Thursday, 22 May 2025
TheStatesTimes

โฆษก ตร. เตือน!! "เมาแล้วขับ" คุก 10 ปี เพิกถอนใบขับขี่ เสี่ยง "อุบัติเหตุร้ายแรง"

11 ม.ค.65 พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่า จากกรณีที่มีการเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ เหตุการณ์เริ่มต้นจากการที่มีพลเมืองดีแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าพบผู้หญิงรายหนึ่งขับรถไม่ไปตามทิศทางที่กำหนด (ย้อนศร) และมีอาการคล้ายคนเมาสุรา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบรถยนต์คันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเชิญตัวไปตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ แต่เจ้าของรถไม่ยินยอม จึงได้นำตัวไปที่สถานีตำรวจเพื่อตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ นั้น

พล.ต.ต.ยิ่งยศฯ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว เมื่อเจ้าหน้าที่นำตัวเจ้าของรถไปตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ แล้วพบว่ามีปริมาณเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด จึงได้จับกุมตัว และแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีตามกฎหมาย จึงขอแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนว่า ห้ามขับขี่ขณะเมาสุราหรือของมึนเมาอย่างอื่น เนื่องจากจะทำให้ไม่มีสติในการขับรถ ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง เกิดความเสียหายทั้งต่อตนเองและผู้อื่น จนทำให้เกิดความสูญเสีย ถึงขั้นมีผู้เสียชีวิตได้ ซึ่งการกระทำดังกล่าวอาจเป็นความผิดตามกฎหมาย

>> พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522

>> มาตรา 43 (2) ห้ามมิให้ผู้ขับขี่ขับรถ ในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น

>> มาตรา 160 ตรี ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 43 (2) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 5,000 บาทถึง 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของผู้นั้นมีกำหนดไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่

ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 100,000 บาท และให้ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของผู้นั้นมีกำหนดไม่น้อยกว่า 1 ปี หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่

ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 6 ปี และปรับตั้งแต่ 40,000 บาทถึง 120,000 บาท และให้ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของผู้นั้นมีกำหนดไม่น้อยกว่า 2 ปี หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่

ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปี ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 60,000 บาท ถึง 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่

>> พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 10) พ.ศ.2557

>> มาตรา 4 ให้ยกเลิกความในมาตรา 142 แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2542 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

>> มาตรา 142 เจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่มีอํานาจสั่งให้ผู้ขับขี่หยุดรถในเมื่อ

(1) รถนั้นมีสภาพไม่ถูกต้องตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 6 

(2) เห็นว่าผู้ขับขี่หรือบุคคลใดในรถนั้นได้ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอันเกี่ยวกับรถนั้น ๆ

ในกรณีที่มีพฤติการณ์อันควรเชื่อว่าผู้ขับขี่ฝ่าฝืนมาตรา 43 (1) หรือ (2) ให้เจ้าพนักงานจราจรพนักงานสอบสวน หรือพนักงานเจ้าหน้าที่สั่งให้มีการทดสอบผู้ขับขี่ดังกล่าวว่าหย่อนความสามารถในอันที่จะขับหรือเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่นหรือไม่

ในกรณีที่ผู้ขับขี่ตามวรรคสองไม่ยอมให้ทดสอบ ให้เจ้าพนักงานจราจร พนักงานสอบสวน หรือพนักงานเจ้าหน้าที่มีอํานาจกักตัวผู้นั้นไว้ดําเนินการทดสอบได้ภายในระยะเวลาเท่าที่จําเป็นแห่งกรณีเพื่อให้การทดสอบเสร็จสิ้นไปโดยเร็ว หากผู้นั้นยอมให้ทดสอบและผลการทดสอบปรากฏว่าไม่ได้ฝ่าฝืนมาตรา 43 (1) หรือ (2) ก็ให้ปล่อยตัวไปทันที

ในกรณีที่มีพฤติการณ์อันควรเชื่อว่าผู้ขับขี่ขับรถในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น หากผู้นั้นยังไม่ยอมให้ทดสอบตามวรรคสามโดยไม่มีเหตุอันสมควร ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้นั้นฝ่าฝืนมาตรา 43 (2) การทดสอบตามมาตรานี้ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กําหนดในกฎกระทรวง

โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด เพื่อตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ของผู้ใช้รถใช้ถนนอย่างเข้มงวด และมีการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนทุกคน ซึ่งในหลาย ๆ คดี ศาลได้มีคำพิพากษาจำคุก และเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ 

 

ครม.เห็นชอบหลักการร่างมาตรการสนับสนุนสตรีเป็นพลังสำคัญทางเศรษฐกิจ ขยายเวลาเปิดศูนย์เด็กเล็ก ข้าราชการชายลาช่วยดูลูกได้ 15 วัน ไม่ต้องติดต่อกัน ข้าราชการหญิงลาคลอดเพิ่มได้

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2565 ว่า  ครม.เห็นชอบหลักการร่างมาตรการสนับสนุนสตรีให้เป็นพลังสำคัญทางเศรษฐกิจ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ เพื่อเป็นมาตรการคุ้มครอง สนับสนุน และอำนวยความสะดวกให้ผู้หญิงสามารถเข้ามามีบทบาททางด้านเศรษฐกิจ ช่วยสร้างการมีส่วนร่วมของผู้ชายในการเลี้ยงดูบุตร และสร้างกลไกการพัฒนาเด็กเพื่อลดภาระให้กับผู้หญิงที่ทำงาน ซึ่งสอดคล้องกับหลักการตามรัฐธรรมนูญและอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ (CEDAW) ที่ไทยเข้าร่วมเป็นรัฐภาคี ซึ่งมาตรการนี้ครอบคลุม 3 กลุ่มเป้าหมาย คือ 1)กลุ่มแรงงานหญิงทั้งในระบบและนอกระบบ จำนวน 17,366,400 คน 2)กลุ่มแม่เลี้ยงเดี่ยว จำนวน 1,061,082 คน และ 3)กลุ่มผู้หญิงสูงอายุที่เป็นผู้เลี้ยงดูเด็ก จำนวน 379,347 คน 

สำหรับมาตรการสนับสนุนให้สตรีเป็นพลังสำคัญทางเศรษฐกิจ ประกอบด้วย 3 มาตรการย่อย ดังนี้

1.จัดบริการศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 3 ปี โดยขยายบริการของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กหรือสถานรับเลี้ยงเด็กให้รับอายุ 0 - 3 ปี และขยายเวลาเปิด – ปิดศูนย์พัฒนาเด็กเล็กหรือสถานรับเลี้ยงเด็กให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตคนทำงานตามบริบทของพื้นที่

2.ส่งเสริมการลาของสามี (ข้าราชการชาย) เพื่อช่วยภรรยาดูแลบุตรหลังคลอด โดยให้ข้าราชการชายมีสิทธิลาได้ 15 วันทำการ เป็นช่วงๆ ไม่ติดต่อกันจนครบวันลา (จากเดิมที่ให้ลาครั้งหนึ่งติดต่อกันได้ ไม่เกิน 15 วันทำการ)

3.ขยายวันลาคลอดของแม่ (ข้าราชการหญิง) โดยได้รับค่าจ้าง ซึ่งระเบียบเดิมข้าราชการหญิงสามารถลาคลอดบุตรได้ไม่เกิน 90 วัน และข้าราชการหญิงที่ลาคลอดบุตรแล้ว หากประสงค์ลากิจส่วนตัวเพื่อเลี้ยงดูบุตร ให้มีสิทธิลาต่อเนื่องจากการลาคลอดบุตรได้ไม่เกิน 150 วันทำการ โดยไม่ได้รับเงินเดือน ซึ่งมาตรการใหม่นี้ ข้าราชการหญิงสามารถลาคลอดบุตรได้ 98 วัน (เพิ่มขึ้นจากเดิม 8 วัน) โดยได้รับค่าจ้าง และเมื่อครบ 98 วันแล้ว สามารถลาเพิ่มได้อีกไม่เกิน 90 วัน โดยได้รับเงินเดือนร้อยละ 50 ของเงินเดือน รวมวันลาคลอดทั้งสิ้น 188 วัน หรือประมาณ 6 เดือน ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางที่องค์การอนามัยโลกและกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติระบุว่า ควรให้บุตรได้รับนมแม่เพียงอย่างเดียวในช่วง 6 เดือนแรกหลังคลอด

ปทุมธานี - “บิ๊กแจ๊ส” ห่วงใยชาวปทุมฯ เร่งพัฒนาเป็นเมืองน่าอยู่อันดับต้น ๆ เดินหน้าโมโนเรล พร้อมสู้ภัยโควิดโอไมครอน

เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2565 เวลา 09:30 น. พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี พร้อมคณะผู้บริหารได้ประชุมร่วมกับนายนิติชัย วิริยานนท์ นายอำเภอคลองหลวง และข้าราชการเพื่อร่วมกันแก้ปัญหาให้กับประชาชนเช่นการลอกคลองและปรับปรุงภูมิทัศน์ลำคลองปัญหาน้ำเน่าเสียน้ำขังในหมู่บ้านและถนนเส้นต่าง ๆ ที่เคยได้รับผลกระทบโดยเฉพาะฤดูฝน รวมถึงปัญหาการจราจรจากนั้นได้ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าโครงการขุดลอกคลองสวยน้ำใส ที่คลองแอนระหว่างคลอง 2 และคลอง 3 ระยะทาง 20 กิโลเมตร ตำบลคลองสาม อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี โดยมี นายสิระพงษ์ สิริโพธินันท์ รองนายก อบจ.ปทุมธานี , นางรุจศลักษณ์ ธูปกระจ่าง ตั้งวงษ์เลิศ เลขานุการนายก อบจ.ปทุมธานี , นายยุทธศักดิ์ ชูประเสริฐ (จ่ายุทธ) ที่ปรึกษาพิเศษ นายก อบจ.ปทุมธานี , นายสัญชาติ คุระนันท์  นางสาวณัฐรุจา คุ้มทรัพย์ และ นายสุริยา ธรรมธารา สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี และทีมงาน อบจ.ปทุมธานีร่วมลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานขุดลอกคลองกำจัดวัชพืชที่ขึ้นกีดขวางการไหลของน้ำ ซึ่งทาง อบจ.ปทุมธานีได้ดำเนินการนำเครื่องจักรลงพื้นที่ขุดลอกคลองตั้งแต่คลอง 1 ถึง คลอง 14 เพื่อปรับภูมิทัศน์ทุกคูคลอง เตรียมรับภัยแล้งในหน้าร้อนรวมถึงน้ำหลากในฤดูฝน

ด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี กล่าวว่า ทาง อบจ.ปทุมธานีได้ดำเนินการขุดลอกคลองส่งน้ำทุกคลอง ให้มีสภาพน้ำไหลคล่องก่อนที่เราดำเนินการแก้ไขเรื่องน้ำเน่าเสียแต่มันเกินกำลังแรงคนที่จะทำ ระยะทาง 20 กว่ากิโลเมตร จึงนำเครื่องจักรรถแบคโฮเข้ามาขุดลอกคลอง เมื่อสภาพคลองดีขึ้นก็จะมีประชาชนเริ่มมาหาปลากัน จึงได้ขอความร่วมมือทางท่านนายอำเภอคลองหลวง สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด. นายกองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ เมื่อเราพัฒนาพื้นที่เรียบร้อยแล้วขอให้ทุกท่านรับผิดชอบอยู่ในเขตไหนก็ช่วยกันดูแลต่อ เพื่อทำให้คลองทุกคลองสวยงามจริง ๆ ทั้งบนตลิ่งและในน้ำ ส่วนปัญหาน้ำเสีย น้ำเน่าที่เคยมีนั้นเมื่อวัชพืชหมดไปแล้วเราจะมาหาสาเหตุและแก้ปัญหาหลังจากนั้นอีกที จะมีการประสานหารือกับทางกรมชลประทานด้วย

ทั้งนี้ทางอำเภอคลองหลวงมีหมู่บ้านจัดสรรเยอะ ทาง อบจ.จะวางแผนร่วมกับทางอำเภอคลองหลวง ก่อนที่จะถึงฤดูฝนเรายังมีเวลาอีก 4 เดือน จะสำรวจว่าหมู่บ้านไหนได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมขังน้ำรอการระบาย ระบายช้า รถเข้าออกไม่ได้ จะมีการรวมข้อมูลมา เพื่อที่ทาง อบจ.จะเร่งทำความสะอาดท่อระบายน้ำทุกหมู่บ้านเพื่อเตรียมรองรับฤดูฝน พี่น้องประชาชนต้องไม่เดือดร้อนจากปัญหาเดิมน้ำท่วมขังในหมู่บ้านจนรถไม่สามารถสัญจรได้ ภายในเดือนเมษายนนี้ทุกหมู่บ้านต้องดำเนินการเสร็จสิ้น

ส่วนการจราจรในอนาคตที่จะรองรับประชาชนมีดังนี้

เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีแดง ที่จะขยายไปถึงมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และจะมีโครงการรถไฟฟ้าโมโนเรลที่มีการเสนอแนวทาง 3 เส้นทาง คือ 1.เส้นทางคูคต-ลำลูกกา 2.รังสิต-นครนายกตั้งแต่คลอง 10 มาถึงฟิวเจอร์พาร์ค 3.เส้นทางคลองหลวง ซึ่ง 3 เส้นนี้จะบรรจบกันเป็นใยแมงมุม  รวมถึงมีเลนปั่นจักรยานออกกำลังกายด้วย ทางด้านปัญหาโควิด-19 ได้ดำเนินการจัดฉีดวัคซีนเข็ม 2 และเข็ม 3 ที่ศูนย์การค้าเซียร์รังสิต แต่หลังจากปีใหม่มาแล้วมีผู้ติดเชื้อโอไมครอนทำให้จากที่เรามีจำนวนผู้ติดเชื้อต่ำกว่าอันดับ 10 ของประเทศ เวลานี้จำนวนผู้ติดเชื้อเริ่มขยับขึ้นมาแล้ว 2 วันที่ผ่านมามีจำนวนผู้ติดเชื้อเกิน 100 คน ซึ่งที่ผ่านมาเรามีผู้ติดเชื้อน้อยมานานกว่า 5 เดือน จึงฝากพี่น้องประชาชนช่วยกันดูแล โดยเฉพาะโรงงาน ร้านอาหาร ที่มีกลุ่มเสี่ยงให้รีบแจ้ง อบจ. เพื่อที่จะได้จัดชุดเคลื่อนที่เร็วเข้าไปแก้ไขปัญหาให้ มีการฉีดพ่นฆ่าเชื้อ มียาสมุนไพรเสริมภูมิคุ้มกันแจกให้ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าการ์ดตก ให้ช่วยเหลือกันต่อไป

 

“นายกฯ” แจง ของแพง เหตุ เงินเฟ้อ สั่ง “ก.พณ-หน่วยงานเกี่ยวข้อง” เร่งแก้ “หมูแพง-สินค้าอื่นฉวยขึ้นราคา”

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวในที่ประชุมครม.ว่า เป็นห่วงเรื่องราคาสินค้า โดยเฉพาะในหมวดอาหารสดหลายประเภทที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากภาวะเงินเฟ้อที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยนายกฯ ได้กำชับกระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งแก้ปัญหาราคาหมูแพง รวมถึงสินค้าอื่นๆ นอกจากนี้ขออย่าให้เกิดการเอาเปรียบผู้บริโภค เช่น การลดปริมาณอาหารลง เป็นต้น

พังงา - รองผู้ว่าฯพังงา ตรวจเยี่ยมแผงขายสินค้า! โครงการหมูพาณิชน์ ลดราคาช่วยประชาชน

เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่หน้าสำนักงานพาณิชย์จังหวัดพังงา นายเถลิงศักดิ์ นุชประหาร รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา พร้อมด้วยนายชัยรัตน์ ชื่นเจริญ พาณิชย์จังหวัดพังงา และนายพรภิรมย์ ฟุ้งตระกูล ปศุสัตว์จังหวัดพังงา ตรวจเยี่ยมโครงการหมูพาณิชน์ลดราคาช่วยประชาชน เพื่อจำหน่ายเนื้อหมูให้กับประชาชนผู้บริโภค ในราคากิโลกรัมละ 150 บาท ระหว่างวันที่ 11-14 มกราคม 2565

ซึ่งโครงการดังกล่าวมีร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ จำนวน 3 จุด คือ จุดที่ 1 ร้านหมูโก้ศักดิ์ ตำบลถ้ำน้ำผุด อำเภอเมือง จังหวัดพังงา จุดที่ 2 ร้านหมูนายดิน ตลาดสดเทศบาลเมืองพังงา และจุดที่ 3 หน้าสำนักงานพาณิชย์จังหวัดพังงา

สำหรับจุดจำหน่ายที่ 3 บริเวณหน้าสำนักงานพาณิชย์จังหวัดพังงา ได้รับความร่วมมือจากสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดพังงา จัดจำหน่ายเนื้อหมู ราคากิโลกรัมละ 150 บาท ไข่ไก่เบอร์ 3 แผงละ 90 บาท ทั้งนี้สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.พังงา จำกัด ได้นำข้าวหอมมะลิมาจำหน่ายในราคาถูกกว่าท้องตลาด เพื่อลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนผู้บริโภคด้วย

นิสิตจุฬาฯ เสนอขอ ลดค่าเทอม อย่างน้อย 20% หวังช่วยลดภาระ หลังโควิดยังระบาดหนัก

เมื่อวันที่ 11 มกราคม สโมสรนิสิตรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ส่ง จดหมายเปิดผนึกถึงคณบดี เรื่องเสนอข้อเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยทบทวนมาตรการลดค่าเทอมเพิ่ม โดยระบุว่า ตามที่สโมสรนิสิตรัฐศาสตร์ ร่วมกับองค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสโมสรนิสิต/กรรมการนิสิตทุกคณะ พร้อมกับผู้สนับสนุนกว่า 8,000 รายชื่อได้เสนอข้อเรียกร้องถึงอธิการบดีให้พิจารณาลดค่าเล่าเรียนในภาคการศึกษาต้น ประจำปีการศึกษา 2564 ร้อยละ 50 อันมีผลสำเร็จไปแล้วนั้น

ปรากฏว่าในภาคการศึกษาปลาย ประจำปีการศึกษา 2564 สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ยังคงส่งผลกระทบต่อสภาวะความเป็นอยู่ของนิสิตและประชาชนในประเทศเป็นวงกว้าง และได้นำไปสู่ปัญหาเศรษฐกิจถดถอยในทุกภาคส่วน ซึ่งอาจลดทอนโอกาสในการเข้าถึงทรัพยากรทางการศึกษาของนิสิตจากการเรียนการสอนออนไลน์ ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศยังไม่มีแนวโน้มคลี่คลายลง ทำให้นิสิตไม่สามารถเข้าใช้พื้นที่ภายในมหาวิทยาลัย ตลอดจนสวัสดิการของมหาวิทยาลัยตามปกติได้อีกชั่วระยะหนึ่ง

ครม. เทงบกลาง 574 ล้าน ให้เกษตรกร ชดเชยการทำลายหมู 56 จังหวัด

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 574.11 ล้านบาท เพื่อป้องกันโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African Swine Fever : ASF) และโรคระบาดร้ายแรงในสุกรหรือหมูป่า ซึ่งเป็นโรคติดต่อในสุกรที่เกิดจากเชื้อไวรัสที่รุนแรง 

โดยจะจ่ายเป็นค่าชดใช้ราคาสุกรที่ถูกทำลายตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค. 64 - 15 ต.ค. 64 ตาม ม.13(4) แห่ง พ.ร.บ. โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 ซึ่งได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการประเมินตามกฎกระทรวงกำหนดค่าชดใช้ราคาสัตว์ที่ถูกทำลายอันเนื่องจากโรคระบาดหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคระบาดหรือสัตว์หรือซากสัตว์ที่เป็นพาหนะของโรคระบาด

‘Murata’ ยักษ์ใหญ่ผลิตชิ้นส่วน iPhone โยกฐานการผลิตสู่ไทย เปิดโรงงานใหม่ ต.ค. 66

สำนักข่าว Nikkei Asia รายงานเมื่อวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2565 ว่า บริษัท Murata Manufacturing และซัพพลายเออร์เทคโนโลยีอื่นๆ ของญี่ปุ่นกำลังลดการพึ่งพาจีน เนื่องจากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับจีนทวีความรุนแรงขึ้น 

Murata ผู้ผลิตตัวเก็บประจุใหญ่ที่สุดในโลกและผลิตชิ้นส่วน iPhone รายสำคัญ ประกาศในเดือนพฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา ว่า บริษัทฯ จะเปิดโรงงานแห่งใหม่ในประเทศไทยในเดือนตุลาคม 2566 โดยโรงงานแห่งใหม่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดลำพูน โดยจะมีขนาดใหญ่เท่ากับโรงงานแห่งเดิมในเมือง อู๋ซี ใกล้กับเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นโรงงานหลักที่ Murata ผลิตตัวเก็บประจุเซรามิกหลายชั้นสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆสำหรับผู้บริโภครวมถึง iPhone ด้วย

ที่ผ่านมาบริษัทเป็นผู้นำด้านการผลิตอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ตัวกรองเพื่อรับสัญญาณวิทยุ แอมพลิฟายเออร์สำหรับการเสริมกำลังสัญญาณ และเครื่องดูเพล็กซ์สำหรับจัดการสัญญาณขาเข้าและขาออกพร้อมกัน ซึ่งใช้ในสมาร์ตโฟน Apple iPhone, Samsung Galaxy และ Huawei Note เป็นต้น ส่วนประกอบต่างๆ จะถูกส่งไปสำหรับประกอบในสมาร์ตโฟนในประเทศจีน เพื่อจัดส่งไปยังตลาดสุดท้ายโดยมีสหรัฐฯ เป็นประเทศที่สำคัญที่สุด 

‘อธิบดีปศุสัตว์’ ยอมรับ พบโรค ASF ในหมู เผยตรวจพบจากโรงฆ่า จ.นครปฐม

นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ ในฐานะ ปธ.คณะทำงานด้านวิชาการป้องกัน ควบคุม และกำจัดโรค ASF ในสุกร พบการรายงาน โรค African Swine Fever หรือ ASF ในสุกร จากสุ่มตรวจสอบเพิ่มเติมโดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการเลี้ยงสุกรหนาแน่น ผลการวิเคราะห์ตัวอย่างเบื้องต้นจากจำนวนทั้งหมด 309 ตัวอย่าง พบผลบวกเชื้อ ASF จำนวน 1 ตัวอย่าง จากตัวอย่างพื้นผิวสัมผัสโรงฆ่าสัตว์แห่งหนึ่งที่มาจากจังหวัดนครปฐม 

จากการสุ่มตรวจสอบเพิ่มเติมโดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการเลี้ยงสุกรหนาแน่น ในวันที่ 8-9 มกราคม พ.ศ 2565 รวมทั้งหมด 10 ฟาร์ม 305 ตัวอย่าง และโรงฆ่าสัตว์ 2 แห่ง 4 ตัวอย่าง โดยในวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2565 สุ่มดำเนินการในพื้นที่จังหวัดราชบุรี เฝ้าระวังและเก็บตัวอย่างจำนวน 6 ฟาร์ม รวม 196 ตัวอย่าง และวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2565 สุ่มดำเนินการในพื้นที่จังหวัดนครปฐม เฝ้าระวังและเก็บตัวอย่างจำนวน 4 ฟาร์ม 109 ตัวอย่าง และ 2 โรงฆ่า 4 ตัวอย่าง รวม 113 ตัวอย่าง

พร้อมกันนี้ กรมปศุสัตว์ได้มีมาตรการในการดำเนินการในการเฝ้าระวัง ควบคุม และป้องกันการเกิด โรค ASF  ล่าสุดได้ประสานกับหน่วยงานภาคีต่างๆ เช่น สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ภาคีคณบดี คณะสัตวแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย สัตวแพทย์ผู้ควบคุมฟาร์มสุกร และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอความร่วมมือในการควบคุมโรคแล้ว 

“เฉลิมชัย” เร่งรับมือผลไม้ฤดูการผลิตปี 65 ล่วงหน้า! มอบ “อลงกรณ์” ลุยเหนือติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิดพร้อมตรวจด่านเชียงแสน - เชียงของ เผย! ‘ไทย’ ได้เปรียบดุลการค้าผักผลไม้จีนกว่า 3 เท่าตัว

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้เกิดมาตรการที่เข้มงวดโดยเฉพาะด่านนำเข้าจีน และส่งผลต่อการส่งออกผลผลิตทางการเกษตรผลไม้ของไทย ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการและบริหารการจัดการผลไม้ (Fruit Board) มีความเป็นห่วงสถานการณ์และได้เร่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้กระทบต่อเกษตรกรและภาคการเกษตรของไทย จึงได้มอบหมายให้ นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะทำงานจัดทำแผนการแก้ไขปัญหาผลไม้เศรษฐกิจล่วงหน้าทั้งระบบ ลงพื้นที่ภาคเหนือ 3 จังหวัด ได้แก่เชียงใหม่ ลำพูนและเชียงรายระหว่างวันที่ 11-15 ม.ค.

โดยจะติดตามความคืบหน้าในหลายด้านได้แก่การบริหารจัดการผลไม้ของภาคเหนือ ฤดูการผลิตปี 2565(ลำไย) ความคืบหน้าการดำเนินงานของคณะกรรมการความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กรกอ.)ภาคเหนือ การขับเคลื่อนศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (Agritech and Innovation Center :AIC) จังหวัดเชียงใหม่ลำพูนและเชียงราย พร้อมตรวจเยี่ยมด่านเชียงของและด่านเชียงแสนในการส่งออกผลไม้และสินค้าเกษตรทางบกและทางเรือลำน้ำโขง โดยเฉพาะมาตรการ SPS และโควิดฟรี(Covid Free) และแนวทางแก้ไขปัญหาการขนส่งผ่านด่านบ่อเตนและด่านโมฮ่าน

การประชุมหารือกับวิสาหกิจชุมชนเพื่อพัฒนากาแฟอาราบิก้า(Arabica) ตลอดห่วงโซ่อุปทาน การบริหารจัดการน้ำของโครงการชลประทานภาคเหนือตอนบนและการขับเคลื่อนโครงการเกษตรกรรมยั่งยืนภาคเหนือ เพื่อพัฒนาการเกษตรในเมืองและส่งเสริมเพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อแก้ปัญหา pm.2.5และลดก๊าซเรือนกระจกตอบโจทย์ Climate Change ตามแนวทาง COP26

 

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top