Saturday, 17 May 2025
TheStatesTimes

‘อพท.’ ผลักดัน!! ชุมชนท่องเที่ยว ในพื้นที่พิเศษ ชวนออฟฟิศ ยกทีมนอกกรอบ ไปรอบเมืองไทย

(17 พ.ค. 68) นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร ผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. ได้ร่วมเสวนาในหัวข้อ “ยกทีมประชุม รุมรักเมืองไทย ซีซั่น 2 ชวนชาวออฟฟิศ ยกทีมนอกกรอบ ไปรอบเมืองไทย” และกล่าวถึงประโยชน์ของการจัดงานในครั้งนี้ว่า ในฐานะที่ อพท. เป็นองค์กรกลางในการประสาน ส่งเสริมและพัฒนาให้ชุมชนท้องถิ่นและพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวมีศักยภาพและมีการบริหารจัดการการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ การเข้าร่วมเป็นพันธมิตรในแคมเปญฯ ในครั้งนี้ เป็นการดำเนินการต่อเนื่องมาจากปี 2567 ซึ่งได้นำชุมชนในพื้นที่พิเศษที่มีศักยภาพเข้าร่วมแคมเปญถึง 25 ชุมชน สำหรับในซีซั่น 2 ในปี 2568 นี้ ถือเป็นโอกาสที่ดีที่ อพท. ได้ประชาสัมพันธ์และเชิญชวนนักเดินทางคุณภาพกลุ่มไมซ์ ให้มาสัมผัสประสบการณ์ใหม่จากการเดินทางท่องเที่ยวโดยชุมชนที่มีเสน่ห์และอัตลักษณ์โดดเด่น ผ่านภูมิปัญญา เรื่องเล่าและได้ทดลองกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ของชุมชน โดย อพท. ได้คัดสรรชุมชนที่มีศักยภาพเข้าร่วมแคมเปญเพิ่มขึ้นเป็น 32 ชุมชน และสนับสนุนค่าจัดกิจกรรมขององค์กรใน ชุมชนมูลค่า 10,000 บาทต่อกลุ่ม ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการเชื่อมโยงชุมชนท่องเที่ยวสู่ตลาดมูลค่าสูง และเปิดโอกาสให้ชุมชนได้แสดงศักยภาพ อัตลักษณ์ สินค้าและกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ พร้อมได้ประชาสัมพันธ์กิจกรรมต่างๆ ของชุมชน นำมาสู่การสร้างและกระจายรายได้สู่ชุมชนท้องถิ่น และเชื่อว่า “การท่องเที่ยวโดยชุมชน จะเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ได้เรียนรู้และสร้างแรงบันดาลใจในการจัดกิจกรรมองค์กรให้กับทุกๆ คน”

ความร่วมมือดังกล่าวนั้นตอบโจทย์การดำเนินงานของ อพท. ซึ่งเป็นองค์กรกลางในการประสาน ส่งเสริม และสนับสนุนการพัฒนาและบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในเชิงบูรณาการ ตลอดจนการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นให้มีศักยภาพตามมาตรฐานการท่องเที่ยวโดยชุมชน (CBT Thailand) สามารถบริหารจัดการการท่องเที่ยวได้ด้วยตนเอง และพัฒนากิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ (Creative Tourism) ที่นำเสนออัตลักษณ์ที่โดดเด่นและเชื่อมโยงชุมชนท่องเที่ยวสู่ตลาดมูลค่าสูง นำมาสู่การสร้างและกระจายรายได้มาสู่ท้องถิ่นต่อไป  

‘มูดี้ส์’ ปรับลด!! อันดับความน่าเชื่อถือของ ‘สหรัฐฯ’ หลังหนี้สาธารณะพุ่งสูง อยู่ในภาวะที่ควบคุมไม่ได้

(17 พ.ค. 68) เพจเฟซบุ๊ก ‘Jaroensook Limbanchongkit Pone’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ...

มูดี้ส์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ เนื่องจากหนี้สาธารณะพุ่งสูง

Moody's เพิ่งโจมตีชื่อเสียงทางการเงินของอเมริกาอย่างรุนแรง ด้วยการลดอันดับความน่าเชื่อถือเครดิตของสหรัฐฯ จาก AAA เหลือ Aa1 โดยเข้าร่วมกับคู่แข่งอย่าง S&P และ Fitch ในการประกาศให้สถานะหนี้ของสหรัฐฯ อยู่ในภาวะที่ควบคุมไม่ได้อย่างเป็นทางการ

สำนักงานจัดอันดับเครดิตที่มีอายุ 116 ปีกล่าวโทษ "การขาดดุลงบประมาณจำนวนมหาศาล" และต้นทุนดอกเบี้ยที่พุ่งสูงขึ้น ส่งผลให้การขาดดุลการคลังแตะระดับ 1.05 ล้านล้านดอลลาร์ในปีนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 จากปีที่แล้ว

“รัฐบาลและรัฐสภาสหรัฐฯ ชุดต่อๆ มาล้มเหลวในการตกลงกันเกี่ยวกับมาตรการเพื่อพลิกกลับแนวโน้มของการขาดดุลงบประมาณรายปีจำนวนมากและต้นทุนดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น”

จังหวะเวลาไม่สามารถแย่ไปกว่านี้ได้อีกแล้ว - การปรับลดระดับดังกล่าวเกิดขึ้นขณะที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรครีพับลิกันปฏิเสธวาระการประชุมใหญ่ของทรัมป์ ซึ่งรวมถึงการขยายเวลาการลดหย่อนภาษีปี 2017

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งขึ้นทันที 3 จุดพื้นฐานเป็น 4.48% ขณะที่กองทุน ETF พันธบัตรร่วงลง เนื่องจากนักลงทุนรับรู้ความจริงที่ว่าความน่าเชื่อถือทางการเงินของอเมริกาไม่ได้แข็งแกร่งอีกต่อไป

Peter Boockvar จาก Bleakley Financial สรุปไว้ดังนี้

"นี่คือหน่วยงานจัดอันดับเครดิตหลักที่ออกมาประกาศว่าสหรัฐฯ มีหนี้สินและการขาดดุลที่ตึงตัว"

สงครามยูเครน-รัสเซีย แลกศพทหารอย่างไม่สมดุล สะท้อนความสูญเสียข้างเดียว ของประเทศยูเครน

(17 พ.ค. 68) สงครามยูเครน-รัสเซีย: แลกศพทหารอย่างไม่สมดุลสะท้อนความสูญเสียข้างเดียว แม้การเจรจาทางการทูตยังดำเนินในอิสตันบูล

มีการส่งคืน ศพทหารยูเครน 909 ราย แลกกับ ศพทหารรัสเซียเพียง 34 ราย

สัดส่วนความต่าง เกือบ 27 ต่อ 1 ถือเป็นหนึ่งในการแลกศพที่ไม่สมดุลที่สุดตั้งแต่เกิดสงคราม

รายงานจากกลุ่มอิสระ War Tears ระบุว่า

ทหารยูเครน เสียชีวิตแล้วกว่า 718,909 ราย

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เสียชีวิตเพิ่มอีก 893 ราย

มี เชลยศึกยูเครนอย่างน้อย 16,000 ราย

19 พฤษภาคม พ.ศ. 2466 วันสิ้นพระชนม์ ‘กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์’ ชาวไทยถือเอาวันนี้ของทุกปีเป็น 'วันอาภากร'

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พระราชโอรสองค์ที่ 28 ในรัชกาลที่ 5 ทรงพระประชวรและสิ้นพระชนม์ในขณะที่ประทับอยู่ที่หาดทรายรีปากน้ำเมืองชุมพร พระองค์ทรงศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณและรักษาโรคแก่คนทั่วไป จึงเรียกพระองค์ว่า 'หมอพร' หรือ 'เตี่ย' 

ต่อมาทหารเรือได้เรียกพระองค์ว่า 'เสด็จเตี่ย' นอกจากนี้พระองค์ทรงริเริ่มวางรากฐานกิจการทหารเรือไทย กองทัพเรือจึงพร้อมใจกันถวายสมัญญาพระนามแด่พระองค์ท่านว่า 'พระบิดาแห่งทหารเรือไทย' และถือเอาวันที่ 19 พฤษภาคมเป็น 'วันอาภากร'

‘อดีตบิ๊กข่าวกรอง’ เตือน!! ระวังภัยซ่อนเร้นจากโต๊ะเจรจาการค้า ชี้!! เกษตรกรไทย อาจถูกตีซ้ำสอง ทั้งจากจีน และสหรัฐอเมริกา

(17 พ.ค. 68) นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เรื่อง 'กระดูกสันหลังหักแน่' ระบุว่า …

น่ากลัว การเจรจาเรื่องภาษีที่ไทยกำลังเจรจากับสหรัฐ อย่ายอมเปิดตลาดไทยให้สินค้าเกษตรอเมริกันแบบอ้าซ่า โดยไม่มีเงื่อนไขเด็ดขาด

สินค้าเกษตรอเมริกันอาจมีปัญหาจีเอ็มโอ ที่มีการตัดต่อพันธุกรรม อาจเป็นผลร้ายต่อผู้บริโภคชาวไทยแต่ประการสำคัญ สินค้าเกษตรจากอเมริกาจะดั๊มตลาดไทย จนส่งผลกระทบต่อเกษตรกรที่ประสบปัญหาราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำและรัฐบาลก็ไม่สามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้ เกษตรกรจะเจอสึกสองด้นทั้งจีนและอเมริกา

สินค้าอีกตัวที่เข้ามาได้คือเนื้อหมูที่อเมริกาอยากให้เราเปิดตลาดมานานแล้ว ปัจจุบันก็มีการลักลอบนำเข้าเนื้อหมูชำแหละเข้าประเทศอยู่แล้ว คนเลี้ยงหมูตายแน่คราวนี้

เกษตรกรที่ถูกเชิดชูเป็นกระดูกสันหลังของชาติ ไทยจะเรืองอำนาจ เพราะไทยเป็นชาติกสิกรรม คงมีอยู่แต่ในเนื้อเพลง แต่เกษตรกรตัวจริงหลังหักไปแล้ว

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม 2568

การละกิเลสยากมาก
เพราะพากันไปมุ่งละกิเลสผู้อื่น
ไม่มุ่งละกิเลสตนเอง
กิเลสจึงท่วมบ้านท่วมเมืองอยู่ทุกวันนี้
จนบดบังแสงแห่งพระพุทธศาสนา

สมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังมราช สกลมหาสังฆปริณายก

‘ลิซ่า – ไทล่า’ แดนซ์!! แซ่บสะบัด ในมิวสิกวิดีโอ ‘When I'm with you’

(17 พ.ค. 68) กลายเป็นกระแสไวรัลเลยทีเดียวหลังลิซ่า BLACKPINK หรือ ลลิษา มโนบาล ศิลปินตัวแม่ตัวมัมแห่งวงการเพลงได้ออกมาสปอยล์มิวสิกวิดีโอเพลง When I’m with you ที่มีการฟีเจอร์ริ่งกับศิลปินสาวสุดเซ็กซี่อย่าง ไทล่า (Tyla) ทั้งสองมอบความสุขให้กับแฟน ๆ ด้วยมิวสิควิดีโอที่ร้อนแรงไม่แพ้แดดประเทศไทย ซึ่งเข้ากับช่วงซัมเมอร์พอดี

ในวันที่ 16 พฤษภาคม เวลา 22.00 น. KST ลิซ่าได้ปล่อยมิวสิควิดีโอเพลง 'When I’m With You' ซึ่งเป็นเพลงที่ 9 จากอัลบั้มเดี่ยวที่ชื่อว่า Alter Ego แน่นอนว่า สาว ๆ ไม่ได้มาเล่น ๆ มาพร้อมท่าเต้นทุบสะโพกที่ซ่อนความเซ็กซี่เย้ายวน ด้านแฟชั่นจัดเต็มสุดจึ้งทั้งชุดคริสตัลระยิบระยับและรองเท้าส้นสูงแบบรัดข้อ “หน้าส่งชุด ชุดส่งหุ่น หุ่นส่งจักรวาล”

'When I’m With You' ถ่ายทอดการต่อสู้ภายในระหว่างความปรารถนาและการควบคุมตนเอง สะท้อนให้เห็นถึงความเข้มข้นของความสัมพันธ์ที่ทำให้คน ๆ หนึ่งละทิ้งการยับยั้งชั่งใจและยอมจำนนต่อช่วงเวลานั้น ๆ อย่างเต็มที่ แถมยังมีนักแสดงรับเชิญอย่าง Mason Gooding, Sab zada, Leah Kateb, และ Miguel Harichi จาก Love Island USA

งานนี้ ทำเอาแฮชแท็ก #LISAxTYLA และ #LISAxWIWY พุ่งติดเทรนด์เอ็กซ์ เท่านั้น ไม่พอเพลง ยังติดอันดับเพลงมาแรง อันดับที่ 5 ในยูทูบอีกด้วย เรียกได้ว่า เป็นเพลงในช่วงฤดูร้อนที่ร้อนแรงเกินกว่าจะรับไหวจริง ๆ

สวทท. ร่วมกิจกรรมในหลักสูตร The Media 6 พัฒนาศักยภาพการใช้สื่อสำหรับผู้บริหารระดับสูง เชื่อมโยงการสื่อสารไร้ขีดจำกัด 

นางสาวชุติพันธุ์ ลิมปะพันธุ์ นายกสมาคมนักวิทยุและโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์  พร้อมด้วยนายสมชาย จรรยา อุปนายกฝ่ายโทรทัศน์และสื่อดิจิทัล และนางพรทิพย์ เอ็งสุวรรณ์ กรรมการฝ่ายประชาสัมัพันธ์ สวทท. ร่วมกิจกรรมในหลักสูตร The Media 6 พัฒนาศักยภาพการใช้สื่อสำหรับผู้บริหารระดับสูง เชื่อมโยงการสื่อสารไร้ขีดจำกัด สู่อนาคตที่ไม่สิ้นสุด โดยมี ดร.ธีรพล มั่นพิริยะกุล ผู้อำนวยการหลักสูตร ฯ วิทยากรพิเศษ และผู้เข้าสัมมนาจากหลากหลายอาชีพ ร่วมกิจกรรมกันอย่างสนุกสนานและมีสาระ ณ Gaysorn Urbon Resort ชั้น 19 วานนี้ (13 พ.ค.68)

'รมว.สุดาวรรณ' เผยไทยปลื้มหนัง 'ผีใช้ได้ค่ะ' (A Useful Ghost) ได้รับคัดเลือกเข้าประกวดในสาย Critics’ Week (Semaine de la Critique) ของเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์

'รมว.สุดาวรรณ' เผยไทยปลื้มหนัง 'ผีใช้ได้ค่ะ' (A Useful Ghost) ได้รับคัดเลือกเข้าประกวดในสาย Critics’ Week (Semaine de la Critique) ของเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ เผยหนังเรื่องนี้ได้รับการสนับสนุนงบประมาณในขั้นตอน Post-production กรมส่งเสริมวัฒนธรรม พร้อมร่วมจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้แสดงศักยภาพ และขยายความร่วมมือด้านภาพยนตร์อย่างรอบด้าน

เมื่อวานนี้ (16 พ.ค.68) นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ (Thailand Creative Culture Agency : THACCA) เดินหน้ายกระดับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยสู่เวทีระดับนานาชาติ โดยเข้าร่วม เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ครั้งที่ 78 (Cannes Film Festival 2025) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 – 24 พฤษภาคม 2568 ณ เมืองคานส์ สาธารณรัฐฝรั่งเศส โดยมีกิจกรรมไฮไลต์ ได้แก่ “A Sit-down Lunch Talk” การพบปะแบบกึ่งทางการระหว่างตัวแทนจากคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ กับผู้ทรงอิทธิพลในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ระดับโลก เช่น ผู้บริหารเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ ผู้อำนวยการองค์กรส่งเสริมภาพยนตร์ และผู้กำหนดนโยบายด้านวัฒนธรรมจากหลากหลายประเทศ ซึ่งเป็นการสร้างความเข้าใจและความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ในระดับนานาชาติ อีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญคือ “Thai Pitching” ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยนำเสนอแนวคิดและโครงการภาพยนตร์ต่อกลุ่มนักลงทุน ผู้ร่วมผลิต และพันธมิตรเชิงกลยุทธ์จากต่างประเทศ ระหว่างวันที่ 19 – 20 พฤษภาคม 2568 ณ Thailand Pavilion No.112 โดยมีการคัดเลือก 3 โปรเจกต์เด่น ได้แก่ “ผีเงือก” ที่ได้รับงบประมาณสนับสนุนการผลิตภาพยนตร์บันเทิงคดี และ “ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต” กับ “ทางของแสง” ที่ได้รับทุนพัฒนาบทภาพยนตร์

นางสาวสุดาวรรณฯ กล่าวต่อว่า เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการเชื่อมโยงเครือข่ายระดับโลก กระทรวงวัฒนธรรมยังสนับสนุนการเข้าร่วม “Producers Network – Spotlight Session” ซึ่งเปิดพื้นที่ให้โปรดิวเซอร์ไทยจำนวน 5 ราย ที่ผ่านการคัดเลือกจากผู้เข้าร่วมกิจกรรม Thai Pitch และผู้ได้รับทุนผลิต เข้าร่วมสร้างเครือข่ายกับโปรดิวเซอร์นานาชาติ โดยกิจกรรมนี้เป็นเวทีสำคัญในการเจรจาความร่วมมือ และขยายตลาดภาพยนตร์ไทยไปยังระดับสากล อีกหนึ่งกลไกสำคัญคือการสนับสนุน ผู้ได้รับทุนผลิตสื่อคุณภาพ ทั้งในหมวดภาพยนตร์ ซีรีส์ สารคดี และแอนิเมชัน รวม 8 โปรเจกต์ (โปรเจกต์ละ 2 คน) ให้เข้าร่วมเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ เพื่อเปิดโลกทัศน์ของผู้สร้างสรรค์ไทย และสนับสนุนการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้เล่นในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ระดับโลก และยังมีการจัดสัมมนา THACCA Launch in Cannes ณ เวที Panel ในตลาด Marché เพื่อเผยแพร่บทบาทของ THACCA ในการผลักดันอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทย พร้อมนำเสนอวิสัยทัศน์นโยบายด้าน Soft Power ของประเทศต่อผู้มีบทบาทในอุตสาหกรรมระดับนานาชาติ อันเป็นเวทีที่ช่วยยกระดับภาพลักษณ์ประเทศไทยในฐานะแหล่งผลิตคอนเทนต์คุณภาพ ในช่วงท้ายของเทศกาลยังมีการจัด Thailand Reception ณ Thailand Pavilion เพื่อเปิดพื้นที่ให้ผู้ประกอบการไทยในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ได้พบปะ พูดคุย และแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงธุรกิจกับผู้ร่วมงานจากนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุน ผู้ร่วมผลิต ผู้จัดจำหน่าย และผู้แทนองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมทั่วโลก เป็นอีกหนึ่งเวทีสำคัญในการต่อยอดโอกาสทางธุรกิจในอนาคต 

“ในครั้งนี้นับเป็นข่าวดีของวงการภาพยนตร์ไทยที่สร้างความภาคภูมิใจ คือ ภาพยนตร์เรื่อง “ผีใช้ได้ค่ะ” (A Useful Ghost) กำกับโดย รัชฏ์ภูมิ บุญบัญชาโชค หรือ “อุ้ย” ได้รับคัดเลือกเข้าประกวดในสาย Critics’ Week (Semaine de la Critique) ของเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ เป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกในรอบ 10 ปี ที่ได้รับเกียรติให้เข้าร่วมสายการประกวดนี้ โดยผลงานจากบริษัท 185 ฟิล์มส์ จำกัด เรื่องนี้ได้รับการสนับสนุนงบประมาณในขั้นตอน Post-production จากกระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ถือเป็นก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยในการขยายตลาดสู่ระดับนานาชาติอย่างเป็นรูปธรรม และเป็นบทพิสูจน์ถึงพลังของ Soft Power ไทยที่สามารถสร้างโอกาส สร้างชื่อเสียง และสร้างความภาคภูมิใจบนเวทีโลก” นางสาวสุดาวรรณ กล่าว 

ทั้งนี้  “A Useful Ghost” (ผีใช้ได้ค่ะ) เป็นภาพยนตร์ไทยแนวเสียดสีสังคมที่กำกับโดย รัชภูมิ บุณยฤทธิ์โชค ได้รับการสนับสนุนในขั้นตอนการพัฒนาบทภาพยนตร์จาก สำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และได้รับการสนับสนุน ในขั้นตอนหลังการผลิต (Post-production) จาก กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ภายใต้โครงการสนับสนุนการผลิตภาพยนตร์ ละคร ซีรีส์ สารคดี และแอนิเมชันไทย เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และซอฟต์พาวเวอร์ 

A Useful Ghost ได้รับเลือกให้ประกวดในสาย Critics' Week (Semaine de la Critique) ของเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ปี 2025 (ภาพยนตร์เรื่องแรกที่ได้เข้าฉายในสาย Critics' Week ซึ่งมุ่งเน้นผลงานของผู้กำกับหน้าใหม่) ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการร่วมผลิตระหว่างประเทศไทย, สิงคโปร์, ฝรั่งเศส และเยอรมนี โดยได้รับการสนับสนุนจากหลายองค์กร รวมทั้งได้รับทุนจาก Infocom Media Development Authority (IMDA) ของสิงคโปร์ และรางวัล Open Doors Award จากเทศกาลภาพยนตร์โลการ์โน A Useful Ghost ได้รับรางวัล Runner-up จากการประกวด SEAPITCH 2020 (Bangkok ASEAN Film Festival 2020 จัดโดยกองภาพยนตร์และวีดิทัศน์ สำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม

สบส. จัดประชุมยกระดับบริการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ฯ ในสถานพยาบาลรัฐ และเอกชน 241 แห่งทั่วไทย

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข จัดประชุมยกระดับบริการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ สถานพยาบาล 241 แห่งทั่วไทย พร้อมเดินหน้าพัฒนาร่างกฎหมายอุ้มบุญ ฉบับ 2 พัฒนาแนวทางการขอรับบริการเพื่อให้รองรับกลุ่มสมรสเท่าเทียม

เมื่อวันที่ (14 พ.ค.68) ณ อาคารกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี ทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “การให้บริการด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์จากข้อกําหนดของกฎหมายสู่การปฏิบัติ (IVF/IUI) ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์” โดยมีบุคลากรของสถานพยาบาลทั้งภาครัฐ และภาคเอกชนทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 241 แห่งทั่วประเทศ เข้าร่วมทั้งออนไซต์ และออนไลน์

ทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ ให้สัมภาษณ์ภายหลังพิธีเปิดฯว่า ปัจจุบัน พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. 2559 ได้มีผลบังคับใช้มากว่า 9 ปี โดยสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศ กว่า 7,500 ล้านบาท มีอัตราความสำเร็จในการให้บริการตั้งครรภ์ เฉลี่ยสูงถึงร้อยละ 52 มีการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) กว่า 20,000 รอบการรักษา และมีการผสมเทียม (IUI) กว่า 12,000 รอบการรักษา ซึ่งถือเป็นหลักฐานของความก้าวหน้า และความสำเร็จของการให้บริการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ของไทยที่ไม่เป็นรองชาติใดๆ ดังนั้น เพื่อการยกระดับบริการ เพิ่มศักยภาพในการให้บริการทั้งคนไทยเละต่างชาติ การคุ้มครองผู้บริโภค จวบจนดึงดูดผู้รับบริการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ฯ จากต่างชาติเข้าสู่ประเทศ จึงเป็นที่มาของการจัดการประชุมในครั้งนี้ขึ้น เพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพให้สถานพยาบาลที่ให้บริการเกี่ยวกับเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ ทั้งในกลุ่มสถานพยาบาลรายเดิมและกลุ่มสถานพยาบาลที่ให้บริการ IUI รายใหม่ทั่วประเทศ มีความรู้ความเข้าใจและสามารถดำเนินการให้บริการตามที่กฎหมายกำหนด และสามารถดำเนินการตามระบบฐานข้อมูลในรูปโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (ICMART) ซึ่งจะนำไปสู่การได้มาของข้อมูลภาพรวมของประเทศและนำไปวิเคราะห์ข้อมูล กำหนดนโยบายการให้บริการด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ฯ ของประเทศ 

ทันตแพทย์อาคมฯ  กล่าวเพิ่มเติมว่า และนอกจากการพัฒนาบุคลากรแล้ว การพัฒนากฎหมายที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบันนั้นถือเป็นสิ่งสำคัญ โดย กรม สบส. จึงได้ร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พัฒนากฎหมาย (ร่าง) พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. ....โดยมีประเด็นในการปรับแก้กฎหมายแม่บท อาทิ การกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการดำเนินการตามพระราชบัญญัติฯ การกำหนดให้มีพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นการเฉพาะ การขอรับบริการเพื่อให้รองรับกลุ่มสมรสเท่าเทียม การเพิ่มกลุ่มผู้รับบริการตั้งครรภ์แทนในกลุ่มชาวต่างชาติ และการส่งออกซึ่งอสุจิ ไข่ หรือตัวอ่อนของผู้เป็นเจ้าของเซลล์สืบพันธุ์ เป็นต้น โดยอยู่ในระหว่างเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขพิจารณา ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการต่อไป 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top