Thursday, 22 May 2025
TheStatesTimes

นโยบายไม่ขายฝัน!! ‘ประกันรายได้’ ชุบชีวิตเกษตรกร 7.8 ล้านราย นโยบาย ปชป.ยุคใหม่ เน้นทำได้จริง

อย่างที่รับทราบกันดีว่า ประเทศไทย คือ ประเทศเกษตรกรรม เป็นแหล่งผลิตอาหารสำคัญของโลก ขณะที่อาชีพเกษตรกร คือ อาชีพหลักของคนไทยมาช้านาน เป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยสร้างผลผลิตให้กับคนไทยและอีกหลายล้านคนบนโลกได้มีอาหารดีๆ 

แต่ทว่า อาชีพเกษตรกร กลับเป็นอาชีพที่มีความเสี่ยงด้านรายได้เพื่อยังชีพและเลี้ยงครอบครัว นั่นเพราะการทำเกษตรมักจะไม่สามารถรับรู้ได้ว่า ผลผลิตที่ออกมานั้น จะมีราคาที่คุ้มกับที่ลงทุนไปหรือไม่ เนื่องจากมีตัวแปรจำนวนมากเข้ามาเกี่ยวข้อง 

ที่ผ่านมา พรรคการเมืองส่วนใหญ่ มักจะกำหนดนโยบายด้านราคาสินค้าเกษตรเป็นตัวชูโรง เพราะทราบดีว่า เกษตรกรเป็นฐานเสียงสำคัญ บางนโยบายสามารถจับต้องได้อย่างเป็นรูปธรรม ขณะที่นโยบายอีกจำนวนมากเป็นเพียงการขายฝัน สุดท้ายก็ทำไม่ได้ตามที่รับปากชาวบ้าน

แต่หนึ่งในนโยบายที่สำคัญของรัฐบาลชุดนี้ ที่อาจกล่าวได้ว่า โดนใจเกษตรกรไทยเต็มๆ คงหนีไม่พ้น ‘นโยบายประกันรายได้เกษตรกร’ นั่นเอง

สำหรับนโยบายประกันรายได้เกษตรกร ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นนโยบายหลักของพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่เมื่อครั้งรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา และภายหลังได้เข้าร่วมรัฐบาล ทางจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ก็ได้ผลักดันนำเสนอต่อรัฐบาล เพื่อนำไปเป็นนโยบายหลักของรัฐบาล โดยเริ่มจากการประกันรายได้ของพืช 5 ชนิด คือ ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และข้าวโพด 

ตำรวจ PCT ทลายเครือข่ายแชร์ลูกโซ่ “บ้าน M” เงินหมุนเวียนกว่า 10 ล้านบาท!!

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร.​ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) หรือ PCT, พล.ต.ท.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ฯ , พล.ต.ท.สุคุณ พรหมายน ผบช.ทท. และ พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช.น. ร่วมแถลงผลการจับกุมเครือข่ายแชร์ลูกโซ่ “บ้าน M ” และ เครือข่ายค้าอาวุธปืนผิดกฎหมาย

 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ฯ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ทุกหน่วยเร่งระดมกวาดล้างอาชญากรรมทั่วไปและอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ตั้งแต่ 25 ธ.ค.64  - 3 ม.ค.65 เพราะเป็นช่วงที่พี่น้องประชาชนเดินทางกลับบ้าน และมีการสังสรรค์ เกรงจะมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น ซึ่งจากผลการระดมกวาดล้าง สามารถจับกุมการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้ทั้งสิ้น จำนวน 3,634 ราย

 รอง ผบ.ตร. กล่าวว่าได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ไตรรงค์ฯ รอง ผบช.น. หัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 4 สืบสวนจนทราบว่า เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.64 เวลาประมาณ 18.00 น. กลุ่มผู้เสียหายได้เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้ดำเนินคดีกับ น.ส.วัชรา สงวนนามสกุล  ผู้ต้องหาซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีพฤติการณ์ชักชวนให้ประชาชนทั่วไปเข้ามาระดมทุนเล่นแชร์ โดยการเปิด Facebook และกลุ่มไลน์ชื่อ “CM Gold” และ “บ้านแชร์ M” แล้วหลอกให้ประชาชนที่หลงเชื่อเข้ามาเล่นแชร์โดยปกปิดวิธีการเล่น อ้างว่ามีการเปียแชร์รวมถึงการจะจ่ายผลตอบแทนสูงกว่าอัตราที่ดอกเบี้ยที่สถาบันการเงินพึงจ่ายได้ หากแต่กลับนำเงินดังกล่าวมาหมุนจ่ายให้กับสมาชิกรายอื่น และไม่ได้มีการเปียแชร์หรือจ่ายดอกเบี้ยจริง ทำให้มีประชาชนเสียหายหลงเชื่อเข้าจ่ายดอกด้วยหวังว่าจะได้เปียแชร์ในรอบต่อไป แต่ต่อมาเมื่อถึงกำหนดจากเงินสมาชิกได้ปิดกลุ่มแล้วหลบหนีไป ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวผู้เสียหายได้เข้าร้องทุกข์ต่อหน่วยงานต่างๆ ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) โดยเบื้องต้นพบว่ามีเหยื่อคนหลงเชื่อสมัครเล่นแชร์ดังกล่าวกว่า 300 ราย ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ในความผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชน และกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน” ซึ่งสามารถจับกุม นางสาววัชราฯ ผู้ต้องหา ได้ที่บ้านเอื้ออาทร ต.สวนหลวง อ.กระทุ่มแบน สมุทรสาคร ทั้งนี้ได้มีผู้เสียหายกว่า 50 รายมายืนยันตัวผู้กระทำความผิดและเรียกร้องค่าเสียหายมูลค่ากว่า 10,000,000 บาท

นอกจากนี้ ยังสามารถจับกุมคดีค้าอาวุธปืนออนไลน์ โดยเมื่อวันที่ 2 ม.ค.65 เวลาประมาณ 15.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT ชุดเดียวกันร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล สืบสวนทราบว่า นายกฤษดา สงวนนามสกุล มีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายอาวุธปืนออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชันไลน์ชื่อ “QB Thailand” และ “เศษเหล็กกิโลละแสน” เพื่อชักชวนให้ผู้สนใจเข้าซื้อขายอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน และจัดส่งสินค้าอาวุธปืนผิดกฎหมายผ่านทางบริษัทขนส่งเอกชน เจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT และ นครบาล ได้รวบรวมพยานหลักฐานเข้าทำการตรวจค้นบ้านเลขที่ 42/50 ซ.หมู่บ้านจามจุรี ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ผลการตรวจค้นพบอาวุธปืนจริงและอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ จำนวน 6 กระบอก เครื่องกระสุนปืนจำนวนมาก ตลอดจนอุปกรณ์ในการผลิตปืนกว่า 17 รายการ ภายหลังการจับกุม พบว่าผู้ต้องหารายนี้เป็นบุคคลเดียวกันกับคนร้ายที่เมื่อปี 63 ขณะมีภูมิลำเนาอยู่ที่หนองบัวลำภู ได้ก่อเหตุขับรถยนต์หรูแหกด่านเคอร์ฟิวเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองหนองบัวลำภู ต่อมารถคันดังกล่าวได้เสียหลักชนแบริเออร์ข้างทางทำให้ไม่สามารถไปต่อได้ แต่คนร้ายได้ทิ้งรถหลบหนี ต่อมาตรวจสอบพบอาวุธปืนขนาด 9 มม.พร้อมเครื่องกระสุนในรถคันเกิดเหตุ ส่วนรถยนต์คันดังกล่าวเป็นรถยนต์สวมทะเบียนปลอม ทั้งนี้ ชุดจับกุมยังตรวจสอบพบอีกว่ามีหมายจับของศาลจังหวัดเลย ที่ 82/2563 ลง 27 เม.ย.63 ในความผิดฐาน “มีอาวุธปืนติดมือ และพกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต” และหมายจับของศาลจังหวัดหนองบัวลำภู ที่ จ.115/64 ลง 16 ส.ค.64 ในความผิดฐานเดียวกัน

 

ลูกหนี้และผู้ค้ำประกันกยศ. เตรียมเฮ! นายกฯ สั่งแก้กม. ช่วยลูกหนี้ ให้ไม่ถูกฟ้องคดี

นับเป็นอีกหนึ่งข่าวดีรับปีใหม่ สำหรับลูกหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ภายหลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้สั่งการให้มีการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายกยศ. ปี 2560 ให้มีความทันสมัย เพื่อแก้ปัญหาทั้งเรื่องรูปแบบชำระหนี้และช่วยเหลือเรื่องการดำเนินคดีกับลูกหนี้และผู้ค้ำประกัน

ทั้งนี้ จากข้อมูลปี 2563 เงินกู้ กยศ. มีหนี้เสีย (NPL) สูงถึง 62% สูงที่สุดในช่วง 25 ปี ปัจจัยที่ทำให้ผู้กู้ไม่สามารถชำระหนี้ได้เป็นจำนวนมาก มาจากรูปแบบการชำระเงินคืนไม่สอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้คืน นั่นเพราะบางช่วงเศรษฐกิจเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วง 2 ปีที่เกิดวิกฤตโควิด-19

ดังนั้น กยศ. จึงได้ทำการปรับรูปแบบการชำระหนี้ เพื่อลดโอกาสการผิดนัดชำระหนี้และกลายเป็นหนี้เสีย เพิ่มแผนการรับชำระหนี้ให้หลากหลาย ทำให้ผู้กู้สามารถเลือกแผนการชำระคืนให้เหมาะสมกับศักยภาพของตนเอง

ซึ่งกฎหมายฉบับที่จะได้รับการแก้ไข จะทำให้กองทุนฯ สามารถเข้าไปช่วยเหลือผู้กู้ยืมที่อยู่ระหว่างดำเนินคดี หรือศาลมีคำพิพากษาอันถึงที่สุดแล้ว หรืออยู่ในระหว่างการบังคับคดี ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนกว่า 1.1 ล้านราย ให้สามารถเข้าร่วมการแก้ไขหนี้ แปลงหนี้ เพื่อกลับมาผ่อนชำระได้อีกครั้ง

โดยสาระของการปรับปรุงกฎหมายฉบับใหม่นี้ประกอบด้วย

1.) ลูกหนี้สามารถเลือกผ่อนชำระเป็นรายเดือน หรือรายไตรมาสได้ โดยไม่ต้องเก็บเงินก้อนใหญ่ไปรอชำระงวดเดียว ซึ่งจะช่วยทำให้ลูกหนี้วางแผนผ่อนชำระได้ง่ายขึ้น

2.) จัดลำดับการตัดชำระเงิน โดยเรียงจาก เงินต้น ดอกเบี้ย และเงินเพิ่ม ทำให้ยอดหนี้หมดเร็วขึ้น

3.) ผู้กู้สามารถกู้ยืมได้โดยไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน (มีผู้ค้ำประกันเฉพาะกรณีที่จำเป็น) ซึ่งจะช่วยตัดปัญหาเรื่องผู้กู้เบี้ยวหนี้ ทำให้ผู้ค้ำประกันต้องมารับหนี้แทน และช่วยทำให้ผู้กู้รายใหม่ ไม่ต้องลำบากเรื่องการหาผู้ค้ำประกัน

4.) ชะลอการฟ้องร้องและบังคับคดี หรือการชะลอการขายทอดตลาด สำหรับลูกหนี้ที่ติดคดีใกล้ขาดอายุความ ซึ่ง พ.ร.บ.ฉบับนี้ จะช่วยเหลือลูกหนี้และผู้ค้ำประกันที่มีปัญหาชำระหนี้ 'หลายล้านคน' ให้ไม่ต้องถูกฟ้องร้อง

ขณะเดียวกันยังได้เปิดให้ผู้กู้ยืมที่อยู่ระหว่างผ่อนชำระหนี้ที่ยังไม่ถูกฟ้องคดี จำนวนกว่า 1.7 ล้านคน ให้เข้ามาแจ้งความประสงค์ขอปรับโครงสร้างหนี้ได้แล้วแบบสมัครใจ ผ่านแอปพลิเคชัน กยศ. Connect หรือผ่านเว็บไซต์ https://wsa.dsl.studentloan.or.th เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้ผู้กู้ยืมช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19

ร้านอาหาร จ.ตรัง สวนกระแสหมูแพง ขายข้าวกะเพราหมูถาดละ 20 บาท อิ่มแบบจุกๆ

อดีตครูสาววัย 43 ปี ชาวตำบลหนองบ่อ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ลาออกจากครูอัตราจ้างหันมายึดอาชีพขายอาหารตามสั่งเกือบ 30 เมนู ยกถาดขายราคาถาดละ 20 บาท สวนกระแสหมูแพง แถมแน่นให้เยอะ อิ่มจุกในราคาเดียวไม่มีการปรับขึ้น ส่วนน้ำ-น้ำแข็งฟรี

น.ส. รินทร์นภา เฉลิมชัย (คุณรส) อายุ 43 ปี อดีตครูอัตราจ้างโรงเรียนวัดชลวาปีฯ ที่ผันตัวเองมาขายอาหารตามสั่ง ชื่อร้านsitนี่@ หนักแบก อยู่หมู่ที่ 3 ต.หนองบ่อ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ติดกับโรงเรียนวัดชลวาปีวิหาร โดยได้เริ่มเปิดขายเมื่อประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา ราคาเริ่มต้นที่ถาดละ 15-20 บาท มีให้เลือกอิ่มเกือบ 30 เมนู เช่น ข้าวไข่เจียวถาดละ 15 บาท ข้าวกะเพราทุกชนิดถาดละ 20 บาท ผัดเครื่องแกงราดข้าวหมู/ไก่ ถาดละ 20 บาท ผักพริกราดข้าว และอื่น ๆ ซึ่งทุกเมนูข้าวเน้นใส่ถาดยกมาเสิร์ฟ เพราะใส่จานมันเล็กไป

ส่วนอีกประมาณ 10 เมนูที่เหลือมีราคามากกว่า 20 บาทเล็กน้อย เช่น กะเพราทะเลขายถาดละ 30 บาท ส้มตำราคา 25-30 บาท ตำผลไม้ 40 บาท สเต๊กไก่/หมู/ปลา แถมสลัดผักและเฟรนช์ฟรายส์ ราคา 59 บาทเท่านั้น ขณะที่วันนี้ราคาหมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ 200 บาท

แม้ว่าขณะนี้ราคาเนื้อหมูจะราคาแพงขึ้น แต่เจ้าของร้านยังยืนยันจะขายกะเพราหมูถาดละ 20 บาทเหมือนเดิม เน้นทั้งปริมาณและคุณภาพ อิ่มจุก อร่อยแบบประหยัด แถมบริการน้ำ-น้ำแข็งฟรี เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของผู้บริโภค ที่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ทั้งเนื้อหมู เนื้อไก่ และไข่ไก่ โดยหลังชาวบ้านทราบข่าวว่าที่ร้าน sitนี่@ หนักแบก ขายอาหารในราคาถูกที่สุดในจ.ตรัง ทำให้มีลูกค้าแวะมาอุดหนุนอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ก่อนเปิดร้าน ในเวลา 10.00 น. เพราะว่าราคานี้หากินที่ไหนไม่ได้ในจ.ตรัง

จากนักแสดงสู่นักการเมือง! ขอไม่เป็นกลาง พร้อมอยู่เคียงข้างประชาชน! | Click on Clear THE TOPIC EP.123

📌เปิดใจเส้นทางสู่การเมือง!! ไปกับ ‘เพชร กรุณพล’ ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม เลือกตั้งซ่อม ส.ส. หลักสี่ - จตุจักร พรรคก้าวไกล !!

📌ใน Topic​ : จากนักแสดงสู่นักการเมือง! ขอไม่เป็นกลาง พร้อมอยู่เคียงข้างประชาชน!

จับประเด็น เน้นความรู้ในรายการ Click on Clear THE TOPIC

ดำเนินรายการโดย ปริม กุญชนิตา กุญชร ณ อยุธยา PROGRAM DIRECTOR THE STATES TIMES

.

.

‘บิ๊กตู่’ ปลื้ม ไทยที่ 1 เอเชีย ที่ 11 ของโลก ประเทศที่เหมาะใช้ชีวิตหลังเกษียณ

เมื่อวันที่ 11 มกราคม นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับที่ 11 ของโลก และนับเป็นอันดับที่ 1 ของเอเชีย จากผลการจัดอันดับ The World’s Best Places to Retire in 2022 หรือประเทศที่ดีที่สุดในโลกที่จะใช้ชีวิตหลังเกษียณ ปี 2565 ซึ่งจัดโดยนิตยสาร International Living ซึ่งประกาศผลเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2565 นี้

จากผลการจัดอันดับนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรับทราบ และยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เป็นอีกครั้งที่ประเทศไทยมีชื่อเสียง เป็นที่นิยมระดับโลก นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เชื่อมั่นว่าประเทศไทยน่าอยู่ไม่แพ้ที่ใดในโลก ผู้ที่ได้เคยมาสัมผัส ไม่ว่าจะมาเที่ยว หรือมาทำงานต่างหลงรักความเป็นไทย ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น และขอขอบคุณคนไทยทุกคนที่มีส่วนสำคัญ มีมิตรไมตรีต่อกัน และต่อชาวต่างชาติ จนทำให้ประเทศได้รับการจัดอันดับที่ดีอย่างต่อเนื่อง

สธ.ประเมินสถานการณ์ ‘โอมิครอน’ ลาม 2 เดือน แต่จะค่อยๆ ลดลง พร้อมคุมอยู่ภายใน 1 ปี

สธ. งัด 4 มาตรการรับมือโอมิครอน มุ่งชะลอการระบาดให้ระบบสาธารณสุขดูแลได้ คาดระบาดอย่างน้อย 2 เดือน จ่อลดวันกักตัวกลุ่มเสี่ยงสูง ปีนี้โควิดเข้าสู่โรคประจำถิ่น หากอัตราตายลดเหลือ 0.1% จังหวัดยอดพุ่งอีก 2 สัปดาห์ค่อยๆ ลด

นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รุจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวในการแถลงสถานการณ์โควิด-19 เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 65 ที่กระทรวงสาธารณสุข ว่า แผนรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกมกราคม 2565 หรือโอมิครอน มี 4 มาตรการ คือ 

1.) มาตรการสาธารณสุข จะมุ่งชะลอการระบาดเพื่อให้ระบบสาธารณสุขดูแลได้ ฉีดวัคซีนเพิ่มภูมิต้านทานให้ประชาชน คัดกรองตนเองด้วย ATK ติดตามเฝ้าระวังกลายพันธุ์ 

2.) มาตรการการแพทย์ มุ่งเน้นใช้ระบบดูแลที่บ้านและชุมชน (Home Isolation/Community Isolation) ระบบสายด่วนประสานการดูแลผู้ติดเชื้อ ช่องทางด่วนส่งต่อเมื่อมีอาการมากขึ้น และเตรียมพร้อมยาและเวชภัณฑ์ โดยในส่วนของยาฟาวิพิราเวียร์ยังมีประสิทธิภาพดีในการรักษาผู้ติดโควิด-19 ถ้าเริ่มต้นให้เร็วรวมถึงโอมิครอนด้วย ขณะนี้มีสำรองประมาณ 158 ล้านเม็ด

3.) มาตรการสังคม ประชาชนใช้การป้องกันตัวเองขั้นสูงสุด (UP : Universal Prevention) และสถานบริการปลอดความเสี่ยงโควิด (COVID Free Setting) 

และ 4.) มาตรการสนับสนุน ค่าบริการรักษาพยาบาล และค่าตรวจต่างๆ 

ทั้งนี้ ในปี 2565 จะก้าวเข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่นของโรคโควิด-19 โดยเชื้อลดความรุนแรง ฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิต้านทาน และชะลอการแพร่ระบาด

ผู้สื่อข่าวถามว่า โควิด-19 จะเป็นโรคประจำถิ่นเมื่อไหร่ นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า การจะเป็นโรคประจำถิ่นเกิดจากลักษณะตัวโรคลดความรุนแรงลง ประชาชนมีภูมิต้านทาน ระบบรักษามีประสิทธิภาพ ลดอัตราป่วยหนัก เพื่อให้อัตราเสียชีวิตอยู่ในระดับต่ำมาก สาเหตุที่โควิดเป็นโรคระบาดรุนแรง เพราะอัตราเสียชีวิตสูงถึง 3% และค่อยๆ ลดลง หากลดมาถึง 0.1% ก็จะเข้าข่ายโรคประจำถิ่นได้ ส่วนอีกนานหรือไม่ ตนได้ปรึกษากับกรมควบคุมโรคว่า ขณะนี้เป็นระลอกโอมิครอนที่จะอยู่ประมาณ 2 เดือนจากนั้นจะค่อยๆ ลดลง เกิดพีคเล็กๆ ไปอีกระยะหนึ่ง ทั้งนี้ หากการจัดการวัคซีนดี ประชาชนร่วมฉีดให้มีภูมิต้าน โรคไม่กลายพันธุ์เพิ่ม การติดเชื้อไม่รุนแรงมากขึ้น ก็คาดว่าภายในปีนี้จะกลายเป็นโรคประจำถิ่นไปได้

นพ.เกียรติภูมิ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้กรมควบคุมโรคพิจารณาลดวันกักตัว กรณีเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ซึ่งเดิมจะต้องกักตัวนาน 14 วัน ซึ่งนานกว่ากรณีคนติดเชื้อที่รักษาในรพ. ที่อยู่ที่ 10 วัน จึงให้พิจารณาดูว่าสามารถลดวันกักตัวกลุ่มเสี่ยงสูงเหลือ 7 วันได้หรือไม่ รวมถึงการปรับนิยามผู้สัมผัสเสี่ยงสูงใหม่ หากใส่หน้ากากอนามัยถือเป็นสัมผัสเสี่ยงต่ำ แต่หากสัมผัสระหว่างที่ไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัยจึงจะถือเป็นสัมผัสเสี่ยงสูง

118 ปี กำเนิด ‘โรงเรียนช่างไหม’ โดยกระทรวงเกษตราธิการ ซึ่งพัฒนาเป็น 'มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์' ในปัจจุบัน

มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นมหาวิทยาลัยของรัฐแห่งแรกของประเทศไทยที่เปิดสอนหลักสูตรทางด้านการเกษตร ก่อตั้งขึ้นเป็นลำดับที่ 3 ของประเทศ แรกเริ่มเป็น ‘โรงเรียนช่างไหม’ ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2447 โดยพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม องค์อธิบดีกรมช่างไหม ในกระทรวงเกษตราธิการ ได้ทรงจัดตั้งโรงเรียนช่างไหมขึ้น ณ ท้องที่ตำบล ทุ่งศาลาแดง กรุงเทพมหานคร ในบริเวณเดียวกันกับสวนหม่อนและสถานีทดลองเลี้ยงไหม 

โดยจัดการศึกษาหลักสูตร 2 ปี สอนเกี่ยวกับวิชาการ เลี้ยงไหมโดยเฉพาะ ต่อมาใน พ.ศ. 2449 ได้ขยายหลักสูตรเป็น 3 ปี โดยเพิ่มวิชาการเพาะปลูกพืชอื่นๆ เข้าในหลักสูตรตลอดจนได้เริ่มสอนวิชาสัตวแพทย์ด้วยและได้เปลี่ยนชื่อโรงเรียน เป็นโรงเรียนวิชาการเพาะปลูกต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนการเพาะปลูก 

โดยในปี พ.ศ. 2451 กระทรวงเกษตราธิการ ได้รวมโรงเรียนที่อยู่ในสังกัด 3 โรงเรียนคือ โรงเรียนแผนที่ โรงเรียนกรมคลอง และโรงเรียนวิชาการเพาะปลูก เป็นโรงเรียนเดียวกัน เพื่อผลิตคนเข้ารับราชการในกรมกองต่างๆ ของกระทรวงเกษตราธิการ โดยใช้ชื่อโรงเรียนว่าโรงเรียนกระทรวงเกษตราธิการ และย้ายสถานที่ตั้งมารวมกัน ณ พระราชวังสระปทุม พร้อมกับได้ให้เรียบเรียงหลักสูตรใหม่ซึ่งถือได้ว่าเป็นหลักสูตรระดับอุดมศึกษาวิชาการเกษตรศาสตร์ หลักสูตรแรกของประเทศไทย

นายกฯ วอน ประชาชน เฝ้าระวังโอมิครอน ติดง่าย-แพร่เร็ว มีอาการผิดสังเกตให้รีบพบแพทย์

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามการเตรียมความพร้อมของกระทรวงสาธารณสุข ในการยกระดับระบบสาธารณสุขเพื่อรองรับการระบาดระลอกใหม่ เช่น ระบบ Home Isolation , Community Isolation โรงพยาบาลสนาม และยาฟาวิพิราเวียร์ เวชภัณฑ์  เพื่อรองรับผู้ป่วยที่จะเพิ่มมากขึ้น โดยกระทรวงสาธารณสุขได้ รายงานขีดความสามารถระบบการกักกันตัวที่บ้าน (HI) และการกักตัวในที่ชุมชน (CI) ทั่วประเทศ สามารถรองรับได้ประมาณ 187,000 คน (HI = 43,000 คน CI = 144,000 คน)

ซึ่งกรมการแพทย์ได้พัฒนาระบบ HI และ CI ให้ครอบคลุมทั้งมิติการควบคุมโรคและการป้องกันโรคด้วย  ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขตรวจสอบลงไปในรายพื้นที่ย่อยที่เป็นพื้นที่เสี่ยง เพื่อเตรียมระบบ รพ.สนาม HI,CI ให้เพียงพอกับจำนวนผู้ติดเชื้อในพื้นที่ที่อาจจะน่าจะเพิ่มขึ้นด้วย   ขณะเดียวกันก็สำรวจประชากรเด็กเล็ก ซึ่งอาจเป็นกลุ่มเปราะบางใหม่ โดยเด็กเล็กและผู้ปกครองต้องยินยอมและสมัครใจในการเข้ารับวัคซีน เนื่องจากวัคซีนยังเป็นเครื่องมือสำคัญอย่างหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ลดอัตราการเสียชีวิต ป้องกันการป่วยหนัก และลดอัตราการรับการรักษาในโรงพยาบาลเป็นเวลานานๆ สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และลดการติดเชื้อ สำหรับผู้ติดเชื้อที่มีอาการหนัก และที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจยังคงมีแนวโน้มลดลง

สำหรับจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในช่วงเช้าของวันที่ 11 ม.ค. 65 รวม 7,133 ราย จำแนกเป็นผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังฯ 6,632 ราย ผู้ป่วยจากการค้นหาเชิงรุก 45 ราย ผู้ป่วยภายในเรือนจำ ที่ต้องขัง 45 ราย ผู้ป่วยติดเชื้อเข้าข่าย /ATK 1,545 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 411 ราย ผู้ป่วยสะสม 61 ,1 74 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) หายป่วยกลับบ้าน 3,306 ราย หายป่วยสะสม 32,291 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) ผู้ป่วยกำลังรักษา 61,974 ราย เสียชีวิต 12 ราย   สำหรับการให้บริการวัคซีน COVID-19 วันที่ 10 มกราคม 2565 เวลา 20:49 น. ประเทศไทยฉีดวัคซีนสะสมแล้ว 107,400,315 โดส แบ่งเป็นเข็มที่ 1 ฉีดสะสม 51,541,362 โดส เข็มที่ 2 ฉีดสะสม 46,987,287 โดส เข็มที่ 3 ฉีดสะสม 8,430,651 โดส เข็มที่ 4 ฉีดสะสม 441,015 โดส

โฆษก ตร. เตือน!! "เมาแล้วขับ" คุก 10 ปี เพิกถอนใบขับขี่ เสี่ยง "อุบัติเหตุร้ายแรง"

พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่า จากกรณีที่มีการเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ เหตุการณ์เริ่มต้นจากการที่มีพลเมืองดีแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าพบผู้หญิงรายหนึ่งขับรถไม่ไปตามทิศทางที่กำหนด (ย้อนศร) และมีอาการคล้ายคนเมาสุรา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบรถยนต์คันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเชิญตัวไปตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ แต่เจ้าของรถไม่ยินยอม จึงได้นำตัวไปที่สถานีตำรวจเพื่อตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ นั้น

พล.ต.ต.ยิ่งยศฯ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว เมื่อเจ้าหน้าที่นำตัวเจ้าของรถไปตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ แล้วพบว่ามีปริมาณเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด จึงได้จับกุมตัว และแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีตามกฎหมาย จึงขอแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนว่า ห้ามขับขี่ขณะเมาสุราหรือของมึนเมาอย่างอื่น เนื่องจากจะทำให้ไม่มีสติในการขับรถ ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง เกิดความเสียหายทั้งต่อตนเองและผู้อื่น จนทำให้เกิดความสูญเสีย ถึงขั้นมีผู้เสียชีวิตได้ ซึ่งการกระทำดังกล่าวอาจเป็นความผิดตามกฎหมาย 

พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522

มาตรา 43 (2) ห้ามมิให้ผู้ขับขี่ขับรถ ในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น

มาตรา 160 ตรี ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 43 (2) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 5,000 บาทถึง 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของผู้นั้นมีกำหนดไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่
ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 100,000 บาท และให้ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของผู้นั้นมีกำหนดไม่น้อยกว่า 1 ปี หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่

ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 6 ปี และปรับตั้งแต่ 40,000 บาทถึง 120,000 บาท และให้ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของผู้นั้นมีกำหนดไม่น้อยกว่า 2 ปี หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่

ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปี ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 60,000 บาท ถึง 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่

พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 10) พ.ศ.2557

มาตรา 4 ให้ยกเลิกความในมาตรา 142 แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2542 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

มาตรา 142 เจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่มีอํานาจสั่งให้ผู้ขับขี่หยุดรถในเมื่อ
(1) รถนั้นมีสภาพไม่ถูกต้องตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 6  
(2) เห็นว่าผู้ขับขี่หรือบุคคลใดในรถนั้นได้ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอันเกี่ยวกับรถนั้น ๆ

ในกรณีที่มีพฤติการณ์อันควรเชื่อว่าผู้ขับขี่ฝ่าฝืนมาตรา 43 (1) หรือ (2) ให้เจ้าพนักงานจราจรพนักงานสอบสวน หรือพนักงานเจ้าหน้าที่สั่งให้มีการทดสอบผู้ขับขี่ดังกล่าวว่าหย่อนความสามารถในอันที่จะขับหรือเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่นหรือไม่

ในกรณีที่ผู้ขับขี่ตามวรรคสองไม่ยอมให้ทดสอบ ให้เจ้าพนักงานจราจร พนักงานสอบสวน หรือพนักงานเจ้าหน้าที่มีอํานาจกักตัวผู้นั้นไว้ดําเนินการทดสอบได้ภายในระยะเวลาเท่าที่จําเป็นแห่งกรณีเพื่อให้การทดสอบเสร็จสิ้นไปโดยเร็ว หากผู้นั้นยอมให้ทดสอบและผลการทดสอบปรากฏว่าไม่ได้ฝ่าฝืนมาตรา 43 (1) หรือ (2) ก็ให้ปล่อยตัวไปทันที


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top