Tuesday, 3 June 2025
TheStatesTimes

‘มหาสมปอง’ เข้ากราบลา ‘พระพยอม’ เตรียมสึก หันทำธุรกิจ-งานการเมือง

(17 ธ.ค. 64) พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต พระนักเทศน์ชื่อดัง จากวัดสร้อยทอง เดินทางไปกราบลาพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว หลังตัดสินใจเตรียมลาสิกขา

โดยพระมหาสมปอง กล่าวว่า เบื้องต้นจะลาสิกขาในวันที่ 29 ธ.ค. เวลา 13.09 น. ที่วัดสระเกศ ซึ่งหลังจากลาสิกขา จะมุ่งไปทำธุรกิจเป็นหลัก แต่ก็กำลังพิจารณาเรื่องการเข้าสู่สนามการเมือง เบื้องต้นมีการพูดคุยกับคุณวัน อยู่บำรุง ที่ช่วยพูดคุยให้กับผู้ใหญ่พรรคเพื่อไทย ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการพูดคุย และขอออกไปทำธุรกิจสักพัก จนถึงเวลาที่เหมาะสมเสียก่อน

ตำรวจทางหลวง ใจดี "เปลี่ยนไฟท้ายฟรี" ลดเสี่ยงอุบัติเหตุ

พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่า บ่อยครั้งสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุของรถจักรยานยนต์ ส่วนหนึ่งมาจากพฤติกรรมการใช้รถที่มีอุปกรณ์ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ตามที่กฎหมายกำหนด ไฟท้ายรถจักรยานยนต์ไม่ส่องสว่าง ทำให้ผู้ร่วมสัญจรบนถนน ขาดทัศนวิสัย สถานีตำรวจทางหลวง 5 กองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจทางหลวง จึงได้จัดทำโครงการ “ฮักเน้ออ้าย เปลี่ยนไฟท้ายรถจักรยานยนต์ฟรี” โดยได้มีการจัดทำโครงการไปในชุมชน ตลาดนัด เทศบาล สถานที่ราชการสำคัญ ตลอดจนบูรณาการร่วมกับหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง ออกตรวจเขตในพื้นที่รับผิดชอบบนถนนทางหลวง โดยในขณะออกตรวจเมื่อพบรถจักรยานยนต์ที่มีปัญหาไฟท้ายไม่ติด จะมีการเรียกให้หยุดรถและทำการเปลี่ยนไฟท้ายให้ฟรีเพื่อเป็นการสร้างความปลอดภัยบนท้องถนนให้กับประชาชน และช่วยลดจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ 

พล.ต.ต.ยิ่งยศฯ กล่าวว่า กองกำกับการ 5 ตำรวจทางหลวง ได้ทำการเปลี่ยนไฟท้ายโดยรถวิทยุตรวจการณ์ไปแล้ว รวมทั้งสิ้นกว่า 2,242 ดวง ทำให้ประชาชนเกิดความตระหนัก มีความระมัดระวัง หมั่นตรวจสอบสภาพรถให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ต่อการใช้งานเสมอ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนมากขึ้น และลดโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน 

ซึ่งจากสถิติ เปรียบเทียบการเกิดอุบัติเหตุระหว่างรถจักรยานยนต์กับรถอื่น ๆ ในช่วงเวลา 18.00 น. ถึง 06.00 น. (ช่วงกลางคืน) ในพื้นที่ จว.พะเยา และ จว.เชียงราย เปรียบเทียบกันระหว่าง ก่อนและหลังทำโครงการ พบว่ามีจำนวนอุบัติเหตุลดลงกว่า 41.37% 

สาวไทยเล่าวินาทีโดนทำร้ายที่นิวยอร์ก ด้านตำรวจสหรัฐฯ ยังจับผู้ต้องสงสัยไม่ได้

แม้เติบโตในไทย แต่ "บิว จิรจริยาเวช" (Bew Jirajariyawetch) มองนิวยอร์กในฐานะจุดหมายปลายทางในอุดมคติมาตลอด และมีความฝันย้ายมาอยู่ในมหานครแห่งนี้ แต่เมื่อเดือนที่แล้วสาวผู้เดินตามความฝันกับการเป็นนางแบบ ต้องมาพบเจออีกด้านของนิวยอร์ก หลังเธอถูกทำร้ายร่างกายชิงทรัพย์ที่บริเวณชานชาลาของสถานีรถไฟแห่งหนึ่ง

บิว จิรจริยาเวช ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์นิวยอร์กโพสต์เมื่อวันพุธ (15 ธ.ค.) ว่า "ฉันดีใจที่ยังมีชีวิตอยู่" เธอเล่าถึงเหตุการณ์อันน่าสยดสยองของเหตุการณ์เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ณ สถานี 34th Street Herald Square ซึ่งส่งผลให้เธอเลือดตกยางออกและเป็นแผลถลอก

หญิงสาวรายนี้ซึ่งเพิ่งย้ายมาอยู่ในนิวยอร์กเมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมา กำลังรอขบวนรถไฟเพื่อเดินทางกลับบ้านที่เขตควีนส์ ตอนเวลา 04.00 น. หลังไปชมคอนเสิร์ตของดาบอยเวย์ แรปเปอร์อเมริกันเชื้อสายไทย กับเพื่อน ๆ

เธอยืนอยู่บริเวณริมขอบชานชาลาของสถานี ตอนที่จู่ ๆ ก็มีคนแปลกหน้าดอดเข้ามาจากด้านหลังและล็อกศีรษะของเธอ เอามือปิดปาก จมูกและตา เพื่อขัดขวางไม่ให้ฉันตะโกนส่งเสียงดังขอความช่วยเหลือ "เขาลากฉันไปในที่ที่ไม่มีใครเห็น ทำร้ายฉันและเอากระเป๋าเงินฉันไป ฉันได้แต่ภาวนาว่าขอโอกาสตะโกนขอความช่วยเหลือสักครั้ง"

ภาพจากกล้องวงจรปิดพบเห็นคนร้ายล็อกคอจากด้านหลังฉุดกระชากลาก บิว เข้าไปในจุดลับตาคน ก่อนเหวี่ยงลงกับพื้นและชกเธอหลายหมัดตอนที่เธอลงไปกองเบื้องล่าง นอกจากนี้แล้ว ผู้ก่อเหตุยังถูกกล่าวหาสัมผัสของสงวนของเหยื่อและขโมยกระเป๋าเงินของเธอไป ก่อนที่ภาพจากกล้องวงจรปิดจะจบลงที่ภาพหญิงสาวลุกขึ้นนั่ง ก่อนยืนขึ้นเดินโซซัดโซเซออกไป 

ท้ายที่สุดแล้วก็มีใครบางคนพบเธอในสภาพถูกทำร้ายและพาเธอไปขอความช่วยเหลือ "ฉันไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าไม่มีใครมาเจอฉันพอดี" บิว จิรจริยาเวช กล่าว

ภาพถ่ายที่เผยแพร่โดย บิว จิรจริยาเวช ซึ่งถ่ายไว้ไม่นานหลังถูกทำร้าย พบเห็นใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยแผลถลอก มีคราบเลือดแห้ง ๆ บริเวณจมูกและใกล้ปาก ส่วนอีกภาพพบเห็นรอยถลอกและรอยเลือดไล่ลงไปตามขาของเธอ

เธอถูกพาตัวส่งโรงพยาบาล Lenox Hill HealthPlex ในกรีนวิช วิลเลจ เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ

กรมตำรวจนิวยอร์กเผยแพร่ภาพจากกล้องวงจรปิด เป็นภาพที่ผู้ต้องสงสัยกำลังกระโดดข้ามประตูหมุนและเดินผ่านเข้าไปในพื้นที่ชั้นลอยรกร้างแห่งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ยังไม่มีผู้ต้องสงสัยรายใดถูกจับกุมต่อเหตุทำร้ายร่างกายอันน่าสะอิดสะเอียนครั้งนี้

บิว จิรจริยาเวช ซึ่งเดินทางมายังนิวยอร์กเพื่อเรียนภาษาอังกฤษและเดินตามความฝันเข้าสู่วงการแฟชั่น เล่าว่าเธออยากเห็นมหานครแห่งนี้มาตั้งแต่ตอนเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ "ตอนฉันเป็นเด็ก ฉันคิดฝันมาตลอดว่าเมืองแห่งนี้จะเป็นเมืองแบบไหน ฉันชอบเมืองแห่งนี้ตั้งแต่แรกเห็น น่าเศร้า มันเปลี่ยนไปสำหรับฉัน ตอนนี้ฉันเห็นอีกด้านของมัน"

“แรมโบ้” ซัด “เลขา ครป.” ฟังไม่ครบแล้วจับมากระเดียด! นายกพูดถึงนักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เน้น ปชช. มีรายได้ ชี้ เป็นถึงเลขาครป.น่าจะมีสมองเข้าใจเจตนานายกฯ ขออย่าเปรียบเจ้าสัว และหากว่างมากเอาเวลาไปทำประโยชน์มากกว่ามาโจมตีนายกฯ

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงนายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) โพสต์เฟซบุ๊กวิพากษ์วิจารณ์นายกฯ ที่กล่าวกับประชาชน จ.ยะลา แนะนำให้เลี้ยงไก่บ้านละ 2 ตัว ไม่เข้าใจปัญหาเกษตร เลี้ยงไก่เป็นร้อยตัวไม่มีวันรวย เพราะเจ้าสัวผูกขาดการเกษตร โดยนายเสกสกล กล่าวว่า การที่นายกฯส่งเสริมให้เลี้ยงไก่นั้นเป็นเจตนาที่ดีนายกฯต้องการให้ประชาชนยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวทางพ่อหลวงรัชกาลที่9 นายกฯมองการณ์ไกลอยากเห็นประชาชนรู้จักหารายได้ทำการเกษตรอย่างพอเพียงให้มีมูลค่าในแปลงเกษตรของตนเองให้มีรายได้สูงขึ้นและลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน

นายกเน้นการปลูกพืชผักสวนครัวเลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ ในพื้นที่จำกัดที่มี และพูดถึงการเลี้ยงไก่จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนได้บ้าง ลดรายจ่ายในครอบครัว  ซึ่งนายเมธาเป็นถึงเลขา ครป.มีความรู้ มีสมองก็น่าที่จะเข้าใจนายกฯ และก็ไม่ควรเอาเรื่องนี้ไปเปรียบเทียบกับเจ้าสัว เพราะคนละเรื่องกัน มีแต่คนไร้สมองเท่านั้นที่เอาไปผูกโยงกับนายทุนหรือเจ้าสัวได้

ส่วนการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรและชาวนา รวมถึงประชาชนทุกกลุ่มอาชีพนั้น นายกฯและรัฐบาลมีนโยบายให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว  เพราะนายกฯให้ความสำคัญ และทราบดีถึงความเดือดร้อนของประชาชน

‘สำนักงานตำรวจแห่งชาติ’ เตือนภัย!! มิจฉาชีพ อ้างเป็นพนักงานบริษัทขนส่งสินค้า - เจ้าหน้าที่ Call Center - ส่ง SMS หลอกลวงข้อมูลส่วนตัว และให้โอนเงิน!!

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอเรียนประชาสัมพันธ์ภัยมิจฉาชีพที่หลอกลวงประชาชนในรูปแบบต่าง ๆ ผ่านแอปพลิเคชัน SMS ไลน์ เฟซบุ๊ก หรือโทรศัพท์ผ่าน Call Center แสดงตนอ้างว่าเป็นพนักงานบริษัทขนส่งหรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องแจ้งว่ามีพัสดุผิดกฎหมายส่งมายังผู้รับหรือส่งพัสดุไปยังต่างประเทศซึ่งเกี่ยวข้องในการกระทำผิด ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ ยินยอมส่งข้อมูลส่วนตัวและโอนเงินไปให้ สร้างความเสียหายห้วงการแพร่ระบาดโควิด-19

ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันประชาชนเป็นปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำกิจกรรมหรือธุรกรรมต่าง ๆ ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์หรือแอปพลิเคชันมากขึ้นแต่ในขณะเดียวกันเหล่ามิจฉาชีพได้อาศัยช่องว่างหลอกลวงผ่านสื่อสังคมออนไลน์ในลักษณะต่าง ๆ  อาทิ ส่ง SMS ไลน์ เฟซบุ๊ก หรือโทรศัพท์ผ่านมือถือ ดังเช่นกรณีเมื่อเดือน พ.ย.64 ที่ผ่านมามิจฉาชีพแสดงตนว่าเป็นพนักงานบริษัทขนส่งหรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โทรผ่านโทรศัพท์มือมาแจ้งกับผู้เสียหายว่ามีพัสดุที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมายส่งมายังที่อยู่ของผู้รับและมีการส่งพัสดุไปต่างประเทศ โดยทางบริษัทและเจ้าหน้าที่ของภาครัฐจะขอเข้าไปทำการตรวจสอบและดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมาย ทำให้ผู้เสียหายตกใจกลัวและหลงเชื่อ จึงยินยอมส่งข้อมูลส่วนตัวและโอนเงินไปยังบัญชีที่แก๊งมิจฉาชีพได้แจ้ง เพื่อให้ทำการตรวจสอบเงินดังกล่าว ต่อมาภายหลังผู้เสียหายจึงรู้ว่าตนนั้นถูกหลอก  ซึ่งในเบื้องต้นพบผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงในลักษณะเดียวกันในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศเกือบ 50 ราย  มูลค่าความเสียหายกว่า 17 ล้านบาท โดยผู้เสียหายได้แจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายไว้แล้ว

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยประชาชนเกี่ยวภัยการจากการหลอกลวงของมิจฉาชีพในลักษณะดังกล่าว ซึ่งประชาชนอาจตกเป็นเหยื่อและเป็นการสร้างความเสียหายซ้ำเติมความเดือดร้อนห้วงการแพร่ระบาดโควิด-19 จึงได้กำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีมาตรการและดำเนินการป้องกันปราบปรามตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างจริงจัง

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลโดยสั่งการและกำชับไปยังหน่วยงานในสังกัดที่เกี่ยวข้องทุกพื้นที่ โดยเฉพาะกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ให้ทำการสืบสวนสอบสวน ปราบปราม กลุ่มมิจฉาชีพ สืบสวนขยายผลถึงเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างเด็ดขาดจริงจังต่อเนื่อง มีผลการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม

การกระทำลักษณะดังกล่าวนอกจากจะเป็นการซ้ำเติมพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนกันอยู่แล้วยังเข้าข่ายความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับและความผิดฐานฉ้อโกง มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องซึ่งในฐานความผิดดังกล่าวเป็นความผิดต่อส่วนตัว ผู้เสียหายจะต้องเข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนในท้องที่เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด

รองโฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฝากประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชน ถึงแนวทางการป้องกันการถูกหลอกลวงผ่านแพลตฟอร์มหรือแอปพลิเคชันออนไลน์ SMS ไลน์ เฟซบุ๊ก หรือผ่านทางโทรศัพท์ ดังนี้

1.หากมีการกล่าวอ้างว่าท่านไปเกี่ยวข้องการกระทำผิด ให้ตั้งสติ อย่าพึ่งตื่นตระหนกและหลงเชื่อ

2.ทำการบันทึกข้อมูลการสนทนา ภาพหรือวิดีโอ ข้อมูลการโอนเงิน เอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้ในการดำเนินคดี

3.หากมีการอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ โดยหลักจะไม่มีการให้โอนเงินเข้าบัญชีส่วนบุคคลโดยเด็ดขาด

 

กรมชลฯ เปิดแผนจัดสรรน้ำรับฤดูแล้ง ยันเขื่อนหลักมีน้ำเพียงพอ

นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ขณะนี้ ภาพรวมสถานการณ์น้ำอยู่ในเกณฑ์ดี โดยอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 58,692 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 77% ของความจุอ่างฯ รวมกัน เป็นน้ำใช้การได้ 34,760 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 14,586 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 59% ของความจุอ่างฯ เป็นน้ำใช้การได้ 7,890 ล้าน ลบ.ม. 

ทั้งนี้กรมชลประทาน ได้วางแผนจัดสรรน้ำในช่วงฤดูแล้งปี 2564/65 (วันที่ 1 พ.ย.2564 – 30 เม.ย.2565) จากปริมาณน้ำต้นทุน ณ วันที่ 1 พ.ย. 2564 จำนวน 37,857 ล้าน ลบ.ม. โดยมีแผนจัดสรรน้ำในฤดูแล้งทั้งประเทศจำนวน 22,280 ล้าน ลบ.ม. ตามลำดับความสำคัญดังนี้ เพื่อการเกษตรฤดูแล้ง 11,785 ล้าน ลบ.ม. เพื่อการอุปโภค-บริโภค 2,535 ล้าน ลบ.ม. อุตสาหกรรม 518 ล้าน ลบ.ม. รักษาระบบนิเวศและอื่นๆ 7,442 ล้าน ลบ.ม. และสำรองน้ำไว้ต้นฤดูฝนปี 65 อีก 15,577 ล้าน ลบ.ม. 

โฆษกทบ. ยืนยันกองทัพบกร่วมกับจังหวัดชายแดนพร้อมรองรับปัญหาผู้หนีภัยจากการสู้รบ ตามแนวชายแดนไทยเมียนมาพร้อมย้ำเหตุการณ์ปะทะใกล้ชายแดนจังหวัดตากยุติแล้ว ประชาชนจากประเทศเพื่อนบ้านทยอยเดินทางกลับแล้ว

พล.อ.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ เสนาธิการทหารบก ในฐานะโฆษกกองทัพบกระบุถึงเหตุปะทะ บริเวณแนวชายแดนจังหวัดตาก ทำให้มีประชาชนจากประเทศเพื่อนบ้านข้ามมาฝั่งไทยว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลา 10 นาฬิกาเมื่อวานนี้ บริเวณพื้นที่ตรงข้ามอำเภอแม่สอดจังหวัดตาก

โดยเป็นการปะทะกันของกำลังประเทศเพื่อนบ้านในระยะที่ติดกับแนวชายแดนทำให้ประชาชนจากประเทศเพื่อนบ้านส่วนหนึ่งข้ามมายังฝั่งไทยเพราะคิดว่ามีความปลอดภัย 

สำหรับแนวทางปฏิบัติตามแนวชายแดนจะมีพื้นที่ความปลอดภัยรองรับให้ประชาชนจากประเทศเพื่อนบ้านในจุดต่างๆ โดยการปฏิบัติตามหลักการมนุษยธรรม แต่ส่วนใหญ่แล้วเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย ประชาชนในประเทศเพื่อนบ้านก็จะเดินทางกลับไปอย่างเช่นในกรณีที่เกิดขึ้นปะทะเมื่อวานนี้ใกล้ชายแดนจังหวัดตาห ประชาชนไม่ได้ตั้งใจที่จะเข้ามาพักค้างแรมในฝั่งไทย เพียงแค่เข้ามาเพื่อต้องการพื้นที่ปลอดภัย และเมื่อสถานการณ์ดีขึ้นก็ทยอยเดินทางกลับ ซึ่งจากการติดตามเหตุปะทะเมื่อวานนี้สิ้นลงในเวลา 17 นาฬิกา และ ไม่มีการสูญเสียใดๆ

สำหรับการตรวจสอบและแยกการดำเนินระหว่างกรณีผู้หนีภัยจากการสู้รบ กับผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ถ้าเป็นเรื่องของการฉีดวัคซีนนั้นเป็นเรื่องที่ผู้ว่าราชการจังหวัดดูแลโดยตรง ซึ่งจะให้ความสำคัญกับคนในประเทศเป็นลำดับแรก ส่วนการดูแลประชาชนในประเทศเพื่อนบ้านก็จะเป็นลักษณะของการดูแลตามหลักมนุษยธรรมเป็นหลัก

‘ผช.ผบ.ตร.’ บินด่วนลงนราฯ!! แถลงผลเปิดยุทธการสยบไพรี ค้น 2 จังหวัด ทลายเครือข่ายยาเสพติด จับ! 3 ผู้ต้องหายึดทรัพย์มูลค่า 62 ล้านบาท!!!

วันที่ 17 ธ.ค. 64 ณ กองบังคับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผช.ผบ.ตร. ได้เดินทางมาเป็นประธานในการแถลงข่าวการปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น ตามแผนยุทธการสยบไพรี 65/1 โดยมี พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส. พล.ต.ต.ดุษฎี ชุสังกิจ รอง ผบช.ภ.9 พล.ต.ต.แวสาแม สาและ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส พ.ต.อ.กีรติ แวยูโซ๊ะ รอง ผบก.ภ.จว.ปัตตานี พ.อ.ก่อเกียรติ เข็มแดง รอง ผบ.ฉก.นราธิวาส และนายปรีชา นวลน้อย ปลัด จ.นราธิวาส ได้ร่วมเดินทางมาแถลงข่าวให้ครั้งนี้

โดย พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผช.ผบ.ตร.กล่าวว่า จากการปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น ตามแผนยุทธการสยบไพรี ในครั้งนี้ เป็นการปฏิบัติต่อเนื่องจากแผนปฏิบัติการสยบไพรี 64/1 ในการจับกุม 3 ผู้ต้องหา คือ นายวิเชียร เฉียงเมือง นายชัยยุทธ สุธรรม และนายยศวยศ ราตรีสวรรค์ ในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พร้อมยาบ้า 200,000 เม็ด เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 63 และสามารถยึดทรัพย์ของกลางมูลค่า 51 ล้านบาท ต่อมาเมื่อวันที่ 10 มี.ค. 64 เจ้าหน้าที่ได้ขยายผลสามารถจับกุมบุคคลในเครือข่ายดังกล่าวได้เพิ่มเติมอีก 6 คน ซึ่ง 1 ใน 6 คือ นายเชิดชาย สมรฤทธิ์ มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 125 ม.7 ต.ทุ่งกระดาดพัฒนา อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ ที่มีเครือข่ายอยู่ในพื้นที่ จ.นราธิวาส และ จ.ปัตตานี

นอกจากนี้ พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผช.ผบ.ตร.ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกด้วยว่า จากการปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น ตามแผนยุทธการสยบไพรี 65/1 ในครั้งนี้ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 15 ถึง 17 ธ.ค. 64 ด้วยการปิดล้อมเป้าหมาย 11 จุด โดยแยกเป็นพื้นที่ จ.นราธิวาส 8 จุด ปัตตานี 3 จุด เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมเครือข่ายยาเสพติดของนายเชิดชาย ได้อีก 3 คน คือ 1. น.ส.ซากีรา บือโต ที่บ้านพักเลขที่ 95/1 ม.8 ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส 2. น.ส.ซากียะ อาแว ที่บ้านพักเลขที่ 81 ถ.พิชิตบำรุง ต.บางนาค อ.เมือง จ.นราธิวาส และ 3. น.ส.สุพัชนี แประสามะ อยู่บ้านเลขที่ 4 ม.7 ต.ยี่งอ อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้ในพื้นที่กรุงเทพมหานครในช่วงเช้าของวันนี้ หลังจากเจ้าหน้าที่ได้แกะรอยทราบถึงเส้นทางที่หลบหนี พร้อมกันนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดทรัพย์สินไปตรวจสอบ อาทิ บ้าน รถยนต์และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 265 ใบ ซึ่งมีมูลค่า 11 ล้านบาทไปตรวจสอบ

และหลังจาก พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผช.ผบ.ตร.แถลงข่าวแล้วเสร็จ ได้ถือโอกาสสอบสวนปากคำเบื้องต้น น.ส.ซากีรา บือโต ด้วยตนเอง ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวไว้ ณ ห้องโถง ชั้น 2 ของ กองบังคับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส แต่ไม่ได้รับการเปิดเผยว่า น.ส.ซากีรา บือโต ให้การอย่างไรบ้าง

 

'สิงห์สยามโพล' เผยเสป๊กคนกรุงฯ อยากได้ ผู้ว่า กทม. ไม่สังกัดพรรค ร้อยละ84.1 มีความรู้และความสามารถ แก้ปัญหาจราจรอันดับแรก ด้าน สนาม ส.ก. ยังไม่ตัดสินใจ ร้อยหลัง 51.1

ที่ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “สิงห์สยามโพล”  คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชาญชัย จิตรเหล่าอาพร คณบดีบัณฑิตวิทยาลัยสาขารัฐศาสตร์ แถลงผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร เรื่อง การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) โดยทำการสำรวจข้อมูลระหว่าง วันที่ 1 - 10 ธันวาคม 2564 ด้วยแบบสอบถามออนไลน์จากประชาชนในเขตกรุงเทพที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไป รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,642 ตัวอย่าง  โดยใช้การสุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบหลายขั้นตอน (Multi Stage Random Sampling) เพื่อเลือกพื้นที่ในการเก็บข้อมูลในเขตกรุงเทพ ปริมณฑล และเขตภาคกลางดำเนินการเก็บข้อมูลโดยการสุ่มแบบบังเอิญ (Accidental Sampling) เพื่อเก็บข้อมูลจากประชาชนที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไป 

โดยผลสำรวจระบุว่า ผู้ว่าฯ กทม. ไม่จำเป็นต้องสังกัดพรรคการเมือง โดยด้านคุณลักษณะของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีเห็นว่า คุณลักษณะของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ควรมีความรู้ความสามารถ มากที่สุดถึงร้อยละ 31.1 มากกว่า คุณลักษณะด้านภาวะผู้นำและซื่อสัตย์สุจริต คิดเป็นร้อยละ 15.6 หรือประเด็นอื่นๆ เช่น การเป็นนักประสานผลประโยชน์ระดับชาติและพื้นที่ คิดเป็นร้อยละ 11.1 และโดยเฉพาะการมีคุณธรรม จริยธรรม และอื่นๆ คิดเป็นร้อยละ 8.9 และการมีความมุ่งมั่นตั้งใจ และ ยึดมั่นในกฎระเบียบ คิดเป็นร้อยละ 4.4 ขณะที่ด้านการสังกัดพรรคการเมืองของผู้สมัครรับเลือกตั้ง พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เห็นว่าผู้สมัครรับเลือกตั้งไม่จำเป็นต้องสังกัดพรรคการเมือง คิดเป็นร้อยละ 84.1 แต่หากจำเป็นต้องเลือกผู้สมัครจากพรรคการเมือง พบว่า

พรรคเพื่อไทย คิดเป็นร้อยละ 11.1 พรรคก้าวไกล คิดเป็นร้อยละ 8.9 พรรคอื่นๆ คิดเป็นร้อยละ 6.72 พรรคประชาธิปัตย์ คิดเป็นร้อยละ 6.7 และสุดท้ายพรรคพลังประชารัฐ และพรรคกล้า คิดเป็นร้อยละ 2.2 ซึ่งต่างมีความนิยมใกล้เคียงกัน แต่พบข้อสังเกตว่า พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์นั้นถือเป็นคู่แข่งสำคัญในสนามการเลือกตั้งครั้งนี้ เมื่อมองถึงคาดหวังต่อนโยบายของกรุงเทพมหานครจากผู้ว่า กทม. คนใหม่นั้น พบว่า สภาพปัญหาที่ประชาชนในกรุงเทพมหานครรู้สึกอึดอัดและต้องการการแก้ไขปัญหามากที่สุดยังคงเป็นเรื่องของปัญหาการจราจร (ร้อยละ 26.7) และปัญหาเรื่องของวิถีการใช้ชีวิตปกติ (ร้อยละ 20.0) ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19

โดยมีปัญหาเรื่องการแก้ปัญหาน้ำท่วม และการฉีดวัคซีนเป็นปัญหาที่มีความสำคัญตามมา ทั้งนี้ย่อมพบว่า วัคซีนที่ทางกรุงเทพมหานครได้รับการจัดสรรจากทางรัฐบาลนั้น ยังไม่สอดคล้องกับความต้องการที่แท้จริงของประชาชนในกรุงเทพมหานคร ดังเห็นได้ว่า กลุ่มตัวอย่างทั้งหมดมีความต้องการ Pfizer, Moderna และ Johnson & Johnson รวมเกินกว่าร้อยละ 70

เมื่อพิจารณาเรื่องภูมิหลังด้านการประกอบอาชีพของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครนั้น พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เห็นว่ามาจากอาชีพอื่นๆ มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 80.0 รองลงมาคือ นักการเมือง คิดเป็นร้อยละ 11.1 และสุดท้ายคืออาจารย์ และทหาร คิดเป็นร้อยละ 4.4) ตามลำดับ ย่อมอธิบายได้ว่า ประชาชนในกรุงเทพมหานครนั้นไม่ให้ความสำคัญกับภูมิหลังในการประกอบอาชีพของผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมากนัก ซึ่งเป็นผลเกิดจากความต้องการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครที่มีทักษะ ความรู้ ความสามารถ และเข้าใจปัญหาในรูปแบบ “การแก้ไขแบบสหวิถี (Multi-Application Solution) ที่ต้องบูรณาการทั้งองค์ความรู้ เทคนิค และวิธีการ ที่สอดคล้องกับสภาพหรือบริบทปัญหาที่แตกต่างกัน บนพื้นฐานความเข้าใจในการแก้ไขปัญหาที่ถูกต้อง

ประสบการณ์การทำงานที่เชี่ยวชาญเพียงด้านใดด้านหนึ่งจึงอาจไม่เพียงพอในการตอบโจทย์ของปัญหาที่มีความสลับซับซ้อนในมหานครของกรุงเทพมหานคร
ส่วนแนวโน้มเลือกสมาชิกสภากรุงเทพมหานครตามพรรคหรือกลุ่มที่สังกัดของผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครนั้น พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ไม่แน่ใจหรือลังเลใจ คิดเป็นร้อยละ 51.1 และรองลงมาคือ เลือกตามพรรคหรือกลุ่มที่สังกัด คิดเป็นร้อยละ 28.9 ทั้งนี้ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เห็นว่าผู้สมัครควรเป็นผู้สมัครอิสระ คิดเป็นร้อยละ 51.1 

ละเมิดสิทธิ? นิวซีแลนด์เตรียมแผนห้ามวัยรุ่นเกิดหลังปี 2008 ซื้อ-สูบบุหรี่ | NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช EP.33

อีกบทพิสูจน์ครั้งใหญ่ของรัฐบาลนิวซีแลนด์ หลังวางยุทธศาสตร์ เป็นประเทศปลอดบุหรี่ให้ได้ในปี 2025

แต่ปัญหา คือ ภายใต้ยุทธศาสตร์สู่ปลายทางที่ยิ่งใหญ่ ดันไปเกี่ยวโยงกับประเด็นอ่อนไหว เช่น การ ‘ละเมิดสิทธิ’ 

หลังจากทางรัฐบาลนิวซีแลนด์เตรียมแผน ‘ห้ามวัยรุ่น’ ที่เกิดหลังปี 2008 ซื้อและสูบบุหรี่ ซึ่งฝ่ายที่คัดค้านเรื่องนี้ ก็เดินหน้ากดดันเต็มที่ว่านี่คือการละเมิดสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพส่วนบุคคลของผู้สูบบุหรี่ครั้งใหญ่ แถมอาจจะทำให้บุหรี่ถูกผลักไปอยู่ในตลาดมืด จนทำให้เกิดธุรกิจสีเทา การลักลอบขนส่งบุหรี่อีกด้วย

บทสรุปของเรื่องนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป ก็คงต้องติดตามดูกัน...

NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

โดย อ.ต้อม - กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระและอาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรม ศิลปะและการออกแบบ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

.

.


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top