Saturday, 14 June 2025
TheStatesTimes

ครม. เห็นชอบ ท่าทีไทย ในเวที องค์การการค้าโลก

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบท่าทีไทยในการประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้าโลกสมัยสามัญครั้งที่ 12 (the Twelfth Ministerial Conference: MC12) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะมีการประชุมระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 3 ธันวาคม 2564 ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ซึ่งการประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้าโลกสมัยสามัญ ถือเป็นกลไกการดำเนินงานระดับสูงสุดขององค์การการค้าโลก ทำหน้าที่ตัดสินใจในนโยบายและกิจกรรมสำคัญขององค์การการค้าโลก โดยจะจัดประชุมทุก 2 ปี สำหรับท่าทีประเทศไทยประกอบด้วย 10 ด้าน ดังนี้

1.ภาพรวม ไทยจะรักษาไว้ซึ่งระบบการค้าพหุภาคี และให้ความสำคัญกับการเปิดเสรีการค้าบริการอย่างค่อยเป็นค่อยไป รวมถึงสนับสนุนความร่วมมือเพื่อรองรับการฟื้นฟูเศรษฐกิจภายหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 2.ความตกลงว่าด้วยการอุดหนุนประมง 3.ความตกลงเกษตร 4.แผนการดำเนินการด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ 5.การต่ออายุการยกเว้นการฟ้องร้อง กรณีได้รับความเสียหายหรือเสียประโยชน์อันพึงได้รับจากพันธกรณี

‘ชัยวุฒิ’ มั่นใจ ดีลควบรวม ทรู-ดีแทค ไม่ผูกขาด แจง รัฐบาลมีแค่หน้าที่ดูแลผลกระทบประชาชน

‘ชัยวุฒิ' ระบุ ทรู-ดีแทค จับมือควบรวม เรื่องปกติทางธุรกิจ เชื่อ ผูกขาดยาก แจง รัฐบาลมีแค่หน้าที่ดูแลผลกระทบประชาชน

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซี.พี.) บริษัทแม่กลุ่มทรู และกลุ่มเทเลนอร์ บริษัทแม่ของดีแทค จะมีการลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MoU-Memorandum of Understanding) ทางธุรกิจระหว่างกัน ว่า เรื่องดังกล่าวไม่ได้อยู่ในอำนาจของตนที่จะไปกำกับดูแล ในทางธุรกิจเป็นสิทธิ์ของบริษัทที่จะวางแผนหรือสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อการลงทุน หรือลดค่าใช้จ่าย เพื่อทำให้การบริการดีขึ้น

เมื่อถามว่า การควบรวมดังกล่าวจะเป็นการผูกขาดทางธุรกิจหรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า จะผูกขาดอย่างไร เพราะเรื่องมือถือมีการแข่งขันอยู่แล้ว และมีการกำกับดูแลโดย กสทช. ถือเป็นเรื่องปกติ ธุรกิจประเภทนี้มีหลายเจ้าผูกขาดไม่ได้อยู่แล้ว เพราะลงทุนสูง ต้องมีการขอสัมปทานการใช้คลื่นความถี่ บางประเทศยังมีแค่เจ้าเดียว  ถ้ามีหลายเจ้าและต่างคนต่างลงทุนจะเป็นการสิ้นเปลือง ต้นทุนสูงขึ้น ประชาชนต้องจ่ายบริการเพิ่มขึ้น เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการวางแผนธุรกิจ ส่วนรัฐบาลเพียงเข้าไปกำกับดูแลว่าให้บริการกี่เจ้า และจะมีผลกระทบต่อประชาชนอย่างไร  

เคาะงบ 2.6 ล้าน ซื้อไอโฟน 12 แจกฝ่ายบริหารทำเนียบ 111 เครื่อง

สำนักนายกฯ เคาะงบ 2.6 ล้าน ซื้อไอโฟน 12 จำนวน 111 เครื่อง แจกฝ่ายบริหารประจำทำเนียบรัฐบาล ทดแทนของตกรุ่น ที่จัดซื้อเมื่อ 4 ปีก่อน กำหนดสเปก 2 ขนาด 128 GB 23 เครื่อง เครื่องละ 26,440 บาท และขนาด 64 GB 88 เครื่อง เครื่องละ 24,570 บาท

วันนี้ (23 พ.ย. 64) มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) เผยแพร่ประกาศผลการจัดซื้อ และสัญญาจ้าง ให้บริษัท สหธุรกิจ จำกัด เป็นผู้ได้รับการคัดเลือก ตามโครงการจัดซื้อโทรศัพท์เคลื่อนที่ (มือถือ) จำนวน 111 เครื่อง วงเงิน 2,681,355.80 บาท จากงบประมาณที่ได้รับจัดสรร 2,965,300 บาท

สำนักงานเลขาธิการ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กำหนดราคากลาง (ราคาอ้างอิง) ไว้เมื่อ 23 กันยายน พ.ศ. 2564 ที่วงเงิน 2,964,199.60 บาท

โดยระบุในหนังสือเชิญชวนโครงการนี้ ว่า สลน. เป็นหน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวกับการปฏิบัติราชการด้านการเมือง ด้านวิชาการ ด้านเลขานุการ ทำหน้าที่ศูนย์ประสานการบริหารราชการแผ่นดินของนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้บริหารฝ่ายการเมือง

“เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ทันเหตุการณ์ มุ่งผลสัมฤทธิ์และเป็นไปตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี และเพื่อใช้ในราชการเพื่อทดแทนของเดิม ซึ่งได้จัดหาเมื่อปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ที่ปัจจุบันเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน”

ครม.ไฟเขียว ออมสินปล่อยกู้รายละ 3 แสน ดอกเบี้ย 3.99% กลุ่มไหนเข้าเกณฑ์ เช็กเลย!

เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้ธนาคารออมสิน ดำเนินมาตรการสินเชื่อสร้างงานสร้างอาชีพ อนุมัติงบประมาณ 1,500 ล้านบาท ในส่วนที่ธนาคารออมสิน ขอชดเชยความเสียหายที่เกิดจากหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL ร้อยละ 30 ของวงเงินสินเชื่อที่อนุมัติทั้งหมด 5,000 ล้านบาท ทั้งนี้ เพื่อดำเนินมาตรการสินเชื่อสร้างงานสร้างอาชีพเพื่อช่วยเหลือประชาชน เป็นเงินทุนเริ่มต้นในการประกอบอาชีพ ลดการพึ่งพาสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง หรือสินเชื่อนอกระบบ บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19

โดยมีกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่

1.) ผู้เริ่มประกอบอาชีพและผู้ประกอบการรายย่อย เช่น ผู้ผ่านการอบรมอาชีพช่างทุกประเภท เช่น ช่างปูน ช่างแอร์ ช่างไฟฟ้าช่างเชื่อม ช่างซ่อมอุปกรณ์ เป็นต้น และผู้ที่ไม่ใช่ช่าง เช่น เสริมสวยหรือตัดผมชาย คนขายของออนไลน์ เป็นต้น โดยมีใบประกาศนียบัตร หรือวุฒิบัตร ที่ผ่านการอบรมจากหน่วยงานภาครัฐหรือเอกชน หรือเอกสาร อื่น ๆ ตามประเภทของอาชีพหรือมีประสบการณ์ ในการประกอบอาชีพดังกล่าว

2.) ผู้ประกอบการขนาดย่อม ที่มีสถานที่จำหน่ายแน่นอน เช่น ค้าปลีก ค้าส่ง โชห่วย แฟรนไชส์ เป็นต้น โดยมีทะเบียนพาณิชย์ ทะเบียนการค้า สัญญาแฟรนไชส์ หรือเอกสารแสดงความเป็นเจ้าของอื่น ๆ

‘เท่าพิภพ ก้าวไกล’ โวยรบ. เร่งแต่จะเปิดบ่อน ปล่อย ‘คนกลางคืน’ เผชิญชะตากรรมกันเอง

‘เท่าพิภพ’ โวย รัฐบาลกระตือรือร้นเปิดบ่อน แต่ไม่แยแส ‘คนกลางคืน’ ย้ำ ทุกธุรกิจต้องการความแน่นอนชัดเจน เผย ‘ก้าวไกล’ จ่อยื่นฟ้องแบบ Class Action รัฐบาล ศุกร์นี้

นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล กล่าวว่า จากการที่ตนเคยอยู่ในแวดวงคนทำร้านอาหารผับบาร์หรือ ‘ธุรกิจกลางคืน’ มาก่อน ช่วง 2 ปีมานี้ ได้ฟังเสียงสะท้อนความทุกข์จากเพื่อนฝูงและผู้ประกอบการมากมายจนรู้สึกเหนื่อยใจกับการบริหารของรัฐบาลนี้มาก เพราะนอกจากความช่วยเหลือที่มีให้น้อยมากจนถึงไม่มีแล้ว ยังซ้ำเติมด้วยการทำตัวเป็นบ่อนทำลายความหวังในการทำมาหากินของพวกเขาด้วยความโลเลไม่ชัดเจนในมาตรการและคำสั่งแต่ละครั้ง และที่น่าน้อยใจมากก็คือ ในขณะที่รัฐบาลพูดกรอกหูประชาชน สร้างภาพสารพัดให้ธุรกิจกลางคืนเป็นผู้ร้ายของสถานการณ์โควิดแต่เพียงผู้เดียว สิ่งที่รัฐบาลกล้าที่จะทำมากกว่าคือการผ่อนปรนให้บ่อนชนวัว ชนไก่ กัดปลา แข่งนก ชกมวย ดำเนินการได้ ทั้งที่กิจกรรมเหล่านี้ก็เคยเกิดคลัสเตอร์ใหญ่มาแล้วทั้งสิ้น

“รัฐบาลดูจะกระตือรือร้นมากเรื่องเปิดบ่อน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ถึงกับบอกว่าเป็นของขวัญคนไทยในวันลอยกระทง เพราะได้เห็นหนังสือคำสั่งผ่อนคลายการแข่งขันชนไก่ ปลากัด แข่งม้า ชนโค ชกมวยและแข่งนก ไปถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดแล้ว ส่วนตัวผมไม่ขัดข้องอะไรในเรื่องนี้ แต่แค่มีคำถามว่า ในเมื่อรัฐบาลเชื่อมั่นว่าสามารถอนุญาตให้กิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูงดำเนินการได้ภายใต้มาตรการควบคุมโรค แล้วเหตุใดจึงไม่นำแนวคิดนี้มาใช้ให้เป็นคุณกับธุรกิจกลางคืนบ้าง คลัสเตอร์สนามมวยลุมพินี คลัสเตอร์สนามวัวชน คลัสเตอร์บ่อนพนันเคยมีมาแล้วทั้งนั้น ถึงท่านให้เหตุผลว่ายังห้ามไม่ไปชมที่สนามตอนนี้ แต่ถามว่าการรวมกลุ่มตามบ้านเจ้ามือยังมีอยู่และเป็นความเสี่ยงเช่นกันใช่หรือไม่ และท่านจะห้ามได้อย่างไร แต่ท่านยังกล้าคลายล็อกให้ภายใต้เงื่อนไขการกำกับมาตรการความปลอดภัย แล้วทำไมจึงไม่กล้าใช้เงื่อนไขนี้คลายล็อกให้ธุรกิจกลางคืนที่ได้รับความลำบากอย่างต่อเนื่องด้วย”

UK ไฟเขียวรับคนฉีดซิโนแวค - ซิโนฟาร์ม เข้าปท. เปิดทางต้อนรับนักท่องเที่ยว - นักศึกษาต่างชาติ

วัคซีนโควิด-19 ของจีนและอินเดียได้รับอนุมัติจากสหราชอาณาจักรสำหรับเดินทางเข้าประเทศ เปิดทางสำหรับต้อนรับนักท่องเที่ยวและนักศึกษาต่างชาติ ซึ่งฉีดวัคซีนดังกล่าวครบเข็มเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

วัคซีนของซิโนแวค ไบโอเทค บริษัทสัญชาติจีน วัคซีนซิโนฟาร์ม รัฐวิสาหกิจจีน และวัคซีนของภารัต ไบโอเทค อินเตอร์เนชันแนล ลิมิเต็ด เป็นวัคซีนอีก 3 ตัวที่อยู่ในบัญชีรายชื่อที่สหราชอาณาจักรใช้สำหรับอนุญาตเดินทางเข้าประเทศ โดยต้องแสดงข้อพิสูจน์ว่าผ่านการฉีดวัคซีนครบเข็มแล้ว จากประกาศที่ออกโดยกระทรวงคมนาคม และกรมอนามัยและบริการสังคมของสหราชอาณาจักรในวันจันทร์ (22 พ.ย.)

ส่งผลให้เวลานี้วัคซีนทั้ง 7 ตัวที่ได้รับการอนุมัติใช้ในกรณีฉุกเฉินจากองค์การอนามัยโลก จะเป็นที่ยอมรับโดยสหราชอาณาจักร ในนั้นรวมถึงโควาซินของอินเดีย ซึ่งองค์การอนามัยโลกเพิ่งอนุมัติใช้ในกรณีฉุกเฉินเมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

ความเคลื่อนไหวของสหราชอาณาจักรเกิดขึ้นตามหลังออสเตรเลีย ที่เมื่อเดือนที่แล้วเพิ่งขยายจำนวนวัคซีนที่พวกเขาให้การยอมรับ เช่นเดียวกับสหรัฐฯ ที่บอกว่าจะยอมรับวัคซีนทุกตัวที่ได้รับการอนุมัติจากองค์การอนามัยโลก ครั้งที่พวกเขาเปิดชายแดนต้อนรับนักเดินทางต่างชาติเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา

‘อธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชน และครอบครัวกลาง’ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการพัฒนาทักษะผู้บังคับอากาศยานไร้คนขับ (Drone) เพื่อเด็กเยาวชนผู้ด้อยโอกาส

วันที่ 23 พฤศจิกายน 2564 เวลา 11.00 น. นายประกอบ ลีนะเปสนันท์ อธิบดีผู้พิพากษาภาค 7 ช่วยทำงานชั่วคราวในตำแหน่ง อธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการพัฒนาทักษะผู้บังคับอากาศยานไร้คนขับ (Drone) เพื่อเด็กเยาวชนผู้ด้อยโอกาส

ซึ่งจัดโดยศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดอำนาจเจริญ และบริษัท แอโร กรุ๊ป (2992) จำกัด ระหว่างวันที่ 22 – 23 พฤศจิกายน 2564 ณ สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานอำนาจเจริญ จังหวัดอำนาจเจริญ

 

‘ILINK’ พบนักลงทุน Opp Day โชว์กำไร Q3/64 พุ่งแรง 44.55% พร้อมเดินหน้าเข้าประมูลงานใหม่เพียบ!!

บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK ร่วมนำเสนอข้อมูลผลประกอบการไตรมาส 3 ประจำปี2564 ในงานบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน (Opportunity Day) กับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยผ่านช่องทางออนไลน์ โดยมี คุณสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการ พร้อมด้วย คุณวริษา อนันตรัมพร ผู้จัดการทั่วไป เผยผลประกอบการไตรมาส 3/64 ครองสถิติเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำรายได้เพิ่มขึ้น 16.61% แตะ 1,551.77 ล้านบาท และทำกำไร 78.85 ล้านบาท พุ่งแรงถึง 44.55% พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนทุกธุรกิจเพื่อตอบรับกับเทรนเทคโนโลยีดิจิทัลในโลกปัจจุบันและโลกอนาคต  มั่นใจโค้งสุดท้ายพุ่งแตะเป้ารายได้และกำไร New High

สำหรับธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณ มีรายได้เพิ่มขึ้น 6.99% ตอบรับช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ และรับอานิสงส์จากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้าน IT ของประเทศ ซึ่งจำเป็นต้องพึ่งพาการเชื่อมต่อผ่านสายสัญญาณ และอุปกรณ์ส่งสัญญาณที่ได้มาตรฐานและมีเสถียรภาพสูงสุด ผลักดันให้ความต้องการในสินค้าของธุรกิจนี้พุ่งสูงขึ้น ต่อมา ด้านธุรกิจโทรคมนาคม มีรายได้โตขึ้น 10.03% จากการรับรู้รายได้ในส่วนงานบริการโครงข่ายของโครงการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล (USO Phase 2) โดยบริษัทฯ เร่งนำความก้าวล้ำทางเทคโนโลยีมาผลักดันและพัฒนาโซลูชั่นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง และสุดท้ายธุรกิจวิศวกรรม มีรายได้พุ่งสูงขึ้น 43.85% โดยมาจากการรับรู้รายได้ของงานโครงการสำคัญ ๆ ในมือ (backlog) ซึ่งปัจจุบันมีรอรับรู้อีกกว่า 1,100 ล้านบาท
 

‘สสสส.12 สถาบันพระปกเกล้า’ ลงพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ศึกษาการมีส่วนร่วมพัฒนาอย่างยั่งยืน ระหว่างชุมชนกับอุตสาหกรรม

พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ ผู้อำนวยการสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล พร้อมคณาจารย์ นำคณะนักศึกษาหลักสูตรการเสริมสร้างสังคมสันติสุข รุ่นที่ 12 (สสสส.12) สถาบันพระปกเกล้า ลงพื้นที่จ.ชลบุรี เพื่อรับฟังการบรรยาย EEC สานพลังการมีส่วนร่วมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน จากนางสาวทัศนีย์ เกียรติภัทราภรณ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการนโยบาย เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก

โดยสำนักคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.)หรือ อีอีซี นำเสนอ ถึงแนวคิดการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ที่มุ่งมั่นปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ไปสู่ Value base economy เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรมภายใต้วิสัยทัศน์ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน มีการปรับแผนการลงทุนในพื้นที่ อีอีซี ปี 2565-2569 เป็นการต่อยอดโครงสร้างพื้นที่ เป็นเมืองการบินภาคตะวันออก การดึงดูดอุตสาหกรรมเป้าหมาย ยานยนต์ที่สมัยใหม่ ดิจิทัลและอิเล็กทรอนิกส์ การแพทย์และสุขภาพ การขนส่งและโลจิสติกส์ การเกษตรสมัยใหม่และอาหาร

นอกจากนี้ได้มุ่งเน้นสร้างการมีส่วนร่วม โดยดึงพลังกลุ่มสตรีในพื้นที่ อีอีซี ให้มีความเข้มแข็ง มีการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงการจัดทำและนำเสนอโครงการที่จะสร้างความยั่งยืนให้พื้นที่และชุมชน โดยมีบทบาทสำคัญในการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายการพัฒนา อีอีซี ควบคู่กับการพัฒนาพื้นที่ และการเฝ้าระวังในการใช้ประโยชน์ที่ดินและแผนผังการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และระบบสาธารณูปโภคเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือแผนผัง อีอีซี และการมีส่วนร่วมในเฝ้าระวังทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

จากนั้นคณะนักศึกษาหลักสูตรการเสริมสร้างสังคมสันติสุข รุ่นที่ 12 เดินทางต่อไปยังพื้นที่ จ.ระยอง โดยแบ่ง 4 กลุ่ม ลงพื้นที่รับฟังและร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น โดยกลุ่มแรกลงพื้นที่ศูนย์จัดการขยะครบวงจร เพื่อแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ "ระยองโมเคล" ต้นแบบบริหารจัดการขยะ เพื่อการพัฒนาพื้นที่ EEC อย่างยั่งยืน ณ ศูนย์จัดการขยะครบวงจร อบจ.ระยอง กลุ่มที่ 2 เข้าดูงานยัง สำนักงานท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพูด เวทีแลกเปลี่ยน "EEC หลังฟื้นฟูท่ามกลาง เวทีแลกเปลี่ยน วิกฤตโควิด-19” กลุ่มที่ 3 เปิดเวทีแลกเปลี่ยน "EEC Vs ท่องเที่ยวโดยชุมชน วิถีสู่ความยั่งยืน" ณ เทศบาลตำบลบ้านเพ อ.เมืองระยอง

จากนั้นคณะนักศึกษา สสสส.12 ร่วมรับฟัง เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การแสวงหาจุดร่วมในการอยู่ร่วมกันระหว่าง ไออาร์พีซีและชุมชน ก่อนจะแบ่งกลุ่มศึกษาศูนย์เรียนรู้ท่องเที่ยวเชิงเกษตรสวนยายดา (ป้าบุญชื่น) เป็นสวนผลไม้ แบบผสมผสาน ที่มีผลไม้ให้กินตลอดทั้งปี จะผลัดเปลี่ยนออกผลไปตามฤดูกาล ทั้ง ทุเรียน เงาะ มังคุด สละ

คุณบุญชื่น โพธิแก้ว หรือ ป้าชื่น กล่าวว่า ไม่เคยคิดเลยว่า ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จะเป็นคำที่อมตะ และเปี่ยมคุณค่า จึงลงมือปลูกทุกอย่างที่กิน กินทุกอย่างที่ปลูก และใช้ประโยชน์พื้นที่ได้อย่างเหมาะสม ตามแนวคิด “สวนรกรุงรัง แต่ได้สตางค์ทุกด้าน”

ทั้งนี้ยังได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ "การมีส่วนร่วมของภาคประชาชนกับ EEC เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน” ณ ศูนย์การเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชา “ชุมชนเกาะกก” ซึ่งเป็นผืนสุดท้ายและชาวนาคนสุดท้ายที่มาบตาพุด อยู่ใกล้เขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เป็นชุมชนศูนย์เรียนรู้ และสร้างจุดขายที่เป็นอัตลักษณ์ของชุมชน

 

‘วันวชิราวุธ’ ถือกำเนิดขึ้น เพื่อเทิดพระเกียรติ “พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว” ผู้ทรงริเริ่มกิจการลูกเสือในประเทศไทย

“วันวชิราวุธ” ตรงกับวันที่ 25 พฤศจิกายน ของทุกปี หรือเดิมเรียกกันว่า ‘วันวชิราวุธานุสรณ์’ เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพระมหากษัตริย์ในลำดับที่ 6 แห่งบรมราชจักรีวงศ์ เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2423 ทรงเป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 24 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระองค์ที่ 2 ในสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพระพันปีหลวง ได้รับพระราชทานพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ เมื่อทรงพระชนมายุได้ 8 พรรษา ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนเทพทวาราวดี ทรงมีพระเกียรติยศเป็นชั้นที่ 2 รองจากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นครองราชย์ตั้งแต่ปี 2453 จนถึงวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 จึงเสด็จสวรรคตด้วยโรคพระโลหิตเป็นพิษ ขณะทรงมีพระชนมายุ 45 พรรษาเศษ เสด็จดำรงสิริราชสมบัติรวม 15 ปี อย่างไรก็ตาม ในภายหลังมีหลักฐานปรากฏชัดว่าพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตในช่วงเช้ามืดล่วงเข้าวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 แต่วันวชิราวุธยังคงเป็นวันเดิมไม่เปลี่ยนแปลง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top