Tuesday, 24 June 2025
TheStatesTimes

กาฬสินธุ์ พายุฤดูร้อน หอบลูกเห็บพัดถล่มหลายพื้นที่ เร่งสำรวจช่วยเหลือ

เกิดพายุฤดูร้อนลมหมุนและลูกเห็บตกในหลายพื้นที่ใน จ.กาฬสินธุ์ โดยเฉพาะบริเวณจัดงานมหกรรมโปงลาง แพรวา และงานกาชาดในตัวจังหวัด ความแรงของพายุพัดเต้นท์ ร้านค้าได้รับความเสียหาย โชคดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ขณะที่หลายอำเภอเกิดฝนตกหนัก และลูกเห็บตก ด้านผู้ว่าฯกาฬสินธุ์สั่งให้ปภ.กาฬสินธุ์ และทุกอำเภอเร่งสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือ

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 21 มีนาคม 2564  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดลมพายุฤดูร้อนพัดผ่านเข้ามาในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งความแรงของพายุ นอกจากจะมีลมกระโชกแรงแล้ว ยังเกิดฝนตก และลูกเห็บตกในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณสนามหน้าศาลากลาง จ.กาฬสินธุ์ (หลังเก่า) ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานมหกรรมโปงลาง แพรวา และงานกาชาด จ.กาฬสินธุ์ ประจำปี 2564 โดยแรงลมได้พัดเต้นท์ ร้านค้า โต๊ะ เก้าอี้ ล้มระเนระนาด โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือผู้เสียชีวิต ส่วนสินค้า สิ่งของ ได้รับความเสียหายบางส่วน

สอบถามพ่อค้าซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่าก่อนเกิดเหตุมองเห็นท้องฟ้าสีแดง ก่อนที่จะมีลมหมุนพัดเข้ามา แต่ไม่มีฝนตก ซึ่งความแรงของลมพัดเอาเต้นท์ ร้านค้า โต๊ะ เก้าอี้ ที่อยู่ในงานพังเสียหาย ส่วนพ่อค้าแม่ค้า และประชาชนที่กำลังเดินในงานก็พากันวิ่งหลบเข้าที่ปลอดภัย ซึ่งเกิดมาไม่เห็นลมหมุนที่พัดแรงขนาดนี้ 

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าในห้วงเวลาเดียวกัน นอกจากในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ จะเกิดพายุลมพายุแรงแล้ว ยังมีรายงานว่าในพื้นที่หลายอำเภอ เช่น อ.กุฉินารายณ์  อ.ยางตลาด อ.เขาวง อ.กมลาไสย โดยเฉพาะที่อนุบาลโรงเรียนบ้านขมิ้น อ.สมเด็จ ซึ่งหลังคาอาคารเรียนถูกความแรงของพายุพัดและหอบหลังคาปลิวว่อน ได้รับความเสียหาย ทั้งนี้ ยังมีรายงานเพิ่มเติมว่า อิทธิพลของพายุฤดูร้อนที่เกิดขึ้นในช่วงดังกล่าว โดยเกิดกระแสลมกระโชกแรง ฝนตก และลูกเห็บตกเป็นบริเวณกว้าง โดยที่ อ.เขาวง มีลูกเห็บตกและลมพัดแรง ทั้งนี้จากพายุดังกล่าวทำให้บ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหาย ต้นไม้หักโค่น หลายครัวเรือนหลายอำเภอ

โดยล่าสุดนายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ กำชับให้นายธนทร ศรีนาค หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.กาฬสินธุ์ พร้อมนายอำเภอทุกอำเภอที่เกิดพายุ ประสานงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เร่งสำรวจความเสียหาย พร้อมทั้งเข้าให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนแล้ว


ภาพ/ข่าว : ณัฐพงษ์ ประชากูล กาฬสินธุ์

นักเรียนโรงเรียนบ้านปากคลอง เก็บมะม่วงหิมพานต์ขายเป็นรายได้เสริม เพื่อสร้างทักษะชีวิต และอาชีพของนักเรียน

นายมนัส  สัจจสุจริตกุล ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านร่าหมาด และรักษาราชการผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านปากคลอง อำเภอเกาะลันตา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่ เปิดเผยว่า โรงเรียนบ้านปากคลอง เป็นโรงเรียนขนาดเล็กอยู่ในพื้นที่ใกล้ทะเล ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีอากาศร้อนอบอ้าว จึงทำให้ต้นมะม่วงหิมพานต์ที่ปลูกเอาไว้ จำนวนกว่า 20 ต้น  มีผลออกมาเยอะมาก  

ทางโรงเรียนได้ฝึกสร้างทักษะอาชีพให้กับนักเรียน เพื่อให้นักเรียนมีทักษะชีวิตด้วยการสร้างงานในสิ่งที่มีอยู่ในชุมชน  โดยการเก็บ มะม่วงหิมพานต์ขาย สร้างรายได้เสริมให้กับนักเรียนอีกทางหนึ่ง โดยมีแม่ค้า หรือชาวบ้านในชุมชนมารับซื้อในโรงเรียน  ซึ่งมีราคาจำหน่ายดังนี้ ผลติดเมล็ด ขายกิโลกรัมละ 35 บาท ผลเอาเมล็ดออก กิโลกรัมละ 20 บาท และเมล็ดอย่างเดียว กิโลกรัมละ 60 บาท   

ทั้งนี้  มะม่วงหิมพานต์เป็นผลไม้ที่มีคุณประโยชน์ทุกส่วนของต้น ไม่ว่าจะเป็นใบ ผล ต้น เมล็ด ยาง เปลือก  เช่น เม็ดมะม่วงหิมพานต์มีแมกนีเซียมสูง  ช่วยในการทำงานของหัวใจ มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนน้ำตาลให้เป็นพลังงาน ช่วยป้องกันอาการหมดเรี่ยวแรงได้เป็นอย่างดี  ผลและใบของมะม่วงหิมพานต์มีสรรพคุณช่วยลดไข้ ยางจากต้นช่วยแก้อาการเลือดออกตามไรฟัน เปลือกจากต้นช่วยแก้อาการปวดฟัน ใช้กลั้วคอล้างปาก น้ำคั้นจากผลใช้ดื่มเป็นยาขับปัสสาวะได้ ช่วยรักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ด้วยการใช้ใบแก่นำมาบดใส่บริเวณที่เป็นแผล

ในภาคใต้ยังนิยมนำใบอ่อนของมะม่วงหิมพานต์มาเป็นผักกินกับอาหารได้อย่างอร่อย  นำผลมาทำเป็นอาหารได้หลากหลายชนิด และนำเมล็ดไปอบ เพื่อทานเป็นของว่างกินเล่นได้อย่างดีอีกด้วย  สนใจสั่งซื้อมะม่วงหิมพานต์ ติดต่อได้ที่นายมนัส  สัจจสุจริตกุล หมายเลขโทรศัพท์  087-9114068 


ภาพ / ข่าว  ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง (กระบี่)  / นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ (หาดใหญ่ สงขลา)

พบผู้ป่วยโควิด รายที่ 14 เป็นคนนอย์เวย์ อายุ 74 ปี เบื้องต้นกักตัวตัวตามมาตรฐานอย่างถูกต้อง แต่ยืนยันตรวจเชื้อมีอาการ และเข้ารักษาตัวที่ขอนแก่น ผู้ว่าฯ สั่งเร่งตรวจสอบไทม์ไลน์อย่างละเอียด

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 22 มี.ค.2564 ที่ห้องประชุมแก่นชัย ชั้น 5 ศาลากลาง จ.ขอนแก่น นายสมศักดิ์  จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น พร้อมด้วย นพ.สมชายโชติ  ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุข จ.ขอนแก่น ร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนหลังผลตรวจยืนยันพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในพื้นที่ จ.ขอนแก่น ท่ามกลางความสนใจจากบุคลากรทางการแพทย์และสื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟังจำนวนมาก

นายสมศักดิ์  จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า ผู้ป่วยรายดังกล่าวเป็นชาวนอย์เวย์ อายุ 74 ปี  ซึ่งเดินทางเข้าประเทศไทยผ่านสนามบินสุวรณภูมิ ในวันที่ 5 มี.ค. จากนั้นเข้ารับการกักตัว ในสถานที่ที่รัฐกำหนด เป็นเวลา 14 วัน โดยในวันที่ 7 มี.ค. เข้ารับการตรวจเชื้อครั้งแรกไม่พบการติดเชื้อ และเข้ารับการตรวจเชื้อครั้งที่ 2 ในวันที่ 17 มี.ค.ไม่พบการติดเชื้อเช่นกัน ก่อนจะครบกำหนดการกักตัวในวันที่ 20 มี.ค. ซึ่งเจ้าตัวเดินทางกลับขอนแก่น ทันที โดยลงเครื่องที่สนามบินขอนแก่น ในวันที่ 20 มี.ค. ไฟท์เที่ยง โดยมีลูก 2 คนเดินทางมารับและกลับบ้านที่จังหวัดข้างเคียงกับขอนแก่น

“จนกระทั่งวันที 21 มี.ค.ผู้ป่วยเริ่มมีอาการบ่งชี้ โดยเฉพาะปวดเมื่อยตามร่างกาย จึงให้ครอบครัวเข้ารับการตรวจที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่งของ จ.ขอนแก่น แต่ด้วยมาตรฐานคุมเข้มที่จังหวัดของเรากำหนดไว้อย่างเข้มงวด ซึ่งผู้ป่วยทุกรายจะต้องรายงานข้อมูลต่าง ๆ ให้กับเจ้าหน้าที่ได้รับทราบซึ่ง รพ.เอกชน แห่งนี้ได้ซักประวัติและตรวจหาเชื้อซ้ำอีกครั้ง ซึ่งผลยืนยันติดเชื้อโควิด-19 ในช่วงค่ำ จึงมีการส่งต่อการรักษามาที่ รพ.ศรีนครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ตามระบบการส่งต่อผู้ป่วยที่เข้มงวดทันที”

ขณะที่ นพ.สมชายโชติ  ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุข จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ทุกขั้นตอนเมื่อผู้ป่วยถึงทีมแพทย์ ตั้งแต่ รพ.เอกชน และส่งต่อมายัง รพ.ศรีนครินทร์ เป็นไปตามขั้นตอนการปฎิบัติงานที่เข้มงวด ตามมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด ทำให้ขณะผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิด-19 รายที่14 ของ จ.ขอนแก่น นั้นอยู่ในการดูแลของทีมแพทย์ตามขั้นตอนของการรักษาแล้ว  ขณะเดียวกันทีมสอบสวนโรคได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบไทม์ไลน์ผู้ป่วยอย่างละเอียด เริ่มตั้งแต่การเดินทางมาที่ขอนแก่น ด้วยสายการบินแห่งหนึ่ง ซึ่งผู้ที่นั่งใกล้ชิดกับผู้ป่วยคือ 3 แถวหน้าและ 3 แถวหลังจะต้อเข้ารายงานตัวและเข้ารับการตรวจเชื้อทันที

ขณะเดียวกันกลุ่มเสี่ยงสูง 2 คนคือคนในครอบครัวของผู้ป่วยนั้นขณะนี้ได้มีการเข้ารายงานตัวและเข้ารับการตรวจเชื้อกับทางแพทย์แล้ว ส่วนกลุ่มเสี่ยงต่ำ 17 คนนั้น ขณะนี้ทยอยเข้ารายงานตัวและเข้ารับการตรวจอย่างต่อเนื่องเช่นกัน อย่างไรก็ตามขณะนี้ทีมสอบสวนโรค จะลงพื้นที่ที่บ้านของผู้ป่วย รวมทั้งการซักรายละเอียดต่างๆอย่างละเอียดเพื่อให้มาตรการควบคุมและป้องกันและการควบคุมพื้นที่เป็นไปอย่างรัดกุม

‘กาแฟ’ รักษ์ป่าภายใต้ชื่อว่า ‘Uncle Coffee’ กับ 'น้าหงา - สุรชัย จันทิมาธร' | Contributor EP.12

น่าจะเป็นอีกมุมของ ‘น้าหงา’ สุรชัย จันทิมาธร ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ที่หลายคนอาจจะยังไม่ค่อยคุ้น ที่จะมานั่งคุยอะไรที่นอกเหนือจากเพลง เพลง และเพลง

Contributor EP. นี้ THE STATES TIMES ได้ที เลยขอไปชวน ‘หงา - คาราวาน’ ในบริบทที่คุ้นเคยกับการเป็นนักร้องนำและหนึ่งในผู้ก่อตั้งวงคาราวาน นักเขียน ผู้มองการเมืองจากมุมนอก และเซอร์ไพรซ์เบา ๆ กับการผันตัวเป็นนักธุรกิจ

ภายใต้บรรยากาศสบาย ๆ นั่งจิบกาแฟ คุยเรื่องการเมือง ภูมิหลังการเป็นนักเขียน และเรื่องราวของกาแฟ ที่โยงไปถึงธุรกิจกาแฟ ซึ่งน้าหงาเป็นพรีเซ็นเตอร์และผู้ร่วมธุรกิจนี้ในชื่อเท่ห์ ๆ ว่า Uncle Coffee กันตามสไตล์น้าหงา เชิญชม!!

.

เชียงราย บวชป่าชุ่มน้ำ อนุรักษ์สู่ระบบนิเวช ผลักดันเข้าสู่แรมซ่าไซ

วันที่ 22 มี.ค.64 ที่ป่าส้มแสง พื้นที่ชุ่มน้ำ บ้านป่าข่า ต.ยางฮอม อ.ขุนตาล จ.เชียงราย นายญาณวุฒิ สุดพิมศรี นายอำเภอขุนตาล  ได้เป็นประธานในพิธีบวชป่าส้มแสง ป่าต้นน้ำแม่น้ำอิง โดยมีนายสมเกียรติ เขื่อนเชียงสา นายกสมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิตและผู้ประสานงานเครือข่ายอนุรักษ์แม่น้ำโขงภาค เหนือ  ร่วมกับตัวแทนเครื่อข่ายองค์กรไม่แสวงผลกำไร กลุ่มรักษ์เชียงของ เครื่อข่ายนักอนุรักษ์ นายสุทธิ มะลิทอง รองผู้อำนวยการสถาบันความหลากหลาย มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย รวมไปเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และชาวบ้านบ้านป่าข่า เข้าร่วมพิธีบวชป่าในครั้งนี้

สำหรับป่าชุ่มน้ำป่าข่า เป็นป่าที่มีความพิเศษที่มีต้นชุมแสงหรือ ส้มแสง ขนาดใหญ่ ที่เป็นต้นไม้โตช้า โดยอายุกว่า 300 ปี ถือว่าเป็นวิสัยทัศน์กว้างไกล ที่ไม่เคยเห็นที่อื่น ถือว่าที่นี่เป็นที่เดียวของประเทศไทยและโซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นพื้นที่ที่มีน้ำท่วม 1-3 เดือน มีต้นไม้อยู่ไม่กี่ประเภทที่อยู่ได้ โดย 1 ในนั้นคือต้นชุมแสง ปกติมักเจอในป่ากแม่น้ำขนาดใหญ่ ที่อยู่ใกล้แม่น้ำโขง เมื่อน้ำเอ่อขึ้นมา ซึ่งป่าชุมน้ำอิงมีพันธุ์พืช 60 - 70 ชนิด ส่วนสัตว์มีมากกว่า 200 ชนิด ช่วงนี้ชุมแสงกำลังออกออก เดือนเมษายนจะมีผล เมื่อตกลงมาจะกลายเป็นอาหารปลาและสัตว์ป่ารวมถึงนก กลายเป็นระบบนิเวศซับซ้อนและเป็นอัตลักษณ์

นายสุทธิ มะลิทอง รองผู้อำนวยการสถาบันความหลากหลาย มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย กล่าวว่า ป่าบ้านป่าข่าเป็นป่าน้ำท่วมตามฤดูกาล มีน้ำเข้ามาท่วม 1-3 เดือนฤดูฝน มีต้นไม่ไม่กี่ชนิดอยู่ได้ มีต้นชุมแสง ต้นข่อย ที่ทนทานสภาวะการถูกน้ำท่วม ป่าพวกนี้เป็นป่าริมน้ำคอยดักจับตะกอน และเวลาใกล้ปากแม่น้ำเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำ แม่น้ำอิงติดต่อแม่น้ำโขง ทำให้ปลาน้ำโขงเข้าแม่น้ำอิงและป่าเหล่านี้เป็นที่อยู่อาศัย แพร่พันธุ์ของปลา

"ป่าชุมแสงหรือส้มแสง เป็นป่าที่ทนทานและโตช้า ในป่าแห่งนี้มีอายุมายาวนาน กว่า 300 ปีถือว่าสุดยอดที่เป็นวิสัยทัศนของคนในชุมชน จริง ๆ ต้นชุมแสงมีการกระจายตัวอยู่ทุกภาค แต่การเป็นป่าผืนใหญ่มีไม่เยอะ ที่นี่เป็นจุดใหญ่ ต้นชุมแสงขนาดใหญ่ เป็นอัตลักษณ์เฉพาะเรา หาป่าชุมแสงแบบนี้จากที่อื่นไม่มีแล้ว” รองผู้อำนวยการสถาบันความหลากหลาย มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย  กล่าว

ในส่วนของภาครัฐนั้นหากยกระดับเป็นพื้นที่ชุมน้ำนานาชาติได้ ก็ได้รับการสนับสนุนจากแรมซ่าไซ ชุมชนอนุรักษ์ป่าอยู่แล้ว รัฐบาลไม่ต้องทำอะไรมาก แค่เป็นกลาง รับฟังความต้องการของชุมชน ยึดในเรื่องความสำคัญของพื้นที่ชุ่มน้ำ และกฎหมายรองรับควรมีความชัดเจนมากขึ้นไม่ใข่แค่มติครม.


ภาพ/ข่าว : ณัฐวัตร ลาพิงค์

แม่เฒ่า102 ปี...ได้ร่วมโครงการเราชนะแล้ว หลังคลังจังหวัดนำทีมออกช่วยเหลือลงทะเบียนให้ถึงบ้าน

วันที่ 22 มีนาคม 2564 นางภุมรินทร์ ธนานุกูลวงศ์ คลังจังหวัดพังงา นำทีมเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงไทยและเจ้าหน้าที่ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดพังงา ลงพื้นที่ศาลาเขาช้าง อ.เมืองพังงา ซึ่งได้เปิดเป็นจุดให้บริการลงทะเบียนโครงการเราชนะ กลุ่มที่ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ โดยมีผู้นำท้องที่และดูแลคนพิการผู้ป่วยติดเตียง นำผู้พิการและผู้สูงอายุที่สามารถเดินทางมาได้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพร้อมลงทะเบียนให้

ในส่วนของผู้ที่ไม่สามารถเดินทางมาได้นั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้แบ่งทีมออกติดตามผู้นำท้องที่ไปบริการให้ถึงที่บ้านซึ่งนายนิกร ชำนาญ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 ต.ตากแดด อ.เมืองพังงา ได้ขับมอเตอร์ไซค์นำเจ้าหน้าที่เข้าไปในสวนยางพาราลงทะเบียนให้กับแม่เฒ่าอายุ 102 ปี ชื่อนางนงลักษณ์ ณ ถลาง ที่ได้รับเงินผู้สูงอายุเท่านั้น ปัจจุบันมีปัญหาทางสายตาและการรับฟัง และเจ้าหน้าที่สามารถสแกนใบหน้าลงทะเบียนได้เป็นที่เรียบร้อย ทำให้ลูกหลานดีใจและขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่มาช่วยบริการถึงบ้าน

นางภุมรินทร์ ธนานุกูลวงศ์ เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังขยายระยะเวลาเปิดรับลงทะเบียนโครงการ "เราชนะ" สำหรับกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ จากเดิมวันที่ 5 มี.ค. ออกไปถึงวันที่ 26 มี.ค.2564 เนื่องจากยังมีประชาชนกลุ่มดังกล่าวบางส่วนที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ ตามนโยบายของ รมว.คลัง ที่ให้มีการดูแลกลุ่มผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง รวมถึงคนชราที่มีปัญหาทางกายภาพ

ในส่วนของจังหวัดพังงา ได้มีแผนลงพื้นที่ในวันที่ 22 มีนาคม 2564 ที่ศาลาเขาช้าง อ.เมืองพังงา และศาลาประชาคมเทศบาลตำบลทับปุด อ.ทับปุด วันที่ 23 มีนาคม ที่หอประชุมอำเภอตะกั่วทุ่ง วันที่ 24 มีนาคม ที่ศาลาประชาคมอำเภอท้ายเหมือง วันที่ 25 มีนาคม ที่ที่ศาลาเทศบาล ต.คุระบุรี อ.คุระบุรี วันที่ 26 มีนาคม ที่ศาลาประชาคมอำเภอตะกั่วป่า และศาลาเทศบาลตำบลท่านา อ.กะปง สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนเรียบร้อยในรอบนี้ สามารถตรวจสอบสิทธิได้ในวันที่ 5 เมษายน 2564 หากได้รับสิทธิจะได้รับเงินเข้าระบบในวันที่ 9 เมษายน จำนวน 7,000 บาท และใช้ได้จนถึงเดือนพฤษภาคม 2564


ภาพ/ข่าว : อโนทัย งานดี (พังงา)

‘พริษฐ์ วัชรสินธุ’ หลานอภิสิทธิ์ แจงกระแสข่าวร่วมงาน ‘พรรคก้าวไกล’ ชี้มีจุดยืนการเมืองคล้ายกัน แต่ขอให้เป็นเรื่องของอนาคต ตอนนี้ดูแลสตาร์ทอัพการศึกษาก่อน

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ หลานชายของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊ก ‘พริษฐ์ วัชรสิทธุ - ไอติม – Parit Wacharasindhu’ชี้แจงถึงกระแสข่าวว่า เตรียมเข้าร่วมงานกับพรรคก้าวไกล โดยระบุว่า...

ตามกระแสข่าวที่ออกมา ผมขอชี้แจงว่าได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกับพรรคก้าวไกลจริง เนื่องจากมีจุดยืนและอุดมการณ์ทางการเมือง-เศรษฐกิจ-สังคม คล้ายกัน และที่ผ่านมา ได้ร่วมงานกับพรรคในกิจกรรมต่างๆ เช่น การรณรงค์การแก้ไขรัฐธรรมนูญ การแลกเปลี่ยนความเห็นเรื่องนโยบายที่พรรคเชิญคนนอกไปร่วมวงคุย และล่าสุดคือการไปบรรยายเรื่องการวิเคราะห์นโยบายที่กิจกรรมพัฒนาบุคลากรของพรรค

ปัจจุบัน งานหลักของผมคือการบริหารสตาร์ทอัพด้านการศึกษา ส่วนบทบาททางการเมืองในฐานะผู้สมัคร ยังคงเป็นเป้าหมายของผมในอนาคต และเมื่อถึงวันนั้น จะแจ้งให้ทราบอย่างชัดเจนครับ

สำหรับ นายพริษฐ์ ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อปี 2561 และลาออกในปี 2562 หลังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้ารับตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี จากการสนับสนุนของพรรคพลังประชารัฐ


ที่มา: https://www.facebook.com/254171817929906/posts/5759775110702855/

วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันสำคัญทางประวัติศาสตร์ของชาติไทย และถูกบันทึกกันมากว่า 115 ปี โดยเป็นวันที่ชาติฝรั่งเศส ได้ทำสัญญาคืน ‘จังหวัดตราด’ รวมทั้งเกาะต่าง ๆ ในอาณาบริเวณ ให้กับประเทศไทย หลังจากที่ยึดไว้ในการครอบครองกว่า 3 ปี

ย้อนกลับไปในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ฝรั่งเศสได้ขยายอำนาจมาทางตะวันออกของแหลมอินโดจีน โดยครอบครองญวนและเขมรส่วนนอกไว้ทั้งหมด พร้อมทั้งอ้างสิทธิดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงเดิม ว่าเป็นของญวนและเขมร ดังนั้น ฝรั่งเศสจึงมีสิทธิครองครองดินแดนส่วนนี้ด้วย ซึ่งในเวลานั้น พื้นที่ดังกล่าว อยู่ในการครอบครองของอาณาจักรสยาม

จึงเป็นที่มาของการการปะทะกันของกำลังทหารไทยและฝรั่งเศส กระทั่งไทยยอมทำสัญญาสงบศึกในวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2436 โดยถอนทหารจากชายแดนทั้งหมด รวมทั้งเสียค่าปรับ ค่าทำขวัญแก่ฝรั่งเศส และให้ยอมรับว่า ดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง ตลอดทั้งเกาะต่าง ๆ เป็นของฝรั่งเศส ประการที่สำคัญ รัฐบาลฝรั่งเศสยังได้ยึดครองจังหวัดจันทบุรีไว้จนกว่าจะปฏิบัติตามสัญญาครบถ้วนอีกด้วย

เป็นเวลากว่า 10 ปี ที่ฝรั่งเศสยึดเมืองจันท์เอาไว้ กระทั่งเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2446 รัฐบาลไทยจึงได้ทำสัญญากับรัฐบาลฝรั่งเศส ยอมยกเมืองตราดและเกาะทั้งหลายภายใต้แหลมลิงลงไปถึงเกาะกูด ตลอดจนถึงเมืองประจันตคีรีเขตต์ (เกาะกง) ให้แก่ฝรั่งเศส เพื่อให้ฝ่ายฝรั่งเศสยอมถอนทหารออกจากจังหวัดจันทบุรี จนต่อมาภายหลัง ฝรั่งเศสยินยอม และเข้าปกครองดินแดนตราดและเกาะกง ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2447 เป็นต้นมา

แต่แล้วเมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2449 ไทยก็ได้ทำสัญญากับฝรั่งเศสอีกครั้ง โดยยอมยกพระตะบอง เสียมราฐ และศรีโสภณ ให้แก่ฝรั่งเศส เพื่อแลกกับเมืองตราดคืนมา โดยเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2450 ฝรั่งเศสได้ทำพิธีมอบเมืองตราดอย่างเป็นทางการให้กับประเทศไทยตามเดิม รวมเวลาที่จังหวัดตราดตกอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศสเป็นเวลา 2 ปี 6 เดือน 7 วัน

ด้วยเหตุนี้ เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ที่ทรงดำเนินวิเทโศบายทางการเมืองระหว่างประเทศด้วยพระปรีชาสามารถ จนในที่สุด ฝรั่งเศสยอมทำสัญญายกเมืองตราดคืนให้แก่ประเทศไทย จึงตั้งให้วันที่ 23 มีนาคม ของทุกปี เป็น ‘วันตราดรำลึก’ ทั้งนี้เพื่อน้อมถวาย และระลึกถึงวันสู่อิสรภาพของเมืองสำคัญแห่งนี้


ที่มา: http://www.trat.go.th/trat100/trat_100/trat50.htm, http://oknation.nationtv.tv/blog/buraphadialysis/2008/07/19/entry-1

ต้องพึ่งพาตัวเอง ! รมว.สาธารณสุข เผยความคืบหน้าวัคซีนโควิดของไทย ล่าสุด องค์การเภสัชกรรม ได้ทดลองวัคซีนโควิด 19 ในคน ครั้งแรกแล้ว พร้อมวางเป้าปี 65 ผลิตได้ 30 ล้านโดส

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ร่วมแถลงข่าว การพัฒนาวิจัยวัคซีนป้องกันโควิด-19 ชนิดเชื้อตายขององค์การเภสัชกรรม (อภ.) เริ่มวิจัยในมนุษย์ระยะที่ 1 และ 2 พร้อมให้กำลังใจอาสาสมัครที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรกในการวิจัย โดยระบุว่า

การวิจัยพัฒนาและผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ขึ้นเองภายในประเทศ เป็นการสร้างความมั่นคงและพึ่งพาตนเอง ซึ่งองค์การเภสัชกรรมได้วิจัยพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ชนิดเชื้อตาย ด้วยเทคโนโลยีไข่ไก่ฟัก ผลวิจัยในสัตว์ทดลองพบว่า มีความปลอดภัยและกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดี

ดังนั้นในวันนี้ อภ. จึงร่วมกับศูนย์วัคซีน คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล เริ่มศึกษาวิจัยวัคซีนในมนุษย์ระยะที่ 1 และ 2 โดยการศึกษาวิจัยจะฉีดวัคซีนให้กับอาสาสมัคร รวม 460 คน และจะศึกษาวิจัยในมนุษย์ให้มีผลครบถ้วนเพื่อนำข้อมูลไปยื่นขอขึ้นทะเบียนต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) และผลิตในระดับอุตสาหกรรมที่โรงงานผลิตวัคซีนขององค์การเภสัชกรรม ต. ทับกวาง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ซึ่งมีเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนด้วยไข่ไก่ฟักที่ใช้ในการผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่อยู่แล้ว

พร้อมปรับมาใช้ผลิตวัคซีนโควิด-19 ได้ทันที คาดว่าภายในปี 2565 จะขอรับทะเบียนตำรับและเริ่มผลิตวัคซีนได้ โดยผลิตได้ 25-30 ล้านโดสต่อปี

"เมื่อการทดลองประสบความสำเร็จ จะทำให้ระบบสาธารณสุขของไทยดีขึ้น สามารถบริหารจัดการวัคซีนได้ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เราจะมีอิสระในการบริหารจัดการ การวิจัยครั้งนี้ไม่ใช่แค่การถ่ายทอดเทคโนโลยีเท่านั้นแต่เป็นการที่เราสร้างวัคซีนขึ้นมาเองบนต้องขอขอบคุณอาสาสมัครในการฉีดวัคซีนวันนี้พวกคุณถือเป็นวีรบุรุษวีรสตรีในการเสียสละทุ่มเทเพื่อทดสอบวัคซีน ให้เกิดประโยชน์กับมนุษยชาติ"

สำหรับ การฉีดวัคซีนโควิด19 ชนิดเชื้อตายในอาสาสมัครครั้งนี้เป็นการทดลองในมนุษย์ระยะที่ 1 และ 2 โดยเริ่มทดลองกลุ่มแรก 18 คน และในวันนี้ ได้ฉีดในอาสาสมัคร 4 คน แบ่งเป็นช่วงเช้า 2 คน และช่วงบ่าย 2 คน ขั้นตอนจะมีการซักประวัติและเส้นหนังสือยินยอมยินดีร่วมโครงการวิจัย หลังจากนั้นก็จะตรวจเลือดอาสาสมัคร เพื่อดูค่าตับ ค่าไต เม็ดเลือดแดง ตรวจหาตับอักเสบบี ตับอักเสบซี และเอชไอวีและทำนัดหมายมารับวัคซีน

ทั้งนี้ อาสาสมัครจะต้องไม่ติดเชื้อ หรือมีประวัติติดเชื้อโควิด-19 มาก่อน และไม่ใช่หญิงตั้งครรภ์ กลุ่มอาสาสมัครจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม เพื่อทำการสุ่มตัวอย่าง โดยผู้ดำเนินการฉีดกระทำโดยพยาบาลอิสระ และกลุ่มเฝ้าสังเกตอาการอีกกลุ่ม โดยมีการตรวจว่า 30 นาทีแรกเกิดอาการหรือไม่ และสังเกตอาการต่อ 4 ชั่วโมง ก่อนจะอนุญาตให้กลับบ้านได้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top