Wednesday, 18 June 2025
TheStatesTimes

ใช้ชีวิตท่ามกลางโควิดอย่างไร ? เรื่องเล่าจากสถาปนิกสาวไทย ในกรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี กับวัคซีนเข็มแรก ‘Sputnik V’ ของรัสเซีย

ฮังการี ถือเป็นประเทศแรกที่สั่งซื้อวัคซีนจากประเทศรัสเซีย ชื่อวัคซีน Sputnik V (สปุตนิก วี หรือ สปุตนิก ไฟว์) วัคซีนนี้ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความรีบเร่ง ขาดความโปร่งใส ไม่ปลอดภัย หรือบางคนก็บอกว่ารู้สึกกลัวมาก ก็มีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน หากเราเป็นผู้อาศัยอยู่ในเมืองหลวงของฮังการี อย่าง บูดาเปสต์ (Budapest) มีประชากรมากที่สุดในประเทศฮังการี อยู่ที่ประมาณ 1.8 ล้านคน และหากกล่าวถึงช่วงสถานการณ์โควิดในบูดาเปสต์แล้ว ตอนนี้พบผู้ติดเชื้อในเมืองบูดาเปสต์ รวม ๆ สะสมอยู่ประมาณแสนกว่าคน แล้วท่ามกลางสถานการณ์โควิดจะใช้ชีวิตอย่างไร ? กับการที่จะได้รับวัคซีน แต่ถูกกล่าวหาว่าไม่ปลอดภัย

คือ อาจจะเป็นคนที่ไม่ค่อยตกใจอะไรง่าย ๆ และอีกเพราะทางนี้ เราระบาดช้ากว่าทางจีน แรก ๆ ก็หาจะข้อมูล เตรียมความพร้อมไว้หลายอย่าง เหมือนก็ได้เตรียมตัวไว้ก่อน ได้อ่านข่าวทุกวัน เตรียมหน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์ ถุงมือยาง หรือเรียกว่า ตุนไว้ก่อน ซึ่งปกติที่นี่ฝรั่งไม่ค่อยใส่หน้ากากกันในช่วงแรก ๆ แต่ถึงตอนนี้ก็ใส่ทุกคนแล้ว บางคนใส่หน้ากากหนา 2 ชั้น การใช้ชีวิตของเรายังค่อนข้างปกติ ยกเว้นการงดปาร์ตี้ ส่วนอื่น ๆ ยังคงออกไปเดินเล่น ออกกำลังกาย เรื่องอาหารการกิน ถ้าออกไปซื้อของกินที่ Supermarket ก็จะไปอาทิตย์ละ 1 ครั้ง โดยเฉลี่ย ก็ดูก่อนว่าข้างในมีคนเยอะมากมั้ย ถ้าเยอะมาก ๆ ก็รอวันอื่น ไว้ค่อยไปใหม่วันหลัง เพื่อลดระยะห่างให้ได้มากที่สุด ทางที่ดีจะไม่ไปทานอาหารที่ร้าน จะสั่งมาทานที่บ้าน และทำอาหารทานเองสะส่วนใหญ่ แล้วก็พกข้าวกล่องเพื่อไปทานที่ทำงาน แต่ก็ยังคงไปทำงานทุกวัน ไม่เคย Work from Home เลย

ในขณะที่เราก็ยังป้องกัน ดูแลตัวเองทุกอย่าง ลดระยะห่าง และใส่หน้ากากตลอด ตอนนี้ทำงานอยู่ที่ บริษัทสถาปนิกญี่ปุ่น ที่ฮังการี ซึ่งแรก ๆ อาจจะกังวลในเรื่องของการเดินทางไปทำงาน เพราะจากที่เคยขึ้นรถสาธารณะไปทำงานก็ต้องหลีกเลี่ยง เนื่องจากเสี่ยงโควิด ก็เปลี่ยนมาปั่นจักรยานไปทำงานบ้าง เดินไปทำงานบ้าง ในเรื่องนี้อาจจะแตกต่างจากสถานการณ์โควิด ตรงที่เรายังสามารถเตรียมตัวรับมือป้องกัน ซึ่งการเดินทางด้วยตัวเองก็ไม่ได้ง่าย ก็กลัวโดนทำร้ายจากการที่ป้องกันตัวเองได้ไม่ทัน เพราะก็มีเหตุการณ์ที่เห็นเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ที่คนเอเชียมักจะโดนทำร้ายจากชาวตะวันตก ซึ่งยังไม่เคยเจอกับเหตุการณ์นี้ และหวังว่าจะไม่เกิดขึ้น

ไม่เพียงแต่การความเตรียมพร้อมแค่นี้เท่านั้น ทุกคนอาจจะไม่ได้โชคดี.. แต่เราเองก็รอดมาตลอด 90% เลย เพราะมีคนที่ทำงานใน บริษัท สถาปนิก ทีมเดียวกัน ติดโควิดไปแล้วถึง 3 รอบ เท่ากับที่ผ่านมา 1 ปี เราก็เลยต้องได้ตรวจโควิด ไปถึง 3 ครั้ง ตรวจ Antigen ไป 1 ครั้ง เช่นกัน (แอนติเจน มักเป็นสารที่แปลกปลอมหรือเป็นพิษต่อร่างกาย เช่น ตัวเชื้อแบคทีเรีย) แล้วถ้าเกิดว่าวันนึงเราไม่โชคดีแล้ว…จะยอมรับวัคซีนป้องกันก่อนดีกว่าไหม

เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2554 เราได้ฉีดวัคซีนมาแล้ว เป็นแข็มแรก และครั้งแรก... วัคซีนที่ได้ฉีดนั้นเป็นของผู้ผลิตจากประเทศรัสเซีย ชื่อว่า “ Sputnik V ” (สปุตนิก ไฟว์) เป็นวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ที่พัฒนาโดยสถาบันวิจัยและพัฒนากามาเลยา (Gamaleya Research Institute of Epidemiology and Microbiology) ของประเทศรัสเซีย ซึ่งขณะนี้ “ Sputnik V ” (สปุตนิก ไฟว์) ได้รับการอนุมัติให้ใช้แล้วหลายประเทศทั่วโลก อย่าง อาร์เจนตินา เมียนมา ลาว อิหร่าน อินเดีย ตูนิเซีย และปากีสถาน ซึ่งระบุถึงประสิทธิภาพ 91.6% หรือกลม ๆ 92 % โดยไม่มีผลข้างเคียงที่ผิดปกติ ทำให้ Sputnik V นี่ยิ่งได้รับความไว้วางใจมากยิ่งขึ้น ด้วยประสิทธิภาพที่ใกล้เคียงกับวัคซีนตัวอื่น ๆ ในขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อในฮังการีเริ่มลดลงจากระดับสูงสุดที่เคยทำไว้กว่า 6,000 รายต่อวัน ในช่วงต้นเดือน ธ.ค. มาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 2,000 รายต่อวัน และยังได้ถูกตีพิมพ์ผลการทดลองเชิงคลินิคในเฟสที่ 3 ตีพิมพ์ลงในวารสารแลนเซต วารสารการแพทย์ระดับนานาชาติ ถึงประสิทธิภาพในการป้องกันอาการจากการติดเชื้อโควิด-19 “เวลานี้มีวัคซีนชนิดใหม่ในการร่วมต่อสู้ เพื่อลดอาการแพร่ระบาดของโควิด-19 แล้ว”


ข้อมูลอ้างอิง

https://www.matichon.co.th/foreign/news_2559957

ผู้เขียน : สถาปนิกสาวไทย บริษัท สถาปนิกญี่ปุ่น ในกรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี

เชียงใหม่ - ขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ อำนวยความสะดวก และความปลอดภัยรองรับการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2564

วันที่​ 16 เม.ย.​ 2564 สำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ โดย นางวราภรณ์ วรพงศธร ขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ จัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก และความปลอดภัยรองรับการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2564​  ณ​ สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดเชียงใหม่ แห่งที่ 1, 2 และ 3  โดยจัดเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบความพร้อมของตัวรถ และอุปกรณ์ส่วนควบ ด้านความปลอดภัยของรถโดยสาร​ ตามแบบ Checklist  ได้แก่ ล้อและยาง กระจกกันลม ระบบไฟฟ้า ประตูฉุกเฉิน เข็มขัดนิรภัย และค้อนทุบกระจก ตรวจสอบรถ จำนวน 90 คัน พบว่ารถโดยสารมีความพร้อมทุกคัน ไม่พบข้อบกพร่อง

นอกจากนี้ได้ทำการตรวจความพร้อมของพนักงานขับรถ จำนวน 90 ราย พบว่าพนักงานขับรถมีความพร้อมทุกราย ไม่พบการกระทำความผิดกฎหมาย

ในการนี้ได้ให้คำแนะนำ แก่ผู้โดยสารบนรถโดยสารประจำทาง  เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง​ ได้แก่ การคาดเข็มขัดนิรภัย​ การใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือกรณีฉุกเฉิน​ ประชาสัมพันธ์การแจ้งร้องเรียนรถโดยสารสาธารณะ ทางสายด่วน 1584 

ขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ ได้กำชับพนักงานขับรถและผู้โดยสารให้ปฎิบัติตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค COVID19 อย่างเคร่งครัด  โดยจัดให้มีการวัดอุณหภูมิพนักงานขับรถ  ผู้บริการ และผู้โดยสารทุกคนเพื่อคัดกรอง ,   พนักงานขับรถ  ผู้บริการ และผู้โดยสารทุกคน ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา  ,จัดให้มีเจลหรือแอลกอฮอล์เพื่อล้างมือก่อนขึ้นรถ และทุกครั้งที่มีการสัมผัส ,ทำความสะอาดรถด้วยแอลกอฮอล์หรือน้ำยาฆ่าเชื้อทุกครั้งหลังการใช้งาน และต้องเข้มงวดการให้ผู้โดยสารทุกคนต้องลงทะเบียนข้อมูลการเดินทางและสแกนคิวอาร์โค้ดไทยชนะ  และรถขาเข้าทุกคันต้องให้ผู้โดยสารทุกคนสแกนคิวอาร์โค้ด CM - CHANA ก่อนเข้าเชียงใหม่ เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับทุกคนในการติดตามตัว หากพบผู้ติดเชื้อโควิดด้วย


ภาพ/ข่าว นภาพร เชียงใหม่

แม่ฮ่องสอน – เกิดพายุฝนกระหน่ำพื้นที่แม่ฮ่องสอน ไฟฟ้าดับทั้งคืน

จากเมื่อเย็นของค่ำวันที่ 16 เมษายน 2564 เวลา  18.30 น.ที่ผ่านมาได้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองลมแรงในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้รับผลกระทบในหลายอำเภอ ต้นไม้ล้มปิดทับเส้นทางหลวงหมายเลข 108 ระหว่างอำเภอแม่ลาน้อย – อำเภอแม่สะเรียง ทำให้การจราจรติดขัดรถทุกชนิดไม่สามารถผ่านไปมาได้เจ้าหน้าที่หมวดการทางแม่สะเรียงร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจภูธรแม่ลาน้อย ตลอดทั้งชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงระดมช่วยกันตัดกิ่งไม้เพื่อเปิดช่องทางจราจรใช้เวลาประมาณ 30 นาทีสามารถเปิดการจราจรได้ และที่บ้านแม่แลบ หมู่ที่ 6 ตำบลแม่ลาน้อย ถูกแรงพายุพักกระหน่ำเอาซู้มประตูทางเข้าหมู่บ้านพังล้มระเนระนาด ที่บ้านท่าผาปุ้ม หมู่ที่ 3 ตำบลท่าผาปุ้ม อำเภอแม่ลาน้อยพายุได้พัดเอาเต็นฑ์ที่กางไว้เพื่อจัดกิจกรรมเทศกาลสงกรานต์หอบขึ้นไปไว้บนหลังคาบ้านตลอดจนสิ่งของพังระเนระนาดเช่นกัน

ที่บริเวณหมู่บ้านห้วยโป่งกาน ตำบลผาบ่อง ถนนสาย 108 มีต้นไม้ขนาดใหญ่ล้มพาดใส่สายไฟฟ้า  ทำให้เสาไฟฟ้าหักล้มจำนวน 7 ต้น ไม่สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่อำเภอขุนยวม ทำให้อำเภอขุนยวมทุกหมู่บ้าน และหน่วยราชการไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ตลอดทั้งคืนเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดแม่ฮ่องสอนทั้งสองอำเภอต่างระดมช่วยกันแก้ไขปัญหาจนสำเร็จลุล่วงสามารถทำการจ่ายกระแสไฟฟ้าได้ในเวลา 06.00 น.ของเช้าวันที่ 7 เมษายน 2564


ในพื้นที่อำเภอเมืองจังหวัดแม่ฮ่องอน ได้เกิดต้นไม้ล้มทับหลังคาบ้านของ นายนิติธร  วิไจยา เลขที่ 71 ถนนนิเวชพิศาล  ตำบลจองคำ  อำเภอเมือง ได้รับความเสียหาย ทาง พ.อ.สุจินต์  ทรัพย์สิน  ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหาราบที่ 7 ม่อนตะแลง จัดกำลังพลชุดบรรเทาสาธารณภัย นำโดย ร.ท.พิษณุ  ต๊ะนางอย  หัวหน้าชุด ร่วมกับเจ้าหน้าที่แขวงทางหลวงจังหวัดแม่ฮ่องสอน เข้าทำการช่วยเหลือตัดกิ่งไม้ชักลากต้นไม้ออกจากหลังคาบ้าน สามารถให้เจ้าของบ้านเข้าพักอาศัยได้ตามปกติ

ภาพ/ข่าว  เกียรติศักดิ์  รักสัตย์  / เกียรติยศ  รักสัตย์ / ทีมข่าวภูมิภาคประจำจังหวัดแม่ฮ่องสอน

นราธิวาส-เปิดโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 จำนวน 186 เตียงดูแลผู้ป่วย COVID19 ที่ศูนย์ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้เสพยาเสพติด พร้อมรับผู้ป่วยวันแรก 65 ราย

วันนี้ (17 เม.ย. 64) ที่ศูนย์ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้เสพยาเสพติดจังหวัดนราธิวาส นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานเปิดโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 ของจังหวัดนราธิวาส โดยมีนางดาเรศ จิตรัตน์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนราธิวาส นาวาเอก วิชชา พรหมคีรี รอง ผอ.รมน.จ.นราธิวาส (ฝ่ายทหาร) นายชินวุฒิ ขาวสำลี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ปลัดจังหวัดนราธิวาส นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

โดยผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสและคณะได้ตัดริบบิ้นเปิดโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 จากนั้นได้เข้าเยี่ยมชมภายในอาคารที่สามารถรองรับผู้ป่วยได้ 186 เตียง ซึ่งการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามรองรับการให้บริการผู้ป่วย COVID19 เพื่อทำหน้าที่ในการคัดกรองและแยกผู้ป่วยโดยใช้ระดับความรุนแรงของโรค จัดลำดับความสำคัญในการรักษาผู้ป่วยและจัดระบบบริการ สำหรับในวันนี้จะรองรับผู้ป่วย COVID19 ซึ่งเป็นผู้ต้องขังจากเรือนจำชั่วคราวโคกยามูและผู้พ้นโทษ จำนวน 65 ราย ส่วนในผู้ป่วยกลุ่มอื่น ๆ จะทยอยเข้ารับการรักษาจนเต็มจำนวนเตียง โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนราธิวาสจัดสรรบุคลากรทางการแพทย์ ประกอบด้วย แพทย์และพยาบาลอยู่ประจำทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้การรักษาและป้องกันการแพร่ระบาดของโรค COVID19

นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า ขณะนี้มีการแพร่ระบาดของโรค COVID19 เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ว่าจะมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผู้ต้องขัง ผู้พ้นโทษ และกลุ่มประชาชนทั่วไป ซึ่งขีดความสามารถของโรงพยาบาลสนามเรือนจำจังหวัดนราธิวาสแห่งแรกอาจรองรับผู้ป่วยได้ไม่เพียงพอ และมีข้อจำกัดด้านพื้นที่ จึงได้จัดตั้งโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 เพื่อรองรับผู้ป่วย COVID19 เพิ่มเติม สำหรับในด้านการบริหารจัดการระดับพื้นที่ขอให้นายอำเภอเป็นผู้นำ ซึ่งถ้าทุกคนช่วยกันก็มั่นใจว่าจะสร้างความมั่นใจให้ชาวนราธิวาส รวมทั้งลดการแพร่กระจายของโรค COVID19 ในจังหวัดนราธิวาสได้ เพื่อให้สามารถระงับยับยั้งโรคได้ภายใน 28 วัน

ทั้งนี้ ศบค. ได้แถลงสถานการณ์การติดเชื้อ COVID19 ในจังหวัดนราธิวาส วันนี้ (17 เมษายน 2564) มีผู้ป่วยใหม่ จำนวน 18 ราย และผู้ป่วยยืนยันสะสม จำนวน 348 ราย


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

กาฬสินธุ์ - ช็อคคลัสเตอร์ผับตากอากาศนศ.ติดโควิดเพิ่ม 1 ราย ไม่รอผลไทม์ไลน์ทั่วเมือง

จังหวัดกาฬสินธุ์พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มอีก 1 ราย เป็นนักศึกษาสาววิทยาลัยเทคนิคกาฬสินธุ์วัย 18 ปี ชาวตำบลกลางหมื่น อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ พบเป็นคลัสเตอร์คอนเสิร์ต “ซองดูฮี” สถานบันเทิงตากอากาศ และเข้าตรวจกลุ่มเสี่ยงสูงแต่ไม่รอผลและไม่กักตัว ตรวจสอบไทม์ไลน์พื้นที่และช่วงเวลาเสี่ยงซื้อของทั่วเมือง ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อของจังหวัดกาฬสินธุ์รวม 16 ราย พร้อมออกประกาศคุมเข้มมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด

เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 17 เมษายน 2564 นายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์ เป็นประธานประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.กาฬสินธุ์ เพื่อติดตามสถานการณ์และปรับแผนวางมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หลังพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก 1 ราย เป็นคลัสเตอร์จากคอนเสิร์ต “ซองดูฮี”สถานบันเทิงตากอากาศ ทำให้ จ.กาฬสินธุ์ มียอดผู้ติดเชื้อสะสมรวม 16 ราย โดยรายล่าสุดนั้นอยู่ในกลุ่มเสี่ยงเที่ยวสถานบันเทิงและได้เข้ารับการตรวจหาเชื้อ แต่ระหว่างรอผลการตรวจกลับพบว่าไม่ได้กักตัวเอง และได้เดินทางไปสถานที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะในตัวเมืองกาฬสินธุ์หลายแห่ง

นายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า สำหรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มอีก 1 ราย เป็นรายที่ 16 ล่าสุดนั้น เป็นนักศึกษาหญิงของวิทยาลัยเทคนิคกาฬสินธุ์ อายุ 18 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ใน ต.กลางหมื่น อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์  ประวัติสัมผัสผู้ติดเชื้อจากคอนเสิร์ตซองดูฮีสถานบันเทิงตากอากาศ อ.นามน จ.กาฬสินธุ์ เริ่มมีอาการป่วย 13 เมษายน 2564 ด้วยอาการไอ ปวดศีรษะ หายใจเหนื่อย

นายทรงพล กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีผู้ป่วยรายที่ 16 หรือประชาชนทั่วไปที่รู้ตัวเองว่าอยู่ในกลุ่มเสี่ยงและเข้ารับการตรวจคัดกรอง ซึ่งระหว่างการรอผลตรวจนั้น อยากฝากเตือนจะต้องปฏิบัติตัวรับผิดชอบต่อสังคมด้วย โดยการกักตัว สังเกตอาการตัวเองเป็นเวลา 14 วัน ไม่ออกไปในสถานที่ต่างๆหรือพบปะผู้คนจำนวนมาก ที่จะทำให้บุคคลอื่นเสี่ยงติดเชื้อไปด้วย ซึ่งต่อไปหากพบว่ามีกรณีบุคคลอยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูงและเข้าตรวจเชื้อแล้ว อยู่ระหว่างการรอผลตรวจ แต่ไม่ยอมกักตัวเอง และยังเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆอีกทางเจ้าหน้าที่อาจจะต้องมีการบังคับใช้กฎหมายดำเนินการขั้นเด็ดขาดต่อไป เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการติดเชื้อ

อย่างไรก็ตามจากการสอบสวนโรคของเจ้าหน้าสาธารณสุข พบไทม์ไลน์ผู้ป่วยรายที่ 16 นักศึกษาอายุ 18 ปี โดยมีพื้นที่และช่วงเวลาเสี่ยงดังนี้ วันที่ 10 เมษายน 2564 ช่วงเวลา 14.00-14.15 น.ตลาดสดเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ (หน้าสภ.เมืองกาฬสินธุ์) ช่วงเวลา 23.00-24.00 น.ร้านตากอากาศ อ.นามน จ.กาฬสินธุ์, วันที่ 12 เมษายน 2564 ช่วงเวลา 11.40-11.50 น.ร้านนุชไก่สด ตลาดเกษตร อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ช่วงเวลา 12.00-12.05 น.ร้านอี้เหวินชาปั่น ตลาดเกษตร ช่วงเวลา 12.34-12.50 ร้าน KFC สาขากาฬสินธุ์พลาซ่า ช่วงเวลา 13.30-13.40 น.ร้านก๋วยเตี๋ยวแก่งนาขาม ต.นาจารย์ อ.เมืองกาฬสินธุ์, วันที่ 14 เมษายน 2564 ช่วงเวลา 16.10-16.20 น.ร้านห้องเย็นโอเล่ ต.โพนทอง อ.เมืองกาฬสินธุ์, วันที่ 15 เมษายน 2564 ช่วงเวลา 13.00-13.30 น.ร้านโกเหลียงก๋วยเตี๋ยว (วงเวียนน้ำพุ) อ.เมืองกาฬสินธุ์

ซึ่งหากประชาชนท่านใดมีประวัติเดินทางเข้าไปในพื้นที่และช่วงเวลาเสี่ยงตามที่ได้แจ้งนี้ ให้รายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขใกล้บ้านและแจ้งประวัติเพื่อประเมินความเสี่ยง หรือติดต่อที่หมายเลขโทรศัพท์ 043-019760 ต่อ 107 (กลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์)

นายทรงพล กล่าวอีกว่า ล่าสุด จังหวัดกาฬสินธุ์ได้ออกคำสั่งฉบับที่ 24 การห้ามดำเนินการหรือจัดกิจกรรมหรือที่เสี่ยงต่อการแพร่โรค เช่น การปิดสถานบริการ หรือสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่โรค ผับ บาร์ คาราโอเกะ หรือสถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ สถานบันเทิง ตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2564 เป็นต้นไป โดยให้ยกเลิกคำสั่งฉบับที่ 23 ที่เดิมกำหนด ไว้ 13-26 เมษายน นอกจากนี้ ยังห้าม การใช้อาคาร หรือสถานที่ของโรงเรียน และสถาบันการศึกษาทุกประเภท เพื่อการจัดการเรียนการสอน การสอบ การอบรม หรือการทำกิจกรรมใด ๆ ที่มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก งานประชุม งานสัมมนา ที่มีจำนวนประชาชนเข้าร่วมงานเกินกว่า 50 คน ขอให้เลื่อนไปก่อนอย่างน้อย 2 สัปดาห์ งานบวช งานแต่ง ทำได้ตามประเพณีแต่ต้องไม่มีการจัดแสดงกิจกรรมหรือมหรสพ ส่วนการจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม สามารถทำได้จนถึงเวลา 23.00 น โดยงดจำหน่ายสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมทั้งการห้ามบริโภคในร้าน


ภาพ/ข่าว ณับพงษ์  ประชากูล จ.กาฬสินธุ์

ปทุมธานี – ไม่มีวันหยุด คำรณวิทย์ สนับสนุนมูลนิธิครอบครัวพอเพียงส่งเสริมเยาวชนปทุมธานี

เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2564 ที่สำนักงานองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ต.บ้านฉาง อ.เมือง จ.ปทุมธานี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี ให้การต้อนรับ นางสาวอริยสิริ พิพัฒน์นารา ประธานคณะกรรมการมูลนิธิครอบครัวพอเพียง พร้อมด้วยนายสมนึก  เกกีงาม  ประธานมูลนิธิครอบครัวพอเพียง สาขาปทุมธานี พร้อมคณะเพื่อขอช่วยเหลือและข้อเสนอแนะความคิดเห็นในการทำงานของมูลนิธิครอบครัวพอเพียง ที่เป็นองค์กรเอกชนด้านสิทธิมนุษย์ชนและสภาวิชาชีพ

นางสาวอริยสิริ พิพัฒน์นารา กล่าวถึงวัตถุประสงค์มูลนิธิครอบครัวพอเพียงว่า เพื่อปลุกจิตสำนึกให้เยาวชนและครอบครัวมีความรัก ความกตัญญู รู้คุณชาติ ศาสนาและสถาบันพระมหากษัตริย์ ให้เยาวชนและครอบครัวมีคุณธรรมมีจริยธรรม รังเกียจการทุจริตและถือประโยชน์ของส่วนรวมเป็นสำคัญให้ความช่วยเหลือในการให้คำปรึกษาแนะนำ จัดฝึกอบรมดูงาน ผลิตเอกสารและเผยแพร่เรื่องเกี่ยวกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง แก่เยาวชนและครอบครัว เพื่อการนำไปใช้ในชีวิตประจำวันตลอดจนในการบริหารองค์กร ห้างร้าน ชุมชนและประเทศชาติ

มูลนิธิครอบครัวพอเพียงได้เปิดสาขาที่จังหวัดปทุมธานี เป็นจังหวัดลำดับที่ 16 จากประชาชนที่มีจิตอาสาและเสียสละเพื่อเพื่อปลุกจิตสำนึกให้เยาวชนและครอบครัวมีความรักโดยมุ่งเน้นไปที่เยาวชนตามโรงเรียนต่างๆทั่วประเทศ มูลนิธิครอบครัวพอเพียงจึงอยากให้ อบจ.ปทุมธานีช่วยสนับสนุนงบประมาณในการจัดฝึกอบรมเยาวชนปทุมธานีเพื่อการพัฒนาประเทศในอนาคต

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง กล่าวว่า ยินดีให้การสนับสนุนกับทางมูลนิธิครอบครัวพอเพียงที่มองเห็นประโยชน์ของเยาวชนที่จะเป็นกำลังสำคัญในอนาคตของประเทศชาติ ซึ่งทางอบจ.ปทุมธานีได้ทำ MOU กลับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี โดยมี นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ผอ. เขตการศึกษาระดับมัธยม และอธิการบดี มทร.เพื่อจะต่อยอดให้เด็กระดับมัธยมซึ่งมีทั้งหมด 22 โรงเรียน โดยได้ขอความร่วมมือไปยังภาคอุตสาหกรรมในจังหวัดปทุมธานี เช่น อุตสาหกรรมนวนครอุตสาหกรรมบางกะดี อุตสาหกรรมลาดหลุมแก้ว เป็นต้นโดยมีแนวคิดเด็กที่จบการศึกษา ถ้าทางโรงงานเรานั้นจะรับคนงานในแต่ละปีก็ขอให้คนปทุมธานี 50% เพื่อให้คนปทุมธานีได้มีงานทำในส่วนของนโยบายที่ออกไปทั้งหมดนั้นเริ่มดำเนินการทำตามขั้นตอนทั้งหมด จะเห็นว่า อบจ.ปทุมธานีทำงานไม่มีวันหยุดเพื่อคนปทุมโดยแท้จริง รวมทั้งการตรวจโควิด-19 ซึ่งเราจะรอไม่ได้ เพราะเชื้อไวรัสโควิด ไม่มีวันหยุด  ดังนั้นทุกภาคส่วนต้องร่วมกันในการนำพาประเทศให้ปลอดภัยจากไวรัสโควิด-19


ภาพ/ข่าว ประภาพรรณ ขาวขำ / รายงาน

อุบลราชธานี - เอาไม่อยู่ ตรวจพบผู้ป่วยโควิดเพิ่ม 7 ราย รวมเป็น 102 ราย ส่วนใหญ่มีไทม์ไลน์เกี่ยวเนื่องกับสถานบันเทิง

วันที่ 17 เม.ย.64 ที่ห้องประชุมสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี นายสฤษดิ์ วิฑูรย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี แถลงข่าวสถานการณ์โควิด - 19 จังหวัดอุบลราชธานี พบผู้ป่วยเพิ่ม 7 ราย รวมจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด - 19 รอบใหม่ 102 คน พื้นที่ที่พบผู้ป่วยรายใหม่อยู่ในอำเภอบุณฑริก อำเภอเมือง อำเภอวารินชำราบ อำเภอเขมราฐ และอำเภอม่วงสามสิบ ส่วนใหญ่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย และมีประวัติเสี่ยงที่เกี่ยวเนื่องกับสถานบันเทิงในจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งทั้งหมดเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและมีอาการไม่รุนแรง 

ผวจ.อุบลราชธานี กล่าวว่า ขณะนี้จังหวัดอุบลราชธานีได้กำหนดมาตรการป้องกันควบคุมโรคและปิดสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019  ได้แก่ การห้ามการดำเนินการหรือจัดกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการแพร่โรค ห้ามการใช้อาคารหรือสถานที่ของโรงเรียนและสถาบันการศึกษาทุกประเภทเพื่อจัดการเรียนการสอน การสอบ การฝึกอบรม หรือทำกิจกรรมใด ๆ ที่มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก ห้ามจัดกิจกรรมซึ่งมีการรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนมากกว่าห้าสิบคนขึ้นไป  ปิดสถานบริการ  ผับบาร์ คาราโอเกะ สถานประกอบกิจการอาบน้ำ อาบอบนวด ออกไปจนถึงวันที่ 24 เมษายน 2564 การกำหนดให้ทุกพื้นที่อำเภอและตำบลของจังหวัดอุบลราชธานีเป็นพื้นที่ควบคุม การจำหน่ายอาหาร และเครื่องดื่มและบริการบริโภคในร้านอาหารทั่วไป ร้านอาหารทั่วไป ร้านข้าวต้ม รถเข็นแผงลอยจำหน่ายอาหารเปิดได้ไม่เกิน 23.00 น. การจำหน่ายสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ห้ามไม่ให้มีการบริโภคในร้าน ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า เปิดได้จนถึงเวลา  21.00 น. และให้จำกัดจำนวนผู้เข้ารับบริการ

ขอความร่วมมือประชาชนในจังหวัดอุบลราชธานีงดหรือหลีกเลี่ยงการเดินทางโดยไม่มีเหตุจำเป็น โดยเฉพาะการเดินทางไปในพื้นที่ควบคุม งดการจัดกิจกรรมสังสรรค์ อยู่บ้าน หยุดเชื้อ และให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด ด้วยการสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำหรือแอลกอฮอล์ รักษาระยะห่าง  ตรวจวัดอุณหภูมิ สำหรับมาตรการคัดกรองบุคคลเข้าพื้นที่ให้ผู้ที่มาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุด 18 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ นครปฐม ขอนแก่น ชลบุรี เชียงใหม่ ตาก นครราชสีมา ประจวบคีรีขันธ์ ภูเก็ต ระยอง สงขลา สมุทรสาคร สระแก้ว สุพรรณบุรี และอุดรธานี กักตัวเพื่อดูอาการ 14 วัน และสแกนแอปพลิเคชั่นไทยชนะและฮักอุบลเมื่อเข้าพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี


ภาพ/ข่าว  กิตติภณ  เรืองแสน

ศรีสะเกษ - ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงถึง 38 รายแล้ว ผู้ว่าฯมั่นใจจะฝ่าสถานการณ์นี้ไปได้อย่างราบรื่น ขอให้ทุกคนเป็นทีมเดียวกันคือเป็นทีมศรีสะเกษ ที่จะต้องร่วมด้วยช่วยกัน

เมื่อวันที่ 17 เม.ย.64 ที่ห้องประชุมสระกำแพงใหญ่ ชั้น 4 ศาลากลาง จ.ศรีสะเกษ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ  นายวัฒนา   พุฒิชาติ ผวจ.ศรีสะเกษ ได้เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.ศรีสะเกษ ครั้งที่ 10 /2564 ซึ่ง นพ.ทนง วีระแสงพงษ์ สาธารณสุข จ.ศรีสะเกษ และคณะได้รายงานสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19

โดยผู้ติดเชื้อโควิด 19 ระลอก 3 จ.ศรีสะเกษ มีผู้ป่วยระหว่างวันที่ 1 - 16 เม.ย.64 จำนวน 30 ราย ผู้ป่วยรายใหม่ในวันที่ 17 เม.ย. 64 จำนวน 8 รายรวมเป็นมีผู้ป่วยสะสม จำนวน 38 ราย โดยรายที่ 31 เพศชาย อายุ 45 ปี อ.เมืองศรีสะเกษ พนักงานขับรถ รับผู้ติดเชื้อรายที่ 18 รายที่ 32 เพศหญิง อายุ 29 ปี อ.เมืองศรีสะเกษ บุตร ผู้ป่วยยืนยันรายที่ 22 รายที่ 33 เพศชาย อายุ 24 ปี อ.เมืองศรีสะเกษ บุตร ผู้ป่วยยืนยันรายที่ 29 (ไปงานแต่งงาน) รายที่ 34 เพศชาย อายุ 21 ปี อ.เมืองศรีสะเกษ บุตร ผู้ป่วยยืนยันรายที่ 30 (ไปงานแต่งงาน) รายที่ 35 เพศชาย อายุ 21 ปี อ.เมือง อาชีพ ชกมวย ที่กรุงเทพฯ รายที่ 36 เพศชาย อายุ 24 ปี เดินทางไปกรุงเทพฯ สัมผัสผู้ป่วยยืนยันรายที่ 30  รายที่ 37 เพศชาย อายุ 19 ปี อ.กันทรลักษ์ เดินทางมาจากกรุงเทพฯ และรายที่ 38 เพศหญิง อายุ 29 ปี อ.อุทุมพรพิสัย เดินทางไปกรุงเทพฯ ซึ่งเขตพื้นที่ที่เป็นพื้นที่สีแดงคือ อ.เมืองศรีสะเกษ อ.กันทรารมย์และ อ.วังหิน

โดยมี นายสำรวย เกษกุล รอง ผวจ.ศรีสะเกษ พร้อมด้วย นายนพ พงษ์ผลาดิสัย ปลัดจังหวัดศรีสะเกษ นายบุญประสงค์ นวลสายย์ หน.สนง.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ศรีสะเกษ หน.ส่วนราชการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาเข้าร่วมประชุม

นายวัฒนา พุฒิชาติ ผวจ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า การที่ยอดผู้ติดเชื้อสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนี้ ตนเคยกล่าวเอาไว้ว่าทุกคนต้องเป็นผู้เล่นด้วยกันทั้งหมดเหมือนกับฟุตบอล ทุกคนมีบทบาทอย่างยิ่งคนในสนามฟุตบอล ก็เหมือนกับพี่น้องประชาชน ถ้าพี่น้องประชาชนเล่นฟุตบอลในสนามไม่วิ่งไม่กระตือรือร้นไม่ช่วยกัน โอกาสที่จะทำประตูและมีชัยชนะก็จะเป็นไปไม่ได้

เพราะฉะนั้นพี่น้องประชาชนเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งการประพฤติปฏิบัติต่อกันในการดูแลคนที่เข้ามาในพื้นที่ คนในครอบครัวจะต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าอาจจะไม่ใช่คนธรรมดาอาจจะมีการเจ็บการป่วยการติดเชื้อม าเราไม่ได้คิดว่าต้องการทำให้หวาดระแวง แต่ว่าอยากให้ตระหนักว่าถ้าสมมุติว่าทุกคนมีสมมุติฐานในการที่จะต้องการให้ปลอดภัยร่วมกันต่างคนต่างกลัวกันไว้ก่อน ในครอบครัวทานข้าวอาจจะแยกกันทานข้าว พูดคุยกันให้น้อยลง ใส่หน้ากากให้มากขึ้นและงดลดการที่จะไปร่วมกับกิจกรรมกับคนอื่นและปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข คิดว่าต้นทางตรงนี้จะสามารถสกัดยับยั้งได้ดี

ผวจ.ศรีสะเกษ ยังกล่าวด้วยว่า ในส่วนของการเตรียมการแนวหลังก็เป็นสิ่งที่คิดว่าเรามีความพร้อมเรามีแผนหนึ่งแผนสองสถานที่หนึ่งสถานที่สองเตรียมไว้แล้ว แต่ก็ไม่อยากให้ถึงขนาดนั้นไม่ต้องการให้คนศรีสะเกษเจ็บไข้ได้ป่วย เพราะฉะนั้นเราจะต้องเป็นทีมเดียวกันไม่ใช่มีเฉพาะทีมหมอทีมพยาบาล ทีมตำรวจทีมปกครอง ประชาชนก็จะต้องเป็นทีมหนึ่งเดียวกันคือเป็นทีมศรีสะเกษที่จะต้องร่วมด้วยช่วยกันเมื่อต้นทางไม่เกิดขึ้นมาโอกาสที่จะเพิ่มขยายก็ลดน้อยลง

แต่สิ่งหนึ่งก็คือเราอย่าไปว่ากันใครติดแล้วติดมา ติดมาจากไหนบอกไปไหนมาบ้าง บอกที่หมอพยาบาลจะเข้าสอบสวนเส้นทางและไทม์ไลน์ต่าง ๆ ให้เร็วที่สุด และเราก็จะสกัดกั้นการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เพราะฉะนั้นเราจะต้องเป็นทีมเดียวกันช่วยกันตนคิดว่าเราจะฝ่าสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ไปได้อย่างรวดเร็วและราบรื่น


ภาพ / ข่าว ศิริเกษ หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ศรีสะเกษ

นครพนม - เร่งตรวจหาเชื้อผู้ไปเที่ยวสถานบันเทิงร่วมกับผู้ป่วยโควิดรายที่ 16

วันที่ 17 เมษายน 2564 ที่บริเวณศาลาประชาคมยงใจยุทธ ศาลากลางจังหวัดนครพนม มีประชาชนจำนวนมากเดินทางมารับบริการตรวจหาเชื้อโควิด ภายหลังจากที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนมได้มีประกาศให้ผู้ที่ไปใช้บริการสถานบริการ 3 แห่ง ประกอบด้วย AEC PUB นครพนมตะวันนา 2004 และ HOME 108 ระหว่างวันที่ 3-12 เมษายน 2564 ให้มารายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เพื่อรับการตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิดระหว่างวันที่ 17 - 22 เมษายน 2564

ภายหลังจากที่มีการตรวจพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายที่ 16 ซึ่งเป็นผู้จัดการร้านอาหารชื่อดังในนครพนม ที่หลังปิดร้านอาหารของตนเองแล้วไปสังสรรค์ต่อกับเพื่อนที่สถานบันเทิงดังกล่าว แม้ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่จะมีการระดมสรรพกำลังลงพื้นที่เก็บตัวอย่างบุคคลกลุ่มเสี่ยงสูง ที่เป็นพนักงานให้บริการทั้งหมดทันที รวมทั้งสิ้น 207 คน ไปแล้ว อีกทั้งมีการสั่งประกาศปิดร้านเป็นเวลา 14 วัน

แต่เมื่อผลตรวจเริ่มทยอยออกมาพบว่ามีพนักงานติดเชื้อ 8 ราย และประชาชนที่มาเที่ยวสถานบันเทิงเดียวกับผู้ป่วยรายที่ 16 ป่วยติดเชื้อ 1 รายประกอบกับการสอบสวนโรคยังพบว่าพนักงานในสถานบันเทิงระหว่างปฏิบัติหน้าที่ มีความหย่อนยานในมาตรการป้องกัน เช่น ไม่สวมถุงมือแล้วไปหยิบจับอาหาร หรือรับแก้วเหล้าจากนักเที่ยวมาชงให้แขก และมีการสลับเปลี่ยนโต๊ะทำหน้าที่ ทำให้ผู้ที่เดินทางไปเที่ยวมีโอกาสเสี่ยงสูงในการสัมผัสเชื้อและแพร่เชื้อไปยังผู้อื่น

นพ.มานพ ฉลาดธัญญกิจ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ในการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 นั้น สามารถตรวจได้หลังจากได้รับเชื้อมาแล้วประมาณ 5 -7 วัน ซึ่งจากการคำนวณตามหลักระบาดวิทยาจะอยู่ประมาณช่วง 3-12 เมษายน ดังนั้นจึงได้มีการประกาศให้ประชาชนกลุ่มที่ไปเที่ยวในสถานบันเทิงตามทามไลน์ของผู้ป่วยรายที่ 16 เข้าตรวจหาเชื้อเพื่อเป็นการเฝ้าระวังป้องกัน ส่วนวิธีการตรวจนั้นเจ้าหน้าที่เลือกที่จะใช้การตรวจแบบ RT-PCR (การตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัส) เนื่องจากมีความไว ความจำเพาะสูง สามารถทราบผลภายใน 3 – 5 ชั่วโมง ที่สำคัญคือสามารถตรวจจับเชื้อไวรัสปริมาณน้อย ๆ ในรูปแบบของสารพันธุกรรมได้ดี ไม่ว่าจะเป็นเชื้อเป็นหรือเชื้อตายตรวจจับได้หมด โดยสามารถตรวจได้จากสารคัดหลั่งทางเดินหายใจส่วนบน ส่วนล่างของผู้สงสัยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ดังนั้นจึงเลือกใช้วิธีนี้เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว เนื่องจากคาดว่าจะมีประชาชนที่อยู่ในกลุ่มนี้จำนวนมากที่มารับบริการ ซึ่งถ้าเราใช้ชุดทดสอบแบบรวดเร็ว หรือ Rapid Test จะทราบผลใน 15 นาที แต่ถ้ามีผลเป็นบวก เราก็ต้องมาตรวจซ้ำอีกครั้งด้วยวิธี RT- PCR เพื่อความแม่นยำอีกครั้ง ซึ่งจะทำให้เจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติหน้าที่หลายรอบอีกทั้งประชาชนที่มารับบริการก็ต้องเสียเวลาเพิ่ม ซึ่งเราพยายามที่จะทำให้จบโดยเร็วเพื่อควบคุมสถานการณ์ให้ได้ไวที่สุด

สำหรับการตรวจในครั้งนี้ผู้ที่มารับบริการจะได้รับบัตรคิว จากนั้นมานั่งรอที่เก้าอี้ภายในเต้นท์ที่เจ้าหน้าที่จัดไว้ให้ เมื่อได้คิวก็เข้ารับการลงทะเบียน ซักประวัติ และเข้าสู่ขั้นตอนการตรวจหาเชื้อ ซึ่งแต่ละคนจะใช้เวลาประมาณ 10 นาที ก็จะเสร็จสิ้นขั้นตอน หลังจากนั้นแต่ละคนแยกย้ายกันกับบ้านไปเฝ้าระวังและกักตัวเองรอฟังข่าวผลตรวจ ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่โทรไปแจ้งภายหลังผลออกให้ได้ทราบ

ทั้งนี้ในแต่ละวันเจ้าหน้าที่จะสามารถตรวจได้เพียงวันละ 500 คน ณ จุดให้บริการศาลาประชาคมยงใจยุทธ ดังนั้นผู้ที่อยู่ต่างอำเภอ ของจังหวัดนครพนมที่เดินทางไปสถานบันเทิงดังกล่าว สามารถไปตรวจที่โรงพยายาบาลประจำอำเภอได้ด้วยเช่นเดียวกัน


ภาพ/ข่าว  สุเทพ หันจรัส ผสข.นครพนม

นราธิวาส - ผบ.ฉก.นราธิวาส ตรวจเยี่ยมและประชุมเพิ่มประสิทธิภาพการปฎิบัติงาน พร้อมทั้งให้กำลังใจกำลังพลหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานในพื้นที่

พลตรีไพศาล หนูสังข์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส พร้อมด้วย พันเอก เฉลิมพร ขำเขียว รองผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส และคณะฯ ลงพื้นที่ ตรวจเยี่ยม และประชุมเพิ่มประสิทธิภาพการปฎิบัติงาน ให้กับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานในพื้นที่ จังหวัดนราธิวาส  จำนวน 4  หน่วย ได้แก่ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 อำเภอระแงะ , หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 46 อำเภอรือเสาะ, หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 48 อำเภอเจาะไอร้อง และ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 49 อำเภอศรีสาคร

โดยได้รับฟัง สรุปการชี้แจงการปฎิบัติที่สำคัญในห้วงที่ผ่านมา และแผนการปฏิบัติงานที่สำคัญในห้วงต่อไป  พร้อมทั้งแนวความคิดการเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน ของหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานในพื้นที่  โดยผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส มอบนโยบาย ข้อสั่งการสอบถามข้อขัดข้องในการปฎิบัติงาน พร้อมทั้งเน้นย้ำการปฏิบัติงาน ของชุดปฎิบัติการจรยุทธ์ ต้องอยู่ในความไม่ประมาท การรักษาความปลอดภัยในพื้นที่สร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชน พร้อมทั้งการเฝ้าตรวจให้เป็นไปตามสั่งการของ ผอ.รมน.ภาค4 การใช้ระเบียบการนำหน่วย มอบแนวทางการเฝ้าระวัง ป้องกัน การสังเกตุการณ์ และการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ พร้อมทั้งให้กำลังพล ปฏิบัติตนตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า COVID19 อย่างเคร่งครัด

ทั้งนี้ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส เน้นย้ำผู้บังคับหน่วย เรื่องสวัสดิการ สิทธิกำลังพล โดยฝากความห่วงใยแก่กำลังพล ให้ดูแลตนเอง และเฝ้าติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid19 อย่างใกล้ชิด ตลอดจนมอบงบประมาณแก้ไขปัญหาเบื้องต้น และสิ่งของอุปโภค บริโภค เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฎิบัติงานให้แก่กำลังพลต่อไป


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ​ หะไร​ จ.นราธิวาส


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top