Monday, 23 June 2025
TheStatesTimes

เพจไทยคู่ฟ้า แจ้งข่าวดี!! ไทยได้รับสิทธิผลิตยา 'ฟาวิพิราเวียร์' รักษาโควิดแล้ว พร้อมเผยสั่งซื้อวัตถุดิบ 5 แหล่ง จาก 'จีน-อินเดีย'

ข่าวดี! ไทยได้สิทธิผลิตยาฟาวิพิราเวียร์แล้ว

อันที่จริงประเทศไทยมีเทคโนโลยีและความสามารถในการผลิตยาฟาวิพิราเวียร์เพื่อรักษาผู้ป่วยโควิด-19 แต่ที่ผ่านมาต้องนำเข้าจากต่างประเทศ เพราะติดปัญหาเรื่องสิทธิในการผลิต

ล่าสุดกรมทรัพย์สินทางปัญญามีคำสั่งปฏิเสธคำขอจดทะเบียนสิทธิบัตรยาฟาวิพิราเวียร์ ด้วยเหตุผลที่ว่าคำยื่นขอสิทธิบัตรของบริษัทที่ยื่นขอเข้ามานั้น "ไม่มีขั้นการประดิษฐ์ที่สูงขึ้น"

ทำให้ปัจจุบันไม่มีผู้ใดมีสิทธิผูกขาดในยาชนิดนี้ ทั้งในโครงสร้างสารออกฤทธิ์หลัก ซึ่งไม่เคยมีการขอรับสิทธิบัตรในประเทศไทย และรูปแบบยาเม็ด

ดังนั้น หากองค์การเภสัชกรรมหรือบริษัทยาสามัญไทยรายอื่นต้องการจะผลิตยาฟาวิพิราเวียร์ เพื่อใช้ในประเทศก็สามารถทำได้

ขณะนี้องค์การเภสัชกรรมได้ประสานสั่งซื้อวัตถุดิบสำหรับผลิตยาฟาวิพิราเวียร์ไว้แล้ว 5 แหล่ง จากประเทศจีน 1 แหล่ง อินเดีย 4 แหล่ง ซึ่งเป็นแหล่งวัตถุดิบที่มีมาตรฐานและผู้ผลิตยาทั่วโลกใช้วัตถุดิบจากแหล่งต่าง ๆ เหล่านี้

#ไทยคู่ฟ้า #รวมไทยสร้างชาติ #ร่วมต้านโควิด19


ที่มา: https://www.facebook.com/154553218343826/posts/1169222280210243/

"ณัฐชา" จี้ "ตรีนุช" เร่งเบิกจ่ายงบครุภัณฑ์ 2.7 พันล้าน ให้ทันก่อนเปิดภาคเรียนปี 64

เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2564 นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. และโฆษกพรรคก้าวไกล​ กล่าวถึงความคืบหน้าหลังได้รับการร้องเรียนจากโรงเรียนหลายแห่งในพื้นที่ กทม. และต่างจังหวัดที่ขาดแคลนอุปกรณ์การเรียนการสอนจำนวนมาก ซึ่งกำลังรอให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ จัดสรรงบประมาณดังกล่าวให้กับโรงเรียนเพื่อให้ทันต่อการเปิดภาคเรียนประจำปี 2564 ว่า สพฐ. ได้รับการจัดสรรงบครุภัณฑ์การศึกษาประจำปี ตาม พรบ.งบประมาณ 2564 ที่จำเป็นต่อการเรียนการสอนของนักเรียนให้กับโรงเรียนนั้น ตนได้ตรวจสอบงบประมาณที่ สพฐ. ได้รับเฉพาะครุภัณฑ์ จึงอยากถามไปยัง น.ส.ตรีนุช  เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ ว่าเหตุใดจึงไม่เร่งรัดจัดสรรงบประมาณจำนวน 2,700 กว่าล้านบาทให้โรงเรียนที่รอคอยอุปกรณ์การสอน โดยขณะนี้เวลาล่วงเลยมากว่า 8 เดือนแล้ว อีก 4 เดือนก็สิ้นปีงบประมาณ และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ก็ได้มีการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงวิกฤตโควิด-19

“ในฐานะผู้แทนราษฎรที่เป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชน จะติดตามเรื่องนี้ให้ถึงที่สุดและก็จะทำหนังสือทวงถามถึงน.ส.ตรีนุช และพล.อ.ประยุทธ์ ให้เร่งรัดจัดสรรงบประมาณที่เป็นภาษีอากรของพี่น้องประชาชนเพื่อมาดูแลบุตรหลานของพวกเขาให้มีอุปกรณ์การเรียนการสอน เด็กนักเรียนรออุปกรณ์การเรียนเหล่านี้อยู่” นายณัฐชา กล่าว

รมต.ประจำสำนัก ชวน ปชช. สวดมนต์อยู่บ้าน พร้อมกัน 11 พ.ค. นี้ - สร้างขวัญกำลังใจ สู้โควิด-19 

เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2564 นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากกรณีที่สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ที่พบจำนวนผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก และมีผู้เสียชีวิตหลายราย สร้างความวิตกกังวลแก่ประชาชน ทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ตนจึงมอบหมายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์พร้อมกันทั่วประเทศ ซึ่งมหาเถรสมาคมมีมติเห็นชอบกำหนดจัดพิธีดังกล่าว ขึ้นในวันที่ 11 พฤษภาคม 2564 เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป โดยมีสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส 

สำหรับการจัดพิธีในพื้นที่ส่วนกลาง จะจัดขึ้นที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เขตพระนคร วัดไตรมิตรวิทยาราม เขตสัมพันธวงศ์ และ วัดพระเชตุพนวิมลมังคราราม เขตพระนคร ส่วนภูมิภาค กำหนดให้วัดในนามเขตปกครองหนต่างๆ ดังนี้ เขตปกครองหนกลาง ณ วัดพนัญเชิงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เขตปกครองหนเหนือ ณ วัดพระสิงห์ จังหวัดเชียงใหม่ เขตปกครองหนตะวันออก ณ วัดพระธาตุเชิงชุม จังหวัดสกลนคร และ เขตปกครองหนใต้ ณ วัดกระพังสุรินทร์ จังหวัดตรัง ในส่วนของวัดอื่นทั่วไปและวัดไทยในต่างประเทศให้พิจารณาจัดพิธีตามความเหมาะสม

นายอนุชา กล่าวว่า การจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ครั้งนี้ เป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับประชาชน รวมถึงเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ประเทศชาติ ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันที่ทุกคนเผชิญอยู่ อาจทำให้เกิดความเครียด การสวดมนต์ ทำสมาธิจะช่วยทำให้จิตใจสงบมากขึ้น โดยขอให้ทุกคนมีสติ ใช้ชีวิตแบบนิวนอร์มอลให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ร่วมมือกันเพื่อก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้ โดยประชาชนที่ต้องการเข้าร่วมพิธี ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปที่วัด ขอให้ติดตามการถ่ายทอดสดทางช่อง NBT และร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ไปพร้อมกันผ่านทางหน้าจอทีวีอยู่ที่บ้าน ลดการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด-19

โฆษกรัฐบาล “ย้ำ” รัฐบาลไม่ปิดกั้นการนำเข้าวัคซีนโควิด-19 โดยภาคเอกชน เสนอให้จัดหาวัคซีนโควิด-19 ที่แตกต่างจากวัคซีนที่ภาครัฐนำเข้ามา และสามารถจัดส่งวัคซีนได้ทันภายในปี 2564 เพื่อเป็นทางเลือกให้ประชาชน พร้อมกำหนดค่าบริการฉีดวัคซีนฯใน รพ. เอกชน ต้องสมเหตุสม

เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2564 นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมคณะทำงานพิจารณาการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่มี น.พ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร เป็นประธานคณะทำงาน ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาถึงแนวทางในการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อโควิด-19 สำหรับใช้ในสถานพยาบาลของรัฐ และวัคซีนทางเลือกเพื่อนำมาให้บริการในสถานพยาบาลเอกชน โดยควรกำหนดให้วัคซีนโควิด-19 เป็นสินค้าควบคุม ซึ่งสถานพยาบาลภาคเอกชนควรคัดเลือกวัคซีนโควิด-19 ทางเลือก ที่มีคุณลักษณะหรือยี่ห้อที่แตกต่างจากวัคซีนที่ภาครัฐนำเข้ามา และสามารถจัดส่งวัคซีนได้ทันภายในปี 2564  รวมทั้งในอนาคตกรณีที่มีการวิจัยและผลิตวัคซีนโควิด-19 เพิ่มเติม ก็สามารถนำเสนอวัคซีนทางเลือกรายการอื่นเพิ่มเติมต่อไปได้ 


นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะทำงานฯยังได้สรุปการจัดหาวัคซีนโควิด-19 เพิ่มเติมสำหรับภาครัฐ ประกอบด้วย Pfizer, Sputnik V และ Johnson & Johnson และในการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ของสถานพยาบาลเอกชนนั้น ที่ประชุมคณะทำงานฯมีความเห็นว่า ควรเป็นวัคซีนโควิด-19 ในรายการอื่น ๆ ที่ไม่ได้ให้บริการโดยภาครัฐและสถานพยาบาลของรัฐ เพื่อให้เป็นวัคซีนทางเลือกอย่างแท้จริง และไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกับภาครัฐ เช่น Moderna, Sinopharm หรือวัคซีนอื่นที่มีการขึ้นทะเบียนต่อไปในอนาคต โดยขอให้มีการควบคุมราคาการให้บริการในการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทางเลือกให้กับประชาชนในสถานพยาบาลเอกชนให้สมเหตุสมผล และมีราคาที่เหมาะสม ซึ่งที่ประชุมคณะทำงานฯได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ช่วยผลักดันให้มีบริษัทผลิตและจัดจำหน่ายวัคซีนเข้ามาขึ้นทะเบียนในประเทศไทยให้เพิ่มมากขึ้น

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับการจัดหาวัคซีนในสถานพยาบาลเอกชน นั้น องค์การเภสัชกรรมจะเป็นผู้บริหารจัดการและประสานกับบริษัทผู้ผลิตหรือตัวแทนจำหน่ายวัคซีน โดยจะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสินค้าไม่ปลอดภัย (Product Liability) และสถานพยาบาลเอกชน/ภาคเอกชนที่ประสงค์จะนำเข้าวัคซีนโควิด-19 ทางเลือก จะเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะต้องชำระเงินจองวัคซีนโควิด-19 ทางเลือกล่วงหน้าให้แก่องค์การเภสัชกรรมเต็มจำนวนมูลค่าการสั่งซื้อ (100%) รวมทั้ง จัดทำประกันสำหรับกรณีผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน โดยภาคเอกชนที่มีความประสงค์จะขอนำเข้าวัคซีนทางเลือก สามารถดำเนินการแต่งตั้งตัวแทนจากบริษัทวัคซีนต้นทางและยื่นหนังสือต่อองค์การเภสัชกรรม โดยที่ประชุมคณะทำงานฯเห็นควรมอบหมายให้องค์การเภสัชกรรมเป็นผู้ลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนง (Letter of Intent : LOI) เพื่อดำเนินการร่วมกับภาคเอกชนในการจัดหาวัคซีน ซึ่งจะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดหาวัคซีนที่มีปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน

นฤมล ชี้ ! ดิจิทัล ทักษะรับอนาคต

วันที่ 7 พฤษภาคม 2564  ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน ร่วมอภิปรายในงาน Microsoft APAC Public Sector Digital Summit-Empowering nations for a digital society ในประเด็น “สังคมและอนาคตของการทำงาน (Society and the Future of Work)” ผ่านระบบ Microsoft Teams Live งานนี้ได้รวบรวมผู้บริหารภาครัฐและผู้นำทางความคิดในอุตสาหกรรมที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก เพื่อหารือเกี่ยวกับการฟื้นฟูภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และจินตนาการใหม่ในการใช้ดิจิทัลเพื่อการทำงานในอนาคต 

ศาสตราจารย์ นฤมล กล่าวอภิปรายว่า ในช่วงที่ผ่านมากระทรวงแรงงานได้ออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือกำลังแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หลายมาตรการ โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) ได้เน้นให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะอาชีพไปพร้อมกับการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัล เพื่อเตรียมความพร้อมให้แก่แรงงานในยุค New Normal รวมถึงได้ร่วมมือกับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) และสถาบันการเงินต่าง ๆ  เพื่อช่วยให้แรงงานที่ผ่านการฝึกอบรมได้รับโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในการประกอบอาชีพ ด้วยความตั้งใจที่จะยกระดับกระทรวงแรงงานเป็นกระทรวงเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ และเน้นให้ความสำคัญกับการพัฒนาแรงงานดิจิทัล รวมถึงให้ความช่วยเหลือแก่ประชากรซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบาง ผู้ว่างงาน และผู้ประกอบอาชีพอิสระ โดยดำเนินการภายใต้หลักการ “สร้าง-ยก-ให้ รวมไทยสร้างชาติ”

รมช.แรงงาน กล่าวอีกว่า ทักษะด้านดิจิทัลถือเป็นทักษะแรงงานที่สำคัญสำหรับอนาคต เนื่องจากการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยีดิจิทัลและสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ก่อให้เกิดธุรกิจและอาชีพใหม่ ๆ ที่ต้องการการใช้ทักษะด้านดิจิทัลอย่างเร่งด่วน โดย กพร. ได้มีการจัดตั้งสถาบันพัฒนาบุคลากรดิจิทัล (DISDA) ขึ้นมา เพื่อดูแลการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลให้แก่กำลังแรงงานและพัฒนากำลังคนเพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-Curve สอดคล้องยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนากำลังคนให้พร้อมเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล นอกจากนี้ยังได้ร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อจัดทำหลักสูตรในการพัฒนาทักษะอาชีพและทักษะด้านดิจิทัลให้แก่กำลังแรงงานทั้งระบบ 
โดยล่าสุดได้รับความร่วมมือจากบริษัท ไมโครซอฟท์ สนับสนุนองค์ความรู้ด้านทักษะเชิงดิจิทัล เพื่อช่วยยกระดับทักษะฝีมือให้แก่แรงงานไทยทั่วประเทศ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าว จะช่วยเพิ่มโอกาสในการจ้างงาน และเป็นหนึ่งกำลังสำคัญในการสร้างพลเมืองดิจิทัลเพื่อสร้างรากฐานทางเศรษฐกิจให้ยั่งยืน 

“การ Upskill Reskill และ Newskill เพื่อพัฒนากำลังคนให้มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างชาญฉลาดในการประกอบอาชีพ จะทำให้เกิดการจ้างงานที่มีคุณค่าและรองรับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกำลังคนในอุตสาหกรรมการผลิตและบริการที่จะถูกทดแทนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล” รมช.แรงงาน กล่าวทิ้งท้าย

กสร. สร้างการตระหนักรู้และปลุกจิตสำนึกด้านความปลอดภัยในการทำงาน 

กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน พร้อมสร้างการตระหนักรู้ และปลุกจิตสำนึกให้ผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนเห็นความสำคัญของความปลอดภัยในการทำงาน จัดงานวันความปลอดภัยในการทำงานแห่งชาติ ประจำปี 2564 ระลึกโศกนาฏกรรมเคเดอร์สูญเสีย 188 ชีวิต   

นายอภิญญา สุจริตตานันท์ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 10 พฤษภาคม เป็นวันความปลอดภัยในการทำงานแห่งชาติ โดยได้มีการจัดงานเป็นประจำทุกปีเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์โศกนาฏกรรมไฟไหม้รุนแรงที่โรงงานตุ๊กตาเคเดอร์ พุทธมณฑลสาย 4 จังหวัดนครปฐม ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 188 คน และบาดเจ็บกว่า 400 คน กระทรวงแรงงานนำโดย นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้ให้ความสำคัญในการดูแลด้านความปลอดภัยและสุขภาพอนามัยของพี่น้องแรงงานมาโดยตลอด จึงมอบหมายให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ส่งเสริม สร้างการตระหนักรู้และปลุกจิตสำนึกให้ผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนเห็นความสำคัญของความปลอดภัยในการทำงาน กสร.จึงได้จัดงานวันความปลอดภัยในการทำงานแห่งชาติ ประจำปี 2564 ขึ้นในวันที่ 7 พฤษภาคม 2564 เพื่อแสดงเจตนารมณ์ที่มุ่งมั่นของภาครัฐในการดูแลแรงงานให้มีความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดี รวมทั้งพัฒนาภาคีเครือข่ายด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยของประเทศไทย หรือ Safety Thailand เพื่อช่วยกันผลักดันงานความปลอดภัยในการทำงานให้เกิดเป็นวัฒนธรรมความปลอดภัยในการทำงานขึ้นในสังคมไทย จนนำไปสู่การสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยในการทำงานขององค์กรอย่างยั่งยืน ให้แก่ นายจ้าง ลูกจ้างและผู้ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ได้เร่งรัดการบังคับใช้กฎหมายความปลอดภัยในการทำงานอย่างเข้มงวด ควบคู่ไปกับการส่งเสริมและพัฒนาระบบการดูแลสุขภาพอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน ซึ่งปัจจุบันศูนย์พัฒนาองค์ความรู้ความปลอดภัยในการทำงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ 60 พรรษา ณ อาคาร Smart Job Center กระทรวงแรงงาน เป็นศูนย์การเรียนรู้และสร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยในการทำงานให้แก่ทุกภาคส่วน

อธิบดีกสร. กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการจัดงานที่ผ่านมาจะมีการจัดกิจกรรมรณรงค์ด้านความปลอดภัยในส่วนกลาง แต่เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดกิจกรรมวันความปลอดภัยในการทำงานแห่งชาติ ประจำปี 2564 ซึ่งได้นำระบบสารสนเทศเข้ามาสนับสนุนการดำเนินการเพื่อเว้นระยะห่างและลดการรวมตัวกันของคนจำนวนมาก ผ่านระบบ Facebook Live กองความปลอดภัยแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (ส่วนแยกตลิ่งชัน) ภายในงานมีกิจกรรม อาทิ การบรรยาย เรื่อง กฎกระทรวงการขึ้นทะเบียนและการอนุญาตให้บริการเพื่อส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2564  การอภิปรายถอดบทเรียนกรณีเกิดอุบัติเหตุจากการทำงานในที่อับอากาศ โดยวิทยากร นาวาเอก เสฏฐศิริ แสงสุวรรณ กรมแพทย์ทหารเรือ และ พ.จ.อ. สุนันท์ ประสมรัตน์ บริษัท พิทยา อินเตอร์เนชั่นแนลเซฟตี้ เทรนนิ่ง เซ็นเตอร์ จำกัด เป็นต้น

รัฐเตรียมเก็บค่าเหยียบแผ่นดินต่างชาติ 1 ม.ค.นี้ 

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ (ท.ท.ช.) วันที่ 7 พฤษภาคมนี้ ว่า จะเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาเริ่มการจัดเก็บและการบริหารจัดการค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวที่เรียกเก็บจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ คนละ 10 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 300 บาท ในวันที่ 1 ม.ค.65 เป็นต้นไป เพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารและพัฒนาการท่องเที่ยว 

รวมทั้งเป็นค่าใช้จ่ายในการซื้อประกันภัยให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในระหว่างท่องเที่ยวภายในประเทศ ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุต่างๆ และสามารถนำมาเยียวยาผู้ที่เดือดร้อนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้ในช่วงเกิดวิกฤตเหมือนที่เกิดไวรัสโควิดระบาดในตอนนี้

สำหรับการจัดเก็บค่าธรรมเนียมครั้งนี้ ถือว่าเป็นไปตาม พ.ร.บ. นโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2562 ซึ่งกำหนดให้มีการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวภายในประเทศของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยนำมาสมทบในกองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้จ่ายในการบริหารและพัฒนาการท่องเที่ยว รวมถึงการซื้อประกันภัยแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติระหว่างท่องเที่ยวภายในประเทศไทย 

พร้อมกันนี้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ยังจะหารือถึงการเพิ่มพื้นที่นำร่องรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพิ่มอีก 4 พื้นที่ คือ กรุงเทพฯ เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และบุรีรัมย์ ซึ่งเพิ่มเข้ามาล่าสุด เพื่อรองรับการจัดโมโตจีพีช่วงประมาณเดือนต.ค.นี้ โดยทุกพื้นที่จะเปิดให้ดำเนินการได้ใน 1 ต.ค.นี้ แบบไม่มีการกักตัวนักท่องเที่ยว เพื่อให้ทั้งปีสามารถรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ 3-4 ล้านคน ตามเป้าหมาย

'บิ๊กป้อม' คุมเข้มแก้ค้ามนุษย์   ประชุม ปคม. สั่งเร่งขับเคลื่อนมาตรการ ปก./ปราบปราม/เยียวยาผู้ถูกกระทำ  ให้กำลังใจ จนท.ทำงานระวังโควิด-19  เน้นสร้างความเข้าใจ ปชช.  ย้ำจนท.รัฐห้ามยุ่งเกี่ยวรับผลประโยชน์ เด็ดขาด  มุ่งขจัดการค้ามนุษย์ ให้หมดสิ้นไป  ยกระดับส

เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2564  พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษกประจำรอง นรม. เปิดเผยว่าวันนี้ เวลา10.00น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) ครั้งที่ 2/2564  ณ  ห้องประชุมวิจิตรวาทการ  สมช. ทำเนียบรัฐบาล

ที่ประชุมได้รับทราบ รายงานผลการดำเนินงานของ ปคม.ซึ่งมีความคืบหน้า ตามแผนงาน เพื่อใช้ประกอบการพิจารณา จัดระดับประเทศไทยในรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ (TIP Report) ประจำปี2564 โดย กระทรวงการต่างประเทศ ได้ส่งรายงานแล้ว เมื่อ 2 เม.ย.64  ซึ่งประเทศไทยได้พยายามแก้ปัญหา และตั้งเป้า ยกระดับสู่เทียร์ 1 ในปีนี้

พล.อ.ประวิตร ได้ย้ำว่า การค้ามนุษย์ ถือเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล ที่ต้องมุ่งมั่น ร่วมมือกันขับเคลื่อนแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะการป้องกัน การล่อลวง การละเมิดทางเพศกลุ่มเปราะบาง เด็กและสตรี ในสื่อออนไลน์ รวมทั้งการเยียวยาผู้เสียหาย จากการค้ามนุษย์ และให้เร่งปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการติดตามการลักลอบผู้โยกย้ายถิ่น และการติดตามนำเงินที่ได้จากการยึด อายัดทรัพย์ไปเยียวยาผู้เสียหาย พร้อมกำชับ การบริหารจัดการกองทุนเพื่อปกป้องและปราบปรามการค้ามนุษย์ ที่ต้องมีความโปร่งใส ให้ความสำคัญกับการจัดทำรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ที่ผ่านมา พร้อมทั้งขอให้มีการประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ประชาชน ได้รับทราบการดำเนินงาน ของรัฐบาล อย่างต่อเนื่องโดยทั่วกัน

พล.อ.ประวิตร  ยังได้กล่าวขอบคุณ เจ้าหน้าที่ทุกส่วนราชการ ที่เสียสละ ทุ่มเท ปฏิบัติหน้าที่ตามนโยบายของรัฐบาลด้วยดี ที่ผ่านมา พร้อมกำชับไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยวหาผลประโยชน์ ในการนำพา ช่วยเหลือลักลอบ โดยเด็ดขาด เพื่อขจัดการค้ามนุษย์ให้หมดสิ้นไปจากประเทศไทย และได้แสดงความห่วงใยขอให้ระมัดระวัง จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในขณะปฏิบัติหน้าที่ด้วย

"ศรีสุวรรณ"ร้อง กกต.ตรวจสอบคุณสมบัติว่าที่นายกเทศมนตรีช่องแค ปมเคยถูกไล่ออกจากราชการเหตุศาลสั่งจำคุกมาแล้ว

วันที่ 7 พฤษภาคม 2564 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อ กกต. เพื่อให้วินิจฉัยว่าผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีตำบลช่องแค อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ เป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่ เหตุพบข้อพิรุธเกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนานกเทศมนตรีดังกล่าว บางรายว่าอาจมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น 2562 

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า เนื่อจากมีผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีตำบลช่องแค รายหนึ่งซึ่ง น่าจะเป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตาม มาตรา50 แห่ง พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น 2562 เนื่องจากในอดีตเคยรับราชการทหารอากาศ ได้เคยถูกปลดออกจากราชการ เพราะถูกศาลพิพากษาว่ากระทำความผิดอาญา ซึ่งศาลพิพากษาสั่งให้จำคุกไว้มีกำหนด 2 ปี 3 เดือน โดยไม่รอลงอาญาและคดีถึงที่สุดแล้ว 
           
หลังจากนั้น จึงมีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ถอดยศและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ออกจากยศทหารจากบุคคลดังกล่าวแล้ว ตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค.50 ซึ่งเป็นวันที่คำพิพากษาถึงที่สุด เนื่องจากกระทรวงกลาโหมได้ปลดออกจากราชการเพราะกระทำความผิดอาญา ซึ่งต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก  

นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า ดังนั้นเมื่อบุคคลดังกล่าว เคยถูกปลดออกจากราชการ เคยถูกจำคุก จึงอาจถือได้ว่าเป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามตาม มาตรา50 แห่ง พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น 2562 ที่บัญญัติไว้ความว่า “บุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง คือ เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริตต่อหน้าที่หรือ ถือว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ”  การที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเทศบาลตำบลช่องแค ได้ตรวจสอบคุณสมบัติและประกาศให้เป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรี และได้ออกหลักฐานการสมัครให้ด้วยนั้น ย่อมเป็นการขัดต่อกฎหมายข้างต้นและหรือขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมายโดยชัดแจ้ง เพราะหลักฐานชี้ชัดว่าบุคคลดังกล่าวย่อมรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีคุณสมบัติจะลงสมัคร ดังนั้นเราจึงมาเพื่อให้กกต.วินิจฉัยเรื่องนี้ และหากใช่ก็ขอให้เพิกถอนเสีย พร้อมกับสั่งให้การเลือกตั้งที่ผ่านมาเป็นโมฆะ และสั่งให้มีการเลือกตั้งตำแหน่งนายกเทศมนตรีเสียใหม่ รวมทั้งต้องดำเนินคดีเอาผิดบุคคลดังกล่าว ตาม มาตรา120 ของ พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น 2562 ต่อไป  

‘หมอเฉลิมชัย’ ตั้ง 3 ข้อสังกตุ ‘โรคประจำตัว-สายพันธุ์อินเดียร้ายแรง-ภูมิต้านทานไม่ขึ้น’ เป็นเหตุ แม้ฉีดวัคซีน Pfizer ครบสองเข็มแล้ว ยังติดเชื้อเสียชีวิต

นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ อดีตอธิการบดี มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ โพสต์ข้อความเฟซบุ๊กส่วนตัว Chalermchai Boonyaleepun ระบุว่า...

ต้องค้นหาความจริง !! พบผู้เชี่ยวชาญสหรัฐฉีดวัคซีน Pfizer ครบสองเข็ม ติดโควิดและเสียชีวิตในอินเดีย ต้องเร่งหาสาเหตุว่า ทำไมถึงติดโควิดได้ แล้วเสียชีวิตจากโควิดจริงหรือไม่

รายงานข่าวจากหลายสำนักข่าว พบว่าผู้เชี่ยวชาญโรคติดเชื้อของสหรัฐอเมริกาคือ Dr.Rajendra Kapila ซึ่งทำงานอยู่ที่มหาวิทยาลัย Rutgers รัฐ New Jersey

ได้เดินทางไปยังกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย โดยก่อนเดินทาง เขาและภรรยาได้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิดของ Pfizer ครบสองเข็ม การเดินทางเข้าสู่อินเดียนั้น เกิดขึ้นในปลายเดือนมีนาคม 2564 และได้ติดโควิดในวันที่ 8 เมษายน เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลในกรุงนิวเดลี และในที่สุดวันที่ 28 เมษายนก็เสียชีวิต

โดยไม่ได้มีการเปิดเผยสาเหตุที่ชัดเจน นอกจากมีการระบุว่าเขาได้มีผลตรวจโควิดเป็นบวก

โดยผู้เชี่ยวชาญท่านนี้ มีโรคประจำตัว เป็นเบาหวาน หลอดเลือดเลี้ยงหัวใจ แล้วก็มีอายุมากถึง 81 ปี ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เสียชีวิตจากโควิดได้ทั้งสิ้น

นอกจากนั้นในอินเดีย มีการเก็บตัวอย่างพบว่า ไวรัสสายพันธุ์อินเดีย B.1.617 มีความครอบคลุมถึง 61% จาก 220 ตัวอย่างใน 361 ตัวอย่าง

ในกรณีนี้ ก็คงจะเป็นเรื่องที่ถกเถียงวิพากษ์วิจารณ์กันระหว่างสื่อตะวันตก และสื่อตะวันออกต่อไป

อย่างไรก็ตาม กล่าวเฉพาะเคสนี้ คิดว่าสาเหตุของการเสียชีวิตมีโอกาสเกิดได้หลายประการดังนี้

1.) เสียชีวิตจากโรคประจำตัวอื่น เช่น หัวใจ หรือเบาหวาน โดยไม่ได้เกี่ยวกับโควิดโดยตรง หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งเป็นเหตุบังเอิญพ้องกันพอดี

2.) กรณีที่เสียชีวิตจากโควิดจริง อาจจะเป็นเพราะฉีดวัคซีนแล้ว มีภูมิต้านทานขึ้นได้ดี แต่ไม่สามารถป้องกันไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์อินเดียได้

3.) เสียชีวิตจากโควิดจริง โดยที่ฉีดวัคซีนแล้วภูมิต้านทานไม่ขึ้น ทำให้ไม่มีภูมิต้านทานที่จะต่อสู้กับเชื้อโรค

ส่วนจะเป็นจากกรณีใด คงจะมีรายละเอียดของการวินิจฉัยหาสาเหตุการเสียชีวิตต่อไป

ก็เป็นข้อเตือนใจ ไม่ว่าผลจะออกมาว่าเป็นอย่างไร

การฉีดวัคซีนไม่ได้ป้องกันการติดเชื้อได้ 100%

การฉีดวัคซีน ภูมิต้านทานไม่ได้ขึ้นครบทุกคน

และการฉีดวัคซีน ควรจะต้องป้องกันตัวเองต่อไปอีกระยะหนึ่งอย่างน้อย จนกว่าจะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่หรือจนกว่าโรคจะสงบ


ที่มา : https://www.facebook.com/237959479586026/posts/3823765717672033/


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top