Wednesday, 18 June 2025
TheStatesTimes

รับมืออย่างไรเมื่อไม่มีเขา...แต่เราต้องไปต่อ

เมื่อไม่นานมานี้ในระหว่างที่ผู้เขียน ไถฟีดเฟซบุ๊กตัวเองไปเรื่อย ๆ ก็ได้ไปเจอกับภาพ ๆ นึงที่ชวนให้หวนคิดถึงเพื่อนรักที่จากไป ซึ่งภาพที่เห็นก็มาจากรายการ Cooking with Dog รายการทำอาหารที่ไม่ได้สอนแค่ทำอาหารแต่ยังแสดงให้เห็นถึงมิตรภาพของหญิงวัยกลางคนที่ใครก็รู้จักเธอในหน้าที่ ‘เชฟ’ กับคู่หูคู่ใจอย่าง ‘เจ้าฟรานซิส’ สุนัขพุดเดิ้ลที่คอยอยู่เคียงข้างตลอดการดำเนินรายการ

ด้วยความน่ารักและมิตรภาพของทั้งคู่ทำให้รายการดำเนินมายาวนานหลายปีและสุดท้ายก็ถึงเวลายุติการทำหน้าที่ของพิธีกรคู่หูคนสำคัญอย่าง ‘เจ้าฟรานซิส’ เมื่อเขาได้จากไปในวัย 14 ปี 9 เดือน แต่ภาพที่ชวนสะเทือนใจยิ่งกว่าคือภาพของ ห้องครัวห้องเดิม ผู้หญิงวัยกลางคนคนเดิม แต่สิ่งที่เข้ามาแทนที่ฟรานซิส กลายเป็นตุ๊กตาตัวแทนของฟรานซิสแทน แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำหน้าที่ต่อไปแต่รายการก็ยังคงต้องดำเนินต่อ ‘เพราะวันนึงที่ไม่มีเขาแล้ว เราก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป’

นี่แหละค่ะ จุดเริ่มต้นของการหวนคิดถึงเพื่อนรักในวัยเยาว์ และช่วงเวลาของการอยู่ต่อไปโดยไม่มีเขา ต้องบอกก่อนว่าผู้เขียนไม่ใช่กูรูในการจัดการบริหารความรู้สึก แต่เพียงแค่อยากแชร์ในมุมมองของผู้ที่ผ่านจุด ‘ไม่มีเขาแต่เราต้องไปต่อ’ ก็เพียงเท่านั้น

เชื่อว่าหลาย ๆ ท่าน คงเคยสัมผัสบรรยากาศการพบปะและลาจากใช่ไหมคะ แน่นอนค่ะ สัตว์เลี้ยงแสนรักก็เช่นเดียวกัน พวกเขาไม่อายุยืนเท่าเรา แต่ช่วงชีวิตอันสั้นของพวกเขาสร้างความสุขให้กับเราได้ไม่น้อย แต่ในวันที่เขาจากไป ดูเหมือนเขาจะพรากเอาความสุขนั้นไปด้วย แล้วเราจะจัดการอย่างไรล่ะเมื่อความสุขของเราหายไปกับเขา และเหลือเพียงแต่ความหม่นหมองในวันที่ไม่มีเขาอยู่?

แน่นอนว่ากลไกการรับมือของแต่ละคนคงต่างกัน แต่ที่แน่ ๆ สิ่งที่ทุกคนต้องพยายามเผชิญและผ่านมันไปให้ได้คือ ‘การยอมรับ’ ซึ่งยอมรับในที่นี้นอกจากยอมรับว่าสัตว์เลี้ยงแสนรักของเราได้จากไปแบบไม่มีวันกลับแล้ว การยอมรับอีกอย่างที่สำคัญคือ ยอมรับเสียเถอะว่าเราเสียใจ การฟูมฟายในบางครั้งก็ระบายความเจ็บปวดได้ดีกว่าการเก็บเอาไว้ภายใน

บางครั้งการจัดการกับความรู้สึกด้วยตัวเองอาจไม่ดีเท่ากับมีใครรับฟังเรา ดังนั้น ‘การระบายกับใครสักคน’ ก็เป็นเรื่องที่ดีและไม่ได้น่าอาย เพราะการที่ได้พูดออกไปดีกว่าเก็บไว้คนเดียว ไม่แน่ว่าสิ่งที่ได้รับกลับมานอกจากได้ระบายแล้วคุณอาจได้กำลังใจหรือมุมมองใหม่ ๆ ในการรับมือกับการจากไปของสัตว์เลี้ยงแสนรักของคุณก็ได้

เช่นเดียวกับทุก ๆ เรื่อง เราต้องรู้จักให้เวลา เช่นเดียวกับการรับมือในการจากไปเช่นกัน หลาย ๆ คนคงคุ้นหูกับประโยคที่ว่า ‘เวลาจะเยียวยาทุกสิ่ง’ ซึ่งก็เยียวยาได้จริง ๆ อย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อวันเวลาผ่านไปความทุกข์ที่มีจะคลายลงตามเวลา และภาพที่ยังคงอยู่คือเวลาดี ๆ ที่เรามีกับสัตว์เลี้ยงแสนรัก การใช้เวลาในการเยียวยาของแต่ละคนไม่เท่ากันแต่แน่นอนว่าเราจะสามารถผ่านไปได้อย่างแน่นอน

วิธีรับมือกับการจากไปของสัตว์เลี้ยงแสนรักที่ผู้เขียน บรรยายยาวเหยีดมาจนถึงตอนนี้ ล้วนเป็นบทเรียนจากเพื่อนรักสี่ขาของผู้เขียนที่มอบให้เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจากกัน และทำให้เรียนรู้ว่าสิ่งเหล่านี้นี่แหละ ที่ทำให้เราก้าวเดินต่อไปได้ แม้ในวันนี้จะไม่มีเขาอยู่แล้วก็ตาม

การเยียวยาตัวเองต่อการจากไปคงไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว และอาจเป็นสูตรเฉพาะของแต่ละบุคคล แต่ผู้เขียนก็เชื่อว่าสิ่งที่ผู้เขียนได้บรรยายมาข้างต้นอาจช่วยให้เราจัดการกับความรู้สึกของตนเองได้ง่ายขึ้น เพราะแม้ว่าในวันที่ไม่มีสัตว์เลี้ยงแสนรักของเราอยู่ข้างกายเหมือนเดิม แต่ชีวิตคนเราก็ยังต้องไปต่ออยู่ดี เหมือนอย่างที่ ‘เชฟ’ ก็ยังคงต้องทำหน้าที่ของตัวเองต่อไปแม้จะไม่มี ‘ฟรานซิส’ เพื่อนคู่ใจเหมือนเคยก็ตาม

ตำนานลูกมะพร้าว ที่มาของเจ้าที่ในบ้านของคนเมียนมาร์

ใครที่เคยมีเพื่อนที่เป็นคนเมียนมาร์เวลาไปเยี่ยมเพื่อนเขาที่บ้าน นอกจากจะเห็นหิ้งพระใหญ่โตแล้ว หากคุณเป็นคนสายตาดีคุณจะสังเกตเห็นมุมหนึ่งที่เขาจะตั้งลูกมะพร้าวไว้บนแท่นบูชาหรือแขวนไว่มุมหนึ่งของบ้าน จนเราต้องสงสัยว่าจะแขวนมะพร้าวไว้ที่บ้านทำไม แต่นี่คือเทพหรือนัท ที่คนเมียนมาร์กราบไว้บูชามีพลังอำนาจในการปกป้องบ้านเรือนจากเหล่าภูตผีและวิญญาณชั่วร้ายต่าง ๆ นัทองค์นี้มีชื่อว่า “เมงมหาคีรี”

นัทองค์นี้ มีตำนานเริ่มที่ยุคพุกาม ก่อนที่พุกามจะรวมเป็นราชอาณาจักรเดียว ที่เมืองตะโกง ใกล้ ๆ กับเทือกเขาโปป้า มีชายหนุ่มคนหนึ่งถือกำเนิดขึ้น เขามีนามว่า ‘ติน เต’ เขาเกิดมาพร้อมกับพลังมหาศาลและร่างกายอันแข็งแกร่ง อาวุธต่าง ๆ ไม่สามารถทำอันตรายเขาได้ เมื่อเขาโตขึ้นเขาทำงานเป็นช่างตีดาบในเมืองนี้ และเขายังมีน้องสาวอีก 2 คน เมื่อเรื่องราวของชายหนุ่มผู้มีพละกำลังมหาศาลรู้ไปถึงหูของกษัตริย์เมืองตะโกง ทางกษัตริย์ก็กลัวว่านายติน เต คนนี้สักวันจะมาชิงราชบัลลังก์ กษัตริย์จึงออกอุบายให้ไปจับนายติน เต มาเพื่อสังหารซะ แต่สุดท้ายทหารก็ไม่สามารถจับเขาได้ แต่นายติน เต ผู้นี้ก็หนีไปได้ ทางกษัตริย์จึงบอกให้ทหารไปจับน้องสาวทั้งสองของเขาที่อาศัยอยู่ที่บริเวณหุบเขาโปป้ามา แต่แทนที่จะออกอุบายจับน้องสาวทั้งสองมาสังหาร แต่กษัตริย์เมืองตะโกงกลับออกอุบายว่าจะอภิเษกกับน้องสาวทั้งสองของติน เต แทน และบอกให้น้องสาวทั้งสองของติน เต ขอร้องให้พี่ชายของเขามาพบในฐานะผู้กล้า หลายครั้งที่กษัตริย์ตรัสกับเมียสองพี่น้องว่าถ้าพี่ชายเขามาเป็นแม่ทัพให้เมืองตะโกง เมืองตะโกงจะยิ่งใหญ่ไพศาลมีอำนาจมากมาย จนทำให้น้องสาวของติน เต ทั้งสองหลงเชื่อใจกษัตริย์ ดังนั้นน้องสาวทั้งสองของติน เต จึงชวนพี่ชายเขาให้มาเข้าวังเพื่อพบกับกษัตริย์

เมื่อติน เต เขามาในวังแล้วกษัตริย์ก็วางอุบายจับเขามัดไว้กับต้นจำปีไว้ แต่พอทหารใช้ศาสตราวุธใด ๆ ก็ไม่สามารถเจาะผ่านผิวของติน เต ได้ กษัตริย์จึงออกคำสั่งให้เผาติน เต ทั้งเป็น เมื่อน้องสาวทั้งสองเห็นพี่ชายตนเองกำลังจะตายอย่างทุรนทุราย ทั้งสองจึงได้กระโดดไปในกองไฟตายร่วมกับพี่ชายของเขา

เมื่อ ติน เต และน้องสาวทั้งสองตายไปแล้ว วิญญาณของทั้งสามก็สิงสถิตย์ที่จุดที่เป็นต้นจำปีนั้น เมื่อมีใครผ่านไปผ่านมาก็มักจะปรากฎร่างให้เห็น จนผู้คนในเมืองตะโกงต่างกลัว เรื่องราวได้ยินไปถึงหูของกษัตริย์เมืองตะโกงอีกครั้ง กษัตริย์จึงสั่งให้ทหารไปถอนรากต้นจำปีที่ไหม้ไปแล้วขึ้นมาเอาไปลอยในแม่น้ำอิรวดี รากไม้นี้ลอยไปจนถึงเมืองท่าของพุกามที่นั่น ก่อนที่รากไม้นี้จะลอยมาถึงกษัตริย์แห่งพุกามนามว่า เตเลเจาง์  ท่านทรงสุบินถึงรากจำปีนี้และเรื่องราวของติน เต และน้องสาวทั้งสอง เมื่อรากจำปีลอยมาติดที่ท่าเมืองพุกาม กษัตริย์เตเลเจาง์ จึงดำรัสให้นำรากจำปีขึ้นจากน้ำ จึงสร้างรูปสักการะ และมอบสถานที่ให้วิญญาณทั้งสามสถิตย์เพื่อที่พุกาม และประกาศให้ทุกบ้านสักการะในฐานะนัทผู้คุ้มครองภูเขาโปป้า รวมทั้งให้ภารกิจนัททั้งสามว่ามีหน้าที่ปกป้องบ้านเรือนของผู้คนจากวิญญาณร้ายและภูติผี และตั้งชื่อให้ใหม่ว่า ‘เมงมหาคีรี’

เมื่อถึงยุคพระเจ้าอโนรธามังช่อ เป็นยุคที่พุทธศาสนาเข้ามามีอิทธิพลในพม่า ในตอนนั้นพระเจ้าอโนรธามังช่อไม่ชอบ จะลงโทษคนที่สักการะนัท ดังนั้นทุกบ้านจะต้องเอารูปสักการะนัทออกไปทิ้ง แต่ชาวบ้านยังศรัทธาในการสักกการะนัทเมงมหาคีรีแม้จะไม่สามารถมีองค์สักการะที่บ้านได้ ดังนั้นชาวบ้านจึงนำลูกมะพร้าวมาตกแต่งโดยการรวมคองบอง หรือ ผ้าโพกหัวและมีตาลปัตรที่เป็นสัญลักษณ์ของนัทเมงมหาคีรีไว้ที่บ้านเพื่อศรัทธา

การบูชานัทองค์นี้จะต้องมีผ้าแดงปิด โดยยามกลางวันจะเปิดผ้าแดงไว้ แต่เมื่อยามวิกาลมาถึง เมื่อแต่ละบ้านต้องจุดไฟ จะต้องปิดผ้าแดงคลุมลูกมะพร้าวไว้ เนื่องจากนัทเมงมหาคีรี ตายเพราะไฟ ดังนั้นท่านจึงไม่ถูกกับไฟนั่นเอง การบูชาเมงมหาคีรีนั้น ต้องห้ามจุดธูป จุดไฟ และถวายดอกจำปาเด็ดขาด สามารถถวายอาหารคาว ยกเว้นเนื้อสัตว์ น้ำ และผลไม้ ดอกไม้ทั่วไปยกเว้นจำปีได้ และในทุก ๆ ปีจะถวายมะพร้าวสักการะลูกใหม่พร้อมกับถวายเครื่องเซ่น อย่างเช่น  Mont San เป็นขนมที่ทำมาจากแป้งข้าวเหนียว น้ำตาลและมะพร้าว ใบชา หมากพลู และกล้วยในวันก่อนวันเข้าพรรษาและหลังวันออกพรรษา และหลายครอบครัวก็มีการให้เครื่องเซ่นเมื่อมีสมาชิกเข้ามาอาศัยในบ้าน เช่น แต่งงานมีสะใภ้เข้าบ้าน หรือหลังจากลูกเกิด 49 วัน

และนี่เป็นอีกหนึ่งนัทที่อยู่คู่กับคนเมียนมาร์มานับพันปีตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และเชื่อว่าความเชื่อนี้ยังคงอยู่ต่อไปอีกแสนนานเช่นเดียวกับคนไทยเชื้อสายจีนบูชาตี่จู่เอี้ยนั่นเอง

ประเทศที่ปราศจากกองทัพ

เข้าสู่อากาศร้อนจัดของเดือนเมษายน จึงขอลดความร้อนแรงของความร้อนด้วยเรื่องของประเทศที่ไม่มีกองทัพ ซึ่งในโลกของเรามีร่วมสามสิบประเทศที่ไม่มีกองทัพ คำว่าประเทศในที่นี้หมายถึงรัฐที่มีอธิปไตย โดยการป้องกันประเทศของตนกลายเป็นความรับผิดชอบของประเทศอื่นไป หรือมีกองทัพที่มีลักษณะเป็นทางเลือกเป็นกองกำลังติดอาวุธสำหรับการป้องกันประเทศตามแต่จะใช้เพื่อสนับสนุนนโยบายภายในประเทศและนโยบายต่างประเทศของรัฐบาลนั้น ๆ บางประเทศที่มีการระบุไว้เช่น Iceland (ซึ่งเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือเพียงประเทศเดียวที่ไม่มีกองกำลังทหารประจำการ) และ Monaco ไม่มีกองทัพหลัก แต่ยังคงมีกองกำลังทหารที่ไม่ใช่ตำรวจ ด้วยกองทัพมีค่าใช้จ่ายสูงในโลกปัจจุบัน และสำหรับหลายประเทศเหล่านี้การยกเลิกหรือไม่มีกองกำลังทหารจะสามารถจัดหาเงินทุนสำหรับบริการสาธารณะอื่น ๆ ได้อีกมาก

ตามข้อมูลของ CIA World Factbook (เอกสารข้อมูลรายปีของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ซึ่งสำนักงานข่าวกรองกลางของสหรัฐฯ (CIA) จัดทำขึ้น โดยเอกสารชุดนี้จะสรุปข้อมูลประมาณ 2-3 หน้าเกี่ยวกับ ประชากรศาสตร์ ภูมิศาสตร์ การสื่อสาร การปกครอง เศรษฐกิจ และการทหารของประเทศ และรัฐที่มีการปกครองตนเอง 267 แห่งทั่วโลก) ได้ระบุว่า มี 32 ประเทศที่ไม่มีกองกำลังทหารประจำการในขณะนี้

Cos de Policia d'Andorra ของราชรัฐ Andorra

1.) ราชรัฐ Andorra หนึ่งในรัฐที่เล็กที่สุดในยุโรป ตั้งอยู่ระหว่างฝรั่งเศสและสเปน มีประชากรประมาณ 85,000 คนเท่านั้น เป็นประเทศซึ่งอยู่ในเทือกเขา Pyrenees โดยมีกองตำรวจที่เรียกว่า Cos de Policia d'Andorra แต่ไม่มีกำลังทหารประจำการ ซึ่งการป้องกันอธิปไตยของรัฐนี้เป็นความรับผิดชอบของสเปนและฝรั่งเศสด้วยเป็นประเทศที่อยู่ใกล้กัน

2.) Aruba ประเทศในเครือของราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ เกาะ Aruba ตั้งอยู่ในทะเลแคริบเบียน และนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1986 เป็นรัฐที่มีสถานะเป็นรัฐอิสระปกครองตนเองที่แยกจากกันของราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้รับความนิยมอย่างมากจากนักท่องเที่ยว โดยการป้องกันประเทศซึ่งมีประชากร 116,000 คน ถือเป็นความรับผิดชอบของเนเธอร์แลนด์ หน่วยงานด้านความมั่นคงแห่งชาติของ Aruba เน้นไปที่การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมและการก่อการร้าย

3.) หมู่เกาะ Cayman เป็นหมู่เกาะในทะเลแคริบเบียนซึ่งอยู่ในดินแดนโพ้นทะเลของอังกฤษ (เหมือนฮ่องกงในอดีต ก่อน ปี ค.ศ. 1997) อันหมายความว่า สหราชอาณาจักรยังคงรับผิดชอบในการป้องกันหมู่เกาะที่อยู่ห่างจากประเทศคิวบาไปทางใต้ประมาณ 150 ไมล์ อย่างไรก็ตามหมู่เกาะ Cayman ยังคงมีกองกำลังตำรวจแห่งชาติที่เรียกว่า กองกำลังตำรวจหมู่เกาะ Cayman ประชากรส่วนใหญ่ของหมู่เกาะ Cayman อาศัยอยู่บนเกาะ Grand Cayman ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในสามเกาะ

4.) หมู่เกาะ Cook มีประชากรราวหนึ่งหมื่นคน ตั้งชื่อตามกัปตัน James Cook เป็นเกาะทางตอนใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิกที่เป็นอิสระ แต่มีความสัมพันธ์และการติดต่อกับนิวซีแลนด์ โดยถือว่า หมู่เกาะ Cook เป็นเขตปกครองตนเองของนิวซีแลนด์ ดังนั้นนิวซีแลนด์จึงต้องรับผิดชอบในการป้องกันประเทศของหมู่เกาะ Cook แต่เป็นไปตามที่หมู่เกาะ Cook ร้องขอเท่านั้น

Public Force of Costa Rica ทำหน้าที่เป็นตำรวจ และ พิทักษ์ชายแดน และมีวัตถุประสงค์ในการป้องกันประเทศอีกด้วย

5.) สาธารณรัฐ Costa Rica ไม่มีกองกำลังติดอาวุธในคอสตาริกาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1949 ประเทศซึ่งมักเรียกกันว่า "สวิตเซอร์แลนด์แห่งอเมริกากลาง" ได้ประกาศความเป็นกลางอย่างถาวรและปราศจากอาวุธในปี ค.ศ. 1983 โดยมีกองกำลังกึ่งทหารขนาดเล็ก (Public Force of Costa Rica) ทำหน้าที่เป็นตำรวจ และ พิทักษ์ชายแดน และมีวัตถุประสงค์ในการป้องกันประเทศอีกด้วย แต่ในทางปฏิบัติแล้วความเป็นจริงก็คือ Costa Rica ได้รับความคุ้มครองในทางอธิปไตยโดยกองทัพสหรัฐฯ

6.) Curacao เป็นหนึ่งในสี่ประเทศที่เป็นรัฐที่มีสถานะเป็นรัฐอิสระปกครองตนเองในเครือของราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ เป็นเกาะในทะเลแคริบเบียนที่ไม่มีกองกำลังทหาร อย่างไรก็ตามรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ยังคงดูแลกิจการต่างประเทศและการป้องกันประเทศ เกาะมีขนาด 171 ตารางไมล์ ซึ่งมีประชากรราว 150,000 คน 0kdการลงประชามติในปี ค.ศ. 2009 ชาว Curacao ลงคะแนนเสียงให้ Curacao เป็นประเทศที่ปกครองตนเองภายใต้ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ ดังนั้นหน่วยยามฝั่งแคริบเบียนแห่งเนเธอร์แลนด์ (DCCG) ยังคงทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยทางทะเลให้อยู่จนปัจจุบัน

7.) เครือรัฐ Dominica หมู่เกาะสุดท้ายของหมู่เกาะแคริบเบียนที่เคยเป็นอาณานิคม ของยุโรป เป็นรัฐหมู่เกาะใน Lesser Antilles และเป็นสมาชิกของเครือจักรภพ โดยมีกองกำลังตำรวจที่เรียกว่า Commonwealth of Dominica Police Force ซึ่งทำหน้าที่เป็นหน่วยป้องกันชายฝั่งด้วย การป้องกันประเทศเป็นไปตาม ข้อตกลงระหว่างประเทศเพื่อการป้องกันและความมั่นคงของภูมิภาคแคริบเบียนตะวันออก (The Regional Security System (RSS)) ซึ่งเป็นข้อตกลงระหว่างประเทศภูมิภาคแคริบเบียนตะวันออก (Antigua and Barbuda (ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1982) Barbados (ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1982) Dominica (ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1982) Grenada (ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1985) Saint Kitts และ Nevis (ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1983) Saint Lucia (ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1982) Saint Vincent และ the Grenadines (ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1982) กับสหรัฐฯ และแคนาดา

8.) หมู่เกาะ Faroe หมู่เกาะนี้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสหภาพยุโรป ถือเป็นเขตการปกครองตนเองของราชอาณาจักรเดนมาร์ก ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2491 ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือระหว่างเกาะอังกฤษ นอร์เวย์ และไอซ์แลนด์ มีประชากรราว 51,000 คน ไม่มีกองกำลังติดอาวุธประจำ โดยรัฐบาลเดนมาร์กรับผิดชอบในการป้องกันอธิปไตยให้ ด้วยกองกำลังอาร์กติกของกองทัพเดนมาร์กทำหน้าที่รับผิดชอบในการป้องกันดินแดนของหมู่เกาะ Faroe


9.) French Polynesia ประเทศโพ้นทะเลในเครือของสาธารณรัฐฝรั่งเศส ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิก และประกอบด้วยเกาะขนาดเล็กและขนาดใหญ่จำนวนมาก เกาะที่มีชื่อเสียงที่สุดของดินแดนคือ Tahiti มีประชากรราว 290,000 คน แต่ไม่มีกองกำลังติดอาวุธเป็นของตัวเอง โดยรัฐบาลฝรั่งเศสรับผิดชอบทำหน้าที่ในป้องกันอธิปไตยของ French Polynesia

10.) Greenland ถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปในปี ค.ศ. 1985 เนื่องจากข้อพิพาทเกี่ยวกับโควตาในการทำประมงที่เข้มงวด เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในทางภูมิศาสตร์เป็นของส่วนหนึ่งของทวีปอเมริกาเหนือ แต่ถือเป็นเขตการปกครองตนเองของราชอาณาจักรเดนมาร์ก ดินแดน ในปี ค.ศ. 2008 ได้รับการลงคะแนนให้มีการปกครองตนเอง และรับผิดชอบในกิจการภายในประเทศเอง ในปี ค.ศ. 2009 Greenland ได้ผ่านร่างพระราชบัญญัติการปกครองตนเอง โดยตระหนักว่าพลเมืองของตนมีสิทธิในการตัดสินใจด้วยตนเองภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตามรัฐบาลเดนมาร์กยังคงมีอำนาจควบคุมในด้านนโยบายหลายประการ รวมถึงนโยบายด้านการต่างประเทศ ความมั่นคง และการเงินการคลัง ทำให้รัฐบาลเดนมาร์กต้องรับผิดชอบในการป้องกันอธิปไตยของ Greenland ด้วย

11.) Grenada หนึ่งในประเทศเครือจักรภพของสหราชอาณาจักร เป็นเกาะทางตอนเหนือของ Lesser Antilles ในทะเลแคริบเบียน นับตั้งแต่การบุก Grenada ของกองทัพสหรัฐฯในปี พ.ศ. 1989 ประเทศนี้ก็ไม่มีกำลังทหารของตนเองอีกต่อไป อย่างไรก็ตามมีกองกำลังตำรวจที่เรียกว่า กองกำลังตำรวจ Grenada ซึ่งทำหน้าที่เป็นยามชายฝั่งด้วย การป้องกันประเทศเป็นไปตาม ข้อตกลงระหว่างประเทศเพื่อการป้องกันและความมั่นคงของภูมิภาคแคริบเบียนตะวันออก (The Regional Security System (RSS)) เช่นกัน

Viking Squad หน่วยปฏิบัติการพิเศษสังกัดหน่วยยามฝั่งของสาธารณรัฐ Iceland

12.) สาธารณรัฐ Iceland แม้ว่าจะเป็นสมาชิกของ NATO แต่ก็ไม่มีกองกำลังทหารประจำการ NATO จึงทำหน้าที่ในการป้องกันประเทศให้ Iceland ด้วย และตั้งแต่ปี ค.ศ. 2006 กองกำลังทั้งหมดของสหรัฐฯได้ถอนกำลังออกจาก Iceland มีกองกำลังยามฝั่งประกอบด้วยเรือและอากาศยานจำนวนหนึ่ง

13.) สาธารณรัฐ Kiribati เข้าร่วมองค์การสหประชาชาติในปี ค.ศ. 1999 มีบทบาทอย่างมากในความพยายามระหว่างประเทศเพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ รัฐคิริบาสเป็นเอกราชตั้งแต่ปี ค.ศ. 1979 ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก และมีประชากร 109,000 คน เคยเรียกว่า หมู่เกาะGilbert ไม่มีกองกำลังประจำการและการจัดตั้งกองทัพเป็นเรื่องต้องห้ามตามนรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตามยังคงมีกองกำลังตำรวจ โดยออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ทำหน้าที่ในการป้องกันอธิปไตยของประเทศให้ด้วย

สมาชิกของกองกำลังตำรวจแห่งชาติ ราชรัฐ Liechtenstein

14.) ราชรัฐ Liechtenstein เป็นรัฐที่เล็กที่สุดเป็นอันดับหกของโลก แม้ว่าประเทศนี้จะไม่มีกองกำลังทหารประจำการ แต่กองกำลังตำรวจแห่งชาติก็มีร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับกองทัพของประเทศเพื่อนบ้านทั้ง ออสเตรีย และสวิตเซอร์แลนด์

15.) สาธารณรัฐหมู่เกาะ Marshall หลังจากเกือบสี่ทศวรรษภายใต้การบริหารของสหรัฐฯ ในที่สุดหมู่เกาะ Marshall ก็ได้รับเอกราชในปี ค.ศ. 1986 แต่ไม่มีกองกำลังติดอาวุธเป็นของตนเองดังนั้น สหรัฐฯจึงยังคงต้องทำหน้าที่ในการป้องกันอธิปไตยของประเทศให้ด้วย

16.) สาธารณรัฐ Mauritius เป็นเกาะในมหาสมุทรอินเดีย และมีประชากร 1.3 ล้านคน ประเทศได้รับเอกราชจากสหราชอาณาจักรในปี ค.ศ. 1968 แม้ว่าจะไม่มีกองกำลังติดอาวุธประจำ แต่ก็มีกองกำลังตำรวจ (The Mauritius Police Force (MPF)) ซึ่งมีกำลังราว 12,500 นาย และหน่วยทหารที่เรียกว่า Special Mobile Force 1,500 นาย และยามฝั่งอีก 500 นาย (ทั้งสองหน่วยนี้อยู่ในสังกัดของ MPF ด้วย) เป็นหลักประกันความมั่นคงทั้งภายในและภายนอกประเทศ

17.) สหพันธรัฐ Micronesia อดีตดินแดนภายใต้การดูแลของสหประชาชาติในแปซิฟิกตะวันตก ภายใต้การบริหารของสหรัฐฯ ซึ่งได้รวมเข้าด้วยกันในปี พ.ศ.1979 โดยมีและใช้รัฐธรรมนูญของตนเอง เป็นสหพันธรัฐ Micronesia ไม่มีกำลังทหารเป็นของตัวเอง ดังนั้นการป้องกันจึงต้องอาศัยกองกำลังของกองทัพสหรัฐฯ

ทหารรักษาพระองศ์ ราชรัฐ Monaco

18.) ราชรัฐ Monaco รัฐที่เล็กที่สุดเป็นอันดับสองของโลก ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนของฝรั่งเศส นครรัฐซึ่งครอบคลุมพื้นที่เพียง 0.78 ตารางไมล์มี ประชากรทั้งหมด 31,000 คน ฝรั่งเศสเป็นผู้รับผิดชอบในการป้องกันประเทศ แต่ยังคงมีกองทหารประจำการเป็นกองทหารรักษาพระองศ์ 255 นาย และกองกำลังตำรวจแห่งชาติอีก 515 นาย

19.) Montserrat อยู่ในทะเลแคริบเบียน ถือเป็นดินแดนโพ้นทะเลของสหราชอาณาจักรตั้งแต่ปี พ.ศ. 2326 เนื่องจากการปะทุของภูเขาไฟซ้ำหลายครั้งผู้อยู่อาศัยในเกาะจำนวนมากจึงอพยพไปต่างประเทศในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา แม้ว่า Montserrat จะมีกองกำลังตำรวจเป็นของตัวเอง แต่ก็ไม่มีทหารประจำการ และการป้องกันอธิปไตยอยู่ภายใต้การดูแลของสหราชอาณาจักร

20.) สาธารณรัฐ Nauru ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของหมู่เกาะ Marshall เป็นสาธารณรัฐที่เล็กที่สุดในโลก หลังจากถูกยึดครองโดยหลายประเทศ ในช่วงศตวรรษที่ 19 และ 20 ประเทศนี้ได้รับการประกาศให้เป็นดินแดนภายใต้การดูแลของสหประชาชาติภายหลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง ในปี ค.ศ. 1968 เกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ได้รับเอกราช ประชากรราว 10,000 คน แต่ตามข้อตกลงอย่างไม่เป็นทางการ ความรับผิดชอบในการป้องกันอธิปไตยของประเทศอยู่ภายใต้ออสเตรเลีย

21.) Niue ตั้งอยู่ในแปซิฟิกใต้ มีประชากรเพียง 1,600 คน และเป็นดินแดนที่ปกครองตนเองโดยมีความสัมพันธ์เสรี (Free association) กับประเทศนิวซีแลนด์ด้วย นั่นหมายความว่าประมุขโดยชอบธรรมของนิวซีแลนด์เป็นประมุขรัฐของ Niue ด้วย แม้ว่าเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้จะไม่มีกองทหารประจำการ แต่ก็มีกองกำลังตำรวจเป็นของตัวเอง การป้องกันอธิปไตยของประเทศเกาะที่โดดเดี่ยวแห่งนี้อยู่ภายใต้การดูแลของนิวซีแลนด์

22.) สาธารณรัฐ Palau มีประชากรประมาณ 21,516 คน ตั้งอยู่ทางตะวันตกของหมู่เกาะแคโรไลน์ ในอดีตมีประชามติไม่เห็นด้วยกับการรวมกลุ่มเข้ากับสหพันธรัฐ Micronesia ที่ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1978 และได้ประกาศเอกราชเป็นสาธารณรัฐปาเลา ยังคงมีข้อตกลงเป็นพันธมิตรระหว่างสหรัฐฯและปาเลา ดังนั้นกองทัพสหรัฐฯจึงได้รับอนุญาตให้ส่งทหารประจำการในพื้นที่ของ Palau ได้ โดย Palau ยังมีกองกำลังตำรวจแห่งชาติอยู่ และการป้องกันอธิปไตยต้องอาศัยกองกำลังของกองทัพสหรัฐฯ

23.) สาธารณรัฐ Panama เป็นประเทศในอเมริกากลาง ยกเลิกกองทัพประจำการในปี ค.ศ. 1990 เป็นประเทศที่สองต่อจาก Costa Rica โดยจัดตั้ง The Panamanian Public Forces มาแทนที่ ซึ่งประกอบด้วย กองกำลังตำรวจแห่งชาติ กองกำลังรักษาความมั่นคงภายใน หน่วยบินและหน่วยลาดตระเวนทางน้ำชาติขนาดเล็กทำหน้าที่ตรวจตราตามพรมแดน มีกำลังประจำการราวสามหมื่นนาย และกองกำลังอาสาสมัครอีกห้าหมื่นนาย ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1994 รัฐธรรมนูญของปานามาได้ห้ามการจัดตั้งกองทัพที่มีทหารประจำการ

24.) Saint Lucia รัฐหมู่เกาะอยู่ในหมู่เกาะอินเดียตะวันตก และเป็นสมาชิกของเครือจักรภพของสหราชอาณาจักร เป็นรัฐไม่มีกองทหารประจำการ แต่มีกองกำลังตำรวจ รวมทั้งหน่วยปฏิบัติการพิเศษและหน่วยยามฝั่ง ทั้งหมด 116 นาย และการป้องกันอธิปไตยอยู่ภายใต้การดูแลของสหรัฐฯในฐานะชาติพันธมิตร

25.) Saint Vincent และ the Grenadines มีขนาดเป็นสองเท่าของกรุงวอชิงตัน ดี ซี ตั้งอยู่ในทะเลแคริบเบียน ได้รับเอกราชในปี ค.ศ. 1979 หลังจากตกเป็นอาณานิคมของสหราชอาณาจักรเป็นเวลานาน ชาวเกาะมีจำนวน 102,000 คนไม่มีกองทหารประจำการ แต่มีกองกำลังตำรวจเป็นของตัวเองซึ่งมีหน่วยปฏิบัติการพิเศษและยามฝั่ง โดยการป้องกันอธิปไตยอยู่ภายใต้การดูแลของสหรัฐฯในฐานะชาติพันธมิตรเช่นเดียวกับ Saint Lucia

26.) รัฐเอกราช Samoa เป็นรัฐเกาะของชาวโพลีนีเซียชาติแรกที่ได้รับเอกราชในปี ค.ศ. 1962 ไม่มีโครงสร้างการป้องกันประเทศอย่างเป็นทางการ หรือกองกำลังติดอาวุธทั่วไป แต่มีกองกำลังตำรวจ นอกจากนี้ยังมีความสัมพันธ์ด้านการป้องกันประเทศอย่างไม่เป็นทางการกับนิวซีแลนด์ ภายใต้สนธิสัญญามิตรภาพ ค.ศ. 1962


กองทหารสมัครใจที่ทำหน้าที่กองเกียรติยศในพิธีการต่าง ๆ สาธารณรัฐ San Marino

27.) สาธารณรัฐ San Marino นโยบายต่างประเทศของ San Marino สอดคล้องกับสหภาพยุโรป แม้ว่าจะไม่ได้เป็นสมาชิกก็ตาม San Marino ไม่เพียง แต่เป็นสาธารณรัฐที่เก่าแก่ที่สุดในโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นรัฐในยุโรปที่เล็กที่สุดเป็นอันดับสามอีกด้วย ล้อมรอบไปด้วยดินแดนอิตาลี ไม่มีกองกำลังติดอาวุธประจำการ แต่มีกองทหารสมัครใจที่ทำหน้าที่กองเกียรติยศในพิธีการต่าง ๆ และสามารถใช้เพื่อสนับสนุนภารกิจของตำรวจได้ ในกรณีฉุกเฉินรัฐสงวนสิทธิ์ในการเรียกพลเมืองซานมาริโนทุกคนที่มีอายุระหว่าง 16 ถึง 60 ปีเพื่อเป็นทหาร อย่างไรก็ตามความรับผิดชอบในการป้องกันประเทศขึ้นอยู่กับอิตาลี

28.) Sint Maarten เกาะ Sint Maarten อยู่ในทะเลแคริบเบียน เป็นเขตปกครองตนเองในเครือของราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ อยู่ทางตอนเหนือของเกาะ Saint-Martin ซึ่งเป็นดินแดนโพ้นทะเลของฝรั่งเศส Sint Maarten ไม่มีกองกำลังติดอาวุธประจำการ และการป้องกันดินแดนของเกาะนี้อยู่ในความรับผิดชอบของเนเธอร์แลนด์

29.) หมู่เกาะ Solomon เป็นสมาชิกเครือจักรภพของสหราชอาณาจักร นับตั้งแต่การประกาศเอกราชของหมู่เกาะโซโลมอนในปี พ.ศ. 2521 มีการจลาจลรุนแรงซ้ำแล้วซ้ำอีก และอัตราการก่ออาชญากรรมบนหมู่เกาะนี้ก็อยู่ในระดับสูง ระหว่างปี พ.ศ. 2546 ถึง 2560 ภารกิจช่วยเหลือซึ่งประกอบด้วย ตำรวจ ทหาร และที่ปรึกษาพลเรือนจากทั้งหมด 15 ประเทศได้เข้าประจำการในหมู่เกาะโซโลมอน เป้าหมายของภารกิจเหล่านี้คือการฟื้นฟูระเบียบ ทางแพ่ง และทางการเมือง หมู่เกาะโซโลมอนไม่มีกองทัพที่ยืนอยู่ แต่คงมีกองกำลังตำรวจ 1,153 นาย และสถานีตำรวจอีก 43 แห่ง

30.) Tuvalu เป็นสมาชิกเครือจักรภพของสหราชอาณาจักร ประชากรประมาณ 11,000 คน ได้รับเอกราชในปี พ.ศ. 2521 เกาะตูวาลูในมหาสมุทรแปซิฟิกได้รับการขนานนามว่าเป็นหมู่เกาะเอลลิซ (อาณานิคมของอังกฤษ) โดยเป็นรัฐที่เล็กที่สุดเป็นอันดับสี่ของโลกมีประชากรประมาณ 11,000 คนและไม่มีทหารประจำการเป็นของตัวเอง อย่างไรก็ตาม Tuvalu มีกองกำลังตำรวจของตัวเอง

31.) สาธารณรัฐ Vanuatu ได้รับเอกราชในปี พ.ศ. 2523 อยู่ในกลุ่มนิวเฮบริดส์ซึ่งเป็นดินแดนของหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกหลายแห่งที่อยู่ภายใต้การปกครองของสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศส ประกอบด้วยเกาะกว่า 80 เกาะ และไม่มีทหารประจำการ แต่มีกองกำลังตำรวจ Vanuatu องกำลังเคลื่อนที่เร็ว Vanuatu และ The Vanuatu Mobile Force (VMF)


สวิสการ์ด (Pontifical Swiss Guard) นครรัฐ Vatican

32.) นครรัฐ Vatican มีสวิสการ์ด (Pontifical Swiss Guard) เป็นหน่วยติดอาวุธที่มีหน้าที่ถวายอารักขาองค์พระสันตะปาปา แม้ว่าจะไม่มีสนธิสัญญาป้องกันกับอิตาลี เนื่องจากจะละเมิดความเป็นกลางของนครรัฐ Vaticanแต่กองทัพอิตาลีมีหน้าที่ปกป้องนครรัฐ Vatican อย่างไม่เป็นทางการ

เหล่านี้คือ รายชื่อประเทศที่ไม่มีกองกำลังติดอาวุธ โดยทั่วไปแล้วสามสิบเอ็ดประเทศที่ระบุไว้ในที่นี้มักจะมีข้อตกลงอันยาวนานกับประเทศที่เคยยึดครองในอดีต ตัวอย่างหนึ่งคือข้อตกลงระหว่าง Monaco และฝรั่งเศสซึ่งมีมาแล้ว 300 ปี เป็นอย่างน้อย หมู่เกาะ Marshall สหพันธรัฐ Micronesia และ Palau ต่างต้องพึ่งพาสหรัฐอเมริกาในการป้องกันประเทศ ด้วยมั่นใจว่า ข้อกังวลด้านความมั่นคงแห่งชาติของประเทศเหล่านี้จะได้รับการแก้ไขผ่านการประชุมคณะกรรมการร่วมประจำปีเพื่อหารือเรื่องการป้องกันร่วมกันกับกองบัญชาการภาคพื้นแปซิฟิกของสหรัฐฯ Andorra มีกองทัพขนาดเล็ก และสามารถขอความช่วยเหลือจากฝรั่งเศสในการป้องกันได้หากมีความจำเป็น ในขณะที่ Iceland มีข้อตกลงเฉพาะกับสหรัฐอเมริกาซึ่งดำเนินมาจนถึงปี พ.ศ. 2549 ซึ่งกำหนดให้พวกเขาต้องให้การป้องกัน Iceland เมื่อจำเป็น ประเทศที่เหลือต้องรับผิดชอบในการป้องกันของตนเอง และดำเนินการโดยไม่มีกองกำลังติดอาวุธใด ๆ หรือด้วยกองกำลังทหารที่จำกัด บางประเทศเช่น สาธารณรัฐ Costa Rica และ Grenada เข้าสู่กระบวนการปลอดทหาร ประเทศอื่น ๆ ถูกจัดตั้งขึ้นโดยไม่มีกองกำลังติดอาวุธเช่น รัฐเอกราช Samoa เมื่อ 60 ปีที่แล้ว เหตุผลหลักคือ พวกเขายังคงอยู่ภายใต้การคุ้มครองจากชาติอื่น ณ จุดที่ได้รับเอกราช ประเทศเหล่านี้มีขนาดประวัติศาสตร์ และเหตุผลที่แตกต่างกันไปในการเลือกที่จะไม่มีกองทัพประจำการ บางแห่งแยกตัวออกจากประเทศใหญ่ เพราะมีขนาดเล็ก และมีทรัพยากรน้อยมากจนเป็นไปไม่ได้ที่จะจัดตั้งกองกำลังทหารขึ้นได้อย่างสมบูรณ์ ประเทศอื่น ๆ มีข้อตกลงร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อขอรับการสนับสนุนกำลังทหารตามความจำเป็น

แม้ว่าหลายรัฐเหล่านี้จะไม่มี “กองกำลังทหารประจำการ” ตามคำจำกัดความของ CIA World Factbook แต่กองกำลังตำรวจแห่งชาติของรัฐเหล่านี้ก็ทำหน้าที่เป็นกองกำลังทหารโดยพฤตินัย ตัวอย่างเช่น Vanuatu’s Mobile Force หรือ Public Forces of Costa Rica มีหน้าที่ในการปกป้องพรมแดนของประเทศของตน ถึงแม้ค่าใช้จ่ายในด้านการทหารจะสูงมาก แต่ประเทศส่วนใหญ่ในโลกล้วนแล้วแต่มีกองทัพประจำการ เพราะไม่อาจให้เกิดความเสี่ยงต่อความมั่นคงของชาติด้วยการฝากอธิปไตยไว้กับประเทศอื่น สำหรับภูมิภาค ASEAN แม้ว่าจะดูมีความสงบมานานพอสมควร แต่ประเทศในภูมิภาคนี้กลับมีการสะสมอาวุธยุทโธปกรณ์สูงมาก ส่วนหนึ่งด้วยหลายประเทศเกรงภัยคุกคามจากมหาอำนาจ สำหรับบ้านเราอาจจะมีเหตุกระทบกระทั่งกับประเทศเพื่อนบ้านอยู่บ้าง แต่ได้พยายามหลบเลี่ยงการใช้กำลังทหารโดยไม่จำเป็น โดยอาศัยการเจรจาพูดคุยผ่านคณะกรรมการชายแดนร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านต่าง ๆ ที่มีพรมแดนติดกัน 

“แม้หวังตั้งสงบ จงเตรียมรบให้พร้อมสรรพ์ ศัตรูกล้ามาประจัน จะอาจสู้ริปูสลาย” พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 6

เปิดประโยคย้อนแย้งกันเอง ของ ส.ส. วิโรจน์ ลักขณาอดิศร เรื่องการฉีดวัคซีนโควิด–19

ฉีดล่ะจ้า! วันนี้เหล่าบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เดินทางมาเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่สถาบันบำราศนารดูร กันหลายราย โดยส่วนหนึ่งเป็นสมาชิก ส.ส. ของพรรคก้าวไกล แต่ที่เป็นประเด็นมากที่สุด คงหนีไม่พ้น นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค

เนื่องจากที่ผ่านมา เจ้าตัวได้ออกมาทวิตข้อความตำหนิติเตียนเรื่องการจัดหาวัคซีนของรัฐบาลอยู่เป็นประจำ ล่าสุดก็ทวิตทำ นองว่า ถ้าวัคซีนมีจำกัด จะไปแย่งประชาชนได้อย่างไร

บร๊ะเจ้า! แต่วันนี้ ส.ส. วิโรจน์ ฉีดวัคซีนล่ะจ้า! พร้อมออกมาทวิตข้อความอีกครั้งทำนองว่า มีหมายให้ไปฉีด ก็ต้องฉีด เป็นความรับผิดชอบต่อสังคม และเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ บลาๆๆๆ

เข้าใจตามนี้นะ! วัคซีนยังมีปริมาณไม่เพียงพอ แต่ในเมื่อเป็น ‘ความรับผิดชอบต่อสังคม’ ก็จำเป็นต้องฉีด โปรดเข้าใจ ว่าแล้ว ไปหยิบข้อความที่ ส.ส.วิโรจน์ ทวิตมาเปรียบเทียบให้เห็นกันจะจะ

อะไร ๆ ก็เปลี่ยนแปลงกันได้ แต่ขอย้ำอีกครั้ง ประชาชนโปรดเข้าใจ (นะจ๊ะ)

เมื่อวันที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา คณะกรรมการผู้แทนสมัชชาแห่งสหภาพเมียนมา หรือ Committee Representing Pyidaungsu Hluttaw หรือที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันในนามของ CRPH ประกาศจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นขึ้น

เมื่อวันที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา คณะกรรมการผู้แทนสมัชชาแห่งสหภาพเมียนมา หรือ Committee Representing Pyidaungsu Hluttaw หรือที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันในนามของ CRPH ประกาศจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นขึ้น โดยมีการประกาศรายชื่อประธานาธิบดีและรัฐมนตรีกระทรวงต่าง ๆ ออกมา ซึ่งปรากฎชื่อของ U Win Myint และ Aung San Suu Kyi ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในตำแหน่งประธานาธิบดีและที่ปรึกษาแห่งรัฐ 

ในประกาศครั้งนี้มีการประกาศกระทรวงใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น ดังนี้กระทรวงความร่วมมือระหว่างประเทศ (Ministry of International Cooperation) กระทรวงกิจการสหภาพของรัฐบาลกลาง (Ministry of Federal Union Affairs) กระทรวงกิจการด้านมนุษยธรรมและการจัดการภัยพิบัติ (Ministry of Humanitarian Affairs and Disaster Management) และกระทรวงกิจการสตรีเยาวชนและเด็ก (Ministry of Women, Youth and Child Affairs) ซึ่ง 1 ในเจ้าของเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงความร่วมมือระหว่างประเทศเป็นของ Dr. Sa Sa อดีตทูตเมียนมาประจำสหประชาชาติซึ่งลี้ภัยอยู่ตอนนี้

จากนี้คงต้องดูนานาชาติแล้วว่า ประเทศใดจะเป็นชาติแรกที่ให้การรับรองรัฐบาลพลัดถิ่นของเมียนมา ซึ่งเชื่อได้ว่าเป็นเรื่องที่ยังหาบทสรุปกันไม่ได้ง่าย ๆ ภายในวันสองวันนี้แน่นอน


ที่มา: AYA IRRAWADEE

ประจวบคีรีขันธ์ - ผวจ.ประจวบฯยันเตียงรองรับผู้ป่วยโควิดพอเพียง หลังยอดติดเชื้อพุ่งทะลุครึ่งพัน

วันที่ 16 เมษายน นายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วย นายแพทย์สุริยะ คูหะรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.)ประจวบคีรีขันธ์ เดินทางไปรับฟังสถานการณ์โรคติดเชื้อโควิด-19 ที่ รพ.หัวหิน และตรวจสถานที่รองรับผู้ป่วยโควิดหลังพบคนติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมี นพ.นิรันดร์ จันทร์ตระกูล ผอ.รพ.หัวหิน พาเยี่ยมชมการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์ ที่โรงพยาบาลสนามภายในโรงเรียนพาณิชยการหัวหิน และที่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ วิทยาเขตวังไกลกังวล ซึ่งใช้เป็นสถานที่กักตัวผู้ป่วยโควิด

นายพัลลภ กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ใน จ.ประจวบฯ ขณะนี้ยังคงพบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง ล่าสุดวันนี้มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มอีก 98 ราย ทำให้ยอดสะสมผู้ติดเชื้อในการระบาดระลอกใหม่ตั้งแต่วันที่ 1- 15 เมษายน 64 รวม 525 ราย ที่ อ.หัวหิน มากสุดจำนวน 385 ราย ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะเป็นวัยหนุ่มสาว ซึ่งทางจังหวัดได้เข้มงวดมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดด้วยการออกประกาศคำสั่งจังหวัดให้ปิดสถานที่เสี่ยง 13 ประเภทกิจการ/กิจกรรม เป็นการชั่วคราว นอกจากนี้ในช่วงสิ้นสุดเทศกาลสงกรานต์จะมีประชาชนใน จ.ประจวบฯที่กลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวตามจังหวัดต่างๆเดินทางกลับเข้ามาในพื้นที่ ซึ่งอาจมีความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อได้ ดังนั้นจึงสั่งการให้เจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำท้องถิ่นในทุกอำเภอในฐานะเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ วางแนวทางเฝ้าระวังคัดกรองประชาชนในหมู่บ้านชุมชนซึ่งเดินทางกลับมาจากพื้นที่เสี่ยง หากผลการตรวจปรากฏว่ามีไข้สูงตั้งแต่ 37.5 องศาเซลเซียส ให้แจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอพื้นที่ทราบ เพื่อเข้าคัดกรอง สอบสวนโรคและพาเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ขณะที่การสั่งล็อกดาวน์จังหวัดหรือไม่ ต้องรอฟังคำสั่งจากหน่วยงานส่วนกลาง

“ขณะนี้โรงพยาบาลต่างๆในจังหวัดได้มีการเพิ่มจำนวนเตียงรองรับผู้ป่วยโควิด-19 เต็มศักยภาพของแต่ละโรงพยาบาล ขณะเดียวกัน ทางจังหวัดได้พิจารณาสถานที่เพื่อจัดทำโรงพยาบาลสนามและประสานผู้ประกอบการโรงแรมหลายแห่งเพื่อขอใช้เป็นสถานที่กักกันผู้ป่วยโควิด-19 เบื้องต้นมีสถานที่รองรับได้อีก 5 แห่งใน 3 อำเภอ คือ อ.หัวหิน อ.ปราณบุรี และ อ.เมือง มีจำนวนเตียงเพิ่มขึ้น 456 เตียง ทำให้ขณะนี้ภาพรวมมีเตียงที่สามารถรองรับผู้ป่วยโควิดได้มากกว่า 1,000 เตียง โดยผู้ป่วยที่อยู่ในโรงพยาบาลสนามหรือโรงแรมที่ใช้เป็นสถานที่กักกันจะเป็นผู้ที่ไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อยและต้องอยู่จนครบ 14 วันนับตั้งแต่วันที่ทราบผลตรวจเป็นบวก ในช่วง 3 - 4 วันที่ผ่านมา เราจะเห็นได้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อดูเหมือนมาก ผู้ที่มาตรวจหาเชื้อมีถึง 6,500 คน เหตุผลที่มีจำนวนมากเพราะว่าเราต้องการที่จะตรวจเชิงรุก เราได้มีการประกาศไปยังผู้ที่มีความเสี่ยง รู้ว่าตัวเองเสี่ยง เช่น ไปสถานบันเทิง ตอนแรกจากที่เราตรวจพบครั้งแรกพบว่าเขาไปสถานบันเทิงมายาผับ แต่หลังจากที่เราพบผู้ติดเชื้อเพิ่มเติม มีการสอบสวนโรคแล้วพบว่าบางท่านก็ไม่ได้ไปแค่ที่แห่งเดียว เพราะฉะนั้นตอนนี้เราประกาศให้เกือบทุกสถานบันเทิงใน จ.ประจวบฯที่ได้ไปเที่ยวมา เพราะว่าบางครั้งผู้ที่ไปเที่ยวสถานบันเทิงไม่ได้ไปเที่ยวที่เดียว วันนี้เที่ยวที่นี่ อีกวันไปเที่ยวที่อื่น เพราะฉะนั้นตอนนี้ตัวเลขจะมาก ตรงนี้ก็จะทำให้เราสามารถค้นหาผู้ที่มีเชื้อได้รวดเร็ว และก็มีดีอยู่อย่างหนึ่งที่ว่าเชื้อตอนนี้เท่าที่พบยังไม่มีผู้ที่มีอาการหนักเลย ส่วนใหญ่ก็ไม่มีอาการด้วยซ้ำ อันนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่เป็นลักษณะของการพบการติดเชื้อในช่วงนี้ ก็ให้ความมั่นใจว่าเรายังควบคุมสถานการณ์ได้ รวมทั้งเรื่องของโรงพยาบาลสนามต่างๆ เราได้มีการเตรียมพร้อมไว้เรียบร้อยแล้ว” นายพัลลภ กล่าว

ด้าน นพ.นิรันดร์ กล่าวว่าขณะนี้โรงพยาบาลหัวหินมีความพร้อมทุกด้าน รวมทั้งเตียงรองรับผู้ป่วยโควิดมีความเพียงพอกว่า 400 เตียง ส่วนกรณีมีผู้ป่วยโควิดบางรายหลังทราบผลแล้วและทาง รพ.สั่งให้กักตัวที่บ้านก่อน เนื่องจากต้องรอขั้นตอนความพร้อมด้านเอ็กซเรย์และใช้เวลาซึ่งเจ้าหน้าที่ทำต่อเนื่องทั้งวันทั้งคืนเนื่องจากมีผู้ป่วยจำนวนมาก ต้องแยกผู้ป่วยชาย-หญิง รวมทั้งความพร้อมของสถานที่จะเข้ากักตัวว่าผู้ป่วยคนไหนเหมาะสมที่จะพักที่ไหน ขณะนี้ทาง รพ.ทยอยเรียกผู้ป่วยเข้ารักษาตัวแล้ว คนไหนไม่มีรถทาง รพ.ก็จะไปรับให้ คนไหนสะดวกก็มาเองได้ โดยเฉพาะที่โรงพยาบาลสนาม ภายในโรงเรียนพาณิชยการหัวหิน 3 ชั้น กว่า 120 เตียงพร้อมรับผู้ป่วยแล้ว ล่าสุดผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิดรักษาตัวที่ รพ.หัวหินหายสามารถกลับบ้านได้แล้ว 29 ราย และวันพรุ่งนี้น่าจะประมาณอีก 40 รายกลับบ้านได้ ต้องขออภัยในความล่าช้าเพราะมีผู้ป่วยติดเชื้อจำนวนมาก


ภาพ/ข่าว นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวสยามโฟกัสไทม์ / 4เหล่าทัพ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

เชียงใหม่ - ผบช.ภ.5 เป็นประธานการ ประชุมติดตามผลการปฏิบัติงาน ระบบทางไกลผ่านจอภาพ (VDO- Conference)

ผบช.ภ.5 เป็นประธานการประชุมติดตามผลการปฏิบัติในการอำนวยความสะดวกการจราจรห้วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ 2564  และติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ Covid19 ในพื้นที่ ภ.5

วันที่ 16 เมษายน 2564 เวลา 10.30 น.พล.ต.ท.ประจวบ  วงศ์สุข ผบช.ภ.5 เป็นประธานการประชุมติดตามผลการปฏิบัติในการอำนวยความสะดวกการจราจรห้วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ 2564  และติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ Covid19 ในพื้นที่ ภ.5

โดยมี พล.ต.ต.กฤตธาพล ยี่สาคร รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.บัณฑิต  ตุงคะเศรณี  รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.ยุทธชัย พัวประเสริฐ รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.นพดล  กรึงไกร  ผบก.อก.ภ.5, พล.ต.ต.สุเทพ ฐาปนวรกุล ผบก.กค.ภ.5, ผกก.ฝอ.1 – 6 บก.อก.ภ.5, ข้าราชการตำรวจ ฝอ.บก.อก.ภ.5 และ บก.สส.ภ.5 ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมพระพุทธประทานยศบารมี ภ.5 อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ในส่วนหน่วยงานในสังกัด ภ.5 เฝ้าฟังการประชุมระบบทางไกลผ่านจอภาพ (VDO- Conference)  ณ ที่ตั้ง ของหน่วย


ภาพ/ข่าว  นภาพร เชียงใหม่

พังงา - หวั่นเขาตาปูถล่ม...รัฐมนตรีท๊อปสั่งกรมทรัพฯเร่งสำรวจประเมินเสถียรภาพ “เขาตาปู” สัญลักษณ์จังหวัดพังงา

รมว.ทส. 'วราวุธ' ลงพื้นที่อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา จังหวัดพังงา ติดตามและมอบนโยบายการปฏิบัติงาน หลังสั่งกรมธรณีเร่งสำรวจและประเมินเสถียรภาพ “เขาตาปู” แลนด์มาร์คสำคัญของจังหวัดพังงา

เมื่อวันศุกร์ที่ 16 เมษายน 2564 ที่ห้องประชุมอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) พร้อมด้วยนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมช่ติและสิ่งแวดล้อมและคณะฯ ลงพื้นที่ติดตามและรับฟังการดำเนินงานของกรมทรัพยากรธรณี (ทธ.) ในการสำรวจธรณีวิทยา ธรณีเทคนิค และประเมินเสถียรภาพบริเวณพื้นที่เขาตาปู ในเขตอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา จังหวัดพังงา เพื่อประเมินเสถียรภาพและความเสี่ยงต่อการพังทลายจากการถูกกัดเซาะของน้ำทะเล โดยมีนายสมหมาย เตชวาล อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี พร้อมด้วยนายมนตรี เหลืองอิงคะสุต รองอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี และเจ้าหน้าที่ รายงานผลการดำเนินงาน และมีนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผวจ.พังงา นางกันตวรรณ ตันเถียร สส.พังงา ให้การต้อนรับและเข้าร่วมรับฟัง

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีความห่วงใยต่อนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวเขาตาปู ซึ่งเป็นอัตลักษณ์สวยงามและโดดเด่นทางธรณีวิทยาแห่งหนึ่งของประเทศไทย มีรูปร่างคล้าย "ตาปู" เป้นสัญลักษณ์ของจังหวัดพังงาเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คที่สำคัญของจังหวัดพังงาและของประเทศไทย หลายคนรู้จักในนามเกาะเจมส์บอน ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากในแต่ละปี ปัจจุบันโครงสร้างธรณีวิทยาของเขาตาปูแห่งนี้ อาจมีเสถียรภาพที่เสี่ยงต่อการพังทลายจากหินร่วง ที่ผ่านมาพบเหตุการพังทลายปรากฏเป็นข่าวมาแล้วหลายครั้ง อาทิ บริเวณหมู่เกาะอ่างทอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี เกาะทะลุ จังหวัดพังงา และปราสาทหินพันยอด จังหวัดสตูล จึงมอบหมายสั่งการให้กรมทรัพยากรธรณี ร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช บูรณาการสำรวจอย่างเร่งด่วนเพื่อหาแนวทางอนุรักษ์ต่อไป

ด้านนายสมหมาย เตชวาล อธิบดีกรมทรัพยากรธรณีเปิดเผยว่า กรมทรัพยากรธรณี ได้ส่งทีมปฏิบัติภารกิจ "SAVE เขาตาปู" เพื่อประเมินความเสี่ยงต่อการพังทลาย โดยใช้วิธีการสำรวจธรณีเทคนิค - ธรณีวิศวกรรม (การวัดรอยแตกรอยแตก คำนวณอัตราการกัดเซาะ โดยเครื่อง 3D Scanner) การสำรวจธรณีฟิสิกส์ ธรณีวิทยาโครงสร้างพื้นผิวท้องทะเล โดยเครื่องวัดคลื่นไหวสะเทือน (marine seismic) หยั่งน้ำลึก (echo sounder) และการสำรวจด้านอุทกศาสตร์ เพื่อวัดทิศทางการไหลของกระแสน้ำและความสูงคลื่น เป็นต้น

สำหรับมาตรการและแนวทางการดำเนินงานของกรมทรัพยากรธรณีเมื่อได้ข้อมูลแล้วจะวิเคราะห์หาหาแนวทางการอนุรักษ์ซึ่งอาจเป็นการเสริมความแข็งแรง เพิ่มเสถียรภาพของฐานราก โดยไม่ให้เสียทัศนียภาพ การใช้หลักเทคนิควิศวกรรมฐานราก ลดความรุนแรงของคลื่นที่จะเข้าปะทะหรือส่งผลต่อฐานราก ทั้งนี้ การดำเนินการจะเป็นแบบบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนในพื้นที่ เพื่อเฝ้าระวังติดตามการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต


ภาพ/ข่าว  อโนทัย  งานดี

นราธิวาส - แม่ทัพภาคที่ 4 เยี่ยมหน่วยตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ากองประจำการ อำเภอสุไหงโกลก ยกระดับมาตรการป้องกัน covid 19 อย่างเข้มงวด พร้อมสร้างความเชื่อมั่น ทุกขั้นตอนแก่ประชาชน

วันนี้ 16 เมษายน 2564 เวลา 11.00 น. ที่ทำการอำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส พลโทเกรียงไกรศรีรักษ์แม่ทัพภาคที่ 4 ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เดินทางตรวจเยี่ยม หน่วยคัดเลือกทหารกองเกินเข้ากองประจำการ ประจำปี 2564 ของอำเภอ สุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เพื่อความปลอดภัยทั้งด้านสถานที่ และความปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตลอดจนเน้นย้ำการทำงานที่โปร่งใสของเจ้าหน้าที่ในการตรวจเลือกบุคคล และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่มาทำหน้าที่คัดกรองบุคคล เข้ารายงานตัวเพื่อคัดเลือกทหารกองเกินประจำหน่วย ให้เป็นไปตามนโยบายของกองทัพบก และให้เกิดความบริสุทธิ์ยุติธรรม สร้างภาพลักษณ์ที่ดีของหน่วยทหาร สร้างความเชื่อมั่นแก่พี่น้องประชาชน โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างเรียบร้อย มีชายไทยที่มีหมายเรียกตามเกณฑ์เข้ารับคัดเลือกเข้าเป็นทหารกองประจำการทยอยมาอย่างต่อเนื่อง

สำหรับหน่วยคัดเลือกทหารกองเกินเข้ากองประจำการ อำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาสนั้น หน่วยงานที่รับผิดชอบได้มีการคุมเข้ม ยกระดับมาตรการในการระวังป้องกันอย่างเคร่งครัด ทุกคนที่เข้ามายังหน่วยคัดเลือกจะต้องสวมหน้ากากอนามัย Check In ผ่าน App ไทยชนะทุกครั้ง ตรวจวัดอุณหภูมิ เว้นระยะห่าง และแจ้งข้อมูลการเดินทางอย่างละเอียดแก่เจ้าหน้าที่ โดยแม่ทัพภาคที่ 4 ได้เน้นย้ำสั่งคุมเข้มเข้ม และยกระดับมาตรการป้องกันโควิด 19 ในทุกขั้นตอนของการตรวจคัดเลือกทหาร โดยทำความเข้าใจชี้แจงต่อผู้ที่มาตรวจคัดเลือกให้ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง ให้มีการแยกสถานที่ออกจากผู้มาตรวจคัดเลือกปกติ รวมถึงผู้ที่ขอยื่นผ่อนผันก็จะใช้มาตรการเดียวกัน เพื่อให้การตรวจคัดเลือกทหารเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และปลอดภัยจากโควิด-19


ภาพ/ข่าว  ปทิตตา หนดกระโทก ผู้สื่อข่าวนราธิวาสรายงาน

เป็นความเชื่อในคนเมียนมามาเนิ่นนานตาปีแล้วสำหรับวันแรกของปี หรือในภาษาพม่าออกเสียงว่า Hnit San Ta Yat Nay สะกดว่า 'หนิด แซน ตะ ยัด เนะ'​ (နှစ်ဆန်းတစ်ရက်နေ့) หมายถึงวันแรกของปี ซึ่งตรงกับทุกวันที่ 17 เมษายนของทุกปี

ในวันนี้ร้านค้าต่าง ๆ​ ในเมียนมาจะหยุดหมด​ ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าในตลาดหรือแผงลอย โดยในวันนี้คนเมียนมาจะทำแต่สิ่งดี อาทิเช่น ที่บ้านจะมีการทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่ ส่วนผู้สูงอายุในบ้าน​ ก็จะมีบรรดาคนในบ้านมาคอยสระผมให้ผู้เฒ่าผู้แก่​ โดยใช้ 'ตะยอว์กินปุน'​ (Tha Yaw Kin Punn) ซึ่งเป็นแชมพูพื้นบ้านที่ทำมาจากเปลือกต้น Ta Yaw หรือ​ 'ต้นมาลัย'​ และ ผล Kin Punn หรือ 'ผลส้มป่อย'​ นั่นเอง ซึ่งเปลือกต้นมาลัยจะมีคุณสมบัติเป็นสารป้องกันการระคายเคือง​ ส่วนผลส้มป่อยจะมีสารกลุ่มซาโปนินหลายชนิด

นอกจากนี้​ คนในบ้านก็จะใช้ ตะยอว์กินปุน สระให้ตัวเองด้วย​ เพราะเชื่อว่าจะช่วยชำระล้างสิ่งที่ไม่ดีและโชคร้าย​ รวมถึงสิ่งสกปรกต่าง ๆ​ ที่ติดมาจากปีเก่าให้หมดไป

ในวันนี้สำหรับพุทธศาสนิกชนจะนำพระพุทธรูปมาทำความสะอาด และทำกับข้าวไปแจกเพื่อนบ้านรวมถึงไปยังวัดต่าง ๆ​ เพื่อถวายเพลแก่พระภิกษุสงฆ์ ส่วนในตอนค่ำจะมีการนิมนต์พระมาเทศนาธรรมและสวดมนต์ขับไล่สิ่งไม่ดีในปีเก่าให้หมดไป

ยิ่งไปกว่านั้น​ ในวันนี้ยังมีอีกหนึ่งความเชื่อแปลก ๆ​ คือ คนเมียนมาจะไม่ใช้เงินในวันนี้หรือใช้เงินให้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น เพราะเชื่อกันว่าหากวันนี้ใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย​ จะ​ส่งผลให้ทั้งปีถึงจะมีเงินเข้ามาหาเงินได้ง่าย แต่เงินก็จะไม่อยู่กับเรา​ มีเท่าไร​ ก็จะมีเหตุให้ต้องเสียเงินออกไปง่ายๆตลอดทั้งปีนี้

สำหรับตัวเอย่าเอง​ ในวันนี้​ก็อยากจะขอให้เป็นวันเริ่มต้นที่ดี​ของเมียนมา​ ขอให้ความสงบเรียบร้อยเป็นปกติสุขกลับมา เพื่อให้ปีนี้ทั้งปีจะได้ไม่มีความวุ่นวายอีกต่อไป ขอให้ความสงบสุขกลับสู่เมียนมาโดยเร็ววัน


ที่มา: AYA IRRAWADEE


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top