Saturday, 24 May 2025
TheStatesTimes

ดีอีเอส เผยศาลสั่งปิด 50 ยูอาร์แอล ประเดิมปีเสือ หลังพบกระทบความมั่นคง

6 มกราคม 2565 น.ส.นพวรรณ หัวใจมั่น โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฝ่ายการเมือง (ดีอีเอส) กล่าวว่า จากแนวโน้มปัญหาการโพสต์ข้อความเท็จที่ยังมีการแพร่กระจายบนช่องทางโซเชียลต่างๆ จำนวนมาก สร้างความตื่นตระหนก ความสับสนให้กับประชาชน และกระทบต่อความมั่นคงของชาติ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ ได้เร่งติดตามปัญหาเชิงรุก มีการมอนิเตอร์สถานการณ์ทั้งในและต่างประเทศทุกวัน

ทั้งนี้ สถานการณ์ข่าวปลอมและการดำเนินการตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ระหว่างวันที่ 27 ธ.ค. 64 - 2 ม.ค. 65 พบว่า มีการดำเนินการกับผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จำนวน 19 ยูอาร์แอล แบ่งเป็น เฟซบุ๊ก 11 ยูอาร์แอล ยูทูบ 6 ยูอาร์แอล และทวิตเตอร์ 2 ยูอาร์แอล

เร่งแก้หนี้ระบบสหกรณ์ พร้อมตั้งเพดานดอกเบี้ยเงินกู้ไม่เกิน 3% 

นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยถึงการแก้ไขปัญหาหนี้สินราชการในภาคสหกรณ์ ว่า เร็ว ๆ นี้ กรมฯ เตรียมออกประกาศฉบับใหม่เพื่อกำหนดเพดานดอกเบี้ยเงินฝากให้ไม่เกิน 3.5% ซึ่งเป็นการปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากแบบขั้นบันไดที่มีการปรับลงมาจากที่อัตรา 4.5% ลงมาที่ 4% และ 3.5%  ตามลำดับ เพื่อลดต้นทุนของแต่ละสหกรณ์ที่มีภาระผูกพันจากกการรับฝากเงินจากสหกรณ์อื่น ซึ่งรับฝากมาใช้เป็นทุนธุรกิจด้วยเช่นกัน สำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนนั้น ได้แนะนำให้กำหนดเพดานไว้ว่าต้นทุนเท่าไหร่บวกได้ไม่เกิน 3% เพื่อเป็นการลดภาระหนี้ของสมาชิก 

ส่วนกรณีรายได้ของสมาชิกหลังหักหนี้ต้องเหลือไม่น้อยกว่า 30% นั้น เป็นประเด็นที่กรมฯ ได้หารือกับทุกภาคส่วนเห็นตรงกันว่าจำนวนดังกล่าวเพียงพอต่อการดำรงชีพ และไม่ควรหักลดน้อยลงไปต่ำกว่านี้  ถือเป็นสาระสำคัญที่บรรจุอยู่ในร่างกฎกระทรวงที่รอให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี  เสนอร่างที่กฤษฎีกาตรวจสอบแล้วให้กับที่ประชุมครม.เห็นชอบเพื่อนำออกมาประกาศใช้ 

“ได้เสนอว่าเพื่อเป็นการช่วยเหลือเร่งด่วนระหว่างรอกฎกระทรวงฉบับนี้  รัฐบาลควรมีกฎหรือระเบียบให้กระทรวงการคลังสั่งให้กรมบัญชีกลางกำหนดให้ส่วนราชการหักเงินเดือนข้าราชการที่มีภาระหนี้ผูกพันไว้ ต้องให้เหลือติดบัญชีไม่น้อยกว่า 30% เพื่อให้สามารถดำรงชีพได้อย่างเหมาะสม ซึ่งจะมีอานิสงส์ดูแลเรื่องรายได้ส่วนที่เหลือหลังจากหักค่าใช้จ่ายของข้าราชการทุกภาคส่วน”

‘นักแสวงบุญนครเมกกะ’ ยืนยัน!รอติดโควิด เพราะยาสมุนไพรไทยเสริมภูมิที่ ‘บิ๊กแจ๊ส’ แจกให้ แต่ผู้โดยสารอื่นติดยกลำ!!

เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2565 เวลา 10:30 น. ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ตำบลบ้านฉาง อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี , นายอดุลย์ มะหะหมัด (บอบอเลาะฮ์) ที่ปรึกษานายก อบจ.ปทุมธานี , นางกิ่งกาญจน์ อารักษ์พุทธนันท์ ประธานมูลนิธิตามรอยบาทพระศาสดา และ พระมหาขวัญชัย อัคคชโย เจ้าอาวาสวัดคีรีวงก์ (วัดน้ำตก) ต.บางมะพร้าว อ.หลังสวน จ.ชุมพร ร่วมแถลงข่าวยืนยันประสิทธิภาพยาสุมนไพรเสริมภูมิของวัดคีรีวงก์ เสริมสร้างสร่างภูมิคุ้มกันได้จริง

โดยชาวมุสลิม จ.ปทุมธานี จำนวน 4 คน ที่เดินทางร่วมกับชาวมุลลิมจังหวัดอื่น ๆ อีก 27 ท่าน รวม 31 คนไปแสวงบุญนครเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย จำนวน 14 วัน หลังกลับมา ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 27 ราย ส่วนชาวปทุมธานี 4 รายที่ทานยาสมุนไพรไม่ติดเชื้อเลย สืบเนื่องจากการเดินทางไปแสวงบุญ ที่นครเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย โดยมีพี่น้องมุสลิมจากทั่วประเทศเช่น กรุงเทพฯ นนทบุรี นครราชสีมา จำนวน 31 คน ในส่วนนี้มีชาวจังหวัดปทุมธานีร่วมด้วยจำนวน 4 คน

เมื่อกลับมาประเทศไทยพบว่าติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 27 คน ส่วนอีก 4 คน ที่ไม่พบว่าติดเชื้อ คือ นายอดุลย์ มะหะหมัด (บอบอเลาะฮ์) ที่ปรึกษานายก อบจ.ปทุมธานี , นายไพฑูรย์ ฮึกหาญ อายุ 58 ปี , นายสุพจน์ สมนึก อายุ 52 ปี และนายกมลชัย ยะลาน อายุ 28 ปี ชาวมุสลิมปทุมธานี เนื่องจากได้ทานยาสมุนไพรเสริมภูมิของวัดคีรีวงก์ จ.ชุมพร

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี กล่าวว่า เนื่องจากจังหวัดปทุมธานีมัสยิดจำนวน 32 มัสยิด และมีพี่น้องอิสลามเยอะจึงแต่งตั้ง นายอดุลย์ มะหะหมัด (บอบอเลาะฮ์) เป็นที่ปรึกษานายก อบจ.ปทุมธานี เมื่อเขาเดินทางไปแสวงบุญที่นครเมะกะ ก็มีกังวลและห่วง ซึ่งที่ผ่านมาได้ใช้ยาสมุนไพรของวัดคีรีวงก์ แจกให้พี่น้องประชาชนชาวปทุมธานีทั้งไทยพุทธและมุสลิมไปเยอะแล้ว เมื่อกินแล้วได้ผลจึงให้นำติดตัวไป 50 ชุด เพื่อพี่น้องมุสลิมชาวปทุมธานีในการเดินทางไปแสวงบุญ ผลที่ได้รับกลับมาไม่มีใครติดเชื้อโควิด แม้แต่รายเดียว 

ในส่วนของ อบจ.ปทุมธานีที่ให้ตรวจ ATK พบว่าติดเชื้อ 100 คน จึงให้ยาสมุนไพรไปกิน ทั้งจำนวน 100 คน ผลที่ออกมาหายทั้ง 100 คน ภายใน 3- 5 วัน แต่ที่ชาวมุสลิมกลุ่มนี้ไปจำนวนกว่า 30 คน กินอยู่หลับนอนด้วยกันทั้งความแออัดต่าง ๆ แต่ 4 คนชาวปทุมธานีที่กินยาสมุนไพรไม่พบว่าติดเชื้อ จึงอยากให้พี่น้องประชาชนเชื่อมั่นสุมนไพรไทยสามารถช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้นกันได้ ทาง อบจ.ปทุมธานีได้ยาสุมนไพรมาจำนวนหลายล้านเม็ดได้แจกให้พี่น้องประชาชนไปทั้งหมด ที่ผ่านมาเทศกาลลอยกระทง เทศกาลปีใหม่พบว่ายอดจำนวนผู้ติดเชื้อภายในจังหวัดปทุมธานีก็ยังคงที่ กำลังหารือกับ คุณกิ่งกาญจน์ อารักษ์พุทธนันท์ ประธานมูลนิธิตามรอยบาทพระศาสดา เพราะว่าโรงเรียนเปิดการเรียนการสอน จะให้ทุกโรงเรียนมียาตัวนี้ติดไว้ที่โรงเรียน เพราะว่าเราไม่สามารถจัดชุดอุปกรณ์การตรวจ ATK ให้ไม่ได้ทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ แต่จะหายาให้ใครพบว่าติดเชื้อให้ยาไปกิน ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงาน อยากให้ทุกโรงเรียนมียาสมุนไพรจำนวน 100-200 ชุดในแต่ละโรงเรียนในจังหวัดปทุมธานี

นายไพฑูรย์ ฮึกหาญ อายุ 58 ปี ชาวมุสลิม จ.ปทุมธานี กล่าวว่า ทางทีมพวกเราไปจำนวน 31 คนตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2564 ออกจากประเทศไทยเวลาตี 2 ไปถึงเมืองมาดีนะห์ก็เริ่มทานยาสมุนไพรที่ บอบอเลาะฮ์แจกให้ทาน อยู่ที่เมืองมาดีนะห์จำนวน 4 วันจากนั้นเดินทางไปทางโดยเครื่องบินอีก ซึ่งภายในเครื่องบินก็แออัดมาก เพื่อที่จะเดินทางไปนครเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย โดยอยูที่นครเมกกะจำนวน 10 วัน เราก็ทานยาสุมนไพรทุกวันเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันไว้จนถึงวันกลับ สภาพแออัดมากมีชาวแอฟริกาจำนวนมากที่อยู่บนเครื่องบินจากนั้นมาเปลี่ยนเครื่องที่ประเทศกาตาร์ เพื่อเดินทางกลับมายังประเทศไทย ก็กักตัวเพื่อตรวจสวอพ 1 คืน มีผลออกมายืนยันว่าไม่พบการติดเชื้อ และมากักตัวที่บ้าน ซึ่งระว่างนั้นผมยังได้ตรวจสวอพ PCR จำนวน 3 ครั้ง และตรวจ ATK ทุกวันไม่พบว่ามีการติดเชื้อ

ทางด้าน พระมหาขวัญชัย อัคคชโย เจ้าอาวาสวัดคีรีวงก์ กล่าวว่า ยาสมุนไพรชุดนี้สามารถกินเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เนื่องจากปัจจุบันยังมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสรวมถึงเชื้อตัวใหม่ที่กลายพันธุ์อยู่ขณะนี้ เมื่อร่างกายเกิดภูมิคุ้มกันดีขึ้น อวัยวะภายในแข็งแรง ไวรัสต่าง ๆ ภายนอกร่างกายก็ไม่สามารถเข้าไปทำร้ายอวัยวะภายในได้ จึงต้องทำให้ภูมิคุ้มกันแข็งแรง เนื่องจากยาสมุนไพรชุดนี้เป็นธรรมชาติและการทำงานครั้งนี้ได้รับความอนุเคราะห์จากคุณกิ่งกาญจน์ อารักษ์พุทธนันท์ ประธานมูลนิธิตามรอยบาทพระศาสดา และ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี ที่ช่วยสนับสนุนในการบริจาคแคปซูลด้วย

 

ผู้นำฝรั่งเศส ขู่จำกัดสิทธิคนไม่ฉีดวัคซีน หลังยอดติดโควิดพุ่ง 3.3 แสนคนใน 1 วัน

ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในฝรั่งเศสพุ่งทุบสถิติกว่า 332,000 คนในรอบ 24 ชั่วโมงเมื่อวันพุธ (5 ม.ค.) ขณะที่ประธานาธิบดี เอมมานูแอล มาครง ถูกฝ่ายตรงข้ามวิจารณ์ยับ หลังหลุดปากพูดว่าจะทำให้คนที่ไม่ยอมฉีดวัคซีนต้อง “ใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก”

ผู้ติดเชื้อรายวันในฝรั่งเศสพุ่งทะลุหลัก 300,000 คนเป็นครั้งแรก หลังจากที่เพิ่งทำสถิติสูงสุด 271,686 คนไปหมาดๆ เมื่อวันอังคาร (4 ม.ค.) ขณะที่ยอดผู้ป่วยแอดมิดเข้าโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นอีก 2,483 คน และมีอยู่ 396 คนที่อาการหนักจนต้องใช้เตียงไอซียู

โอลิวิเยร์ เวราน รัฐมนตรีสาธารณสุขฝรั่งเศส ได้แจ้งต่อรัฐสภาว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ “เท่าที่จำได้” อยู่ที่ราวๆ 335,000 คน แต่หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง หน่วยงานสาธารณสุขฝรั่งเศสได้ออกมาให้ตัวเลขยืนยันที่ 332,252 คน

รัฐบาลฝรั่งเศสมีแผนที่จะปรับใช้มาตรการใหม่ โดยจะมอบ “บัตรผ่านวัคซีน” (vaccine pass) ให้เฉพาะผู้ที่ฉีดวัคซีนครบแล้วเท่านั้น จากปัจจุบันที่อนุญาตให้ประชาชนแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีน ผลตรวจที่เป็นลบ หรือหลักฐานที่ยืนยันว่าเพิ่งหายป่วยจากโควิด-19 ก่อนเข้าใช้บริการในร้านอาหาร คาเฟ่ และพื้นที่สาธารณะอื่นๆ

เวราน เผยด้วยว่า เมื่อวันพุธ (5 ม.ค.) มีชาวฝรั่งเศสเดินทางไปรับ “วัคซีนเข็มแรก” มากถึง 66,000 คน ซึ่งถือเป็นตัวเลขรายวันสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ต.ค.ปีที่แล้ว และเขาเชื่อว่าหากสามารถคงตัวเลขนี้ไว้ได้ “อีก 70-75 วัน” ประชากรฝรั่งเศสก็จะไม่ป่วยหนักจากโควิด-19

สตูล - เจ้าหน้าที่ยังเดินหน้าค้นหาร่างเด็กชาย 9 ขวบ พลัดตกน้ำในคลองลำโลน สูญหาย 4 วันยังไม่พบ!!

วันนี้ 6 มกราคม 2565 เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา นายวรศิษฎ์ เลียงประสิทธิ์ สส.จังหวัดสตูล เขต 2 พร้อมด้วยหน่วยรักษาความปลอดภัยทางทะเลกองทัพเรือเกาะหลีเป๊ะ/สถานีเรือละงู จัดกำลังพลพร้อมเรือยาง ร่วมกับ ชุดปฏิบัติการพิเศษ นก.กมต.ศรชล.ภาค 3 และมูลนิธิกู้ภัยร่มไทรจังหวัดสตูล ร่วมกันทำการค้นหาร่างของ ด.ช.พงศพัศ ขำกิ้ม อายุ 9 ปี ที่ประสบเหตุพลัดลื่นตกน้ำสูญหาย เป็นวันที่ 3 โดยดำเนินการดำน้ำค้นหาบริเวณจุดที่คาดว่าผู้สูญหายอาจจะติดอยู่กับโขดหินหรือรากไม้ที่อยู่ใต้น้ำ และลาดตระเวนทางเรือค้นหาผิวน้ำ บ้านวังใน ต.น้ำผุด อ.ละงู จังหวัดสตูล ระยะทางกว่า 10 กิโลเมตร

ทั้งนี้ เนื่องจากกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวแรง และมีความขุ่น มองเห็นได้เพียงระยะใกล้ ประกอบกับใต้น้ำมีรากไม่และโขดหินจำนวนมาก ทำให้เป็นอุปสรรคต่อทีมงานในการค้นหาอย่างมาก อย่างไรก็ตามทีมค้นหาได้ดำเนินการค้นหาจนถึงเวลาประมาณ 17.30 น. ยังไม่พบผู้สูญหาย จึงได้ยุติการค้นหา และจะดำเนินการค้นหาต่อไปในวันนี้

 

‘เอกชน’ ค้าน ล็อกดาวน์ทั้งประเทศ ชี้ ‘โอมิครอน’ แม้ระบาดเร็ว แต่ก็หายไว

หอการค้าไทย ไม่เห็นด้วย หากต้องล็อกดาวน์ประเทศทั้งหมด ชี้โอมิครอนระบาดเร็ว แต่ก็หายเร็วเช่นกัน เป็นความเสี่ยงที่ต้องอยู่ร่วมกันให้ได้

วันที่ 6 มกราคม 2565 นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากที่กระทรวงสาธารณสุข ประกาศยกระดับการเตือนภัยโควิด-19 จากเดิมระดับ 3 ปรับขึ้นเป็นระดับ 4 โดยจะมีข้อแนะนำและมาตรการเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจมีการปิดสถานที่เสี่ยงที่อาจจะทำให้เกิดการแพร่เชื้อ รวมถึงชะลอการเดินทาง เช่น การไปทำงานก็ให้ทำงานที่บ้าน (Work from Home) การเดินทางข้ามจังหวัด การเคลื่อนย้ายของคน และการจำกัดการรวมกลุ่ม

“หอการค้าไทยอยากให้มีการพิจารณาถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่รอบด้าน เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาว ถึงแม้ปัจจุบันจะทราบกันดีว่าสายพันธุ์โอมิครอนมีการแพร่ระบาดที่รวดเร็ว และมีแนวโน้มผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นหลังเทศกาลปีใหม่ที่เพิ่งผ่านพ้นมา และไทยคงหลีกเลี่ยงการระบาดที่จะขยายวงกว้างมากขึ้นไม่ได้ แต่หากพิจารณาถึงอาการจะพบว่าไม่ได้รุนแรงเท่ากับสายพันธุ์เดลตา ในขณะที่หลายประเทศในยุโรป ที่มีการติดเชื้อและแพร่ระบาดที่รวดเร็ว ก็มีอัตราการหายที่รวดเร็วเช่นกัน“

นายสนั่นกล่าวอีกว่า ประชากรส่วนใหญ่ของไทยต่างได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึง รวมทั้งระบบสาธารณสุขที่ยังคงสามารถรองรับผู้ป่วยได้ จึงคิดว่าการดำเนินมาตรการในช่วงนี้คงต้องเน้นการเพิ่มความระมัดระวัง คุมเข้มสถานประกอบการที่มีประชาชนใช้บริการอย่างหนาแน่น และเร่งการ Boost เข็ม 3-4 ให้กับประชาชน ตามที่รัฐบาลได้เตรียมการไว้แล้วให้มากที่สุด ก็จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้เกิดขึ้น และลดความรุนแรงของการติดเชื้อได้

“หอการค้าไทยไม่เห็นด้วย หากภาครัฐจะยกระดับมาตรการ ด้วยการล็อกดาวน์ทุกกิจกรรมของประเทศ เพราะสถานการณ์ในวันนี้ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศได้รับวัคซีน ต่างจากกลางปีที่แล้วที่การฉีดวัคซีนและปริมาณวัคซีนยังมีน้อยและไม่เพียงพอ ซึ่งนอกจากจะสร้างความเสียหายมหาศาลกับเศรษฐกิจแล้ว ยังจะส่งผลให้ความเชื่อมั่นของประชาชนภายในประเทศลดลง”

“ที่ผ่านมาบรรยากาศของประเทศเพิ่งกลับมาคึกคัก หลายภาคส่วนมีความหวังในการตั้งต้นและเดินหน้าธุรกิจใหม่ในปี 2565 และประชาชนเริ่มสามารถดำเนินชีวิตใกล้เคียงปกติได้มากขึ้น หากกลับไปล็อกดาวน์จะทำให้ประเทศต้องกลับไปนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง อีกทั้งในส่วนภาครัฐเองก็จะต้องหามาตรการเยียวยาฟื้นฟูประเทศใหม่ และจะต้องใช้งบประมาณมหาศาล“

‘ทนายเชาว์’ จี้ บช.น.แจงปมออกใบอนุญาต หลังปล่อยอดีตนักโทษข่มขืนมาเป็น รปภ.

‘ทนายเชาว์’ บี้ บช.น. แจงออกใบอนุญาตให้อดีตนักโทษข่มขืนเป็น รปภ. ส่วนบริษัทต้นสังกัดต้องรับผิดชอบ แนะสังคายนาประวัติ รปภ.ทั่วประเทศ หวั่นเกิดเหตุซ้ำ

นายเชาว์ มีขวด ทนายความอาสา โพสต์เฟซบุ๊ก Chao Meekhuad เรื่องกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ต้องตอบคำถาม ทำไมออกใบอนุญาตให้ “มนตรี” เป็น รปภ. โดยมีเนื้อหาระบุว่า จากกรณีนายมนตรี ใหญ่กระโทก หัวหน้ารปภ.ข่มขืนลูกบ้านคอนโดมิเนียมที่กำลังเป็นข่าวที่สังคมให้ความสนใจอยู่ขณะนี้ หลายคนพูดถึงเรื่องข้อกฎหมายไปแล้วว่าตำรวจมีอำนาจเข้าสถานที่เกิดเหตุได้ รปภ.ที่ขัดขวางจนทำให้เกิดความล่าช้า กระทั่งผู้ก่อเหตุหลบหนีไปได้ มีความผิดฐานขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน รวมถึงระเบียบของนิติบุคคลไม่สามารถอยู่เหนือกฎหมายได้ แต่เรื่องที่ยังไม่พูดถึงกันมากนักคือ การออกใบอนุญาตให้นายมนตรีเป็น รปภ. ทั้งที่เคยติดคุกคดีข่มขืนได้อย่างไร

นายเชาว์ ระบุว่า เรื่องนี้มีคนต้องรับผิดชอบอย่างน้อยสองหน่วยงาน คือ บช.น. ซึ่งตามกฎหมายธุรกิจรักษาความปลอดภัย พ.ศ. 2558 มาตรา 4 กำหนดให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นนายทะเบียนกลาง มีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ โดยยังเป็นผู้ออกใบอนุญาตพนักงานรักษาความปลอดภัยด้วย ซึ่งกรณีของนายมนตรี ได้รับใบอนุญาตวันที่ 28 พ.ย. 62 สิ้นอายุวันที่ 28 พ.ย. 65 มี พล.ต.ต.ธิติ แสงสว่าง รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ปฏิบัติราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นผู้ลงนามในฐานะนายทะเบียน ทำให้เกิดคำถามว่าเหตุใดไม่ตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของนายมนตรี

‘Project Bojinka’ แผนสังหาร! ‘พระสันตะปาปา’ และระเบิดเครื่องบินโดยสาร 11 ลำ

6 มกราคม พ.ศ. 2538 (ค.ศ. 1995) เกิดเหตุเพลิงไหม้ในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งที่มะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ นำไปสู่การค้นพบแผนการก่อการร้ายครั้งใหญ่ที่ใช้ชื่อว่า “Project Bojinka” ซึ่งถือเป็นแผนการที่ทดลองซ้อมการก่อเหตุ ก่อนเหตุวินาศกรรมวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2544

Project Bojinka เป็นแผนสังหารพระสันตะปาปา John Pal ที่ 2 พร้อมกับสร้างความตื่นกลัวให้ธุรกิจการบินทั่วโลกด้วยการระเบิดเครื่องบินโดยสารที่เดินทางระหว่างเอเชียและสหรัฐฯ พร้อมกันถึง 11 ลำ และขั้นตอนสุดท้ายของแผนนี้คือ การส่งเครื่องบินเล็กพร้อมระเบิดเต็มลำถล่มสำนักงานใหญ่ CIA โดยกลุ่ม Al Qaeda ที่ Bin Laden เป็นผู้นำ

พระสันตะปาปา John Pal ที่ 2 ขณะเสด็จเยือนกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ครั้งแรก เมื่อ ค.ศ.1981 ซึ่งขณะนั้นอดีตประธานาธิบดี Ferdinand Marcos ยังอยู่ในอำนาจ

พระสันตะปาปา John Pal ที่ 2 ขณะเสด็จเยือนกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ครั้งที่สอง เมื่อ ค.ศ.1995 อดีตประธานาธิบดี Fidel V. Ramos (ประธานาธิบดีในขณะนั้น) เชิญเสด็จตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ

>> 1.) แผนสังหารพระสันตะปาปา John Pal ที่ 2 ซึ่งผู้ก่อการวางแผนจะสังหารพระสันตะปาปา ขณะเสด็จเยือนกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ในวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2538 (ค.ศ.1995)

>> 2.) ระเบิดเครื่องบินโดยสารที่เดินทางระหว่างเอเชียและสหรัฐฯ พร้อมกัน 11 ลำ เพื่อสร้างความตื่นกลัวและผลกระทบทางลบอย่างรุนแรงแก่ธุรกิจการบินทั่วโลก (ประมาณการว่า หากทำการสำเร็จยอดผู้เสียชีวิตน่าจะอยู่ที่ราว 4,000 คน) ประกอบด้วย

- เที่ยวบินจากกรุงโตเกียวไปสหรัฐฯ จำนวน 4 เที่ยวบิน 
- เที่ยวบินจากกรุงโซลไปสหรัฐฯ จำนวน 1 เที่ยวบิน 
- เที่ยวบินจากกรุงไทเปไปสหรัฐฯ จำนวน 3 เที่ยวบิน 
- เที่ยวบินจากกรุงไทเปไปกรุงเทพฯ และต่อไปสหรัฐฯ จำนวน 1 เที่ยวบิน 
- เที่ยวบินจากกรุงเทพฯ ไปสหรัฐฯ จำนวน 1 เที่ยวบิน
- เที่ยวบินจากสิงคโปร์ไปสหรัฐฯ จำนวน 1 เที่ยวบิน

** สำนักงานใหญ่ CIA Fairfax County มลรัฐ Verginia

>> 3.) ส่งเครื่องบินพร้อมระเบิดเต็มลำถล่มสำนักงานใหญ่ CIA

Project Bojinka เป็นแผนที่ผู้ช่วยคนสำคัญของ บิน ลาเดน คือ รัมซี ยูเซฟ และคาลิก ชีค โมฮัมเหม็ด ร่วมกันคิดและก่อการ แต่ผลของแผนการนี้คือ การทดสอบโดย รัมซี ยูเซฟ เอง ซึ่งทำให้เกิดไฟไหม้ในเที่ยวบิน 434 ของ Philippine Airlines ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บ 10 ราย โดย รัมซี ยูเซฟ เดินทางโดยเที่ยวบินในประเทศจาก มะนิลา ไป เซบู ซ่อนระเบิดในกระเป๋าเครื่องใช้ส่วนตัว แบตเตอรี่ และตัวจุดชนวนในส้นรองเท้า และใช้นาฬิกาข้อมือดิจิทัลซึ่งตั้งเวลาไว้ 4 ชั่วโมง เป็นตัวจุดชนวน ก่อนจะซ่อนไว้ในเสื้อชูชีพใต้ที่นั่งหมายเลข 26K หลังจากเครื่องลงจอดที่สนามบินเซบู และ รัมซี ยูเซฟ ออกจากเครื่องบินแล้ว นักธุรกิจเกี่ยวกับจักรเย็บผ้าอุตสาหกรรมชาวญี่ปุ่น ฮารุกิ อาเมกามิ (Haruki Ikegami) อายุ 24 ปีก็เข้ามานั่งแทนที่ ซึ่งเครื่องบินเกิดความล่าช้าราว 38 นาที แล้วจึงออกบินไปยังกรุงโตเกียว 

การระเบิดทำให้ ฮารุกิ บาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตหลังจากนั้นไม่กี่นาที ผู้โดยสารในที่นั่งใกล้เคียงบาดเจ็บ 10 คน แต่กัปตัน Eduardo "Ed" Reyes นักบินสามารถนำเครื่องลงฉุกเฉินที่สนามบินนาฮา เกาะโอกินาวา ซึ่งอยู่ห่างจากจุดระเบิดไปทางตะวันตกราว 74 กิโลเมตรได้อย่างปลอดภัย

สภาพห้องโดยสารหลังเกิดเหตุระเบิดในเหตุการณ์ดังกล่าว

เครื่องบิน Boeing 747-200 ลำดังกล่าวของ Philippine Airlines

กัปตัน Eduardo "Ed" Reyes นักบินผู้สามารถนำเครื่องลงได้อย่างปลอดภัย

แผนการของยูซุฟคือ ทำระเบิดด้วยการบรรจุ Nitroglycerin ลงในขวดน้ำยาล้าง Contact Len จำนวน 14 ขวด (ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ทุกสายการบินห้ามนำขวดบรรจุน้ำหรือของเหลวขึ้นเครื่องจนทุกวันนี้) ส่วนผสมอื่น ๆ ได้แก่ nitrate, sulfuric acid, และ nitrobenzene, silver azide (silver trinitride), และ acetone เหลว 9-volt batteries 2 ก้อนในระเบิดแต่ละลูกเพื่อเป็นแหล่งพลังงาน ใช้นาฬิกาดิจิทัลเป็นตัวตั้งเวลาจุดระเบิด

สำหรับการลอบสังหารพระสันตะปาปา John Pal ที่ 2 ขณะเสด็จเยือนกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ครั้งที่สอง แผนคือ ให้มือระเบิดฆ่าตัวตายแต่งตัวเป็นพระคาทอลิก เมื่อสบโอกาสอยู่ใกล้พระสันตะปาปาก็กดระเบิดทันที โดยยูซุฟฝึกมือระเบิดไว้ราว 20 คน

ส่วนการส่งเครื่องบินเล็กพร้อมระเบิดเต็มลำถล่มสำนักงานใหญ่ CIA นั้น มีแผนที่จะซื้อหรือจี้เครื่องบินเล็กโดยเฉพาะแบบ Cessna เพื่อบรรทุกระเบิดเต็มลำเพื่อใช้บินโจมตีสำนักงานใหญ่ CIA ด้วยนักบินพลีชีพที่ได้รับการฝึกในมลรัฐ North Carolina 
 

‘คุณสมบัติ’ ประธาน INTERLINK ประเดิมต้นปี!เปิดงานสัมมนา ต้อนรับโลกแห่งยุคดิจิทัล

คุณสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ฯ เปิดงานสัมมนาต้อนรับปี 2022 ในงาน "The Next Innovation of LINK FIBER OPTIC" 

พร้อมนำทีมวิทยากรชั้นนำมาร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เจาะลึกในการเลือกใช้นวัตกรรมโครงข่ายสายสัญญาณเพื่อการเชื่อมต่อเข้าสู่โลกดิจิทัล 

ตรัง - ‘รมว.พิพัฒน์’ มอบบ้านให้แก่ผู้ประสบภัยน้ำป่าไหลหลาก ในพื้นที่อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ดร.นาที รัชกิจประการ ประธานที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกุล) และคณะลงพื้นที่บ้านโคกทราย หมู่ที่ 4 ตำบลโพรงจระเข้ อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง เพื่อเป็นประธานในพิธีมอบบ้านให้แก่ผู้ประสบภัยน้ำป่าไหลหลาก ทั้งยังได้มอบทุนการศึกษาจำนวน 40 ทุน ผ้าห่มจำนวน 250 ชุด และ เครื่องครัว เพื่อเป็นการสร้างขวัญ และกำลังใจให้แก่ชาวบ้านผู้ประสบภัย โดยมีนายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวต้อนรับ

รมว.พิพัฒน์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำป่าไหลหลากจากเทือกเขาบรรทัด เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2564 ช่วงเวลา 02.30 น. ที่ผ่านมานั้น สร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนและทรัพย์สินของประชาชนในตำบลโพรงจระเข้ อำเภอย่านตาขาว จำนวน 254 ครัวเรือน ในพื้นที่หมู่ที่ 1,4,5,6,7 พื้นที่เกษตรได้รับความเสียหายรวม 74 ไร่ โดยเฉพาะหมู่ที่ 4 บ้านโคกทราย มีผู้เสียชีวิต 1 คน ทรัพย์สิน ได้รับความเสียหายจำนวนมาก

ซึ่งที่ผ่านมามีหน่วยงานต่าง ๆ เช่น จังหวัดตรัง กองทัพภาคที่ 4 ส่วนราชการต่างๆ รวมถึงภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่ได้ให้ความช่วยเหลือตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา อาทิ ขนย้ายสิ่งของ ทำความสะอาด ประกอบอาหาร นำเครื่องจักรมาปรับพื้นที่ กิจกรรมจิตอาสา ซ่อมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย โดยมีการก่อสร้างบ้านใหม่ให้ประชาชน จำนวน 5 หลัง และปรับปรุง 7 หลัง โดยก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2564 ใช้ระยะเวลาก่อสร้างจำนวน 20 วัน สร้างความปลื้มปิติแก่ประชาชนเป็นอย่างยิ่ง

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top