Tuesday, 24 June 2025
TheStatesTimes

‘ไรมอน แลนด์’ พลิกโฉมสู่ ‘Super Luxury’ | Game Changer เก่งพลิกเกม EP.4

‘ไรมอน แลนด์’ ในวันที่ต้องการจับ ‘เศรษฐีวัยรุ่น’ ภาพจำ ‘ไรมอน แลนด์’ ที่ผ่านมา คือหนึ่งในผู้นำอสังหาริมทรัพย์หรู (ลักชัวรี่) ที่มีฐานเศรษฐีกระเป๋าหนักทั้งชาวไทยและต่างชาติ ตบเท้าเข้ามาเป็นลูกค้ามาตลอด 33 ปี ปัจจุบัน ‘ไรมอน แลนด์’ อยู่ภายใต้การบริหารงานของกลุ่ม ‘KPN’ ของตระกูล ‘ณรงค์เดช’ หลังเข้ามาถือหุ้นใหญ่เมื่อ 2 ปีก่อน

ปี 2563 ในวันที่โลกเผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในจังหวะเดียวกัน ‘ไรมอน แลนด์’ เอง ก็ได้เปลี่ยนขุนพล ด้วยการดัน ‘กรณ์ ณรงค์เดช’ ขึ้นมากุมบังเหียน ในฐานะซีอีโอคนล่าสุดของ ‘ไรมอน แลนด์’ ด้วยเช่นเดียวกัน ภารกิจแรก ของกรณ์ ในฐานะซีอีโอ คือการรีแบรนด์ ไรมอน แลนด์ ให้มีความสดกว่า ใหม่กว่า เพื่อเข้าถึงกลุ่ม Young Generation ได้ง่ายขึ้น ในขณะที่ยังคงความเป็นแบรนด์อสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรีของประเทศไทย ที่เป็นจุดแข็งมาตลอด 33 ปี เช่นเดิม

THE STATES TIMES จะพาไปคุยกับ ซีอีโอ หนุ่มไฟแรง ถึงทิศทางของ The Next ไรมอน แลนด์ ที่จะสะท้อนตัวตน หรือ DNA ของไรมอน แลนด์ ที่มีความเป็นลักซ์ชัวรี่ ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

.

 

กระทรวงคมนาคม ปักเข็ม 64 เดินหน้าดันโปรเจ็กต์มอเตอร์เวย์ 3 เส้นทาง มูลค่าโครงการรวมกว่า 8.3 หมื่นล้านบาท

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ในปี 64 กระทรวงคมนาคมจะผลักดัน 3 โครงการวงเงินรวมประมาณ 83,520 ล้านบาทให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม ประกอบด้วย

1.) โครงการทางหลวงระหว่างเมือง(มอเตอร์เวย์) ช่วงเอกชัย - บ้านแพ้ว ระยะทาง 16.4 กม.วงเงินก่อสร้าง 19,700 ล้านบาท ซึ่งครม. อนุมัติให้กรมทางหลวง (ทล.) ดำเนินการโดยใช้เงินจากกองทุนมอเตอร์เวย์อยู่ระหว่างเสนอคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) ทล.วางเป้าหมายเปิดประมูลกลางปีนี้ จะเชื่อมต่อทางยกระดับบางขุนเทียน-เอกชัย ระยะทางประมาณ 10 กม. วงเงินประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ที่ทล. กำลังก่อสร้าง และจะแล้วเสร็จภายในเดือนส.ค. 65

2.) โครงการมอเตอร์เวย์ส่วนต่อขยายทางยกระดับอุตราภิมุข (ดอนเมืองโทลล์เวย์) ช่วงรังสิต-บางปะอิน ระยะทาง 18 กม. วงเงินก่อสร้าง 28,135 ล้านบาท จะเชื่อมต่อมอเตอร์เวย์สายบางปะอิน - นครราชสีมา (M6) โดยสั่งการให้ ทล. เร่งศึกษาเพื่อขออนุมัติกระทรวงคมนาคมรวมทั้งครม.ภายในปีนี้

และ 3.) โครงการมอเตอร์เวย์ทางยกระดับช่วงศรีนครินทร์-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (M7) ระยะทาง18.5 กม. วงเงิน 35,685 ล้านบาท จะเร่งเสนอครม.ภายในปีนี้เช่นกัน โดยใช้หลักการให้ภาครัฐร่วมลงทุนกับเอกชน( PPP ) คาดว่าจะผลักดันให้เดินหน้าได้และตอบโจทย์การจราจรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้บริหารงานประเทศไทยตั้งแต่ครม. ยุคก่อน (ประยุทธ์ 1) จนถึงปัจจุบันรวมเวลา 6 - 7 ปีแล้ว ต้องการให้เร่งดำเนินโครงการที่ได้ลงทุนไปแล้ว และสามารถเปิดบริการได้

ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดรายได้จากการเก็บค่าผ่านทางกลับเข้ามาซึ่งในส่วนของกระทรวงคมนาคม ดำเนินหลายโครงการตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี อาทิ โครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ - รังสิต และช่วงบางซื่อ - ตลิ่งชัน ที่เตรียมเปิดบริการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบช่วงเดือน พ.ย.64 รวมถึงโครงการมอเตอร์เวย์ส่วนต่อขยายพัทยา - มาบตาพุด ที่เปิดให้บริการและเก็บค่าผ่านทางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ออกแถลงการณ์ ต่อกรณี แม่ 3 แกนนำม็อบเข้าพบ

คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน พร้อม 'แม่เพนกวิน' 1 ในแม่ของแกนนำผู้ชุมนุมราษฎร เข้ายื่นหนังสือต่อองค์กรนานาชาติ และ นายไมเคิล ฮีท อุปทูตรักษาราชการสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย

โดยใจความเนื้อหาในจดหมายบางส่วน อ้างถึงสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทยเลวร้ายลงอย่างต่อเนื่องหลังรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 เป็นต้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือกรณีการชุมนุมที่นำโดยนิสิตนักศึกษาในปี 2563 ที่ผ่านมาที่มีการขัดขวางและสลายการชุมนุมอย่างผิดหลักการและขั้นตอนสากล มีการใช้กำลังอย่างไม่ได้สัดส่วนกับการชุมนุม มีการขู่คุกคามผู้ชุมนุมทั้งในสถานศึกษาและที่พักอาศัย รวมถึงมีการตั้งข้อหาและดำเนินคดีแกนนำและผู้ชุมนุมด้วยกฎหมายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 ฯลฯ

เนื้อหาในจดหมายยังระบุอีกว่า ตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน 2563 ถึงกลางเดือนมีนาคม 2564 มีผู้ถูกดำเนินคดีจากการแสดงออกและการชุมนุมทางการเมืองในข้อหาตามมาตรา 112 อย่างน้อย 73 คน ใน 63 คดี โดยในจำนวนของผู้ถูกจับกุม 18 คน มีเพียง 6 คนที่ได้รับสิทธิประกันตัว ส่วนที่เหลืออีก 12 คนไม่ได้รับสิทธิประกันตัว แม้บางคนจะเป็นนักศึกษาและอยู่ระหว่างการศึกษาเล่าเรียน เช่น นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ นางสาวปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล และนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา ไม่นับรวมผู้ต้องหาคนอื่นที่ไม่มีแนวโน้มว่าจะหลบหนีหรือก่อความยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ไม่ว่าจะเป็นนายอานนท์ นำภา นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข หรือนายภาณุพงศ์ จาดนอก

นอกจากนี้ ยังมีการไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เช่น การพาตัวผู้ต้องหาจากศาลไปยังเรือนจำก่อนที่ผู้ต้องหาจะลงนามรับทราบคำสั่งศาลในคำขออนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ขณะที่มีแนวโน้มว่านักศึกษาและประชาชนในส่วนที่เหลือจะถูกจับกุมตามหมายแล้วไม่ได้รับสิทธิการประกันตัวในลักษณะเดียวกัน

การปฏิเสธคำขอปล่อยตัวชั่วคราวของผู้ต้องหาโดยอ้างเหตุผลว่าผู้ต้องหาจะไปก่อเหตุในลักษณะเดียวกันถือว่าขัดหลักการพื้นฐานทางกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมทั้งในระดับสากลและที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญที่ว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด เพราะเป็นการตัดสินล่วงหน้าว่าการกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดทั้งที่กระบวนการไต่สวนพิจารณาคดียังไม่ได้เริ่ม

เครือข่ายนักวิชาการ นักศึกษา ประชาชน รวมถึงผู้ต้องหาและญาติ จึงเดินทางมายังสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยเพื่อให้ประเทศสหรัฐอเมริกาในฐานะประเทศที่ส่งเสริมประชาธิปไตย ปกป้องสิทธิและเสรีภาพของประชาชน รวมถึงผดุงไว้ซึ่งหลักนิติรัฐและนิติธรรม ได้ตระหนักในสถานการณ์ละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยโดยเฉพาะที่เกิดขึ้นภายใต้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม และสื่อสารไปยังรัฐบาลไทยให้ยุติการกระทำดังกล่าวในทันที

ขณะที่ สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เมื่อได้รับทราบข้อความ ก็ได้ออกแถลงการณ์ ความว่า...

"ในวันศุกร์ที่ 19 มีนาคม อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูต ไมเคิล ฮีธ พบกับมารดาของนักเคลื่อนไหว 3 คนที่กำลังถูกคุมขังอยู่ในขณะนี้ โดยเป็นการพบปะกันตามคำขอของพวกเธอ ซึ่งได้แสดงความเป็นกังวลเกี่ยวกับบุตรของพวกเธอ

อุปทูตฮีธ และเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ คนอื่นๆ ได้พบปะกับชาวไทยในหลากหลายภาคส่วนอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐบาล เจ้าหน้าที่ทหาร นักธุรกิจ นักวิชาการ หรือผู้นำเยาวชน ทั้งนี้เพื่อให้ทราบถึงเป้าหมาย ความกังวล และประเด็นที่ชาวไทยให้ความสำคัญ การพบปะกันเช่นนี้สะท้อนถึงงานหลักของเจ้าหน้าที่การทูต อันได้แก่ การแสวงหาความเข้าใจเกี่ยวกับมุมมองที่กว้างขวางในด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม การเมือง และอื่นๆ ของพลเมืองในประเทศที่ประจำการอยู่


ที่มา: https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87/144038?utm_campaign=%E0%B9%81%E0%B8%96%E0%B8%A5%E0%B8%87&utm_source=line&utm_medium=oa

(เปียงยาง) เกาหลีเหนือประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับมาเลเซีย หลังกัวลาลัมเปอร์ ส่งตัวพลเมืองชาวเกาหลีเหนือรายหนึ่งในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนไปยังสหรัฐฯ จากคำแถลงของกระทรวงการต่างประเทศที่เผยแพร่โดยสื่อมวลชนแห่งรัฐเคซีเอ็นเอ

"เมื่อวันที่ 17 มีนาคม เจ้าหน้าที่มาเลเซียก่ออาชญากรรมที่อภัยให้ไม่ได้ บังคับส่งตัวพลเมืองผู้บริสุทธิ์ (ของเกาหลีเหนือ) ไปยังสหรัฐฯ" ถ้อยแถลงระบุกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือระบุ

ถ้อยแถลงระบุต่อว่าด้วยเหตุนี้ กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือ ขอประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตโดยสิ้นเชิงกับมาเลเซีย พร้อมกล่าวประณามสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า "พฤติกรรมที่เป็นศัตรู" ที่กระทำกับเปียงยาง โดยโอนอ่อนต่อแรงกดดันจากสหรัฐฯ

ในถ้อยแถลงให้คำจำกัดความบุคคลซึ่งไม่ระบุชื่อรายดังกล่าว ว่าเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมการค้านอกประเทศอย่างถูกกฎหมายในสิงคโปร์ พร้อมยืนยันว่าข้อกล่าวหาที่ว่าเขาพัวพันกับการฟอกเงินผิดกฎหมายนั้นเป็นเพียงข้อกล่าวหาที่อุปโลกน์ขึ้นมา

โดยเมื่อวันที่ 3 มีนาคม ชายชายเกาหลีเหนือนามว่า มุน โชล มยอง ถูกตีตกคำอุทธรณ์สุดท้ายในศาลสูงสุดของมาเลเซีย ในการคัดค้านการถูกส่งตัวในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนไปยังสหรัฐฯ เพื่อเผชิญข้อกล่าวหาฟอกเงิน

มุน ซึ่งพักอาศัยอยู่ในมาเลเซียกับครอบครัวมานานกว่า 1 ทศวรรษ ถูกจับกุมในปี 2019 ตามหลังมีคำร้องขอตัวผู้ร้ายข้ามแดนมาจากสหรัฐฯ

ระหว่างขึ้นให้การกับศาล เขาปฏิเสธคำกล่าวอ้างของเอฟบีไอ ที่กล่าวหาว่าเขาเป็นแกนนำแก๊งอาญากรรมกลุ่มหนึ่ง ซึ่งละเมิดมาตรการคว่ำบาตร ด้วยการจัดหารายการต้องห้ามแก่เกาหลีเหนือ และฟอกเงินผ่านบริษัทต่าง ๆ ซึ่งตั้งขึ้นมาบังหน้า

ทนายความเปิดเผว่าเขาเผชิญข้อกล่าวหาฟอกเงิน 4 กระทงและสมคบคิดฟอกเงิน 2 กระทง โดยข้อกล่าวหาส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการงานของเขาในสิงคโปร์

ไม่เป็นที่ชัดเจนว่า มุน ถูกกล่าวหาจัดหาสินค้าประเภทไหน แต่ที่ผ่านมาเคยมีกรณีที่บรรดานักธุรกิจในสิงคโปร์ ส่งข้าวของหรูๆ อย่างสุราและนาฬิกาไปยังเกาหลีเหนือ

การส่งออกสินค้าหรูบางรายการไปยังเกาหลีเหนือถูกห้าม ส่วนหนึ่งในมาตรการคว่ำบาตรอันกว้างขวางที่สหประชาชาติและประเทศอื่นๆกำหนดเล่นงานเปียงยาง ในนั้นรวมถึงสหรัฐฯ โดยมีจุดมุ่งหมายสกัดโครงการอาวุธของเกาหลีเหนือ


ที่มา: https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=3989816011079514&id=119425428118611

'ผู้ว่าฯ ปู' วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี คืนถิ่นสมุทรสาคร คนแห่รับเนืองแน่น ด้านพ่อเมืองบอกรักและคิดถึงที่สุด สมุทรสาคร ขอเวลาพักฟื้นอีก 1 เดือนพร้อมสู้ต่อ

ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล และ รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ แพทย์ผู้ให้การดูแลฯ ได้เดินทางมาที่ศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมกับ นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร หรือผู้ว่าฯ ปู / นางชุติพร วิจิตร์แสงศรี (ภริยา) นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสมุทรสาคร และ นางสาววีราพร หรือ น้องน้ำหวาน วิจิตร์แสงศรี (บุตรสาว) เพื่อพบปะกับ นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร นายสุรศักดิ์ ผลยังส่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร หัวหน้าส่วนราชการ ภาครัฐ ภาคเอกชน และพี่น้องประชาชนที่มาร่วมกันต้อนรับอย่างเนืองแน่น

โดยเมื่อขบวนรถของผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครมาถึงผู้ที่มาต้อนรับปรบมือส่งเสียงดีใจ ที่ท่านเดินทางกลับมาที่สมุทรสาครด้วยใบหน้าที่สดใส มีรอยยิ้มและสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงขึ้น แม้จะยังไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดและครอบครัว โบกมือทักทายทุกคน พร้อมกับยกมือไหว้ขอบคุณที่ทุกคนรักและมารอต้อนรับ ก่อนที่จะเข้าห้องประชุมพันท้ายนรสิงห์ฯ เพื่อพบปะกับผู้แทนจากภาคส่วนต่างๆ ประมาณ 30 คน

สำหรับในห้องประชุมหลังจากที่ ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล และ รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ ได้เล่าให้ฟังถึงอาการท่านผู้ว่าฯ และแนวทางการรักษา ตลอดจนกำลังใจที่มีส่วนสำคัญทำให้ท่านผู้ว่าฯ ฟื้นคืนร่างกายกลับมาได้โดยเร็วแล้วนั้น ทางนายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ก็ได้กล่าวถึงความรู้สึกตั้งแต่เริ่มแรกที่รู้ว่าติดเชื้อโควิด -19 จนกระทั่งนอนอยู่ในโรงพยาบาลแบบไม่รู้สึกตัว 43 วัน และต้องพักรักษาอยู่ในโรงพยาบาลศิริราชทั้งหมด 82 วัน

ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้น ตนเองได้รับรู้เรื่องราวต่าง ๆ ผ่านการเล่าเรื่องจากแพทย์ผู้ให้การดูแลรักษามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเรื่องของโรงพยาบาลสนามที่ตนมุ่งหวังและเชื่อมั่นว่าจะเป็นแนวทางในการป้องกันแก้ไขสถานการณ์โควิดให้ลุล่วงไปได้อย่างแน่นอน จนกระทั่งเมื่อตนเองรู้สึกตัวและสามารถขยับร่างกายได้แล้วนั้น ก็ได้อ่านข่าวสารต่าง ๆ เกี่ยวกับโควิดที่สมุทรสาครมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้รับรู้ความเคลื่อนไหว ความมุ่งมั่นในการทำงานเพื่อแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้น น้ำใจจากทุกภาคส่วนที่หลั่งไหลสู่สมุทรสาคร และความรัก ความสามัคคีของคนสมุทรสาคร ตลอดจนกำลังใจที่ส่งต่อมาให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครอย่างล้นหลาม

นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า สิ่งที่อยากจะบอกกับคนสมุทรสาครคือ “รักและคิดถึงสมุทรสาครมากที่สุด” แม้ตนเองจะไม่ใช่คนสมุทรสาคร แต่การที่ได้มาทำงานที่นี่กว่า 1 ปี ก็รักและคิดถึงที่นี่มากแม้ว่าที่นี่ไม่ใช่บ้านก็เสมือนบ้านของตนเอง โดยสถานการณ์โควิด-19 วันนี้ เป็นบททดสอบที่สำคัญยิ่ง ซึ่งคนเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครจะต้องมีส่วนรับผิดชอบในการควบคุมสถานการณ์

ทั้งนี้ตนก็เชื่อว่าการระบาดครั้งนี้จะต้องมีจุดจบ สมุทรสาครจะต้องสามารถกลับขึ้นมายืนได้อีกครั้ง ด้วยความร่วมมือของคนสมุทรสาคร ที่จะทำให้เราสามารถต่อสู้ชนะโควิดได้ในเร็ววันนี้ ส่วนตัวนั้นขอเวลาอีกประมาณ 1 เดือนในการพักฟื้นร่างกายตามคำสั่งของแพทย์ หลังจากนั้นจะกลับมาทำงานรับใช้พี่น้องชาวสมุทรสาคร

ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ยังบอกทิ้งท้ายด้วยอารมณ์แห่งความสุขและเรียกรอยยิ้มด้วยว่า ถ้าวันที่หายเป็นปกติสุขภาพร่างกายแข็งแรงดีแล้ว คิดว่าจะลงพื้นที่ไหนเป็นจุดแรกนั้น คงตอบไม่ได้ เพราะทุกพื้นที่สำคัญเหมือนกันหมด หากจะระบุไปที่ใดที่หนึ่งกลัวจะทำให้พื้นที่อื่นเกิดความน้อยใจ เพราะการทำงานเลือกพื้นที่ไม่ได้ คงต้องดูความเหมาะสมหรือความจำเป็นในขณะนั้น อีกอย่างหนึ่งคือ บอกไม่ได้ตอนนี้ เพราะกลัวภริยาจะรู้ ห้ามไม่ให้ไปทำงาน

ทั้งนี้หลังจากที่ใช้เวลาในห้องประชุมประมาณ 1 ชั่วโมง เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ได้มีการรับประทานอาหารร่วมกันเป็นมื้อแรกที่สมุทรสาคร โดยมีเมนูโปรดของท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครคือ ข้าวผัดปู ต้มส้มปลากระบอก ปลาหมึกผัดกะปิ กุ้งซอสมะขาม ลอดช่องวัดเจษ และลำไยพวงทอง ส่วนการรับประทานอาหารนั้นก็จัดเป็นเซ็ตสำหรับแต่ละท่าน มีการเว้นระยะห่างตามมาตรการ New Normal


ที่มา: https://www.komchadluek.net/news/local/461546

เยอรมัน, ฝรั่งเศส, อิตาลี และสเปน ยืนยันเดินหน้าโครงการฉีดวัคซีน AstraZeneca ต่อให้ครบตามเป้าหมาย แม้จะมีข่าวการค้นพบอาการลิ่มเลือดอุดตันในกลุ่มผู้รับวัคซีนบางราย จนทำให้มีประเทศในสหภาพยุโรปถึง 13 ประเทศระงับการฉีดวัคซีนไปก่อนเพื่อรอการตรวจสอบ

แต่ล่าสุด หน่วยงานการแพทย์แห่งยุโรป หรือ EMA ได้ทำการตรวจสอบวัคซีนของ AstraZeneca อีกครั้งและรายงานผลว่า อาการลิ่มเลือดอุดตัน ไม่เกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีน พร้อมยืนยันว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยที่จะช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของ Covid-19 อย่างได้ผล แต่ทั้งนี้ก็สุดแล้วแต่รัฐบาลของแต่ละประเทศสมาชิกจะพิจารณาว่าจะยุติ หรือไปต่อกับ AstraZeneca

และทางเยอรมัน, ฝรั่งเศส, อิตาลี และสเปน 4 ประเทศแกนนำหลักของสหภาพยุโรปก็ตัดสินใจไปต่อกับ AstraZeneca โดย นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ฌอง คาสเทค ออกมาสนับสนุนการใช้วัคซีน AstraZeneca และกล่าวว่าตอนนี้ที่ฝรั่งเศสยังพบการแพร่ระบาดรุนแรง และมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการระบาดระลอกที่ 3 ขึ้น ดังนั้นจึงควรเร่งเดินหน้าโครงการวัคซีนให้เร็วที่สุด และ ฌอง คาสเทค ก็จะเข้ารับการฉีดวัคซีน AstraZeneca ในวันศุกร์ที่ 19 มีนาคมนี้

เช่นเดียวกันกับนายกรัฐมนตรีอังกฤษ นายบอริส จอห์นสัน ที่เคยมีประสบการณ์ ติด Covid-19 ในระดับรุนแรงมาแล้ว ก็ออกมารับประกันความปลอดภัยของวัคซีน AstraZenca และพร้อมที่จะรับวัคซีนเข็มแรกในเร็วๆนี้ นายบอริส จอห์นสัน ย้ำว่า ติด Covid-19 ไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะครับ ถ้ามีวัคซีนมาแล้ว ควรรีบมาฉีดกันดีกว่า

ทางด้านองค์การอนามัยโลกก็ได้ออกแถลงการณ์ว่า วัคซีน AstraZeneca มีความปลอดภัย และมีความเสี่ยงน้อย สามารถฉีดต่อไปได้

ส่วนทางบริษัท AstraZenca แถลงว่า ตอนนี้มีประชากรในยุโรป และอังกฤษมากถึง 17 ล้านคนได้รับวัคซีนของบริษัทเรียบร้อยแล้ว มีรายงานการเกิดลิ่มเลือดอุดตันเพียง 37 เคสที่ไม่น่าจะสัมพันธ์กับผลข้างเคียงหลังได้รับวัคซีน

AstraZenca เป็นหนึ่งในวัคซีน Covid-19 ที่ใช้อย่างแพร่หลายมากที่สุดในโลก รองจากวัคซีน Pfizer เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ยอดจองวัคซีนยังคงล้นหลาม และหนึ่งในจุดมุ่งหมายของทีมพัฒนาวัคซีน AstraZeneca คือการสร้างวัคซีนที่ประชากรทุกคนบนโลกสามารถเข้าถึงได้ง่าย ไม่ว่าจะด้วยเรื่องราคา การผลิต การขนส่งและการใช้งาน ให้เรียบง่าย และมีประสิทธิภาพสูงนั่นเอง


อ้างอิง:

https://www.bbc.com/news/world-europe-56440139

https://www.bbc.com/news/uk-56452412

https://timesofindia.indiatimes.com/world/europe/french-pm-jean-castex-says-he-plans-to-get-an-astrazeneca-covid-19-vaccine/articleshow/81539624.cms

https://www.newsweek.com/boris-johnson-jean-castex-signal-support-astrazeneca-vaccine-getting-shots-amid-controversy-1577210

ที่จังหวัดร้อยเอ็ด นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า เดินทางมาพบปะพูดคุยและร่วมหาเสียงให้กับ นายร่วมภูมิศักดิ์ พลเยี่ยม ผู้สมัครนายกเทศมนตรีโพนทอง เบอร์ 3 และผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาลในนามคณะก้าวหน้า

สำหรับโค้งสุดท้ายการเลือกตั้งท้องถิ่นระดับเทศบาล ซึ่งกำลังจะมีขึ้นในวันที่ 28 มีนาคม นี้

ที่ตลาดเทศบาลโพนทอง อ.โพนทอง นายปิยบุตร ได้กล่าวตอนหนึ่งในการพบปะประชาชนว่า คณะก้าวหน้าออกแบบนโยบายโดยดูจากงบประมาณที่เทศบาลมี ใช้มันสมองของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ร่วมกับความเป็นคนพี้นที่โพนทองของ ร่วมภูมิศักดิ์ พลเยี่ยม ผู้สมัครนายกเทศมนตรี และรับฟังปัญหาจากพี่น้องประชาชน คิดค้นออกมาเป็นนโยบายก้าวหน้า ไม่ว่าจะเป็นสวัสดิการและบริการสาธารณะ เศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชน สิ่งแวดล้อม พัฒนาพื้นที่สาธารณะ การเดินทางเข้าถึงบริการขั้นพื้นฐาน และส่งเสริมการบริหารงานเทศบาลที่โปร่งใสตรวจสอบได้

“นโยบายดี ๆ เพื่อเทศบาลก้าวหน้าจะเกิดขึ้นได้ต้องให้โอกาสคนใหม่ๆ เข้าไปทำงาน ผมเข้าใจดีว่าการเมืองท้องถิ่นที่ผ่านมายึดโยงกันด้วยความเป็นครอบครัว ความสนิทชิดเชื้อ พี่น้องอาจคิดว่าต้องกากบาทให้คนนั้นคนนี้ เพราะเคยช่วยเหลือมาเยอะ แต่หลักการที่ถูกต้องของการเมืองท้องถิ่น คือต้องสัมพันธ์กันด้วยสิทธิและหน้าที่ มิใช่บุญคุณที่ต้องทดแทน ใครก็ตามที่เข้าไปมีอำนาจรัฐ มีหน้าที่ต้องดูแลพี่น้องประชาชน และพี่น้องมีสิทธิเรียกร้องให้เขามาทำงานให้เราแบบที่เราต้องการ ที่สำคัญที่สุดเงินที่จ้างเขามาทำงานในเทศบาลเงินที่เขาเอามาพัฒนาบ้านของเรา แท้จริงแล้วก็คือเงินภาษีของพี่น้องเอง คือทุกบาททุกสตางค์ของเราที่จับจ่ายซี้อของไป ภาษีเหล่านั้นถูกจัดสรรกลับมาเป็นงบประมาณเทศบาล” ปิยบุตร กล่าว

จากนั้นนายปิยบุตรและคณะผู้สมัครนายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาล ได้ทักทายพี่น้องทั่วตลาดมีแม่ค้าพ่อค้าและประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อของเข้ามาขอถ่ายรูปเป็นจำนวนมาก หลายคนบอกว่าเป็นกำลังใจให้ต่อสู้กับเผด็จการต่อไป อีกกี่สิบปีก็จะรอ ขณะที่ นายปิยบุตร บอกว่าไม่ต้องรอถึงสิบปี 28 มีนาคมนี้ เลือกผู้สมัครนายกเทศมนตรีคณะก้าวหน้า ก็ได้มันสมองของธนาธรมาทำนโยบายดี ๆ ให้พี่น้อง เห็นผลทันตา เทศบาลก้าวหน้าอย่างแน่นอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้น ทั้งหมดเดินทางไปพบปะกับกลุ่มอาชีพจักรสานบ้านคำแข้ ณ ศูนย์อาชีพ บ้านคำแข้ จ.ร้อยเอ็ด “ครูสวย” ผู้ริเริ่มการฝึกอบรมงานจักรสานให้กับแม่ ๆ ในพื้นที่บ้านแข้เล่าว่า พอเกษียณอายุก็จัดอบรมฝึกอาชีพจักรสานกระเป๋ากันมาตั้งแต่ปี 2561 ใครอยากเรียนก็มาฝึกกันและตั้งขายที่หน้าศูนย์ บางครั้งมีลูกค้ามารับไปขายต่อ แต่ปัจจุบันยังไม่ได้มีช่องทางส่งสินค้าที่แน่นอน

ด้าน ร่วมภูมิศักดิ์ กล่าวว่า ตนเองมีนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน โดยนำงบประมาณของเทศบาลมาจัดสรรปันส่วนให้เป็นทุนสนับสนุนกลุ่มอาชีพทุกหมู่บ้าน หมู่บ้านละ 100,000 บาท เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนที่ริเริ่มมาแล้ว แต่ยังไม่มีช่องทางในการเพิ่มกำไร ขณะที่ นายปิยบุตร กล่าวเสริมทิ้งท้ายว่า การเลือกตั้ง 28 มีนาคมนี้ เรียกได้ว่าเป็นประชาธิปไตยที่กินได้อยู่หน้าบ้านของพี่น้อง หากได้นายกเทศมนตรีมีความสามารถ บริหารงบประมาณเป็นสักคนชีวิตในบ้านของพี่น้องจะเปลี่ยนไปได้ชั่วข้ามคืน จึงอยากชวนออกไปใช้สิทธิ์กันให้มาก ๆ ถ้าไม่ใช้สิทธิใช้เสียง แปลว่าปล่อยให้งบประมาณปีละหลายล้านบาท เอาไปให้ใครไม่รู้บริหาร

'สมศักดิ์' ชง!! คลายล็อกกีฬาพื้นบ้าน ไก่ชน - มวย - วัว - ม้า เปิดแข่งแบบไม่มีคนดู - ถ่ายสดผ่านไลฟ์ กระตุ้นปากท้องห่วงโซ่ธุรกิจเกี่ยวข้อง

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโรคไวรัสโคโรนา 2019 ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ โดยทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มีความห่วงใยถึงการแข่งขันกีฬาประเภทต่าง ๆ และหารือถึงการคลายล็อก ซึ่งตนคิดถึงกีฬาพื้นบ้าน เช่น ไก่ชน, มวย, ม้าและวัวชน จึงได้เสนอที่ประชุมให้มีการเปิดการแข่งขัน โดยที่ไม่ต้องมีผู้เข้าชม

โดยในปัจจุบันเทคโนโลยีการสื่อสารพัฒนาไปไกลแล้ว เราสามารถถ่ายทอดสดการแข่งขันผ่านการไลฟ์สดได้ และเมื่อสถานการณ์ดีขึ้นเราก็จะค่อย ๆ ทยอยเปิดให้มีผู้เข้าชมในสนามได้ เหมือนการแข่งขันฟุตบอลไทยลีกและวอลเล่ย์บอล ซึ่งสิ่งที่จะได้ประโยชน์ตามมาคือ คนที่ทำงานในซุ้มไก่จะมีงานทำและมีรายได้ เพราะปัจจุบันพบว่า ใน 1 หมู่บ้านจะมีคนที่ทำงานเกี่ยวกับซุ้มไก่ เช่น คนเลี้ยงไก่ คนให้น้ำไก่ ประมาณหมู่บ้านละ 10 คน ซึ่งหากเราเปิดตรงนี้ได้คาดว่าจะสร้างงานได้ถึง 8 แสนคน นี่ยังไม่รวมกับค่ายมวย สนามม้าและสนามวัวอีกที่มีลักษณะคล้ายกัน

"ท่านนายกฯเห็นด้วยกับแนวทางนี้ และสั่งการให้ผู้บริหารไปวางแผนและเร่งดำเนินการ อาชีพต่าง ๆ จะต้องไม่ชะงัก สมาคมต่าง ๆ ที่จะเดินทางมาเรียกร้องก็คงไม่ต้องมาแล้ว เพราะท่านนายกฯรับทราบปัญหาและเข้าใจในจุดนี้โดยได้เร่งแก้ไขให้แล้ว แต่ทั้งนี้ หากเปิดให้ทำกิจกรรมแล้ว ทุกคนต้องต้องรักษากฎเกณฑ์ ไม่ให้มีคนดูก็ต้องห้ามเข้าอย่างเด็ดขาด อย่าชุมนุมคนมากมาย เพื่อให้สถานการณ์ต่าง ๆ ผ่านไปด้วยดี คนที่เลี้ยงม้า เลี้ยงวัว เลี้ยงไก่ ทำค่ายมวย ก็ไม่ตกงาน แต่อาจไม่มีรายได้จากค่าผ่านประตู หรืออาจะมีน้อย ตรงนี้ก็ต้องค่อย ๆ แก้ไขกันไป ซึ่งรัฐบาลพยายามค่อย ๆ ผ่อนคลายเป็นส่วนใหญ่แล้ว"


ที่มา: https://www.komchadluek.net/news/politic/461530

ธุรกิจพี่เลี้ยงสัตว์กำลังมาแรงในประเทศจีนโดยบางคนสามารถทำรายได้สูงถึง 1,000 หยวนหรือ 4,700 บาทต่อวันเลยทีเดียว

ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?

เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ได้รายงานว่า อีกหนึ่งธุรกิจที่กำลังมาแรงในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่บรรดาทาสหมา ทาสแมวจะต้องตาลุกวาวไปตาม ๆ กัน โดยช่วงนี้เจ้าของสัตว์บางคนไม่สามารถเดินทางกลับไปหาสัตว์เลี้ยงของพวกเขาได้ รวมไปถึงลูกค้าบางคนมักจะต้องเดินทางไปติดต่อธุรกิจหรือแฮงเอาท์กับเพื่อนฝูง แต่ไม่อยากทิ้งสัตว์เลี้ยงไว้ตามลำพังธุรกิจนี้จึงเป็นทางออก

ประกอบกับทุกวันนี้การให้บริการทางออนไลน์ได้รับความนิยมมากขึ้น หลายคนหันไปพึ่งพาคนแปลกหน้าบนอินเทอร์เน็ตแทนที่จะขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้างอย่างเพื่อนหรือครอบครัว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม (อาจจะเป็นเพราะการไหว้วาน มักสร้างความรำคาญแก่คนใกล้ชิด และการดูแลสัตว์ โดยที่ไม่ได้รัก ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย) และนั่นก็ทำให้ธุรกิจพี่เลี้ยงสัตว์ได้รับความนิยมในจีน

สำหรับธุรกิจนี้เจ้าของสัตว์และพี่เลี้ยงสัตว์ไม่ต้องพบหน้ากันโดยตรง แต่พวกเขาติดต่อกันทางออนไลน์ ก่อนที่เจ้าของจะส่งที่อยู่และมอบกุญแจบ้านให้แก่พี่เลี้ยง (ต้องใช้ความไว้ใจคนแปลกหน้าบนโลกออนไลน์มากเลยทีเดียว)

อย่างไรก็ตามนี่ถือเป็นงานพาร์ทไทม์ที่ค่อนข้างสะดวกสบายและรายได้ดี เพียงแค่สละเวลาครั้งละประมาณครึ่งชั่วโมงเพื่อให้อาหาร เล่นกับน้องหมาน้องแมว เก็บขยะนิดหน่อย ก็สามารถคิดค่าบริการได้ 30 ถึง 50 หยวนหรือ 140 ถึง 230 บาท

Ningxia พี่เลี้ยงสัตว์วัย 25 ปีในเมืองหยินชวนกล่าวว่าเธอมีลูกค้าจำนวนมากโดยส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาวในเมืองใหญ่ที่ไม่ค่อยมีเวลาทำให้เธอรับงานนี้วันละกว่า 10 ออเดอร์

เช่นเดียวกับ Xiao Mei พนักงานในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งระบุว่าเธอรับงานในวันหยุดเพื่อหารายได้เสริม ซึ่งนอกจากจะได้เงินแล้วเธอยังบอกว่าได้มีความสุขไปกับการเล่นกับบรรดาสัตว์เลี้ยงน่ารักๆ อีกด้วย

Wang Shuixiong นักวิจัยชาวจีนกล่าวว่าธุรกิจนี้เป็นผลมาจากการที่ชาวจีนรุ่นใหม่จำนวนมากมักเดินทางไปทำงานในเมืองใหญ่ ทำให้พวกเขาไม่สามารถดูแลสัตว์เลี้ยงได้ และในปัจจุบันผู้คนมีความไว้วางใจคนแปลกหน้าบนโลกออนไลน์มากขึ้น จึงหันไปพึ่งพาคนเหล่านั้นมากกว่าคนรอบข้าง


ที่มา: https://www.posttoday.com/world/648337


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top