Tuesday, 24 June 2025
TheStatesTimes

จีนจ้องกระชาก ‘หัวกะทิ’ ต่างแดนหลากสาย เข้าพัก - ทำงานในจีน เชื่อแรงงานคุณภาพสูงช่วยพัฒนาเศรษฐกิจ ทะยานตามเป้าสู่ความเป็นเบอร์หนึ่งเศรษฐกิจโลก

จากเฟซบุ๊ก ‘ไทยคำ - จีนคำ’ ได้เผยเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของเมืองจีนที่ใกล้คืนสู่สภาวะปกติเมื่อมีผู้ได้รับวัคซีนมากขึ้นว่า...

สหายจากแดนมังกรบอก...ขอให้ไทยเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้มากๆ จะได้มาเที่ยวเมืองจีน และคนจีน ก็อยากมาเมืองไทยใจจะขาดแล้ว

มาว่ากันด้วยเรื่องของ ‘วิกฤต - โอกาส’ ความกดดันในช่วงที่ผ่านมา เป็นจังหวะให้จีนต่อยอดเดินนโยบายสำคัญ

กุมภาพันธ์ปี 2020 คณะกรรมการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของรัฐบาลเซี่ยงไฮ้ ขยายบริการการยื่นขอรับใบอนุญาตทำงานแบบออนไลน์แก่ชาวต่างชาติในกลุ่ม A เพื่อหลีกเลี่ยงการรวมกลุ่มของผู้คน และกระตุ้นให้คนเหล่านี้อยู่ทำงานในจีนต่อไป

จีนจัดแบ่งแรงงานต่างชาติออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ กลุ่ม A พรสวรรค์ชั้นยอด กลุ่ม B พรสวรรค์รายสาขาอาชีพ และกลุ่ม C แรงงานฝีมือต่ำ

ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน ให้ข้อมูลว่า เวลานี้จีนกำลังมุ่งสนองตอบต่อนโยบาย Made in China 2025 การสร้างนวัตกรรม และการรับมือกับสังคมผู้สูงอายุ

พวกเขาจึงต้องการดึงดูดบรรดา ‘หัวกะทิ’ ผู้มีความสามารถจากหลายแขนงให้เข้ามาพำนักทำงานในจีน (เหมือนที่เราคุ้นเคยในกรณีของมหาอำนาจตะวันตก)

รัฐบาลจีนมองว่าแรงงานคุณภาพสูงมีความสำคัญต่อความสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจจีน จึงกำหนดเกณฑ์ที่ ‘เอื้อ’ ให้บุคคลเหล่านั้นเลือกมาทำงานที่จีน

“1 มีนาคม ที่ผ่านมา สำนักงานบริหารผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศแห่งนครเซี่ยงไฮ้ ออกกฎระเบียบให้ผู้ประกอบการระดับโลก นักวิทยาศาสตร์ชั้นแนวหน้า นักวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีต่างชาติ และผู้ที่จบการศึกษาระดับปริญญาเอกด้านวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ เกษตรศาสตร์ และยา อยู่ในข่ายได้รับสิทธิ์ในกลุ่ม A

“คนกลุ่ม A สามารถยื่นขอวีซ่าประเภท R ซึ่งเป็นวีซ่าการจ้างแรงงานพรสวรรค์ต่างชาติระดับไฮเอนด์และเป็นที่ต้องการสูง สามารถเข้า-ออกได้หลายครั้งแต่พำนักในจีนได้คราวละไม่เกิน 180 วัน รวมทั้งยังได้รับสิทธิ์พิเศษ อาทิ ขั้นตอนการยื่นขอรับการพิจารณาที่สะดวก การยกเว้นการประกันสุขภาพแก่คนที่มีอายุมากกว่า 65 ปี และการยื่นขอวีซ่าแก่สมาชิกครอบครัว”

'ดร.ไพจิตร' ชี้ให้เห็นถึงความตั้งใจจริงของรัฐบาลจีนที่ต้องการช่วยอำนวยความสะดวก เปรียบเสมือนการออกโปรโมชั่นเชิญชวนให้ลูกค้าแฮปปี้เข้ามาจับจ่ายได้คล่องตัวขึ้น

นับแต่เริ่มมาตรการดังกล่าว รัฐบาลเซี่ยงไฮ้ได้ออกใบอนุญาตใหม่และต่อใบอนุญาตเดิมจำนวนเกือบ 10,000 รายแล้ว

ในส่วนของขั้นตอนราชการที่ยุ่งยากในหลายประเทศ ทางจีนแก้ไขปัญหาเหล่านี้จนเป็นรูปธรรม

“ขั้นตอนและกระบวนการพิจารณาใบอนุญาตทำงานของชาวต่างชาติก็กระชับขึ้น โดยลดเวลาจาก 10 วันทำการเหลือเพียง 3 วันทำการ

“การดำเนินงานในลักษณะดังกล่าวสะท้อนว่า หากจีนได้รับประโยชน์จากสิ่งใด รัฐบาลจะพยายามปรับปรุงหลักเกณฑ์เงื่อนไขและขั้นตอนในเชิงรุกเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง ไทยเราอาจนำแนวคิดมาปรับใช้กับการปรับปรุงเงื่อนไขและหลักเกณฑ์การอนุญาตและกำกับดูแลแรงงานต่างด้าวได้เช่นเดียวกัน”

ปัจจุบันมีชาวต่างชาติทำงานในเซี่ยงไฮ้อยู่ราว 215,000 คน คิดเป็น 23.7% ของจำนวนทั้งหมด อีกทั้งเซี่ยงไฮ้ยังครองแชมป์เมืองยอดนิยมของชาวต่างชาติเป็นปีที่ 8 ติดต่อกัน

“นโยบายดึงทรัพยากรมนุษย์จากต่างประเทศเพื่อป้อนภาคการผลิตแห่งโลกอนาคตในเชิงรุกของจีน ทำให้เซี่ยงไฮ้กลายเป็นเมืองแห่งนวัตกรรมในปัจจุบัน เพื่อเป็นแกนกลางส่งจีนทะยานสู่ความเป็นเบอร์หนึ่งของโลกในสิ้นทศวรรษนี้ตามเป้า”


ที่มา: https://www.facebook.com/thaichinesetalk/posts/464991111514690

ความหวังใหม่ของโลก 'หมอมนูญ' เผยยารักษาโควิดรูปแบบใหม่ จ่ายยาให้กลับไปกินบ้านได้

นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC' โดยระบุข้อความว่า…

นอกจากวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว โลกกำลังฝากความหวังกับยารับประทานตัวใหม่ชื่อ Molnupiravir ของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นยาที่คิดค้นมารักษาโรคไข้หวัดใหญ่ ยาตัวนี้กำลังอยู่ในการทดสอบทางคลินิกในคนระยะที่ 2 คาดว่าจะเข้าการทดสอบระยะะที่ 3 ในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้

การทดสอบพบว่ายาตัวใหม่นี้ สามารถลดการแบ่งตัวของเชื้อไวรัสโควิดได้ดี ลดจำนวนเชื้อไวรัสในคนได้รวดเร็ว ลดความรุนแรงของโรค ช่วยป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไวรัสโควิด และมีผลข้างเคียงต่ำ ยาตัวนี้อาจนำมารักษาเชื้อไวรัสโควิด-19 ทุกชนิดทั้งชนิดกลายพันธุ์และไม่กลายพันธุ์

ในการทดลองในสัตว์ เมื่อให้ยาตัวนี้กับสัตว์ทดลองที่ติดเชื้อไวรัสโควิด สามารถป้องกันสัตว์ทดลองตัวอื่นๆ ที่อยู่ใกล้ชิดไม่รับเชื้อไวรัสโควิด ลักษณะการใช้ยาใหม่ตัวนี้ถ้าผ่านการรับรอง จะเหมือนกับยา Oseltamivir (Tamiflu) และ Baloxavir (Xofluza) ที่เป็นยากินใช้ทั้งรักษาโรคไข้หวัดใหญ่ และให้กินเพื่อป้องกันการติดเชื้อในกรณีที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ โดยแพทย์จ่ายยาให้ไปกินที่บ้านแบบคนไข้นอก ไม่ต้องรับเข้านอนรักษาในโรงพยาบาล

นอกจากนี้มีการศึกษาในสัตว์ทดลองเมื่อให้ยา Molnupiravir ร่วมกับยา Favipiravir ซึ่งก็เป็นยาที่คิดค้นมารักษาไข้หวัดใหญ่เหมือนกัน ผลการรักษาโรคโควิด-19 ในสัตว์ทดลองยิ่งดีขึ้นกว่าการให้ยาตัวใดตัวหนึ่ง ยา Favipiravir มีในประเทศไทยใช้รักษาโรคโควิด-19 ตั้งแต่ปีที่แล้ว


ที่มา: https://www.facebook.com/604030819763686/posts/1900214223478666/

อนุทินย้ำ ! อย่าตกใจ ตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งยันไม่ใช่ระลอก 3 แค่คลัสเตอร์เท่านั้น มั่นใจไม่กระจาย คาดให้อยู่โรงพยาบาลสนาม 10 วัน

วันที่ 23 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงการประสานงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการตั้งโรงพยาบาลสนาม ที่สโมสรตำรวจถนนวิภาวดี ว่า ทางพล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(ผบช.สตม.) ได้โทรศัพท์พูดคุยกับตนหลายวันแล้ว และได้มีการเตรียมความพร้อมการสร้างโรงพยาบาลสนามเพื่อรองรับผู้ที่ติดเชื้อที่ลักลอบเข้าเมืองมา 

ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุม และเป็นสิ่งที่ได้เตรียมการบริหารจัดการเป็นอย่างดี โรงพยาบาลสนามสามารถเกิดขึ้นมาได้ด้วยในระยะเวลาอันสั้น เชื่อว่าทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มีโรงพยาบาลตำรวจ และมีแพทย์ตำรวจ ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขหากมีการร้องขอสิ่งใดมาเราก็พร้อมที่จะให้การสนับสนุน เบื้องต้นให้การแนะนำไปในเรื่องของแนวทางต่างๆว่าควรจะปฏิบัติต่อผู้ที่เรานำเขามารักษาในโรงพยาบาลสนามนั้นอย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามว่าแต่เมื่อประชาชนทั่วไปเห็นตัวเลขรายวันที่เพิ่มขึ้นแล้วก็รู้สึกตกใจ นายอนุทิน กล่าวว่า ส่วนใหญ่คนเหล่านี้ไม่แสดงอาการ ดังนั้นเมื่อเจอตัวเขาก็ต้องนำมารับการรักษาในโรงพยาบาลสนาม ถือเป็นการควบคุมโรคที่ปลอดภัยที่สุด บุคคลเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นคนในวัยทำงาน อายุไม่มาก เมื่อไม่แสดงอาการเราก็ต้องใช้เวลาเป็นตัวรักษา เพราะถ้าไม่แสดงอาการเลยก็ไม่ต้องให้ยาฟาวิพิราเวีย แล้ว 10 วันเขาก็จะหายเอง โควิด-19 ก็เป็นอย่างนี้ มีส่วนที่แรง ส่วนที่เมื่อครบ 10 วันแล้วก็จากไปดื้อๆ 

"ตอนนี้อย่าไปดูยอดตัวเลข แต่ดูว่าการกระจายอยู่นอกเหนือการควบคุมหรือเปล่า ซึ่งตอนนี้ไม่มีการกระจายอยู่เป็นคลัสเตอร์ เป็นที่ๆไป สะเก็ดไฟไปตรงไหนกรมควบคุมโรคก็สามารถตะครุบได้ ตอนนี้ยังไม่มีหลุด นี่คือโรคระบาดระดับโลก ก็ต้องมีแบบนี้ ยืนยันว่าอันนี้ไม่ใช่ระลอกสาม" นายอนุทิน กล่าว

เมื่อถามว่ามีการทำความเข้าใจกับประชาชนที่อยู่โดยรอบสโมสรตำรวจอย่างไรหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โรงพยาบาลสนามอยู่ภายในสโมสรตำรวจมีรั้วรอบขอบชิด และรอบข้างก็ไม่ได้มีชุมชนแต่อย่างใด ดังนั้นไม่ต้องกังวล และที่สำคัญบุคคลที่มารับการรักษานั้นไม่แสดงอาการ เพราะถ้ามีอาการเมื่อไหร่ ต่อให้เป็นคนต่างชาติเราก็ต้องส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลหลัก เพื่อให้ได้รับการรักษาตามขั้นตอนทางการแพทย์ ตามความซับซ้อนของโรค 

ดังนั้นขอให้สบายใจในเรื่องนี้ได้ กรมควบคุมโรคอยู่กับสิ่งเหล่านี้มานานปีครึ่งแล้ว และคิดถึงความปลอดภัยของประชาชนภายในประเทศเป็นหลัก และหากผ่านไปสองถึงสามสัปดาห์ก็ยิ่งไม่ต้องกังวนใจ เพราะอุปกรณ์ด่านหน้าทางการแพทย์ได้รับวัคซีนอย่างเต็มที่สามารถเข้าไปให้การดูแลใกล้ชิดในพื้นที่เสี่ยงได้มากเพิ่มยิ่งขึ้น เป็นขั้นตอนเป็นวิธีการที่เมื่อไม่มีวัคซีนก็อีกอย่างนึง แต่เมื่อมีวัคซีนแล้วก็อีกอย่างหนึ่ง รวมถึงความพร้อมในเรื่องยา เรื่องการตั้งโรงพยาบาลสนาม เพื่อเก็บโรงพยาบาลหลักเอาไว้ ใช้เมื่อจำเป็น

'จาง จิง' ล่ามฉับพลันในการเจรจาระดับสูงระหว่างระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และจีน ที่ อลาสก้า ประเทศสหรัฐอเมริกา กลายเป็นคนดังทั่วโลกออนไลน์

หลังคลิปแปลถ่ายทอดคำแถลงของ หยาง เจี๋ยฉือ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมาธิการกิจการระหว่างประเทศ คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ความยาว 15 นาที ซึ่งมีภาพนิ่งของเธอเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (18 มี.ค.) มีผู้เข้าชมออนไลน์หลายล้านครั้ง

จางจิง ได้ขโมยซีน การเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งจีนและสหรัฐฯ ในการประชุมสองวัน ก่อนได้ข้อสรุปเมื่อวันศุกร์ (19 มี.ค.) โดยรายงานของสื่อจีนเรียกเธอว่า คือ “ ล่ามที่สวยที่สุดในปฐพี” ชื่อของเธอกลายเป็นหนึ่งในการค้นหาอันดับต้น ๆ บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย Weibo วิดีโอที่มีรูปถ่ายของเธอได้รับการดูหลายสิบล้านครั้งทางออนไลน์

จางจิง กลายเป็นไอดอลความนิยมของล่ามภาษาจีน ซึ่งเป็นอาชีพที่อยู่ระดับแนวหน้าของผู้มีศักยภาพในจีน ด้วยต้องใช้ทักษะและไหวพริบประกอบกับความรู้ระดับสูง ซึ่งปกติจะเป็นการทำงานในเบื้องหลังเสมือนไม่ปรากฏตนเจ้าหน้าที่แลกเปลี่ยนวิพากษ์วิจารณ์อย่างตึงเครียด ก่อนจบลงด้วยข้อตกลงที่จะร่วมมือกันเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการแลกเปลี่ยนอื่น ๆ แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ทั้งสองประเทศยังคง “ ขัดแย้งกันโดยพื้นฐาน” ในประเด็นต่าง ๆ เช่น ซินเจียง ฮ่องกง ทิเบต ไต้หวันและไซเบอร์สเปซ

ด้านนายหยาง เจี๋ยฉือ โน้มน้าวที่ประชุมให้เห็นความสำเร็จของจีนในการแก้ไขปัญหาความยากจนและการต่อสู้กับโรคระบาดโควิด-19 ในขณะที่สหรัฐฯยังคงต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโรคนี้

นอกจากนี้เขายังกล่าวหาว่า วอชิงตันใช้อำนาจทางการเงินและการทหารเพื่อบีบประเทศอื่น ๆ และว่านโยบายความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐที่ไม่เหมาะสมได้คุกคามอนาคตของการค้าโลก

หยาง ปฏิเสธการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของปักกิ่งในซินเจียง ฮ่องกงและไต้หวัน โดยกล่าวว่าดินแดนเหล่านี้ทั้งหมดเป็นอธิปไตยหนึ่งเดียวของจีน และเป็นกิจการภายในที่ไม่ควรยกมาคุยในที่ประชุม

เขายังเรียกสหรัฐฯว่าเป็น "แชมป์" ของการโจมตีทางอินเทอร์เน็ตและวิพากษ์วิจารณ์นโยบายภายในประเทศของตน“คนจำนวนมากในสหรัฐอเมริกามีความเชื่อมั่นเพียงเล็กน้อยต่อประชาธิปไตยของสหรัฐอเมริกา” หยาง กล่าวโดยอ้างถึงการสังหารชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกาและประชาชนผิวดำ

หยางกล่าวในท้ายคำเปิดการเจรจา หลังจากที่ทั้ง บลิงเคน และเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ กล่าวนำในเชิงกล่าวหาจีนมาก่อน ว่า “เพราะท่าน (บลิงเคน) และ คุณซัลลิแวนได้กล่าวเปิดงานที่แตกต่างกันออกไป ผมก็เลยต้องกล่าวฯ เช่นกัน”

ผู้เข้าร่วมการประชุมท่านหนึ่ง กล่าวว่าคำกล่าวของ หยาง ที่ยาวต่อเนื่องนับสิบนาที ราว 2,000 คำ นับเป็น "บททดสอบสำหรับล่าม" ด้านบลิงเคน ก็เลยกล่าวว่า “ เราจะต้องขึ้นเงินเดือนให้นักแปลแล้ว” สร้างเสียงหัวเราะผ่อนคลายในสถานการณ์ตึงเครียด

ตามรายงานของสื่อจีน จาง เริ่มทำงานเป็นล่ามในปี 2013 งานแรกคือการประชุมสองสภาประจำปีในปักกิ่ง เธอเป็นที่รู้จักในเรื่องท่าทางประกอบและทักษะการแปลที่ดี จาง เป็นชาวเมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนภาษาต่างประเทศหางโจวในปี 2003 ศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยการต่างประเทศจีนซึ่งเธอเรียนวิชาเอกภาษาอังกฤษ เธอได้รับคัดเลือกจากกระทรวงการต่างประเทศในปี 2007

สื่อท้องถิ่นออนไลน์ China Women News โพสต์ในบัญชีโซเชียลมีเดียว่า จาง เป็น “ภาพลักษณ์ของประเทศจีน” และเป็น“ ตัวแทนของนักแปลที่มีความสามารถและเป็นมืออาชีพมากที่สุดของกระทรวงต่างประเทศของจีน ที่สื่อสารไปทั่วโลก”

โกลบอลไทม์ส กล่าวว่า นี่คือ "ความสง่างามของนักการทูตจีนในยุคใหม่"

สื่อท้องถิ่นออนไลน์ China Women News โพสต์ในบัญชีโซเชียลมีเดียว่า จาง เป็น “ภาพลักษณ์ของประเทศจีน” และเป็น“ ตัวแทนของนักแปลที่มีความสามารถและเป็นมืออาชีพมากที่สุดของกระทรวงต่างประเทศของจีน ที่สื่อสารไปทั่วโลก”

วันนี้เมื่อราว 71 ปีก่อน เป็นวันที่ประชาชนชาวไทยต่างรอคอย เมื่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จนิวัตประเทศไทย พร้อมด้วยพระคู่หมั้น ม.ร.ว. สิริกิติ์ กิติยากร (พระนาม ณ ขณะนั้น) โดยเสด็จพระราชดำเนินจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์มาสู่พระนคร

โดยนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2477 เป็นต้นมา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเสด็จพระราชดำเนินไปศึกษาต่อ ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ตลอดระยะเวลานั้น ทรงเสด็จนิวัตประเทศไทยครั้งแรกในช่วงปี พ.ศ. 2481 และครั้งที่สองในปี พ.ศ. 2488 พร้อมกับพระเชษฐา พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร

ต่อมาเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2489 หลังการสืบราชสันตติวงศ์เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 9 แห่งพระบรมราชวงศ์จักรี จึงเสด็จพระราชดำเนินไปทรงศึกษาต่อ ในสาขานิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ ณ มหาวิทยาลัยโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จนเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2492 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงประกอบพิธีหมั้นกับ ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร ณ โรงแรมวินเซอร์ เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

กระทั่งในปี พ.ศ. 2493 จึงเสด็จนิวัตประเทศไทยอีกครั้ง ร่วมกับ ม.ร.ว. สิริกิติ์ กิติยากร พระคู่หมั้น โดยการเสด็จพระราชดำเนินในครั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมด้วยพระคู่หมั้น เสด็จออกจากพระตำหนักวิลล่าวัฒนา ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2493 โดยรถยนต์พระที่นั่งไปยังท่าเรือวิลล์ฟรังซ์ ประเทศฝรั่งเศส เพื่อประทับเรือเดินสมุทรซีแลนเดีย ออกจากฝรั่งเศส ผ่านทะเลเมดิเตอร์เรเนียนลัดคลองสุเอซ สู่มหาสมุทรอินเดีย จนมาถึงสิงคโปร์

เมื่อเรือซีแลนเดียเทียบท่าที่ท่าเรือเกาะสีชัง จึงเปลี่ยนเรือพระที่นั่งเป็นเรือรบหลวงรัตนโกสินทร์ เพื่อเสด็จฯ มายังป้อมพระจุลจอมเกล้า แล้วประทับเรือหลวงศรีอยุธยา เทียบที่ท่าราชวรดิฐ พระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย กรุงเทพมหานคร

การเสด็จนิวัตประเทศไทยครั้งนั้น ทรงมีพระราชกรณียกิจสำคัญ โดยในวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2493 ทรงประกอบพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ต่อมาในวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2493 ทรงประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสกับ ม.ร.ว. สิริกิติ์ กิติยากร จากนั้นในวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 ทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ตามลำดับ


ที่มา:

https://www.hii.or.th/wiki84/

https://www.blockdit.com/posts/5ea770bcb0cefd12268089e7

http://www.virtualmuseum.finearts.go.th/TheNationalArchives/index.php/exhibitions-narama9/34-building3/floor2.html

'อนุทิน' เตรียมฉีดวัคซีนเข็ม 2 บ่ายนี้ เผย รัฐเล็งหนุน องค์การเภสัชฯ ผลิต 'วัคซีนไทยแลนด์'

วันที่ 23 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า บ่ายสองโมงวันนี้ ตนจะฉีดวัคซีนซิโนแวค เข็มที่ 2 ส่วนกรณีที่องค์การเภสัชกรรม ได้ฉีดวัคซีนให้กับอาสาสมัคร ซึ่งเป็นวัคซีนที่คนไทยผลิตเองจากเชื้อตายโควิด-19 นั้น เป็นวัคซีนที่ร่วมพัฒนากับสถาบันทางการแพทย์ของสหรัฐอเมริกา 

ซึ่งเท่าที่ฟังจากนพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม ว่าวัคซีนตัวนี้ทำมาจากเชื้อตายของโควิด-19 ที่ใช้ไข่ไก่สด ซึ่งทางองค์การเภสัชกรรมมีเทคโนโลยีนี้ และมีโรงงานวัคซีนนี้อยู่แล้ว จึงได้มีการพัฒนาและวิจัยขึ้นมา จนมาถึงขั้นที่ได้ฉีดในอาสาสมัคร จำนวนกว่า 100 คน ซึ่งกว่าจะมาถึงขั้นนี้ได้เขาก็ต้องผ่านเฟส 1 เฟส 2 เฟส 3 มาแล้ว ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนและเป็นไปตามมาตรฐานทุกอย่าง 

นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้าเราสามารถทำตรงนี้ได้ เราก็จะมีวัคซีนไทยแลนด์ ซึ่งคนที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยีก็คือคนไทย โดยองค์การเภสัชกรรม ซึ่งการพัฒนาก็จะเป็นไปในหลายรูปแบบ ทั้งการผลิตวัคซีนเองและมาฉีดให้คนไทยเอง โดยทราบว่าความสามารถในการผลิต คือ 30 ล้านโดส ต่อปี นี่คือเบื้องต้น

แต่ถ้ามันเวิร์ค กำลังการผลิตเราสามารถขยายได้ในอนาคต ขนาดบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ยังผลิตได้ตั้ง 200 ล้านโดส ต่อปี สิ่งเหล่านี้คือการทำให้คนไทยทุกคนมั่นใจได้เลยว่าวันนี้วัคซีน เราไม่จำเป็นต้องพูดถึง ไม่ใช่ประเด็นหลักแล้ว ตอนนี้มาคิดแค่ว่าจะทำอย่างไรที่จะเปิดประเทศ ถ้าวัคซีนมาเราต้องคิดแล้วว่าต้องเอาไปจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวก่อน เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ สมุย ตามเมืองท่องเที่ยวใหญ่ๆ เจ้าหน้าที่ด่านหน้าเราสามารถควบคุมได้หมดแล้ว เมื่อแอสตราเซเนกาเข้ามา ก็จะกระจายไปยังคนไทยทุกคน ซึ่งเป็นไปตามแผนที่เราได้วางไว้ ไม่มีอะไรดีเลย์หรือล่าช้าเลย

เมื่อถามว่า รัฐบาลสนับสนุนการผลิตวัคซีนของทางองค์การเภสัชกรรมด้วยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตอนนี้องค์การเภสัชกรรมใช้เงินของตัวเองอยู่ ถ้าสำเร็จเขาก็คงมาขอให้ภาครัฐช่วยพิจารณาให้การสนับสนุน 

เกิดเหตุกราดยิงอีกแล้วในสหรัฐอเมริกา คราวนี้ยิงสนั่นกลางซุปเปอร์มาร์เก็ตในเมืองโบลเดอร์ รัฐโคโลราโด เมื่อช่วงบ่าย 2 โมงของวันจันทร์ที่ 22 มีนาคม ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐ ล่าสุดยืนยันผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุมากถึง 10 ราย

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับรายงานว่า เกิดเหตุกราดยิงที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต คิง ซูปเปอร์ส ที่อยู่ในย่านชุมชน ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยโคโรลาโดมากนัก จึงรีบส่งทีมจู่โจม และ เฮลิคอปเตอร์ 3 ลำ เข้าประจำการในพื้นที่ทันที

พยานผู้อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า เขาได้ยินเสียงปืนหลายครั้ง และเห็นคนล้มลง 3 คนที่ลานจอดรถ และ ประตูทางเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ต ไม่แน่ใจว่าเสียชีวิตหรือไม่ เพราะทุกคนต่างหาที่หลบซ่อนตัว

นอกจากนี้ยังมีภาพจากกล้องวงจรปิด ที่พบคนร้ายบุกเข้าไปยิงผู้คนในซุปเปอร์มาร์เก็ต และเจ้าหน้าที่ แอริค แทลลี่ เป็นตำรวจท้องที่กลุ่มแรกที่เข้าพื้นที่ไปปะทะกับคนร้าย จนถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

เจ้าหน้าที่ แครี่ ยามางุจิ ผู้บังคับบัญชาตำรวจท้องถิ่นรายงานว่า จับกุมคนร้ายได้แล้ว แต่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียด ชื่อ และเหตุจูงใจของการก่อนเหตุในครั้งนี้

นับเป็นเหตุกราดยิงสะเทือนขวัญในสหรัฐ ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ในรอบไม่ถึง 1 สัปดาห์ หลังจากที่เกิดเหตุกราดยิงในร้านสปา 3 แห่ง ของชาวเอเชียในเมืองแอตแลนต้า จนมีผู้เสียชิวิต 8 ราย เมื่อวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา

สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่เกิดเหตุกราดยิงบ่อยครั้ง จากข้อมูลทางสถิติพบว่า ในสหรัฐจะเกิดเหตุ กราดยิงเฉลี่ย 1 คดีในรอบ 64 วัน ซึ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อเทียบกับค่าสถิติเมื่อ 10 ปีก่อนที่พบคดีกราดยิง 1 ครั้งในรอบ 200 วัน

เหตุกราดยิงที่สะเทือนขวัญที่สุดครั้งหนึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2017 ในงานเทศกาลดนตรีที่เมืองลาส เวกัส ที่มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุถึง 59 ราย และบาดเจ็บมากกว่า 400 คน

จึงมีชาวอเมริกันเป็นจำนวนมากเรียกร้องให้สภา คองเกรซพิจารณาร่างกฏหมายการควบคุมการถือครองอาวุธปืนให้มีผลบังคับใช้ทั่วประเทศ แต่ยังไม่เป็นผล เพราะผู้แทนในบางรัฐยังคงมองว่าการครอบครองอาวุธปืนเป็นสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลในการการป้องป้องคุ้มครองชีวิต และทรัพย์สินของตนเอง

แต่ด้วยคดีความรุนแรงที่เกิดจากอาวุธปืนที่เพิ่มสูงขึ้น ชาวอเมริกันที่เรียกร้องให้จำกัดสิทธิ์การถือครองอาวุธปืน จึงได้แต่หวังว่าจะสามารถนำเป็นกรณีตัวอย่างในการผลักดันให้เปลี่ยนกฏหมายได้สักวันหนึ่ง


อ้างอิง:

https://www.theguardian.com/us-news/2021/mar/22/boulder-colorado-active-shooter-supermarket

https://www.usatoday.com/story/news/nation/2021/03/22/boulder-shooting-police-report-active-shooter-colorado-grocery-store/6956943002/

https://edition.cnn.com/us/live-news/colorado-king-soopers-shooting/index.html

"แรมโบ้" ประณามบุคคลโพสต์โซเชียลลักษณะคุกคามบุตรสาวนายกฯ ถือเป็นพฤติกรรมถ่อย สมควรถูกดำเนินคดีไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง ระบุหากคิดจะเป็นนักเลงคีย์บอร์ด ต้องมีสติ ปัญญา คิดก่อนโพสต์เพราะอาจทำให้คนอื่นเดือดร้อน ถือว่า สันดานถ่อยเลวที่สุด

23 มีนาคม พ.ศ. 2564 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงที่มีบุคคลโพสต์ข้อความผ่านโซเชียลในลักษณะคุกคามบุตรสาวนายกฯ โดยขอประณามการกระทำดังกล่าว เพราะถือเป็นพฤติกรรมที่ไม่สมควรกระทำอย่างยิ่ง มีการโพสต์ออกสื่อสาธารณชนถือเป็นการคุกคามบุคคลอื่น ทั้งที่บุตรสาวนายกฯไม่เคยทำให้ใครได้รับความเดือดร้อนเลย และไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับใคร ทั้งนี้ตนเองยังมองว่าบุคคลที่มีพฤติกรรมเช่นนี้สมควรที่จะถูกดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด

นายเสกสกลระบุว่าแม้ว่าบุคคลที่โพสต์ข้อความอาจจะไม่ชอบนายกฯหรือรัฐบาลจะออกมาประท้วง เดินขบวนเรียกร้อง นายกฯก็ไม่เคยห้ามการชุมนุม ขอเพียงอย่าสร้างความรุนแรงและทำผิดกฎหมาย แต่ไม่ควรที่จะออกมาโพสต์ข้อความคุกคามเช่นนี้ ถือว่าเลวถ่อยที่สุด

"คนที่มีความคิดเลว ๆ ถ่อย ๆ เช่นนี้สมควรที่จะถูกดำเนินคดีให้โดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างกับบุคคลอื่นอีก และหากคิดอยากจะเป็นนักเลงคีย์บอร์ดแล้วก็จะต้องมีสติ ปัญญา คิดให้รอบคอบก่อนโพสต์ข้อความต่าง ๆ เพราะอาจทำให้คนอื่นได้รับความเดือดร้อน อย่าเอาแต่สนุกตัวเองจนลืมนึกถึงความรู้สึกของคนอื่น การกระทำเช่นนี้ไม่ควรให้อภัย

ตนขอเรียกร้องให้ประชาชนที่รักความถูกต้องในสังคมไทยหรือองค์กรปกป้องสิทธิสตรีและครอบครัวได้ช่วยกันประณามบุคคลที่ก้าวล่วงครอบครัวทุกคนในประเทศนี้ จะเป็นการคุกคามครอบครัวใครก็ตามไม่ควรจะกระทำ แม้กระทั่งในกรณีคุกคามไปถึงครอบครัวนายกฯทั้งที่บุตรสาวของนายกฯ ซึ่งไม่เคยมายุ่งเกี่ยวการเมืองยังเอามาโพสต์ทำลายได้ จิตใจคนพวกนี้ทำด้วยอะไร ขอพวกเราช่วยกันขจัดคนชาติชั่วประเภทนี้ออกไปจากสังคมไทย

ตนเองถือว่า เลวชั่วช้า หยาบคายและถ่อยที่สุด พวกนักเลงโจรคีย์บอร์ด พวกโจรจิตวิปริตเหล่านี้ ที่ออกมาโพสต์ ต้องไม่ให้มีที่ยืนในสังคมไทย และต้องรีบดำเนินการตามกฎหมายอย่างเร่งด่วน จับกุมตัวมาดำเนินคดีไปนอนอยู่ในคุกให้เร็วที่สุด จะได้ไม่ไปกระทำความชั่วหรือความคิดเลวๆ โพสต์คุกคามระรานครอบครัวคนอื่นได้อีกในวันข้างหน้า" นายเสกสกล กล่าว

ความคืบหน้าเกี่ยวกับสถานการณ์ห้องกัก และการจัดตั้ง รพ.สนามชั่วคราว

จากสถานการณ์ผู้ต้องกักติดเชื้อไวรัส Covid19 วันนี้ 23 มี.ค.64 สตม.ได้ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข , กรมควบคุมโรค , รพ.ตร. และสำนักงานอนามัยกรุงเทพมหานคร ได้จัดประชุมเพื่อวางแผนรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยผู้เข้าร่วมประชุมมี ดังนี้ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และผู้เกี่ยวข้อง , นายแพทย์ เกียรติภูมิ วงค์รกิจ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข, นายแพทย์กิติศักดิ์ อักษรวงศ์ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงสาธารณสุข , นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค , นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค , นายแพทย์ทวีทรัพย์ ศิรประภาศิริ  ผู้ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค , พ.ต.อ.เอกลักษณ์ ดีรุ่งโรจน์  โรงพยาบาลตำรวจ , สำนักงานอนามัยกรุงเทพมหานคร, สำนักงานเขตหลักสี่

สตม.มีการจัดกำลัง จนท.ตร. รักษาความปลอดภัยของ รพ.สนามชั่วคราว ตลอด 24 ชม. และมีการดำเนินการตามมาตรฐานการควบคุมโรค ตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าจะไม่มีการแพร่ระบาดของโรคออกไปด้านนอกพื้นที่ รพ.สนามชั่วคราว

โดยมาตรการแก้ไขและควบคุมการแพร่ของ Covid19 ในสถานกักตัวคนต่างด้าวเพื่อรอการส่งกลับ ของ สตม. ได้แก่

1) ให้ กก.3 บก.สส.สตม.งดรับผู้ต้องกัก จนกว่าจะสามารถแก้ไขปัญหา และกำหนดมาตรการป้องกันได้ มีหนังสือให้แต่ละ บก. บริหารการกักตัวผู้ต้องกัก/ ตม.จังหวัด ฝาก สภ.ควบคุมผู้ต้องกัก ในส่วน กทม. กก.3 บก.สส.สตม.รับตัวแล้วให้ ตม.จว.นนบุรีควบคุมแทน

2) ลดจำนวนผู้ต้องกักในความดูแลของ กก.3 บก.สส.สตม. (สำหรับผู้ปลอดเชื้อ ผลักดัน/ส่งกลับ, ขอให้ พม.มารับไปดูแล)

3) จัดตั้ง รพ.สนามชั่วคราว สตม. ขอสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ จาก รพ.ตร. จัดสถานที่ อุปกรณ์ โดยประสานกับกรมควบคุมโรค

4) ให้ ตม.จว. และ หน.ด่านคัดแยกผู้ต้องกักกลุ่มเสี่ยงแยกออกจากรายอื่น ๆ

5) ให้ ตม.จว. ประสานกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ในการจัดแผนรองรับ

6) ขอสนับสนุนชุดผู้ป่วย จาก รพ.ตร. จำนวน 400 ชุด และยา

7) ให้ บก.อก.สตม.สนับสนุนยาสำหรับฉีดพ่น

8) ให้แต่ละ ตม.จว.จัดหาพื้นที่สำหรับ รพ.สนาม หากเกิดกรณีผู้ต้องกักติดเชื้อ

9) การรับตัวผู้ต้องกัก ให้แยกผู้ต้องกักโดยมีห้องแรกรับ 3-5 วัน รอดูอาการก่อนส่งตัวเข้ารวมในห้องกัก

10) กำชับผู้บังคับบัญชาให้ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาอย่าให้มีการติดเชื้อเพิ่ม

11) หน.หน่วย สำรวจอุปกรณ์ป้องกัน ไม่ให้บกพร่อง

12) การรับอุปกรณ์มาเพิ่มใหม่ให้จัดทำเป็นงวดๆ โดยให้ใช้ในส่วนที่รับมาก่อนเป็นอันดับแรก

13) ศฝร.สตม. ให้จัดที่พักสำหรับแพทย์ และพยาบาลที่จะไปดูแลผู้ป่วย รวมถึงจัดห้องพักให้กับ จนท.ปอพ.ที่ไปเข้าเวรในหลาย ๆ ผลัดเนื่องจากเป็นผู้เสียสละ

14) ให้ บก.อก.สตม. จัดทำตารางประชุม หน.หน่วย หรือผู้แทน ในเวลา 10.00 น. ของทุกวัน

ส่วนผู้ต้องกักที่อยู่ในความดูแล ปัจจุบันมี มีจำนวน  1,615 คน โดยถูกกักที่บางเขน จำนวน 490 คน ที่สวนพลูจำนวน 1,125 คน  ซึ่งผู้ที่ติด Covid19 ที่อยู่ในความดูแล มีทั้งสิ้น 393 คน (ชาย 370 คน,หญิง 23 คน) ถูกแยกกักตัว ณ รพ.สนามชั่วคราวในห้องกัก(บางเขน) โดย สตม. ได้จัดตั้ง รพ.สนามชั่วคราว สตม. ณ อาคารโรงยิมกองสวัสดิการ ตร. ในพื้นที่สโมสรตำรวจจัดตั้งขึ้นโดยการประสานความร่วมมือกับ รพ.ตร.(จัดส่งบุคลาการทางการแพทย์) กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค กรมการแพทย์ สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง ให้คำปรึกษา แนะนำและกำหนดมาตรฐานของการจัดตั้ง รพ.สนาม มาตรฐานของการตรวจควบคุมโรค สนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ และในส่วนของ กรุงเทพมหานครให้การสนับสนุนด้านการรักษาความสะอาด และสาธารณูปโภค

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จะขอบพระคุณอย่างสูง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top