Wednesday, 18 June 2025
TheStatesTimes

เจ้าหน้าที่นครชิคาโกของสหรัฐฯ เปิดเผยคลิปซึ่งถ่ายจากกล้องบอดี้แคมขณะที่ตำรวจนายหนึ่งชักปืนยิงเด็กชายวัย 13 ปีเสียชีวิต ทั้งๆ ที่เหยื่อชูมือทั้งสองข้างขึ้นเหนือศีรษะ โดยเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลางดึกเมื่อราวๆ 2 สัปดาห์ก่อน

คลิปความยาว 9 นาทีจากกล้องติดตัวของ อีริค สติลล์แมน ตำรวจวัย 34 ปี เผยให้เห็นเหตุการณ์ขณะที่เขาลงจากรถและวิ่งไล่ตาม อดัม โทเลโด เด็กชายวัย 13 ปีในซอยแห่งหนึ่ง เมื่อเวลาประมาณ 2.30 น. ของวันที่ 29 มี.ค. โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ย่านลิตเติลวิลเลจทางตะวันตกของชิคาโก ซึ่งเป็นชุมชนที่มีชาวเม็กซิกันอาศัยอยู่มาก

จากคลิปดังกล่าวพบว่า สติลล์แมน ตะโกนบอกอีกฝ่ายให้ “หยุด” ก่อนจะไล่ตามทันและสั่งให้เด็กชายโชว์มือทั้งสองข้าง แต่ในขณะที่ โทเลโด กำลังยกมือขึ้น ตำรวจนายนี้ก็ลั่นกระสุนใส่ทันที 1 นัดจนเด็กชายทรุดลงไปกองกับพื้น

สติลล์แมน ได้ร้องตะโกนขึ้นว่า “มีการยิง มีการยิง ช่วยตามรถพยาบาลที” จากนั้นก็พูดว่า “อยู่กับผม อยู่กับผม ใครก็ได้ไปเอาชุดปฐมพยาบาลมาเดี๋ยวนี้เลย”

สำนักงานตำรวจชิคาโกได้ออกคำแถลงทันทีหลังเกิดเหตุการณ์ขึ้นว่า โทเลโด มีปืนอยู่ในมือ

การเผยแพร่คลิปนี้คาดว่าจะยิ่งกระพือความไม่พอใจต่อพฤติกรรมการทำงานของตำรวจ ตลอดจนกระบวนการยุติธรรมและความสัมพันธ์ระหว่างคนต่างเชื้อชาติในสหรัฐฯ ตามหลังกรณีตำรวจหญิงในรัฐมินนิโซตายิงชายผิวดำเสียชีวิตหลังเรียกให้หยุดรถเนื่องจากทำผิดกฎจราจรเมื่อไม่กี่วันก่อน

สำนักงานตรวจสอบการทำงานของตำรวจ (Civilian Office of Police Accountability) ในนครชิคาโกยังได้เผยแพร่ไฟล์ข้อมูลอีก 33 ไฟล์ ซึ่งรวมถึงคลิปวิดีโอจากกล้องบอดี้แคมของตำรวจคนอื่นๆ, ภาพจากกล้องวงจรปิดในพื้นที่ และเอกสารที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เมื่อวันที่ 29 มี.ค. โดยเอกสารฉบับหนึ่งระบุไว้ชัดเจนว่า สติลล์แมน คือตำรวจที่ลั่นกระสุนใส่ โทเลโด

ทางด้านสำนักงานตำรวจชิคาโกก็ได้โพสต์คลิปอันเดียวกันลงบนเว็บไซต์เมื่อวานนี้ (15 เม.ย.) และใส่ลูกศรชี้ไปที่วัตถุซึ่งดูคล้ายปืนพกในมือขวาของ โทเลโด ก่อนที่ สติลล์แมน จะลั่นไก

ในนาทีที่ 5.30 สติลล์แมน ได้ฉายไฟไปยังปืนพกซึ่งตกอยู่บนพื้นห่างออกไปไม่กี่ฟุตจากจุดที่เจ้าหน้าที่กำลังพยายามทำ CPR เพื่อยื้อชีวิตเด็กชาย

อาดีนา ไวส์ ออร์ทิซ ทนายของครอบครัวโทเลโด แถลงต่อสื่อมวลชนหลังมีการเปิดเผยคลิปวิดีโอว่า ผู้ตายได้ปฏิบัติตามคำสั่งของ สติลล์แมน ด้วยการทิ้งปืนและหันหน้ามา ก่อนที่ตำรวจนายนี้จะยิงเขา

“ฉันไม่ทราบว่าตำรวจมีเวลามากพอหรือไม่ แต่ที่รู้แน่ๆ ก็คือตำรวจย่อมได้รับการฝึกมาว่าห้ามยิงคนที่ไม่มีอาวุธ” ทนายกล่าว

ตำรวจชิคาโกระบุว่า เจ้าหน้าที่ชุดนี้ได้ออกปฏิบัติภารกิจตามจับ โทเลโด และชายวัย 21 ปีอีกคนหนึ่ง หลังได้รับแจ้งจากประชาชนว่ามีเสียงปืนดังขึ้น 8 นัด โดยชายอีกคนก็ถูกจับกุมแล้ว

เจ้าหน้าที่ชิคาโกและครอบครัวของโทเลโด ต่างเรียกร้องให้สาธารณชนอยู่ในความสงบ ขณะที่ทางการก็ได้เตรียมพร้อมรับมือเหตุจลาจลที่อาจเกิดขึ้น โดยจะมีการเสริมกำลังตำรวจและเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ เพื่อปกป้องภาคธุรกิจในกรณีที่เกิดเหตุรุนแรง


ที่มา: รอยเตอร์ https://mgronline.com/around/detail/9640000036041

ไอร์แลนด์เหนือ มรดกแห่งความขัดแย้งของอังกฤษ ความสงบที่ถูกสั่นคลอนจากผลสะท้อนของ Brexit

ไอร์แลนด์เหนือ 1 ใน 4 ประเทศที่เป็นองค์ประกอบของสหราชอาณาจักร เป็นประเทศเขตเดียวที่ไม่ได้ตั้งอยู่บนเกาะบริเตนใหญ่เหมือนอย่างอังกฤษ สก็อตแลนด์ และ เวลส์ แต่เป็นส่วนหนึ่งของเกาะไอร์แลนด์ ที่ถูกแยกออกมา 2 ส่วน คือ สาธารณรัฐไอร์แลนด์ ซึ่งเป็นประเทศอิสระ กับ ไอร์แลนด์เหนือที่เป็นส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักร

ไอร์แลนด์เหนือ ถูกมองว่าเป็นหนึ่งลูกที่มีปัญหาของอังกฤษมาช้านาน ราวกับว่า "ความขัดแย้ง" คือมรดกที่ตกทอดไปสู่ลูก ๆ หลาน ๆ ของชาวไอร์แลนด์เหนือ ที่ล่าสุดตอนนี้ได้ลุกฮือขึ้นมาประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปีปี และขยายตัวเป็นความรุนแรง มีการเผารถเมล์สาธารณะ ขว้างปาก้อนอิฐ ระเบิดขวดข้ามไปยังกำแพงแห่งสันติภาพ เส้นแบ่งความขัดแย้งแห่งประวัติศาสตร์ของชาวไอร์แลนด์เหนือมานานมากกว่า 50 ปี

ความขัดแย้งในไอร์แลนด์เหนือ เกิดจากปัญหาในหลายมิติ ที่ทับถมกันมานานถึง 1 ศตวรรษเต็มๆ ทั้งปัญหาความแตกต่างทางเชื้อชาติ ศาสนา การเมือง สิทธิมนุษยชน จนวันนี้ มีปัญหาใหม่เพิ่มเข้ามาถมอีก นั่นก็คือ Covid19 และ Brexit

มรดกความขัดแย้งของไอร์แลนด์เหนือมีที่มาจากอะไร วันนี้เรามาลองมาทำความเข้าใจกันสักหน่อยดีกว่า

ก่อนหน้าที่จะมีการแบ่งเกาะไอร์แลนด์เป็น 2 ส่วนอย่างทุกวันนี้ ทั้งเกาะไอร์แลนด์เคยเป็นของอังกฤษทั้งหมด จากการพิชิตของกองทัพอังกฤษในสมัยพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 ในปี 1542 และได้สถาปนาตนขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งไอร์แลนด์

ในตอนนั้นประชากรส่วนใหญ่บนเกาะไอร์แลนด์เป็นชาวไอริช ที่นับถือศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก แต่ทางตอนเหนือของเกาะจะมีชุมชนของชาวอัลสเตอร์ ที่อพยพมาจากฝั่งสก็อตแลนด์ ส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ นิกายโปแตสแตนท์

จนมาถึงช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ชาวเกาะไอร์แลนด์ที่เป็นชาวไอริชก็คิดว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องแยกตัวออกจากอังกฤษเสียที แต่ชาวอัลสเตอร์ที่อยู่อย่างหนาแน่นทางตอนเหนือของเกาะ ยังต้องการอยู่กับอังกฤษ จึงได้ลงนามตกลงแบ่งประเทศ ตอนใต้กลายเป็นสาธารณรัฐไอร์แลนด์ ปกครองโดยรัฐบาลชาวไอริช ที่ส่วนใหญ่เป็นคาทอลิก มีเมืองหลวงที่กรุงดับลิน ส่วนทางตอนเหนือแยกเป็นประเทศไอร์แลนด์เหนือ มีกรุงเบลฟาสเป็นเมืองหลวง ที่ยังขอเป็นส่วนหนึ่งของอังกฤษ ปกครองโดยรัฐบาลชาวอัลสเตอร์ ที่เป็นโปแตสแตนท์ในปี 1921

แต่ปัญหาของไอร์แลนด์เหนือกลับไม่จบง่าย ๆ เพราะยังคงมีชาวไอริชคาทอลิกหลงอยู่ทางตอนเหนือที่กลายเป็นชนกลุ่มน้อยทันที ในสังคมไอร์แลนด์เหนือที่เต็มไปด้วยชาวโปแตสแตนท์ ที่จงรักภักดีกับอังกฤษ บางส่วนจึงได้รวมตัวเป็นกลุ่มกองกำลังติดอาวุธ แล้วเรียกตนเองขบวนการกู้ชาติไอริช Irish Republican Army หรือ IRA มีเป้าหมายเพื่อรวมชาติไอร์แลนด์เหนือกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของสาธารณรัฐไอร์แลนด์อีกครั้งหนึ่ง

ซึ่งกลุ่ม IRA ได้รับการสนับสนุนทั้งด้านการเงิน และอาวุธจากชาวไอริชทางตอนใต้ และชาวไอริชที่อยู่ในต่างประเทศ เช่นในยุโรป และสหรัฐอเมริกา เพื่อก่อความไม่สงบในไอร์แลนด์เหนือ และในอังกฤษอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วางระเบิด ลอบสังหาร ปล้นธนาคาร จนถึงระดับก่อการร้าย ส่วนฝ่ายชาวอัสเตอร์โปแตสแตนท์เองก็มีกองกำลังติดอาวุธของตนเอง ออกมาสู้กับขบวนการ IRA เช่นเดียวกัน

ความขัดแย้งระหว่าง ชาวไอริชคาทอลิก และชาวอัลสเตอร์ โปแตสแตนท์ ในไอร์แลนด์เหนือ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยาวนานนับจากนั้น ช่วงเวลาที่ขัดแย้งรุนแรงที่สุด รู้จักในชื่อยุค "The Troubles" ที่กินเวลายาวนานถึง 30 ปี ตั้งแต่ 1960-1990 จนรัฐบาลอังกฤษต้องเข้ามาแทรกแซง และได้สร้างกำแพงกั้นระหว่างชุมชนฝั่งคาทอลิก และฝั่งโปสแตสแตนท์ในปี 1969 ที่ชาวไอร์แลนด์เหนือเรียกว่า Peace Wall - กำแพงสันติภาพ

แต่หน้าที่ของกำแพงไม่ได้ส่งเสริมสันติภาพตามชื่อของมันแม้แต่น้อย แต่กลับสร้างความแบ่งแยกระหว่างเชื้อชาติ และ ศาสนาในดินแดนไอร์แลนด์เหนือให้กว้างยิ่งขึ้นไปอีก

ผลจาก Peace Wall ทำให้เกิดการแบ่งแยกโซนออกมาอย่างชัดเจน เด็กชาวไอร์แลนด์เหนือมากกว่า 90% เข้าเข้าเรียนโรงเรียนที่สร้างขึ้นเฉพาะของกลุ่มเชื้อชาติ ศาสนาของตน โดยแทบไม่มีโอกาสได้รู้จักชุมชนอีกด้านหนึ่งของกำแพง

นอกจากนี้ กลุ่มชาวไอริชคาทอลิกที่เป็นชนกลุ่มน้อยมักถูกเลือกปฏิบัติ และมีโอกาสในหน้าที่การงานน้อยกว่าชาวโปแตสแตนท์ ที่มีเสียงในรัฐบาลไอร์แลนด์เหนือที่มากกว่า

ความขัดแย้งยังคงฝังรากลึกรุนแรงต่อเนื่อง เมื่อชาวไอริชในไอร์แลนด์เหนือได้รวมกลุ่มเพื่อเรียกร้องสิทธิ์ที่เท่าเทียมของตน จนเกิดจลาจลรุนแรง ทางอังกฤษได้ส่งกองกำลังเข้ามาปราบปรามในวันที่ 30 มกราคม 1972 จนมีชาวไอริชเสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนั้นถึง 26 คน เหตุการณ์นั้นได้รับการจารึกในประวัติศาสตร์ของไอร์แลนด์เหนือว่าเป็น "Bloody Sunday หรืออาทิตย์นองเลือด 1972"

ความเจ็บแค้นในครั้งนั้นก่อให้เกิดการตอบโต้อย่างรุนแรงจากกลุ่มกองกำลังกู้ชาติไอริช หรือ IRA ซึ่งหนึ่งในการโต้ตอบที่สะเทือนขวัญชาวอังกฤษอย่างมาก คือการลอบสังหาร ท่านเอิร์ล เมาท์แบทเทิ่น ด้วยการวางระเบิดเรือตกปลาส่วนตัวของครอบครัว ขณะที่มีบุตรสาวคนโต และครอบครัวลูกหลานของเอิร์ลเมาท์แบทเทิ่นกำลังไปพักผ่อนตกปลาร่วมกันถึง 7 คน เหตุลอบสังหารครั้งนั้น ทำให้เอิร์ลเมาท์แบทเทิ่น พร้อมสมาชิกในครอบครัวเสียชีวิตรวม 4 คน

ซึ่งเอิร์ล เมาท์แบทเทิ่นถือเป็นนายพลแห่งราชนาวีอังกฤษที่มีชื่อเสียงมาก และมีศักดิ์เป็นถึงพระปิตุลาของเจ้าชายฟิลิปแห่งเอดิบเบอระ พระสามีในสมเด็จพระราชินี อลิซเบธที่ 2

แต่หลังจากที่ตึงเครียดวุ่นวายมานาน ในที่สุดทั้งไอร์แลนด์เหนือ ไอร์แลนด์ อังกฤษ ก็สามารถบรรลุข้อตกลงสันติภาพร่วมกันในวันที่ 10 เมษายน 1998 ข้อตกลงฉบับนั้นมีชื่อว่า Good Friday Agreement เห็นชอบที่จะยุติความรุนแรงทุกฝ่าย ให้ชาวไอริชคาทอลิกมีสิทธิ์ มีเสียงในระบบการเมืองสภาไอร์แลนด์เหนือมากขึ้น นักประวัติศาสตร์อังกฤษต่างยกให้การบรรลุข้อตกลง Good Friday เป็นการสิ้นสุดยุค The Troubles ในไอร์แลนด์เหนือ

แม้ว่าความวุ่นวายจะยุติ แต่ความขัดแย้งในสังคมชาวไอร์แลนด์เหนือ ไม่เคยจางหายไป

ชาวโปแตสแตนท์ และชาวคาทอลิกในไอร์แลนด์เหนือ ยังคงอยู่ภายในกำแพงจำกัดเขตในชุมชนของตนไปอย่างเงียบ ๆ จนกระทั่งเกิดเรื่องที่กลับมาตอกลิ่มความแตกแยกให้ประทุมาอีกครั้ง นั่นคือการลงประชามติ Brexit ในปี 2016

แม้ว่าภาพรวมของการลงคะแนนทั่วทั้งสหราชอาณาจักรจะเห็นชอบให้ออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป แต่หากมองคะแนนในแต่ละภูมิภาคจะพบว่าในเสียงไอร์แลนด์เหนือส่วนใหญ่ยังอยากอยู่กับ EU แถมชนะขาดเกือบ 11%

แต่เมื่อต้องร่วมหัวจมท้ายไปกับอังกฤษก็ต้องเป็นตามนั้น แต่ปัญหาอยู่ที่พรมแดนไอร์แลนด์เหนือ และสาธารณรัฐไอร์แลนด์

จากเดิมที่ไม่มีปัญหาเพราะอังกฤษและไอร์แลนด์เป็นสมาชิก EU ทั้งคู่ สามารถเดินทางไปมาข้ามพรมแดนได้อย่างอิสระ แต่พออังกฤษแยกตัวออกจาก EU ตามเงื่อนไขของประเทศนอกสมาชิก จำเป็นต้องมีการตั้งด่านตรวจคนเข้าเมืองและ กำแพงภาษีสินค้า

แต่ทั้งนี้อังกฤษขอต่อรองในเรื่องนี้ ยื้อกันนานกว่า 3 ปีจนสรุปออกมาได้ว่า EU จะยอมผ่อนผันเรื่องกำแพงระหว่างไอร์แลนด์เหนือ และประเทศไอร์แลนด์ได้ เพราะเห็นแก่ข้อตกลงสันติภาพ Good Friday 1998 แต่เขตแดนทางทะเลจำเป็นต้องมี

แม้จะไม่ได้เป็นกำแพงทางกายภาพ แต่เส้นแบ่งทางทะเลนี้จะรวมเขตไอร์แลนด์เหนือ เป็นเขตเดียวกับสาธารณรัฐไอร์แลนด์ จึงทำให้ฝ่ายนิยมสหราชอาณาจักร หรือกลุ่มอัลสเตอร์โปแตสแตนท์ไม่พอใจมาก ที่ดูเหมือนอังกฤษ และชาว EU ผลักไสพวกเขาไปอยู่ฝั่งเดียวกับสาธารณรัฐไอร์แลนด์ และมีการประท้วง เขียนกำแพงต่อต้านเส้นแบ่งทะเลไอร์แลนด์อยู่ทั่ว ๆ ตามแนวชายฝั่ง และท่าเรือที่มีแรงงานชาวไอริชคาทอลิกอยู่

ยิ่งมาเกิดการแพร่ระบาด Covid-19 มีการประกาศมาตรการล็อคดาวน์ และงดการชุมนุมในที่สาธารณะ ที่ชาวอัลสเตอร์โปแตสแตนท์ถูกห้ามไม่ให้ชุมนุม

แต่พอมีข่าวการเสียชีวิตของนายบ๊อบบี้ สโตร์ลีย์ อดีตหัวหน้าหน่วยของขบวนการ IRA รัฐบาลไอร์แลนด์เหนือกลับให้จัดพิธีศพใหญ่โตได้ ที่มีผู้ไปร่วมงานอย่างเนืองแน่นกว่า 2,000 คน รวมถึง มิชเชล โอ'นีลล์ รองนายกรัฐมนตรีของไอร์แลนด์เหนือ กลับไปร่วมงานได้โดยไม่ผิดกฏมาตรการควบคุมโรคระบาดของรัฐ

เหตุและผลสะสมกันมานานหลายเรื่องก็ระเบิดออกมากลายเป็นการชุมนุมประท้วงครั้งใหญ่ โดยฝ่ายชาวโปแตสแตทน์นิยมอังกฤษ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่รู้สึกคับข้องใจว่าพวกเขารู้สึกเหมือนถูกละเมิดสิทธิ์ และกำลังจะถูกผลักไปอยู่รวมกับอีกฝ่ายที่อยู่คนละด้านของกำแพง

และหากเป็นเช่นนั้นจริงในอนาคต พวกเขาก็จะกลับกลายเป็นคนกลุ่มน้อยในเกาะไอร์แลนด์ทั้งหมดที่เป็นชาวคาทอลิกหรือไม่

การประท้วงเริ่มต้นตั้งแต่ 29 มีนาคม 2021 ที่ผ่านมาในเขตเดอร์รี ลอนดอนเดอร์รี และลามไปถึงเบลฟาสท์ กินเวลานานหลายวัน มีการขว้างปาก้อนอิฐ ระเบิดขวดข้ามกำแพง Peace Wall เข้าไปในฝั่งของชาวไอริช เผารถเมล์ โจมตีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่บาดเจ็บไปแล้วถึง 74 คนในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา นับเป็นการประท้วงที่ดุเดือดที่สุดในไอร์แลนด์เหนือในรอบสิบปี ที่หลายฝ่ายเกรงว่าจะกระทบกับข้อตกลง Good Friday ที่เคยสร้างความหวังว่าไอร์แลนด์เหนือจะสงบสุขได้จริง ๆ เสียที

จากการประท้วงครั้งล่าสุดนี้ ทำให้ผู้นำทั้ง 3 ดินแดน บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ อาร์ลีน ฟอสเตอร์ นายกรัฐมนตรีแห่งไอร์แลนด์เหนือ และ ไมเคิล มาร์ติน นายกรัฐมนตรีไอร์แลนด์ ออกมาเรียกร้องให้ทุกฝ่ายอยู่ในความสงบ และพยายามหาทางออกด้วยสันติวิธี ตามหลักข้อตกลง Good Friday

ส่วนทั้งชาวโปแตสแตนท์ และชาวคาทอลิกในไอร์แลนด์เหนือต่างออกมาแสดงความคิดเห็นอย่างมากมาย หลายความเห็นมองว่า คนรุ่นใหม่เหล่านี้เกิดไม่ทันความอลหม่านของบ้านเมืองในยุค The Troubles พวกเขามองกำแพง Peace Wall ด้วยความไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องเกิดมาเพื่อเจอสิ่งเหล่านี้

ไอร์แลนด์เหนือจะมีโอกาสได้พบกับยุคทองแห่งความสงบสุขบ้างหรือไม่ หรือความแตกแยกจะอยู่คู่กับไอร์แลนด์เหนือราวกับมรดกต้องคำสาปเช่นนี้ตลอดไป


ข้อมูลอ้างอิง :

https://edition.cnn.com/2021/04/09/uk/northern-ireland-violence-explainer-gbr-intl/index.html

https://abcnews.go.com/International/wireStory/explainer-latest-unrest-ireland-76990771?cid=clicksource_4380645_10_heads_posts_card_hed

https://www.bbc.com/news/uk-northern-ireland-56664378

https://en.m.wikipedia.org/wiki/The_Troubles

ไทยสั่งระงับวีซ่า 'เดวิด สเตร็คฟัสส์' นักวิชาการสหรัฐฯ อดีต ผอ.โครงการ CIEE ขอนแก่น, ผู้ดูแล 'The Isaan Record' ที่ฝังตัวทำงานในไทยกว่า 35 ปี เป็นหนึ่งในกลุ่มนักวิชาการต่างชาติที่เคลื่อนไหวต่อต้าน ม.112 และวิพากษ์วิจารณ์สถาบันฯ ของไทยมาโดยตลอด

จากเฟซบุ๊ก ของประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวอาวุโส ของ หนังสือพิมพ์ ข่าวสดอิงลิช (ที่ปิดตัวไปแล้ว) ได้โพสต์แจ้งข่าวดังนี้

"ด่วน! นักวิชาการ ม.ขอนแก่น เดวิด สเตร็คฟาส David Streckfuss บอกผมว่าถูกระงับใบอนุญาตทำงาน (work permit) กับมหาวิทยาลัยขอนแก่น หลังอยู่เมืองไทยมา 35 ปี (แต่งงานกับคนไทยและมีลูกสอง) หลังจัดงานรวมพลศิลปินและนักเขียนอีสาน เดวิด เคยเขียนหนังสือวิชาการเกี่ยวกับ ม.112 พิมพ์โดยสำนักพิมพ์ Routledge ชื่อ "การนำความจริงขึ้นพิจารณาคดีในประเทศไทย: การหมิ่นประมาท ล้มล้างการปกครอง และกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ" และเกี่ยวข้องกับสื่ออีสานเรคคอร์ด แกบอกตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 4 คนไปพบผู้บริหารมหาลัย บอกคำสั่งมาจากหน่วยเหนือ"

"อ.David Streckfuss เป็นหนึ่งในชาวต่างชาติไม่กี่คน ที่กล้าพูดความจริงที่หลายคนไทยไม่กล้าพูด หรือไม่กล้ายอมรับ ถ้าแกไม่มีที่ยืนในสังคมไทย ก็แปลว่าสังคมไทยคงไม่มีที่ยืนให้กับคนเห็นต่างในบางเรื่อง"

"อ.เดวิดอยู่ไทยมา 35 ปี แต่งงานกับคนไทยมีลูกสอง เป็นศิษย์ อ.สุลักษณ์ Sulak Sivaraksa เป็นพลังสำคัญให้กับสื่อภูมิภาค อีสานเรคคอร์ด ที่เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการต่อสู้และอัตลักษณ์ชาวอีสาน และเขาเขียนตำราวิชาการที่สำคัญเกี่ยวกับ ม.112 - คนที่ทำประโยชน์ให้กับสังคมไทยเช่นนี้ควรได้รับรางวัลจากสังคมไทย แต่เขากำลังจะไม่มีที่ยืนเพราะรัฐไทยผ่านตำรวจตรวจคนเข้าเมืองบีบให้มหาวิทยาลัยขอนแก่นยกเลิกใบอนุญาตจ้างงาน #ป #เดวิด"

สำหรับ "เดวิด สเตร็คฟัสส์" (David Streckfuss) ทำงานกับ สำนักข่าว The Isaan Record ตั้งแต่ปี 2556 และเป็นนักการศึกษาระหว่างประเทศมาเกือบสามทศวรรษ ขณะเดียวกันก็เป็นนักวิชาการอิสระ เขียนบทความให้กับ The New York Times, Wall Street Journal, Asian Nikkei Review และ Al Jazeera เป็นครั้งคราว

โดยล่าสุด เดวิด สเตร็คฟัสส์ ได้ไปร่วมงานเสวนาของ สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย FCCT เกี่ยวกับประเด็นการแก้ไข มาตรา 112 ร่วมกับ เยาวลักษณ์ อนุพันธ์ ทนายสิทธิมนุษยชน และ ส.ส.รังสิมันต์ โรม โดยมีคู่ดีเบต เป็น นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม, ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ และ ศาสตรา โตอ่อน

การสั่งระงับวีซ่าทำงานในครั้งนี้ ส่งผลให้ นาย เดวิด สเตร็คฟัสส์ ต้องออกนอกประเทศไทย


ที่มา: https://www.facebook.com/336295587309275/posts/801053557500140/

https://www.facebook.com/pravit.rojanaphruk.5/posts/3065470637014100

กรมการค้าภายในส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจเข้มต่อเนื่อง ย้ำห้ามผู้ประกอบการฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาสินค้าช่วงโควิดระบาด ชี้โทษหนักคุก 7 ปี ไม่ติดป้ายราคาปรับไม่เกิน 1 หมื่น

นายอาวุธ วงศ์สวัสดิ์ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบและติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าอย่างใกล้ชิด หลังจากเกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่เดือนเมษายน โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ และสินค้าที่ใช้ป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด ทั้ง หน้ากากอนามัย หน้ากากทางเลือก เจลแอลกอฮอล์ และสินค้าเวชภัณฑ์ต่าง ๆ ให้มีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน และป้องกันไม่ให้ผู้ประกอบการฉวยโอกาส

ขณะเดียวกันยังได้แจ้งให้ร้านค้าต่าง ๆ ต้องติดป้ายแสดงราคาสินค้าให้ชัดเจน ห้ามฉวยโอกาสปรับขึ้นราคา หากตรวจพบว่าใครฝ่าฝืน จะถูกดำเนินการตามกฎหมาย คือ กรณีไม่ติดป้ายแสดงราคาจะมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท และกรณีที่มีการฉวยโอกาสจำหน่ายสินค้าแพงเกินสมควร กักตุนสินค้าหรือปฏิเสธการจำหน่ายต้องโทษจำคุก 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นอกจากนี้ ยังประสานไปยังร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น ต้องปฏิบัติตามกฎเหล็กอย่างเคร่งครัด ห้ามขายบุหรี่ สุรา เบียร์ให้แก่ผู้ถือบัตร ห้ามยึดบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ห้ามรับ แลกเป็นเงินสด ห้ามเอาเปรียบฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาและขายเกินราคาที่กำหนด และห้ามบังคับการซื้อ/ขายสินค้า ถ้าหากมีการตรวจพบการกระทำผิด จะถูกเพิกถอนสิทธิ์การเข้าร่วมโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและแจ้งกรมบัญชีกลางในฐานะหน่วยงานเจ้าของโครงการเพื่อเรียกคืนเครื่องอีดีซี หรือยกเลิกการใช้แอพพลิเคชั่น และถูกดำเนินคดีตามกฎหมายด้วย

‘บิ๊กตู่’ ลั่นไม่มีเคอร์ฟิว - ล็อกดาวน์ หวั่นกระทบประชาชนในวงกว้าง พร้อมยอมรับรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้ง เมื่อตัดสินใจใช้มาตรการต่าง ๆ ออกไป ปลุกคนไทยสู้โควิด ย้ำอีกครั้ง ‘พวกเราต้องชนะไปด้วยกัน’

เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 16 เมษายน 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ชุดใหญ่ ครั้งที่ 5/2564 ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) ว่า ตนรู้สึกเจ็บปวด และต้องรับผิดชอบจากการแพร่ระบาดของโควิด ตนไม่ต้องการให้ใครตายสักคน ไม่อยากให้ครอบครัวต้องเสียใจ เพราะตนเป็นคนรักครอบครัว

ทั้งนี้จากการระบาดมาจนถึงระยะที่ 3 ทางรัฐบาลได้นำแนวทางทั้งหมดมาประมวล วิเคราะห์ โดยรับฟังความเห็นจากบุคลากรทางการแพทย์ จากทางสาธารณสุข กรมควบคุมโรค จนนำมาถึงการประชุม ศบค.ใหญ่ ในวันนี้

"การตัดสินใจอะไรต่าง ๆ ผมเจ็บปวด ห่วงใยผู้มีรายได้น้อย อะไรหลายอย่างไม่สามารถตัดสินใจไปทางใดทางหนึ่งได้ ตนเป็นคนรับผิดชอบ ต้องทำให้ดีที่สุด พร้อมปลุกคนไทยว่า พวกเราต้องชนะให้ได้ ยืนยันว่าไม่มีการเคอร์ฟิว ไม่มีการล็อกดาวน์ แต่อาจจะปรับเวลาเปิด-ปิดร้านบางส่วน เมื่อเราหย่อนวินัย สนุกสนาน วันนี้เราเห็นแล้วการ์ดตกเป็นอย่างไร มีการชุมนุมต่อต้าน นั่นคืออันตรายทั้งสิ้น ไม่ได้ว่าผิดกฎหมาย แต่อันตรายไปถึงครอบครัวท่าน” นายกฯ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำว่า จากที่เสนอมาเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก มีคำ 3-4 ประโยค ที่อยากจะฝากไว้ นั่นก็คือ "ประเทศไทยต้องชนะ เมื่อถึงยามคับขันประชาชนต้องการผู้กล้าหาญ เมื่อถึงคราวปรึกษางาน ต้องการผู้ที่ไม่พูดพล่าม ยามมีข้าวน้ำ ต้องการผู้เป็นที่รัก ยามเกิดปัญหา ต้องการบัณฑิต”

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการจัดหาวัคซีนนั้น ขณะนี้กำลังติดต่อซื้อวัคซีนเพิ่มเติมหลายยี่ห้อ เช่น สปุตนิก วี ของรัสเซีย และไฟเซอร์ ไบโอเอ็นเทคของสหรัฐฯ เป็นต้น

ก่อนที่จะย้ำชัดเจน ก่อนจบการแถลงข่าวว่า "ไม่เคอร์ฟิว - ไม่ล็อกดาวน์"

ทั้งนี้ ในส่วนของผลการประชุม ศบค.นั้น ได้ยกระดับมาตรการการควบคุมโรค โดยมีสาระสำคัญ ห้ามจัดกิจกรรมที่มีการรวมตัวกันเกิน 50 คน รวมถึงการปิดสถานบริการหรือสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่โรคทั่วราชอาณาจักร ซึ่งเป็นสถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ สถานประกอบกิจการอาบน้ า สถานประกอบกิจการ อาบอบนวด หรือสถานที่อื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน โดยให้สั่งปิดสถานที่ดังกล่าวไว้เป็นการชั่วคราวอย่างน้อยสิบสี่วัน

พร้อมทั้งกำหนดจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุด หรือ พื้นที่สีแดง 18 จังหวัด ส่วนอีก 59 จังหวัดเป็นพื้นที่ควบคุม หรือสีส้ม

โดยพื้นที่สีแดงนั้น ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร จังหวัดขอนแก่น จังหวัดชลบุรี จังหวัด เชียงใหม่ จังหวัดตาก จังหวัดนครปฐม จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดนนทบุรี จังหวัดปทุมธานี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดภูเก็ต จังหวัดระยอง จังหวัดสงขลา จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดสระแก้ว จังหวัดสุพรรณบุรี และจังหวัดอุดรธานี

ซึ่ง 18 จังหวัด ถือเป็นพื้นที่สีแดง อยู่ในความควบคุมสูงสุด จะมีมาตรการต่าง ๆ ประกอบด้วย

- การจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม ให้การบริโภคอาหารและเครื่องดื่มในร้าน ได้ไม่เกิน เวลา 21.00 น. แต่ขายได้จนถึง 23.00 น.ในลักษณะของ การนำไปบริโภคที่อื่น

- การจำหน่ายสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ สำหรับร้านอาหารหรือสถานที่จำหน่ายสุรา ห้ามการบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้าน

- ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ หรือสถานประกอบการอื่นที่มีลักษณะ คล้ายกัน ให้เปิดดำเนินการได้ตามเวลาปกติของสถานที่นั้นๆ จนถึงเวลา 21.00 น.โดยให้จำกัดจำนวน ผู้ใช้บริการและงดเว้นการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ยกเว้นส่วนที่เป็นตู้เกม เครื่องเล่น ร้านเกมและสวนสนุก ที่งดการให้บริการ

- ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต ตลาดนัดกลางคืน ตลาดโต้รุ่ง ถนนคนเดิน ให้เปิดดำเนินการได้ตามเวลาปกติของสถานที่นั้นๆ แต่ไม่เกินเวลา 23.00 น. สำหรับร้าน หรือสถานที่ ซึ่งตามปกติเปิดให้บริการตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ให้เริ่มเปิดดำเนินการได้ในเวลา 04.00 น.

- สนามกีฬาหรือสถานที่เพื่อการออกกำลังกาย ยิม ฟิตเนส สามารถเปิดให้บริการได้ไม่เกิน เวลา 21.00 น. และสามารถจัดการจัดการแข่งขันกีฬาได้โดยจำกัดจำนวนผู้ชม ในสนาม

สำหรับ พื้นที่ควบคุม หรือพื้นที่สีส้ม 59 จังหวัด กำหนดให้

- การจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม ให้การบริการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มและ การบริโภคในร้านได้ ไม่เกินเวลา 23.00 น.

- การจำหน่ายสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ สำหรับร้านอาหารหรือสถานที่จำหน่ายสุรา ห้ามการบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้าน

- ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ หรือสถานประกอบการอื่นที่มีลักษณะ คล้ายกัน ให้เปิดดำเนินการได้ตามเวลาปกติของสถานที่นั้น ๆ จนถึงเวลา 21.00 น. โดยให้จำกัดจำนวน ผู้ใช้บริการและงดเว้นการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ยกเว้นส่วนที่เป็นตู้เกม เครื่องเล่น ร้านเกมและสวนสนุก ที่งดการให้บริการ

นอกจากนี้ รัฐบาลขอความร่วมมือให้ประชาชนงดหรือ ชะลอการเดินทางในช่วงเวลานี้โดยไม่มีเหตุจำเป็น โดยเฉพาะการหลีกเลี่ยงการเดินทางเข้าไปในเขต พื้นที่ควบคุมสูงสุดซึ่งมีการแพร่ระบาดของโรคที่อาจท าให้เสี่ยงหรือมีโอกาสติดโรค ส่วนการจัดกิจกรรมงานเลี้ยงสังสรรค์ ขอความร่วมมือให้ประชาชนเลื่อนหรือ งดการจัดกิจกรรมสังสรรค์ งานเลี้ยงหรืองานรื่นเริงในช่วงเวลานี้ก่อน

เสียง (เพรียก) แห่งสายน้ำปัตตานี... ตอนที่ 4

‘อัยเยอร์เวงและฆุนังซีลีปัต’ น่าจะเป็นชื่อคุ้นหูใครหลายคน คำที่โด่งดังจากทะเลหมอกและสกายวอร์คซึ่งเป็นจุดชมวิวเลื่องชื่อระดับประเทศ คนแห่กันไปถ่ายรูปและเช็คอินกันล้นหลาม ส่วนหนึ่งเพราะโดยตัวสถานที่เองที่มีความโดดเด่นและเป็นจุดขายในตัวมันเอง อีกส่วนหนึ่งคงเพราะมีการแชร์ข้อมูลต่อ ๆ กันไปผ่านโลกโซเชี่ยล โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เป็นอินฟลูเอ็นเซอร์และเน็ตไอดอลทั้งหลายนั่นเอง 

แต่ละแวกนี้ไม่ได้มีเฉพาะจุดชมวิวทะเลหมอกเท่านั้น ยังมีทรัพยากรธรรมชาติอื่น ๆ อย่างเช่นสายน้ำปัตตานี รวมถึงขนบประเพณีของคนเชื้อสายมลายูให้ได้ซึมซับชื่นชมยามไปเยือนพื้นที่นี้ อย่างที่บังบิ๊บกับผมกำลังทำกันอยู่คือกิจกรรมพายเรือล่องแก่งก็เป็นสีสันอีกอย่างหนึ่ง บังบิ๊บเองนอกจากเป็นนักเดินทางท่องโลกแล้ว เขายังจัดกิจกรรมทัวร์ผจญภัยให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนพื้นที่สามจังหวัดอีกด้วย กิจกรรมพายเรือคายักได้ดำเนินการอยู่แล้วในพื้นที่ ให้ทั้งความสนุกและมีความปลอดภัยสูง แถมยังสามารถทำได้แม้ในช่วงหน้าร้อนซึ่งแตกต่างจากการล่องแก่งในภาคเหนือซึ่งมักจะจัดกันเฉพาะฤดูน้ำหลากเท่านั้น แต่ล่องแก่งของที่นี่ยังไม่เป็นที่รู้จักกันในวงกว้าง สาเหตุอาจเพราะขาดการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องและด้วยวิธีการจัดการภายในท้องถิ่นเองก็เป็นได้

สำหรับผม การได้หนีหมอกควันที่เชียงใหม่มาพื้นที่สามจังหวัดแบบนี้ถือว่าเป็นรางวัลโดยตัวมันเองอยู่แล้ว อากาศบริสุทธิ์กว่าโดยประการทั้งปวง มองไปทางไหนก็ยังคงเขียวขจี (แม้จะเป็นสวนยางเสียเยอะก็ตาม) ที่ผิดคาดกว่าก็คือช่วงค่ำและกลางคืนอากาศเย็นกว่าที่คิดด้วยสิ ยิ่งได้มาพายเรือแล้วเจอแก่งน้ำเชี่ยวให้ได้ตื่นเต้นยิ่งเกินคุ้ม หากถามว่าปลอดภัยไหม สุ่มเสี่ยงในเรื่องการก่อการร้ายหรือไม่ ต้องบอกว่าตลอดช่วงเวลาที่อยู่ในพื้นที่นี้ไม่ได้รู้สึกไม่ปลอดภัยแต่อย่างใด ตรงกันข้าม ชาวบ้านที่ผ่านไปพบต้อนรับขับสู้ด้วยน้ำใจไมตรี ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิงจากสิ่งที่ประโคมเขียนกันตามสื่อต่าง ๆ แน่นอน ยังคงมีความขัดแย้งและผลประโยชน์ที่ไม่ลงตัวระหว่างหน่วยงานรัฐกับคนในพื้นที่ แต่นักท่องเที่ยวก็ยังไปเที่ยวได้ตามปกติ ชาวบ้านที่นั่นเขาก็ยังคงดำเนินชีวิตกันเป็นปกติ ต่างทำมาหากิน จับจ่ายใช้สอย ท่องเที่ยวพักผ่อนไม่ต่างจากที่ไหนในประเทศไทยเช่นกัน


จากจุดพักแรมคืนที่ผ่านมา ยังคงต้องล่องแก่งกันต่ออีกหลายกิโลเมตร สนุกสนานตื่นเต้นกันไป พ้นจากช่วงนั้นน้ำจึงเริ่มนิ่งมากขึ้น สาเหตุเพราะข้างหน้ามีเขื่อนบางลางขวางลำน้ำ เขื่อนนี้สร้างมาได้หลายสิบปีแล้ว หน้าที่หลักคือผลิตกระแสไฟฟ้าและปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์เหนือเขื่อนรองรับการท่องเที่ยวบ้าง พวกเราต้องพายจ้ำกันมากขึ้น ยิ่งพายภูมิทัศน์ยิ่งเปลี่ยน พื้นน้ำกว้างออก กลายเป็นทะเลสาบ

ในขณะที่มองเห็นภูเขาล้อมรอบในระยะห่างออกไป ความท้าทายประจำวันนี้ คือลมปะทะแรง ยิ่งบ่ายคล้อยลมยิ่งทวีความรุนแรง เหมือนต้องพายเรือทวนน้ำยังไงยังงั้น เรียกว่าหยุดพายก็เท่ากับโดนลมตีให้ถอยหลัง เป็นความทรมานบันเทิงชนิดหนึ่งของคนประเภทไม่ชอบอยู่บ้านทำงานออฟฟิศ แต่ชอบหาเรื่องทำกิจกรรมโลดโผนโจนทะยานข้างนอกเช่นนี้แล แน่นอน การอยู่กับที่กับทางสบายกายกว่าอยู่แล้ว ไม่เถียง แต่กับคนบางจำพวก สบายกายไม่ได้สอดคล้องกับสบายใจ และลำบากกายอาจจะนำพาสู่ความสบายใจและความสุขของชีวิตมากกว่า

พายกันจนย่ำค่ำจนถึงท่าเรือตาพระเยา เพื่อนบางส่วนมารับไปพักบ้านพวกเขา ต้อนรับขับสู้ด้วยสำรับกับข้าว นอกจากพิซซ่าโฮมเมดแล้ว เมนูเชื่อมสัมพันธ์พิเศษของคนที่นี่คือซุปเป็ด เป็นสัญลักษณ์ของมิตรภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่มิตรผู้ชายทั้งหลาย เวลาจะสังสรรค์กันใครมีอะไรก็นำมาเพื่อต้มซุปด้วยกัน เครื่องปรุงหลัก ๆ ก็มีข่า กระเทียม หัวหอม มะนาว ตะไคร้ มะเขือเทศ ลักษณะคล้ายต้มยำน้ำใส รสชาติจัดจ้านคละเคล้าบทสนทนาออกรส ทำให้มื้ออาหารอร่อยมากขึ้นอีกหลายเท่า

อิ่มหมีพีมันและเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากการเดินทางมาทั้งวันแล้ว ก็อาบน้ำท่าแล้วเข้านอน เพื่อเรียกเรี่ยวแรงกลับคืนมาสำหรับออกลุยล่องแม้น้ำปัตตานีกันต่อในวันรุ่งขึ้น

ทำความรู้จัก “กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน : Infrastructure Fund” เพื่อวางกลยุทธ์การลงทุนในช่วงวิกฤต

แม้ในช่วงวิกฤติจะส่งผลให้การลงทุนเกิดความผันผวนอย่างมาก ทั้งต่อระดับความเสี่ยงจากการลงทุน และผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับก็ตาม แต่หากนักลงทุนวางกลยุทธ์การลงทุนโดยเลือกสินทรัพย์ที่เหมาะสม ก็จะช่วยพลิกวิกฤติเป็นโอกาส และสามารถสร้างผลตอบแทนได้ในระดับที่น่าพึงพอใจ

ตลอด 2 ปีที่ผ่านมาในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยลดต่ำทั่วโลก การลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund :IFF) เป็นทางเลือกการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนแก่นักลงทุนในระดับที่สูงกว่าตราสารหนี้ และมีความผันผวนในระดับที่ต่ำกว่าตลาดหุ้น เนื่องจากจุดเด่นของอุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐานที่มีอุปสงค์ยืดหยุ่นต่ำ ไม่ผันแปรตามสภาวะเศรษฐกิจ เพราะเป็นสินค้าและบริการที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของประชาชน อีกทั้งเป็นธุรกิจที่มี Barrier of Entry สูง (เป็นเจ้าตลาด หรือ ธุรกิจผูกขาด) จึงทำให้มีคู่แข่งขันเข้ามายาก ตลอดจนความสามารถในการขึ้นราคาเมื่อต้นทุนเพิ่มขึ้นหรือในภาวะเงินเฟ้อได้อีกด้วย

กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ภาครัฐและเอกชนใช้ในการระดมทุนจากผู้ลงทุนทั่วไปทั้งรายย่อยและสถาบัน เพื่อนำเงินไปลงทุนในกิจการโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะในวงกว้างของประเทศ 10 ประเภท ประกอบด้วย ระบบขนส่งทางราง, ประปา, ไฟฟ้า, ถนน, สนามบิน, ท่าเรือน้ำลึก, โทรคมนาคม, พลังงานทางเลือก, ระบบบริหารจัดการน้ำหรือชลประทาน และระบบป้องกันภัยธรรมชาติ โดยนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนในรูปของเงินปันผล และกำไรจากส่วนต่างราคา นอกจากนี้ผู้ลงทุนที่เป็นบุคคลธรรมดายังได้รับยกเว้นภาษีจากรายได้เงินปันผลดังกล่าวเป็นระยะเวลา 10 ปี ทั้งนี้ในประเทศไทยมีกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่

1.) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย หรือ TFFIF

2.) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี หรือ SUPEREIF

3.) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ ชุดที่ 1 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยหรือ EGATIF

4.) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท หรือ BTSGIF

5.) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล หรือ DIF

6.) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน หรือ JASIF

7.) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ หรือ ABPIF และ

8.) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้ากลุ่มน้ำตาลบุรีรัมย์ หรือ BRRGIF

นักลงทุนที่สนใจลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน สามารถทำได้ 2 ช่องทาง คือ

1.) การซื้อหุ้น IPO ที่ทำการเสนอขายครั้งแรก ผ่านบริษัทหลักทรัพย์ที่บริหารจัดการจัดการกองทุนนั้น รวมทั้งธนาคารพาณิชย์ หรือโบรกเกอร์ที่เป็นผู้จัดจำหน่าย และ

2.) ภายหลังจากหมดช่วง IPO แล้ว กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานก็จะถูกนำเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และซื้อขายเช่นเดียวกับหุ้นทั่วไปบนกระดานหุ้น ดังนั้นผู้ลงทุนจึงต้องเปิดบัญชีและทำการซื้อขายหุ้นโครงสร้างพื้นฐานผ่านโบรกเกอร์ได้


ข้อมูลอ้างอิง

https://www.set.or.th/th/products/listing2/set_iff_p1.html

https://www.finnomena.com/finnomena-ic/scbgif/

“ชาวจีนจะไม่ยอมให้คนต่างชาติบางกลุ่ม มากินข้าวของคนจีนแล้วทุบชามข้าวของเรา”

"Chinese people will not allow some foreigners to eat China's rice while smashing its bowls"

“ชาวจีนจะไม่ยอมให้คนต่างชาติบางกลุ่ม มากินข้าวของคนจีนแล้วทุบชามข้าวของเรา”

คำกล่าวนี้ หัว ชุนหยิง โฆษกกระทรวงต่างประเทศ และอธิบดีกรมสารสนเทศของจีน กล่าวในการแถลงข่าวโต้ตอบสหรัฐอเมริกาและประเทศตะวันตก ที่กล่าวหาจีนว่า ใช้แรงงานอุยกูร์เยี่ยงทาสในเขตซินเจียง ในไร่ฝ้ายและโรงงานผลิตผ้าผ้าย เมื่อช่วงปลายเดือน มีนาคม 2564

จีนแถลงว่าการกล่าวหาของอเมริกาและประเทศตะวันตก เป็นการโกหกให้ร้ายอย่างไร้ความอาย ส่วนการต่อต้านสินค้าจีนนั้น ถูกพลเมืองจีนตอบโต้โดยการงดซื้อสินค้าระดับแบรนด์ของตะวันตก โดยมีดาราจีนและผู้เป็นพรีเซนเตอร์ที่มีชื่อเสียงของประเทศจีนช่วยผลักดัน โดยการยกเลิกสัญญากับแบรนด์ ส่วนผู้บริโภค และผู้ค้าขายออนไลน์ ทำการยกเลิกแอพพลิเคชั่นช้อปปิ้งออนไลน์ ของแบรนด์ต่าง ๆ

แม้ฟังดูจะเหมือนเป็นกิจกรรมบอยคอตต์เชิงสัญลักษณ์ ที่อาจไม่มีผลกระทบมากนัก แต่โดยความจริง จีนมีพลเมือง 1,400 ล้านคน และยอดขายสินค้าแบรนด์ต่าง ๆ ในตลาดจีนนั้น ล้วนมีมูลค่าแต่ละปี หลายร้อยหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ เช่นตลาดของ H&M ในประเทศจีนใหญ่เป็นอันดับที่ 4 รองจาก UK (1), US (2) และเยอรมันนี โดยทำยอดขายจากร้าน H&M ทั่วประเทศจีนกว่า 500 ร้านได้ถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2019 หากมียอดขายตกไป 10% ย่อมหมายถึง 140 ล้านดอลลาร์

นอกเหนือจาก H&M แล้ว แบรนด์อื่น ๆ ที่เจอกระแสต่อต้านได้แก่ Nike, Adidas และ Burberry โดยมีสาเหตุหลักมาจากการแถลงนโยบายที่จะไม่ใช้สินค้าฝ้ายของจีน หรือแสดงการเห็นด้วยกับคำกล่าวหาของสหรัฐอเมริกา

คำพูดในเชิงโวหาร ของหัว ชุนหยิง นั้น เป็นคำพูดที่ต่อยอดมาจากคำอธิบาย ที่เธอพูดไว้ว่า “ตลาดของประเทศจีนอยู่ตรงนี้ เราต้อนรับบริษัทต่างชาติด้วยความใจกว้าง แต่เราต่อต้านการโจมตีประเทศจีนด้วยความเกลียดชังและใช้วิธีสกปรก ใช้เรื่องโกหกและข่าวลือ อันทำให้เกิดความเสียหายต่อผลประโยชน์ของประเทศจีน”

คำพูดชุดนี้ ช่วยให้ความหมายของ “ทุบชามข้าวของเรา” ชัดเจนขึ้น

สำหรับคนจีน คำว่า “ชามข้าว” ไม่ได้มีความหมายตรง ๆ แต่หมายถึง ช่องทางในการทำมาหากิน เช่นเดียวกับที่คนไทยพูดว่า “ทุบหม้อข้าวของตนเอง” จากความหมายดั้งเดิม ที่ชามข้าวหมายถึง “อาชีพ” ความหมายได้ถูกปรับไปตามบริบท คำว่า “ชามข้าว” หรือ rice bowl นั้น จึงรวมถึง ธุรกิจ การค้า การลงทุน และแหล่งรายได้ทุกประเภท และคำว่า “ชามข้าวเหล็ก” นั้นยิ่งเป็นการย้ำในความหมายของ “แหล่งรายได้ที่มั่นคงถาวร”

บรรดาแบรนด์ต่าง ๆ ที่เข้ามาเปิดร้านและดำเนินธุรกิจในประเทศจีน กอบโกยรายได้มหาศาลจากพลเมืองจีน เปรียบเสมือน เข้ามา “กินข้าวของคนจีน” แต่การไม่ยอมซื้อผ้าฝ้ายของจีน เพราะอ้างว่าเป็นสินค้าจากการใช้แรงงานทาสตามข่าวลือ คือการ “ทุบชามข้าวจีน” นั่นเอง

ชาวจีน มีโวหารมากมายที่เกี่ยวกับ “ข้าว” ที่น่ารู้ เช่น

- ข้าวทุกเม็ดได้มาจากเหงื่อที่หยดมาจากคิ้ว

- ข้าวหุงสุกไปแล้ว ยังไงก็แก้ไขไม่ได้ (อย่าเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว)

- พูดมากแค่ไหนก็ไม่อาจทำให้ข้าวสุกได้ (อย่าดีแต่พูด)

- ภรรยาจะทำอาหารเก่งเพียงใด ก็ทำอะไรไม่ได้ถ้าไม่มีข้าว (ถ้าเครื่องมือไม่ครบย่อมทำอะไรไม่สำเร็จ)

- เอาข้าวไปล่อจับไก่ ได้ไก่มาแต่ไม่มีข้าวกิน

- ไม่มีจิตใจที่จะดื่มชาหรือกินข้าว (อยู่ในอารมณ์โศกเศร้าอย่างที่สุด)

- จะให้ข้าวสาร 3 ถัง ข้าก็ไม่มีวันก้มหัวให้ (ไม่ยอมแลกเกียรติกับสิ่งของใด)

- ข้าราชการตงฉิน คือคนที่กินข้าวกับเกลือเท่านั้น

- มีเวลาปีเดียว จงปลูกข้าว มีเวลาสิบปีให้ปลูกป่า ถ้ามีเวลาตลอดชีวิตจงให้ความรู้แก่ผู้คน

- ครูคือผู้ทำนาด้วยปากเพื่อให้ได้ข้าวมาใส่ชาม

- คนรอเกี่ยวข้าว ย่อมดีกว่า ข้าวรอให้คนมาเกี่ยว

คำว่า “ทุบหม้อข้าว” ที่คนไทยใช้นั้น จะให้ภาพที่ชัดกว่าสำหรับคนไทย เพราะหม้อเป็นภาชนะที่ใช้หุงต้ม อันเปรียบเทียบให้เห็นว่า หม้อเป็นช่องทางทำมาหากินที่ชัดกว่า อย่างไรก็ตามคนจีน ก็ใช้ทั้ง “ชามข้าว” และ “หม้อข้าว” ตามความคุ้นเคยของแต่ละคน ส่วนคำว่า “ชามข้าวเหล็ก” ซึ่งหมายถึงอาชีพที่มั่นคงถาวรนั้น ยังใช้เรียก ตำแหน่งงานราชการ เพราะมีความมั่นคงระยะยาว ตกไม่แตก ในเกาหลี ข้าราชการจะมีชื่อเปรียบเทียบว่า “ชามข้าวเหล็ก” เพราะมีรายได้ที่แน่นอน มั่นคง

ฟ้าผ่า ภัย(ไม่)เงียบ ที่มาพร้อมกับพายุ ฝนฟ้าคะนอง

ช่วงนี้เชื่อแน่ว่าหลายพื้นที่คงได้รับผลกระทบจากการเกิดพายุฤดูร้อน ฝนฟ้าคะนอง ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบด้านลบ คือบ้านเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างเกิดความเสียหาย หรือด้านบวก คือทำให้พืชผลทางการเกษตรได้รับน้ำฝน ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของพืช แต่มีอีกอย่างหนึ่งซึ่งเป็นภัยที่มากับพายุ และไม่สามารถบอกได้ว่าจะเกิดขึ้นเวลาและสถานที่ไหน นั้นคือปรากฏการณ์ฟ้าผ่า และหนึ่งในนั้นเป็นเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่หลายท่านคงได้ยินข่าว นั่นคือฟ้าผ่าลงกลางสนามฟุตบอลในขณะที่นักฟุตบอลกำลังเล่นฟุตบอลกันอย่างสนุกสนาน ส่งผลให้ผู้ที่กำลังเล่นฟุตบอลเสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บด้วยกันหลายคน

ในวันนี้จะมาเล่าถึงการเกิดฟ้าผ่า สาเหตุของการเกิด และแนวทางในการป้องกันฟ้าผ่ากันครับ ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจก่อน ตามหลักการทางฟิสิกส์แล้ว สสารทุกชนิดจะมีประจุไฟฟ้าสะสมอยู่ โดยประจุไฟฟ้ามี 2 ชนิดคือประจุบวและประจุลบ คุณสมบัติของประจุไฟฟ้า ก็คือเมื่อเป็นประจุชนิดเดียวกันจะเกิดแรงผลักกัน แต่ถ้าเป็นประจุต่างชนิดกันจะเกิดแรงดูดกัน ทั้งนี้เมื่อประจุไฟฟ้าเคลื่อนที่ก็จะทำให้เกิดกระแสไฟฟ้า หรือที่เราเรียกว่าไฟฟ้ากระแสที่มีการใช้งานทั่วไปนั่นเอง

โดยทั่วไปถ้าไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ เกิดขึ้น สสารทุกชนิดจะมีความเป็นกลางทางประจุไฟฟ้า คือมีประจุบวกเท่ากับประจุลบ แต่เมื่อไรก็ตามที่มีการทำปฏิกิริยาเกิดขึ้น เช่นการขัดหรือถูกันระหว่างสสาร ก็จะทำให้เกิดการถ่ายเทประจุจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง ทำให้สสารนั้นขาดความเป็นกลางทางประจุไฟฟ้า เช่นปรากฏการณ์ที่เราเห็นได้ง่ายคือการเอาไม้บรรทัดถูกับผ้าที่แห้ง ทำให้ประจุที่สะสมอยู่ในไม้บรรทัดสูญเสียความเป็นกลางทางไฟฟ้า ประจุบวกกับลบแยกกันอยู่คนละด้านของไม้บรรทัด เมื่อเรานำมาวางไว้ใกล้กระดาษ จะส่งผลให้ประจุที่ไม่เป็นกลางที่อยู่ในไม้บรรทัด พยามที่จะดึงเอาประจุตรงข้ามที่อยู่ที่กระดาษ ทำให้เกิดแรงดึงดูดระหว่างกระดาษกับไม้บรรทัด นั่นคือกระดาษเคลื่อนเข้าหาไม้บรรทัดนั่นเอง เรียกปรากฏการณ์ลักษณะนี้ว่า การเหนี่ยวนำให้เกิดประจุไฟฟ้า 

ทีนี้เมื่อมาเปรียบเทียบกับการเกิดฟ้าผ่า ตามหลักโดยทั่วไปแล้ว ก้อนเมฆซึ่งเป็นไอน้ำก็เป็นสสารชนิดหนึ่งเช่นกัน นั่นแสดงว่าต้องมีประจุไฟฟ้าสะสมอยู่ ยิ่งก้อนเมฆมีขนาดใหญ่มากเท่าไร นั่นแสดงว่ามีประจุไฟฟ้าสะสมอยู่เป็นจำนวนมากตามไปด้วย และเมื่อก้อนเมฆมีการเคลื่อนที่ ทั้งนี้สาเหตุเกิดจากลม ซึ่งโดยทั่วไปลมจะเกิดจากการเคลื่อนที่ของอนุภาคอากาศ และเมื่อก้อนเมฆที่มีขนาดใหญ่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงเกิดการเสียดสีกันระหว่างหยดน้ำ และน้ำแข็งที่อยู่ในก้อนเมฆ ทำให้เกิดการถ่ายเทประจุ ส่งผลให้ประจุไฟฟ้าที่อยู่ในก้อนเมฆ แยกตัวออกเป็นสองส่วน โดยประจุบวกจะสะสมอยู่ด้านบนหรือด้านยอดของเมฆ และประจุลบสะสมอยู่ด้านล่างหรือฐานของเมฆ เมื่อเกิดการสะสมประจุเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดการถ่ายระหว่างประจุที่แตกต่างกัน ซึ่งก็คือเกิดการถ่ายเทกระแสไฟฟ้าที่มีจำนวนมหาศาล ถ้าเกิดระหว่างก้อนเมฆก็จะเป็นปรากฏการฟ้าผ่าระหว่างก้อนเมฆ ที่เรามักได้ยินเสียงแต่นั่นเอง


โดยชนิดของเมฆที่ทำให้เกิดฟ้าผ่า คือเมฆที่เกิดฝน หรือเรียกว่าเมฆคิวมูโลนิมบัส (cumulonimbus) ซึ่งจะมีฐานของเมฆที่สูงกว่าพื้นดินประมาณ 2 กิโลเมตรขึ้นไป และเมฆบางก้อนมีขนาดใหญ่จนยอดของเมฆสูงกว่าพื้นดินเกือบ 20 กิโลเมตร เลยทีเดียว ในขณะเดียวกันเนื่องจากพื้นดินที่เราอาศัยอยู่ก็มีประจุไฟฟ้าสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก โดยทั่วไปจะมีความเป็นกลางทางประจุไฟฟ้า  แต่เมื่อถูกเหนี่ยวนำด้วยประจุต่างชนิดจากประจุของก้อนเมฆ ที่เคลื่อนที่เข้าใกล้พื้นดินมาก ก็อาจจะส่งผลให้ประจุบริเวณพื้นดินที่อยู่ใต้เงาก้อนเมฆ หรือบริเวณใกล้เคียงอาจเป็นประจุบวกหรือลบก็ได้ และเมื่อประจุไฟฟ้าที่อยู่บนก้อนเมฆเคลื่อนที่ลงมาหาประจุตรงข้ามที่อยู่บนพื้นดิน ทำให้เกิดการเคลื่อนที่ของกระแสไฟฟ้าเป็นจำนวนมากลงมายังพื้นดินด้วย พอเจอกับสิ่งมีชีวิต เช่น คน สัตว์ หรือต้นไม้ ก็จะทำให้เกิดการไหลของกระแสไฟฟ้าเป็นจำนวนมากในสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ ดังนั้นลักษณะของสิ่งมีชีวิตที่โดนฟ้าผ่าจึงมีลักษณะคล้ายกับสิ่งมีชีวิตที่ถูกกระแสไฟฟ้าแรงสูงช็อต นั่นเอง

ทั้งนี้ลักษณะการผ่าของฟ้าเกิดได้หลายแบบ ได้แก่ฝ้าผ่าระหว่างก้อนเมฆเดียวกัน เกิดจากการถ่ายเทประจุในก้อนเมฆเดียวกัน โดยอาจเกิดจากฐานเมฆไปยังยอดเมฆ หรือยอดเมฆมายังฐานก็ได้ ฟ้าผ่าระหว่างก้อนเมฆหนึ่งไปยังอีกก้อนหนึ่ง เกิดจากการถ่ายเทประจุระหว่างก้อนเมฆแต่ละก้อน ทั้งนี้ฟ้าผ่าทั้งสองชนิดนี้จะไม่มีผลต่อมนุษย์เรา จะได้ยินแค่เสียงฟ้าร้องและฟ้าแลบเท่านั้น

ส่วนฟ้าผ่าที่มีผลต่อเราได้แก่ ฟ้าผ่าที่เกิดจากประจุลบบริเวณฐานเมฆที่ถ่ายเทประจุ มายังพื้นดินซึ่งเป็นประจุบวกที่เป็นเงาของเมฆทับอยู่ โดยทั่วไปจะเกิดเฉพาะบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองเท่านั้น 

และฟ้าผ่าจากประจุบวกที่อยู่บนยอดเมฆถ่ายเทประจุลงมายังพื้นดินที่เป็นลบ ในกรณีนี้ไม่จำเป็นต้องผ่าลงบริเวณเกิดฝน อาจผ่าลงบริเวณใกล้เคียงก็ได้ ซึ่งลักษณะของฟ้าผ่าแบบนี้จะมีระยะผ่าที่ไกลกว่าบริเวณที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนองได้ ทั้งนี้ในเวลาที่ฟ้าผ่าเราจะเห็นแสงและได้ยินเสียงร้องคำรามของฟ้าที่มีความดังสูงนั้น เกิดจากการที่ประจุไฟฟ้า เคลื่อนที่ผ่านอากาศด้วยความเร็วสูง ทำให้เกิดการเสียดสีกับอากาศอย่างรุนแรง อากาศเกิดความร้อนขยายตัวอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นคลื่นกระแทก (shock wave) จึงเกิดทั้งแสงและเสียงที่ดังกึกก้องกัมปนาท คล้ายกับการเสียงของเครื่องบินรบที่บินด้วยความเร็วสูงนั่นเอง

ทั้งนี้เรามักจะมองเห็นแสงฟ้าแลบก่อนที่จะมีเสียงฟ้าร้อง เนื่องจากแสงมีความเร็วมากกว่าเสียงมาก ทำให้แสงวิ่งมาถึงตัวเราที่รับรู้ได้โดยสายตา ก่อนที่จะได้ยินเสียงที่รับรู้ได้ด้วยหูนั่นเอง การเกิดฟ้าผ่านั้นนอกจากเรารับรู้ได้ว่ามักจะเกิดบริเวณที่มีพายุฝนฟ้าคะนอง หรือบริเวณใกล้เคียงเท่านั้น นอกเหนือจากนี้เราไม่สามารถที่จะคาดเดาได้ว่าจะเกิดเวลาใด หรือบริเวณไหนของฝนฟ้าคะนองดังกล่าว

วิธีการป้องกันได้ดีที่สุดคือเวลาฝนตก ไม่ควรจะอยู่ในบริเวณที่โล่งแจ้งหรือต้นไม้ใหญ่ ควรอยู่ในบริเวณอาคารบ้านเรือน ในขณะเดียวกันก็ไม่ควรสวมใส่โลหะที่เป็นตัวนำไฟฟ้า ถึงแม้จะยังไม่มีบทพิสูจน์อย่างชัดเจนได้ว่า การสวมใส่โลหะในขณะเกิดฝนตกจะเป็นตัวล่อให้เกิดการเหนี่ยวนำไฟฟ้าจากก้อนเมฆมายังโลหะตัวนำนั้น แต่ก็มีการค้นพบว่าเมื่อเกิดฟ้าผ่า บริเวณที่มีตัวนำไฟฟ้าจะได้รับผลกระทบมากที่สุด และในอาคารที่สูงควรจะมีการติดตั้งวัสดุที่เรียกว่าสายล่อฟ้า ซึ่งจะมีหน้าที่ในการเหนี่ยวนำให้ประจุจากก้อนเมฆวิ่งลงมายังสายล่อฟ้า แล้ววิ่งลงไปยังพื้นดินข้างล่างที่ต่อกับสายล่อฟ้าไว้ ซึ่งประจุไฟฟ้าที่เกิดขึ้นจะไม่เป็นอันตราย และที่สำคัญที่สุด เวลามีพายุ ฝนฟ้าคะนอง ควรงดทำกิจกรรมที่อยู่ในที่โล่งแจ้งทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมอะไรก็ตาม แค่นี้เราทุกคนก็จะปลอดภัยจากปรากฏการณ์ฟ้าผ่าได้ครับ

เมื่อสัตว์ทุกตัว ทุกชนิด ไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นสัตว์เลี้ยงเสมอไป การฝืนธรรมชาติ ไม่อาจฝืนสัญชาตญาณดุร้าย นำไปสู่ภัยร้าย ใกล้ตัวกว่าที่คิด

ในปัจจุบัน การมีสัตว์เลี้ยงแทบจะเป็นแฟชั่นประจำตัวของผู้คนในยุคนี้ ไม่ว่าจะมองไปทางไหน แต่ละคนก็มักจะมีสัตว์เลี้ยงข้างกาย ที่พบเห็นมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้น สุนัข แมว ฟังดูก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ แต่สิ่งที่กำลังเป็นปัญหาขณะนี้ คือสัตว์บางชนิดไม่เหมาะกับการเป็นสัตว์เลี้ยง หรือกล่าวคือ ไม่เหมาะกับการอยู่ในสังคมและสภาพแวดล้อมของมนุษย์

ในยุคนี้พบว่า นอกจาก สุนัข แมว ปลา หนู ผู้คนยังนิยมเลี้ยงสัตว์แปลก ๆ มากมาย อาทิ แมงมุม กิ้งก่า ชูก้าไรเดอร์ แพรรีด็อก หรือแม้กระทั่ง สัตว์ที่ไม่น่าจะนำมาเป็นสัตว์เลี้ยงได้ แต่กลับได้รับความนิยมอย่างมาก นั่นคือ งู ที่หลายคนต่างเสาะแสวงหาสายพันธุ์ที่ไม่มีพิษ และลวดลายความสวยงาม มาเลี้ยงประดับไว้ โดยไม่คำนึงถึงธรรมชาติของพวกมัน

ถึงแม้จะเชื่องแค่ไหน แต่สัญชาตญาณสัตว์ป่าไม่สามารถเดาใจได้ ยกตัวอย่างกรณีที่เกิดในสหรัฐอเมริกา ซีเอ็นเอ็น รายงานข่าวว่า มีผู้พบ น.ส.ลอร่า เฮิร์สท์ อายุ 36 ปี นอนนิ่งโดยมี งูเหลือม ขนาดยาวเกือบ 2.5 เมตรพันรอบๆ คอ ขณะที่บ้านซึ่งพบศพน.ส.เฮิร์สท์มีงูอาศัยอยู่อีก 140 ตัว ในจำนวนนี้ 20 ตัวเป็นงูของน.ส.เฮิร์สท์ ที่ต้องเข้ามาดูแลเป็นประจำ

หรือกรณีของ แน็ก ชาลี ที่ได้โพสต์คลิปขณะที่ถูกงูหลามที่เลี้้ยงเอาไว้กัดจนได้เลือด ถึงแม้จะพูดติดตลกว่า งูหลามของตนกัดพลาด เพราะคิดว่าเป็นน่องไก่ ล้านปีไม่เคยกัด เป็นงูที่ใจดีที่สุด กรณีนี้ทำให้เราต้องหันมาตระหนักว่า ไม่เคยกัด ไม่ใช่ว่ากัดไม่เป็น

ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า สัตว์ทุกชนิดไม่ได้เหมาะแก่การเป็นสัตว์เลี้ยง ไม่เหมาะที่จะนำมาอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่ใช่ของพวกมัน บางครั้งผู้คนนิยมแค่ตอบสนองความต้องการของตัวเอง ใช้ความแปลก ความหายาก ความนิยมของสัตว์แต่ละชนิด ดึงพวกมันออกมาจากสิ่งแวดล้อมที่ควรอยู่

สัตว์บางชนิดมีความต้องการและพฤติกรรมตามธรรมชาติที่ซับซ้อน ซึ่งมีแค่สภาพแวดล้อมเดิมเท่านั้นที่สามารถตอบสนองความต้องการของพวกมันได้อย่างสมบูรณ์ และเจ้าของสัตว์เลี้ยงส่วนใหญ่ไม่ได้คำนึงถึงความทุกข์ทรมานนี้

มีข้อมูลว่า สัตว์เลี้ยงอย่างสุนัขและแมวนั้นถูกนำมาเลี้ยงดูนับหลายพันปี ทำให้พวกมันถูกคัดเลือกสายพันธุ์ให้มีลักษณะเฉพาะที่สามารถอาศัยอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้โดยปราศจากความกลัวหรือความทุกข์ทรมาน แต่สัตว์ป่าหรือสัตว์บางชนิดไม่ได้เกิดมาเพื่ออาศัยอยู่ในบ้าน เพราะลักษณะนิสัยสัตว์ป่า ทำให้พวกมันไม่เหมาะที่จะถูกเลี้ยงไว้ในสภาพแวดล้อมภายในบ้าน

หากสังเกตข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ จะพบว่าประเด็นสัตว์เลี้ยงทำร้ายคนมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นประเด็นร้อนในโลกโซเชียลอย่าง เจ้าก็อตซิลล่า ลิงแสมอ้วนที่ได้รับการเลี้ยงดูจากครอบครัวมนุษย์ อยู่ภายในตลาดนัดเขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร ที่มีน้ำหนักมากจนเกือบถึง 20 กก. ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องนำตัวมาดูแล ซึ่งเจ้าก๊อตซิลล่าตัวนี้ยังได้กัดมือนักข่าวสาวที่ไปทำข่าว แผลลึกถึงกระดูก เจ้าหน้าที่กล่าวว่า ลิงแสมตัวนี้ได้เริ่มเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์แล้ว ตามสันชาตญาณสัตว์ป่านั้น ลิงจะเริ่มดุร้ายขึ้นและอาจจะกัดหรือทำร้ายคนรอบข้างทั่วไป ไม่เว้นแม้แต่เจ้าของที่เคยเลี้ยงดูมา ทำให้ไม่สามารถอยู่ร่วมกับคนได้

ที่ยกมาเป็นแค่กรณีตัวอย่างเท่านั้น เชื่อว่ายังมีอีกหลายเหตุการณ์ที่เจ้าของถูกสัตว์เลี้ยงของตัวเองทำร้าย ไม่ว่าจะเป็น สุนัข แมว หรือสัตว์แปลก ๆ เหล่านั้น การก้าวก่ายห่วงโซ่อาหาร พยายามเปลี่ยนแปลงวัฏจักรชีวิตของสัตว์ ดึงพวกมันออกมาและพยายามเลี้ยงในวิถีของมนุษย์ สุดท้ายสัญชาตญาณความเป็นสัตว์ป่าของพวกมันที่ถูกกดไว้ก็จะแสดงออกมาตามธรรมชาติ อย่างที่ควรเป็น เมื่อนั้นคงไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้ เพราะพวกมันไม่ได้เป็นผู้เลือกที่จะอยู่ แต่เป็นฝีมือมนุษย์ ที่พยายามฝืนธรรมชาติ เปลี่ยนความเป็นสัตว์ร้ายของพวกมันให้อยู่ในคราบสัตว์เลี้ยง


อ้างอิงข้อมูล:

https://www.worldanimalprotection.or.th/news/5-resasons-not-buy-exotic-pet

https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_3021984


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top