Tuesday, 17 June 2025
TheStatesTimes

ชลบุรี - วุ่นทั้งโรงพัก ตร.พัทยาติดโควิด นำ 40 ตร.ใกล้ชิดและกลุ่มเสี่ยงเพื่อตรวจเชื้อ

วันนี้ 18 เม.ย.64 ที่ศาลาประชาคม อ.บางละมุง  จ.ชลบุรี  เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.เมืองพัทยา  รวมทั้งกลุ่มเสี่ยงที่ใกล้ชิด พ.ต.ท.อรุษ สภานนท์  สว.จร. สภ.เมืองพัทยา ที่ติดเชื้อโควิด-19 รวม 40 คน ไปตรวจหาเชื้อโรคโควิด-19  นอกจากนั้นยังต้องกักตัวอีก 14 วัน

โดยทาง  พ.ต.ท.สมพล  นาคขำพันธุ์   รอง ผกก.( สอบสวน ) สภ.เมืองพัทยา  รรท. ผกก.สภ.เมืองพัทยา เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ว่า เมื่อวันที่ 15 เม.ย. ที่ผ่านมาทางสารวัตรจราจรมีอาการตัวร้อนก็เลยไปตรวจที่ รพ.กรุงเทพพัทยา พอวันที่ 16 เม.ย.  รู้ผลว่าติดเชื้อก็เดินทางเข้ารักษาที่ รพ.พญาไท ศรีราชา หลังจากนั้นทาง สารวัตรจราจรก็ได้ตรวจสอบทั้งตำรวจและบุคคลที่กลุ่มเสี่ยงรวมทั้งหมด 40 คน จึงได้ให้ไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในวันนึ้ และหลังตรวจก็ต้องกักตัว 14 วันอีกด้วย


ภาพ/ข่าว  นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี

หนุ่มส่งของเดลิเวอรี่เซ็ง ถูกพิตบูลลูกค้ากัดระหว่างไปส่งอาหาร ด้านเจ้าของชดใช้แค่ 100 บาท พร้อมบอกจะติดต่อมาใหม่ แต่สุดท้ายหายเงียบ

เป็นอีกปัญหาซ้ำซากในสังคมไทย เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ที่เป็นพนักงานส่งของได้โพสต์ข้อความเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนเองระหว่างปฏิบัติหน้าที่ เมื่อทำการส่งอาหารที่บ้านหลังหนึ่ง แต่กลับถูกสุนัขพิตบูลของลูกค้ากัดเข้าที่บริเวณข้อเท้าซ้ายเป็นแผล 2 จุด ซึ่งเจ้าของสุนัข ชดใช้ให้เบื้องต้นเพียง 100 บาท และบอกว่าจะติดต่อกลับมาใหม่ แต่สุดท้ายยังไม่มีการติดต่อกลับมาแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม สำหรับกรณีดังกล่าว เข้าข่ายความผิดฐานผู้ใดควบคุมสัตว์ดุร้าย ปล่อยปละละเลยให้สัตว์นั้นอยู่ลำพัง ในประการที่อาจทำอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์

โดยจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม ป.อาญา ม.377 และอาจต้องชดใช้ในความเสียหายที่เกิดจากการกระทำของสุนัข ไม่ว่าจะเป็นค่าสินไหมทดแทน ค่ารักษาพยาบาล รวมทั้งค่าเสียหายที่ต้องขาดประโยชน์จากการทำงาน หรือ ขาดรายได้ ตาม ป.แพ่งและพาณิชย์ ม.443


ที่มา: https://mgronline.com/onlinesection/detail/9640000036751

https://www.facebook.com/groups/862974280826865/permalink/1222445311546425/

นครนายก – แปลก ! พบใบโพธิ์ใบใหญ่มีความกว้าง 22 ซ.ม. ยาว 35 ซ.ม.ที่หาดูได้ยาก

แปลกแต่จริงพบใบโพธิ์ใบใหญ่ที่มีความกว้าง 22 เซนติเมตรมีความยาว 35 เซนติเมตรที่หาดูได้ยากในประเทศไทย ที่วัดวังตูม ตำบลเขาพระ อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก พระครูอรรถวาที เจ้าอาวาสวัดวังตูม ได้โพสต์คลิปการตัดใบโพธิ์ของที่วัดวังตูม ที่มีความใหญ่กว่าใบโพธิ์ทั่วไปซึ่งมีความยาว 35 เซนติเมตรและมีความกว้าง 22 เซนติเมตร ถือว่าเป็นใบโพธิ์มีใบใหญ่ที่หาดูพบได้ยาก ซึ่งมีลำต้นขนาด 5 คนโอบอยู่ภายในวัดวังตูมจังหวัดนครนายก มีอายุ 118 ปี พ.ศ.2446-พ.ศ.2564 ผู้สื่อข่าวจึงได้ติดต่อพระครูอรรถวาที เจ้าอาวาสวัดวังตูม ได้พาไปดูที่ต้นโพธิ์ที่อยู่ในบริเวณวัดและได้นำใบโพธิ์ที่ได้ตัดแล้วใส่พานมาว่างที่ต้นโพธิ์ให้ผู้สื่อข่าวชมและใช้ไม้บรรทัดวัดขนาดของใบโพธิ์ ซึ่งมีความยาวความกว้างใกล้เคียงกับใบโพธิ์เมื่อปี2563 ที่หลวงพ่อได้นำมาใส่กรอบรูปไว้

จากการสัมภาษณ์พระครูอรรถวาที่ เจ้าอาวาสวัดวังตูม ได้เล่าว่าหลวงพ่อได้พบใบโพธิ์ต้นนี้ที่มีความใหญ่เมื่อปีพ.ศ. 2563 ได้คัดตัดใบที่ใหญ่ที่สุดในต้นนี้ได้ทั้งหมด 59 ใบและในปีพ.ศ. 2564 คือปีนี้เพิ่งคัดตัดใบโพธิ์ที่ใหญ่เมื่อวานนี้ ได้ใบโพธิ์ใบใหญ่จำนวน 19 ใบนำมาเก็บไว้เพื่อใส่กรอบรูปไว้บูชาดังกล่าว


ภาพ/ข่าว  สมบัติ เนินใหม่ / รัชชานนท์ เนินใหม่ / ผู้สื่อข่าวจังหวัดนครนายก

ลำพูน - โรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 ของจังหวัดลำพูน ณ หอประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน สามารถรองรับผู้ป่วย COVID19 ได้จำนวน 100 เตียง

เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2564 เวลา 13:30 นาฬิกา กองพลทหารราบที่ 7 โดย กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 7 ค่ายกาวิละ และ กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 7 ค่ายพระปิ่นเกล้า จัดกำลัง หน่วยละ 1 ชุดปฏิบัติการ (ชป.ๆ ละ 10 นาย) รวม 20 นาย ร่วมกับ ชุดปฏิบัติการ ศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคจังหวัดลำพูน (ศปก.จ.ลพ.) , สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (อส.) สังกัด ร้อย บก.บร. บก.อส.จ.ลพ. , องค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน (อบจ.ลำพูน) ,  สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำพูน , ตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน และ โรงพยาบาลลำพูน ดำเนินการจัดตั้ง โรงพยาบาลสนาม เพิ่มเติมเป็นแห่งที่ 2 ของ จังหวัดลำพูน ณ อาคารหอประชุม อบจ.ลำพูน บ้านน้ำบ่อเหลือง หมู่ที่ 15 ตำบลป่าสัก อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน โดยได้รับเตียงสนาม (แบบกล่องกระดาษ) จำนวน 100 ชุดจากภาคเอกชน

โดยได้ดำเนินการประกอบจนแล้วเสร็จ เพื่อรองรับผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของ จังหวัดลำพูน โดยสถานการณ์เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2564 มีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้น จำนวน 12 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมมีจำนวน จำนวน 141 ราย โรงพยาบาลสนาม แห่งที่ 1 (โรงพยาบาลลำพูนสาขาเวียงยอง) ตำบลเวียงยอง อำเภอเมืองลำพูน ไม่สามารถรองรับผู้ป่วยได้หมด

ทั้งนี้ จังหวัดลำพูน ได้รับการสนับสนุนเตียงสนาม แบบกระดาษ จากบริษัท SCG Packaging จำกัด (มหาชน) บริษัทในเครือบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 100 ชุด เพื่อดำเนินกิจกรรมเพื่อตอบแทนสังคม (CSR)


ภาพ/ข่าว  กรรณิการ์  วิจิตรสกลการ ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดลำพูน

19 จังหวัด - มูลนิธิมาดามแป้ง เริ่มเปิด “ครัวมาดาม” ส่งข้าวกล่องแทนกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ 19 แห่งทั่วประเทศ

มูลนิธิมาดามแป้ง ชวนแฟนบอลไทย ส่งกำลังใจ ร่วมเปิดครัวมาดาม ปรุงอาหารจากครัวชุมชน ส่งไปยังโรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลสนาม เริ่มต้น 19 แห่ง เพื่อมอบกำลังใจและตอบแทนน้ำใจแก่บุคลากรทางการแพทย์ หลังวิกฤตโควิด-19 ทวีความรุนแรงอีกครั้ง

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กลับมาแพร่ระบาดอย่างหนักทุกจังหวัด จนมีแนวโน้มเข้าขั้นวิกฤตระลอก 3 ของประเทศ “มูลนิธิมาดามแป้ง” โดยมาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานกรรมการมูลนิธิ และประธานสโมสรการท่าเรือ จึงออกมาชวนแฟนบอลไทย สานต่อโครงการครัวมาดาม ที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องในช่วงโควิด-19 ระบาดหนักทั้งสองครั้งที่ผ่านมา โดยครั้งนี้ ร่วมกับอาสากล้าใหม่ในชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศออกตั้งโรงครัว ตั้งเป้าส่งข้าวกล่องให้ได้ 28,500 กล่องตลอดเดือนเมษายนนี้ โดยเริ่มต้นแล้วในโรงพยาบาลรัฐ และโรงพยาบาลสนาม 19 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพฯ, อยุธยา, ปทุมธานี, นครปฐม, นครราชสีมา ขอนแก่น, สระแก้ว, เชียงใหม่, ภูเก็ต, สงขลา, นราธิวาส, สุพรรณบุรี, นครสวรรค์ และชลบุรี

ด้าน มาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานกรรมการมูลนิธิมาดามแป้ง และประธานสโมสรการท่าเรือ ได้กล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ผ่านครัวมาดามว่า “แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดในรอบนี้จะหนักหนา นับเป็นวิกฤตที่อยู่กับเราอย่างยาวนาน และสร้างความยากลำบากให้กับทุกคน โดยเฉพาะคนในวงการกีฬาหลายคนก็ได้รับผลกระทบ ครัวมาดามกลับมาเสมอในยามเกิดภัย เพื่อช่วยเหลือเยียวยาคนในสังคมตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิ ซึ่งต้องขอขอบคุณอาสากล้าใหม่ในชุมชนต่าง ๆ ที่ร่วมกันตั้งครัวอย่างรวดเร็ว ทำให้ครัวมาดามไปได้เร็วเท่าทันช่วงเวลาที่ยากลำบากในหน้างานทั้ง 19 แห่งทั่วประเทศ”

“สุดท้ายแล้ว ด้วยพลังความร่วมแรงร่วมใจของพวกเราคนไทย จะช่วยให้เราผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน แป้งขอเป็นหนึ่งกำลังใจเล็ก ๆ ให้กับทีมคุณหมอ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ทุกท่านที่กำลังทำงานอย่างหนักช่วยเราคนไทยให้ผ่านความยากลำบากนี้ในเร็ววันนะคะ” นางนวลพรรณ กล่าวปิดท้าย

สำหรับครัวมาดามครั้งนี้ มูลนิธิมาดามแป้ง ยังเปิดโอกาสให้พี่น้องประชาชนร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการส่งต่อกำลังใจนี้ ด้วยการร่วมบริจาคสมทบทุนข้าวกล่อง กล่องละ 50 บาท เลขบัญชี 092-2-61340-0 ธ.กสิกรไทย ชื่อบัญชี มูลนิธิมาดามแป้ง เพื่อโครงการสร้างสังคมแห่งการให้ เพื่อเติมพลังให้บุคลากรด่านหน้าทั่วประเทศ และกระจายกำลังใจนี้ออกไปให้ไกลที่สุด

“สิระ” ซัด “จตุพร” โหนกระแสเด็ก หลังโดนเสื้อแดงเท เย้ย หวังจะเป็นหัวหน้าสุดท้ายตกม้าตาย ไม่มีใครเชื่อลมปาก เชื่อ ทุกวันนี้ไม่กล้าส่องกระจก เพราะเจอแต่คำว่าตกอับขึ้นเต็มหน้า

วันที่ 19 เมษายน พ.ศ.2564 นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ออกมาเรียกร้องให้ มีการอนุญาตให้แกนนำราษฎรที่ถูกคุมขังได้รับสิทธิ์การประกันตัวว่า ประชาชนดูก็รู้ว่านายจตุพรไปไม่รอด ไม่เหลือภาวะผู้นำทางความคิดอีกแล้ว การชุมนุม 2 - 3 วันที่ผ่านไป ภายใต้แกนนำหลักอย่างนายจตุพร ปลุกระดมมวลชนไม่ขึ้น มีคนมาร่วมหรอมแหรมหลัก 10 เพราะไม่มีใครเชื่อคำพูดที่ไร้สัจจะวาจาของนายจตุพรอีกแล้ว สุดท้ายนายจตุพรก็ต้องมาโหนกระแสพึ่งบรรดาเด็กที่ติดคุกทั้งหลายให้มาเรียกมวลชนให้ จากที่เคยประกาศตัวขึงขัง หวังจะสถาปนาตัวเองเป็นหัวหน้า แต่กลับต้องมาเดินตามตูดเด็ก ตนอยากถามนายจตุพรว่า หน้าฉาบปูนซีเมนต์กี่ชั้น ถึงได้หนาขนาดนี้ ไม่อายตัวเองก็น่าจะอายหมาบ้าง ทำร้ายประเทศชาติให้ย่อยยับมานานเท่าไหร่แล้ว 

“นายจตุพรเคยพูดไว้ว่า เป้าหมายที่สำคัญคือการไล่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง โดยที่จะไม่ก้าวล่วงสถาบัน แต่วันนี้กลับกลืนน้ำลาย ออกมาเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้กระทำความผิดในคดี 112 พฤติกรรมของนายจตุพรแสดงให้เห็นว่าไม่มีจุดยืนใด ๆ ทั้งสิ้น ยอมทำทุกอย่าง ไม่สนถูกผิด เพียงเพื่อประโยชน์ของตัวเอง ผมอยากถามนายจตุพรว่า ที่คนเสื้อแดงเขาไม่ออกมาร่วมชุมนุม เป็นเพราะอะไร นายจตุพรต้องไปหาคำตอบให้ตัวเอง ว่าเคยไปก่อกรรมทำชั่วอะไรกับพวกเขาไว้บ้างหรือไม่ วันนี้ถ้าตนเป็นนายจตุพร คงไม่กล้าส่องกระจกมองหน้าตัวเองด้วยซ้ำ เพราะส่องไปก็จะเห็นแต่คำว่า ตกอับ อยู่เต็มหน้าไปหมด” นายสิระ กล่าว 

ส่วนกรณีที่ นายจตุพร ระบุถึงกรณีกองบัญชาการตำรวจนครบาลแจ้งดำเนินคดีจากการจัดให้มีการชุมนุมที่บริเวณ อนุสรณ์สถานพฤษภา 35 สวนสันติพร เมื่อวันที่ 4 , 5 และ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา ในข้อหา ฝ่าฝืนข้อกำหนดออกตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯว่า น่ากลัวจังเลยนั้น นายสิระ กล่าวว่า นายจตุพรอย่าดีแต่ปาก กล้าพูดก็ขอให้กล้าเดินไปรับกรรมตามกฎหมายด้วย อย่าทำตัวเป็นคนประเภทที่มีปากเหมือนมีตูด คำพูดไม่ใช่เสียงตด ลูกผู้ชายพูดแล้วต้องแอ่นอกรับด้วย เพราะที่ผ่านมา เห็นชัดว่า นายจตุพรไม่เคยทิ้งพฤติกรรมเดิมๆตั้งแต่ปี 53 ที่ก่อเหตุเผาบ้านเผาเมือง ลั่นวาจาบนเวทีว่าจะรับผิดชอบจากการก่อการร้าย แต่สุดท้ายกลับชิงหาย ปล่อยคนเสื้อแดงบาดเจ็บ ล้มตาย ตัวเองเสวยสุข และตนอยากถามว่า นายจตุพรกับพวก ได้ไปชดใช้ค่าเสียหายจากการสั่งเผาตึกย่านราชปรารภตามคำสั่งของศาลเเพ่งหรือยัง

เบิกตัว “เพนกวิน” ขึ้นศาลคดี ม.112 ปราศรัยม็อบเฟส “ทนาย-แม่” ยังห่วงอดอาหารประท้วงจนอาการหนัก

วันที่ 19 เมษายน พ.ศ.2564 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดตรวจหลักฐานคดีหมายเลขดำ อ.286/2564 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ฟ้องนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำกลุ่มราษฎร เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ตาม ป.อาญา ม.112 กรณีจำเลยร่วมชุมนุมปราศรัยกลุ่มม็อบเฟส เมื่อวันที่ 14 - 15 พ.ย. 2563 ที่แยกคอกวัว และอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนินกลาง โดยศาลเบิกตัวนายพริษฐ์ จำเลย ซึ่งอดอาหารประท้วง ไม่ได้รับการประกันตัวคดีชุมนุม 19-20 ก.ย. 2563 และถูกแจ้งข้อหาตาม ม.112 จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาศาล

นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยก่อนการพิจารณาคดีว่า คดีนี้คนละคดีกับที่มีการถอนทนายความ (คดีชุมนุม 19 - 20 ก.ย. 2563 ที่จำเลยยื่นถอนทนายความ) คดีนี้ตนเป็นทนายจำเลยเพียงคนเดียว กังวลว่าราชทัณฑ์จะไม่ให้พบปะกับเพนกวิน มีหลายเรื่องที่ต้องคุยกับเพนกวิน เรื่องสู้คดี จะคิดแบบเดียวกับคดีนั้นหรือไม่ จะถอนทนายความหรือไม่ ส่วนไม่ได้เจอกับเพนกวินนานแค่ไหนนั้น ตนมีทนายไปเยี่ยมเพนกวินอยู่บ้าง แต่ติดวันหยุดยาว เพนกวินเจ็บป่วยอยู่ที่สถานพยาบาลราชทัณฑ์ ที่ทราบมาปัจจุบันอาการไม่ค่อยดีเท่าไหร่ มีคนมากมายติดต่อมาให้ตนคุยกับเพนกวินเลิกการอดอาหาร 

นายกฤษฎางค์ กล่าวด้วยว่า เราเคยขอต่อศาลให้นำเพนกวินไปจองจำไว้ที่โรงพยาบาลก็ไม่ให้ เราขอให้เอาหมอมาตรวจที่ห้องพิจารณาคดี ศาลก็ไม่ให้ กังวลนาทีต่อนาที ตนรับผิดชอบคดีก็พยายามคุยกับผู้เกี่ยวข้องให้เพนกวินออกไปรักษาตัว เขาไม่สบายใจ เชื่อเรื่องการประทุษร้ายในเรือนจำ ตอนนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร มีผู้ใหญ่เสนอผ่านตนให้คุยกับเพนกวินตนก็จะบอกให้ แต่ทั้งหมดก็อยู่ที่ใจเขา การอดอาหารเขายืนยันว่าเขาไม่ได้ทำร้ายใคร เขาทำร้ายตัวเอง สิ่งที่กระบวนการยุติธรรมทำเป็นการทำร้ายคนอื่นด้วย เขาคิดถึงเพื่อนที่ไม่ได้รับการปล่อยชั่วคราวทั้งในปัจจุบันและอนาคต

ด้าน นางสุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ มารดาของเพนกวิน เปิดเผยว่า วันนี้ถ้าได้พูดคุยกับเพนกวิน ไม่ถูกกีดกัน ก็จะถามไถ่ว่าอะไรเกิดขึ้นบ้าง เราอยากฟังจากปากลูกเราเอง อยากรู้จริง ๆ สุขภาพเป็นอย่างไรบ้าง เป็นห่วงมาก 30 กว่าวันแล้ว ที่ได้ยินมาเขามีอาการวูบ เป็นลม น้ำตาลตกหลายครั้งแล้วในช่วงไม่กี่วัน สายน้ำเกลือมีเลือด เป็นห่วงว่าจะมีภาวะอะไรไหม จะคุยกันหลายเรื่อง พยายามจะทำทุกวิถีทางให้ดีที่สุด หลังจากวันนี้เพนกวินไม่น่าจะมีคิวขึ้นศาล อีกครั้งประมาณปลาย พ.ค. ช้าเกินไป อยากขอความเป็นส่วนตัวในการพูดคุย

ปชป.เข้มคุมโควิด - จนท.สลับ WFH เปิดทำการปกติ

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์และการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโควิด19 ในส่วนของพรรค ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ได้กำชับให้บุคลากรของพรรคปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยเคร่งครัด ขณะนี้ได้มีการให้เจ้าหน้าที่พรรคได้สลับกันทำงานที่บ้าน “Work From Home”เพื่อร่วมป้องกันและควบคุม ส่วนที่สำนักงานใหญ่ของพรรคฯ ก็จะมีการคัดกรองก่อนเข้าอาคาร ล้างมือ ใส่หน้ากาก เว้นระยะห่าง ประชาชนผู้มาติดต่อก็มีการคัดกรองและต้องสวมหน้ากากตลอดเวลา 

ขณะเดียวกัน นายราเมศ กล่าวต่อว่า ทุกคนทุกองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนต้องร่วมมือร่วมใจกัน บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้อง และรัฐบาลได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วในการแพร่ระบาดรอบแรกสามารถแก้ปัญหาได้อย่างดีเยี่ยม ทุกคนจึงต้องมีวินัย ใส่ใจส่วนรวม ร่วมมือกัน เชื่อว่าเราทุกคนจะผ่านสถานการณ์นี้ไปได้ด้วยดี พรรคและสมาชิกพรรคทุกคนขอเป็นกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ทุกท่านที่ทุ่มเททำงานกันด้วยความเหน็ดเหนื่อย ขอบพระคุณที่เสียสละเพื่อประชาชนและประเทศ

กรุงเทพฯ - "รมว.สุชาติ" นำทีมเช็คความพร้อมสถานที่ตรวจโควิด-19 เชิงรุกผู้ประกันตน ที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนฯ (ไทย – ญี่ปุ่น) ดินแดง กทม.

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และคณะ ลงพื้นที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย - ญี่ปุ่น) เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร เพื่อตรวจสอบความพร้อม ของสถานที่สำหรับเปิดใช้เป็นช่องทางหน่วยบริการตรวจโควิด-19 เชิงรุกแก่ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 ,39 และ 40 ที่อยู่ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร เพื่อลดความแออัดและอำนวยความสะดวก ในวันเสาร์ที่ 17 เมษายนนี้

เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2564 ที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย - ญี่ปุ่น) เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการตรวจความพร้อม ของสถานที่เพื่อสำหรับเปิดใช้เป็นช่องทางหน่วยบริการตรวจโควิด-19 ในวันเสาร์ที่ 17 เมษายนนี้ เพื่อลดความแออัดและอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 ที่อยู่ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร สามารถเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19

โดยมี นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม และคณะผู้บริหารสำนักงานประกันสังคม นายแพทย์ไพโรจน์ สุรัตนวนิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ ทันตแพทย์อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ สปสช. นายสมบูรณ์ หอมนาน ผู้อำนวยการสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร และผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย โดยนายสุชาติ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยผู้ประกันตนจากกรณีการแพร่ระบาด ของโควิด -19 จึงกำชับกระทรวงแรงงาน บูรณาการร่วมกับกระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) และ สปสช.เป็นการเพิ่มช่องทางหรือทางเลือกหนึ่งเพื่อบริการผู้ประกันตนให้ได้รับการตรวจอย่างรวดเร็ว ลดความแออัดหรือรอคิวนาน ในวันนี้ผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และคณะหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องจึงได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจความพร้อมของสถานที่ที่จะเปิดใช้เป็นช่องทางหน่วยบริการตรวจโควิด-19 เพื่อลดความแออัดและอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 ที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร สามารถเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 โดยจะเริ่มต้นในวันพรุ่งนี้ (17 เม.ย.64)

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งกระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้มีความห่วงใยต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด -19 เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับในทุกด้านหากสถานการณ์การแพร่ระบาดรุนแรงมากขึ้น ซึ่งผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้หารือกำหนดแนวทางที่จะร่วมกับกระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) โดยจะเปิดให้ผู้ประกันตนที่จะเข้ารับการตรวจสามารถลงทะเบียนจองคิวตรวจผ่านระบบแอพพลิเคชั่นออนไลน์ สำหรับผู้ประกันตนที่จะได้เข้าตรวจคือผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่คัดกรอง ทั้งนี้ หากผู้ประกันตนรายใดตรวจพบเชื้อโควิด-19 จะต้องส่งตัวเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเครือข่าย ในสังกัดสำนักงานประกันสังคม โดยจะได้รับการรักษาฟรี ซึ่งมีอยู่จำนวน 81 แห่ง ที่มีความพร้อม มีเตียงรองรับกว่า 1,000 เตียง มี HQ 200 กว่าเตียง

สำหรับขั้นตอนการลงทะเบียนออนไลน์เพื่อจองคิวตรวจของกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33, 39, และ 40 สามารถเข้าเว็บไซต์ https://www.google.com แล้วพิมพ์คำว่า แรงงานเราสู้ด้วยกัน แล้วคลิกที่เว็บไซต์ https://sso.icntracking.com/icntracking/self_register.php จากนั้นผู้ประกันตน กรอกเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก หรือเลขพาสปอร์ต กรอกข้อมูลประเมินความเสี่ยงตามที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ซึ่งเป็นบุคคลที่มีกลุ่มเสี่ยงหรือมีอาการป่วย ซึ่งเริ่มเปิดให้ลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์มาตั้งแต่เมื่อวานนี้ (15 เม.ย.64) เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป โดยแต่ละวันสามารถตรวจได้วันละ 3,000 คน แบ่งเป็นช่วงเช้า 1,500 คน ช่วงบ่าย 1,500 คน ทั้งนี้ ผู้ประกันตนจะต้องพกบัตรประชาชน พร้อมสำเนา 1 ชุด เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการตรวจด้วย หากผู้ประกันตนรายใดลงทะเบียนแล้วไม่มาตรวจตามนัดจะต้องลงทะเบียนใหม่ และเมื่อเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด -19 เรียบร้อยแล้วสามารถกลับบ้านได้ทันที เนื่องจาก ผลการตรวจจะส่งทาง SMS ให้ผู้ประกันตนทราบตามหมายเลขโทรศัพท์ที่แจ้งไว้

“ทั้งนี้ ผู้ประกันตนที่เข้าข่ายเป็นกลุ่มเสี่ยงตามที่กระทรวงสาธารณสุข และ สปสช.กำหนด สามารถลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ https://sso.icntracking.com/icntracking/self_register.php เพื่อจองคิวตรวจโควิด-19 ซึ่งช่องทางดังกล่าวกระทรวงแรงงาน ได้ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) และ สปสช.เพื่ออำนวยความสะดวก ลดความแออัดและเพิ่มช่องทางให้กับผู้ประกันตน ได้เข้าถึงการตรวจโควิด -19 ซึ่งหากพบเชื้อสามารถเข้ารับการรักษาตามขั้นตอนที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดได้อย่างทันท่วงที” รมว.สุชาติ กล่าวในตอนท้าย

"ศรีสุวรรณ" ร้อง กกต.สอบเลือกตั้งเทศบาลนครเชียงใหม่ หลับพบการซื้อสิทธิ์ - ขายเสียงอย่างโจ๋งครึ่ม

วันที่ 19 เมษายน พ.ศ.2564 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางมายื่นคำร้องต่อ กกต. เพื่อขอให้สอบสวนการทุจริตหรือการณซื้อสิทธิ์ขายเสียงในการแข่งขันเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาลนครเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม ที่ผ่านมา

โดยนายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ในเขตเลือกตั้งเทศบาลนครเชียงใหม่นั้น มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียงกันอย่างมโหฬารและโจ๋งครึ่ม เพราะมีการซื้อสิทธิ์ขายเสียงกันบริเวณหน้าหน่วยเลือกตั้ง ทั้ง ๆ ที่มีเจ้าหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำท้องถิ่นดูแลอยู่ แต่ก็ไม่ได้ดำเนินการหรือบริหารจัดการอย่างไร 

นายศรีสุวรรณ กล่าวต่อว่า นอกจากนั้นยังมีผู้นำชุมชน หรือประธานชุมชนทำหน้าที่ซื้อสิทธิ์ของลูกบ้านของตัวเองอย่างชัดเจน โดยมีหลักฐาน คือ มีการบันทึกเสียงขณะเจรจาจ่ายเงินให้กับผู้ที่มีสิทธิ์เลือกตั้งทุกคนหัวละ 1,000 บาท แต่เมื่อถึงเวลาเลือกตั้งไปแล้ว เช่น ใกล้จะปิดหีบเลือกตั้ง แต่ผู้ที่อยู่ในรายชื่อที่มีสิทธิ์เลือกตั้งไม่ไปลงคะแนน ประธานชุมชนก็จะโทรศัพท์เรียกให้ไปลงคะแนนพร้อมเสนอจ่ายค่าเลือกตั้งอีก 2,000 บาท ซึ่งในโซเชียลมีเดียมีการพูดถึงเรื่องนี้อย่างกว้างขวาง แต่ปรากฏว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำท้องถิ่นในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่กลับไม่ได้ดำเนินการใดๆ ตนคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ก่อให้เกิดการเลือกตั้งที่เป็นไปโดยไม่สุจริตและเที่ยงธรรม ขัดต่อกฎหมายของ กกต. และพระราชบัญญัติว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่นปี 62 อย่างชัดเจน 

นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า ตนจึงนำความมาร้องต่อ กกต. ให้ดำเนินการสอบสวน โดยคลิปเสียงต่างๆที่นำมานั้นเป็นประจักษ์พยานที่สำคัญที่จะนำไปสู่การสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ หรืออาจจะมีการให้ใบส้มหรือใบแดงต่อผู้สมัครรับเลือกตั้งที่มีพฤติการณ์เช่นนี้ และคิดว่าเรื่องนี้อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะที่ จ.เชียงใหม่ที่เดียว หลาย ๆ พื้นที่ก็มีคนมาร้องเรียนและส่งพยานหลักฐานมาให้ ซึ่งตนจะทยอยมาแจ้งร้องเรียนต่อ กกต. ให้ได้รับทราบเพื่อนำไปสู่การจัดการกับผู้ที่มีพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง ใช้อำนาจและอิทธิพลทางการเงินไปดำเนินการให้ได้มาซึ่งตำแหน่งหน้าที่ของตนเอง ฉะนั้น ประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งต้องช่วยกันไม่ให้นักเลือกตั้งมีพฤติการณ์เช่นนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top