Tuesday, 24 June 2025
TheStatesTimes

‘รมว.วัฒนธรรม’ สั่งลบข้อมูลสรรพคุณผ้าขาวม้าใช้ผูกคอตาย ออกจากเว็บไซต์กระทรวงฯแล้ว แต่ไม่ถึงขั้นตั้ง คกก.สอบ พร้อมกำชับต้องกรองข้อมูลจากภูมิภาค

เมื่อเวลา 09.15 น. วันที่ 22 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเว็บไซต์กระทรวงวัฒนธรรมมีการเผยแพร่สรรพคุณผ้าขาวม้า ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ไว้ผูกคอตาย ว่า ขณะนี้ได้มีการประสานในส่วนข้อมูลกลาง และหน่วยงานอื่น ๆ ที่มีการอัพโหลดข้อมูลชุดเดียวกันลงไปแล้ว ซึ่งขณะนี้มีการลบและแก้ไขแล้ว

เมื่อถามว่าข้อมูลเหล่านี้ ก่อนเข้าสู่กระทรวงได้มีการตรวจสอบใช่หรือไม่ นายอิทธิพล กล่าวว่า ตรงนี้เป็นการดาวน์โหลดจากภูมิภาคเข้ามา แต่ถ้าของส่วนกลางจะมีการตรวจสอบข้อมูล อย่างไรก็ดี ขอขอบคุณประชาชนที่เมื่อพบข้อมูลใดที่ไม่เหมาะสมก็แจ้งมาให้เราแก้ไข และในส่วนนี้คงไม่ถึงขั้นตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ เพราะเป็นข้อมูลเดิมที่มีมาตั้งแต่ปี 2556

แต่ได้สั่งการศูนย์ข้อมูลทุกจังหวัดตรวจสอบข้อมูล หากพบว่าข้อมูลใดไม่เหมาะสมก็ให้ทำการลบหรือแก้ไข รวมถึงหน่วยงานที่ดาวน์โหลดข้อมูลลักษณะเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีข้อมูลที่ไม่เหมาะสมอย่างอื่น แต่กรณีนี้ถือเป็นกรณีศึกษาว่าองค์ความรู้อื่นที่มาจากภูมิภาค ส่วนกลางจะต้องเปิดอ่านทั้งหมด

‘รมว.อุตสาหกรรม’ สั่งเร่งรัดจัดทำมาตรฐานสารสกัดจากกัญชง เพื่อยกระดับเป็นสินค้า มอก. พร้อมเล็งส่งขายเชิงพาณิชย์ออกสู่ตลาดโลก สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจแก่ประเทศ ตามนโยบายเกษตรแปรรูป

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ได้สั่งการให้ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือ สมอ. เร่งรัดจัดทำมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) สินค้าเกษตรแปรรูปจากสมุนไพรไทย โดยเฉพาะกัญชง ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วน ทั้งเปลือก ,ลำต้น, เส้นใย, กิ่งก้าน และราก โดยให้ถือเป็นวาระแห่งชาติในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและช่วยเหลือเกษตรกร ในการพัฒนาสินค้าจากกัญชงให้มีคุณภาพ สามารถแข่งขันได้ในเชิงพาณิชย์ อย่างเป็นระบบ เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค และสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจแก่ประเทศ

ด้าน นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการ สมอ. กล่าวว่า สมอ. ขานรับนโยบายรัฐบาล โดยขณะนี้ได้จัดทำมาตรฐานสารสกัดจากสมุนไพรไทย ตามศักยภาพและความต้องการของภาคอุตสาหกรรมแล้ว 29 มาตรฐาน เช่น สารสกัดขมิ้นชันผง, สารสกัดฟ้าทะลายโจรผง ,สารสกัดกระชายดำผง,สารสกัดกระเจี๊ยบแดงผง ,สารสกัดบัวบกผง และอยู่ระหว่างดำเนินการอีก 18 มาตรฐาน เช่น น้ำมันหอมระเหยตะไคร้หอมไทย สารสกัดมะขามป้อม สารสกัดงาขี้ม่อน สารสกัดน้ำมันถั่วอินคา สารสกัดบุกบง และสารสกัดว่านหางจระเข้ผง เพื่อให้สินค้ามีคุณภาพ ได้มาตรฐาน และสามารถแข่งขันได้ในเชิงพาณิชย์

ส่วนมาตรฐานสารสกัดจากกัญชง สมอ. ได้จัดทำมาตรฐานในชุดของกัญชงซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด 6 มาตรฐาน เป็นมาตรฐานวัตถุดิบที่จะนำไปใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น ยา เครื่องสำอาง อาหาร เครื่องดื่ม อาหารสัตว์ สิ่งทอ กระดาษ ยานยนต์ และวัสดุก่อสร้าง โดยบอร์ด สมอ. ได้เห็นชอบแล้วเมื่อวันที่ 16 มีนาคม ที่ผ่านมา 5 มาตรฐาน ดังนี้

1.) น้ำมันเมล็ดกัญชง (มอก.3171-2564)

2.) สารสกัดจากกัญชงที่มีปริมาณ CBD รวม ไม่น้อยกว่า 30 % โดยมวล (มอก.3172-2564)

3.) สารสกัดจากกัญชงที่มีปริมาณ CBD รวม ไม่น้อยกว่า 80 % โดยมวล (มอก.3173-2564)

4.) เปลือกกัญชง (มอก.3184-2564)

5.) แกนกัญชง (มอก.3185-2564)

อยู่ระหว่างดำเนินการอีก 1 มาตรฐาน คือ เส้นใยกัญชง คาดว่าจะประกาศใช้ในเร็ว ๆ นี้ นอกจากบอร์ดจะเห็นชอบมาตรฐานสารสกัดจากกัญชงแล้ว ยังเห็นชอบมาตรฐานสารสกัดน้ำมันกฤษณา ด้วย

เลขาธิการ สมอ. ย้ำว่า การประชุมบอร์ด สมอ. เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2564 บอร์ดได้เห็นชอบมาตรฐานรวมทั้งสิ้น 64 มาตรฐาน ทั้งที่เป็นสินค้าแปรรูปจากสมุนไพร สินค้าทั่วไป และสินค้าที่ สมอ. เตรียมประกาศควบคุมอีก 9 รายการด้วย เช่น ขวดน้ำดื่มพลาสติก เก้าอี้นวดไฟฟ้า เครื่องฟอกอากาศ กล่องพลาสติกบรรจุอาหารสำหรับการอุ่น และการอุ่นครั้งเดียวในไมโครเวฟ กระทะโลหะและหม้อที่ใช้ความร้อนจากเตาโดยตรง ออกซิเจนทางการแพทย์ และไนทรัสออกไซด์ทางการแพทย์ เพื่อความปลอดภัยของประชาชน

กรมประมง เปิดเวทีจัดเสวนา “ความสำเร็จของฟาร์มทะเลและเขตอนุรักษ์สัตว์น้ำ โดยชุมชนมีส่วนร่วมของจังหวัดสงขลา” พร้อมมอบเงินอุดหนุนพัฒนาอาชีพ 15 ชุมชน ประมงท้องถิ่นและปล่อยกุ้งกุลาดำ กว่า 1 ล้านตัว ลงทะเลสาบสงขลา

หาดจันทร์สว่าง (หาดปลาไก่) ตำบลหัวเขา อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา กรมประมงจัดพิธีเปิดโครงการเสวนาสร้างเครือข่ายองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นระดับจังหวัด ในหัวข้อ “ความสำเร็จของฟาร์มทะเลและเขตอนุรักษ์สัตว์น้ำ โดยชุมชนมีส่วนร่วมของจังหวัดสงขลา” โดย ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มอบหมายให้ นายเดชอิศม์ ขาวทอง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 5 สงขลา เป็นประธาน มีนายมีศักดิ์ ภักดีคง อธิบดีกรมประมง พร้อมด้วยนายปัญญา จินดาวงศ์ นายอำเภอสิงหนคร ข้าราชการ คณะครูและนักเรียน รวมถึงพี่น้องชาวประมงจาก 15 ชุมชนในพื้นที่ จำนวนกว่า 500 คน เข้าร่วม

นายมีศักดิ์ ภักดีคง อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า พระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 มาตรา 25 ว่าด้วยเรื่องของการส่งเสริมการมีส่วนร่วมและสนับสนุนชุมชนประมงท้องถิ่นในการจัดการ การบำรุงรักษา การอนุรักษ์ การฟื้นฟู และการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนจากทรัพยากรสัตว์น้ำภายในที่จับสัตว์น้ำในเขตประมงทะเลชายฝั่ง โดยกำหนดให้กรมประมงดำเนินการให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุนในเรื่องการมีส่วนร่วม การรวมกลุ่ม การให้คำปรึกษาแก่ชุมชน การเผยแพร่ความรู้ในการดำเนินโครงการหรือกิจกรรมของชุมชน ฯลฯ ซึ่งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา กรมประมงได้ดำเนินการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นด้านชายฝั่งไปแล้วกว่า 459 ชุมชน เช่นโครงการพัฒนาอาชีพและเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนประมงพื้นบ้าน , โครงการสร้างความเข้มแข็งกลุ่มการผลิตด้านการเกษตร , โครงการพัฒนาอาชีพและส่งเสริมความเข้มแข็งของชุมชนประมง

กรมประมงจึงกำหนดจัดโครงการเสวนาสร้างเครือข่ายองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นระดับจังหวัด ช่วงระหว่างเดือนมีนาคม - สิงหาคม 2564 ในพื้นที่ 23 จังหวัดชายทะเล เพื่อสร้างเครือข่ายชุมชนประมงท้องถิ่นให้เกิดความเข้มแข็ง องค์กรชุมชนประมงท้องถิ่น ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์และบทเรียนจากการดำเนินงานพัฒนาอาชีพและเสริมสร้างความเข้มแข็งชองชุมชนประมงชายทะเล และแนวทางการขับเคลื่อนเสริมสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมขององค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นในการบริหารจัดการประมงทะเลอย่างยั่งยืน อีกทั้ง เป็นการกระชับความสัมพันธ์ความร่วมมือระหว่างชุมชนกับเจ้าหน้าที่ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทรัพยากรชุมชน

สำหรับกิจกรรมในวันนี้ ภายในงานมีการเสวนา ในหัวข้อ “ความสำเร็จของฟาร์มทะเลและเขตอนุรักษ์สัตว์น้ำ โดยชุมชนมีส่วนร่วมของจังหวัดสงขลา” พิธีมอบเงินอุดหนุนพัฒนาอาชีพ 15 ชุมชน กิจกรรมปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ ได้แก่ กุ้งกุลาดำ จำนวน 1 ล้านตัว โดยปล่อยในทะเลชายฝั่งบริเวณหาดจันทร์สว่าง และขบวนคาราวานเรือประมงพื้นบ้าน จำนวน 20 ลำ ยังได้นำกุ้งกุลาดำ (500,000 ตัว) ไปปล่อยในเขตอนุรักษ์และเขตสร้างแหล่งอาศัยสัตว์น้ำของชุมชนอีกด้วย อีกทั้งยังมีการมอบพันธุ์สัตว์น้ำให้แก่ผู้แทนองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่น จำนวน 10 ชุมชน เพื่อนำไปบริหารจัดการเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติของชุมชนให้กลับมามีความอุดมสมบูรณ์ ชาวประมงพื้นบ้านสามารถเข้าถึงทรัพยากรสัตว์น้ำได้อย่างทั่วถึงทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น มีคุณภาพที่ดีขึ้นจากการประกอบอาชีพประมง และชุมชนประมงเกิดความเข้มแข็งสามารถพึ่งพาตนเองได้

นอกจากนี้ ยังมีการจัดนิทรรศการให้ความรู้ทางการประมงมากมาย อาทิ มาตรฐานประมงพื้นบ้านยั่งยืน มาตรการบริหารจัดการทรัพยากรในอ่าวไทย เขตทะเลหลวง เขตทะเลชายฝั่ง การบริหารจัดการทรัพยากรประมงโดยใช้แนวทางระบบนิเวศ การตลาด (ปลากะพง) โรคสัตว์น้ำ และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากชาวประมง อีกด้วย

ทั้งนี้ การดำเนินโครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์และบทเรียนจากการดำเนินงานพัฒนาอาชีพและส่งเสริมความเข้มแข็งของชุมชนประมงชายทะเล เสริมสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมขององค์กรชุมชนประมงท้องถิ่น ระหว่างภาคประชาชนกับภาครัฐ ภายใต้บริบทและวิถีของชุมชน เกิดความมั่นคงในอาชีพประมงพื้นบ้านอย่างยั่งยืน หวังเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างความเข้มแข็งให้กับพี่น้องชาวประมงพื้นบ้านทั้ง 23 จังหวัด เกิดการมีส่วนร่วมในการบริหารทรัพยากรประมงของชุมชน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้เกิดความยั่งยืนของอาชีพประมงภายใต้ความยั่งยืนของทรัพยากร ตามนโยบายที่ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เน้นย้ำให้กรมประมงบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด ควบคู่ไปกับคุณภาพชีวิตที่ดีของพี่น้องชาวประมง


ภาพ/ข่าว : นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์  หาดใหญ่ สงขลา

เทอร์มินอล 21 พัทยา จัดงาน Fresh Farm ขายสินค้าสดจากไร่ เจาะตลาดออแกนิกส์

สดจากไร่! ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 พัทยา จัดงาน Fresh Farm 2021 แคมป์ติดฟาร์ม ดึงผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและสินค้าเกษตรอินทรีย์ออกร้านสร้างจุดขายเจาะดึงดูดนักท่องเที่ยวตลาดออแกนิกส์

มีรายงานว่า ระหว่างวันที่ 16 - 24 มี.ค.64 ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 พัทยา จัดงาน Fresh Farm 2021 แคมป์ติดฟาร์ม โดยนำเอาผู้ประกอบการร้านค้าประเภทผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร และสินค้าเกษตรอินทรีย์ กลุ่มแม่บ้านเกษตรกร รวมกว่า 30 แห่ง มาร่วมกันออกร้านจำหน่ายสินค้า

กิจกรรมดังกล่าวเป็นการรวบรวมเอาของดีทั่วประเทศมารวบรวมกันไว้ในแบบแคมป์ปิ้ง ช้อปกลางสวน อร่อยกลางฟาร์ม ด้วยคุณภาพคัดสดจากไร่และแหล่งเพาะปลูกถึงมือผู้บริโภค เพื่อเป็นจุดขายสำหรับตลาดรักสุขภาพและผู้ชื่นชอบดูแลตัวเองด้วยอาหารการกินในผลิตภัณฑ์และสินค้าการเกษตรแบบออแกนิกส์หรือปลอดสารพิษ

ภายในงาน Fresh Farm 2021 แคมป์ติดฟาร์ม ในวันแรกนี้ ถือว่าได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวและประชาชนทยอยเข้าร่วมเลือกชมและเลือกซื้อสินค้าภายในงานกันอย่างคึกคัก โดนเฉพาะในส่วนของร้านรื่นเริงกัญ โดยวิสาหกิจชุมชนไทยเฮิร์บพลัส ได้ออกร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์สินค้าเครื่องดื่มและอาหารที่มีส่วนผสมของกัญชาที่ได้รับอนุญาตให้จำหน่ายได้อย่างถูกกฎหมายมาจำหน่าย ซึ่งได้รับความสนใจกับผู้ร่วมงานเป็นอย่างมาก


ภาพ/ข่าว : นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี ชลบุรี

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครนายก จัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวในรูปแบบของ Event Maketing ให้คนไทยท่องเที่ยวในภาคตะวันออก โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดนครนายก เพื่อการกระจายรายได้ช่วยเหลือผู้ประกอบการ

ที่บริเวณลานอเนกประสงค์เขื่อนขุนด่านปราการชล ตำบลหินตั้ง อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก นายอำนาจ แย้มศิริ ปลัดจังหวัดนครนายก ได้เป็นประธานในพิธีเปิดงานเทศกาลกินกุ้ง กินปลาและของดีเมืองนครนายก ในวันที่ 20 - 21มีนาคม 2564 โดยมี จ่าสิบตำรวจสกล ทอง คำ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครนายก พร้อมคณะให้การต้อนรับและกล่าวรายงาน

ทั้งนี้เพื่อกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวในรูปแบบของ  Event Maketing ส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวในภาคตะวันออกเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดนครนายก เพื่อการกระจายรายได้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดนครนายก อาทิ ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม ร้านค้า รานอาหาร สินค้าของฝากของที่ระลึกที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 กระตุ้นให้เกิดการกระจายรายได้หมุนเวียนตามแผนฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยในวิถีปกติใหม่ New Nomal ที่จะสร้างความมั่นใจและเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว เป็นการยกระดับการท่องเที่ยวที่สะอาด สะดวก ปลอดภัย และคนในพื้นที่ร่วมเป็นเจ้าบ้านที่ดี ต้อนรับนักท่องเที่ยวผู้มาเยือน

การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ เป็นรูปแบบมหกรรมอาหารเมนู กุ้ง ปลา และของดีของฝากจากนครนายก โดยรวบรวมร้านอาหารจกกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง-ปลาในพื้นที่ และสินค้าชุมชน จากชุมชนที่มีเอกลักษณ์ในท้องที่ เพลิดเพลินไปกับการแสดงศิลปะพื้นบ้าน ลิเกชื่อดัง ”ศรราม น้ำเพชร” และวงดนตรีข้าวเปลือก ที่จะมาสร้างสีสันในงาน


ภาพ/ข่าว : สมบัติ เนินใหม่ / รัชชานนท์ เนินใหม่  ผู้สื่อข่าวจังหวัดนครนายก

เชียงใหม่ เปิดโครงการพัฒนา และฝึกอบรมหลักสูตรผู้ดูแลผู้สูงอายุ สำหรับมัคคุเทศก์ ที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 รุ่นที่ 1

เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2564 รองศาสตราจารย์  ดร.ชรินทร์ เตชะพันธ์ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ให้เกียรติ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการพัฒนาและฝึกอบรมหลักสูตรผู้ดูแลผู้สูงอายุสำหรับมัคคุเทศก์ ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19) รุ่นที่ 1 ระหว่างวันที่ 22 มีนาคม – 2 เมษายน 2564  ณ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธานี แก้วธรรมานุกูล คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมด้วย  แขกผู้มีเกียรติจากหน่วยงานผู้สนับสนุนโครงการ และเครือข่ายพันธมิตร ได้แก่ ผศ. สุรพงษ์ เลิศทัศนีย์ ที่ปรึกษาอาวุโสโครงการเมดิโคโพลิสเชียงใหม่ ภายใต้ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) , นายมานพ แซ่เจีย นายกสมาคมมัคคุเทศก์เชียงใหม่ , นายพัลลภ แซ่จิว ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชียงใหม่ , ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ และสมาคมสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่

รองศาสตราจารย์ ดร.ชรินทร์ เตชะพันธ์ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า เซ็กชั่นที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19) มากที่สุดก็คือ เช็กชั่นการท่องเที่ยว กลุ่มมัคคุเทศก์ ซึ่งเดิมมีอาชีพหลักอยู่ก็ทำให้ได้รับผลกระทบในระยะยาว  ยังคิดว่าในระยะ 1 ปียังไม่พลิกฟื้นที่สมบูรณ์ เพราะฉะนั้นจำเป็นที่จะต้องหาทางเลือกในการประกอบอาชีพให้เขา ประกอบกับทาง TCELS  สนับสนุนในเรื่องงบประมาณในการฝึกอบรมการดูแลผู้สูงอายุ ก็มองเป้าหมายมาที่กลุ่มของมัคคุเทศก์ก่อน เพื่อจะบรรเทาความเดือดร้อนจากผลกระทบโควิด 19

และเป็นการเตรียมคน เพราะว่าผู้สูงอายุไม่ได้มีเฉพาะคนไทย รวมถึงถ้าการท่องเที่ยวฟื้นกลับมาแบบสมบูรณ์ กลุ่มตลาดท่องเที่ยวใหญ่ที่ทางมหาวิทยาลัยเชียงใหม่มองเป้าไว้ในเรื่องโครงการเมดิโคโพลิส ก็คือ การทำให้เราเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ กลุ่มหนึ่งก็คือเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เป็นผู้สูงอายุ ฉะนั้นก็จะสอดรับกับกลุ่มมัคคุเทศก์ที่เข้ามา ในการรับการฝึกอบรมในครั้งนี้ ถึงแม้ว่าการท่องเที่ยวฟื้นตัวแล้วเขาไม่ได้ประกอบอาชีพนี้ แต่ท้ายที่สุดมีการท่องเที่ยวของกลุ่มผู้สูงอายุอยู่มัคคุเทศก์ก็สามารถนำความรู้ที่ได้รับไปที่จะไปดูแลได้  

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธานี แก้วธรรมานุกูล คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า สืบเนื่องจากการบาดของโรคติดต่อทางเดินหายใจของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19) ที่ระบาดไปทั่วโลก องค์การอนามัยโลกจึงได้ประกาศให้โรคติดเชื้อดังกล่าวเป็นภาวะฉุกเฉินระดับนานาชาติ (Public health emergency of international concern – PHEIC) ทำให้หลายประเทศออกมาตรการห้ามการเดินทางเข้า - ออกประเทศ โดยเฉพาะนักท่องเทียวจีนซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวที่มีจำนวนสูงสุดที่เดินทางเข้ามาประเทศไทย ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยเป็นอย่างมากเนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นตัวแปรสำคัญในโครงสร้างทางเศรษฐกิจ

โดยในปี พ.ศ. 2563 พบว่า จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง ถึง 83.21% ส่งผลให้ผู้ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ในเมืองท่องเที่ยว เช่น จังหวัดเชียงใหม่ ได้รับผลกระทบ และว่างงานเป็นจำนวนมาก แสดงให้เห็นว่าปัญหาการว่างงานเป็นปัญหาที่สำคัญ และควรบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์อย่างเร่งด่วน เพื่ออุดหนุนให้ผู้ประกอบการและบุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทุกภาคส่วนให้สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในขณะเดียวกันนี้ ประเทศไทยกำลังจะก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ ในปี พ.ศ. 2564 โดยจะมีประชากรผู้สูงอายุ 60 ปี ขึ้นไป เกินกว่าร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวพบเช่นเดียวกันเกือบทุกประเทศทั่วโลก

คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้รับความไว้วางใจจากศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ของประเทศไทย (Thailand Center of Excellence for Life Sciences – TCELS) , สมาคมมัคคุเทศก์เชียงใหม่, สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชียงใหม่และเครือข่ายพันธมิตร ให้เป็นผู้ดำเนินการจัดโครงการพัฒนาและฝึกอบรมหลักสูตรผู้ดูแลผู้สูงอายุสำหรับมัคคุเทศก์ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19) รุ่นที่ 1 ขึ้น เพื่อเพิ่มทักษะความรู้ใหม่ด้านการดูแลผู้สูงอายุให้แก่มัคคุเทศก์ เพื่อแก้ไขปัญหามัคคุเทศก์ผู้ว่างงานอันเนื่องมากจากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนา-19 และเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุโดยบูรณาการความรู้ร่วมกับการให้บริการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยผู้เข้าอบรมจะได้เรียนทั้งภาคทฤษฎี/ภาคปฏิบัติ รวมถึงฝึกปฏิบัติภาคสนาม

สำหรับการจัดโครงการพัฒนาและฝึกอบรมในครั้งนี้ มีมัคคุเทศก์เข้าร่วมการอบรมทั้งสิ้น จำนวน 50 คน จากจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน และเชียงราย โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านการพยาบาลผู้สูงอายุของคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ผศ. สุรพงษ์ เลิศทัศนีย์ ที่ปรึกษาอาวุโสโครงการเมดิโคโพลิสเชียงใหม่ ภายใต้ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า TCELS  ได้มาเริ่มโครงการเมดิโคโพลิสที่เชียงใหม่ เมื่อปลายปี 2562“และทราบจากหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ ว่ากลุ่มมัคคุเทศก์ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19) ทาง TCELS ก็ได้ไปปรึกษากับทางคณะพยาบาล ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ว่ามีความเป็นไปได้ไหมที่จะอบรมมัคคุเทศก์ให้มีความรู้เบื้องต้นในการดูแลผู้สูงวัยในระดับเบื้องต้น เพื่อที่จะนำความรู้เหล่านี้ไปช่วยในการดูแลผู้สูงวัย และนักท่องเที่ยว เป็นโครงการแรกที่เริ่มทำในปีนี้ และจะมีโครงการต่อๆไปที่ทำร่วมกับหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ โดยเชื่อมโยงการท่องเที่ยวให้เกิดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพขึ้นในจังหวัดเชียงใหม่” 

นายมานพ แซ่เจีย นายกสมาคมมัคคุเทศก์เชียงใหม่ กล่าวว่า เนื่องจากระหว่างที่โรคระบาดโควิด-19 ยังไม่คลี่คลาย และมัคคุเทศก์ก็ยังตกงาน และเพื่อเป็นการให้มัคคุเทศก์ได้เพิ่มทักษะในการดูแลผู้สูงอายุโดยเฉพาะหลังโควิด-19 นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทย  แล้วมัคคุเทศก์กลับมาทำงาน ก็จะได้ความรู้ ประสบการณ์ ทักษะในการดูแลผู้สูงอายุชาวต่างชาติ ซึ่งจะมีผลในด้านความปลอดภัยในสุขภาพของนักท่องเที่ยวในระหว่างที่มาเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่และประเทศไทยซึ่งมีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง

ที่ผ่านมามัคคุเทศก์ก็มีทักษะในการดูแลช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้นเท่านั้น การอบรมครั้งนี้ก็จะเพิ่มความรู้ให้มัคคุเทศก์ที่สามารถสังเกตและให้ความดูแลนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะผู้สูงอายุชาวต่างชาติเป็นความรู้ที่เราจะสามารถเรียนรู้แล้วไปต่อยอดใช้กับงานด้านมัคคุเทศก์ ทำให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวประเทศไทยแล้วมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น เพราะมัคคุเทศก์ได้ผ่านการอบรมโครงการผู้ดูแลผู้สูงอายุมาแล้ว


ภาพ/ข่าว  วิภาดา เชียงใหม่

เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เตรียมพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวในเทศกาลสงกรานต์ มั่นใจระบบมาตรการป้องกันโควิด – 19

เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2564 เมื่อเวลา 15.00 น. สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) โดยสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี จัดแถลงข่าว การเตรียมความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยได้รับเกียรติจาก นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการแถลงข่าว ณ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี 

นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เนื่องจากเทศกาลสงกรานต์ในปีนี้ ยังอยู่ในช่วงการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ของจังหวัดเชียงใหม่อยู่ในระดับที่ปลอดภัย แต่ก็ยังคงต้องดำเนินการตามมาตรการป้องการการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มงวด ซึ่งเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยการนำกล้องโทรทัศน์วงจรปิด ชนิดตรวจวัดอุณหภูมิความร้อนมาติดตั้งบริเวณทางเข้า เพื่อคัดกรองนักท่องเที่ยวก่อนการเข้าพื้นที่ รวมทั้งการแสกน QR Code ไทยชนะ การติดตั้งจุดบริการแอลกอฮอล์ในทุกพื้นที่รอบบริเวณ ฉีดพ่น และเช็ดถูทำความสะอาดรถให้บริการ และจุดให้บริการต่าง ๆ แก่นักท่องเที่ยว ทุก ๆ 2 ชั่วโมง รวมทั้งการเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1 - 2 เมตร และการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวในการเข้าพื้นที่ โดยจะต้องลงทะเบียนก่อนการเข้าเที่ยวชมทุกครั้ง

โดยการเข้ามาตรวจเยี่ยมพื้นที่ของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีในครั้งนี้ ได้เข้าดูกิจกรรม Behind the zoo และการให้บริการในพื้นที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ซึ่งคาดว่าในช่วงเทศกาลวันสงกรานต์นี้จะมีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจเข้าเที่ยวชมจำนวนมาก ขอให้นักท่องเที่ยวมั่นใจในมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี และที่สำคัญต้องขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวในการลงทะเบียนก่อนการเข้าเที่ยวชม เพื่อเป็นช่วยกันป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด - 19 อีกทางหนึ่ง

และสำหรับการเตรียมความพร้อมการจัดกิจกรรมวันสงกรานต์ของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีในปีนี้ นอกจากการเน้นย้ำเรื่องมาตรการความปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แล้ว ยังเน้นการจัดงานในรูปแบบการสืบสานและอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่นร่วมกับชุมชน ให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมเรียนรู้และลงมือทำ ผ่านกิจกรรมการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลวันสงกรานต์ อาทิ การตัดตุง การพับดอกใบเตย การจัดซุ้มสรงน้ำพระ การจัดจุดถ่ายภาพรดน้ำดำหัวตามประเพณีสงกรานต์ลานนา การจัดกาดหมั้วชุมชน เป็นต้น และกิจกรรมอื่นๆ ที่สร้างสีสันการท่องเที่ยว โดยจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 9 - 17 เมษายน 2564 นี้

นอกจากนี้ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีได้ร่วมมือกับสายการบินไทยสมายล์, แอร์เอเชีย, นกแอร์, เวียตเจ็ท และไลอ้อน แอร์ มอบของขวัญพิเศษให้แก่นักท่องเที่ยว กับกิจกรรม “บินลัดฟ้าสู่ล้านนา” ตลอดเดือนเมษายนนี้ ซึ่งในระหว่างวันที่ 1 - 30 เมษายน 2564 มอบส่วนลด 20% และพิเศษสุดสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาในช่วงวันสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 10 - 16 เมษายน 2564 ที่เดินทางมากับสายการบินไทยสมายล์, แอร์เอเชีย, นกแอร์, เวียตเจ็ท และไลอ้อน แอร์ เพียงแสดงบัตรโดยสาร หรือ Boarding Pass ที่เดินทางมาจังหวัดเชียงใหม่ ภายใน 7 วัน พร้อมบัตรประชาชน รับส่วนลด 50% ในการเที่ยวชมเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี

และมอบแพ็กเกจ “ราคาเดียวได้เที่ยวได้พัก” ให้แก่นักท่องเที่ยวที่ต้องการมาพักผ่อนและสัมผัสบรรยากาศแบบธรรมชาติ โดยมอบราคาพิเศษที่พักเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี รีสอร์ท ในราคา 999 บาท พร้อมบัตรเข้าชมฯ 2 ท่าน โดยแสดงบัตรโดยสาร หรือ Boarding Pass พร้อมบัตรประชาชน โดยจุดหมายปลายทางในบัตรโดยสารต้องเป็นจังหวัดเชียงใหม่ ภายใน 7 วัน (นับจากวันที่มาถึง) และสงวนสิทธิ์การจองล่วงหน้า

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี โทร. 053 - 999000 หรือ Line@ : nightsafari, Facebook: เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี Chiang Mai Night Safari


ภาพ/ข่าว : นภาพร ขัติยะ เชียงใหม่

สภาพัฒน์ฯ เผย ตัวเลขแรงงานไทยกว่า 14.5 ล้านคน ไม่ได้เข้าเป็นสมาชิกประกันสังคม ระบุ คนกลุ่มนี้แก่ไปจะลำบาก เหตุบั้นปลายชีวิตมีแค่เบี้ยยังชีพจากรัฐบาลเท่านั้น

น.ส.จินางค์กูร โรจนนันต์ รองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า สศช. มีความเป็นห่วงเรื่องของรายได้ของผู้สูงอายุหลังเกษียณจะไม่เพียงพอต่อการใช้ชีวิตให้อยู่รอดต่อไปได้ หลังจากพบข้อมูลว่าในปัจจุบันมีแรงงานอีกกว่า 14.5 ล้านคนที่ไม่ได้อยู่ในระบบ หรือไม่ได้เข้าเป็นสมาชิกประกันสังคม

ดังนั้นเมื่อเป็นแรงงานกลุ่มนี้มีอายุถึง 60 ปี แล้ว จะได้รับสิทธิประโยชน์เพียงอย่างเดียว คือ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เพียงแค่เดือนละ 600 บาทต่อคนเท่านั้น สวนทางกับค่าใช่จ่ายที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายทางด้านสุขภาพ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่สูง

ทั้งนี้แม้ปัจจุบันแรงงานจะมีช่องทางในการสร้างหลักประกันทางรายได้ เช่น การจ่ายเงินเข้ากองทุนประกันสังคม ตามมาตรา 40 ซึ่งมีอยู่ประมาณ 3.5 ล้านคน และสมัครเป็นสมาชิกกองทุนการออมแห่งชาติ ซึ่งมีอยู่ 2.4 ล้านคน

แต่สัดส่วนนี้ไม่สมัครเข้าสู่กองทุนการออมที่มีอยู่ อาจเป็นเพราะไม่มีแรงจูงใจพอ เพราะกองทุนยังไม่สามารถจ่ายสิทธิประโยชน์ให้อย่างเพียงพอ ซึ่งรายได้หลังเกษียณที่เหมาะสมควรมีอัตราการทดแทนรายได้หลังเกษียณระหว่าง 50 - 60% แต่ประเทศไทยมีค่าเพียง 37.5% เท่านั้น โดยมีเพียงกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการเท่านั้นที่มีอัตราการทดแทนรายได้ในระดับที่เพียงพอ

หวั่น ‘แท็กซี่’ ส่งมือเผาให้ตำรวจได้รับอันตราย หลังมีข่าวสะพัด ‘อั้งยี่3กีบ’ ตามระราน ฝาก ‘หมอวรงค์’ ช่วยดูแล เหตุประกาศตามหา พร้อมตบรางวัล ‘ทำดี’ 20,000 บาท

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุเนื้อหาว่า “#ตามหาแท็กซี่ พี่คนขับแท็กซี่ในภาพ ที่เป็นผู้นำมือเผา พระบรมฉายาลักษณ์ #ม็อบ 20มีนา ไปส่งตำรวจ พี่สุดยอดมากครับ มีผู้หวังดี ที่นับถือใน หัวใจของความเป็นคนไทยของพี่ มอบเงินผ่านผมมา 20,000 บาท เพื่อมอบต่อให้พี่ ถ้าพี่หรือท่านใดทราบ ชื่อ-สกุล พร้อมเบอร์โทร ติดต่อผ่าน inbox ผมด้วยครับ ผมจะได้มอบกำลังใจนี้ให้พี่ต่อไปครับ”

ภายหลังมีการโพสต์ข้อความดังกล่าวออกไปได้มีผู้เข้ามาแชร์จำนวนมาก พร้อมแสดงความคิดเห็นชื่นชมแท็กซี่รายดังกล่าว และแจ้งเตือนด้วยว่าแท็กซี่รายดังกล่าวอาจจะไม่ปลอดภัย โดยมีผู้แสดงความคิดเห็นรายหนึ่งแจ้งว่า “คุณหมอวรงค์ ครับ ข่าวว่า พวกอั้งยี่ 3 กีบ ตาม ระรานรังควาน พี่แท็กซี่ เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยแก ครับ ช่วยดูแลแกด้วยครับ พฤติการณ์อั้งยี่ 3 กีบ เช่นนี้ คือ พฤติการณ์ผู้ก่อการร้ายในประเทศที่จะตามกำจัดผู้อยู่ฝ่ายตรงข้ามเหมือนไอร์แลนด์ กลุ่มไอซิส..ด้วยความนับถือ”


ที่มา : https://www.naewna.com/politic/560819

ระยอง จัดกิจกรรมปั่นจักรยานเพื่อสุขภาพ และเที่ยวชมความงามสถานที่ท่องเที่ยว “ปั่นราย็อง ท่องริมเล” เรียกความเชื่อมั่นกระตุ้นเศรษฐกิจและท่องเที่ยว หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย

เมื่อวันที่ 21 มี.ค.64 ที่บริเวณสนามสวนศรีเมือง อ.เมืองระยอง นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เป็นประธานเปิดกิจกรรมปั่นจักรยานเพื่อสุขภาพ และเที่ยวชมความงามสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัด “ปั่นราย็อง ท่องริมเล” มีว่าที่ ร.ต.พิรุณ เหมะรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง นายอินทรีย์ เกิดมณี ปลัดจังหวัดระยอง นางสาวสายทอง จิตต์สว่าง ผู้อำนวยการสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดระยอง นายพงษ์อนันต์ จันทร์ไพร ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดระยอง หัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน และนักปั่นจำนวน 1,000 คนร่วมกิจกรรมฯ โดยแบ่งออกเป็น 3 ระยะทาง ได้แก่ 30 กิโลเมตร 60 กิโลเมตร และ 100 กิโลเมตร บนเส้นทางเลียบแนวชายฝั่งทะเลหาดแม่รำพึงถึงชายหาดแหลมแม่พิมพ์ รวมทั้งแวะเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ 15 จุดของจังหวัด เช่น เรือรบประแสร์ สะพานรักษ์แสม ทุ่งโปรงทอง สวนพฤษศาสตร์บ้านเพ ลานหินขาว หาดแม่รำพึง

นางสาวสายทอง จิตต์สว่าง ผู้อำนวยการสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดระยอง กล่าวว่า จังหวัดระยอง ได้ประสบปัญหาจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง เกิดปัญหาต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมรวมถึงภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของจังหวัดระยอง ซึ่งสถานการณ์ได้คลี่คลายลงแล้ว จึงได้มีการจัดกิจกรรมปั่นจักรยาน “ปั่นราย็อง ท่องริมเล” ขึ้นเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่น กระตุ้นเศรษฐกิจในจังหวัดระยอง ส่งเสริมกิจกรรมด้านสุขภาพและความตระหนึกถึงความสำคัญการออกำลังกายจนนำไปสู่ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีและสุขภาพที่แข็งแรง


ภาพ/ข่าว : วฐิต กลางนอก  / ธีรวัฒน์ อินธิพันธ์ รายงาน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top