Saturday, 24 May 2025
TheStatesTimes

รัฐคลอดมาตรการแก้หมูแพง “บิ๊กตู่” เชื่อราคากลับสู่ปกติ

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงแนวทางการแก้ปัญหาเนื้อหมูราคาสูงมากในปัจจุบัน ว่า ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้หารือร่วมกัน และได้ข้อสรุปออกมาเป็น มาตรการเร่งด่วน ได้แก่ การห้ามส่งออกหมูมีชีวิตเป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 6 ม.ค.65 ถึง วันที่ 5 เม.ย. 65 เพื่อเพิ่มปริมาณเนื้อหมูภายในประเทศ และกระทรวงพาณิชย์จะพิจารณาตามสถานการณ์ว่าควรให้มีการต่ออายุหรือไม่ โดยจะมีการติดตมาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตัวเลขเบื้องต้นในปี 2564 มีการเลี้ยงหมูป้อนเข้าสู่ตลาด ประมาณ 19 ล้านตัว บริโภคในประเทศ 18 ล้านตัว ส่งออกไปต่างประเทศประมาณ 1 ล้านตัว

รวมทั้งช่วยเหลือด้านราคาอาหารสัตว์ โดยเฉพาะส่วนที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ เช่น การงดเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมหรือภาษี การจัดสินเชื่อพิเศษของ ธ.ก.ส. เพื่อให้เกษตรกรที่สามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขได้กลับมาเลี้ยงใหม่ในพื้นที่ความเสี่ยงต่อโรคระบาดต่ำ การตรึงราคาจำหน่ายที่เหมาะสมและสอดคล้องกับต้นทุนที่เกิดขึ้น พร้อมกันนี้ยังเร่งสำรวจภาพรวมสถานการณ์การผลิตสุกร เพื่อกำหนดพื้นที่เป้าหมายและมาตรการที่เหมาะสม พร้อมเพิ่มกำลังการผลิตแม่สุกรทดแทน โดยให้เกษตรกรใช้สุกรขุนตัวเมียมาใช้ทำพันธุ์ชั่วคราว เร่งรัดเจรจาฟาร์มรายใหญ่ในการกระจายพันธุ์และลูกสุกรขุนให้กับรายย่อยและเล็กที่ต้องการกลับเข้ามาสู่ระบบใหม่ กำหนดโซนเลี้ยงและออกมาตรการบังคับใช้อย่างเหมาะสมเพื่อควบคุมโรค และเร่งรัดการวิจัยพัฒนาวัคซีนป้องกันโรค 

ขณะที่มาตรการระยะสั้น ได้แก่ การส่งเสริมการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพื่อทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ การขยายกำลังผลิตแม่สุกร สนับสนุนศูนย์วิจัยและบำรุงสัตว์ ในสังกัดกรมปศุสัตว์และเครือข่ายคู่ขนานกับฟาร์มเกษตรกรและภาคเอกชน เร่งเดินหน้าการศึกษาวิจัยยาและสารกระตุ้นภูมิคุ้มกันเพื่อลดความสูญเสียจากโรคระบาด ด้านมาตรการระยะยาว กระทรวงเกษตรฯจะผลักดันการยกระดับมาตรฐานฟาร์มของเกษตรกรเพื่อป้องกันโรคระบาด ส่งเสริมให้ปรับปรุงเป็นฟาร์มที่มีระบบการป้องกันโรคและการเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสม 

Tesla โดนติง!! เหมือนหนุนการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ หลังเปิดโชว์รูมรถยนต์แห่งใหม่ในซินเจียงอุยกูร์

วอชิงตัน/อุรุมชี (รอยเตอร์ส/บีบีซี นิวส์) - เทสลา อิงค์ บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชื่อดังของสหรัฐฯ ถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในประเทศ หลังเปิดโชว์รูมรถยนต์แห่งใหม่ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ของจีน ที่ถูกกล่าวหาว่าละเมิดสิทธิมนุษยชนและบังคับใช้แรงงานชนกลุ่มน้อยมุสลิมซินเจียงในภูมิภาคดังกล่าว

สื่อต่างประเทศหลายสำนักรายงานว่า เทสลา อิงค์ ซึ่งมี อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีชื่อดังชาวอเมริกันเป็นเจ้าของ ได้เปิดตัวโชว์รูมรถยนต์แห่งใหม่ที่นครอุรุมชีของเขตซินเจียงเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม การตัดสินใจดังกล่าวทำให้เทสลาตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเดือดในสื่อโซเชียลมีเดียของชาติตะวันตกที่มองว่าเทสลาอ้าแขนรับจีน ในขณะที่ชาติตะวันตกกล่าวหาว่าจีนบังคับใช้แรงงานทาสและใช้แนวทางที่เข้าข่ายฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในภูมิภาคดังกล่าว

มาร์โก รูบิโอ สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐจากพรรครีพับลิกันซึ่งเป็นผู้สนับสนุนกฎหมายเมื่อเดือนธันวาคมที่กำหนดให้บริษัทในสหรัฐฯ ต้องพิสูจน์ว่าสินค้าที่นำเข้าจากเขตซินเจียงไม่ได้ผลิตขึ้นจากการบังคับใช้แรงงานโดยผิดกฎหมาย ทวีตข้อความผ่านบัญชีทวิตเตอร์ว่า บริษัทไร้สัญชาติกำลังช่วยพรรคคอมมิวนิสต์จีนปกปิดปัญหาการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และการใช้แรงงานทาสในเขตซินเจียง 

10 มกราคม ค.ศ. 1946 การประชุมสมัชชาใหญ่ครั้งแรก ณ กรุงลอนดอน ของ ‘สหประชาชาติ’

สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (United Nations General Assembly) เป็นองค์กรที่มีอำนาจมากที่สุดและเป็นหนึ่งในเสาหลักของสหประชาชาติ เป็นเพียงองค์กรเดียวของสหประชาชาติที่ตัวแทนของแต่ละประเทศสมาชิกมีสิทธิและฐานะเท่าเทียมกัน สมัชชาใหญ่มีหน้าที่ตรวจสอบงบประมาณและการใช้จ่ายในโครงการของสหประชาชาติ แต่งตั้งสมาชิกไม่ถาวรในคณะมนตรีความมั่นคง รับรายงานจากทั่วทุกมุมโลกเพื่ออภิปรายและให้ความเห็น ตลอดจนจัดตั้งองค์กรลูกต่าง ๆ มากมายของสหประชาชาติ

การประชุมสมัชชาใหญ่ครั้งแรกมีขึ้นในวันที่ 10 มกราคม ค.ศ. 1946 ที่ศาลากลางนครเวสต์มินสเตอร์ในกรุงลอนดอน โดยในขณะนั้นมีสมาชิกเข้าร่วมทั้งสิ้น 51 ประเทศ โดยสมัชชาใหญ่จะมีวาระการประชุมตามที่ประธานที่ประชุมหรือเลขาธิการสหประชาชาติได้เรียกประชุมตามขั้นตอนปีละหนึ่งครั้ง ซึ่งโดยมากจะเริ่มเปิดวาระการประชุมตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นไป ซึ่งจะหารือกันในหัวข้อหลักต่างๆ ไปจนถึงราวเดือนธันวาคม และหารือกันในหัวข้อย่อยตั้งแต่เดือนมกราคมไปจนกระทั่งสิ้นสุดทุกประเด็นตามที่ได้แถลงไว้

นอกจากนี้ อาจมีเปิดวาระการประชุมในกรณีพิเศษหรือกรณีฉุกเฉิน ซึ่งการประชุม, กลไก, อำนาจหน้าที่ และการลงคะแนนของสมัชชาใหญ่นั้น เป็นไปตามมาตรา 5 แห่งกฎบัตรสหประชาชาติ โดยการลงคะแนนของสมัชชาใหญ่เพื่อออกเป็นมติสมัชชาใหญ่ในหัวข้อสำคัญ ข้อแนะนำด้านสันติภาพและความมั่นคง ข้องบประมาณ การเข้าร่วมสหประชาชาติ การระงับหรือเพิกถอนสมาชิกภาพ จะต้องได้รับคะแนนเสียงในที่ประชุมไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดในที่ประชุม
 

58 ปี จุดเริ่มต้นการเตือนภัย ‘อันตรายของบุหรี่’ ส่งผลให้เกิดการต่อต้านการสูบบุหรี่ทั่วโลก

11 มกราคม ค.ศ. 1964 รายงานจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขสหรัฐฯ แถลงรายงานเตือนเรื่องบุหรี่มีผลกระทบต่อสุขภาพเป็นการเตือนภัยจากบุหรี่อย่างเป็นทางการต่อสาธารณชน

รายงานนี้มาจากชุดทำงานที่ควบคุมดูแลโดยนายแพทย์ ลูเธอร์ เทอร์รี (Luther Leonidas Terry) แห่งกระทรวงสาธารณสุขสหรัฐอเมริกา รายงานนี้เตือนพิษภัยจากการสูบบุหรี่ที่มีผลต่อสุขภาพว่า ผลจากการสูบบุหรี่เชื่อมโยงกับสาเหตุของโรคมะเร็งปอด ถุงลมโป่งพองและโรคร้ายอื่นๆ

การออกแถลงการณ์ดังกล่าวเป็นจุดเริ่มต้นอันนำไปสู่ความพยายามต่อต้านการสูบบุหรี่ภายในสหรัฐอเมริกา ซึ่งส่งผลให้เกิดการรณรงค์งดสูบบุหรี่ทั่วโลกในปัจจุบัน

 'บิ๊กตู่' เรียกประชุม บอร์ดพลังงาน นัดแรกของปี ย้ำทุกฝ่าย เตรียมความพร้อมด้านพลังงานของประเทศให้เพียงพอ

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ครั้งที่ 1/2565 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยมี นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุม โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวในที่ประชุม เน้นให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันหาแนวทางเตรียมความพร้อมด้านพลังงานของประเทศไทยให้เพียงพอ เพื่อไม่ให้ประเทศไทยขาดแคลนพลังงานไฟฟ้า ซึ่งส่งผลให้ราคาไฟฟ้าแพง และทำให้เกิดไฟฟ้าตก ไฟฟ้าดับในบางพื้นที่ ซึ่งจะทำให้เกิดความเสียหายได้ โดยเฉพาะการสนับสนุนส่งเสริมนำพลังงานหมุนเวียนต่าง ๆ มาใช้ ทั้งพลังงานจากแสงอาทิตย์ ลม น้ำ และพลังงานชีวมวลหรือพลังงานสะอาด เป็นต้น และคำนึงถึงประชาชนในพื้นที่ได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง

นายธนกร กล่าวว่า ความร่วมมือร่วมใจของทุกฝ่าย จะนำไปสู่การป้องกันไม่ให้ประเทศเกิดวิกฤตด้านพลังงาน โดยในปี 2565 ต้องดำเนินการให้มีความก้าวหน้าชัดเจน เกิดผลเป็นรูปธรรมให้มากขึ้น และขยายการดำเนินการให้เกิดผลสำเร็จต่อเนื่องในปีต่อๆ ไป เพื่อร่วมกันพลิกโฉมประเทศไทยทุกมิติ ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้โดยเฉพาะการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ พร้อมแนะให้พิจารณาแยกกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าให้ชัดเจน ทั้งกลุ่มโรงงาน เครื่องจักร เกษตรกร สาธารณูปโภคพื้นฐาน กลุ่มที่ใช้เทคโนโลยีที่ใช้พลังงานมาก ฯลฯ เพื่อกำหนดอัตราค่าไฟฟ้าให้เป็นไปอย่างเหมาะสม เป็นธรรมกับทุกกลุ่ม และประชาชนแต่ละกลุ่มได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง รวมทั้งสามารถเข้าถึงการช่วยเหลือจากภาครัฐตามมาตรการต่าง ๆ ที่สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

นายธนกร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีขอให้มีการสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องการขับเคลื่อนพลังงานของประเทศให้ประชาชนรับทราบ เพื่อร่วมมือกันขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายที่กำหนดและเตรียมความพร้อมในทุกมิติ ย้ำให้ดำเนินการแผนการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านสมาร์ทกริดของประเทศไทย ระยะปานกลาง พ.ศ. 2565 – 2574 รวมถึงโครงการอื่น ๆ ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนปฏิรูปประเทศและแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 พร้อมกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดูแลเรื่องการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่มีการใช้พลังงานไฟฟ้าจำนวนมาก อันจะส่งผลให้เกิดไฟฟ้าดับหรือไฟฟ้าตกได้ จึงต้องดูแลไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการใช้ไฟฟ้าในภาพรวมของประชาชนและประเทศ รวมไปถึง การแสวงหาความร่วมมือด้านพลังงานกับต่างประเทศ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายใต้การกำหนดเงื่อนไขหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน และถูกต้องตามกฎหมายที่มีอยู่ เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

นายธนกร กล่าวว่า สำหรับมติที่ประชุม กพช. ในประเด็นสำคัญ ได้แก่ 1. เห็นชอบการจัดสรรผลประโยชน์บัญชี Take or Pay แหล่งก๊าซธรรมชาติเมียนมา โดยให้นําเงินผลประโยชน์ของบัญชี Take or Pay ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 จํานวน 13,594 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นในระหว่างการดำเนินการคืนภาครัฐทั้งหมดไปช่วยอุดหนุนค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (Ft) โดยนําส่งเงินและลดราคาค่าก๊าซธรรมชาติให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อลดค่าไฟฟ้าให้กับประชาชนในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส โคโรนา 2019 (COVID – 19) โดยมอบหมายให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ทำหน้าที่กำกับดูแลการดำเนินการดังกล่าว 

2. เห็นชอบหลักเกณฑ์ราคานำเข้า LNG (LNG Benchmark) สำหรับกลุ่มที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (Regulated Market) สำหรับสัญญาระยะยาวและ/หรือสัญญาระยะกลาง ได้เป็น 3 รูปแบบ ดังนี้ 1) สมการในรูปแบบเส้นตรงที่อ้างอิงราคาน้ำมัน (Oil linked linear formula) 2) สมการในรูปแบบเส้นตรงที่อ้างอิงราคาก๊าซธรรมชาติ (Gas linked linear formula) และ 3) สมการในรูปแบบ Hybrid ซึ่งอ้างอิงทั้งราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และมีจุดหักมุม (Hybrid oil gas linked formula with a kink point) โดยจะนำเสนอ กพช. เพื่อพิจารณาต่อไป และมอบหมายให้ กกพ. เป็นผู้กำกับดูแลและพิจารณาในรายละเอียดของหลักเกณฑ์ราคา LNG Benchmark สำหรับกลุ่ม Regulated Market ต่อไป

 

“ผบ.ทร.” เชิญน้องๆ หนูๆ เข้าชมและร่วมกิจกรรมสนุกๆ รับรางวัลต่างๆ ในการจัดกิจกรรมงานวันเด็ก ของกองทัพเรือ แบบออนไลน์

พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ขอเชิญน้องๆ หนูๆ เข้าชมและร่วมกิจกรรมสนุกๆ กับพี่ๆ ทหารเรือลุ้นรับรางวัลต่างๆ ในการจัดกิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2565 ของกองทัพเรือ แบบออนไลน์

ตามที่รัฐบาลกำหนดให้หน่วยงานต่างๆ จัดกิจกรรมฉลองวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2565 ในรูปแบบ Online เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวร้สโคโรนา 2019 ดังนั้น กองทัพเรือจึงขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการมอบความสุขให้แก่น้องๆ หนู เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ จึงกำหนดจัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ ในรูปแบบ Online ในวันเสาร์ที่ 8 ม.ค. โดยถ่ายทอดสดผ่านFackbook และYoutube กองทัพเรือ Royal Thai Navy ตั้งแต่เวลา ๐๘๐๐-๑๓๐๐ ภายใต้ชื่องานว่า  “รวมใจภักดิ์ รักษ์ชาติ ราษฎร์ศัทธา” 

การจัดงานวันเด็กในครั้งนี้ กองทัพเรือโดย ผู้บัญชากาทหารเรือ ได้มอบให้โรงเรียนนายเรือเป็นหน่วยดำเนินการจัดกิจกรรมในนามของกองทัพเรือ โดยมีพล.ร.ท.ชาติชาย ทองสะอาด ผู้บัญชาการโรงเรียนนายเรือ เป็นประธานในการอำนวยการจัดกิจกรรมฯ ซึ่งการจัดงานวันเด็กแห่งชาตินั้นมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักถึงความสำคัญของเด็ก สนใจในการเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนเด็ก และช่วยเหลือสงเคราะห์เด็กเป็นพิเศษ เพื่อให้เด็กและเยาวชนยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข อันจะทำให้เด็กรู้จักหน้าที่ของตน และอยู่ในระเบียบวินัยอันดี และเพื่อเผยแพร่ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิของเด็ก เพราะกองทัพเรือได้ตระหนักถึงความสำคัญของเด็กและเยาวชนว่าเขาเหล่านั้นจะเติบโตขึ้นเป็นกำลังสำคัญของสังคม และจะเป็นผู้รับผิดชอบในการพัฒนาชาติบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้า สืบทอดความเป็นชาติต่อไปในอนาคต

นอกจากการจัดกิจกรรมวันเด็กในรูปแบบ Online แล้ว กองทัพเรือได้มอบให้หน่วยต่างๆ ของกองทัพเรือจัดของขวัญ อุปกรณ์การศึกษา อาหาร ขนมและของใช้ มอบให้กับเด็กๆ ตามโรงเรียนต่างๆ ที่อยู่ในพื้นที่ความรับผิดชอบของกองทัพเรือทั่วประเทศ โดยเฉพาะโรงเรียนตามถิ่นทุรกันดาร และเด็กด้อยโอกาส โดยเฉพาะตามพื้นที่ตามแนวชายแดน ตามเกาะแก่งต่างๆ โดยให้เรือรบที่ลาดตระเวนทางทะเลนำของไปมอบเด็กๆ ตามเกาะต่างๆ เพื่อเป็นการแบ่งปันความสุขให้น้องๆ ในเนื่องวันเด็กแห่งชาติอย่างทั่วถึง ซึ่งทางโรงเรียนนายเรือเองก็ได้จัดกิจกรรมมอบของขวัญแด่น้องๆ ตามโรงเรียน สถานสงเคราะห์เด็กกำพร้า และเด็กพิการ จำนวน ๑๐ โรงเรียน ทั้งนี้กองทัพเรือจะรวบรวมภาพกิจกรรมการมอบของขวัญให้กับโรงเรียนต่างๆ ที่หน่วยงานของกองทัพเรือได้ดำเนินการ นำมาออกอากาศวันถ่ายทอดสดกิจกรรมงานวันเด็กของกองทัพเรืออีกด้วย

สำหรับรูปแบบการจัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ แบบ Online นั้น กองทัพเรือได้จัดกิจกรรมดีๆ การแสดงดนตรีจากวงดุริยางค์ราชนาวี พร้อมการแสดงสนุกสนานจากพี่ๆ ทหารเรือ รวมทั้งมีเกมส์สนุกๆ ให้ร่วมเล่น พร้อมลุ้นรับรางวัลพิเศษจากผู้บัญชาการทหารเรือ นายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือ ของขวัญสุดพิเศษจากนักฟุตบอลทีมชาติไทยที่ได้คว้าแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020  เมื่อวันที่ ๑ มกราคมที่ผ่านมาถือเป็นของขวัญวันปีใหม่ให้กับประชาชนชาวไทยทุกคน ซึ่งต้องขอบคุณทางนักฟุตบอล และสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่สนับสนุนรางวัลพิเศษนี้

อินเดีย อินดี้! ยี้แผ่นดินเกิด เกิดภาวะสมองไหล แห่หนี ‘ขุดทอง’ ต่างประเทศ

ทำไมอินเดียจึงกลายเป็นชาติที่พลเมืองสมองไหลมากที่สุดในโลก?

เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน 2021 ที่ผ่านมาหลังจากที่ แจ็ค ดอร์ซีย์ ผู้ก่อตั้ง Twitter ประกาศลาออกจากตำแหน่ง CEO และได้มีการแต่งตั้ง ปราค อัครวาล วิศวกรไอที เชื้อสายอินเดียแท้ๆ ขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของ Twitter แทน สร้างความฮือฮาให้ความชาวอินเดียทั่วประเทศเป็นอย่างมาก ที่ต่างก็ภูมิใจที่ได้เห็นคนที่เกิด เติบโต และเรียนจบจากสถาบันในอินเดีย สามารถก้าวขึ้นไปถึงตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของ Twitter สื่อโซเชียลแถวหน้าที่สร้างกระแสอิทธิพลในโลกได้ 

และไม่ใช่แค่เฉพาะ ปราค อัครวาล คนเดียวที่ทำได้ ยังมีชาวอินเดียอีกหลายคนที่ประสบความสำเร็จเป็นที่ยอมรับในต่างประเทศ อาทิ สัตยา นาเดลลา CEO ของบริษัท Microsoft, อาร์วิน คริชนา ที่เคยก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของ IBM หรือ อาเจย์ บันกา รับตำแหน่ง CEO ให้กับ Mastercard 

นอกเหนือจากแวดวงธุรกิจ ไอที ยังมีชาวอินเดียจำนวนไม่น้อยที่ได้รับบทบาทสำคัญทางการเมืองในประเทศมหาอำนาจ ยกตัวอย่างเช่น ฮาร์จิต ซิงค์ ซัจจาน นักการเมืองอินเดีย-ซิกข์ จากแคว้นปัญจาบ สามารถก้าวขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีกลาโหมของแคนาดา หรือแม้แต่ กมลา แฮริส รองประธานาธิบดีสหรัฐคนปัจจุบัน ลูกครึ่งจาไมก้า-อินเดีย ที่มีคุณแม่เป็นชาวอินเดียแท้ๆ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมชีวการแพทย์ และทำงานวิจัยเกี่ยวกับโรคมะเร็งเต้านม ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในสหรัฐอเมริกา 

ถึงแม้สิ่งเหล่านี้จะเป็นเครื่องพิสูจน์อย่างชัดเจนถึงศักยภาพของชาวอินเดีย ที่เป็นที่ยอมรับจากคนทั่วโลก แต่ก็สะท้อนปัญหาอีกด้านหนึ่งที่รัฐบาลอินเดียจะมองข้ามไปไม่ได้ก็คือปัญหา "สมองไหล" 

หากพิจารณาว่ามีพลเมืองชาติใดบ้างที่นิยมโยกย้ายถิ่นฐานไปตั้งรกราก ทำงานในต่างประเทศ หลายคนอาจนึกถึงจีน หรือ ฟิลิปปินส์ เป็นประเทศแรกๆ แต่ในความเป็นจริงแล้ว อินเดียคือประเทศที่มีพลเมืองย้ายถิ่นฐานไปต่างประเทศมากที่สุดในโลก

จากข้อมูลของ UN World Migration Report พบว่า เฉพาะในปี 2020 ปีเดียว มีชาวอินเดียย้ายถิ่นฐานไปต่างประเทศมากกว่า 17.3 ล้านคน และในจำนวนนี้ มีคนระดับอภิมหาเศรษฐี ที่มีอยู่เพียง 2% ของประชากรอินเดีย ตัดสินใจโยกทุน ย้ายถิ่นไปประเทศอื่นมากถึง 5,000 คนในปีเดียวกัน 

และบางครั้งก็ไม่ได้แค่ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ อาศัยทำงานในต่างแดนเท่านั้น บางคนถึงกับสละสัญชาติอินเดียไปเลยก็มีไม่น้อย ทางรัฐบาลอินเดียได้เปิดเผยว่า ในช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมามีชาวอินเดียมากถึง 6 แสนคน ทิ้งสัญชาติไปเป็นชาวต่างชาติโดยสมบูรณ์ เท่ากับว่า อินเดียก็จะสูญเสียทรัพยากรบุคคลเหล่านี้ไปอย่างถาวร

จึงเกิดคำถามขึ้นว่า ทำไมอินเดียจึงเกิดปัญหา “สมองไหล” อย่างมากมาย นับเป็นการสูญเสียทรัพยากรบุคคลอันมีค่าของอินเดียให้กับชาติอื่น แทนที่พวกเขาจะอยู่ทำงาน ที่จะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาอินเดียในอนาคต

ซึ่งปัญหานี้เกิดจากหลายสาเหตุ และเหตุผลหลักอันดับแรก หนีไม่พ้นค่าจ้างแรงงานในตลาดต่างประเทศที่สูงกว่าอยู่ทำงานในอินเดียมาก โดยเฉพาะกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมศาสตร์ และ ไอที เทคโนโลยี เป็นสาขาอาชีพที่เป็นที่ต้องการอย่างมากทั่วโลก ที่ชาติชั้นนำในยุโรปต่างยินดีที่จะเสนอเงื่อนไขการย้ายถิ่นฐานให้กับผู้เชี่ยวชาญในสาขาเหล่านี้ 

แต่นอกจากเรื่องค่าแรงที่เย้ายวนแล้ว ก็ยังมีเหตุผลด้านความล้ำหน้าด้านศาสตร์เทคโนโลยีขั้นสูงของชาติมหาอำนาจตะวันตก ที่ทำให้นักศึกษาอินเดียจำนวนไม่น้อยเลือกที่จะเดินทางไปต่อยอดความรู้เพิ่มเติม ซึ่งกลายเป็นช่องทางที่สถาบันชาติตะวันตกใช้ดึงนักศึกษาระดับหัวกะทิจากอินเดีย ผ่านโครงการทุนการศึกษาและสวัสดิการ มารองรับนักศึกษาที่มีผลการเรียนไปเลิศไปศึกษาต่อ และมักจะได้สิทธิ์อยู่ต่อ ทำงาน และย้ายถิ่นฐานต่อได้อย่างเป็นระบบ 

ส่วนนักธุรกิจชั้นนำในอินเดียก็มองว่า การย้ายถิ่นฐานเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยขยายฐานธุรกิจของตนให้ก้าวขึ้นไปสู่ระดับสากล เป็นการต่อยอดจากตลาดในอินเดียได้เป็นอย่างดี 

นายกฯ สั่งพลังงานคุมราคาไม่ให้กระทบค่าครองชีพ

นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้สั่งการให้กระทรวงพลังงานดูแลบริการจัดการพลังงานไม่ให้ขาดแคลน และดูแลราคาพลังงาน ที่ได้รับผลกระทบจากราคาตลาดโลกผันผวน ให้กระทบค่าครองชีพประชาชนให้ต่ำที่สุด ซึ่งเกิดจากทั้งราคาน้ำมันตลาดโลกที่ขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 80 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยในส่วนการดูแลราคาน้ำมันดีเซลยังยืนยันว่าจะดูแลไม่เกินลิตรละ 30 บาท 

ส่วนราคาก๊าซหุงต้ม หรือแอลพีจี ในเดือน ก.พ.นี้จะต้องทยอยขยับราคาแน่นอน จากที่ตรึงราคาสู้ภัยโควิดมาแล้วเป็นเวลาเกือบ 2 ปี ที่ราคา 318 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม ขณะที่ราคาก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ตลาดโลกก็พุ่งขึ้นอยู่ในระดับ  20-50 เหรียญต่อล้านบีทียู ซึ่งกระทบค่าไฟฟ้าในปี 65 ที่จะขยับขึ้นแน่นอน 

พร้อมกันนี้ กพช. ยังเห็นชอบแนวทางการบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ ปี 2565 เช่น การจัดหาก๊าซธรรมชาติเพิ่มเติมเต็มความสามารถของแหล่ง รวมถึงจัดทำสัญญาซื้อขายก๊าซเพิ่มเติมจากแหล่งก๊าซธรรมชาติที่มีศักยภาพ ทั้งแหล่งก๊าซในอ่าวไทย และในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย, การเลื่อนแผนการปลดโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เครื่องที่ 8 กำลังผลิต 300 เมกะวัตต์ ออกไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 จากเดิมกำหนดปลดออกจากระบบสิ้นปี 2564

"ตำรวจ PCT” แถลงผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 จับกุม ผู้ต้องหากว่า 3,000 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 300 ล้านบาท!!

วันนี้ (6 ม.ค. 65) เวลา 10.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร.​ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) หรือ PCT, พล.ต.ท.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.สุคุณ พรหมายน ผบช.ทท.,พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช.น.,พล.ต.ต.สันติ ชัยนิรามัย รอง ผบช.ก. และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม. ร่วมแถลงผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทั่วประเทศ ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ฯ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ทุกหน่วยเร่งระดมกวาดล้างอาชญากรรมทั่วไปและอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ตั้งแต่ 25 ธ.ค.64  - 3 ม.ค.65 เพราะเป็นช่วงที่พี่น้องประชาชนเดินทางกลับบ้าน และมีการสังสรรค์ เกรงจะมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น ซึ่งจากผลการระดมกวาดล้าง สามารถจับกุมการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้ทั้งสิ้น จำนวน 3,634 ราย โดยแบ่งเป็น 5 ประเภท ได้แก่ การหลอกลวงทางออนไลน์ 238 คดี, การหลอกลวงจำหน่ายสินค้าออนไลน์และสินค้าผิดกฎหมาย 335 คดี, การเผยแพร่ข่าวปลอมและคดีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ 878 คดี, การล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กหรือสตรีทางอินเทอร์เน็ตและค้ามนุษย์ 194 คดี และ การพนันออนไลน์ อาชญากรรมข้ามชาติ และอื่น ๆ อีก 1,989 คดี รวม มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 356 ล้านบาท โดยพบเป็นเงินทุนหมุนเวียนที่เกี่ยวกับการพนันออนไลน์ถึง 335 ล้านบาท

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ฯ กล่าวอีกว่า ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม. หัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 1 พร้อมกำลัง สืบสวนปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์  รวมถึงการลักลอบจำหน่ายสิ่งของผิดกฎหมายต่างๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น ยาเสพติด อาวุธปืน ซึ่งจากการสืบสวนพบว่าร้านค้าออนไลน์หลายรายได้จำหน่ายสิ่งเทียมอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน ส่วนประกอบอาวุธปืน ออกไปแล้วจำนวนมาก

หลังจากได้เป้าหมายแล้ว ได้ประสานไปยังตำรวจภูธร ภาค 1-9 ตำรวจนครบาล ตรวจคนเข้าเมือง และตำรวจท่องเที่ยว ร่วมปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย โดยเน้นไปยังกลุ่มที่สั่งซื้อสิ่งเทียมอาวุธปืน(บีบีกัน) ส่วนประกอบอาวุธปืน เช่น ลำกล้อง ชุดอุปกรณ์ลั่นไก เพื่อนำไปดัดแปลงให้สามารถยิงกระสุนจริงออกมาได้ และกลุ่มที่สั่งซื้อเครื่องกระสุนปืนเพื่อนำไปใช้กับอาวุธปืนผิดกฎหมายได้ใช้การประกาศโฆษณาขายสินค้าโดยทำการอำพรางชื่อเพื่อป้องกันการถูกตรวจสอบ

โดยในวันที่ 3 ม.ค.65 ได้ทำการปิดล้อมตรวจค้น จำนวน 60 เป้าหมาย สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ จำนวน 31 ราย พร้อมของกลาง 5 รายการ ดังนี้

1. อาวุธปืนสงคราม จำนวน 1 กระบอก

2. อาวุธปืน จำนวน 49 กระบอก

3. เครื่องกระสุนปืน จำนวน 1,566 นัด

4. ยาบ้า จำนวน 203 เม็ด

5. ยาไอซ์ จำนวน 2.85 กรัม

6. กัญชาอัดแท่ง จำนวน 15 กรัม

ซึ่งการปิดล้อมตรวจค้นในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 19 พ.ย.64 ชุดปฏิบัติเดียวกันนี้ ได้เข้าปิดล้อมตรวจค้นไปแล้ว จำนวน 40 เป้าหมาย สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 24 ราย พร้อมของกลาง 6 รายการ คือ

1. อาวุธปืน จำนวน 23 กระบอก

2. เครื่องกระสุนปืน จำนวน 1,005 นัด

3. วัตถุระเบิดปิงปอง จำนวน 1 ลูก

4. ยาบ้า จำนวน 9,902 เม็ด

5. ยาไอซ์ จำนวน 0.94 กรัม

6. กัญชาอัดแท่ง จำนวน 6.34 กรัม

ภาพรวมขณะนี้ได้ทำการตรวจค้นเป้าหมายลักลอบขายอาวุธปืนทางออนไลน์ไปแล้ว 100 เป้าหมาย จับกุมผู้ต้องหาทั้งสิ้น 55 ราย ตรวจยึดของกลางเป็น อาวุธปืนสงคราม 1 กระบอก , อาวุธปืน 72 กระบอก ,วัตถุระเบิดปิงปอง  จำนวน 1 ลูก , เครื่องกระสุนปืน จำนวน 2,571 นัด และยาบ้าอีกจำนวน 10,105 เม็ด ยาไอซ์ 3.79 กรัม, กัญชาอัดแท่ง จำนวน 21.34 กรัม โดยหลังจากนี้ จะได้ขยายผลไปยังร้านค้าที่ลักลอบขายปืนบนแพลตฟอร์มออนไลน์ต่อไป

ผบ.ตร.ห่วงใย!! สั่งการกำลังพลตรวจ ATK ก่อนกลับมาปฏิบัติหน้าที่ เข้มมาตรการป้องกันโควิด-19 แบ่งกำลัง Work From Home ลดเสี่ยง!!

6 ธ.ค.65 พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่า สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เริ่มกลับมาแพร่ระบาด โดยเฉพาะสายพันธุ์ใหม่ โอมิครอน ทำให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นและเนื่องจากช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 ที่มีวันหยุดต่อเนื่องหลายวัน ซึ่งพี่น้องประชาชน อาจมีการไปท่องเที่ยว หรือกลับภูมิลำเนา รวมถึงข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวก ป้องกันอาชญากรรม ช่วงเทศกาลปีใหม่นั้น

พล.ต.ต.ยิ่งยศฯ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อย่างเคร่งครัด และจากสถานการณ์การแพร่ระบาดสายพันธุ์ใหม่ โอมิครอน ที่แพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยกำลังพล จึงมีข้อสั่งการให้ทุกหน่วยงานในสังกัด กำลังพลทุกนาย ก่อนปฏิบัติหน้าที่ ให้ ตรวจ Antigen Test Kit หรือ ATK เพื่อคัดกรองโรคโควิด-19 ทุกราย และขอให้เข้มงวดกับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด สวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ รักษาระยะห่างที่ปลอดภัยจากผู้อื่น หลีกเลี่ยงพื้นที่ปิด พยายามอยู่ในพื้นที่เปิดโล่งและอากาศถ่ายเทสะดวก ล้างมือบ่อย ๆ โดยใช้สบู่และน้ำ หรือเจลล้างมือที่มีส่วนผสมหลักเป็นแอลกอฮอล์

รวมถึงการนำมาตรการ Work From Home หรือการทำงานจากที่บ้าน กลับมาใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ โดยไม่ให้กระทบกับการบริการประชาชน และการปฏิบัติหน้าที่ราชการ กรณีหน่วยงานในสังกัดต้องการรับการสนับสนุน สามารถติดต่อโดยตรงได้ที่ โรงพยาบาลตำรวจ

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top