สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนภัยแก๊งทวงหนี้เงินกู้ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ยังระบาด ตั้งสติให้ดี อย่าตื่นตระหนกและหลงเชื่อ รวบรวมหลักฐานเพื่อแจ้งดำเนินคดี
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์นำเสนอข่าว แก๊งทวงหนี้เงินกู้นอกระบบ โทรมาข่มขู่เหยื่อแจ้งว่าติดหนี้ รวมถึงใช้กลอุบาย หลอกลวงเพื่อให้ยอมชำระหนี้นั้น
ห้วงที่ผ่านมายังปรากฏว่ามีแก๊งมิจฉาชีพ แอบอ้างใช้กลอุบาย โทรหาเหยื่อแจ้งว่าติดหนี้เงินกู้ ทำการข่มขู่ จะมาทำร้าย หรือหากไม่ชำระหนี้จะนำข้อมูลส่วนตัวไปขายต่อทำให้เสียชื่อเสียง ดังเช่นกรณีในวันที่ 29 พ.ย. 64 หญิงรายนึงซึ่งเป็นแม่ค้าใน จว.นนทบุรี หลงเชื่อแอปพลิเคชันเงินกู้ออนไลน์จำนวน 20,000 บาท ถูกข่มขู่และคุกคามไปถึงบุคคลในครอบครัว และเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 64 สื่อสังคมออนไลน์นำเสนอคลิปวิดีโอแก๊งทวงหนี้มีการพูดคุยระหว่างอัยการท่านนึง ถูกแก๊งทวงหนี้โทรมาข่มขู่ อ้างว่าติดยอดกู้ยืมเงิน จำนวน 3,000 บาท ซึ่งไม่ได้กู้ยืมจริง รวมถึงกรณีเมื่อวันที่ 20 พ.ย. 64 ชาวบ้านใน อ.วิเชียรบุรี จว.เพชรบูรณ์ ถูกแก๊งเงินกู้ออนไลน์โทรมาทวงหนี้จำนวนรายละ 5,000 บาท โดยใช้วิธีการด่าทอและใช้คำหยาบ เป็นต้น
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เล็งเห็นความสำคัญและมีความห่วงใยประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการกู้เงินนอกระบบ ถูกเอารัดเอาเปรียบ ถูกทวงถามหนี้โดยผิดกฎหมาย จึงกำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการให้ความช่วยเหลือประชาชนและสืบสวนปราบปรามดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายอย่างจริงจัง
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล โดยกำชับไปยังทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องทุกพื้นที่ทำการสืบสวนหาข่าว ปราบปรามดำเนินคดีกับแก๊งทวงหนี้นอกระบบ บุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่มีพฤติการณ์ ให้ประชาชนกู้ยืมเงินโดยผิดกฎหมาย เรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด หรือมีลักษณะเป็นการทำสัญญาเอารัดเอาเปรียบประชาชน การทวงถามหนี้โดยผิดกฎหมาย หรือการกู้ยืมเงินที่มีลักษณะเป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งถือว่าเป็นภัยที่ซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชนห้วงการแพร่ระบาดโควิด-19
