Saturday, 27 April 2024
TheStatesTimes

ลำปาง - ด้วยความห่วงใย! ‘นายก อบจ.ลำปาง’ มอบน้ำดื่ม - แมส - เจลแอลกอฮอล์ แก่ผู้รับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19

นางสาวตวงรัตน์ โล่ห์สุนทร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง พร้อมด้วยนายลัพธวิทย์ จรรยาวิจิตร เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง นายภูมิสิทธิ์ อัครธรรมศิลป์ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง อำเภอเมืองลำปาง เขต 5 และนางฉันทพัฒน์ โนปิง สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง อำเภอเมืองลำปาง เขต 6 นำน้ำดื่ม หน้ากากอนามัย และเจลแอลกอฮอล์มอบแก่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านฟ่อน ซึ่งได้จัดบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เชิงรุกแก่ประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบจำนวน 400 คน ณ วัดบ้านฟ่อน ตำบลชมพู อำเภอเมืองลำปาง  โดยมีสมาชิกสภาเทศบาลเมืองเขลางค์นคร จำนวน 11 ท่านร่วมลงพื้นที่และพบปะประชาชน

นายกตวงรัตน์ กล่าวว่า "มาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ และพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่เข้ารับบริการฉีดวัคซีน ถึงแม้ว่าจะได้รับการฉีดวัคซีนไปแล้ว แต่ก็ยังต้องระมัดระวังตัว  รักษามาตรการป้องกันเช่นเดิม สวมแมส รักษาระยะห่าง หมั่นล้างมือ ป้องกันทั้งคนที่เรารักและตัวเราเองให้ปลอดจากโควิด-19" 

‘สุริยะ’ ลุ้นเปิดประเทศ หนุนดัชนี MPI ขยายตัว แต่ต้องจับตาราคาน้ำมัน - ค่าเงินบาทผันผวน

กระทรวงอุตสาหกรรม เผย ดัชนีผลผลิตอุตฯ ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.49 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ภาพรวม 9 เดือน ขยายตัวร้อยละ 6.10 ส่งออกโตต่อเนื่อง ร้อยละ 17.90

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ภาคการผลิตอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้น โดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม หรือ MPI เดือนกันยายน 2564 กลับมาขยายตัวได้อีกครั้ง เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย เห็นได้จากจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลง ประกอบกับการเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนและแรงงานในภาคอุตสาหกรรม โดยสะท้อนได้จากดัชนีแรงงานอุตสาหกรรม และดัชนีการส่งสินค้าในเดือนกันยายน 2564 เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมสำคัญที่ดัชนีแรงงานขยายตัว เช่น อุตสาหกรรมชิ้นส่วนและอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องปรับอากาศ และอุตสาหกรรมแปรรูปผักและผลไม้ เป็นต้น ส่งผลให้ภาครัฐสามารถผ่อนคลายกิจกรรมเศรษฐกิจได้มากขึ้น ประกอบกับภาครัฐยังได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน 

ขณะเดียวกันนโยบายการเปิดประเทศในวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 นี้ เชื่อมั่นว่าจะเป็นปัจจัยหนุนสำคัญที่จะทำให้ดัชนี MPI ขยายตัวต่อไปได้ นอกจากนี้กระทรวงอุตสาหกรรมโดยสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม หรือ สศอ. จะมีการปรับประมาณการณ์ตัวเลขดัชนี MPI ปี 2564 ใหม่อีกครั้งในเดือนพฤศจิกายนนี้ แต่ทั้งนี้ ยังคงต้องจับตาราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงค่าเงินบาทที่มีความผันผวนด้วยเช่นกัน

นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนกันยายน อยู่ที่ระดับ 93.72 หดตัวลงเล็กน้อยร้อยละ 1.28 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน แต่เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าขยายตัวร้อยละ 7.49 โดย 9 เดือนแรกขยายตัวร้อยละ 6.10 โดยภาพรวมของอุตสาหกรรมหลักของประเทศขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับไตรมาส 3/2564 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 90.43 จากสถานการณ์การติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของแรงงานในสถานประกอบการมีทิศทางที่ดีขึ้น สะท้อนจากดัชนีแรงงานอุตสาหกรรมเดือนกันยายนที่ปรับตัวดีขึ้น โดยดัชนีแรงงานในอุตสาหกรรมสำคัญหลายกลุ่มยังคงขยายตัว อาทิ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ขยายตัวร้อยละ 10.85 แปรรูปผักผลไม้ขยายตัวร้อยละ 5.86 เครื่องปรับอากาศขยายตัวร้อยละ 9.76 และยางล้อขยายตัวร้อยละ 3.42  

แต่อย่างไรก็ตาม การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ยังส่งผลต่อการขาดแคลนชิปและชิ้นส่วนรถยนต์บางรายการ แต่ในเดือนกันยายนสถานการณ์เริ่มคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น โดยโรงงานผลิตรถยนต์ได้รับส่งมอบชิปและชิ้นส่วนรถยนต์ได้มากขึ้น ด้านสถาบันการเงินเริ่มผ่อนคลายความเข้มงวดในการอนุมัติ ทำให้คาดว่ายอดขายรถยนต์ในประเทศน่าจะเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ตั้งแต่ต้นปีที่ 750,000 คัน ซึ่งจะส่งผลให้การผลิตขยายตัวต่อเนื่องตามกัน ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัดของประเทศ ไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตในภาคอุตสาหกรรมอย่างมีนัยสำคัญ แต่ทั้งนี้อาจส่งผลกระทบบ้างในด้านโลจิสติกส์ รวมถึงอุตสาหกรรมที่ต้องพึ่งพิงวัตถุดิบทางการเกษตรอาจจะได้รับผลกระทบบ้างในระยะถัดไป

อย่างไรก็ตาม สำหรับการส่งออกของไทยยังมีแนวโน้มของการขยายตัวที่ดี โดยการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมเดือนกันยายน 2564 ขยายตัวร้อยละ 15.75 มูลค่า 18,424.90 ล้านเหรียญ การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม (ไม่รวมทองคำ อาวุธ รถถังและอากาศยาน) ขยายตัวร้อยละ 17.90 มูลค่า 18,093.70 ล้านเหรียญ โดยการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมที่สำคัญ ได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น ในส่วนการนำเข้าสินค้าทุนขยายตัวร้อยละ 16.06 ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ รวมถึงการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (ไม่รวมทองคำ) ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 43.56 ได้แก่ เคมีภัณฑ์ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เป็นต้น 

ยุทธการกวาดให้เรียบ!! ‘Operation All Clear’ ปฏิบัติการทางทหารครั้งใหญ่ที่สุดของ ‘กองทัพภูฏาน’

เรื่องราวที่ดูน่าเหลือเชื่อที่ประเทศเล็ก ๆ ที่ดูสงบสุขอย่าง “ภูฏาน” ซึ่งมีกองทัพขนาดเล็ก มีกำลังพลจำนวนไม่ถึงหนึ่งหมื่นนาย ได้เปิดยุทธการทางทหารที่ต้องใช้กำลังพลเกือบหมดทั้งกองทัพในการปราบปรามกลุ่มต่อต้านรัฐบาลอินเดียซึ่งมีที่มั่นในดินแดนภูฏาน

สมเด็จพระราชาธิบดี Jigme Khesar Namgyel Wangchuck กับนายทหารระดับสูงของกองทัพภูฏาน

Operation All Clear เป็นปฏิบัติการทางทหารที่ดำเนินการโดยกองกำลังของกองทัพภูฏาน เพื่อต่อสู้กับกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนอัสสัมของอินเดียในภาคใต้ของภูฏาน ระหว่างวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2546 ถึง 3 มกราคม พ.ศ. 2547 ถือเป็นปฏิบัติการทางทหารครั้งแรก ครั้งเดียว และเป็นครั้งใหญ่ที่สุดที่กองทัพภูฏานยุคใหม่ได้ปฏิบัติการ!! 

ด้วยในปี พ.ศ. 2533 กองทัพอินเดียได้เปิดยุทธการ Rhino และ Bajrang เพื่อปราบปรามกลุ่มแบ่งแยกดินแดนติดอาวุธอัสสัมกลุ่มต่าง ๆ เมื่อเผชิญกับการกวาดล้างอย่างต่อเนื่อง กลุ่มติดอาวุธอัสสัมหลายกลุ่มก็ได้ย้ายที่มั่นไปเข้ายังดินแดนของภูฏาน

ชาว Lhotshampa ในค่ายผู้อพยพ

ในปี พ.ศ. 2533 กลุ่ม United Liberation Front of Assam (ULFA) และ National Democratic Front of Bodoland (NDFB) ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธอัสสัมถูกกล่าวหาว่ามีส่วนช่วยเหลือรัฐบาลภูฏานในการขับไล่ชาว Lhotshampa ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อย กลุ่มชาติพันธุ์กลุ่มหนึ่งในภูฏาน 

ปัจจุบันเฉพาะมลรัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกามีผู้อพยพชาว Lhotshampa ราว 20,000 คน

ชาว Lhotshampa เป็นชาวภูฏานเชื้อสายเนปาล มีถิ่นกำเนิดทางตอนใต้ของภูฏาน จึงถูกเรียกขานกันว่า ‘ชาวใต้’ ในปี พ.ศ. 2550 ชาว Lhotshampas ซึ่งผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่ได้รับการย้ายถิ่นฐานไปยังประเทศต่าง ๆ เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร และประเทศในยุโรปอื่น ๆ ปี พ.ศ. 2564 ปรากฏว่า จำนวนชาว Lhotshampa ในเนปาลนั้นต่ำกว่าในสหรัฐอเมริกา และประเทศอื่น ๆ ที่ได้ตั้งถิ่นฐานใหม่อย่างมีนัยสำคัญ ชาว Lhotshampa เริ่มตั้งถิ่นฐานในพื้นที่ที่ไม่มีคนอาศัยอยู่ทางตอนใต้ของภูฏานในคริสต์ศตวรรษที่ 19 แต่ถูกต่อต้านและผลักดันออกจากดินแดนภูฏาน จนปัจจุบันเฉพาะมลรัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา มีผู้อพยพชาว Lhotshampa มากกว่า 20,000 คน

ในปี พ.ศ. 2539 รัฐบาลภูฏานตระหนักถึงค่ายที่มั่นจำนวนมากบริเวณชายแดนทางใต้ที่ติดกับอินเดีย ค่ายเหล่านี้จัดตั้งขึ้นโดยขบวนการแบ่งแยกดินแดนอัสสัม 4 กลุ่ม ได้แก่ ULFA (United Liberation Front of Asom), NDFB (National Democratic Front of Boroland), BLTF (Bodo Liberation Tigers Force) และ KLO (Kamtapur Liberation Organisation) และยังมีค่ายกบฏแบ่งแยกดินแดนของสภาสังคมนิยมแห่งชาตินาคาแลนด์ (NSCN) และกองกำลังพยัคฆ์ตริปุระทั้งหมด (ATTF) ค่ายต่าง ๆ ถูกจัดตั้งขึ้นโดยมีเป้าหมายเพื่อฝึกอบรมนักรบ และจัดเก็บอาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ในขณะที่ป่าทึบในภูมิภาคนี้ทำให้กลุ่มติดอาวุธสามารถลักลอบเข้าสู่ดินแดนของอินเดียเพื่อปฏิบัติการทางทหารได้อย่างง่ายดาย

สมาชิกของกลุ่มกบฏ NDFB

อินเดียจึงได้ใช้ความพยายามกดดันทางการทูตต่อภูฏาน โดยให้การสนับสนุนในการกำจัดองค์กรกบฏกลุ่มต่าง ๆ ที่เป็นภัยต่ออินเดียให้ออกจากดินแดนของภูฏาน รัฐบาลภูฏานจึงได้เริ่มดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างสันติ โดยเปิดการเจรจากับกลุ่มติดอาวุธในปี พ.ศ. 2541 มีการเจรจากับกลุ่มกบฏ ULFA 5 ครั้ง กับกลุ่มกบฏ NDFB อีก 3 ครั้ง แต่กลุ่มกบฏ  KLO เพิกเฉยต่อคำเชิญทั้งหมดที่ส่งมาจากรัฐบาลภูฏาน ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2544 กลุ่มกบฏ ULFA ตกลงที่จะปิดค่ายสี่แห่ง อย่างไรก็ตามรัฐบาลภูฏานก็ตระหนักดีว่า ค่ายทั้ง 4 นั้ที่ถูกปิดนั้นพึ่งถูกโยกย้ายถ่ายเทคนและอาวุธยุทโธปกรณ์ออกไป

สมาชิกของกลุ่มกบฏ KLO ในปัจจุบัน (ต้นปี พ.ศ. 2564)

นอกจากนี้กลุ่มกบฏ KLO ยังถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในความเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มเหมาของเนปาลกับกองกำลังพยัคฆ์ภูฏาน ซึ่งเป็นองค์กรติดอาวุธต่อต้านรัฐบาลภูฏาน สิ่งนี้ช่วยเสริมเหตุผลให้กับรัฐบาลภูฏานในการเริ่มปฏิบัติการทางทหาร

วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2546 สมาชิกรัฐสภาภูฏานได้เสนอให้เพิ่มจำนวนกองทหารอาสาสมัครของกองทัพภูฏาน โดยแนะนำการฝึกทหารอาสาสมัครแบบสวิสสำหรับพลเมืองทุกคนที่มีอายุระหว่าง 18 ถึง 50 ปี แต่ถูก ‘จิ๊กมี ทินลีย์’ รัฐมนตรีต่างประเทศ และนาย ‘พลโท บาตู เชอริง’ ผู้บัญชาการกองทัพปฏิเสธ 

วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2546 กลุ่มติดอาวุธมากกว่า 15 คน ได้เข้าโจมตีฐานที่มั่นของกลุ่มกบฏ ULFA ในเมืองคินโซ ส่งผลให้สมาชิกของกลุ่มกบฏ ULFA เสียชีวิต 2 คน ผู้โจมตีหลบหนีไปหลังจากที่กองกำลังของกลุ่มกบฏ ULFA ยิงตอบโต้กลับ วันรุ่งขึ้นกลุ่มติดอาวุธราว 10 ถึง 12 คน โจมตีสมาชิกของกลุ่มกบฏ ULFA ที่อาศัยอยู่ในบ้านร้างในเมืองบาบัง กลุ่มติดอาวุธ 4 คน และนักรบของกลุ่มกบฏ ULFA หนึ่งนายเสียชีวิตระหว่างการปะทะ โฆษกหญิงของกลุ่มกบฏ ULFA กล่าวว่า การโจมตีมาจากทหารรับจ้างและนักรบของกลุ่ม SULFA ที่ได้รับการว่าจ้างจากรัฐบาลอินเดีย เจ้าหน้าที่อินเดียอ้างว่าการปะทะดังกล่าวเป็นเรื่องของความขัดแย้งระหว่างกลุ่มกบฏด้วยกันเอง

ปฏิบัติการทางทหารใน ภูฏาน อินเดีย และเมียนมาร์ ในห้วงเวลาดังกล่าว

ในช่วงปี พ.ศ. 2546 ภูฏานได้จัดตั้งกองกำลังติดอาวุธขึ้นมาใหม่ วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2546 กองทหารอาสาสมัครภูฏานประกอบด้วยอาสาสมัคร 634 นาย ถูกส่งไปประจำการยังภาคใต้ของประเทศ หลังจากผ่านการฝึกฝนอบรมเป็นระยะเวลา 2 เดือน กองทหารอาสาสมัครของภูฏานมีบทบาทสนับสนุนปฏิบัติการทางทหารในช่วงความขัดแย้งในปี 2546 นั่นเอง หลังจากการเจรจาล้มเหลวไม่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่สำคัญใด ๆ วันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2546 การแทรกแซงทางทหารได้รับการอนุมัติจากรัฐสภา และวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2546 รัฐบาลภูฏานได้ยื่นคำขาดแก่กลุ่มกบฏออกจากดินแดนภูฏานภายในเวลาสองวัน วันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2546 หลังจากคำขาดสิ้นสุดลง จึงเกิด Operation All Clear ซึ่งเป็นปฏิบัติการทางทหารครั้งแรกของกองทัพภูฏานยุคใหม่

วันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2546 ตามคำให้การของผู้บัญชาการของกลุ่มกบฏ ULFA นายทหารระดับสูงแห่งกองทัพภูฏานได้ไปเยือนค่ายที่มั่นของกลุ่มกบฏ ULFA โดยอ้างว่า กษัตริย์ของภูฏานกำลังวางแผนที่จะเสด็จเยือนอย่างเป็นมิตรในวันรุ่งขึ้น แต่ปฏิบัติการที่ตามมาก็สร้างความประหลาดใจให้กับกลุ่มติดอาวุธโดยสิ้นเชิง

สมาชิกของกลุ่มกบฏ ULFA
 

จิตอาสา! ผบ.ตร. นำกำลังพล รวมพลังดาราศิลปิน บริจาคโลหิต ช่วยชีวิตผู้ป่วยกว่า 9 พันราย

วันที่ 27 ต.ค.64 ที่พิพิธภัณฑ์ตำรวจ วังปารุสกวัน กรุงเทพฯ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมบริจาคโลหิต ตามโครงการ “ตำรวจ จิตอาสา บริจาคโลหิต ช่วยชีวิตผู้ป่วย น้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ 2 มหาราช” โดยมี พล.ต.อ. วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. รศ.พญ.ดุจใจ ชัยวานิชศิริ ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย

กลุ่มดาราศิลปิน นำโดย โดโด้ ยุทธพิชัย ชาญเลขา , แอม ณัฎฐา ชาญเลขา ,พาส ภศนา ทองบุญเรือง ,ตุ๋ย สุวินัยจำปาศิริ , นีฟ รัฐนันท์ สุขอุบล ,ส้ม ทัศวรรรณ ,พลอย วรินทร์ แสนชัย , เอ๊กซ์ หม่อมเอ็กส์ อัศนัย ,ทอฝัน Maxim น้องจูน นาตาชา ,ร.ต.อ.หญิง พัชรีย์ เซ่งเตียวโล่,น้าแมน พินิจนันท์ บัวมหาศักดิ์ ,แม็กกี้ อาภา ภาวิไล ตลกหน้าเหมือนเหยิน สกอเปี้ยน และทีมงานดาราพยนตร์ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์ ร่วมกันบริจาคโลหิตช่วยชีวิตผู้ป่วย ถวายเป็นพระราชกุศล

พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า เนื่องในเดือนตุลาคม มีวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งตรงกับวันที่ 24 ตุลาคมของทุกปี และพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรตรงกับวันที่ 13 ตุลาคมของทุกปี พระองค์ได้มีพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อประโยชน์สุขแห่งปวงพสกนิกรชาวไทยสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยความร่วมมือจากสภากาชาด จึงจัดกิจกรรมจิตอาสาด้วยการบริจาคโลหิตขึ้นเพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของทั้งสองพระองค์ท่าน

กิจกรรมจิตอาสาเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมความสมัครสมาน สามัคคี ร่วมมือร่วมใจ เพื่อประโยชน์สุขส่วนรวมโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ทำให้เกิดความรักความผูกพันใน 4 สถาบันหลักของชาติ คือ สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน 

“สงคราม” อัด “บิ๊กตู่” ปล่อยผู้ค้าน้ำมันขึ้นราคาตามใจชอบ ชี้ รัฐปล่อยราคาน้ำมันขึ้นต่อเนื่องกระทบต่อค่าครองชีพของพี่น้องประชาชน  

นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์  เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปล่อยให้ผู้ค้ามันในประเทศไทย ปรับราคาน้ำมัน อย่างต่อเนื่อง ถือเป็นการซ้ำเติมวิกฤตประเทศ อย่างแท้จริง ทั้งๆที่ปัจจุบันคุณภาพชีวิตของประชาชนก็แย่อยู่แล้ว แต่รัฐบาลกลับไม่ให้ความสำคัญ การปล่อยให้ผู้ค้าน้ำมันปรับราคาน้ำมันต่อเนื่องหลายรอบในเดือนตุลาคม ส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตของประชาชน เพราะต้นทุนสินค้าทุกอย่างขึ้น ในขณะนี้รายได้ประชาชนลดลง 

นอกจากนี้ การปรับราคาน้ำมันขึ้นอีก 60 สตางค์ ราคาน้ำมันที่แพงขึ้นเรื่อยๆ เช่นนี้ย่อมกระทบต่อค่าครองชีพของพี่น้องประชาชน เพิ่มต้นทุนการขนส่ง เพิ่มต้นทุนภาคการผลิตพลเอกประยุทธ์ มีเครื่องมือมากมายที่จะช่วยประชาชน แต่ทำไม่เป็นใช้งานไม่เป็น เลยไม่ทำอะไร ปล่อยให้นายทุนพลังงานกดขี่คนไทย โยนภาระทั้งหมดให้ผู้บริโภค ส่วนผู้ประกอบการโกยกำไรเป็นกอบเป็นกำ  

นายสงคราม  กล่าวด้วยว่า  การที่พลเอกประยุทธ์อ้างว่าการปรับราคาน้ำมันเป็นไปตามกลไกตลาด เป็นการพูดเพื่อเอาตัวรอดเท่านั้น ทั้งๆที่รัฐบาลสามารถที่จะตรึงราคาน้ำมันที่ผันผวน ไม่ให้กระทบกับพี่น้องประชาชนมากนัก โดยต้องเร่งลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตลงลิตรละ 5 บาทและพิจารณางดเว้นการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน ซึ่งจะช่วยตรึงราคาน้ำมัน ไม่ให้แพงมากเกินไปได้ แต่รัฐเลือกที่จะไม่ทำ 

“โฆษกรัฐบา” เผย  “Thailand Pass" ลดขั้นตอนเอกสาร รับนทท.เข้าประเทศ รอผลตรวจโควิด-19 แล้วเดินทางได้เลย ตั้งแต่ 1 พ.ย. นี้

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศไทยเดินหน้าเตรียมความพร้อมเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วยรูปแบบ "Thailand Pass" แทนระบบ COE (Certificate of Entry)  ลดขั้นตอนการอัปโหลดเอกสาร อำนวยความสะดวกรวดเร็วแก่นักท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.นี้ เป็นต้นไป นักท่องเที่ยวและชาวไทยที่ประสงค์เดินทางเข้าสู่ประเทศไทย สามารถลงทะเบียนออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ tp.consular.go.th ก่อนเดินทาง และรอการอนุมัติเป็นเวลา 1-3 วัน ซึ่งขึ้นอยู่กับการพิจารณาเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย 1. การตรวจโดยระบบอัตโนมัติสำหรับผู้ยื่นเอกสารวัคซีนที่มี QR Code และประเทศที่ออกเอกสารได้ให้ Public Key สาหรับการตรวจสอบเอกสารแก่ทางการ ไทยแล้ว (สามารถอนุมัติเอกสารให้ผู้เดินทางได้ทันที) 2. การตรวจโดยกรมควบคุมโรคด้วยตาเปล่าตามเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุข กําหนด โดยมีระบบกํารตรวจสอบการจองที่พัก SHA+ ผ่านระบบ SHABA และ AQ ผ่าน การยืนยันผู้เข้าพักจากโรงแรม AQ

จากนั้นเมื่อได้รับการอนุมัติ ผู้เดินทางสามารถดาวน์โหลด Thailand Pass QR Code ได้ทันทีเพื่อนำไปแสดงต่อสายการบินและเจ้าหน้าที่คัดกรอง พร้อมกับผลตรวจหาเชื้อโควิด-19 ไม่เกิน 72 ชม. ก่อนเดินทาง โดยไม่ต้องกรอก ตม.8 และ ตม.6 เมื่อเดินทางถึงไทย และดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน  “หมอชนะ” เท่านั้น โดยสำหรับผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่เข้าข่ายไม่ต้องกักตัว จำนวน 45 ประเทศ  และเขตบริหารพิเศษฮ่องกงหรือนักท่องเที่ยวแบบ Test and Go สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ทันทีหลังจากการรอผลตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบ RT-PCR ในโรงแรมที่กำหนดไม่ต่ำกว่า 1 คืน ทั้งนี้ ผู้ที่เข้าข่ายไม่ต้องกักตัวจะต้องพำนักอยู่ในประเทศที่ได้รับอนุญาตไม่ต่ำกว่า 21 วัน ยกเว้นเดินทางมาจากประเทศไทย และเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน ที่เดินทางพร้อมผู้ปกครองที่ได้รับวัคซีนครบถ้วนตามเกณฑ์แล้ว สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้ภายใต้เงื่อนไขไม่ต้องกักตัวเช่นเดียวกับผู้ปกครอง

“สุชาติ” รมว.แรงงาน ห่วงใยลูกจ้าง - ผู้ประกันตน ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ และมอบถุงยังชีพแก่ผู้ประสบอุทกภัยจังหวัดจันทบุรี

เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2564 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม ให้กำลังใจผู้ป่วยประกันสังคม และมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรี พร้อมมอบถุงยังชีพให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย ณ หมู่ที่ 5 ตำบลท่าช้าง อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี โดยมี นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน นางเธียรรัตน์ นะวะมะรัตน์ โฆษกกระทรวงแรงงาน (ฝ่ายการเมือง) นายอลงกรณ์ แอคะรัจน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี นายแพทย์ธีรพงศ์ ตุนาค ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรี หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงแรงงาน จังหวัดจันทบุรี เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า รัฐบาลภายใต้การนำของท่านพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กระทรวงแรงงาน ภายใต้การกำกับดูแลของท่าน พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยพี่น้อง ผู้ใช้แรงงานและประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากวิกกฤตสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น สถานการณ์โรคระบาด เชื้อไวรัสโควิด-19 หรือปัญหาผลกระทบความเดือดร้อนจากอุทกภัยในปัจจุบัน รวมถึงให้ความสำคัญในการดูแลผู้ประกันตนอย่างใกล้ชิดในทุก ๆ ด้าน เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์ทั้ง 7 กรณี แม้ลูกจ้าง/ผู้ประกันตน ประสบอันตราย หรือมีความไม่ปลอดภัยเกิดขึ้นจะต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ในวันนี้ ตนและคณะผู้บริหารกระทรวงแรงงาน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีโอกาสลงพื้นที่ในจังหวัดจันทบุรี พร้อมมอบของเยี่ยมลูกจ้าง/ผู้ประกันตนเพื่อเป็นกำลังใจ และมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรี

 

“โฆษกรัฐบาล” ยันนโยบายเปิดภาคเรียนมีการเตรียมพร้อม วางแผนร่วม สธ.เป็นอย่างดี “ปัด” ไม่ใช่เป็นไปตามยถากรรม “มั่นใจ” พลิกฟื้นประเทศไทยได้แน่ ถ้าฝ่ายค้านกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองในสภาฯ

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุว่าการประกาศเปิดเรียนเป็นตามยถากรรม เพราะรัฐบาลไม่มีการเตรียมพร้อม เมื่อเปิดโรงเรียนไม่ได้ก็เปิดเศรษฐกิจไม่ได้ ว่า น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้พูดอย่างชัดเจนแล้วว่า การเตรียมพร้อมเปิดภาคเรียนที่ 2 นั้นได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำรวจความพร้อมการเปิดเรียนรูปแบบ On Site ในวันที่ 1 พฤศจิกายน ของสถานศึกษาในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ โดยได้วางแผนร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข มีรายละเอียดการเปิดเรียนในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้สถานศึกษาไปปฏิบัติตาม นอกจากนี้ ขณะนี้กำลังเร่งผลักดันให้ครูได้รับวัคซีนให้มากที่สุดอีกด้วย ดังนั้น การเปิดเรียนในวันที่ 1 พฤศจิกายนจะเปิดเรียนในรูปแบบไหนนั้นจึงขึ้นอยู่กับความปลอดภัยของแต่ละพื้นที่ด้วย ซึ่งจะเห็นได้ว่ารัฐบาลมีการเตรียมความพร้อมล่วงหน้า ไม่ได้เปิดเรียนตามยถากรรมแต่อย่างใด

ราเมศ เผย “จุรินทร์”กำชับ ส.ส.เตรียมความพร้อม เปิดประชุมสภา ลุยเต็มที่

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงการเปิดประชุมสมัยสามัญที่จะถึงนี้ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ได้กำชับสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร ในส่วนของพรรค ลุยทำงานในสภาเต็มที่ และพร้อมปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ของสภาอย่างเคร่งครัด

เปิดประชุมสภาสมัยสามัญนี้ส.ส.ของพรรคมีการเตรียมการในเรื่องการอภิปราย กระทู้ ญัตติต่างๆ รวมถึง ร่างกฎหมายที่สำคัญหลายฉบับ ระหว่างปิดสมัยประชุม ส.ส.ทุกคนอยู่ในพื้นที่ใกล้ชิดพี่น้องประชาชนตลอด ข้อมูลที่จะนำมาสะท้อนผ่านสภามีเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะปัญหาความเป็นอยู่ปัญหาปากท้อง ก็จะเป็นแนวคิดแนวทางประกอบในการทำงานของรัฐบาลเพราะ ส.ส.ในแต่ละพื้นที่จะทราบปัญหาดีที่สุด กลไกของสภาผู้แทนราษฏรก็จะเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยเสริมการทำงานของรัฐบาลให้ดียิ่งขึ้นตรงตามความต้องการของประชาชนได้เป็นอย่างดี 

สกพอ. รับคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ และร่วมติดตามความก้าวหน้าการสร้างนวัตกรรมเพื่อขับเคลื่อน EEC

เมื่อวันที่ 26 – 27 ตุลาคม 2564 นางสาวทัศนีย์ เกียรติภัทราภรณ์ รองเลขาธิการ สกพอ. ให้การต้อนรับ และบรรยายความคืบหน้าการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ให้แก่คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ในโอกาสเดินทางศึกษาดูงานและติดตามความก้าวหน้าเกี่ยวกับการสร้างนวัตกรรมเพื่อขับเคลื่อน อีอีซี ณ โครงการเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) ภายในวังจันทร์วัลเลย์ อ.วังจันทร์ และได้ไปดูการประยุกต์ใช้นวัตกรรมการเกษตรเพื่อควบคุมการใช้น้ำลดต้นทุนให้เกษตรกร ณ สวนทุเรียนบัวแก้ว ต.วังจันทร์ รวมถึงติดตามโครงการเมืองอัจฉริยะ 5G และการพัฒนาระบบ 5G เพื่อยกระดับทั้งด้านอุตสาหกรรม การศึกษา และคุณภาพชีวิตประชาชนใน อีอีซี เทศบาลตำบลบ้านฉาง พร้อมทั้งรับฟังความคืบหน้าการดำเนินงานต่าง ๆ และปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงานที่ผ่านมา


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top