Sunday, 8 June 2025
TheStatesTimes

‘จักรพรรดิราชวงศ์ชิง’ กับ ‘ประเพณีการมี Sex’ อันแสนลำบาก!! ​| The States Times Story เรื่องจริง ฟังเพลิน โดย เจต ณ นคร EP.48

เราคงเคยได้ดูหนังจีนย้อนยุค ได้เห็นฮ่องเต้มีนางสนมเป็นสิบ เป็นร้อย หากคิดในใจคงต้องสำราญ บานตะไทแน่ ๆ !! แต่หากลองฟังเรื่องราวตามข้อมูลทางประวัติศาสตร์เรื่องนี้ที่จะกล่าวถึง แล้วลองมาคิดตามกันว่า สำราญจริงไหม ? บอกเลยว่าน่าจะกระอักกระอ่วนเป็นแน่...

ตรึงจิต...ให้คิดถึง | MEET THE STATES TIMES EP.46

📌 ตรึงจิต...ให้คิดถึง
📌 น้อมรำลึก คิดถึงพ่อ!! วันคล้ายวันพระราชสมภพ ‘ในหลวง รัชกาลที่ 9'

👄 ในรายการ MEET THE STATES TIMES ข่าวคุยเพลิน

💻 ดำเนินรายการโดย หยก THE STATES TIMES

.

.

นราธิวาส - ศอ.บต.นำร่องโครงการ 1 ข้าราชการ 1 ครัวเรือนยากจน จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจข้อมูลครัวเรือนที่มีฐานะยากจนเพื่อช่วยเหลือ

นายธารธรรม คำแป้น นิติกร ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมด้วย นายอับดุลเลาะ สือรี กำนัน ต.รือเสาะ นายอัสรี หะยีสือนิ ผู้ใหญ่บ้าน ม.10  ต.รือเสาะ และบัณฑิตอาสา ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ได้เดินทางไปยังบ้านของนางเจ๊ะมะ สะอิ อยู่บ้านเลขที่ 292/3 ม.10 บ้านบาซาบาตอ ต.รือเสาะ อ.รือสา จ.นราธิวาส เพื่อสำรวจข้อมูลครัวเรือนที่มีฐานะยากจน ตามโครงการ นำร่องโครงการ 1 ข้าราชการ 1 ครัวเรือนยากจนจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นโครงการนำร่องของ ศอ.บต.ที่บูรณาการขจัดความยากจนพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืน ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ประชุมคณะกรรมการศูนย์บูรณาการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงจังหวัดชายแดนภาคใต้วางแผนการดำเนินงานนำร่องให้ข้าราชการ พนักงานราชการ และลูกจ้าง ศอ.บต. เป็นข้าราชการนำร่องประกบครัวเรือนยากจนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้  ซึ่งมีจำนวนนำร่อง 379 ครัวเรือน ใน 43 อำเภอ จากจำนวนสำรวจทั้งสิ้น 37,395 ครัวเรือน โดยพิจารณาจากเกณฑ์ความยากจนทับซ้อน 5 มิติ คือ มิติความจนด้านสุขภาพ รายได้ การศึกษา ความเป็นอยู่ และความจนด้านมิติการเข้าถึงบริการภาครัฐ หวังขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืน

พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เปิดเผยว่าการแก้ไขปัญหาความยากจน เป็นนโยบายหลักของรัฐบาล ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จชต. โดย ศอ.บต. ในฐานะหน่วยนำการพัฒนา จะเป็นหน่วยขับเคลื่อน เสริม และเพิ่มเติม เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน โดยจะมี การนำร่องโครงการ ให้ข้าราชการ พนักงานราชการ และลูกจ้าง ศอ.บต. ลงพื้นที่ประกบครัวเรือนเป้าหมาย ซึ่งขณะนี้ได้มอบหมายงานเรียบร้อยแล้ว และเตรียมลงพื้นที่ตามแผนที่วางไว้ อย่างไรก็ตาม การลงพื้นที่ประกบ ช่วยเหลือประชาชนในโครงการ 1 ข้าราชการ 1 ครัวเรือนยากจนในครั้งนี้ เป็นการนำร่องเพื่อค้นหารูปแบบที่ดีที่สุด ในการช่วยเหลือประชาชนให้พ้นเกณฑ์ ความยากจนอย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งเป้าให้เห็นเป็นรูปธรรมในไตรมาสที่จะถึงนี้

 

‘ภาพตัดต่อ’ อย่าแชร์!!

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2564 ทางสำนักข่าวออนไลน์ THE STATES TIMES ได้มีการโพสต์ข่าวที่อ้างอิงจาก สำนักข่าวอิศรา (https://www.isranews.org/article/south-news/academic-arena/104493-panitanusa.html) ถึงกรณีที่ไทยถูกเมินและไม่ได้รับเชิญเข้าร่วมเวทีการประชุมสุดยอดด้านประชาธิปไตยของสหรัฐฯ ผ่านมุมมอง ‘รศ.ดร. ปณิธาน วัฒนายากร’ อาจารย์พิเศษประจำภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ลิงก์ข่าวของ THE STATES TIMES : 
>> https://www.facebook.com/111420904033712/posts/466098158565983/
>> https://thestatestimes.com/post/2021112627

>> ปัญหา คือ ตอนนี้ในโลก Social ได้มีบุคคล (ยังไม่ทราบตัวตนแน่ชัด) ได้นำภาพต้นสำเนาจากทางสำนักข่าว THE STATES TIMES ที่ประกอบเนื้อหาข้างต้นไป ‘ตัดต่อ’ และ ‘บิดเบือน’ ใหม่ ในบรรทัดที่ 2 และบรรทัดที่ 3 ดังนี้...

>> ความเดิม ได้แก่...
...เวทีประชาธิปไตย แค่เกมการเมืองสหรัฐฯ 
...ฟากความมั่นคงชี้!! ไทยหลุดโผ สะท้อนไม่ใช่ลิ่วล้อมะกัน

>> กลายเป็น…
...คนแดนไกล อยู่เบื้องหลัง
...อเมริกา ที่ไม่ให้เชิญไทย

จากการตัดต่อดังกล่าว ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเป็นวงกว้าง สร้างความเสียหายต่อทางสำนักข่าวออนไลน์ THE STATES TIMES และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘รศ.ดร. ปณิธาน วัฒนายากร’ อาจารย์พิเศษประจำภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นอย่างมาก 

อีกทั้งล่าสุดข้อความบิดเบือนในภาพดังกล่าว ได้สร้างความเข้าใจผิดให้อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งพอได้เห็นภาพข่าวบิดเบือนนั้น ก็ได้เกิดเป็นข้อพิพาทใหม่ต่อ ‘รศ.ดร. ปณิธาน’ ทั้งที่ท่านมิได้กล่าวถ้อยความบิดเบือน ๆ ใด ๆ หรือพาดพิงถึงอดีตนายฯ แม้แต่น้อย หากแต่เป็นการถูกตัดต่อจากบุคคลที่ประสงค์ร้าย ซึ่งต้องหาทางสืบค้นตัวตนต้นตอต่อไป

อังกฤษประกาศใช้ 'แผนบี' รับมือโอมิครอน หลังพบระบาดเร็วมาก ติดเชื้อเพิ่มเท่าตัวทุก 2-3 วัน

บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ออกข้อกำหนดเมื่อวันพุธ (8 ธ.ค.) ให้ประชาชนทำงานจากที่บ้าน สวมหน้ากากในที่สาธารณะและใช้บัตรผ่านวัคซีนเพื่อชะลอการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตัวกลายพันธุ์โอมิครอน หลังพบข้อมูลการแพร่เชื้อรวดเร็วมาก ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเท่าตัวในทุก 2 ถึง 3 วัน และตัวเลขที่แท้จริงอาจเฉียด ๆ 10,000 คนแล้ว

จอห์นสันระบุว่า โอมิครอนกำลังระบาดอย่างรวดเร็วและเขาไม่มีทางเลือกยกเว้นแต่เคลื่อนเข้าสู่ "แผนบี" พร้อมกับเริ่มดำเนินโครงการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ทั้งนี้ แม้ยังคงห่างไกลจากมาตรการล็อกดาวน์เต็มรูปแบบที่เคยกำหนดในช่วงต้น ๆ ของโรคระบาดใหญ่ แต่มาตรการใหม่นี้ถูกโวยวายว่าเป็นค้อนทุบธุรกิจร้านอาหาร คาเฟ่และห้างร้านทั้งหลาย ที่คาดหวังว่าการค้าขายในช่วงคริสต์มาสจะช่วยกอบกู้สถานะทางการเงินของพวกเขา

ส.ส. หลายคนในพรรคการเมืองของจอห์นสันเองก็แสดงความไม่พอใจต่อข้อจำกัดรอบใหม่เช่นกัน ด้วยหวั่นเกรงต่อผลกระทบของมาตรการดังกล่าว หลังจากเศรษฐกิจของประเทศหดตัวถึง 10% เมื่อปีที่แล้ว รุนแรงสุดเป็นประวัติการณ์

"ขณะที่ภาพรวมอาจดีขึ้น ซึ่งผมก็หวังด้วยความจริงใจว่ามันจะเป็นเช่นนั้น แต่เรารู้ว่าการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อแบบก้าวกระโดด อาจทำให้จำนวนผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นจำนวนมาก และน่าเศร้า ด้วยเหตุนั้น จำนวนผู้เสียชีวิตก็อาจเพิ่มขึ้นเช่นกัน" จอห์นสันกล่าวระหว่างแถลงข่าว

นายกรัฐมนตรีจอห์นสัน ซึ่งยกเลิกข้อจำกัดโควิด-19 เกือบทั้งหมดในอังกฤษในเดือนกรกฎาคม ตามหลังโครงการฉีดวัคซีนที่มีความคืบหน้าอย่างรวดเร็ว เคยประกาศเดินทางเข้าสู่ฤดูหนาวโดยปราศจากทางเลือกของการล็อกดาวน์รอบที่ 4 แต่สำรองไว้ซึ่งมาตรการที่เรียกว่า "แผนบี"

บางส่วนของมาตรการเหล่านั้น เช่น การกลับมาบังคับสวมหน้ากากบนระบบขนส่งสาธารณะและตามห้างร้านต่าง ๆ ได้ถูกบังคับใช้ไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่ในวันพุธ (8 ธ.ค.) จอห์นสันระบุเพิ่มเติมว่า เวลานี้ประชาชนควรทำงานจากที่บ้าน

มาตรการสวมหน้ากากจะถูกบังคับใช้ในสถานที่สาธารณะ อย่างเช่น โรงภาพยนตร์และโรงละคร และจะมีการบังคับแสดงบัตรผ่านโควิด-19 สำหรับเข้าไปในไนต์คลับและสถานที่ต่าง ๆ ที่มีผู้คนจำนวนมาก

จอห์นสันกล่าวว่า มาตรการนี้มีความจำเป็น หลังพบเคสผู้ติดเชื้อตัวกลายพันธุ์โอมิครอนแล้ว 568 รายในประเทศ ซึ่งข้อมูลบ่งชี้ว่ามันใช้เวลา 2 ถึง 3 วันในการแพร่กระจายเชื้อเพิ่มขึ้นเท่าตัว

‘Marine One’ เฮลิคอปเตอร์ประจำตำแหน่ง ประธานาธิบดีสหรัฐฯ

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นอกจากมีเครื่องบิน  Air Force One เป็นเครื่องบินประจำตำแหน่งแล้ว ยังมี “Marine One” เป็นเฮลิคอปเตอร์ประจำตำแหน่งสำหรับการเดินทางระยะสั้น ๆ อีกด้วย วันนี้จึงขอนำมาเล่าให้อ่านกันครับ

เฮลิคอปเตอร์ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แบบแรก Bell UH-13J Sioux

การใช้เฮลิคอปเตอร์ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งแรกเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2500 เมื่อประธานาธิบดี “ดไวต์ ดี. ไอเซนฮาวร์” เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์แบบ Bell UH-13J Sioux โดยประธานาธิบดีไอเซนฮาวร์ ต้องการวิธีที่รวดเร็วในการไปบ้านพักฤดูร้อนในมลรัฐเพนซิลเวเนีย การใช้เครื่องบิน Air Force One คงเป็นไปไม่ได้ในระยะทางสั้น ๆ เช่นนี้ และไม่มีสนามบินใกล้บ้านของประธานาธิบดีไอเซนฮาวร์ ที่ต้องมีรันเวย์ปูพื้นเพื่อรองรับการขึ้น-ลงของเครื่องบินปีกตรึง (Fix wing) 

ดังนั้นประธานาธิบดีไอเซนฮาวร์ จึงสั่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบรูปแบบการเดินทางแบบอื่น ๆ และเฮลิคอปเตอร์แบบ Sikorsky UH-34 (Sea Horse : ม้าน้ำ) ก็ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่เฮลิคอปเตอร์ประจำตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯเป็นแบบแรก โดยกองบินของหน่วยบัญชาการนาวิกโยธินจนกระทั่งปัจจุบัน เฮลิคอปเตอร์แบบแรกขาดสิ่งอำนวยความสะดวกสมัยใหม่สำหรับการเดินทาง เช่น เครื่องปรับอากาศ และห้องสุขา

HH-34 เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพบกสหรัฐฯ ที่ใช้งานโดยประธานาธิบดีฯ มีนามเรียกขานว่า Army One

ไม่นานหลังจากใช้งานเฮลิคอปเตอร์ประจำตำแหน่งประธานาธิบดี คณะทำงานของประธานาธิบดีฯ ได้ขอให้หน่วยบัญชาการนาวิกโยธินทำการสำรวจตรวจสอบ เพื่อใช้สนามหญ้าด้านทิศใต้ของทำเนียบขาวในการลงจอดของเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งพบว่า มีพื้นที่ว่างเพียงพอ และมีการออกระเบียบการขึ้น-ลง จนถึงปี พ.ศ. 2519 หน่วยบัญชาการนาวิกโยธินได้ร่วมรับผิดชอบในการเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ของประธานาธิบดีฯ ร่วมกับกองทัพบกสหรัฐฯ เฮลิคอปเตอร์ฯของกองทัพบกใช้สัญญาณเรียกขาน Army One ขณะที่ประธานาธิบดีอยู่บนเครื่อง

เฮลิคอปเตอร์แบบ VH-3D เข้าประจำการในปี พ.ศ. 2521 (ลำบน)
และเฮลิคอปเตอร์แบบ VH-60N เข้าประจำการในปี พ.ศ. 2530 (ลำล่าง)

เฮลิคอปเตอร์แบบ VH-3D เข้าประจำการในปี พ.ศ. 2521 และเฮลิคอปเตอร์แบบ VH-60N เข้าประจำการในปี พ.ศ. 2530 และประจำการคู่กับเฮลิคอปเตอร์แบบ VH-3D หลังจากใช้งานเฮลิคอปเตอร์ทั้งสองรุ่นแล้ว ได้มีการปรับปรุงเพื่อใช้ประโยชน์จากการพัฒนาทางเทคโนโลยีและเพื่อตอบสนองความต้องการภารกิจใหม่ เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2544 ได้มีการเพิ่มน้ำหนักในเฮลิคอปเตอร์มากด้วยอุปกรณ์ต่าง ๆ จนทำให้ความสามารถในการปฏิบัติภารกิจลดลง และมีการปรับปรุงใหม่ ๆ เพิ่มเติมอีกเล็กน้อย

พันตรี Sarah Deal Burrow นักบินหญิงคนแรกที่ทำการบินกับขึ้นบิน Marine One

ปี พ.ศ. 2552 มีเฮลิคอปเตอร์แบบ VH-3D 11 ลำและเฮลิคอปเตอร์แบบ VH-60N อีก 8 ลำ ในฝูงบินเฮลิคอปเตอร์นาวิกโยธินที่ 1 (Marine Helicopter Squadron One (HMX-1)) สำหรับประธานาธิบดีและบุคคลสำคัญอื่น ๆ วันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 Marine One ได้ทำการบินด้วยลูกเรือหญิงล้วนเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นเที่ยวบินสุดท้ายของพันตรี Sarah Deal Burrow นักบินหญิงคนแรกที่ทำการบินกับขึ้นบิน Marine One

จนถึงปี พ.ศ. 2552 Marine One ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุหรือถูกโจมตี อย่างไรก็ตาม ในปี พ.ศ. 2549 ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ได้ขึ้น Marine One พร้อมกับเลขาฯ ด้านสื่อมวลชน แต่เฮลิคอปเตอร์ "เกิดขัดข้อง" ดังนั้นประธานาธิบดีจึงต้องเดินทางออกจากทำเนียบขาวด้วยขบวนรถแทน

เหตุการณ์โจมตีสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2545 (เหตุการณ์ 911) ทำให้ฝูงบินเฮลิคอปเตอร์ Marine One จำเป็นต้อง Up grade ระบบการสื่อสาร การขนส่ง และระบบรักษาความปลอดภัยอย่างมีนัยสำคัญ แต่ข้อจำกัดด้านน้ำหนักทำให้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้มากนัก

ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2545 กระทรวงกลาโหมได้เริ่มโครงการ VXX ซึ่งมอบหมายให้กองทัพเรือกำหนดแบบเฮลิคอปเตอร์ประจำตำแหน่งประธานาธิบดีใหม่ภายในปี พ.ศ. 2554 ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2545 ทำเนียบขาวขอให้กระทรวงกลาโหมเร่งพัฒนาเฮลิคอปเตอร์ Marine One รุ่นใหม่ กระทรวงกลาโหมแถลงว่า เฮลิคอปเตอร์ Marine One รุ่นใหม่จะพร้อมใช้งานภายในสิ้นปี พ.ศ. 2551 และขอให้บริษัทที่ชนะการเสนอราคาโครงการนี้เริ่มพัฒนาและผลิตไปพร้อมกัน

นศ.มรภ.บ้านสมเด็จฯ สร้างชื่อ คว้า 3 รางวัล แข่งขันสร้างเกมระดับนานาชาติ ที่เมืองจีน

มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา แจ้งว่า นักศึกษาสาขาวิชาแอนิเมชัน เกม และดิจิทัลมีเดีย คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คว้ารางวัลจากการแข่งขันสร้างเกมระดับอุดมศึกษา "The sixth international college students GameJam" จัดโดย Jilin Animation Institute ประเทศจีน ได้แก่ รางวัลชนะเลิศ (Gold award) รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 (Bronze award) และรางวัลผลงานดีเด่น รวม 3 รางวัล โดยปีนี้ มีนักศึกษามหาวิทยาลัย 16 ทีม จาก 7 ประเทศ ได้แก่ สหราชอาณาจักร รัสเซีย ญี่ปุ่น ไทย เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ และจีน เข้าร่วมการแข่งขันสร้างเกมออนไลน์ โดยต้องสร้างผลงานแอนิเมชันภายใต้หัวข้อ "Hand in Hand for Olympic Winter Games" และส่งผลงานเข้าระบบพร้อมแสดงผลประกอบคำบรรยายภายในระยะเวลาที่กำหนด

นายหวู ยื่อ เลขาธิการ คณะกรรมการ Jilin Animation Institute ประเทศจีน ในฐานะเจ้าภาพจัดการแข่งขัน เปิดเผยถึงที่มาของการจัดงานว่า “การแข่งขันสร้างเกมระดับอุดมศึกษานานาชาติครั้งนี้เป็นปีที่ 6 แล้ว ซึ่งน่ายินดีที่ปีนี้มีนักศึกษาเข้าร่วมแข่งขันจาก 7 ประเทศ แม้ว่าการระบาดของโควิด-19 ทำให้เราต้องปรับรูปแบบการแข่งขันโดยใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ในการจัดกิจกรรม ทุกทีมจึงมีอุปสรรคในเรื่องการสื่อสาร สถานที่ และระยะเวลาที่กดดันมากกว่าปกติ ถือเป็นความท้าทายในการพัฒนาเกมสำหรับนักศึกษาที่ต้องมีความพยายามมากเป็นพิเศษในการใช้ทักษะ ความคิดสร้างสรรค์และการระดมความคิด ทั้งวิชาการและเทคโนโลยี ควบคู่กับฝึกการทำงานเป็นทีมร่วมกันบนแพลตฟอร์มออนไลน์ นับเป็นปีแห่งการแข่งขันที่น่าจดจำ”

การแข่งขันสร้างเกมภายใต้หัวข้อ "Hand in Hand for Olympic Winter Games" ครั้งนี้ มีตัวแทนนักศึกษา 16 ทีม จาก 7 ประเทศ ได้แก่ Tokyo University of Technology, Nihon University, มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา, มหาวิทยาลัยรังสิต, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี, Chungkang College of Cultural Industries, iAcademy, University of Portsmouth, St. Petersburg State University of Film and Television, Shenzhen University, the Guangzhou Academy of Fine Arts, Guilin University Of Electronic Technology, Guangxi Arts University, Hebei Academy of Fine Arts และ Jilin Animation Institute

ผลการแข่งขัน นักศึกษาสาขาวิชาแอนิเมชัน เกม และดิจิทัลมีเดีย คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา สามารถคว้ารางวัลได้ถึง 3 รางวัล ได้แก่
1.) รางวัลชนะเลิศเหรียญทอง โดย นายทักษิณ บรรจงศักดิ์ศิริ และนายวงศพัท เลือดทหาร
2.) รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 โดย นางสาวภัทรานิษฐ์ โจว
และ 3.) รางวัลทีมดีเด่น Outstanding team award โดย นายกรเกียรติยศ พุ่มผล และนายเทพกร ระวิงทอง

‘ผช.รมว.แรงงาน’ มอบนโยบายอาสาสมัครแรงงานจังหวัดชลบุรี 280 คน ร่วมกันพัฒนาประเทศก้าวข้ามวิกฤตไปด้วยกัน!!

วันที่ 9 ธันวาคม 2564 เวลา 09.30 น. นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน เป็นประธานมอบนโยบายแก่อาสาสมัครแรงงานจังหวัดชลบุรี ณ ห้องประชุมชลบุรี ศาลากลางจังหวัดชลบุรี โดยกล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID–19) ประเทศไทยได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงเมื่อต้นปี 2564 ที่เกิดการแพร่ระบาดกระจายเป็นวงกว้าง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการดำเนินธุรกิจของสถานประกอบกิจการหลายแห่งในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ที่ต้องถูกรัฐสั่งปิดการให้บริการ รวมไปถึงสถานประกอบกิจการรายเล็กที่แบกรับภาระค่าใช้จ่ายไม่ไหวทำให้ต้องปิดกิจการลงในที่สุด ก่อให้เกิดปัญหาการว่างงานเป็นจำนวนมาก

ซึ่งจากฐานข้อมูลของจังหวัดชลบุรี พบว่า มีสถานประกอบกิจการปิดกิจการชั่วคราว จำนวน 562 แห่ง ลูกจ้างได้รับผลกระทบ จำนวน 159,644 คน สูงสุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ กิจการประเภทการผลิต 140 แห่ง การขายส่งขายปลีก 165 แห่ง ที่พักและบริการด้านอาหาร 62 แห่ง ในส่วนของการให้ความช่วยเหลือและเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ กระทรวงแรงงานโดยสำนักงานประกันสังคมจังหวัดชลบุรี ได้ดำเนินการจ่ายสิทธิประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานเนื่องจากเหตุสุดวิสัย จำนวน 1.33 แสนราย คิดเป็นเงิน 1,527 ล้านบาท และได้มีการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันเชื้อโรคโควิด 19 ให้กับผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม มาตรา 33 จำนวน 171,153 ราย

สำหรับในปีงบประมาณ 2565 กระทรวงแรงงาน โดยท่านรัฐมนตรีสุชาติ ชมกลิ่น ได้แถลงนโยบายเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2564 ประกอบด้วย นโยบายเร่งด่วนที่ต้องเร่งดำเนินการ ได้แก่ 1.ยกระดับกระทรวงแรงงานเป็นกระทรวงเศรษฐกิจ 2.กระตุ้นการจ้างงานตามความต้องการในระบบเศรษฐกิจใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ 3.บริหารจัดการแรงงานต่างด้าวอย่างเป็นระบบ 4.เร่งรัด ปรับปรุง แก้ไขพระราชบัญญัติประกันสังคมให้สอดคล้องกับบริบทสถานการณ์ปัจจุบันและรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต และ 5.ดูแลให้แรงงานและนายจ้างสามารถทำงาน ในสถานการณ์ที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 ได้อย่างปลอดภัยและเป็นปกติสุข และนโยบายสำคัญที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ได้แก่

1.พัฒนาทักษะแรงงานให้เป็นแรงงานคุณภาพ เตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดประเทศและรองรับเศรษฐกิจใหม่

2.บริหารจัดการแรงงานในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ และในอุตสาหกรรมเป้าหมาย

3.ต่อยอดการประกอบอาชีพ ยกระดับรายได้ และเศรษฐกิจชุมชน รวมทั้งในพื้นที่โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

4.ยกระดับการป้องกันแก้ไขปัญหาหารค้ามนุษย์ด้านแรงงานเพื่อปลดล็อก Tier 2 Watch List

5.พัฒนา ปรับปรุง และส่งเสริมการคุ้มครองแรงงาน ระบบสวัสดิการ และหลักประกันทางสังคม และยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย อาชีวอนามัย ในการทำงานให้สอดคล้องกับสภาวะสังคม เศรษฐกิจ และรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไป

6.บริหารจัดการแรงงานนอกระบบ แรงงานกลุ่มเปราะบาง แรงงานสูงอายุและคนพิการให้ได้รับสิทธิและคุ้มครองด้านแรงงาน สวัสดิการและหลักประกันทางสังคมอย่างเท่าเทียม มีรายได้ที่เหมาะสมและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ลดความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ของประเทศ นำไปสู่การฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน และ

7.พัฒนาระบบฐานข้อมูลด้านแรงงานกระทรวงแรงงาน (Big Data) และบูรณาการข้อมูลภาครัฐเพื่อการบริหาร วางยุทธศาสตร์ด้านแรงงานและหลักประกันทางสังคมอย่างเป็นระบบ

อาสาสมัครแรงงาน คือ ผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบาย และมีส่วนร่วมในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ของกระทรวงแรงงาน ได้แก่

1.กระตุ้น ส่งเสริม รักษาการจ้างงาน และการขยายตลาดแรงงานในต่างประเทศ ได้แก่ การประกอบอาชีพอิสระ การรับงานไปทำที่บ้านให้แก่ผู้ว่างงานและผู้จบการศึกษาใหม่

2.ส่งเสริมการจ้างงานแรงงานคนไทยและบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวอย่างเป็นระบบ

3.ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เชิงรุกในกลุ่มแรงงาน และสถานประกอบการโดยใช้มาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เช่น การดำเนินโครงการ Factory Sandbox

4.ยกระดับการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน Up-skill Re-skill New skill โดยการอบรมให้กับแรงงานกลุ่มว่างงานให้มีความรู้เพียงพอต่อการทำงานเป็นการเพิ่มผลิตภาพแรงงานเพื่อกลับเข้าสู่ตลาดแรงงาน โดยการส่งเสริมการเรียนรู้วิธีการทำงานใหม่ ๆ ผ่านช่องทางออฟไลน์และออนไลน์

5.พัฒนาทักษะอาชีพให้กับเยาวชน คนรุ่นใหม่ที่นิยมทำงานรูปแบบแรงงานอิสระไม่ขึ้นกับองค์กรใดองค์กรหนึ่ง

6.ส่งเสริมอาชีพอิสระที่ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นเป็นหลักในการประกอบอาชีพ ตอบรับภาคการผลิตสู่เศรษฐกิจฐานนวัตกรรมและชุมชนที่ยั่งยืน

7.บูรณาการทำงาน สร้างความรู้ความเข้าใจแก่แรงงาน ผู้ประกอบการและภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนในการร่วมกันป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ทุกมิติ และ

8.ยกระดับคุณภาพชีวิตในการทำงานให้ดีขึ้น และส่งเสริมให้มีการพัฒนาแรงงานที่ยั่งยืนโดยคนหางานทุกคนมีโอกาสในการทำงานตามความสามารถของตน มีรายได้ที่เหมาะสม ได้รับการพัฒนาฝีมือที่ได้มาตรฐาน ได้รับความคุ้มครองตามสิทธิพื้นฐาน มีสวัสดิการเพิ่มขึ้น มีสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดีและมีหลักประกันทางสังคมที่สอดคล้องกับความจำเป็นพื้นฐานในการดำรงชีพ

 

ว่าที่ผู้ว่าฯ กทม. หญิงคนแรก หาก ‘ก้าวไกล’ กล้าดันวัดศรัทธาคนกรุง

ภายหลังจบศึกสมรภูมิการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น ทั้งสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.), สมาชิกสภาเทศบาล และสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เพิ่งจบไปหมาด ๆ นั้น

สมรภูมิถัดไปที่น่าจะแวะเวียนมาในเวลาอันใกล้ คงต้องเป็นคิวของเวทีเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งคาดกันว่าน่าจะเกิดขึ้นภายในปี 2565 เพราะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ก่อนที่รัฐบาลชุดนี้จะครบวาระในปี 2566

พูดถึงสนามเลือกตั้งผู้ว่าฯ คนกรุง ก็ต้องบอกว่าถูกแช่แข็งมานาน ตั้งแต่เกิดการรัฐประหารเมื่อปี 2557 นั่นจึงทำให้การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ ครั้งที่จะถึงนี้ น่าจะมีความคึกคัก และดุเดือดมากกว่าครั้งไหน ๆ เพราะน่าจะเป็นการวัดพลังของบรรดาพรรคใหญ่ชื่อดังทั้งเก่าและใหม่ ว่าใครคือตัวจริงที่ยังยึดพื้นที่เมืองหลวงเป็นฐานที่มั่นไว้ได้ในรอบนี้ได้

>> สังเวียนวัดพลัง ‘พรรค’ ผู้อยู่เบื้องหลังเจ้าเมืองบางกอก

อย่างไรซะ แม้ตอนนี้จะยังไม่มีกำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจนว่า การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเมื่อไร? แต่หลายพรรคการเมืองก็เริ่มเคลื่อนไหวกันแล้ว ทั้งพรรคเพื่อไทย, พลังประชารัฐ, ก้าวไกล และประชาธิปัตย์ เพียงแต่ยังอุบชื่อแคนดิเดตกันไว้อยู่

ทว่าถึงพรรคเหล่านี้จะยังอุบชื่อตัวผู้สมัครไว้ แต่วงในการเมือง เขาก็พอจะรู้กันเนือง ๆ ว่าพรรคไหนจะส่งใคร หรือจะสนับสนุนใคร

ถ้าใครที่พอจะติดตามข่าวสารการเมืองอยู่บ้าง คงทราบว่าเต็งหนึ่งในสนามเลือกตั้งผู้ว่ากทม. รอบนี้ คงเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก ‘ชัชชาติ สิทธิพันธุ์’ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ฉายารัฐมนตรีที่แกร่งที่สุดในปฐพี ในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ยังคงมาแรงอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะทำโพลล์สำรวจกี่ครั้ง คนกรุงเทพฯ ก็ยังเทคะแนนให้เป็นอันดับแรกทุกครั้ง 

ถึงกระนั้นก็คงต้องตามกระแสลมของ ‘พรรคเพื่อไทย’ ดูไว้หน่อยว่าจะส่งผู้สมัครผู้ใดเข้าแข่งด้วยหรือไม่ เพราะถึงแม้ ‘ชัชชาติ’ จะมีสัมพันธ์อันดีกับพรรคเพื่อไทย แต่ในการลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่ากทม. ในครั้งนี้ เจ้าตัวลงสมัครในนามอิสระ และยืนยันมาตลอดว่า ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทยอีกแล้ว

ข้ามฟากมา ‘พรรคพลังประชารัฐ’ ซึ่งยืนยันมาตลอดเช่นกันว่า จะไม่ส่งผู้สมัครชิงตำแหน่ง แต่หากพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่ากทม.คนปัจจุบัน ตัดสินใจลงแข่งเพื่อเป็นผู้ว่าอีกสมัย ก็ต้องวัดใจผู้ใหญ่ในพปชร. ว่าจะสนับสนุนต่อหรือไม่ หรือ จะมีทางเลือกอื่น ซึ่งตอนนี้เริ่มมีชื่อ ‘ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร’ หรือ ผู้ว่าหมูป่า ขึ้นมาเป็นแคนดิเดตอีกคน

ขณะที่ ‘พรรคประชาธิปัตย์’ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่เก่ามายาวนานหลายปี ก่อนที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร จะถูกพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช้อำนาจตาม ม.44 ปลดพ้นตำแหน่ง เมื่อปี 2559 ก็ดูเหมือนจะหมายมั่นปั้นมือที่จะกลับมาทวงคืนศรัทธาจากคนกรุงอีกครั้ง หลังจากเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อปี 2562 พรรคประชาธิปัตย์ถูกเท ไม่ได้แม้แต่เก้าอี้เดียวในกทม. เพราะเจอทั้งกระแส ‘ลุงตู่ฟีเวอร์’ กับ ‘ความแรงของพรรคอนาคตใหม่’ 

กล่าวโดยสรุปแล้ว รายชื่อของผู้สมัคร ก็คงไม่น่าจะหนีจากกระแสข่าวหลักมากนัก ยิ่งไปกว่านั้นเหล่าคอการเมืองคงทราบกันดีว่า สมรภูมิการเลือกตั้งในกทม. นั้น จะต้องอาศัยทั้งชื่อชั้นของผู้สมัคร และ ความนิยมในพรรคการเมืองที่สังกัด จึงจะได้รับเสียงสนับสนุนจากคนกทม. ได้อย่างแท้จริง

>> โจทย์หินเจ้าเมืองบางกอก ต้องลอกคราบพรรคการเมือง

ฉะนั้นแม้จะมีภาพพรรคการเมืองอุ้มหลังแต่เก่าก่อน หากแต่วันนี้จะเว้าวอนให้คนกรุงเทใจให้ บรรดาผู้สมัครก็คงจะต้องสลัดพันธุกรรมการเมืองเมื่อคิดลงสู่สนามนี้ เหมือนที่ ชัชชาติ ประกาศชัดว่า จะลงผู้ว่ากทม. โดยไม่สังกัดพรรคการเมืองใด นั่นเพราะไม่ต้องการให้ติดภาพความสัมพันธ์กับพรรคเพื่อไทย เพราะยังมีคนกรุงจำนวนไม่น้อยที่ต่อต้านพรรคอยู่ เรียกว่าวัดกันที่แสงส่วนตัวไปเลยเพียว ๆ

นั่นก็เพราะภาพการเมืองที่ผ่านมาหลายปี มันทำลายหวังของคนกรุงไปพอควร ฉะนั้นหากต้องการให้กรุงเทพฯ มีความเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา การให้โอกาสคนที่มีความรู้ความสามารถ สอดแทรกขึ้นมาบริหารกรุงเทพมหานคร ไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นใหม่หรือเก่า แต่ไร้กลิ่นการเมืองเกาะกาย ก็คงเป็นเรื่องที่น่าสนใจ

พบ ‘โอไมครอน’ กลายพันธุ์ใน 3 ประเทศ ตรวจพบยากขึ้น ถูกขนานนาม ‘สเตลท์โอไมครอน’

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 8 ธันวาคมนี้ระบุว่า มีการพบเชื้อกลายพันธุ์โอไมครอน เกิดการกลายพันธุ์ซ้ำขึ้นในอย่างน้อย 3 ประเทศ

ทั้งนี้ ทีมนักวิทยาศาสตร์ที่เฝ้าระวังการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด-19 เผยแพร่รายงานผลการวิเคราะห์เชื้อโอไมครอนล่าสุดไว้ใน GitHub ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนข้อมูลทางวิชาการเกี่ยวกับโควิด-19 ของบรรดานักวิจัยทั่วโลกเมื่อวันที่ 7 ธันวาคมนี้ว่า ตรวจพบการกลายพันธุ์ของเชื้อกลายพันธุ์โอไมครอน ที่แสดงถึงการกลายพันธุ์จำนวนมากแบบเดียวกับการกลายพันธุ์ของเชื้อโอไมครอน แต่ไม่ได้ครบทั้ง 50 ตำแหน่งเหมือนกับ โอไมครอน ดั้งเดิม หรือ บี.1.1.529


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top