Wednesday, 25 June 2025
TheStatesTimes

เมื่อวานนี้ จากกรณีที่นายกรัฐมนตรีนำสเปรย์แอลกฮอล์ฉีดใส่ผู้สื่อข่าว จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียล โดยล่าสุดนั้นพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ปรารภกับคนใกล้ชิดถึงกรณีการนำสเปรย์แอลกอฮอล์ฉีดใส่ผู้สื่อข่าว ว่า “แค่จะเล่นกับสื่อ เป็นเรื่องจนได้”

เรื่องนี้ นางอมรรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์แฟนเพจเฟซบุ๊ก โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ว่า รู้จักใช้มือนึงยกแมสขึ้นปิดจมูกปกป้องตัวเอง แต่ใช้อีกมือยกสเปรย์ฉีดพ่นใส่หน้าคนอื่น #นายกเฮงซวย

ล่าสุด ส.ส. ผู้นี้ ยังระบุว่า เขาจะไม่หยอกด้วยการขู่จะทุ่มโพเดี้ยมใส่ ไม่ล้อเล่นด้วยการปาเปลือกกล้วย ไม่ยกแมสปิดจมูกตัวเอง แล้วฉีดสเปรย์แอลกอฮอล์ใส่หน้าผู้อื่น เพื่อนพี่น้องผู้สื่อข่าวที่รักทุกท่าน ถ้าผลโหวตวันนั้นธนาธรได้เป็นนายกรัฐมนตรี เขาจะเรียกพวกท่านด้วยสรรพนามพวกท่าน หรือพวกคุณ ไม่ใช่ “พวกเธอ”


ที่มา: https://www.naewna.com/politic/558309

"ทิพานัน" ซัด “พรรคการเมือง - ม็อบ” โหนกระแส ใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือ ห่วง ชาวบางกลอย เป็นเหยื่อการเมือง

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวถึงกระแสข่าวแกนนำกลุ่มราษฎรบางคน ระดมเงินและสิ่งของเพื่อสนับสนุนการชุมนุมของชาวบางกลอย ที่ชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขข้อพิพาทชุมชนกะเหรี่ยงบางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ว่า เป็นห่วงว่าชาวบางกลอย จะตกเป็นเหยื่อทางการเมือง ทั้งที่มีเจตนารมณ์บริสุทธิ์ เพราะขณะนี้กลุ่มต่างๆพยายามยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยความปรารถนาดี หรือประสงค์ร้าย หรือต้องการโหนกระแส จะช่วยแก้ปัญหาแต่ยิ่งแก้ยิ่งยุ่ง จึงขอวิงวอนให้พรรคการเมือง กลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง อย่าฉวยโอกาสเอาความทุกข์ของชาวบ้านมาเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนเพื่อเป้าหมายของตนเองอย่างไร้มนุษยธรรม แทรกแซงกระบวนการการแก้ไขปัญหาของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่กำลังเจรจาหาทางออก

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า "ในระหว่างที่ยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจาหาข้อสรุป บางพรรคการเมืองไม่ควรใช้เป็นประเด็นหาประโยชน์ให้พรรคตนเอง เหมือนหวังดีแต่ประสงค์ร้าย ขอให้หยุดการแทรกแซงที่มีแต่จะชักใบให้เรือเสีย และตนเชื่อว่าทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯพยายามหาทางออกเรื่องนี้ ให้คนอยู่ได้และป่าอนุรักษ์ก็อยู่ได้ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 43 (2) ที่ให้บุคคลและชุมชนมีสิทธิทั้งใช้ประโยชน์ และบำรุงรักษาทรัพยากรธรรมชาติให้สมดุลและยั่งยืน และกลุ่มชาติพันธุ์ได้ทำหน้าที่ในการร่วมมือและสนับสนุนการอนุรักษ์และคุ้มครองสิ่งแวดล้อมทรัพยากรธรรมชาติ ความหลากหลายทางชีวภาพ รวมทั้งมรดกทางวัฒนธรรมตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 50(8)"

"เข้าใจว่าในสถานการณ์ที่แกนนำม็อบถูกจับกุมตัว แกนนำแถว 1-2-3 ทยอยถูกดำเนินคดี ทำให้ม็อบเริ่มฝ่อ แต่ฝ่ายการเมืองไม่ควรฉวยโอกาส ผลักดันประเด็นปัญหาของชาวบางกลอยขึ้นมาแทนที่ หวังเป็นอีแอบให้ชาวบ้านบางกลอยออกหน้าให้กับพรรคการเมืองอย่างใจดำอำมหิต" น.ส.ทิพานัน กล่าว

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า "ที่ผ่านมากลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงในพื้นที่บ้านโป่งลึก - บางกลอยได้รับการจัดสรรที่ดินครอบครัวละ 7 ไร่ 3 งาน มีผู้ถือครองที่ดินจำนวน 260 ราย 337 แปลง คิดเป็นพื้นที่ 1,890 ไร่ และจากการเชิญทูตจาก 10 ประเทศประจำประเทศไทย IUCN ผู้แทนรัฐภาคีสมาชิกในคณะกรรมการมรดกโลก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ก็ได้เห็นการจัดการของเจ้าหน้าที่ การทำงาน และความเป็นอยู่ของชาวบ้านในพื้นที่ ทุกประเทศความพอใจการทำงานและชื่นชมในความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติของพื้นที่บริเวณอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ส่วนข้อเรียกร้องของกลุ่มชาติพันธุ์จำนวน 59 คน ที่แสดงเจตจำนงที่จะทำไร่หมุนเวียนที่บริเวณบางกลอยบน ทั้งหมด 36 ครัวเรือนๆละ 15 ไร่ หมุนเวียนเป็นระยะเวลา 10 ปี ไม่ซ้ำที่เดิม และสามารถเลือกทำบริเวณใดก็ได้ ถือเป็นข้อเรียกร้องที่ต้องพิจารณา เพื่อสร้างสมดุลระหว่างสิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์กับการคุ้มครองและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพราะเป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำของแม่น้ำเพชรบุรีและแม่น้ำปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกอาเซียนตามปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยมรดกโลกด้วย"

ซุส (Sost) เมืองชายแดนปากีสถาน ติดพรมแดนจีน กลายเป็นเมืองร้าง ร้านค้ามากมายปิดให้บริการ คนตกงานระนาว จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

คอลัมน์ ริมทางถนนคาราโครัมไฮเวย์

การแพร่ระบาดของโควิด-19 กระทบเมืองซุส (Sost) ประเทศปากีสถานอย่างหนัก จากภาพถนนหลักคาราโครัมย์ ที่มีรถวิ่งไปมาขวักไขว่ ก่อนโควิด วันนี้เป็นได้แค่สนามฟุตบอลให้ชาวบ้านได้ออกกำลังกายคลายหนาวแทน แทบจะเรียกได้ว่าเกือบเป็นเมืองร้าง ร้านค้ามากมายปิดให้บริการ

เหตุใดเมืองซุส (Sost) ถึงได้รับผลกระทบอย่างหนัก จนแทบจะกลายเป็นเมืองร้างแบบนี้  ?

เมืองซุส ( Sost) คือ เมืองชายแดนของปากีสถาน ระหว่าง 2 ประเทศ คือ ประเทศปากีสถาน-ประเทศจีน ซึ่งจะมีด่านชายแดนกุลจิราฟ ในการเดินทางข้ามพรมแดนและขนส่งสินค้า แต่หลังจากเหตุการณ์โรคระบาด ด่านพรมแดนแห่งนี้ ก็ถูกปิดไปตั้งแต่ปลายปี 2019 จนถึงทุกวันนี้ (เปิดด่านเฉพาะกิจไปเพียง 2 ครั้ง ในปี 2020 เพื่อให้ทางการจีนส่งเครื่องมือแพทย์มาช่วยเหลือ ช่วงเดือนเมษายน และเดือนกันยายนเท่านั้น )

ชาวเมืองทั้งหมดโซนนี้ ทำงานร่วมกับคนจีน ไม่ว่าจะเป็นล่าม ไกด์นำเที่ยว คนขับรถ บริษัทขนส่ง พนักงานตำแหน่งต่างๆ ในท่าสินค้า ซึ่งมีท่าสินค้าและโกดังสินค้าจากประเทศจีนขนาดใหญ่มาก ชื่อว่า Dry Port เป็นจุดพักสินค้า ก่อนขนส่งลงไปทางตอนใต้

เพราะฉะนั้น ชาวเมืองเกือบทุกคน ที่เป็นอยู่ในวัยแรงงาน ได้รับผลกระทบเต็มๆ เช่น เจ้าของบริษัททัวร์ที่จีน (ซินเจียง) ลูกทัวร์ก็เดินทางข้ามพรมแดนไม่ได้ เพราะด่านปิด กิจการได้รับความเสียหายอย่างหนัก หรือคนที่ทำงานที่ท่าสินค้า ก็ถูกพักงานไปหลายเดือน

จากผลกระทบอย่างหนักในครั้งนี้ ทำให้ผู้นำฝ่ายค้านโซนGB ทำหนังสือส่งไปที่รัฐบาลกลาง ขอให้เปิดด่านพรมแดนกุลจิราฟ ในวันที่1 เมษายน เพื่อผลประโยชน์และกระตุ้นเศรษฐกิจของโซนเหนือ

ถือเป็นความหวังของชาวเมืองเหนือ หากทางการอนุญาตให้เปิดด่านพรมแดน ชาวเมืองก็จะได้กลับไปทำมาหากินกัน

แม้ว่าประเทศปากีสถาน และเมืองซุส (Sost) จะไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อโควิด19 แต่พวกเราก็ได้รับผลกระทบ เพราะไม่มีงานทำ ผู้คนที่นี่ตกงานจำนวนมาก โดยเฉพาะแรงงานผู้ชาย โดยส่วนใหญ่ผู้ชายปากีสถานเป็นผู้นำครอบครัว มีหน้าที่ทำงานเลี้ยงครอบครัว ส่วนผู้หญิงมีหน้าที่ดูแลครอบครัวเท่านั้น ถ้าผู้นำครอบครัวตกงาน ก็หมายถึงความเป็นอยู่ของคนทั้งครอบครัวเช่นกัน

ชีวิตได้อย่างเสียอย่างเสมอ

ทุกวันนี้รอคอยข่าวดีอยู่ทุกวัน

ถึงที่นี่จะไม่มีโควิด แต่โดนผลกระทบจากโควิดหนักที่สุด!!!

รายงานจากคนไทยคนเดียวที่อยู่เมืองนี้


กุลไลล่า

ไกด์สาวชาวไทย​ สะใภ้​ปากี​สถาน จากหัวหิน​พบรักหนุ่มปากีเชื้อสายวาคี อาศัยอยู่เมืองพาสสุ​ ดินแดนเหนือสุดของประเทศปากีสถาน ปัจจุบันเปิดร้านอาหารริมถนนคาราโครัมไฮเวย์​ ถนนที่ได้รับการขนานนามว่าสูงที่สุดในโลก​ หรือเส้นทางสายแพรไหมในอดีต​

คอยต้อนรับแขกที่ผ่านทางมา​ แวะกินอาหารไทย​และชิมชา​ เบเกอรี่ชื่อดัง​ ทางเหนือของปากีสถานได้​ พร้อมให้บริการท่องเที่ยวปากีสถาน​หลังโควิด​-19 ผ่านไป

‘บิ๊กตู่’ เลื่อนฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของ ‘แอสตราเซนเนก้า’ ที่มีกำหนดฉีดเช้าวันนี้ หลังกลุ่มประเทศในยุโรป ระงับฉีดจากผลข้างเคียงลิ่มเลือดอุดตัน

นพ.อภิชาต วชิรพันธ์ ผู้อำนวยการสถาบันบำราศนราดูร กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เลื่อนการเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ณ สถาบันบำราศนราดูร กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขในวันนี้ ทั้งวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า และวัคซีนของซิโนแวก แต่ในส่วนของบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงยังฉีดวัคซีนของซิโนแวกตามปกติ แต่รายละเอียดทั้งหมดต้องรอกระทรวงสาธารณสุขแถลงความชัดเจนอีกครั้ง

รายงานข่าวจากกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า การเลื่อนการฉีดวัคซีนครั้งนี้คาดว่าเป็นเพราะมีรายงานข่าวว่า ประเทศเดนมาร์กและ 6 ชาติอียู สั่งระงับการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เนื่องจากพบว่ามีผู้รับวัคซีนเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน โดยทางกระทรวงสาธารณสุขได้ประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์ตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้

นอกจากนี้ ศ.เกียรติคุณ พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ นายกแพทยสภา ศ.เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุขจะมีการแถลงด่วน เกี่ยวกับประเด็นการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าในเช้าวันนี้

'หมอยง' แจงวัคซีน 'แอสตราเซเนกา' ปมประเทศในยุโรประงับใช้หลังข่าวทำเลือดแข็งตัว ยันต้องสอบสวนก่อน พร้อมระบุ วัคซีนที่ไทยใช้ผลิตในเกาหลี

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Yong Poovorawan โดยระบุว่า โควิดวัคซีน ข่าวที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือดในหลอดเลือดดำ

เป็นที่วิตกกังวลกันว่า วัคซีน astrazeneca จะใช้ในบ้านเรา มีข่าวในหลายประเทศหยุดใช้ชั่วคราวเพราะมีผู้ป่วยเกิดการแข็งตัวของเลือดในหลอดเลือดดำและมีการเสียชีวิต 1 ราย จากการศึกษาใน 3 ล้านรายที่ฉีดวัคซีน มีการป่วยเกิดขึ้น 22 คน หรือเทียบกับ 7 คนในล้านคนที่ฉีดวัคซีน

แน่นอนเหตุการณ์อะไรก็ตามแต่ที่เกิดขึ้นหลังการฉีดวัคซีน ถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะวัคซีนนี้เป็นวัคซีนใหม่ จะต้องมีการตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องกับวัคซีนหรือไม่

อุบัติการณ์การเกิดการอุดตันของเส้นเลือดดำ พบได้บ่อยในคนยุโรป อเมริกามากกว่าคนเอเชีย ถึง 3 เท่า

เราจะเห็นว่าเวลาขึ้นเครื่องบิน จะมีการแนะนำเสมอ ให้กินน้ำให้มาก และให้ขยับตัว ขยับเท้าเพื่อป้องกันการเกิดภาวะการณ์ดังกล่าว ปัจจัยทางพันธุกรรมมีส่วนเข้ามาเกี่ยวข้องแน่นอนที่ทำให้คนยุโรปมีโอกาสเป็นมากกว่าคนเอเชีย

หลังจากเกิดเหตุการณ์ ทางประเทศอังกฤษได้ฉีดไปแล้วมากกว่า 11 ล้านคน ก็ไม่พบอุบัติการณ์ดังกล่าวเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติ

โรคดังกล่าวจะมีอัตราการเพิ่มขึ้นตามอายุที่มากขึ้น โดยคนในยุโรปที่อายุเกิน 60 ปีจะมีอุบัติการณ์ประมาณ 5 - 13 ใน 1,000 person year

Prof Paul Hunter ในภาวะปกติถ้าฉีดวัคซีนแล้วติดตามไป 1 เดือน ในคนที่อายุเกิน 60 ปีขึ้นไปในช่วงเวลา 1 เดือนจะพบได้ถึง 400 ถึง 1,000 episode ต่อประชากร 1 ล้านคน

อย่างไรก็ตามจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหาสาเหตุว่าเกี่ยวข้องหรือไม่ หรือเป็นอาการที่พบร่วมด้วยหลังฉีดวัคซีน อะไรก็ตามแต่ที่เกิดร่วมด้วยหลังฉีดวัคซีนจำเป็นต้องมีการสอบสวน

อย่างที่เคยกล่าวมาแล้วหลังการฉีดวัคซีนของ Pfizer ในนอร์เวย์และเกาหลี มีการเสียชีวิตเกิดขึ้น แต่ต่อมาก็พิสูจน์ว่าการเสียชีวิตดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน วัคซีน Pfizer ก็ยังคงดำเนินการฉีดต่อไปอีกเป็นจำนวนมากหรือจะมากที่สุดก็ได้ในขณะนี้

คนเอเชียอย่างประเทศไทยมีโอกาสเกิดโรคนี้น้อยกว่าคนยุโรปถึง 3 เท่า และวัคซีนที่ใช้ที่ทางยุโรปหยุดการใช้ใน batch นี้ผลิตในยุโรป จึงมีการระงับใช้ไปไม่น้อยกว่า 6 ประเทศ แต่ว่าวัคซีนที่ใช้ในประเทศไทย ผลิตจากโรงงานเกาหลี

จากข้อมูลทั้งหมดคณะกรรมการ จะต้องเป็นผู้กำหนดสำหรับประเทศไทย และจะต้องมาหารือร่วมกัน


ที่มา : https://www.facebook.com/yong.poovorawan

สำนักงานยายุโรปเร่งสอบข้อเท็จจริง หลังเกิดกรณีผู้เข้ารับวัคซีนโควิด-19 ‘แอสตราเซเนกา’ ในยุโรปเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน จนเสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 1 ราย

สำนักงานยายุโรป (EMA) กล่าวว่า ปัจจุบันทั่วยุโรปมีการฉีดวัคซีนโควิด-19 แอสตราเซเนกาให้ประชากรแล้วกว่า 5 ล้านคน แต่มีรายงานว่า 30 คนในนี้เกิดภาวะเลือดแข็งตัวเกิดลิ่มเลือดอุดตันหลังฉีดวัคซีน และหนึ่งในนั้นเสียชีวิต

เมื่อมีรายงานดังกล่าวเกิดขึ้น ทำให้หลายประเทศในยุโรปได้ระงับการฉีดวัคซีนโควิด-19 แอสตราเซเนกา เริ่มจาก ‘ออสเตรีย’ ที่มีหญิงวัย 49 ปีเสียชีวิตเมื่อวันอาทิตย์ (7 มี.ค.) จากภาวะลิ่มเลือดอุดตันหลังฉีดวัคซีนโควิด-19 แอสตราเซเนกา และประกาศระงับใช้วัคซีนเฉพาะล็อต ABV5300 ในวันจันทร์ (8 มี.ค.) ซึ่งมีจำนวน 1 ล้านโดสแจกจ่ายไปใน 17 ประเทศสหภาพยุโรป

หลังจากนั้นยังพบผู้ที่มีภาวะเลือดแข็งตัวเพิ่มขึ้นอีก 3 รายจากวัคซีนโควิด-19 แอสตราเซเนกาล็อตดังกล่าว ทำให้มีอีก 4 ประเทศประกาศระงับใช้วัคซีนโควิด-19 ล็อตดังกล่าว คือ ‘เอสโตเนีย’, ‘ลิทัวเนีย’, ‘ลักเซมเบิร์ก’ และ ‘ลัตเวีย’

ต่อมาในวันพฤหัสบดี (11 มี.ค.) ‘อิตาลี’ ประกาศระงับใช้วัคซีนโควิด-19 แอสตราเซเนกาชั่วคราว จากความกังวลเรื่องภาวะลิ่มเลือดอุดตันหลังฉีด แต่เฉพาะล็อต ABV2856 เท่านั้น จากนั้น ‘เดนมาร์ก’, ‘ไอซ์แลนด์’ และ ‘นอร์เวย์’ ก็ประกาศระงับการใช้ในวันเดียวกัน แต่เป็นการระงับใช้วัคซีนโควิด-19 แอสตราเซเนกาทั้งหมด

นอกจากนี้ มีข่าวที่ยังไม่ได้รับการยืนยันว่า ที่อิตาลีมีชายวัย 50 เสียชีวิตจากภาวะลิ่มเลือดอุดตันหลังเข้ารับวัคซีนโควิด-19 แอสตราเซเนกาเช่นกัน

จาก 9 ประเทศข้างต้นที่ประกาศระงับการใช้วัคซีนโควิด-19 แอสตราเซเนกา มีเพียงเดนมาร์กเท่านั้นที่ระบุระยะเวลาการระงับใช้ 2 สัปดาห์ ประเทศอื่นที่เหลือไม่ระบุว่าจะกลับมาใช้วัคซีนดังกล่าวเมื่อใด

ทั้งนี้ บางประเทศเลือกระงับการใช้จากความกังวลถึงรายงานพบผู้รับวัคซีนโควิด-19 แอสตราเซเนกาเกิดลิ่มเลือดอุดตัน แต่บางประเทศก็ตัดสินใจเพราะพบกรณีดังกล่าวด้วยตนเอง

ตัวอย่างเช่น สถาบันสาธารณสุขนอร์เวย์ออกแถลงการณ์ว่า เลือกระงับการฉีดวัคซีนโควิด-19 แอสตราเซเนกาชั่วคราว หลังจากมีรายงานการเสียชีวิตในเดนมาร์ก และนอร์เวย์เองก็พบผู้เข้ารับวัคซีนมีภาวะลิ่มเลือดอุดตันหลังจากได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 เมื่อเร็ว ๆ นี้ แต่ส่วนใหญ่เกิดในผู้สูงอายุซึ่งมักจะมีโรคประจำตัวอื่น

ขณะที่บางประเทศยังไม่พบเคสที่เกิดลิ่มเลือดอุดตันหลังฉีดวัคซีนแต่รอดูสถานการณ์ก่อน เช่น คณะกรรมการด้านสาธารณสุขสเปนประกาศว่า ได้ชะลอการฉีดวัคซีนโควิด-19 แอสตราเซเนกาให้กับผู้ที่มีอายุระหว่าง 55 - 65 ปี จนกว่าจะมีการตรวจสอบและสรุปผลข้างเคียงทั้งหมดโดย EMA

โดยทั่วไป ผลข้างเคียงวัคซีนโควิด-19 แอสตราเซเนกาที่เคยพบ และหน่วยงานสาธารณสุขทั่วโลกเคยรายงาน ได้แก่ มีไข้ ปวดหัว ปวดบริเวณที่ฉีด อาเจียน ท้องร่วง วิงเวียน ไม่อยากอาหาร ปวดท้อง ต่อมน้ำเหลืองโต มีผื่นขึ้น ฯลฯ แต่ไม่มีภาวะลิ่มเลือดอุดตัน

ขณะนี้ คณะกรรมการประเมินความเสี่ยงด้านเภสัชวิทยา (PRAC) ของ EMA กำลังดำเนินการตรวจสอบสาเหตุที่แน่ชัดว่าภาวะลิ่มเลือดอุดตันเกี่ยวข้องกับวัคซีนโควิด-19 แอสตราเซเนกาหรือไม่

ด้านบริษัทแอสตราเซเนกาออกมาชี้แจงว่า บริษัทเห็นความปลอดภัยของผู้รับวัคซีนเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด

“หน่วยงานกำกับดูแลมีมาตรฐานด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัยที่ชัดเจนและเข้มงวดสำหรับการอนุมัติยาใหม่ ๆ และรวมถึงวัคซีนโควิด-19 แอสตราเซเนกาด้วย ความปลอดภัยของวัคซีนเราได้รับการศึกษาอย่างกว้างขวางในการทดลองทางคลินิกเฟสที่ 3 และข้อมูลที่ได้รับการตรวจสอบโดยผู้ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียยืนยันว่าวัคซีนนี้เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป” บริษัทกล่าวในแถลงการณ์

ด้าน EMA กล่าวว่า ประเทศต่าง ๆ ยังสามารถใช้วัคซีนโควิด-19 แอสตราเซเนกาต่อไปได้ในระหว่างการตรวจสอบหาสาเหตุภาวะลิ่มเลือดอุดตัน “ประโยชน์ของวัคซีนดังกล่าวยังคงมีมากกว่าความเสี่ยง”

EMA เสริมว่า “ขณะนี้ยังไม่มีข้อบ่งชี้ว่าการฉีดวัคซีนทำให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน ซึ่งไม่เคยถูกระบุว่าเป็นผลข้างเคียงจากวัคซีนนี้”

สำหรับประเทศไทยซึ่งสั่งจองวัคซีนโควิด-19 แอสตราเซเนกาไว้ ล่าสุด เช้าวันนี้ (12 มี.ค.) ผู้บริหารระดับสูงในกระทรวงสาธารณสุข ประชุมด่วน มีมติเลื่อนกำหนดการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาเข็มแรก ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ที่เดิมกำหนดไว้ 09.00 น. วันนี้ ที่สถาบันบำราศนราดูร เพื่อประเมินวัคซีนแอสตราเซเนกา หลังหลายประเทศในยุโรปพบปัญหาผลข้างเคียง


ที่มา:

https://www.pptvhd36.com/news/ต่างประเทศ/143621?utm_campaign=ยุโรประงับ&utm_source=line&utm_medium=oa

https://www.bbc.com/news/world-europe-56357760

https://edition.cnn.com/2021/03/11/europe/astrazeneca-vaccine-denmark-suspension-intl/index.html

https://www.theguardian.com/society/2021/mar/11/denmark-pauses-astrazeneca-vaccines-to-investigate-blood-clot-reports

กลุ่มอาจารย์ยื่นประกันตัว ‘เพนกวิน - รุ้ง - ไผ่’ แจงเหตุจำเป็นด้านการเรียน “ทนายกฤษฎางค์” โวยราชทัณฑ์ขัง “เพนกวิน” รวมนักโทษเด็ดขาด ยังไม่ได้คำตอบ

วันที่ 12 มีนาคม 2564 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน พร้อมกลุ่มอาจารย์จากคณะรัฐศาสตร์, คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ม.ธรรมศาสตร์ และอาจารย์จาก ม.มหิดล เดินทางมาศาลเพื่อยื่นประกันตัว นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน, น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง และนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน แกนนำกลุ่มราษฎร ที่ไม่ได้รับการประกันตัวคดีชุมนุม 19 กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร ซึ่งเพนกวินและรุ้งมีสถานะเป็นนักศึกษา ป.ตรี ม.ธรรมศาสตร์ ส่วนไผ่มีสถานะเป็นนักศึกษา ป.โท ม.มหิดล

นายกฤษฎางค์ กล่าวว่า "เนื่องจากการยื่นขอประกันตัวครั้งล่าสุด ศาลเขียนเหตุผลเรื่องความจำเป็นเกี่ยวกับการเรียนยังไม่ถึงกับเป็นเหตุที่จำเป็น ทางญาติพี่น้อง พ่อแม่ เลยขอความกรุณาอาจารย์ผู้สอน ผู้บริหาร มาช่วยยื่นประกัน โดยใช้วงเงินประกันคนละ 5 แสนบาท เฉพาะ 3 คนนี้ เพราะอยู่ในช่วงการสอบ อยากให้ศาลพิจารณาอนาคตของเด็ก ไม่ว่าจะถูกดำเนินคดีอย่างไร เมื่อยังไม่ตัดสินต้องให้โอกาสเขาไปศึกษาเล่าเรียนก่อน เรื่องคดีความก็ว่ากันไป ถ้าไม่ให้ประกันก็เป็นการตัดอนาคตของเด็ก"

ผู้สื่อข่าวถามถึงการวางแนวทางหากศาลไม่ให้ประกันตัว เรื่องการศึกษาจะเดินต่ออย่างไร นายกฤษฎางค์ กล่าวว่า ถ้าตัวไม่ได้ออกก็คงจบ เพราะไผ่ช่วงนั้นที่ติดคุกที่ขอนแก่น เราขอให้เข้าไปสอบก็ไม่ได้รับความร่วมมือ

ด้าน ผศ.ดร.จันทนี เจริญศรี คณบดีคณะสังคมวิทยาฯ ม.ธรรมศาสตร์ ในฐานะอาจารย์ผู้สอนรุ้ง กล่าวว่า "รุ้งเป็นนักศึกษาหลักสูตรวิจัยทางสังคมของคณะ สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์สอบ ซึ่งไม่มีสอบเพราะเรียนออนไลน์ นักศึกษาจะต้องส่งงานวิชาวิจัยต้องค้นคว้า ใช้ห้องสมุดเก็บข้อมูล วิตกกังวลอยู่ที่นักศึกษาถูกคุมขัง ในกระบวนการยุติธรรมมีการประกันตัว เราก็มาทำตามกระบวนการ เป็นสิทธิผู้ต้องขัง คดียังไม่ตัดสิน เราทำตามหน้าที่ของเราที่เป็นทั้งผู้บริหารและอาจารย์ก็มาดูแลนักศึกษา รุ้งก็มีส่วนร่วมอภิปรายในชั้นเรียน"

ทั้งนี้ นายกฤษฎางค์ ทนายความ เปิดเผยด้วยว่า "ในส่วนของเพนกวิน เมื่อวานนี้ (11 มี.ค.) ในการไต่สวนกรณีแยกเรือนจำ เจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ก็มาด้วย ตนทราบจากทนายที่ไปเยี่ยมว่า ปัจจุบันมีการแยกเพนกวินไปอยู่แดน 5 ซึ่งเป็นแดนของนักโทษเด็ดขาด ทั้งที่กรณีเพนกวินยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ รัฐธรรมนูญระบุจะปฏิบัติเหมือนเป็นผู้กระทำผิดไม่ได้ ถ้าขังไว้กับคนที่มีคดียังไม่ได้พิสูจน์ความผิดพอจะรับได้ แม้จะไม่ถูก แต่ไม่ควรแยกแดนไปอยู่แดนนักโทษเด็ดขาด ซึ่งผิดต่อหลักสิทธิมนุษยชน ผิดต่อหลักกฎหมาย ไม่เข้าใจว่าราชทัณฑ์กำลังทำอะไรอยู่ ตนฝากผู้บริหารกรมราชทัณฑ์ที่ส่งตัวแทนมาเมื่อวานขอคำตอบ จนเย็นก็ไม่มีคำตอบ"

‘สิระ’ ตอกเจ็บกลุ่มอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซัดอย่ามาอ้างเรื่องการเรียน ดิ้นประกัน ‘เพนกวิน - รุ้ง - ไผ่’ ให้สังคมเดือดร้อน แนะวิธีง่าย ๆ เอาข้อสอบไปทำกันในคุก ชี้ผิดถูกแยกไม่เป็นเรียนไปก็ไร้ประโยชน์

เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2564 นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่ 4 อาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เตรียมยื่นอุทธรณ์ประกันตัว น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง , นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน และนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ในวันนี้ ว่า การยกเหตุผลนักศึกษามีสอบกลางภาคขึ้นมาสร้างความชอบธรรม เป็นเหตุผลที่ไม่เข้าท่า ตนคิดว่าคนเป็นครูบาอาจารย์ไม่น่าเพิ่งจะคิดถึงอนาคตของเด็กได้ในตอนนี้ พฤติกรรมที่ผ่านมาของเด็กกลุ่มนี้มีความสุ่มเสี่ยงที่จะติดคุก ติดตาราง ซึ่งน่ากลัวกว่าการไม่ได้สอบเยอะ แต่อาจารย์กลับไม่สั่งสอนในสิ่งที่ถูกต้องให้กับเด็ก แถมยังยุยงส่งเสริมให้เด็กไม่เคารพกฎหมาย มาในตอนนี้กลับมาเรียกร้องถึงการสอบ แล้วทำไมตอนทำชั่วไม่คิด

"อาจารย์กลุ่มนี้ก็เป็นพวกเคยประท้วงจะหยุดการสอน หน้าเดิม ๆ ทั้งนั้น ผมขอแนะนำว่า ทางที่ง่ายที่สุด อาจารย์ไม่ต้องยื่นประกันตัว เพราะถ้าออกมาก็จะสร้างความวุ่นวายให้สังคมอีก ผมคิดว่า อาจารย์ควรเดินหน้าทำแบบลูกศิษย์ที่รักของตัวเองซะ เพื่อให้ถูกจับเข้าคุก จะได้ไปเจอหน้ากัน โดยที่คนอื่นในสังคมก็ไม่ต้องเดือดร้อน และอย่าลืมเอาข้อสอบเข้าไปให้เด็กๆ ทำในคุกด้วย" นายสิระ กล่าว

นายสิระ กล่าวต่อว่า "ตนขอถามว่ามั่นใจหรือถ้าประกันตัวออกมาแล้วจะไปเรียนหนังสือ เท่าที่ตนเห็นแต่ละกระทำความผิดมาไม่ต่ำกว่า 10 คน ไม่มีวี่แววว่าจะกลับตัวกลับใจได้ เพราะฉะนั้นอย่าเอาคำว่าอนาคตมาอ้างเพื่อกดดันสังคม ถ้าไม่มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี แยกแยะถูกผิดไม่ได้ การศึกษาคงไม่มีประโยชน์กับคนกลุ่มนี้ ก่อนทำอะไรต้องไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน และตอนนี้ต้องรับผลกรรมแห่งการกระทำ บรรดาอาจารย์ที่อยากปกป้องช่วยเข้าใจด้วย ถ้าเรื่องแค่นี้ยังตะแบง เอาสีข้างเข้าถู ก็อย่าเรียกตัวเองว่าอาจารย์เลย ลาออกมาเป็นแกนนำจะดีกว่า จะได้ไม่เปลืองภาษีประชาชนที่ต้องจ่ายเงินเดือนให้ และเด็กรุ่นต่อ ๆ ไป เขาจะได้ไม่ต้องมีอาจารย์ที่สั่งสอนแต่เรื่องผิด ๆ จนต้องติดคุกติดตารางแบบพวกคุณ"


ที่มา : https://www.naewna.com/politic/558613

รวมนักการเมือง เปลี่ยนชื่อแล้ว ปัง!

เมื่อวาน กระแสข่าว การเปลี่ยนชื่อของ ‘แรมโบ้อีสาน’ สุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวาง โดยเจ้าตัวเปลี่ยนชื่อมาเป็น เสกสกล อัตถาวงศ์ ไม่ใช่ ๆๆ ต้องใช้ว่า ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์ ท่านแรมโบ้อีสานแจ้งกับนักข่าวอย่างนี้ ต่อไปนี้ ถ้าไม่เรียก ด็อกเตอร์เสกสกล ก็ต้องเรียกว่า ด็อกเตอร์แรมโบ้ กันล่ะนะ

พอมีข่าวนักการเมืองเปลี่ยนชื่อแซ่ THE STATES TIMES เลยไปสรุปมาให้ว่า ที่ผ่านมา มีนักการเมืองคนไหนบ้าง ที่เคยจัดการเปลี่ยนชื่อแซ่ แถมเพิ่มเติมให้อีกนิดว่า พอเปลี่ยนแล้ว ปัง ปัง ปัง ไม่ใช่เสียงปืนนะ เสียงความโด่งดังต่างหาก ไม่เชื่อไปดูสิ มีคนไหนไม่ดังบ้าง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top