Sunday, 25 May 2025
TheStatesTimes

จีนวีนแตก!! หลังต้องย้ายสถานีอวกาศหนี เหตุดาวเทียมของ​ 'อีลอน มัสก์'​ โฉบใกล้บ่อยเกิน

ขึ้นชื่อว่า "สงครามเย็น" เหล่าชาติมหาอำนาจย่อมพร้อมจะทะเลาะกันได้ที่ทุก ที่เวลา ตั้งแต่บนพื้นผิวโลกยันนอกชั้นอวกาศ 

ล่าสุดรัฐบาลจีนปักกิ่งส่งเรื่องฟ้องร้องถึงองค์การสหประชาชาติ อันเนื่องมาจากดาวเทียม Starlink ของ อีลอน มัสก์ ถึง 2 ดวง ได้เคลื่อนตัวเข้าใกล้วงโคจรของสถานีอวกาศเทียนกงของจีนมากเกินไป และหวุดหวิดที่จะชนกันอยู่ถึง 2 ครั้งในเดือนกรกฎาคม และ ตุลาคม 2021 ที่ผ่านมา จนต้องย้ายตำแหน่งสถานีอวกาศหนี ทางรัฐบาลจีนไม่ไหวจะทน ต้องส่งหนังสือร้องเรียนถึงหน่วยงานด้านอวกาศขององค์การสหประชาชาติ ให้สหรัฐอเมริกาออกมาแสดงความรับผิดชอบในเรื่องนี้ 

ซึ่งสถานีอวกาศเทียนกง ถือเป็นความสำเร็จก้าวใหญ่ของการพัฒนาด้านอวกาศของจีน หลังจากที่จีนประสบความสำเร็จในการส่งยานอวกาศฉางเอ๋อ - 5 ไปลงบนดวงจันทร์ด้านที่ไม่เคยมีชาติใดสำรวจมาก่อน และ ส่งยานสำรวจจู้หรง ลงพื้นผิวดาวอังคารได้สำเร็จเป็นชาติที่ 2 ของโลกต่อจากสหรัฐอเมริกา โดยสถานีอวกาศเทียนกงมีกำหนดพร้อมปฏิบัติการจริงอย่างเป็นทางการในกลางปี 2022 

แต่จากเหตุการณ์ที่สถานีอวกาศจีนต้องหลบวงโคจรของดาวเทียมเอกชนของค่าย SpaceX ถึง 2 ครั้งภายในระยะเวลาห่างกันไม่ถึง 3 เดือน ทำให้จีนไม่พอใจอย่างมาก ที่อาจนำไปสู่เหตุการณ์ไม่คาดฝัน และความปลอดภัยของนักบินอวกาศจีนที่ต้องไปปฏิบัติหน้าที่บนสถานีเทียนกงในอนาคตได้ 

ทางฝ่ายจีนได้ระบุในจดหมายร้องเรียนถึงเลขาธิการองค์การสหประชาชาติให้สหรัฐอเมริกาปฏิบัติตามสนธิสัญญาอวกาศสากล แม้จะอยู่ในพื้นที่นอกโลกก็ตาม 

โพล มธ. “เฉลิมชัย ศรีอ่อน”และ”กระทรวงเกษตรฯ.” ขึ้นแท่นรัฐมนตรีและกระทรวงที่ประชาชนชื่นชอบมากที่สุดปี2564

ศูนย์วิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.)เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อผลงานของรัฐบาล ประจำปี 2564 ระหว่างวันที่ 21-25 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา โดยสอบถามกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ประชาชนในกรุงเทพมหานคร ประชาชนต่างจังหวัดในเขต อ.เมือง และประชาชนต่างจังหวัดในเขตต่างอำเภอ ปรากฎผลดังนี้

1.    ความพอใจภาพรวมผลงานและการทำงานของรัฐบาล พบว่า ประชาชนในกรุงเทพมหานคร พอใจ 49.47% ประชาชนต่างจังหวัดในเขต อ.เมือง พอใจ 51.08% และประชาชนต่างจังหวัดในเขตต่างอำเภอ พอใจ 65.60% 

2.    ภาพรวมผลงานและการทำงานของแต่ละกระทรวงที่ประชาชนพอใจมากที่สุด อันดับ 1 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 58.58% อันดับ 2 กระทรวงสาธารณสุข 57.17% อันดับ 3 กระทรวงพาณิชย์ 56.83% และอันดับ 4 กระทรวงแรงงาน,กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา 54.65%

3.    ภาพรวมรัฐมนตรีที่ประชาชนชื่นชอบผลงานมากที่สุด อันดับ 1 นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน 40.92% อันดับ 2 นายอนุทิน ชาญวีรกูล 39.91% อันดับ 3 จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ 35.41% และอันดับ 4 นายสุชาติ ชมกลิ่น,พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ 34.13% 

4.    ผลงานของรัฐบาลที่ประชาชนชื่นชอบและรับรู้มากที่สุด อันดับ 1 โครงการประกันรายได้เกษตรกร 40.16% อันดับ 2 โครงการ “คนละครึ่ง” 38.54% อันดับที่ 3 โครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” 34.23% อันดับที่ 4 ผลงานตัวเลขการส่งออกสินค้า 33.42% อันดับที่ 5 โครงการจัดสรรที่ดินทำกินให้เกษตรกร 32.61% อันดับ 6 การแก้ไขปัยหาการแพร่ระบาดของ COVID-19 30.73% อันดับ 7 โครงการ “มง33 เรารักกัน” 30.51% อันดับ 8 โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14.56% อันดับ 9 โครงการเปิดประเทศเพื่อการท่องเที่ยว 11.32% และอันดับ 10 โครงการขึ้นทะเบียนมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ 8.09%

เจาะศักยภาพ ‘รถไฟฟ้าสายสีแดง’ โปรเจกต์เชื่อม ‘เศรษฐกิจ-อนาคต’ ชาติ

ตามที่ทราบกันดีว่า การขนส่งและการเดินทางด้วยระบบราง มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ทั่วโลก นับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน 

นั่นเพราะการขนส่งระบบราง มีต้นทุนที่ถูกกว่าการขนส่งทางถนนถึง 2 เท่า อีกทั้งยังสามารถกำหนดเวลาจัดส่งได้ค่อนข้างแน่ชัด ทำหลายๆ ประเทศเดินหน้าพัฒนาระบบราง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้กับระบบโลจิสติกส์ของตนเองกันอย่างต่อเนื่อง

เฉกเช่นเดียวกันกับประเทศไทย ภายใต้รัฐบาลที่พยายามยก ‘ระบบราง’ ให้กลายเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญ โดยเฉพาะการเชื่อมโยงระบบรางระหว่างกรุงเทพฯ และปริมณฑลเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อให้ประชาชนเดินทางจากย่านชานเมืองเข้าสู่ใจกลางเมืองได้สะดวกยิ่งขึ้น ผ่าน ‘รถไฟฟ้าหลากสี’ ที่ทยอยเปิดให้บริการมาอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม หนึ่งในเส้นสายรถไฟฟ้าที่มีบทบาทดังกล่าวชัดสุดในตอนนี้ คือ ‘รถไฟฟ้าสายสีแดง’ ซึ่งนอกจากจะทำให้การเดินทางจากชานเมืองเข้าสู่ใจกลางเมืองได้สะดวกมากขึ้นแล้ว ยังเชื่อมโยงความเจริญ รวมถึงโอกาสในการพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ ตลอดแนวเส้นทาง 41 กิโลเมตร และพื้นที่โดยรอบ 13 สถานี ให้มีความคึกคักยิ่งขึ้นได้อย่างน่าสนใจ

ทั้งนี้หากมองย้อนโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง ตามนโยบายเดิมที่ถูกสร้างขึ้นมานั้น เกิดขึ้นมาเพื่อทดแทนระบบรถไฟดีเซลระบบเดิม รวมทั้งขยายขอบเขตการให้บริการรถไฟฟ้าสู่ย่านชานเมืองให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น จากตอนเหนือของกรุงเทพฯ เริ่มตั้งแต่อยุธยา ไปจรดตอนใต้กรุงเทพฯ คือ ‘มหาชัย’ แต่ในระยะแรกที่เปิดให้บริการไปแล้วคือ ‘รังสิต - บางซื่อ’ และ ‘ตลิ่งชัน - บางซื่อ’ 

(ส่วนต่อขยายอื่นๆ คาดว่า จะเริ่มทยอยเปิดประมูลภายในปลายปี 2565)

ศูนย์รวมแห่งระบบราง
นอกจากนี้ หากสังเกตให้ดี เส้นทางส่วนใหญ่ของรถไฟฟ้าสายสีแดง จะขนานไปกับแนวเดียวกับรถไฟระบบเดิม เหตุผลก็เพื่อให้บริการเชื่อมต่อกับระบบรถไฟทางไกล รถไฟความเร็วสูง และรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน ในอนาคตได้ด้วยนั่นเอง พูดง่ายๆ ก็คือ รถไฟฟ้าสายสีแดง เหมือนจะถูกวางตำแหน่งให้เป็นแกนกลางหลักของระบบขนส่งทางราง ก็คงจะดูไม่ผิดนัก

เนื่องจากรถไฟฟ้าสายสีแดง มีพิกัดของสถานีหลักอยู่ตรง ‘บางซื่อ’ ซึ่งเป็นสถานีรถไฟที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอาเซียน และจะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของการเดินทางด้วยระบบรางจากกรุงเทพฯ ไปยังภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ รองรับทั้งรถไฟฟ้าในเมือง (สายสีน้ำเงิน) รถไฟฟ้าชานเมือง (สายสีแดง) รถไฟทางไกล และรถไฟความเร็วสูงในอนาคตนั่นเอง 

กระจายความแออัดของสังคมเมือง
ไม่เพียงเท่านั้น หากมองข้อดีของ รถไฟฟ้าสายสีแดง ในมิติการเดินทางของพี่น้องประชาชนแล้ว จะช่วยสร้างการกระจายของพื้นที่อยู่อาศัยจากใจกลางเมือง ไหลไปสู่พื้นที่รอบนอก ช่วยลดปัญหาการจราจร และความแออัดของกรุงเทพฯ ภายใต้รถไฟฟ้าสายสีแดงที่ช่วยพาคนเข้าสู่ใจกลางเมืองได้อย่างว่องไว

โอกาสทางเศรษฐกิจจากเส้นเลือด (สีแดง) สายใหม่
ขณะเดียวกัน หากมองในมิติด้านเศรษฐกิจ การมาของรถไฟฟ้าสายสีแดง ยังจะทำให้เกิดพื้นที่อสังหาริมทรัพย์ใหม่ๆ ในแถบชานเมือง ทั้งบ้านและคอนโดมิเนียม โดยเฉพาะโครงการบ้านจัดสรร ซึ่งจะมีราคาที่ดินถูกกว่าบ้านในกรุงเทพฯ

เรียกว่าไล่ไปตั้งแต่รอบ ‘สถานีกลางบางซื่อ’ จะเริ่มถูกเรียกขานให้เป็นทำเลทองแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ชัดขึ้น โดยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เริ่มมีโครงการที่อยู่อาศัยทั้งบ้านและคอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน และสิ่งอำนวยความสะดวกเกิดขึ้นในย่านบางซื่อ และบริเวณใกล้เคียง จากแบรนด์ระดับท็อปของไทยเรียงหน้ากันมาจับจองทำเล

ทั้งนี้ มีการคาดเดากันว่า หากในช่วง 2 ปี ที่ผ่านมา ไม่เกิดวิกฤตโรคร้ายโควิด-19 เชื่อว่าในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยเกือบ 40 ล้านคน ซึ่งในจำนวนนักท่องเที่ยวเฉพาะที่เข้ามาผ่านสนามบินดอนเมือง จะเลือกใช้งานรถไฟฟ้าสายสีแดงเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองโดยอัตโนมัติ 

อย่างไรก็ตาม แม้ตอนนี้จะยังไม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาได้เท่าเหมือนก่อนโควิด-19 ระบาด แต่ในอนาคตเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิม ก็เชื่อได้ว่า ‘รถไฟฟ้าสายสีแดง’ จะเป็นพระเอกหลักในการนำพานักท่องเที่ยว เข้าสู่กรุงเทพมหานครได้อย่างแน่นอน

สตูล - ติวเข้ม!! ยกระดับบุคลากรด้านการท่องเที่ยวชุมชน

ที่วิทยาลัยชุมชนสตูล อำเภอเมือง จังหวัดสตูล สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสตูล จัดโครงการส่งเสริมการบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยว ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 โดยเชิญ นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เป็นประธานเปิด กิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพชุมชนท่องเที่ยวจังหวัดสตูลรุ่นที่ 1 ระหว่างวันที่ 27- 29 ธันวาคม ปี พ.ศ.2564

นายสุรัตน์ จรณโยธิน ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสตูล กล่าวว่า กิจกรรมในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อพัฒนาศักยภาพของบุคลากรด้านการท่องเที่ยวส่งเสริมการจัดการท่องเที่ยวให้เกิดการมีส่วนร่วมและยกระดับคุณภาพการบริหารจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชนจังหวัดสตูล โดยมีการจัดกิจกรรมอบรมและศึกษาดูงานจำนวน 2 รุ่น  โดยรุ่นที่ 1 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 27-29 ธันวาคม 2564 ณ วิทยาลัยชุมชนและจังหวัดพัทลุง รุ่นที่ 2 กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18-20 มกราคม 2565 ณ ศูนย์ เรียนรู้ชุมชนท่องเที่ยวบ้านพญาวังสาจังหวัดสตูลและจังหวัดตรัง โดยผู้เข้าอบรมจากสมาชิกและชุมชนเครือข่ายการท่องเที่ยวโดยชุมชนจังหวัดสตูลจำนวนรุ่นละ 55 คน

การส่งเสริมการบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยวในครั้งนี้เพื่อให้ความรู้และเป็นการเตรียมความพร้อมการเปิดรับนักท่องเที่ยวแนวทางในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าการเตรียมความพร้อมการเป็นเจ้าบ้านที่ดี ในการรองรับนักท่องเที่ยวการส่งเสริมตลาดดิจิทัล รองรับการท่องเที่ยววิถีใหม่ new normal รวมทั้งการศึกษาดูงานเรียนรู้ชุมชนท่องเที่ยวและแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพในการบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยวในสถานการณ์การแพร่ระบาดโรค โดยเชิญวิทยากรที่มีความรู้และประสบการณ์ในเรื่องที่เกี่ยวข้องมาร่วมแลกเปลี่ยน

นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล กล่าวว่า การอบรมศึกษาดูงานในพื้นที่จังหวัดพัทลุงรุ่นที่ 1ในครั้งนี้ของชุมชนท่องเที่ยวจังหวัดสตูล ขอให้ทุกคนได้เก็บเกี่ยวความรู้เพื่อมาปรับใช้ให้ตรงกับจุดแข็งของชุมชนของตัวเอง

 

'ซูเปอร์โพล' เผยผลสำรวจนักการเมืองน่าประทับใจที่สุดแห่งปี 2564 ฝั่งรัฐบาล 'บิ๊กตู่-จุรินทร์' ฝ่ายค้าน 'พิธา-สุทิน'

เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 64 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจ เรื่อง ที่สุดแห่งปี 2564 ด้านการเมืองภาพใหญ่ กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศโดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,086 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 11-17 ธ.ค.ที่ผ่านมา พบว่า ที่สุดแห่งปี 2564 ด้านการเมืองภาพใหญ่ ผลสำรวจพบ นักการเมืองฝ่ายรัฐบาล ที่น่าประทับใจ และน่าพอใจที่สุดแห่งปี 2564 โดย 3 อันดับแรก ได้แก่ 

อันดับ 1 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ร้อยละ 31.6 
อันดับ 2 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร้อยละ 22.4 
และอันดับ 3 นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร้อยละ 8.8 ตามลำดับ 

ส่วนนักการเมืองฝ่ายค้าน ที่น่าประทับใจ และน่าพอใจที่สุดแห่งปี 2564 ใน 3 อันดับแรก ได้แก่ 
อันดับ 1 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ร้อยละ 32.9 
อันดับ 2 นายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ร้อยละ 15.0 
และอันดับ 3 นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ร้อยละ 5.1 ตามลำดับ

สำหรับผลงานของรัฐบาลที่น่าประทับใจ และน่าพอใจที่สุดแห่งปี 2564 ใน 3 อันดับแรก ได้แก่ 
อันดับ 1 โครงการคนละครึ่ง ร้อยละ 50.4 
อันดับ 2 เพิ่มกำลังซื้อบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ร้อยละ 12.6 
และอันดับ 3 โครงการประกันรายได้เกษตรกร ร้อยละ 11.4 ตามลำดับ 

ส่วนพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล ที่น่าประทับใจ และน่าพอใจที่สุดแห่งปี 2564 ใน 3 อันดับแรก พบว่า 
อันดับ 1 ยังคงเป็น พรรคพลังประชารัฐ ร้อยละ 30.3 
อันดับ 2 พรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 23.9 
และอันดับ 3 พรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 17.4 ตามลำดับ 

ขณะที่พรรคการเมืองฝ่ายค้านที่น่าประทับใจ และพอใจที่สุดแห่งปี 2564 ใน 3 อันดับแรก ได้แก่ 
อันดับ 1 พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 41.6 
อันดับ 2 พรรคก้าวไกล ร้อยละ 32.5 
และอันดับ 3 พรรคเสรีรวมไทย ได้ร้อยละ 11.3 ตามลำดับ

อาเซียนจะฉวยประโยชน์อย่างไรกับยุทธศาสตร์ตัดแขน-ขาจีนของสหรัฐฯ และพันธมิตร | NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช EP.35

อาเซียนจะฉวยประโยชน์อย่างไร? ในจังหวะที่การเมืองโลกจาก ‘สหรัฐฯ - พันธมิตร’ กำลังปั้นทุกยุทธศาสตร์ เพื่อตัดแขน-ขาจีน

NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

โดย อ.ต้อม - กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระและอาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรม ศิลปะและการออกแบบ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 13/2564 และประธานเปิดนิทรรศการ “โครงการของขวัญปีใหม่ สำหรับประชาชน มอบความสุขความปลอดภัย ต้อนรับปีใหม่ พ.ศ. 2565”

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี/รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 13  โดยมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้าร่วมการประชุม ณห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีรายละเอียดเบื้องต้น เพื่อรับฟังรายงานผลการดำเนินการของคณะอนุกรรมการข้าราชการตำรวจด้านต่างๆ 

โดยคณะอนุกรรมการข้าราชการตำรวจด้านวินัย อุทธรณ์ ร้องทุกข์ และบริหารทรัพยากรบุคคลได้รายงานข้อมูลการกระทำผิดวินัยร้ายแรง ของข้าราชการตำรวจ เดือน ธ.ค. 2564 มีข้าราชการตำรวจลงโทษทั้งสิ้นจำนวน 28 นาย เป็นการไล่ออกจากราชการ จำนวน 26 นาย และปลดออกจากราชการ จำนวน 2 นาย ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือน ม.ค.-ธ.ค. 64 มีข้าราชการตำรวจถูกลงโทษทั้งสิ้น จำนวน 250 นาย เป็นการไล่ออกจากราชการ จำนวน 192 นาย ปลดออกจากราชการ จำนวน 49 นาย และให้ออกจากราชการ จำนวน 9 นาย และในโอกาสเดียวกันนี้  พล.อ. ประยุทธ์ฯ  ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิด “กิจกรรมของขวัญปีใหม่ สำหรับประชาชน มอบความสุขปลอดภัย ต้อนรับปีใหม่ พ.ศ. 2565”ณ ห้องโถง ชั้น 1 อาคาร 1 ซึ่งประกอบด้วย 6 โครงการ ที่จะมอบเป็นของขวัญแก่พี่น้องประชาชน และข้าราชการตำรวจ เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พ.ศ. 2565 ดังนี้

1. ด้านป้องกันอาชญากรรม ได้แก่ 

(1)  โครงการ Smart Safety Zone 4.0 เป็นโครงการยกระดับการป้องกันอาชญากรรมในพื้นที่สาธารณะ โดยผสมผสานทฤษฎีและแนวคิดในเรื่องการป้องกัน อาชญากรรม และอาชญาวิทยา มีการนำเอานวัตกรรมสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ ร่วมถึงการบูรณาการความร่วมมือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง(ตั้งแต่เดือน ก.ค.-ก.ย. 64) มีสถานีตำรวจในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร และจังหวัดนำร่องในเขตพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 1-9 จำนวนทั้งสิ้นรวม 15 สถานีทั่วประเทศ สำหรับในปี 2565 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะได้มีการขยายการดำเนินโครงการไปยังทุกสถานีตำรวจทั่วประเทศ ทั้งนี้สามารถดูรายละเอียดโครงการเพิ่มเติมได้ ทาง  http://smartsafetyzone.police.go.th

(2) โครงการฝากบ้าน 4.0 เป็นโครงการที่พัฒนามาจากโครงการฝากบ้านไว้กับตำรวจ ซึ่งถือว่าเป็นโครงการที่เป็นที่ได้รับการยอมรับจากประชาชน โดยการนำเอาเทคโนโลยีที่เรียกว่าระบบคลาวด์กลางของภาครัฐ ในการเก็บข้อมูล ประมวลผล และนำไปใช้ในการปฏิบัติงาน ผ่านทางแอปพลิเคชัน OBS  ที่มีการใช้ระบบQR Code ในระบบการตรวจสอบ การควบคุมการปฏิบัติของผู้บังคับบัญชา และมีการส่งผลให้ประชาชนเจ้าของบ้านโดยทันที เพื่อสร้างความมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาดูแลบ้านของตนที่ฝากไว้ในโครงการ

(3) โครงการ CCTV ระวังภัย ระยะที่ 2 เป็นโครงการที่สืบเนื่องจากความสําเร็จในการดําเนินการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ในระยะที่ 1 ในเขตกรุงเทพมหานคร ซึ่งประสบความสำเร็จ เพิ่มประสิทธิภาพ ในการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้แก่ประชาชน ในปี 2565 ได้มีการขยายเขตพื้นที่ในการติดตั้งกล้อง CCTV ทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร อีกจำนวน 8,500 ตัว และในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 1 อีกจำนวน  5,000 ตัว

2. ด้านการสืบสวน ได้แก่

(1) โครงการชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจร เป็นโครงการที่แก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ ชองกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาการดำเนินงานชุมชนแบบยั่งยืน ในการป้องกัน และปราบปรามปัญหายาเสพติด บูรณาการความร่วมมือ กับทุกภาคส่วน ในการลดจำนวนผู้เสพ ผู้ขายยาเสพติดให้หมดไปจากชุมชน ลดอุปสงค์หรือจำนวนผู้ติดยาเสพติดในประเทศให้ลดลงได้อย่างเป็นระบบและยั่งยืน และเพื่อสนองตอบนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะเรื่องการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด ซึ่งให้ถือว่า ผู้เสพ คือ “ผู้ป่วย” ทั้งนี้ ในปี 2564 มีการดำเนินงานในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล และตำรวจภูธรภาค 1-9 รวมทั้งสิ้นจำนวน 1,483 หมู่บ้าน/ชุมชน ในห้วงระยะเวลา 3 เดือน

(2) โครงการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมออนไลน์ เป็นโครงการที่จัดทำขึ้นโดยกองทะเบียนประวัติอาชญากร (ทว.) ได้มีการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้เพื่อพัฒนาระบบในการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน เพื่อให้ได้รับการบริการที่รวดเร็ว ลดอัตราความเสี่ยงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID – 19) ทั้งนี้ ประชาชนสามารถตรวจสอบประวัติอาชญากรรมผ่านระบบออนไลน์  โดยผ่านทางเว็บไซต์ www.crd-check.com พร้อมระบุสถานที่ติดต่อขอรับผลการตรวจสอบ ได้ที่กองทะเบียนประวัติ อาชญากร ศูนย์พิสูจน์หลักฐานจังหวัดทั่วประเทศ 

3. ด้านการท่องเที่ยวปลอดภัย ได้แก่

(1) โครงการสุภาพบุรุษจราจร เป็นโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างตำรวจจราจรต้นแบบที่มีความเป็นสุภาพบุรุษจราจร เป็นที่รักของประชาชน สร้างความเชื่อมั่นศรัทธา ตามหลัก 5 s คือ smile smart salute service mind standard ซึ่งมีการบูรณาการความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับผู้ใช้รถใช้ถนน ลดจุดเสี่ยง และลดสถิติการเกิดอุบัติเหตุ พร้อมแสวงหาความร่วมมือกับภาค ซึ่งกำหนดให้มีฝึกอบรมเสริมสร้างความรู้แก่ประชาชน อาทิ การสร้างอาสาจราจร และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม รวมถึงในเรื่องของการว่ากล่าวตักเตือนกรณี ความผิดเล็กน้อย โดยเปลี่ยนเป็นให้ความรู้เกี่ยวกับข้อกฎหมายจราจรกับผู้ที่ถูกว่ากล่าว เป็นต้น

(2) โครงการใบสั่งอิเล็กทรอนิกส์ เป็นโครงการต่อเนื่องมาจากปี 2564 ตามบันทึกข้อตกลงระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติกับบริษัทมหาชน (จำกัด) ธนาคารกรุงไทย ในการพัฒนาระบบธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) เพื่อให้บริการรับชำระค่าปรับจราจรใบสั่งทุกประเภท ซึ่งได้เชื่อมโยงฐานข้อมูลใบสั่งของสถานีตำรวจทั่วประเทศ และกรมขนส่งทางบก โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2559 และได้มีการต่อยอดพัฒนาระบบ Police Ticket Management (PTM) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการบันทึกค่าปรับจราจร เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกต่อพี่น้องประชาชน และเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติงาน 

(3) โครงการ TOURIST POLICE I LERT U  เป็นโครงการที่จัดทำขึ้นโดยกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (บช.ทท.) ที่พัฒนาระบบนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการดูแลความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติ ผ่านระบบ Application “TOURIST POLICE I LERT U” โดยมีระบบการระบุตำแหน่งเพื่อขอความช่วยเหลือ อีกทั้งการจัดตั้งจุดบริการกว่า 170 แห่ง ทั่วประเทศ เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นการดูแลความปลอดภัยและความอุ่นใจแก่นักท่องเที่ยวในการเดินทาง ทั้งนี้ ยังมีระบบสายด่วน Call Center 1155 ที่ให้บริการถึง 5 ภาษา ได้แก่ อังกฤษ, รัสเซีย, จีน, ญี่ปุ่น และเกาหลี ตลอด 24 ชั่วโมง

เพชรบูรณ์ - ‘มณฑลทหารบกที่ 36’ ร่วมกับ ‘เหล่ากาชาด’ จังหวัดเพชรบูรณ์ จัดกิจกรรมบริจาคโลหิต

ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 36 และประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขา มณฑลทหารบกที่ 36 ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลจิตอาสาของหน่วย ที่มาร่วมบริจาคโลหิต, ดวงตาและอวัยวะให้กับโรงพยาบาลเพชรบูรณ์และเหล่ากาชาดจังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร 5 ธันวาคม 2564 และช่วยเหลือประชาชนในห้วงสถานการณ์โควิด-19  

‘วัชระ’ พิมพ์สมุด ‘ในหลวง ร.9’ แจกนักเรียนวันเด็ก ปลูกฝังความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ให้เป็นพลเมืองดีของชาติ

นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ มอบสมุดวันเด็ก 2565 จำนวน 260 เล่ม ให้นักเรียนโรงเรียนบ้านซอย 2 ต.ขุนทะเล อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี โดยนางสาวจาริยา มินทการ ผู้อำนวยการโรงเรียน เป็นผู้รับมอบผ่านการประสานงานโดยคุณครูมนพัทธ์ สินธนามราพันธ์ เพื่อให้เด็ก ๆ มีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ตาม พระราโชบายด้านการศึกษา ของในหลวงรัชกาลที่ 10 ซึ่งการศึกษาต้องมุ่งสร้างพื้นฐานให้แก่ผู้เรียน 4 ด้าน

1.มีทัศนคติที่ถูกต้องต่อบ้านเมือง

2.มีพื้นฐานชีวิตที่มั่นคง

3.มีงานทำมีอาชีพ

4.เป็นพลเมืองดี

 

มองโกเลีย - พัฒนาโรงเรือน – ปลูกผักเพื่อความพอเพียง จากการระบาดของโควิด-19 และขาดแคลนผักที่นำเข้าจากจีนเนื่องจากชายแดนยังไม่เปิด

อูลานบาตอร์/มองโกเลีย - การปิดจุดผ่านแดนในเออร์เลียนเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว อันเนื่องมาจากการระบาดของโควิด ทำให้เกิดการขาดแคลนผักที่นำเข้าจากจีนไปยังมองโกเลีย เนื่องจากชายแดนยังไม่เปิด ชาวมองโกเลียจึงต้องปลูกผักใบในประเทศ

มองโกเลียนำเข้าผักใบ 21,000 ตันต่อปีในราคา 25 ล้านดอลลาร์ ในจำนวนนี้ 80 เปอร์เซ็นต์มาจากประเทศจีนและอีก 20 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือเป็นการจัดหาให้กับผู้ประกอบการเรือนกระจกในประเทศ

บางคนที่ประสบความสำเร็จในการบริหารโรงเรือนได้เสนอแนะว่ารัฐบาลควรมีส่วนช่วยในการพัฒนาและสร้างมันขึ้นมาภายใต้สโลแกน “มาพัฒนาเหมืองที่ไม่ขุดของเรากันเถอะ” แล้วขายให้กับเกษตรกรที่มีประสบการณ์ด้วยเงินกู้ยืมที่พวกเขาจ่ายผ่านการขายผลิตภัณฑ์ของตน

แม้ว่าสภาพอากาศของชาวมองโกเลียจะแห้งแล้งและไม่แน่นอน ผู้อำนวยการบริษัท Munkh Nogoon Amidral Company Kh. Altantsatsral กล่าวว่าการเปิดโรงเรือนในประเทศมีความเป็นไปได้สูงที่จะประสบความสำเร็จเนื่องจากสภาพอากาศที่สดใสของมองโกเลีย เนื่องจากมี "แสงแดดมากกว่า 300 วันต่อปีและมีเมฆน้อยเพียงไม่กี่วัน"

ผู้อำนวยการเน้นย้ำถึงความสำคัญของการรักษาสิ่งแวดล้อมและสุขภาพอนามัย โดยเน้นว่าบ้านสีเขียวโดยใช้แผงโซลาร์เซลล์จะช่วยประหยัดพลังงาน นอกจากนี้ พวกเขายังตั้งเป้าที่จะปลูกเฉพาะอาหารและผักออร์แกนิกเท่านั้น

ในขณะเดียวกัน นักปฐพีวิทยา S. Sarangerel กล่าวว่าพวกเขาเริ่มปลูกผัก 5 ชนิดตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม รวมทั้งผักโขม ผักกาดหอม และหัวหอม โดยเสริมว่าผักได้รับการปฏิสนธิด้วยมูลสัตว์และมูลไก่

ในการพูดคุยกับสำนักข่าว A24 นั้น Altantsatsral ได้เสนอข้อเสนอที่ชัดเจนสำหรับการดำเนินการเรือนกระจกในอูลานบาตอร์

“ฉันมีข้อเสนอที่ชัดเจนในการพัฒนาเรือนกระจก เรือนกระจกควรรวมอยู่ในระบบสวนเกษตร ในห่วงโซ่คุณค่า และควรสร้างเรือนกระจกในฤดูหนาวขนาด 40-50 เฮกตาร์พร้อมโครงสร้างพื้นฐานด้วยเงินทุนของรัฐ หลังจากนั้นควรขายเรือนกระจกที่เสร็จแล้วโดยจำนองให้กับผู้ที่มีประสบการณ์ในการปลูกผักมานานหลายปี”

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top