‘Project Bojinka’ แผนสังหาร! ‘พระสันตะปาปา’ และระเบิดเครื่องบินโดยสาร 11 ลำ

6 มกราคม พ.ศ. 2538 (ค.ศ. 1995) เกิดเหตุเพลิงไหม้ในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งที่มะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ นำไปสู่การค้นพบแผนการก่อการร้ายครั้งใหญ่ที่ใช้ชื่อว่า “Project Bojinka” ซึ่งถือเป็นแผนการที่ทดลองซ้อมการก่อเหตุ ก่อนเหตุวินาศกรรมวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2544

Project Bojinka เป็นแผนสังหารพระสันตะปาปา John Pal ที่ 2 พร้อมกับสร้างความตื่นกลัวให้ธุรกิจการบินทั่วโลกด้วยการระเบิดเครื่องบินโดยสารที่เดินทางระหว่างเอเชียและสหรัฐฯ พร้อมกันถึง 11 ลำ และขั้นตอนสุดท้ายของแผนนี้คือ การส่งเครื่องบินเล็กพร้อมระเบิดเต็มลำถล่มสำนักงานใหญ่ CIA โดยกลุ่ม Al Qaeda ที่ Bin Laden เป็นผู้นำ

พระสันตะปาปา John Pal ที่ 2 ขณะเสด็จเยือนกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ครั้งแรก เมื่อ ค.ศ.1981 ซึ่งขณะนั้นอดีตประธานาธิบดี Ferdinand Marcos ยังอยู่ในอำนาจ

พระสันตะปาปา John Pal ที่ 2 ขณะเสด็จเยือนกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ครั้งที่สอง เมื่อ ค.ศ.1995 อดีตประธานาธิบดี Fidel V. Ramos (ประธานาธิบดีในขณะนั้น) เชิญเสด็จตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ

>> 1.) แผนสังหารพระสันตะปาปา John Pal ที่ 2 ซึ่งผู้ก่อการวางแผนจะสังหารพระสันตะปาปา ขณะเสด็จเยือนกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ในวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2538 (ค.ศ.1995)

>> 2.) ระเบิดเครื่องบินโดยสารที่เดินทางระหว่างเอเชียและสหรัฐฯ พร้อมกัน 11 ลำ เพื่อสร้างความตื่นกลัวและผลกระทบทางลบอย่างรุนแรงแก่ธุรกิจการบินทั่วโลก (ประมาณการว่า หากทำการสำเร็จยอดผู้เสียชีวิตน่าจะอยู่ที่ราว 4,000 คน) ประกอบด้วย

- เที่ยวบินจากกรุงโตเกียวไปสหรัฐฯ จำนวน 4 เที่ยวบิน 
- เที่ยวบินจากกรุงโซลไปสหรัฐฯ จำนวน 1 เที่ยวบิน 
- เที่ยวบินจากกรุงไทเปไปสหรัฐฯ จำนวน 3 เที่ยวบิน 
- เที่ยวบินจากกรุงไทเปไปกรุงเทพฯ และต่อไปสหรัฐฯ จำนวน 1 เที่ยวบิน 
- เที่ยวบินจากกรุงเทพฯ ไปสหรัฐฯ จำนวน 1 เที่ยวบิน
- เที่ยวบินจากสิงคโปร์ไปสหรัฐฯ จำนวน 1 เที่ยวบิน

** สำนักงานใหญ่ CIA Fairfax County มลรัฐ Verginia

>> 3.) ส่งเครื่องบินพร้อมระเบิดเต็มลำถล่มสำนักงานใหญ่ CIA

Project Bojinka เป็นแผนที่ผู้ช่วยคนสำคัญของ บิน ลาเดน คือ รัมซี ยูเซฟ และคาลิก ชีค โมฮัมเหม็ด ร่วมกันคิดและก่อการ แต่ผลของแผนการนี้คือ การทดสอบโดย รัมซี ยูเซฟ เอง ซึ่งทำให้เกิดไฟไหม้ในเที่ยวบิน 434 ของ Philippine Airlines ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บ 10 ราย โดย รัมซี ยูเซฟ เดินทางโดยเที่ยวบินในประเทศจาก มะนิลา ไป เซบู ซ่อนระเบิดในกระเป๋าเครื่องใช้ส่วนตัว แบตเตอรี่ และตัวจุดชนวนในส้นรองเท้า และใช้นาฬิกาข้อมือดิจิทัลซึ่งตั้งเวลาไว้ 4 ชั่วโมง เป็นตัวจุดชนวน ก่อนจะซ่อนไว้ในเสื้อชูชีพใต้ที่นั่งหมายเลข 26K หลังจากเครื่องลงจอดที่สนามบินเซบู และ รัมซี ยูเซฟ ออกจากเครื่องบินแล้ว นักธุรกิจเกี่ยวกับจักรเย็บผ้าอุตสาหกรรมชาวญี่ปุ่น ฮารุกิ อาเมกามิ (Haruki Ikegami) อายุ 24 ปีก็เข้ามานั่งแทนที่ ซึ่งเครื่องบินเกิดความล่าช้าราว 38 นาที แล้วจึงออกบินไปยังกรุงโตเกียว 

การระเบิดทำให้ ฮารุกิ บาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตหลังจากนั้นไม่กี่นาที ผู้โดยสารในที่นั่งใกล้เคียงบาดเจ็บ 10 คน แต่กัปตัน Eduardo "Ed" Reyes นักบินสามารถนำเครื่องลงฉุกเฉินที่สนามบินนาฮา เกาะโอกินาวา ซึ่งอยู่ห่างจากจุดระเบิดไปทางตะวันตกราว 74 กิโลเมตรได้อย่างปลอดภัย

สภาพห้องโดยสารหลังเกิดเหตุระเบิดในเหตุการณ์ดังกล่าว

เครื่องบิน Boeing 747-200 ลำดังกล่าวของ Philippine Airlines

กัปตัน Eduardo "Ed" Reyes นักบินผู้สามารถนำเครื่องลงได้อย่างปลอดภัย

แผนการของยูซุฟคือ ทำระเบิดด้วยการบรรจุ Nitroglycerin ลงในขวดน้ำยาล้าง Contact Len จำนวน 14 ขวด (ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ทุกสายการบินห้ามนำขวดบรรจุน้ำหรือของเหลวขึ้นเครื่องจนทุกวันนี้) ส่วนผสมอื่น ๆ ได้แก่ nitrate, sulfuric acid, และ nitrobenzene, silver azide (silver trinitride), และ acetone เหลว 9-volt batteries 2 ก้อนในระเบิดแต่ละลูกเพื่อเป็นแหล่งพลังงาน ใช้นาฬิกาดิจิทัลเป็นตัวตั้งเวลาจุดระเบิด

สำหรับการลอบสังหารพระสันตะปาปา John Pal ที่ 2 ขณะเสด็จเยือนกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ครั้งที่สอง แผนคือ ให้มือระเบิดฆ่าตัวตายแต่งตัวเป็นพระคาทอลิก เมื่อสบโอกาสอยู่ใกล้พระสันตะปาปาก็กดระเบิดทันที โดยยูซุฟฝึกมือระเบิดไว้ราว 20 คน

ส่วนการส่งเครื่องบินเล็กพร้อมระเบิดเต็มลำถล่มสำนักงานใหญ่ CIA นั้น มีแผนที่จะซื้อหรือจี้เครื่องบินเล็กโดยเฉพาะแบบ Cessna เพื่อบรรทุกระเบิดเต็มลำเพื่อใช้บินโจมตีสำนักงานใหญ่ CIA ด้วยนักบินพลีชีพที่ได้รับการฝึกในมลรัฐ North Carolina 
 

เครื่องบินเล็กแบบ Cessna

อาคารที่ทำการสรรพากร สหรัฐฯ เมือง Austin มลรัฐ Texas ถูก Andrew Joseph Stack III ใช้เครื่องบินเล็กแบบ Piper PA-28 Cherokee พุ่งชน (ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับเรื่องเล่า) เมื่อ 18 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2010

เครื่องบินเล็กแบบ Piper PA-28 Cherokee

แผนล้มเหลวเพราะเหตุเพลิงไหม้ และความมุ่งมั่นตั้งใจของนายตำรวจหญิง Aida Fariscal

อพาร์ตเมนต์ Doña Josefa

อับดุล การีม มูราด

นายตำรวจหญิง Aida Fariscal ขณะตรวจสอบขวดบรรจุสารประกอบระเบิดในห้อง 603 อพาร์ตเมนต์ Doña Josefa

นายตำรวจหญิง Aida Fariscal ขณะให้สัมภาษณ์ในปี 2002

ยูซุฟและอับดุล การีม มูราด คู่หู ได้เช่าห้องหมายเลข 603 ของอพาร์ตเมนต์ 6 ชั้น ชื่อ Doña Josefa ในกรุงมะนิลา ในวันที่ 6 มกราคม ค.ศ. 1995 ก่อนการเสด็จฟิลิปปินส์ของพระสันตะปาปา ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นในห้องดังกล่าว เริ่มจากห้องข้างเคียงแจ้งให้ผู้ดูแลทราบถึงกลิ่นแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นในห้อง 603 ผู้ดูแลจึงได้แจ้งหน่วยดับเพลิง ก่อนที่ยูซุฟจะหลบหนีไป และทิ้งหลักฐานที่น่าสงสัยหลายอย่างไว้ในห้องดังกล่าว  

Aida Fariscal นายตำรวจหญิงผู้ทำการตรวจสอบสถานที่สงสัยว่า ทั้งสองคนน่าจะมีความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นในกรุงมะนิลา และเที่ยวบิน 434 เธอสามารถควบคุมตัวมูราดได้ โดยมูราดพยายามติดสินบนเธอด้วยเงิน 2,000 เหรียญสหรัฐ แต่เธอปฏิเสธ และเธอต้องร้องขอผู้พิพากษา 11 คน เพื่อให้ได้หมายค้น ซึ่งนำเธอไปสู่การค้นพบหลักฐานอันประกอบด้วยสารประกอบระเบิดต่าง ๆ คือ น้ำมันเชื้อเพลิง อุปกรณ์จุดชนวน สายไฟ นาฬิกาข้อมือดิจิทัล พาสปอร์ตปลอมอีก 12 เล่ม และความเชื่อมโยงไปสู่การวางแผนลอบสังหารพระสันตะปาปา การลอบวางระเบิดในอีกหลายเหตุการณ์ รวมทั้งแผนการวางระเบิดเครื่องบินดังกล่าวอีกด้วย 

เธอได้รับเงินรางวัลจากรัฐบาล 700 เหรียญสหรัฐ พร้อมทั้งทัวร์ท่องเที่ยวไต้หวัน และต่อมาเธอก็ได้รับรางวัล Laminated จาก CIA และรัฐบาลฟิลิปปินส์ได้จัดทีมอารักขาเธอเป็นเวลา 5 ปี ปัจจุบันเธอเกษียณและยังคงอยู่ในฟิลิปปินส์

ผู้ก่อการเหล่านี้สามารถหนีรอดได้หลายครั้งหลายหนในหลายประเทศ แต่ที่สุดก็ถูกจำกุมทุกคน อับดุล การีม มูราด ถูกนายตำรวจหญิง Aida Fariscal ควบคุมตัว และรัฐบาลฟิลิปปินส์ส่งตัวไปสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 12 เมษายน ค.ศ. 1995 และเมื่อวันที่ 5 กันยายน ค.ศ. 1996 ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต ปัจจุบันถูกจำขังที่เรือนจำรัฐบาลกลาง Terre Haute ในมลรัฐ Indiana

รัมซี ยูเซฟ

รัมซี ยูเซฟ (Ramzi Yousef) ยูซุฟเกือบถูกจับในประเทศไทย แต่คลาดกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของไทย เมื่อเดินทางออกจากไทยไปยังปากีสถาน และถูกจับที่ห้องหมายเลข 16 the Su-Casa Guest House กรุงอิสลามาบัด โดยเจ้าหน้าที่ข่าวกรองปากีสถานและเจ้าหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ โดยมีการจ่ายรางวัลนำจับแก่ผู้ชี้เบาะแสสองล้านเหรียญ หลังจากยูซุฟถูกจับวันต่อมามีการวางระเบิดตลาดขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในปากีสถานจนเสียหายหมด

The Su-Casa Guest House กรุงอิสลามาบัด

ปัจจุบันยูซุฟถูกตัดสินจำคุก 240 ปี ในปัจจุบันถูกจำขังที่เรือนจำความมั่นคงสูงรัฐบาลกลางสหรัฐฯ Fremont County มลรัฐ Colorado ฐานลอบวางระเบิดเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ครั้งแรก และตลอดชีวิตในคดีวางระเบิด Philippine Airlines เที่ยวบิน 434

คาลิก ชีค โมฮัมเหม็ด

คาลิก ชีค โมฮัมเหม็ด ถูกจับเมื่อวันที่ 1 มีนาคม ค.ศ. 2003 โดยเจ้าหน้าที่ข่าวกรองปากีสถานและเจ้าหน้าที่ CIA ที่เมืองราวัลปินดี ปากีสถาน ถูกควบคุมตัวอยู่ในคุกลับ CIA ที่โปแลนด์และโรมาเนีย จนปี 2006 จึงถูกย้ายมาที่เรือนจำกวนตานาโม เพื่อดำเนินคดี ปัจจุบันยังคงถูกควบคุมตัวระหว่างดำเนินคดีที่เรือนจำกวนตานาโม


ติดตามผลงานอื่นๆ ของ THE STATES TIMES ได้ที่
YouTube > https://www.youtube.com/c/THESTATESTIMES