้องได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการก่อนการดำเนินการ...” โดยมีรายละเอียดตามประกาศคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการอนุญาตการรวมธุรกิจ พ.ศ. 2561 โดยเฉพาะในข้อ 10 แต่กลับปรากฏเป็นข่าวในสื่อสารมวลชนว่าหน่วยงานภายใต้คณะกรรมการแข่งขันทางการค้าได้ปฏิเสธการดำเนินการ และอ้างว่าไม่ใช่อำนาจของตน แต่เป็นอำนาจของ กสทช. แต่เพียงผู้เดียว เพราะเป็นข้อยกเว้นในมาตรา 4 (4) ซึ่งไม่ใช่ข้อเท็จจริงของกฎหมายตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด เนื่องจากทั้งสองกลุ่มบริษัทล้วนประกอบธุรกิจอย่างหลากหลายนอกเหนือจากโทรคมนาคม

กาฬสินธุ์ - ป.ป.ช.กาฬสินธุ์ ชี้!มูลความผิดวินัย และอาญา นายก อบต.

สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ [ป.ป.ช.] ประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ แถลงผลการดำเนินงานในรอบ 4 เดือน ชี้มูลความผิดวินัยและอาญา ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กับพวก รวม 8 ราย

วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 ว่าที่ร้อยตรีสมบูรณ์ หัสดม ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ [ป.ป.ช.] ประจำ จ.กาฬสินธุ์  กล่าวว่า เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2565  สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำ จ.กาฬสินธุ์ ได้แถลงผลการดำเนินงานในรอบตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 - 31 มกราคม 2565 ทั้งด้านการป้องกันการทุจริต ด้านตรวจสอบทรัพย์สิน และด้านการปราบปรามการทุจริตหลายรายการ

ว่าที่ร้อยตรีสมบูรณ์ กล่าวอีกว่า ผลการดำเนินงานของสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำ จ.กาฬสินธุ์ นั้น แบ่งออกเป็นทางด้านการป้องกันการทุจริต ด้านตรวจสอบทรัพย์สิน และด้านการปราบปรามการทุจริต  ดังนี้ ด้านการป้องกันการทุจริตและการป้องกันการทุจริตเชิงรุก 1. ดำเนินการเปิดศูนย์เรียนรู้ชมรม STRONG – จิตพอเพียงต้านทุจริต จ.กาฬสินธุ์ เพื่อเป็นแหล่งศึกษาข้อมูลองค์ความรู้ด้านการส่งเสริมคุณธรรมและการป้องกันการทุจริตของ จ.กาฬสินธุ์, 2. การตรวจติดตามการใช้จ่ายงบประมาณตามโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ จากผลกระทบโควิด-19 กรณี โคก หนอง นา โมเดล, 3. ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่ปรากฏข่าวทางสื่อออนไลน์ กรณีมีการก่อสร้างถนน โดยไม่มีการรื้อถอนเสาไฟฟ้า ทำให้ปรากฏว่ามีเสาไฟฟ้าปรากฏอยู่กลางถนนที่ใช้ในการสัญจร, 4. ตรวจสอบกรณีการก่อสร้างตลาดสดของเทศบาลตำบลดงมูล อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ ตามที่เป็นข่าวทางสื่อสังคมออนไลน์ Watchdogth Act ซึ่งได้ก่อสร้างเมื่อปี 2561 ใช้เงินกว่า 4.8 ล้านบาท สร้างไม่เสร็จปล่อยทิ้งร้าง ไม่สามารถใช้งานได้

ว่าที่ร้อยตรีสมบูรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนด้านการตรวจสอบทรัพย์สิน มีการตรวจสอบและเปิดบัญชีผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกรณีพ้นจากตำแหน่งจำนวน 49 ราย, ด้านการปราบปรามการทุจริต คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด กรณีกล่าวหาอดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบลสามัคคี อ.ร่องคำ จ.กาฬสินธุ์ กับพวก รวม 8 ราย ว่าทุจริตโครงการจ้างเหมาซ่อมแซมถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก สายบ้านโคกสำราญ หมู่ 2 งบประมาณ 76,000 บาท และทุจริตโครงการจ้างเหมาซ่อมแซมถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก สายบ้านโนนเสียว หมู่ 6,14 งบประมาณ 100,000 บาท  เมื่อปีงบประมาณ 2559

ข่าวดี! เด็กไทย 3 ขวบขึ้นไป เตรียมตัวรอฉีดวัคซีนเชื้อตายได้แล้ว

1 ก.พ. 65 - นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่านบล็อก ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย ระบุว่า ข่าวดี!! เด็กไทยอายุตั้งแต่ 3 ขวบขึ้นไป เตรียมตัวรอฉีดวัคซีนเชื้อตายของ Sinovac ได้แล้ว รอเพียง อย. อนุมัติอย่างเป็นทางการ

จากประสิทธิผลของวัคซีนป้องกันโควิด ที่มีความชัดเจนทั่วโลกว่า สามารถลดการติดเชื้อได้ในระดับหนึ่ง ดีกว่าไม่ฉีดวัคซีนและสามารถลดการเจ็บป่วยรุนแรงและการเสียชีวิตได้เป็นอย่างมากโดยมากกว่ากลุ่มที่ไม่ฉีดวัคซีน 4-15 เท่าตัว จึงมีผู้ประสงค์จะฉีดวัคซีนเป็นจำนวนมาก ซึ่งในประเทศไทยเอง มีประชากรกว่า 70% ได้ฉีดวัคซีนไปแล้วนั้น

แต่อย่างไรก็ดี มีประชากรใหญ่อีกกลุ่มหนึ่ง ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือฉีดเป็นจำนวนน้อย เพราะมีข้อจำกัด ได้แก่ เด็กและเยาวชนที่มีอายุน้อยกว่า 18 ปี

โดยในปัจจุบันนี้ เด็กที่สามารถฉีดวัคซีนคือ เด็กที่อายุ 5 ขวบขึ้นไป และฉีดได้เพียงชนิดเดียวคือวัคซีนเทคโนโลยี mRNA ของ Pfizer เพราะ อย. ได้อนุมัติแล้วนั้น

แต่ยังคงมีคำถามอย่างต่อเนื่อง จากพ่อแม่ผู้ปกครองที่มีบุตรหลานอายุตั้งแต่ 3 ขวบขึ้นไปว่า ถ้าไม่สบายใจที่จะฉีดวัคซีน mRNA ของ Pfizer

แต่อยากจะฉีดวัคซีนเทคโนโลยีเชื้อตาย เช่น Sinovac เนื่องจากคุ้นเคยกับวัคซีนเชื้อตายที่ฉีดในวัคซีนอื่นๆ ให้กับบุตรหลานของตนเองมาโดยตลอด จะทำอย่างไร

ขณะนี้ มีข่าวดีล่าสุดว่า คณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ได้ประชุมกันเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2565 เห็นชอบในหลักการจากข้อมูลต่างๆ ที่มีการเสนอมาว่า ทางบริษัท Sinovac ได้ส่งข้อมูลให้ทาง อย. พิจารณามาระยะหนึ่งแล้ว คาดว่าจะได้รับการอนุมัติภายในระยะเวลาอันใกล้นี้

รัฐบาลมั่นใจเศรษฐกิจโตตามเป้า ท่องเที่ยว ส่งออก การลงทุนต่างชาติ ขยายตัวชัดเจน

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจประเทศไทยปี 2565 จะขยายตัวอยู่ในช่วงร้อยละ 4.0 ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 3.5 ถึง 4.5) ตามการคาดการณ์ของกระทรวงการคลัง ซึ่งจะส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของรายได้ประเทศและรายได้ครัวเรือน ด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการใช้งบประมาณแผ่นดิน 3.1 ล้านล้านบาท งบลงทุนรัฐวิสาหกิจ 3.07 แสนล้านบาท และพ.ร.ก.เงินกู้ ควบคู่ไปกับการเติบโตของภาคการส่งออก การท่องเที่ยว การลงทุนจากต่างชาติ ที่มีตัวเลขยืนยันเป็นที่ประจักษ์

ทั้งนี้ การดำเนินการต่างๆจะอยู่ภายใต้การเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดเพื่อสร้างสมดุลระหว่างการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจและความปลอดภัยทางสาธารณสุข รวมถึงเสถียรภาพทางเศรษฐกิจต้องอยู่ภายในกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อที่รัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทยร่วมกันกำหนด ที่ระดับร้อยละ 1.0-3.0 ต่อปี

 นางสาวรัชดา กล่าวต่อว่า ในวันที่ 1 ก.พ.นี้ เป็นวันแรกที่จะกลับมาใช้การลงทะเบียนเพื่อขออนุญาตเข้าประเทศไทยผ่านระบบ Test & Go ซึ่งน่าจะส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศมากขึ้น เพิ่มรายได้แก่ภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง สำหรับในภาพรวมทั้งปี2565 ภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์โควิด19 ที่ทั่วโลกสามาถบริหารจัดการได้ดี

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย คาดการณ์ว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ประมาณ 7-8 ล้านคน และนักท่องเที่ยวในประเทศเดินทางจำนวน 160 ล้านคนครั้ง มีรายได้รวมทั้งสิ้น 1.3 -1.8 ล้านล้านบาท และหากสามารถเปิดด่านค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านได้ในไตรมาสแรกนี้ มีความเป็นไปได้ที่จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็น 15 ล้านคน

มากไปกว่านั้น ในภาคการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ได้รายงานตัวเลขการส่งออกทั้งปี 2564 ขยายตัวถึง 17.14% สูงสุดในรอบ 11 ปี ทะลุเป้าหมาย คิดเป็นมูลค่ารวม 2.71 แสนล้านเหรียญสหรัฐ และสำหรับ การส่งออกปี 2565 กระทรวงฯตั้งเป้าไว้ที่ 3-4% หรือมีมูลค่า 2.7-2.8 แสนล้านเหรียญสหรัฐ จากปัจจัยบวกที่เกิดขึ้น ประกอบกับ ประโยชน์ที่ไทยเข้าร่วมความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ที่ทำให้สินค้าไทยไม่ต้องเผชิญกับกำแพงภาษี ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ คาดว่า การส่งออกสินค้าที่ยังเติบโตต่อเนื่อง อาทิ สินค้าเกษตร ผลไม้สด ผลไม้แช่แข็ง สินค้ากลุ่มยาและเวชภัณฑ์ ถุงมือยาง สินค้าอุตสาหกรรมเกษตร น้ำตาลทราย อาหารเลี้ยงสัตว์ สินค้าอุตสาหกรรม รถยนต์ สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน อัญมณี คอมพิวเตอร์ และเครื่องปรับอากาศ เป็นต้น

“ศุภชัย” ยืนยัน พ.ร.บ.กัญชา กัญชง  ประชาชนจดแจ้งไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมสักบาท อีก 120 วันปลูกได้ ส่วนนายทุน นำไปทำธุรกิจต้องมีค่าใช้จ่าย วอนเลิกบิดเบือนทำสังคมสับสน

นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงเรื่องการปลูกกัญชาในร่างพ.ร.บ. กัญชา กัญชง  พ.ศ…. ที่ยังมีประชาชนสับสนว่า นี่เป็นนโยบายพรรคภูมิใจไทยที่ต้องการให้เกษตรกรได้ประโยชน์ในการรักษาโรคของตนเอง และเป็นพืชเศรษฐกิจต่อไปในอนาคต กฎหมายฉบับนี้หลักการ และเหตุผลระบุไว้ชัดเจนว่าประมวลกฎหมายยาเสพติด ไม่ได้กำหนดให้กัญชาเป็นยาเสพติดให้โทษ ซึ่งเปิดโอกาสให้มีการนำกัญชา กัญชง มาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ การวิจัย และนำมาใช้ในอุตสาหกรรมอื่น แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการ ที่ส่งผลกระทบต่อโอกาส ในการนำไปใช้ในการดูแลสุขภาพ การป้องกัน การบำบัดโรค รักษาผู้ป่วย การศึกษาวิจัย หรือพัฒนานวัตกรรม

ฉะนั้นเพื่อให้ประชาชนมีสิทธิในการดูแลสุขภาพตน และส่งเสริมให้มีการใช้ประโยชน์ จากกัญชา กัญชง ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งในด้านการพัฒนาภูมิปัญญาด้านการแพทย์แผนไทย ตลอดจนองค์ความรู้ทางการแพทย์แผนปัจจุบัน และอุตสาหกรรมอื่นๆ  จึงควรสนับสนุนกัญชา กัญชง มาใช้ในการศึกษาวิจัย การใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ สุขภาพ การใช้ตามวิถีชีวิตชุมชน ตลอดจน เปิดโอกาสให้มีการผลิต ขาย นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อส่งเสริมเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และเศรษฐกิจของประเทศ และเพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภค ให้มีการบริโภคกัญชา กัญชงอย่างไม่เหมาะสม ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค สมควรกำหนดมาตรการกำกับดูแล ควบคุมการขาย การโฆษณา และการบริโภคกัญชา กัญชง เพื่อคุ้มครองสุขภาพของบุคคล จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้  ซึ่งหลักการและเหตุผลเห็นได้ว่ากัญชาที่ไม่ได้เป็นยาเสพติดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด ปี 2564 นั้น ก็จะต้องทำดำเนินการไปตามร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง ฉบับนี้

นายศุภชัย กล่าวต่อว่า ในประเด็นเรื่องการปลูกของครัวเรือนให้ดูหมวดที่ 4 การจดแจ้งและรับจดแจ้งการใช้ประโยชน์จากกัญชา กัญชง ในครัวเรือน ในมาตรา  18 ชัดเจนเลยว่า ผู้ใดประสงค์จะเพาะปลูก เพื่อใช้ประโยชน์จากกัญชา กัญชงในครัวเรือน ต้องจดแจ้งต่อผู้รับจดแจ้ง และเมื่อผู้รับจดแจ้ง ออกใบรับจดแจ้งแล้ว จึงจะดำเนินการได้  หมายความว่าเพียงไปแจ้งอย่างเดียวก็ปลูกได้ ถามว่า แล้วไปแจ้งกับใครหน่วยไหน ร่าง พ.ร.บ. นี้ได้บัญญัติว่า  ผู้รับจดแจ้งหมายความว่า ตามมาตรา 4(1) ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หรือผู้ซึ่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมอบหมาย สำหรับจดแจ้ง เพื่อใช้ประโยชน์จากกัญชา กัญชงในครัวเรือนกรุงเทพมหานคร

มาตรา 4(2) นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือผู้ซึ่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด มอบหมาย สำหรับการจดแจ้ง เพื่อใช้ประโยชน์จากกัญชา กัญชงในครัวเรือน ในส่วนภูมิภาคการใช้ประโยชน์จากกัญชา  กัญชง ในครัวเรือนก็คือ การเพาะ ปลูก เพื่อการบริโภค ส่วนบุคคล เพื่อดูแลรักษาสุขภาพของตนเอง และครอบครัวที่อยู่อาศัยเดียวกัน ทั้งนี้ไม่เกินปริมาณที่กำหนดในกระทรวง ซึ่งในร่างกำหนดชัดเจนหมด เรื่องสำคัญที่มีคนไปบิดเบือนคือบอกว่า การปลูกต้องจ่ายค่าธรรมเนียม เรื่องนี้ไม่มีการกำหนดไว้เลยในกฎหมายว่า ครัวเรือนปลูกแล้วจะต้องมีการจ่ายค่าธรรมเนียม  

“สุชาติ” รมว.แรงงาน แจ้งข่าวดี นายจ้าง! ประกาศขยายกำหนดเวลายื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบและการนำส่งเงินสมทบผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) ออกไปอีก 7 วันทำการ

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) นำโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลกระทรวงแรงงาน มีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงแรงงานจากการประชุม ครม.เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา เรื่อง ขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบและการนำส่งเงินสมทบผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e - Payment) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอและให้ดำเนินการต่อไปได้

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมสนับสนุนและรองรับความสะดวกในการประกอบธุรกิจของนายจ้าง และเพื่อประโยชน์ของผู้ประกันตนให้ได้รับความคุ้มครองประกอบกับเพื่อบรรเทาและเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และส่งเสริมการคงระยะห่างทางสังคม โดยสนับสนุนให้นายจ้างทำธุรกรรมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งบัดนี้ กระทรวงแรงงานได้ออกประกาศดังกล่าว ลงในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2565 และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 29 มกราคม 2565 เป็นต้นไx

นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน กล่าวถึงประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การขยายกำหนดเวลาให้นายจ้างยื่นแบบและนำส่งเงินสมทบผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) ในครั้งนี้ว่า นายจ้างจะได้รับประโยชน์เป็นอย่างมาก โดยสาระสำคัญของประกาศดังกล่าว สำนักงานประกันสังคมจะขยายกำหนดเวลาในกรณีนายจ้างยื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบและการนำส่งเงินสมทบตามมาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ 4)พ.ศ.2558 โดยวิธีการนำส่งเงินสมทบผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) ออกไปอีก 7 วันทำการนับแต่วันที่พ้นกำหนดวันที่สิบห้าของเดือนถัดจากเดือนที่มีการหักเงินสมทบไว้ ซึ่งจะมีผลตั้งแต่เงินสมทบงวดเดือนมกราคม 2565 ถึงเดือนธันวาคม 2566 รวม 24 เดือน

“องอาจ” ขอให้ นายกฯ เดินหน้าเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม. เดือน พ.ค. ตามไทม์ไลน์

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส. และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการจัดการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ว่า ถือเป็นเรื่องดีที่การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. มีความชัดเจนมากขึ้น จากการที่ พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ยืนยันว่าต้นเดือน มี.ค. จะนำเรื่องการจัดการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เข้าหารือในที่ประชุม ครม. จากนั้นปลายเดือน มี.ค. กกต. น่าจะประกาศให้มีการเลือกตั้ง และคาดว่าจะเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ได้ในเดือน พ.ค.

การจะเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ตามนี้หรือไม่ ส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับ รมว.มหาดไทย ที่จะเป็นต้นเรื่องนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม. เพื่อพิจารณา จึงขอให้ รมว.มหาดไทย ทำตามที่ประกาศไว้ ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีควรเร่งรัดให้เป็นไปตามไทม์ไลน์ที่ประกาศ 

นอกเหนือจากการจัดการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. แล้ว ครม. ควรมีมติให้เลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (สก.) ในวันเดียวกันไปเลย เพราะคน กทม. เสียโอกาสจากการที่มีผู้ว่าฯ กทม. และ สก. ที่แต่งตั้งจาก คสช. มานานมากแล้ว

“นายกฯ”ปลื้ม ไทยติดอันดับ 26 ประเทศรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ดีที่สุด มั่นใจ เศรษฐกิจฟื้น

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยกรณีที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กได้เผยรายงานการจัดอันดับประเทศและเขตเศรษฐกิจที่รับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ได้ดีที่สุด ประจำเดือนม.ค. 2565 โดยประเทศไทยได้รับการจัดอันดับประเทศที่สามารถรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ได้ดีที่สุดเป็นอันดับที่ 26 จากทั้งหมด 53 ประเทศและเขตเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยคะแนนรวม 63.7 คะแนน เพิ่มสูงขึ้นจากเมื่อปี 2563 ถึง 18 ลำดับ 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมได้รับทราบการจัดลำดับดังกล่าวและชื่นชมถึงการทำงาน และขอบคุณทุกหน่วยงานร่วมกันทำงานอย่างหนักจนเห็นผลของความสำเร็จ จากตัวเลขผู้เสียชีวิตที่มีระดับต่ำ และมาตรการควบคุมที่เข้มงวดแต่เปิดให้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้จนเห็นแนวทางของการพัฒนาว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้ดีขึ้น และที่ขาดไม่ได้ ขอบคุณประชาชนทุกคนที่ให้ความร่วมมือกับรัฐบาล ดูแลตนเอง คนใกล้ชิด และร่วมปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดโดย ศบค. ตลอดมาจนสถานการณ์ในประเทศไทยอยู่ในเกณฑ์ที่ควบคุมได้ 

นายธนกร กล่าวว่า ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับเพิ่มขึ้นถึง 18 ลำดับ นับตั้งแต่เดือนเม.ย.พ.ศ. 2564 เนื่องจากสัดส่วนการได้รับวัคซีนของประชาชน จำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่น มีการผ่อนคลายมาตรการข้อจำกัด ที่ยืดหยุ่นต่อสถานการณ์ รวมทั้งนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยจะเติบโตอย่างรวดเร็วในปีนี้ ซึ่งเป็นผลจากการเปิดประเทศและการเปิดรับนักท่องเที่ยวด้วยการใช้มาตรการที่ไม่ต้องกักตัว สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่กำหนดให้ผู้เดินทาง นักท่องเที่ยวจากทุกประเทศสามารถลงทะเบียนเพื่อขออนุญาตเข้าประเทศไทยผ่านระบบ Test & Go ได้ นับตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 2565 เป็นต้นไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top