สถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยและอาเซียน ประจำวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ.2564
สถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยและอาเซียน
ประจำวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ.2564

สถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยและอาเซียน
ประจำวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ.2564
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ในการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) วันที่ 19 มี.ค.นี้ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ จะเสนอให้พิจารณาเกี่ยวกับการลดจำนวนวันกักตัวท่องเที่ยวต่างชาติจาก 14 วัน แยกเป็น
1.) นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว เมื่อเดินทางเข้าประเทศไทยต้องสวอปหาเชื้อก่อนเป็นครั้งแรก เข้ากักตัวในโรงแรมที่เข้าร่วมโครงการแอเรีย ควอรันทีน เพียง 7 วัน แต่ไม่ต้องอยู่เฉพาะในห้องพัก สามารถออกมาทำกิจกรรมภายในบริเวณที่กำหนดได้ แล้วค่อยสวอปหาเชื้อเป็นครั้งที่ 2 ถ้าไม่เจอเชื้อถึงจะสามารถออกไปท่องเที่ยวได้
2.) นักท่องเที่ยวที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนมา ต้องสวอปหาเชื้อก่อนเป็นครั้งแรก แล้วเข้ากักตัว 10 วัน ก่อนสวอปเชื้ออีกครั้ง จากนั้นถึงจะสามารถท่องเที่ยวได้
ทั้งนี้ จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.นี้ และรัฐบาลจะออกไทม์ไลน์อย่างชัดเจนว่าทุก ๆ 2 เดือนนับจากนี้จนถึงสิ้นปี 64 จะผ่อนปรนได้ขนาดไหนและอย่างไร โดยนำร่อง 6 จังหวัดท่องเที่ยว ได้แก่ ภูเก็ต กระบี่ สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า) เชียงใหม่ ชลบุรี (พัทยา และจอมเทียน) และพังงา (เขาหลัก) ที่เพิ่งเพิ่มมาล่าสุด เนื่องจากมีความต้องการจากนักท่องเที่ยวกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวียน
มีอยู่ประเด็นหนึ่งภายใต้บทสนทนาของทั้ง 4 ซึ่งกล่าวถึงเส้นทางความสำเร็จแบบตัน โดยเพจ ‘เขียนไว้ให้เธอ’ ได้มีการหยิบยกส่วนหนึ่งมาโพสต์เป็นข้อความที่ชวนคิดต่อคนทำงานในยุคนี้อย่างมากว่า…
คุณตันทำอย่างไรถึงถีบตัวขึ้นมาจากการเป็น ‘จับกัง’ ซึ่งอยู่ ‘ล่างสุด’ ของห่วงโซ่อาหารได้?
คุณตันผู้ซึ่งบอกก่อนเลยว่าเป็นคนการศึกษาน้อย ‘รูปไม่หล่อ พ่อไม่รวย’ มีต้นทุนชีวิตที่ต่ำมาก ๆ นั้น ใช้วิธีอาสาสมัครทำทุกอย่างที่คนอื่นไม่ทำ ตอนเป็นจับกังแบกของอยู่ ใครใช้ไปส่งของก็ไปส่ง กลับมาก็มาบริการทำงานให้หัวหน้า ใช้อะไรก็ทำหมด เงินเดือนเท่าเดิม ไม่เคยเกี่ยงงาน
พอมีโอกาส มีตำแหน่งว่าง หัวหน้าก็ยื่นโอกาสเป็นเซลล์ให้ เป็นเซลล์ต้องขี่เวสป้าได้ คุณตันขี่ไม่เป็นก็รับไว้ก่อน แล้วไปหัดขี่มอเตอร์ไซด์เอา
พอได้เป็นเซลล์ก็ทำตรงข้ามคนอื่นเสมอ คนอื่นมาสายกลับเร็ว คุณตันไปเร็วกลับช้า งานอะไรใครใช้ ช่วยอะไรได้ทำหมด
ประสบการณ์ที่ทำหลายแผนก เจอคนหลายคน ทำให้เรียนรู้และก้าวหน้า ซึ่งความคิดของคุณตันในตอนนั้น ก็คือ เงินที่คุณตันหาคือ ‘เงินอนาคต’ วันนี้ได้น้อย แต่ประสบการณ์และโอกาสที่ได้นั้นคือเงินอนาคต และก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ
เพจ ‘เขียนไว้ให้เธอ’ โพสต์ต่ออีกว่า ผมมานึกถึงสีหน้าคุณตันที่มีหลักคิดแบบนั้น เวลาหัวหน้าใช้งานที่ไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของตัวเอง เช่น ให้ไปส่งของ หรือหาอาสาสมัครทำงานเวลาแปลกๆ หรือแม้กระทั่งถามว่าขี่มอเตอร์ไซด์เป็นหรือเปล่า ผมคิดว่าพอได้ยินคำสั่งหรือคำถามเหล่านั้น คุณตันน่าจะดูตื่นเต้น ‘ตาโต’ และรีบยกมืออาสาก่อนคนอื่นอย่างแน่นอน เพราะเหมือนเห็นเงินอนาคตกองอยู่ สีหน้าคุณตันคง น่าจะทำให้หัวหน้าสังเกตเห็นและชอบเรียกใช้เพราะไม่เกี่ยงงาน มีอะไรก็จะนึกถึงตลอดแน่ ๆ
ในขณะเดียวกัน ผมก็จะนึกถึงน้อง ๆ หลายคนที่พอได้ยินคำพูดที่ไม่ถูกใจ ที่อาจจะเกิดจากงานที่ไม่ชอบทำ กำลังเบื่อ ๆ ไม่อยากทำอะไรที่ไม่ใช่ของตัวเอง ไม่ชอบทำงานฟรี ๆ เงินได้เท่าเดิม คิดเล็กคิดน้อย ชอบเทียบกับเพื่อน แถมไวกับความรู้สึกตัวเองแล้วออกอาการ ‘ชักสีหน้า’ มีความไม่พอใจเล็ก ๆ
พอสังเกตเห็น คิ้วเริ่มชนกัน หรือมีคำพูด คำอ้างที่ไม่อยากทำ รับมาแบบเสียไม่ได้ หรือทำไปบ่นไปให้เข้าหู เวลามีงานด่วน งานเร่ง หรืองานที่ต้องแก้ปัญหา
ถ้าหลีกเลี่ยงน้อง ๆ เหล่านี้ได้ ผมก็จะหลีกเลี่ยง เพราะเสียความรู้สึกเวลาเห็นสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจ และในลักษณะคล้ายกัน ถ้ามีโอกาส มีงานที่อยากส่งเสริม น้อง ๆ เหล่านี้ ก็จะเป็นกลุ่มท้าย ๆ ที่นึกถึงเช่นกัน
ทัศนคติวิธีคิดเรื่องเงินอนาคตของคุณตันนั้น มีส่วนสำคัญมาก ๆ ต่อปฏิกริยาที่แสดงออกทางสีหน้า ซึ่งเป็นที่ชอบใจของหัวหน้า
ฉะนั้นไม่ว่าเราจะคิดอะไรต่อการใช้งานของหัวหน้า ไม่ว่างานนั้นจะแฟร์หรือไม่แฟร์ ทำไมคนอื่นไม่โดนบ้าง เป็นงานเกินหน้าที่ หรืออะไรก็ตาม สีหน้าที่แสดงออก ณ วินาทีนั้น มีความสำคัญมากๆ ที่จะสร้างภาพจำของเราต่อหัวหน้า ซึ่งจะส่งผลต่อเวลาที่โอกาสมาถึงว่าเราจะอยู่ในใจของผู้ใหญ่ก่อนคนอื่นหรืออยู่ท้ายสุด
พูดง่าย ๆ ก็คือ ในโลกปัจจุบัน ต่อให้เราไม่เห็นด้วยแค่ไหน ก็ควรทำ ‘หน้า’ ที่ดูตอบรับ ดูรับฟัง และพยายามก่อน แล้วหาทางไปแก้ปัญหาทีหลัง ยังจะดีเสียกว่า
โดยเฉพาะกับผู้ที่เพิ่งเริ่มงานได้ไม่นาน ยังเป็น ‘จูเนียร์’ อยู่ หนทางที่เราจะก้าวหน้าในองค์กรใดองค์กรหนึ่ง ไม่ว่าจะรู้สึกอย่างไร อย่า ‘ชักสีหน้า’ โดยเด็ดขาด เพราะไม่งั้น ก็จะแพ้คนอย่างคุณตันที่เจอปัญหาแล้ว ‘ตาโต’ เสมอ
เมื่อเจอ ‘งาน’ หรือ ‘ปัญหา’ จะ ‘ชักสีหน้า’ หรือ ‘ตาโต’ ก็ลองเลือกเอา
ที่มา: https://www.facebook.com/101815121284197/posts/291639775635063/
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษา ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลของการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือน ก.พ.64 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทุกรายการกลับมาปรับตัวดีขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือนนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 63 เป็นต้นมา โดยปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 47.8 เป็น 49.4 หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยเริ่มปรับตัวลดลง รวมทั้งมีการเริ่มต้นการฉีดวัคซีนเกิดขึ้น และจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันเริ่มลดลงอย่างชัดเจน
ทั้งนี้ หากการฉีดวัคซีนในประเทศมีแผนการที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมมากขึ้นและการเปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศดำเนินการได้กว้างขวางขึ้นในอนาคต เศรษฐกิจไทยน่าจะเริ่มฟื้นตัวเด่นชัดขึ้นตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปีนี้เป็นต้นไป และจะทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปีนี้เป็นต้นไปด้วยเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ ประเมินว่า ผู้บริโภคจะเริ่มกลับมาจับจ่ายใช้สอยเพิ่มมากขึ้น แต่ต้องติดตามผลสัมฤทธิ์ของการควบคุมโควิด-19 ในไทยว่าจะคลี่คลายลงได้เร็วแค่ไหน รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะออกมาเยียวยาผลกระทบรอบใหม่ของรัฐบาลในช่วงไตรมาสที่ 2 จาก โครงการ “เราชนะ” “คนละครึ่ง” และ “ม33เรารักกัน” ว่าจะสามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยได้มากน้อยเพียงใด และสถานการณ์ทางการเมืองของไทยจะดีขึ้นหรือแย่ลง อย่างไรหลังจากการปรับครม.ไปแล้ว
จากข่าว "เวียดนาม ไม่ทำตัวเป็น 'กบต้ม' วิ่งฉิวไปต่อไม่รอใคร"
Link ข่าว : https://thestatestimes.com/post/2021022315
ประเทศเวียดนามในขณะนี้มีการแซงหน้าประเทศไทยในเรื่องของเศรษฐกิจหลายดัชนี ทั้งในเรื่องของการส่งออก #Export ทุนต่างชาติไหลเข้า #FDI (แม้ไทยยังคงมี GDP และ GDP per capita สูงกว่าเวียดนาม) แล้วประเทศไทยจะมีวิธีการแข่งขัน งัดไม้เด็ดมาสู้ทางด้านเศรษฐกิจได้อย่างไร มาร่วมวิเคราะห์กันกับ หยก THE STATES TIMES
.
วีคนี้จึงมาขอมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับ Land Bridge กันสักหน่อยว่ามีความเป็นมาอย่างไรบ้าง...
Land Bridge หรือแปลเป็นไทยว่า ‘สะพานแผ่นดิน’ เดิมเป็นคำศัพท์ทางชีวภูมิศาสตร์ หมายถึง พื้นที่ที่เป็น ‘คอคอด’ ซึ่งเชื่อมแผ่นดินขนาดใหญ่เข้าด้วยกัน และใช้เป็นเส้นทางเคลื่อนย้ายถิ่นที่อยู่ของสัตว์ต่าง ๆ เช่น พื้นที่ประเทศปานามาที่เชื่อมระหว่างทวีปอเมริกาเหนือกับทวีปอเมริกาใต้
ต่อมาเริ่มมีการใช้คำนี้ในทางคมนาคม คือ เส้นทางทางบก เพื่อใช้เชื่อมโยงระหว่างทะเลหรือมหาสมุทร แทนการใช้การขนส่งทางทะเล
ในช่วงก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรมนั้น มักจะใช้กับการขนส่งทางบกในระยะทางที่ไม่ไกล เนื่องจากระบบการขนส่งทางบกยังไม่พัฒนา สภาพเป็นทางเกวียนหรือเส้นทางธรรมชาติเป็นหลัก ส่งผลให้ใช้เวลาเดินทางนานและขนส่งได้น้อย เพราะข้อจำกัดของสภาพถนนและยานพาหนะ ทำให้ต้นทุนการขนส่งทางบก สูงกว่าการขนส่งทางทะเลที่ระยะทางไกลกว่า
เมื่อมีการพัฒนาระบบรถไฟหลังการปฏิวัติอุตสาหกรรม จึงส่งผลให้ต้นทุนการขนส่งทางบกลดต่ำลง เพราะสามารถขนสินค้าได้ครั้งละจำนวนมากและทำความเร็วได้ดีกว่าเดิม เส้นทาง Land Bridge จึงมีระยะทางยาวขึ้น
ในช่วงปี 1880 มีโครงการแรกที่ถือได้ว่าเป็น Land Bridge สมัยใหม่ที่ใช้การขนส่งระบบราง คือ เส้นทาง Canadian Pacific Railway ที่เชื่อมโยงสองฝั่งของประเทศแคนาดา เนื่องจากช่วงนั้นมีการนำเข้าสินค้าราคาสูง เช่น ผ้าไหม เครื่องเทศ ชา จากเอเชียไปยังยุโรป โดยวิธีเดิมคือการขนส่งทางเรืออ้อมทวีปแอฟริกาหรืออ้อมทวีปอเมริกาใต้
แต่การใช้เส้นทางนี้ ช่วยร่นระยะทางด้วยการขนส่งข้ามมหาสมุทรแปซิฟิก แล้วขึ้นฝั่งทางตะวันตกของแคนาดาและขนส่งสินค้าทางรถไฟ เพื่อไปยังท่าเรือทางตะวันออกของประเทศ แล้วขนส่งสินค้าทางเรือต่อไปยังยุโรป
อย่างไรก็ตามเส้นทางขนส่งสินค้านี้ ได้รับความนิยมอยู่ประมาณ 40 ปี ก็กลับไปใช้การขนส่งทางทะเล เพราะมีการขุดคลองสุเอชและคลองปานามาที่ช่วยลดระยะเวลาในการเดินเรือ แต่เมื่อคลองสุเอชและคลองปานามา มีข้อจำกัดทางการใช้งานและปัญหาทางการเมือง การขนส่งสินค้าทาง Land Bridge ของอเมริกาเหนือ ก็กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง
จากตัวอย่างที่ยกมาจะเห็นได้ว่า การเลือกเส้นทางการขนส่งสินค้ามีปัจจัยประกอบหลายด้าน ทั้งในด้านเทคโนโลยีการขนส่ง ความสามารถของคู่แข่ง หรือรูปแบบการค้าที่เปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นการลงทุนก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่มีระยะเวลาคืนทุนหลายสิบปี จึงควรพิจารณาให้รอบคอบเพราะเหตุการณ์ในอนาคตอาจไม่เป็นอย่างที่คาดการณ์ไว้
ที่มา:
https://transportgeography.org/contents/applications/transcontinental-bridges
ช่วงนี้ประเทศไทยเข้าสู่หน้าร้อนเต็มตัว โดยในปีนี้กรมอุตุนิยมวิทยาได้ประกาศให้ประเทศไทยสิ้นสุดฤดูหนาว และเริ่มเข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการในวัน 27 กุมภาพันธ์ 2564 และเมื่อเข้าสู่ฤดูร้อนซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศไทยมีอุณหภูมิสูงที่สุด สิ่งที่มักจะคุ้นและได้ยินบ่อย ๆ ที่มาคู่กับฤดูร้อน ก็คือ ‘พายุฤดูร้อน’ ครับ
แน่นอนว่าพายุฤดูร้อน ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นเป็นพายุที่เกิดในฤดูร้อน โดยในวันนี้ผมเลยอยากพามาทำความรู้จักพายุนี้กันครับ
ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจกันก่อนว่าประเทศไทยมีทำเลที่ตั้งอยู่ในเขตร้อนชื้น พายุที่เกิดในประเทศไทยก็จะได้แก่ พายุที่เกิดในช่วงฤดูมรสุมหน้าฝน โดยแบ่งตามความเร็วของลมที่หมุนรอบจุดศูนย์กลางของพายุดังนี้...
พายุดีเปรสชั่น (มีความเร็วลมรอบจุดศูนย์กลางน้อยกว่า 63 กิโลเมตรต่อชั่วโมง)
พายุโซนร้อน (มีความเร็วลมรอบจุดศูนย์กลางอยู่ระหว่าง 63 - 118 กิโลเมตรต่อชั่วโมง)
พายุไต้ฝุ่น (มีความเร็วลมรอบจุดศูนย์กลางมากกว่า 118 กิโลเมตรต่อชั่วโมง)
และ พายุที่เกิดในฤดูร้อน คือ ‘พายุฤดูร้อน’ ซึ่งความเร็วลมจะขึ้นอยู่กับความแตกต่างของอุณหภูมิของมวลอากาศร้อนและเย็นที่มาปะทะกัน
สำหรับลักษณะการเกิดของพายุฤดูร้อนนั้น จะมีลักษณะพิเศษ คือ มีขนาดรัศมีของพายุ หรือกินพื้นที่ไม่ใหญ่มากเมื่อเทียบกับพายุในฤดูฝน และมักจะเกิดในช่วงระยะเวลาที่สั้น แต่จะมีความรุนแรงของลมค่อนข้างสูง โดยก่อนเกิด อากาศในบริเวณนั้น จะมีความร้อนหรืออุณหภูมิที่สูง
ส่วนสาเหตุของการเกิดพายุฤดูร้อนนั้น เกิดจากการที่อากาศมีความร้อนสูง หรือที่เราคุ้นเคยเวลากรมอุตุนิยมวิทยารายงานว่า ‘ความกดอากาศต่ำ’ (เนื่องจากอากาศมีความเบาบางน้อยทำให้มีแรงกดลงมายังพื้นผิวโลกต่ำ) ในขณะเดียวกันก็มีความชื้นที่ลมมรสุมตะวันออกเฉียงใต้และลมใต้ พัดเอาไอน้ำหรือความชื้นมาจากแถบทะเลจีนใต้ และอ่าวไทย ในระหว่างที่มีความร้อน หรือความกดอากาศต่ำมาก ๆ แล้วมีความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็น (เนื่องจากอากาศมีความหนาแน่นมากทำให้มีแรงกดลงมายังพื้นผิวโลกสูง) แผ่ลงมาจากแถวประเทศจีน ซึ่งเป็นด้านบนของประเทศไทย เมื่ออากาศเย็นมาปะทะกับอากาศร้อน (ลักษณะพิเศษของอากาศร้อน คือ มีมวลเบากว่าเมื่อเทียบกับอากาศเย็น) ก็จะลอยขึ้นสู่ข้างบน
ในขณะเดียวกันอากาศเย็น ก็วิ่งเข้ามาแทนที่ ทำให้เกิดลมที่รุนแรง ถ้าเรามองภาพไม่ออก ลองนึกถึงตอนที่เกิดไฟไหม้น่ะครับ บางที่จะเห็นว่าก่อนเกิดไฟ ลมจะนิ่งสงบ แต่เมื่อเกิดไฟไหม้ขึ้นมาจะเห็นว่ามีลมพัดเข้ามาโหมกระหน่ำให้ไฟลุกมากขึ้นทุกที เพราะอากาศที่อยู่รอบ ๆ บริเวณที่เกิดไฟจะร้อน และทำให้ลอยตัวขึ้นสู่ด้านบน ในขณะเดียวที่อากาศเย็นจะวิ่งเข้ามาแทนที่ ส่งผลให้เกิด ‘ลม’
ส่วนความรุนแรงของลมจะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับความแตกต่างระหว่างมวลของอากาศเย็นและอากาศร้อนที่วิ่งเข้ามาปะทะกัน ถ้าแตกต่างกันมาก ลมก็จะรุนแรงมากตามไปด้วย ประกอบกับในช่วงนั้นเป็นช่วงที่มีความชื้นที่พัดเข้ามาจากอ่าวไทย และทะเลจีนใต้ด้วยพอดี พอความชื้นเจออากาศเย็น ก็ทำให้เกิดการกลั่นตัวลงมาเป็นน้ำฝน และเมื่อครบองค์ประกอบเหล่านี้ ก็จะทำให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองที่มีความเร็วลมที่แรง แต่ก็จะกินพื้นที่ไม่ค่อยมากเท่าไรนัก โดยส่วนมากจะเกิดในช่วงเดือนมีนาคม - เมษายน
ทั้งนี้ข้อเสียของ พายุฤดูร้อน คือ ความรุนแรงของลม ที่ทำให้เกิดความเสียหายกับสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ แล้ว ยังมีข้อดี คือ ‘การพัดพาเอาฝนมาตกในช่วงฤดูแล้ง’ ทำให้เกษตรกรที่ปลูกพืชในช่วงหน้าแล้ง มีผลผลิตที่ดี โดยเฉพาะพืชที่ปลูกในหน้านี้มักจะเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย คือ อ้อยและมันสำปะหลัง ซึ่งเป็นพืชที่ไม่ต้องการน้ำมากนัก เมื่อเปรียบเทียบกับพืชชนิดอื่น
การเกิดของพายุฤดูร้อนในประเทศไทยจึงเป็นการมาเติมน้ำ และต่อลมหายใจในการปลูกพืชให้กับเกษตรกรได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะปีไหนที่มีพายุฤดูร้อนเข้ามามาก ผลผลิตของพืชเศรษฐกิจเหล่านี้ก็มักจะได้ผลดีตามไปด้วย ตรงกันข้ามถ้าปีไหนมีพายุฤดูร้อนเข้ามาน้อย ผลผลิตก็จะลดลงน้อยด้วย
นอกจากนี้การเกิดฝนในช่วงหน้าแล้งก็ยังส่งผลให้ลดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ที่เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจได้เป็นอย่างมากได้อีกด้วย ซึ่งนับว่าเป็นของดีของประเทศไทยที่มีชัยภูมิตั้งอยู่ในพื้นที่ ที่มีความเหมาะสม ทำให้เกิดฝนในช่วงฤดูแล้ง อันเนื่องมาจากอิทธิพลของพายุฤดูร้อน ทำให้เกษตรกรสามารถปลูกพืชในฤดูแล้งได้ด้วยนั่นเอง
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากที่ปรากฎข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์กรณีตัวแทนกลุ่มประชาสังคมปฏิรูปทรัพยากรและทองคำจะไปยื่นเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับเหมืองแร่ทองคำต่อนายกรัฐมนตรี ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในวันนี้ (11 มี.ค. 2564) ขอชี้แจงว่า ไม่ได้นิ่งนอนใจและให้ความสำคัญกับการร้องเรียนประเด็นต่าง ๆ
มาโดยตลอดโดยได้มอบหมายให้กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประเด็นร้องเรียนของกลุ่มประชาสังคมฯ ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงอุตสาหกรรมโดยตรงกรณีบริษัทเหมืองทองคำ ได้รับอนุญาตอาชญาบัตรพิเศษ ทับลงบนที่ดิน ส.ป.ก. และได้มีการกล่าวว่า จากพยานหลักฐานพบว่า บริษัทเหมืองทองคำได้สิทธิเหนือที่ดิน ส.ป.ก. และ ระบุที่ดิน ส.ป.ก. เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศไปนานแล้วนั้น
กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ได้รายงานมาแล้วว่า การอนุญาตอาชญาบัตรพิเศษสำรวจแร่ทองคำของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) จำนวน 44 แปลง ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นการอนุญาตตามคำขอเดิมที่บริษัท อัคราฯ ได้ยื่นไว้ตั้งแต่ปี 2546 และ 2548 ต่อมาบริษัท อัคราฯ ได้มีการดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 และกรอบนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ในการบริหารจัดการทรัพยากรแร่ทองคำ พ.ศ. 2560 อย่างครบถ้วน คณะกรรมการแร่จึงได้มีการพิจารณาคำขออาชญาบัตรพิเศษดังกล่าวตามขั้นตอนของกฎหมายโดยคำนึงถึงดุลยภาพทางด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และสุขภาพของประชาชนด้วยความรอบคอบก่อนมีมติให้ความเห็นชอบอนุญาต เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2563
“ขอชี้แจงว่า การอนุญาตอาชญาบัตรพิเศษเพื่อสำรวจแร่เป็นการให้สิทธิในการสำรวจแร่ในพื้นที่ ที่กำหนด ไม่ใช่เป็นการอนุญาตหรือการให้สิทธิในการครอบครองพื้นที่ ดังนั้น การเข้าพื้นที่เพื่อสำรวจแร่ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของพื้นที่ก่อน หากเจ้าของพื้นที่ไม่ยินยอมให้เข้าสำรวจแร่ ผู้ถืออาชญาบัตรพิเศษก็ไม่สามารถเข้าทำการสำรวจแร่ในพื้นที่ดังกล่าวได้ และผู้ถืออาชญาบัตรพิเศษต้องปฏิบัติตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย อีกทั้งในปัจจุบัน ส.ป.ก. ยังไม่มีกฎระเบียบที่จะอนุญาตให้ใช้พื้นที่เพื่อการสำรวจและทำเหมืองแร่ในพื้นที่ ส.ป.ก.ให้แก่ผู้ประกอบการรายใหม่ ที่ยังไม่เคยได้รับอนุญาตให้ใช้พื้นที่ ส.ป.ก. มาก่อนด้วย” นายสุริยะ กล่าว
สำหรับประเด็นที่ตัวแทนกลุ่มประชาสังคมฯ ได้กล่าวอ้างถึง บริษัทเหมืองทองคำระบุที่ดิน ส.ป.ก. เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศนั้น จากการตรวจสอบรายงานประจำไตรมาสของบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ด ประเทศออสเตรเลีย ผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท อัคราฯ ยังไม่พบข้อความที่ระบุว่ามีสิทธิเหนือที่ดิน ส.ป.ก. แต่อย่างใด เพียงแต่ระบุว่าได้รับอนุญาตอาชญาบัตรพิเศษ 44 แปลง
ซึ่งระบุว่าอาชญาบัตรพิเศษดังกล่าวมีเงื่อนไขว่าจะต้องดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของพื้นที่ด้วย ซึ่งข้อความดังกล่าวสอดคล้องกับเงื่อนไขในการอนุญาตอาชญาบัตรพิเศษ คือ การอนุญาตอาชญาบัตรพิเศษไม่ได้เป็นการผูกพันว่าทางราชการจะต้องอนุญาตให้ผู้ถืออาชญาบัตรพิเศษได้ใช้พื้นที่ที่อยู่ในความดูแลของกรมป่าไม้ สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ นอกจากนี้ การเปิดเผยข้อมูลของบริษัท คิงส์เกตฯ ในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศไม่ได้อยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายของไทยแต่อย่างใด
“นอกจากนี้ การอนุญาตอาชญาบัตรพิเศษสำรวจแร่ ก็ไม่เป็นการผูกพันว่าทางราชการที่รับผิดชอบพื้นที่ จะต้องอนุญาตให้ผู้ถืออาชญาบัตรพิเศษนี้เข้าใช้พื้นที่ในการสำรวจดังกล่าวด้วย” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวย้ำ
“Education is not the filling of a pail, but the lighting of a fire.”
“การศึกษามิใช่เรื่องของการเติมน้ำใส่ถัง หากแต่เป็นเรื่องของการจุดไฟ.”
William Butler Yeats (กวีเอกชาวไอริช)
ควบคู่ไปกับการประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่า
นายอเล็กซ์ โลท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SYMC กล่าวว่า ในโลกปัจจุบันหลายองค์กรมีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาพัฒนากระบวนการต่างๆ ในธุรกิจ (Digital Transformation) และมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการขับเคลื่อนธุรกิจให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วตลอดจนสร้างผลกำไรในระยะยาว ในฐานะที่เป็นผู้ให้บริการโครงข่ายสื่อสารโทรคมนาคมและผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตชั้นนำ จึงมีนโยบายที่จะนำระบบบริการอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Services เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับการเชื่อมต่อโครงสร้างพื้นฐานของเครือข่ายหลัก และนำเสนอประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับลูกค้าของ SYMC ได้ในอนาคต
โดยสิ่งที่เริ่มต้นไปแล้วเมื่อเร็ว ๆ นี้ คือการผนึกกำลังกับ บริษัท ครีเดน เอเชีย จำกัด พันธมิตรผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีพิสูจน์และยืนยันตัวตนแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-KYC) และบริการลงลายมือชื่อแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Signature) เพื่อให้ผู้ใช้งานได้เข้าถึงบริการในรูปแบบดิจิทัลได้ด้วยความรวดเร็ว ปลอดภัย ลดขั้นตอนในการติดต่อสื่อสาร แต่ยังสามารถใช้บริการสำคัญได้ โดยไม่ต้องคำนึงถึงเวลาและสถานที่ อันสอดคล้องกับพฤติกรรมลูกค้าและวิวัฒนาการของการดำเนินธุรกิจที่ได้ปรับเปลี่ยนไปภายหลังวิกฤตการณ์โควิด-19
"ในอนาคตยังมีแผนจะขยายความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อให้บริการด้าน e-Service อื่นๆ ให้ครบวงจร อาทิ การออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) ที่ปรับรูปแบบจากกระดาษเป็นแบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งรองรับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ได้เป็นอย่างดี มีความน่าเชื่อถือ ลดปัญหาการจัดการข้อมูลหรือเอกสารในรูปแบบกระดาษ สามารถนำข้อมูลไปใช้ประมวลผลในระบบสารสนเทศ เพื่อทำให้ธุรกิจลูกค้าสามารถเดินหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และก้าวเท่าทันยุคสมัยที่เปลี่ยนไป" นายอเล็กซ์ กล่าว
ด้าน นายสุวัฒน์ เจษฎางษ์กุล หัวหน้าสายงานธุรกิจใหม่และกลยุทธ์ บริษัท ซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า e-Services จะเป็นเป้าหมายทางธุรกิจใหม่ที่เข้ามาสร้างโอกาสสำคัญให้กับบริษัท จากการวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าที่มีอยู่พบว่า ส่วนใหญ่ต้องการนำดิจิทัลสมัยใหม่เข้ามาใช้ในการอำนวยความสะดวก ที่สำคัญคือลดต้นทุนในการบริหารงาน ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยาวแบบเห็นผลได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะบริษัทขนาดกลางจนถึงขนาดใหญ่ SYMC จึงได้ขยายแผนธุรกิจที่เน้น Digital Transformation ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยยกระดับภาพลักษณ์ธุรกิจของลูกค้า และเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันได้เป็นอย่างดี
"ขณะนี้บริษัทได้เริ่มนำเสนอบริการ e-KYC และ e-Signature ให้กับหลากหลายธุรกิจแล้ว โดยแต่ละกลุ่มธุรกิจสามารถนำไปสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริการของตัวเองที่ต่างกันไป อาทิ ธุรกิจโรงแรมและธนาคาร ลูกค้าสามารถลงทะเบียนจองคิวเพื่อรับบริการในเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันได้ล่วงหน้า เมื่อเดินทางมาถึงสถานที่ให้บริการนั้น ๆ เพียงแค่ยืนยันตัวตนและถ่ายภาพผ่านแพลตฟอร์ม e-KYC ก็สามารถเข้าใช้บริการได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลาในการรอคิว หากเข้าใช้บริการในครั้งถัดไป เพียงแค่ถ่ายภาพและเข้ารับบริการได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องทำการยืนยันตัวตนหรือแสดงบัตรประจำตัวประชาชนให้เกิดความยุ่งยาก ส่วนธุรกิจโรงพยาบาล แพทย์สามารถลงนามในใบรับรองแพทย์ได้ตลอดทุกที่ทุกเวลา เพื่อนำส่งเอกสารส่งไปยังแผนกอื่น ๆ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนได้ต่อไปอย่างรวดเร็วแม้แต่การเคลมประกัน เพราะมีการเชื่อมต่อ API ระหว่างบริษัทประกันและโรงพยาบาล
นอกจากนี้ ยังมองไปถึงกลุ่มธุรกิจที่จะเกิดประโยชน์จากการใช้บริการ e-Services เพื่อตอบโจทย์การบริหารงาน ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจสตาร์ทอัพ (Startup) ที่ช่วยตอบสนองการทำงานในองค์กรที่เน้นความคล่องตัว สามารถทำงานจากที่ใดก็ได้ กลุ่มธุรกิจที่มีเครือข่ายอยู่คนละประเทศ ที่ต้องมีการส่งเอกสารหรือยืนยันเอกสารสำคัญกันระหว่างประเทศ จนถึงกลุ่มธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ (e-Commerce) ก็ได้ประโยชน์โดยตรงจากบริการเหล่านี้เช่นเดียวกัน"
ทั้งนี้ ผู้ใช้งานสามารถมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยและความถูกต้องของข้อมูลได้อย่างแน่นอน โดย e-KYC มีเทคโนโลยี Face Verification และ Artificial Intelligence (AI) ในการตรวจสอบใบหน้าและข้อมูลบัตรประชาชนกับกรมการปกครองผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มที่รวดเร็ว และยังเชื่อมโยงฐานข้อมูลกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) ส่วนบริการ e-Signature ที่ทำให้เซ็นเอกสารธุรกรรมออนไลน์ผ่านอุปกรณ์ที่รองรับได้ทุกรูปแบบ
ทั้งสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์พีซี โดยข้อมูลมีความปลอดภัยสูงจากการตรวจสอบของเทคโนโลยีบล็อคเชน (Blockchain) เอกสารดิจิทัลมีการประทับเวลาบันทึกตามมาตรฐาน e-Stamping ของ TEDA หรือ Trusted Electronic Document and Authentication จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ (Cloud) หรือเซิร์ฟเวอร์ (Server) สามารถเรียกดูและตรวจสอบได้ตลอดเวลา
สำหรับองค์กรธุรกิจที่สนใจในบริการทางด้าน e-Services ที่ครบวงจรสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่โทร. 02-101-1111 หรือ e-mail : [email protected]