ร่วมบริจาคโลหิต ฝ่าวิกฤติโรคระบาดส่งต่อโลหิตที่ปลอดภัย ให้ผู้ป่วยได้ผ่าตัด
ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย วอนคนไทยช่วยกันบริจาคโลหิตอย่างเร่งด่วน โรงพยาบาลทั่วประเทศขาดเลือด หมอนัดผ่าตัดเต็มรูปแบบ ต้องการโลหิตจำนวนมาก ส่งผลกระทบโลหิตคงคลังไม่พอจ่าย
รศ.พญ.ดุจใจ ชัยวานิชศิริ ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย กล่าวว่า จากสถานการณ์ปัจจุบัน รัฐบาลประกาศคลายล็อก ยกเลิกเคอร์ฟิว และเปิดประเทศเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 อนุญาตให้หน่วยงานหลายแห่ง รวมถึงโรงพยาบาลเปิดให้บริการรักษาผู้ป่วยได้ตามปกติ ทำให้โรงพยาบาลทั่วประเทศ เพิ่มเคสนัดผ่าตัดจาก 25% เป็น 50% ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา มีการเบิกขอใช้โลหิตสูงกว่า 6,500 ยูนิตต่อวัน แต่สามารถจ่ายเลือดได้เพียง 43% เท่านั้น
ปัจจุบัน มีปริมาณโลหิตบริจาคทั่วประเทศเฉลี่ย วันละ 2,800 ยูนิต ส่งผลให้โรงพยาบาลทุกแห่งขาดเลือดไม่มีโลหิตเพียงพอในการรักษาและผ่าตัดผู้ป่วย และยังต้องใช้โลหิตกับผู้ป่วยที่มีภาวะสูญเสียโลหิตเฉียบพลัน และผู้ป่วยโรคเลือดที่ต้องใช้โลหิตเป็นประจำ
1. แพทย์ไม่มีโลหิตเพียงพอที่ใช้ในการผ่าตัด โดยเฉพาะการผ่าตัดที่ต้องใช้โลหิตจำนวนมาก และเร่งด่วน อาทิ ผู้ป่วยที่เกิดภาวะสูญเสียโลหิตเฉียบพลัน อุบัติเหตุ ตกเลือดหลังคลอดบุตร และเลือดออก ในทางเดินอาหาร ฯลฯ การรักษาผู้ป่วยกรณีดังกล่าว ต้องมีโลหิตสำรองไว้ระหว่างการผ่าตัด 2-3 ยูนิต ในกรณีที่มีอาการรุนแรง 5-10 ยูนิต ต้องขอเบิกโลหิตสำรองให้เพียงพอ ถ้าโลหิตไม่เพียงพอต้องเลื่อนการผ่าตัดอาจเกิดอันตรายแก่ผู้ป่วยถึงชีวิตได้
2. ผู้ป่วยที่ชะลอการผ่าตัดในช่วงที่ผ่านมา กลับมารักษาตามที่โรงพยาบาลนัดหมาย อาทิ โรคข้อเข่าเสื่อม โรคกระดูก โรคหัวใจ ชนิดไม่รุนแรง ซึ่งทำให้ผู้ป่วยขาดโอกาสในการรักษาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลทำให้คุณภาพชีวิตลดลง
3. ผู้ป่วยโรคเลือด ที่จำเป็นต้องใช้โลหิตในการรักษาเป็นประจำ อาทิ โรคธาลัสซีเมีย โรคโลหิตจาง และโรคเกล็ดเลือดต่ำ ในรายที่เป็นชนิดรุนแรงต้องได้รับโลหิตในการรักษาเป็นประจำสม่ำเสมออย่างน้อยเดือนละ 1-2 ยูนิต หากไม่ได้รับโลหิตผู้ป่วยจะมีภาวะซีด อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ในรายที่โลหิตจางรุนแรงอาจทำให้หัวใจทำงานหนักจนหัวใจล้มเหลวได้ จึงต้องได้รับโลหิตในการรักษาอย่างทันท่วงที
