Sunday, 15 June 2025
TheStatesTimes

เล่นมือถือผิด (ท่า) ชีวิตเปลี่ยน!!! เรื่องง่าย ๆ ต้องรีบแก้ก่อนกลายเป็น ‘มนุษย์ตึง’!!

THE STATES TIMES มาชวนเปลี่ยนพฤติกรรมง่าย ๆ ให้กับ ‘มนุษย์ตึง’ ที่กำลังประสบปัญหาต่าง ๆ จากการใช้มือถือแถมส่งผลเสียไปยังสุขภาพโดยไม่รู้ตัว 

วันนี้เลยพามาส่องสัญญาณ! ‘อาการ’ จากการเล่นมือถือผิดท่าเป็นอย่างไร? หรืออาจจะรู้อาการแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่าจะแก้ไขให้ถูกวิธีอย่างไร ลองมาทำตามคำแนะนำไปพร้อมกัน ไม่ได้ยากอย่างที่คิด !

‘มนุษย์ตึง’ จากการเล่นมือถือผิดท่า มีอาการเป็นอย่างไร?
- ปวดศีรษะ
- คอยื่น
- ไหล่งุ้ม
- ปวดคอบ่า
- หลังค่อม
- ปวดหลัง

ทหาร ฉก.ม.3 สกัด 6 ชาวเมียนมา ลุยแม่น้ำรวก ข้ามพรมแดนหวังไปทำงานกรุงเทพฯ

ทหาร ฉก.ม.3 ลาดตระเวณชายแดน พบผู้ต้องสงสัย 6 คนเดินมาจากชายแดน เสื้อผ้าเปื้อนโคลน เรียกสอบถามพบเป็นชาวเมียนมา จะไปทำงานกรุงเทพฯ โดยวันที่ 21 พ.ย. 64 เวลา 22.00 น. ทหารจาก ร้อย.ม.4 บก.ควบคุมที่ 2 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 กองกำลังผาเมือง ภายใต้การอำนวยการของ พ.อ.สุทธิ์เขตต์ ศรีนิลทิน ผบ.ฉก.ม.3  นำโดย ร.อ.พิสิฐ อภิเดช ผบ.ร้อย.ม.4 มอบหมายให้ ร.ท.ณัฐพงษ์ ชิณวงษ์  เป็น หัวหน้าชุดปฏิบัจิการได้นำกำลังพลลาดตระเวนเฝ้าตรวจ ในพื้นที่รับผิดชอบ บริเวณ ท่าทราย หมู่ 9 ต.เกาะช้าง อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพื่อเป็นการป้องกันการลักลอบนำเข้าสิ่งผิดกฎหมาย และป้องกันการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย

 

 

ปทุมธานี - “นายกแจ๊ส” ห่วงใยชาวบ้านย่านคลองหลวง มอบยาวัดคีรีวงศ์ เสริมภูมิกันโควิด-19

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี ได้มอบหมายให้ นายสิระพงษ์ สิริโพธินันท์ รองนายก อบจ.ปทุมธานี และ นางรุจศลักษณ์ ธูปกระจ่าง ตั้งวงษ์เลิศ (น้องบาย) เลขานุการนายก อบจ.ปทุมธานี มอบยาสมุนไพรเสริมภูมิคุ้มกันวัดคีรีวงศ์ จำนวน 600 ชุด พร้อมด้วย สเปรย์ แอลกอฮอล์ จำนวน 600 ขวด และหน้ากากหน้ากากอนามัย จำนวน 600 ห่อ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ หมู่บ้าน ฟินิกซ์ปาร์ค คลองสอง-คลองหลวง ตำบลคลองสอง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี

โดย นายสิระพงษ์ สิริโพธินันท์ รองนายก อบจ.ปทุมธานี กล่าวว่า เนื่องจาก พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี ได้มอบหมายให้นำยาสมุนไพรเสริมภูมิคุ้มกัน จากวัดคีรีวงศ์ จ.ชุมพร มอบให้กับชุมชนต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี ซึ่งที่หมู่บ้าน ฟินิกซ์ปาร์ค คลองสอง-คลองหลวง  ได้นำมามอบ จำนวน 600 ซอง ซองละ 28 แคปซูล นอกจากนี้ยังนำสเปรย์ แอลกอฮอล์ จำนวน 600 ขวด และหน้ากากหน้ากากอนามัย จำนวน 600 ห่อ มามอบให้อีกด้วยเพราะว่าใกล้จะถึงฤดูหนาว ท่านนายก อบจ เป็นห่วงต้องการให้ทุกคนรักษาสุขภาพให้แข็งแรง ด้าน นางรุจศลักษณ์ ธูปกระจ่าง ตั้งวงษ์เลิศ (น้องบาย)  เลขานุการนายก อบจ.ปทุมธานี เปิดเผยว่า สำหรับสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังถือว่าเป็นวาระเร่งด่วนที่ทาง อบจ.ปทุมธานี ให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ

 

‘สมชัย’ ฟันธง บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เชื่อ ‘เพื่อไทย’ กวาดเก้าอี้ ส.ส.ทิ้ง พปชร.

‘สมชัย ศรีสุทธิยากร’ ชี้ ผลบังคับใช้ รัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติม บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ทำเพื่อไทย จ่อได้เก้าอี้ ส.ส. เพิ่มเพียบ ทิ้งห่าง พปชร. ส่วน 12 พรรคจิ๋วสูญพันธุ์

วันนี้ (22 พ.ย.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการเมืองและการพัฒนา มหาวิทยาลัยรังสิต และอดีตกกต. โพสต์ข้อความ กรณีรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ประกาศในราชกิจจาฯ มีผลบังคับใช้วันนี้ ว่า จากนี้ ระบบการเลือกตั้ง เปลี่ยนเป็นบัตรสองใบ สัดส่วน ส.ส. เขต ต่อ บัญชีรายชื่อ เปลี่ยนเป็น 400 : 100 ผมเคยคำนวณ การเปลี่ยนแปลงจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรค จะได้ภายใต้กติกาใหม่ โดยใช้ฐานคะแนนการเลือกตั้งปี 2562 เป็นข้อมูล ปรากฏว่า เพื่อไทย ได้เพิ่มจาก 0 เป็น 22 พลังประชารัฐ เพิ่มจาก 19 เป็น 24 อนาคตใหม่ (ก้าวไกล) ลดจาก 50 เหลือ 18 พรรคกลาง พรรคเล็ก ลดลงทุกพรรค (ยกเว้น ประชาชาติ) พรรคจิ๋ว 1 เสียง 12 พรรค สูญพันธุ์หมด

บีโอไอ ชี้เทรนด์ลงทุนอุตสาหกรรม BCG พุ่ง เผยสถิติ 6 ปี ขอรับส่งเสริมเกือบ 7 แสนล้าน

บีโอไอ ชี้ทิศทางการลงทุนตามนโยบายโมเดลเศรษฐกิจ BCG ทวีบทบาทสำคัญ สอดรับกับแนวทางพัฒนาที่ยั่งยืน SDGs ขององค์การสหประชาชาติ ระบุสถิติการขอรับการส่งเสริมการลงทุนในกิจการกลุ่ม BCG ตั้งแต่ปี 2558 ถึง กันยายน 2564 มีมูลค่ารวมเกือบ 7 แสนล้านบาท

นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า ด้วยสภาพการณ์การแข่งขันที่ทวีความรุนแรงอันเนื่องมาจากเทคโนโลยีที่ปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว การปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจ และการที่ประเทศไทยต้องมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ รัฐบาลจึงได้กำหนดให้โมเดลเศรษฐกิจ BCG หรือการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio - Circular - Green Economy) เป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจที่ต้องการต่อยอดจุดแข็งของไทยที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ โดยแนวทางพัฒนานี้ยังถูกจัดอยู่ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 ด้วยเช่นกัน 

ปัจจุบันมาตรการส่งเสริมการลงทุนครอบคลุมกิจการจำนวนมากตลอดห่วงโซ่อุปทานที่เกี่ยวข้อง และบีโอไอได้ปรับปรุงให้สอดคล้องกับบริบทของเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอตามแนวทาง BCG ในหลายด้าน เช่น 

• มาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพ ภายใต้มาตรการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อประหยัดพลังงาน ใช้พลังงานทดแทน หรือลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหรือลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และมาตรการด้านการยกระดับไปสู่มาตรฐานเพื่อความยั่งยืนในระดับสากล เช่น มาตรฐานการรับรองป่าไม้ตามแนวทางขององค์การพิทักษ์ป่าไม้ (Forest Stewardship Council : FSC) เป็นต้น

• มาตรการส่งเสริมการลงทุนเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งครอบคลุมถึงการสนับสนุนองค์กรท้องถิ่น
ในการพัฒนากิจการเกษตรที่ยั่งยืน เช่น การปลูกข้าวแบบปล่อยมีเทนต่ำ เป็นต้น

• ปรับปรุงประเภทกิจการและสิทธิประโยชน์ โดยให้ความสำคัญต่อเทคโนโลยีด้านสิ่งแวดล้อม คือ กิจการผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีและโรงแยกก๊าซ ในกรณีใช้เทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์และการกักเก็บคาร์บอน โดยให้สิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 8 ปี และกิจการห้องเย็น หรือกิจการห้องเย็นและขนส่งห้องเย็น หากใช้สารทำความเย็นธรรมชาติ ให้สิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 3 ปี 

จากสถิติคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนกิจการในกลุ่ม BCG ตั้งแต่ ปี 2558 - กันยายน 2564 มีจำนวน 2,829 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 677,157 ล้านบาท โดย 5 อันดับแรกกิจการ BCG ที่มีมูลค่าการลงทุนสูงสุด ได้แก่

1.) กิจการผลิตพลังงานไฟฟ้า ที่เป็นพลังงานหมุนเวียน (รวมถึงไฟฟ้าจากขยะ) 289,007 ล้านบาท 
2.) กิจการผลิตหรือถนอมอาหาร เครื่องดื่ม วัตถุเจือปนอาหาร (Food Additive) หรือสิ่งปรุงอาหาร (Food Ingredient) โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย 94,226 ล้านบาท 
3.) กิจการผลิตเคมีภัณฑ์หรือพอลิเมอร์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ขึ้นรูปต่อเนื่องจากการผลิตพอลิเมอร์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในโครงการเดียวกัน 40,998 ล้านบาท 
4.) กิจการผลิตผลิตภัณฑ์จากผลพลอยได้หรือเศษวัสดุทางการเกษตร 25,838 ล้านบาท 
และ 5.) กิจการผลิตผลิตภัณฑ์จากยางธรรมชาติ 22,250 ล้านบาท

โดยเฉพาะในช่วง 9 เดือนแรก ปี 2564 (ม.ค. - ก.ย.) มีสัญญาณบ่งชี้อัตราเติบโตที่ดี โดยมีกิจการขอรับการส่งเสริมการลงทุน 564 โครงการ จำนวนโครงการเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 74 และมีมูลค่าลงทุน 128,370 ล้านบาท เพิ่มขึ้นสูงกว่าช่วงเดียวกันกับปีก่อนร้อยละ 160 และสูงกว่ามูลค่าการลงทุนในปี 2563 ทั้งปี (93,883 ล้านบาท) โดยมีตัวอย่างบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนภายใต้กิจการ BCG อาทิ

o กลุ่มโปรตีนทางเลือก (Alternative Protein)
- บริษัท โกลบอล บั๊กส์ เอเชีย โครงการผลิตโปรตีนจากจิ้งหรีด 
- บริษัท ฟลายอิ้ง สปาร์ค (ประเทศไทย) จำกัด โครงการผลิตโปรตีนผงจากหนอนแมลงวันผลไม้

o กลุ่มเทคโนโลยีชีวภาพ Biotechnology
- บริษัท เจเนพูติก ไบโอ จำกัด โครงการผลิตผลิตภัณฑ์เซลล์และยีนบำบัด เพื่อรักษาโรคสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาหลัก 
- บริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด โครงการผลิตยาจากเทคโนโลยีชีวภาพหรือชีวเภสัชภัณฑ์ที่ได้จากการใช้
ต้นยาสูบเป็นเจ้าบ้าน (HOST)

o กลุ่มพลาสติกชีวภาพ Bioplastic
- บริษัท โททาล คอร์เบียน พีแอลเอ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เนเชอร์เวิร์คส์ เอเชีย แปซิฟิก จำกัด โครงการผลิตโพลีแลคติค แอซิด (Polylactic Acid : PLA) ซึ่งเป็นพอลิเมอร์ชีวภาพที่สามารถย่อยสลายได้ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถนำไปใช้งานได้หลากหลายประเภท
- บริษัท พีทีที เอ็มซีซี ไบโอเคม จำกัด โครงการผลิตเม็ดพลาสติกชีวภาพชนิด PBS (Polybutylene Succinate)          
- บริษัท ไทยวา จำกัด โครงการผลิตพลาสติกชีวภาพชนิด TPS (THERMOPLASTIC STARCH) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์จากมันสำปะหลังของไทย
- บริษัท ฟรุตต้า ไบโอเมด จำกัด โครงการผลิตพลาสติกชีวภาพชนิด PHA (POLYHYDROXYALKANOATE) และ PHA BIOPLASTIC COMPOUND และผลิตภัณฑ์ขึ้นรูปจากพลาสติก PHA ซึ่งเป็นกิจการที่นำของเหลือทางการเกษตร 

สมุทรปราการ - ‘โรงเรียนนายเรือ’ ถวายราชสักการะ - ถวายราชสดุดี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพิธีบำเพ็ญกุศล เนื่องในวันสถาปนาโรงเรียนนายเรือ ครบรอบ 115 ปี

พลเรือเอก สมประสงค์ นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีถวายราชสักการะ และกล่าวถวายราชสดุดี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันสถาปนาโรงเรียนนายเรือ ครบรอบ 115 ปี วันที่ 20 พฤศจิกายน 2564 ณ โรงเรียนนายเรือ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ โดยมีพลเรือโท ชาติชาย ทองสะอาด ผู้บัญชาการโรงเรียนนายเรือ ให้การรับรอง พร้อมคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม และกองบัญชาการกองทัพไทย ตลอดจนศิษย์เก่าโรงเรียนนายเรือรุ่น 50 - 114 ร่วมพิธี โดยก่อนหน้านี้ในเวลา 0800 น. ศิษย์เก่าโรงเรียนนายเรือแต่ละรุ่นได้กระทำพิธีวางพานพุ่มถวายราชสักการะ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

ต่อมา พลเรือเอก พงษ์เทพ หนูเทพ องค์มนตรี ในฐานะอดีตผู้บัญชาการโรงเรียนนายเรือ เป็นประธานในพิธีบำเพ็ญกุศล ณ หอประชุมภูติอนันต์ โดยมีผู้บัญชาการทหารเรือ นายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือ  สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม กองบัญชาการกองทัพไทย  ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดสมุทรปราการ  อดีตผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้แทนผู้บัญชาการโรงเรียนเหล่าทัพ และส่วนราชการในจังหวัดสมุทรปราการ ตลอดจนศิษย์เก่าโรงเรียนนายเรือร่วมพิธี

หลังเสร็จสิ้นพิธี โรงเรียนนายเรือได้จัดกิจกรรมพาศิษย์เก่าโรงเรียนนายเรือ ชมสถานที่สำคัญในโรงเรียนนายเรือ เพื่อย้อนระลึกจากในอดีตถึงปัจจุบัน ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่มีความทันสมัยมากขึ้น โดยนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาเป็นสื่อการเรียนการสอน เช่นห้องเรียนแผนที่อิเล็คทรอนิกส์ ห้องจำลองการเดินเรือ ห้องเรียนอัจฉริยะ (smart classroom) หอดาราศาสตร์ ที่เป็นหอดูดาวแห่งแรกของประเทศไทย ปัจุบันถูกปรับปรุงเป็นพิพิธภัณฑ์อุปกรณ์การเดินเรือ และมีท้องฟ้าจำลอง ในการให้การศึกษาเส้นทางของดวงดาว

ทั้งนี้การจัดกิจกรรมดังกล่าว ได้ปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาด ของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด

สำหรับโรงเรียนนายเรือ เป็นสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาของกองทัพเรือ มีหน้าที่ให้การศึกษา ฝึกและอบรมนักเรียนนายเรือด้านวิทยาการ วิชาทหาร จริยศึกษาและพลศึกษา เพื่อให้มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ เหมาะสมที่จะเป็นนายทหารสัญญาบัตร ของกองทัพเรือ สามารถปฏิบัติหน้าที่นายทหารสัญญาบัตรชั้นผู้น้อยในระยะแรก ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความเป็นผู้นำ มีคุณธรรมประจำใจ มีความสำนึกในหน้าที่และความรับผิดชอบ สืบทอดแบบธรรมเนียมประเพณีของทหารเรือ เทิดทูน และยึดมั่นใน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข โดยมีปรัชญา โรงเรียนนายเรือ "แหล่งผลิตนายทหารเรือ อันเป็นรากแก้วของกองทัพเรือ"

โรงเรียนนายเรือได้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2441 ( ร.ศ.117 ) และเปิดการเรียนการสอนนักเรียนนายเรือ ระยะแรกเคยใช้เรือพระที่นั่งมหาจักรี และเรือหลวงมูรธาวสิตสวัสดิ์ เป็นสถานที่ฝึกสอนนักเรียนนายเรือชั่วคราว และใช้เรือหลวงพาลีรั้งทวีป และเรือหลวงสุครีพ ครองเมือง เป็นสถานที่เรียนอีกด้วย โดยได้กำหนดให้มีการศึกษาในวิชาการทหารเรือ เลขคณิต และทหารราบ ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ และการฝึกหัดศึกษาอย่างเดียวกับคนประจำเรือ ต่อมา เมื่อปี พ.ศ.2442 กรมทหารเรือในสมัยนั้นได้รับบุคคลภายนอกเข้าเรียนมากขึ้น จึงย้ายไปอยู่ที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเดิม ที่สวนอนันตอุทยาน ธนบุรี และได้ทำการเรียนการสอนกันอย่างจริงจัง โดยมีนักเรียนทั้งหมด 19 นาย และมีนาวาโท ไซเดอร์ลิน (C.P.SEIDELIN) เป็นผู้บังคับการโรงเรียนนายเรือ คนแรก หลังจากนั้นได้ย้ายมาอยู่ที่พระตำหนักสุนันทาลัย ปากคลองตลาด

จากเหตุการณ์ ร.ศ.112 (พ.ศ.2436) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริว่า กิจการของทหารเรือเท่าที่อาศัยชาวต่างประเทศเข้ามาประจำตำแหน่งหน้าที่ต่าง ๆ นั้น ไม่อาจที่จะหวังในด้านการรักษาอธิปไตยของชาติได้ดีเท่ากับคนไทยเอง พระองค์มีพระราชประสงค์ให้จัดการศึกษาแก่ทหารเรือไทย ให้มีความรู้ความสามารถเพียงพอที่จะรับตำแหน่งหน้าที่ต่าง ๆ ในเรือแทนชาวต่างชาติที่จ้างไว้ต่อไป จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พระราชโอรสสองพระองค์ ไปทรงศึกษาวิชาการทหารเรือยังต่างประเทศ คือ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ ให้ไปทรงศึกษาวิชาการทหารเรือ ณ ประเทศอังกฤษ และ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนสงขลานครินทร์ ให้ไปทรงศึกษาวิชาการทหารเรือ ณ ประเทศเยอรมันพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเห็นความสำคัญของการให้คนไทยทำหน้าที่แทนชาวต่างประเทศ ในตำแหน่งสำคัญทางทหาร จึงได้มีการจัดส่งนายทหารเรือไปรับการศึกษาจากต่างประเทศ มีการพัฒนาทั้งองค์บุคคลและองค์วัตถุควบคู่กันไป ปรับปรุงกำลังรบทางเรือให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังทรงจัดการการศึกษาแก่ ทหารเรือไทย

 

‘ก้าวไกล’ ค้าน ควบรวม ‘ทรู’ - ‘ดีแทค’ จี้ องค์กรกำกับดูแล กล้ายุติทุนใหญ่ผูกขาด

พรรคก้าวไกล คัดค้านการควบรวมบริษัทให้บริการเครือข่ายมือถือ ‘ทรู’ และ ‘ดีแทค’ จี้ องค์กรกำกับดูแล ต้องกล้าหาญ ยุติการผูกขาดของทุนใหญ่ ปกป้องผู้บริโภค 

ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคฝ่ายนโยบาย พรรคก้าวไกล แสดงความเห็นคัดค้านกรณีการควบรวมระหว่างสองบริษัทยักษ์ใหญ่ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ของไทย อย่างทรูคอร์ป และ โทเทิลแอคเซสคอมมูนิเคชั่น โดยตั้งคำถามว่า การควบรวมนี้เป็นการผูกขาดหรือครอบงำตลาดหรือไม่

“การควบรวมครั้งนี้ จะทำให้บริษัทใหม่นั้นกลายเป็นผู้ให้บริการเบอร์หนึ่งทันที และมีส่วนแบ่งตลาดเกิน 50% เมื่อวัดจากจำนวนเลขหมาย ทำให้เกิดคำถามตามมาว่าการควบรวมนี้จะทำได้โดยไม่เป็นการผูกขาด หรือครอบงำตลาดได้อย่างไร และหากดีลนี้สำเร็จจะเกิดผลอย่างไรกับผู้บริโภค และคู่แข่ง”

ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า เรื่องนี้ซับซ้อนยิ่งขึ้นว่า หน่วยงานใดจะเป็นผู้กำกับดูแล เพราะแม้ พรบ.แข่งขันทางการค้า จะถูกยกเว้น หากอุตสาหกรรมนั้นมีกฎหมายกำกับดูแลเฉพาะอยู่แล้ว เช่น กรณีนี้เป็นอุตสาหกรรมโทรคมนาคมย่อมจะอยู่ภายใต้กำกับของ กสทช. ซึ่งควรจะเป็นไปตามประกาศของ กทช. เรื่อง มาตรการเพื่อป้องกันมิให้มีการกระทำอันเป็นการผูกขาดหรือก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการแข่งขันในกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2549 ในข้อ 8

อย่างไรก็ตาม บริษัทที่ถือใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมเป็นบริษัทลูก (ทรูมูฟ - ดีแทคไตรเน็ต) แต่บริษัทที่จะควบรวมเป็นบริษัทแม่ (ทรูคอร์ป - โทเทิลแอคเซสคอมมูนิเคชั่น) นี่อาจกลายเป็นช่องทางหนึ่งที่จะกรณีนี้จะหลุดจากมือ กสทช. ไปสู่การขออนุญาตต่อบอร์ดแข่งขันทางการค้า ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดาย เพราะตามประกาศหลักเกณฑ์การควบรวมของ กสทช. นั้นเข้มงวดกว่าของคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า แถมยังระบุหลักเกณฑ์ที่เป็นตัวเลขชัดเจนไว้อีกด้วย

‘สมาคมแม่บ้านตำรวจ’ พร้อมเปิด ‘ร้านปันรักษ์’ ร้านค้าร้านแรกที่รวบรวมสินค้าผลิตภัณฑ์จากครอบครัวตำรวจทั่วประเทศ!!

สมาคมแม่บ้านตำรวจ เปิดร้านปันรักษ์ โดยมุ่งส่งเสริมสนับสนุนให้เป็นหน้าร้านจัดจำหน่ายสินค้าน่าสนใจ ตั้งแต่ของที่ระลึก ของขวัญ ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่เป็นของดีประจำจังหวัด ตลอดจนของกินแสนอร่อยทั้งอาหารและขนมคุณภาพดีซึ่งทำสด ๆ ใหม่ ๆ ทุกวัน

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ คุณรัตนาภรณ์ สีวลีพันธ์ นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิด “ร้านปันรักษ์” ณ ชั้น 2 อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา โรงพยาบาลตำรวจ โดยมีผู้บังคับบัญชาระดับสูง ตร. และ พ.อ.หญิง ทักษดา สังขจันทร์ อุปนายกสมาคมภริยาข้าราชการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม(สป.), คุณบุษกร ศรีสวัสดิ์ นายกสมาคมแม่บ้านกองบัญชาการกองทัพไทย(ทท.), พล.ต.หญิง พิมพ์พิศา จิตต์แก้วแท้นายกสมาคมแม่บ้านกองทัพบก(ทบ.), คุณศิริรัตน์ นิลสมัย นายกสมาคมภริยาทหารเรือ(ทร.), คุณปัญญดาว ธูปะเตมีย์ นายกสมาคมแม่บ้านทหารอากาศ(ทอ.), คุณพัณณ์ชิตา นันทิภาคย์หิรัญ นายกสมาคมแม่บ้านองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก(ทอศ.) และสมาคมแม่บ้านตำรวจ เข้าร่วมพิธีฯ


คุณรัตนาภรณ์ สีวลีพันธ์ นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ กล่าวถึง ความเป็นมาในการเปิดร้านปันรักษ์ว่า ที่ผ่านมา กลุ่มแม่บ้านตำรวจในแต่ละพื้นที่ ข้าราชการตำรวจวัยเกษียณ รวมถึงครูและนักเรียนจากโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนได้มีการรวมตัวกันเป็นกลุ่มสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ซึ่งมีเอกลักษณ์ของตนเอง จัดจำหน่ายในพื้นที่กระจัดกระจายกันไป เช่นงานตลาดนัดเฉพาะกิจ หรือขายผ่านช่องทางออนไลน์ จนนำมาสู่ความตั้งใจแรกในการรวมผลิตภัณฑ์ของกลุ่มต่าง ๆ เข้าไว้ด้วยกัน ผ่าน Facebook page ในชื่อ ‘Police Market Place’ และได้กลายมาเป็นศูนย์กลางในการจำหน่ายและแสดงสินค้า

 

ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดี มีการระดมสินค้าจากทั่วทุกภูมิภาค จากฝีมือสมาชิกครอบครัวตำรวจทั่วประเทศที่หลากหลาย จนเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดความคิดที่ว่า ถึงเวลาแล้วที่สมาคมแม่บ้านตำรวจจะต้องมีร้านค้าที่เป็นจุดศูนย์รวมให้ผู้บริโภคสามารถเข้ามาพบปะแลกเปลี่ยน ชมและจับต้องสินค้าผลิตภัณฑ์ ไปจนถึงการจับจ่ายซื้ออาหารปรุงสำเร็จได้สะดวก ในทำเลที่เข้าถึงไม่ยาก ณ ชั้น 2 อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา โรงพยาบาลตำรวจ ถนนพระราม 1 เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร  

24 พฤศจิกายน ศูนย์พัฒนาประมงน้ำจืดสุราษฎร์ธานี เพาะพันธุ์ ‘ปลามังกร’ หรือ ‘ปลาตะพัด’ ได้สำเร็จ เป็นครั้งแรกในประเทศไทย!!

ปลามังกร หรือ ปลาตะพัด เป็นปลาที่เลี้ยงง่าย โตเร็ว อายุยืน และมีความคุ้นเคยกับผู้เลี้ยงเป็นอย่างดี  ปลาตะพัดจะพบได้ในแหล่งน้ำเพียงไม่กี่แห่งในโลก และจากการศึกษาซากฟอสซิลของปลาดังกล่าว ปรากฏว่า ซากปลาที่ค้นพบมีอายุประมาณ 60 ล้านปีล่วงมาแล้ว 

โดยมีผู้เชี่ยวชาญบางท่านได้สันนิษฐานว่า ปลาในตระกูลนี้อาจเคยมีชีวิตอยู่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไปตามแหล่งน้ำธรรมชาติทั่วโลก แต่เนื่องจากความผันแปรทางธรรมชาติ จึงทำให้ปลาชนิดนี้ได้สูญหายไปจากซีกโลกบางส่วน ศูนย์พัฒนาประมงน้ำจืดสุราษฎร์ธานีภายใต้การนำของนายเทียนทอง อยู่เวชวัฒนา ผู้อำนวยการศูนย์ ฯ ในขณะนั้น ได้ตระหนักถึงความสำคัญของปลาชนิดนี้ และได้ใช้ความพยายามอย่างยิ่งในการรวบรวมพ่อแม่พันธุ์ปลาจากแหล่งน้ำธรรมชาติและแหล่งอื่น ๆ เพื่อใช้เป็นพ่อแม่พันธุ์ปลาในการทดลองเพาะขยายพันธุ์

“โฆษกรัฐบาล” ฟุ้ง “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3” เงินสะพัดกว่า 5 พันล้านบาท เตรียมเปิดพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว จ.สีฟ้า เฟส 2-3 ต้นธ.ค.-ม.ค.65 รวม  45 จ.

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ปลื้มผลตอบรับหลังมาตรการเปิดประเทศในพื้นที่17จ.นำร่องท่องเที่ยว หรือจ.สีฟ้า ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ ประชาชนมั่นใจเดินทางท่องเที่ยวทั่วประเทศ ผ่านโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3” มีเม็ดเงินภายในระยะเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา เข้าสู่ระบบภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการแล้วกว่า 5,186.1 ล้านบาท ยอดรวมลงทะเบียน 909,937 คน

ยอดการใช้สิทธิ์จองโรงแรมที่พัก 4,113 แห่ง คิดเป็น 1,296,872 ห้อง โดยมีมูลค่าการใช้จ่ายโรงแรม ที่พัก รวม 4,753.9 ล้านบาท และยอดการใช้จ่ายคูปองส่วนลดในร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ร้านสปานวด และอื่นๆรวม 435.6 ล้านบาท รวมทั้งในช่วงเทศกาลลอยกระทง อัตราการเข้าพักในช่วงวันหยุดเสาร์ - อาทิตย์ ในหลายพื้นที่ขยับเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 50 โดยเฉพาะในบางจังหวัดใกล้กรุงเทพมหานคร มีอัตราการเข้าพักในช่วงวันหยุดเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 80 – 90 

นายธนกร กล่าวว่า การเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1 – 21 พ.ย. 64 จำนวน 85,608 คน โดยเดินทางมาจากประเทศ 5 อันดับแรก ได้แก่ เยอรมนี สหรัฐอเมริกา 
สหราชอาณาจักร รัสเซีย และฝรั่งเศส ขณะเดียวกัน มีจำนวนผู้ยื่นขอลงทะเบียน Thailand Pass สะสมจำนวน 239,115 คน ได้รับการอนุมัติแล้ว 186,836 คน ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อในประเทศไทยต่ำกว่า 7,000 ราย สะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยมีศักยภาพในการควบคุมโรคควบคู่ไปกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจ สามารถสร้างความเชื่อมั่นในการเดินทางท่องเที่ยวแก่ชาวต่างชาติได้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top