Wednesday, 25 June 2025
TheStatesTimes

การบินไทย เผย กระทรวงสาธารณสุข มอบหมายขนส่งวัคซีนโควิด ‘ซิโนแวก’ ล็อตแรก 2 แสนโดส จากจีนมาไทย 24 ก.พ.นี้ จัดเครื่อง Cargo พร้อมตู้คอนเทนเนอร์พิเศษ

พลอากาศเอก ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ประธานในที่ประชุมคณะผู้ทำแผนฟื้นฟูกิจการ บมจ.การบินไทย เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุขมอบหมายให้บริษัทปฏิบัติภารกิจขนส่งวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ล็อตแรก 200,000 โดส จาก บริษัท ซิโนแวก ไบโอเทค จำกัด สาธารณรัฐประชาชนจีนมายังประเทศไทยด้วยเที่ยวบินขนส่งสินค้า (Cargo) ทีจี 675 ปักกิ่ง-กรุงเทพฯ ด้วยเครื่องบินแบบแอร์บัส A350-900 ออกเดินทางจากจีนในวันที่ 24 ก.พ.64 เวลา 06.50 น. (เวลาท้องถิ่น) ถึงกรุงเทพฯ เวลา 11.05 น. ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

บริษัทพร้อมปฏิบัติภารกิจสำคัญนี้อย่างครอบคลุมทุกด้าน โดยได้จัดเตรียมเครื่องบินลำตัวกว้าง สำหรับขนส่งวัคซีนป้องกันโควิด-19 ด้วยตู้คอนเทนเนอร์ชนิดปรับควบคุมอุณหภูมิเข้าสู่ประเทศไทย ซึ่งตู้คอนเทนเนอร์ควบคุมอุณหภูมิดังกล่าว สามารถขนส่งสินค้าที่ต้องการควบคุมอุณหภูมิได้ระหว่าง -20 องศาเซลเซียส ถึง +20 องศาเซลเซียส รวมถึงอุปกรณ์บริการภาคพื้นเพื่อสนับสนุนเที่ยวบินขนส่งวัคซีน และพื้นที่คลังสินค้าปรับอากาศขนาดใหญ่ ที่มีความสะดวกในการ ส่งต่อวัคซีน ซึ่งจะช่วยปกป้องวัคซีนไม่ให้สัมผัสกับสภาวะอุณหภูมิสูงในระหว่างการส่งต่อ

นอกจากนี้ บุคลากรของบริษัท ยังมีความรู้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการขนส่งและดูแลผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสินค้าประเภทที่ต้องการควบคุมอุณหภูมิเพื่อรักษาคุณภาพของสินค้า เช่น วัคซีน เวชภัณฑ์ เป็นอย่างดี และได้รับการรับรองมาตรฐาน GDP(Good Distribution Practice) ตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก โดยบริษัท SGS (Thailand) เป็นผู้ทำการตรวจสอบ และรับรอง

‘เสรีพิศุทธ์’ รื้อผลงานเก่า โชว์ฝีมือจับพนันกลางสภา สอนเชิง ‘นายกฯ’ นำไปแก้ปัญหา เจอฝ่ายรัฐบาลลุกประท้วงวุ่น

ที่รัฐสภา การประชุมสภาผู้แทนราษฎร พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย อภิปรายว่า การที่นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีร้อยนายกฯ ก็แก้ปัญหาบ่อนไม่ได้ เป็นการดูถูกอดีตนายกฯ ทำไมการพนันถึงอยู่ยั่งยืนยง เพราะเป็นการขอจับ

ซึ่งเป็นข้อตกลงกับเจ้าหน้าที่ของรัฐกับบ่อนการพนัน จับเฉพาะนักการพนัน แต่เจ้าของบ่อนไม่ถูกจับ แล้วก็มีการจัดฉาก บ่อนประตูน้ำอยู่มา 30 ปีไม่เคยถูกจับ แต่สมัยตนสามารถทำได้ แค่เป็นนายพันยังทำได้ แต่ทำไมระดับนายพลถึงทำไม่ได้ สิ่งที่ตนพูดเพื่อให้นายกฯ ไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ อภิปรายเกี่ยวกับบ่อนการพนัน ได้มี ส.ส.จากพรรคพลังประชารัฐ อาทิ นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.ประท้วงว่าพูดวกวนซ้ำซาก น่าเบื่อหน่าย ไม่ต้องเอาอดีตมาอวดอ้าง ทำเก่ง ใครก็รู้ทำไมถึงปราบเฉพาะบ่อนประตูน้ำ แต่ไม่ปราบบ่อนกิ่งเพชร เพราะอะไรใครก็ทราบ เพราะเป็นเพื่อนภรรยาท่านหรือไม่ รวมทั้ง นส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ อภิปรายไม่ตรงประเด็น และขอให้พูดเลยว่านายกฯ ทำผิดอะไร

ขณะเดียวกันส.ส.ฝ่ายค้าน อาทิ พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย นายวิรัตน์ วรศสิริน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายเรวัต วิศรุตเวช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ประท้วงว่าสิ่งที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เป็นการชี้ให้เห็นว่าว่าการแก้ไขปัญหาบ่อนควรทำอย่างไร เพื่อสอนให้นายกฯ ดู จะได้แก้ไขปัญหาได้ถูก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้เปิดคลิปการจับกุมบ่อนประตูน้ำ และบ่อนลอยฟ้า จึงทำให้ถูกประท้วงจาก ส.ส.รัฐบาล และประธานในการประชุม ตักเตือนหลายรอบให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เข้าประเด็นว่านายกฯ ทำผิดอะไร และเรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2549 ไม่เกี่ยวกับนายกฯ แต่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังยืนยันที่จะพูด โดยอ้างว่านายกฯ ไม่มีความรู้ความสามารถที่จะแก้ไขปัญหาได้

หลังจากนั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ก็ให้นายวิรัตน์ นำเอกสารไปให้นายกฯ ไปศึกษาวิธีปราบบ่อนควรจะทำอย่างไร ต่อมาพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้เปิดคลิปเกี่ยวกับการจับบ่อนการพนันที่พระราม 3 ทั้งจากการแถลงข่าวของนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย และภาพข่าว รวมทั้งการให้สัมภาษณ์ พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกฯ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ขอบคุณ ส.ส.ยุทธพงศ์ที่เปิดโปง แต่ตำรวจก็เป็นใหญ่เป็นโตและยังเสวยสุขอยู่


ที่มา: https://siamrath.co.th/n/220508

ย้อนเวลากลับไปในวันนี้เมื่อ 33 ปีก่อน มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นในประเทศไทย เมื่อมีข่าวประกาศอย่างเป็นทางการ ‘เรื่องการยุติการปะทะกันของไทย - ลาว ณ สมรภูมิบ้านร่มเกล้า’ เป็นผลให้เกิดความสงบสุขกลับคืนมา ระหว่างพี่น้องสองฝั่งโขง

กล่าวถึง ‘สมรภูมิบ้านร่วมเกล้า’ เป็นการรบระหว่างประเทศไทยและประเทศลาว ณ บริเวณบ้านร่มเกล้า อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2531 เหตุที่มาของการรบกันครั้งนี้ เกิดจากกรณีพิพาทด้านพรมแดนระหว่างไทยกับลาว เนื่องจากยึดถือพรมแดนจากแผนที่คนละฉบับ ซึ่งสืบย้อนกลับไปตั้งแต่เมื่อครั้งไทยทำสนธิสัญญากับฝรั่งเศส

เมื่อเวลาผ่านมา หลังจากฝรั่งเศสคืนเอกราชให้ประเทศลาว พื้นที่บริเวณนี้ (บ้านร่มเกล้า) จึงกลายเป็นพรมแดนที่มีความทับซ้อนกันระหว่างไทยและลาว จึงเป็นเหตุให้เกิดการปะทะกันเรื่อยมา

กระทั่งเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2531 พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้น ประกาศผลักดันกองกำลังต่างชาติที่เข้ามายึดครองพื้นที่ในเขตไทยทุกรูปแบบ เป็นที่มาของ ‘ยุทธการบ้านร่มเกล้า’ ทหารฝ่ายไทยและฝ่ายลาวเกิดการปะทะกันอย่างหนัก ส่งผลให้เกิดความสูญเสียเป็นอย่างมาก

การรบสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2531 หลังจากฝ่ายไทยได้ใช้กองทัพอากาศโจมตีเข้าไปในดินแดนลาว 30–40 กิโลเมตร และฝ่ายลาวโดยนายไกสอน พมวิหาร นายกรัฐมนตรี ณ ขณะนั้น ได้เจรจาขอหยุดยิงเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2531 และเสนอให้ถอนกำลังของทั้งสองฝ่ายออกจากกันเป็นระยะ 3 กิโลเมตร

ในเวลาต่อมา ประเทศไทยและประเทศลาว ร่วมกันจัดตั้งคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย - ลาว (JBC) ถูกก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2539 เพื่อปักปันพรมแดนซึ่งมีความยาว 1,810 กิโลเมตร นับถึงวันนี้ ยังคงมีการจัดการประชุม JBC ไทย - ลาว กันอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เพื่อพูดคุย หารือ และร่วมกันแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนทั้งสองประเทศเป็นที่ตั้ง


ที่มา: https://th.wikipedia.org/wiki

คนไทยรู้จักขุนนางผู้กล้า ‘พระยาพิชัยดาบหัก’ กันเป็นอย่างดี โดยอนุสาวรีย์ที่ประดิษฐานของท่านนั้น ตั้งอยู่ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งวันนี้เป็นวันครบรอบ 52 ปี ที่มีการเปิด ‘อนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก’ ขึ้น เพื่อเป็นที่สักการะและระลึกถึงเกียรติยศของขุนนางผู้นี้

ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ พระยาพิชัยดาบหัก เป็นขุนนางในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย มีชื่อเสียงในชั้นเชิงการต่อสู้ ทั้งมือเปล่าแบบมวยไทย และอาวุธแบบกระบี่ กระบอง เดิมชื่อ จ้อย เกิดที่บ้าน ห้วยคา อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ เมื่อปี พ.ศ. 2288 โดยศึกษาอยู่กับท่านพระครูวัดมหาธาตุหรือวัดใหญ่ เมืองพิชัย ภายหลังได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ทองดี

ต่อมานายทองดีเข้ารับราชการกับสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ตั้งแต่ครั้งดำรงตำแหน่งเป็นพระยาตาก ได้รับแต่งตั้งเป็นองครักษ์มีบรรดาศักดิ์เป็น ‘หลวงพิชัยอาสา’ ก่อนจะมีบรรดาศักดิ์ที่สูงขึ้น โดยเป็น เจ้าหมื่นไวยวรนาถ พระยาสีหราชเดโช และตำแหน่งสูงสุดคือ เป็น ‘พระยาพิชัย’ ผู้สำเร็จราชการครองเมืองพิชัย

ครั้งหนึ่งข้าศึกยกทัพมาตีเมืองพิชัย 2 ครั้ง ในการรบครั้งที่ 2 พระยาพิชัยถือดาบสองมือออกต่อสู้จนดาบหักไปข้างหนึ่ง และรักษาเมืองไว้ได้ จึงเป็นที่มาของสมญานาม ‘พระยาพิชัยดาบหัก’

พระยาพิชัยดาบหัก เป็นตัวอย่างของบุคคลที่มีความซื่อสัตย์ สุจริต และมีความเด็ดเดี่ยว กล้าหาญ รวมถึงความรักและหวงแหนในแผ่นดิน ด้วยเกียรติยศเหล่านี้ จึงเป็นที่มาของอนุสาวรีย์ของท่าน ที่ตั้งประดิษฐานไว้ที่หน้าศาลากลางจังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ระลึกถึงคุณงามความดี ซึ่งไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี คุณความดีก็จะยังคงอยู่สืบไป


ที่มา: http://www.trueplookpanya.com/learning/detail/19524

การนับวัน เดือน ปี โดยลงท้ายด้วย ‘พุทธศักราช’ ถือเป็นความคุ้นเคยของคนไทยตลอดมา แต่หากถามว่า จุดเริ่มต้นที่มีการใช้การกำหนดปีด้วย ‘พุทธศักราช’ หรือ ‘พ.ศ.’ นั้น มีความเป็นมากว่า 109 ปีแล้ว

โดยก่อนหน้าที่จะมีการใช้พุทธศักราช ประเทศไทยใช้รัตนโกสินทร์ศก หรือ รัตนโกสินทร์ศักราช (ร.ศ.) มากว่า 24 ปี (พ.ศ. 2432 – 2455) ทั้งนี้ รัตนโกสินทร์ศก (ร.ศ.) ถูกกำหนดขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยเริ่มนับจากปีที่มีการสถาปนากรุงเทพมหานครเป็นเมืองหลวง คือ พ.ศ. 2325 ให้นับเป็นรัตนโกสินทร์ศก 1 หรือ ร.ศ. 1

จวบจนเข้าสู่รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริว่า ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธศาสนา และเพื่อให้สอดคล้องกับประเทศต่าง ๆ ที่นับถือพุทธศาสนา จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ประกาศเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ รัตนโกสินทร์ศก 131 (พ.ศ. 2455) ให้ใช้ ‘พระพุทธศักราช’ ในราชการทั่วไป โดยถือเอาวันขึ้นปีใหม่ วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2456 เป็นวันเปลี่ยนมาใช้พุทธศักราชตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ปัจจุบันมีประเทศที่ใช้การนับปีแบบพุทธศักราชอยู่หลายประเทศ อาทิ ประเทศไทย กัมพูชา และ สปป.ลาว โดยใช้หลักเริ่มนับ พ.ศ. 1 เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้วครบ 1 ปี ต่างจากประเทศศรีลังกาและเมียนมา ที่เริ่มนับปีพุทธศักราช ตั้งแต่ปีที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน จึงทำให้พุทธศักราชของศรีลังกาและเมียนมา เร็วกว่าของประเทศไทย 1 ปี

นับจากอดีตสู่ปัจจุบัน ประเทศไทยมีโครงการสร้างเขื่อนต่าง ๆ อยู่มากมาย และในวันนี้เมื่อ 35 ปีก่อน พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินเปิด ‘เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล’ จังหวัดเชียงใหม่

ที่มาของเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เป็นเขื่อนที่สร้างขึ้นตามพระราชดำริของในหลวง รัชกาลที่ 9 เพื่อทำการชลประทานให้แก่พื้นที่เพาะปลูกบริเวณที่ราบเชิงเขาทั้งสองฝั่งของลำน้ำ รวมทั้งยังช่วยบรรเทาอุทกภัยในเขตลุ่มน้ำปิง สามารถบรรเทาน้ำหลากเข้าท่วมเมืองเชียงใหม่ มากไปกว่านั้น ยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำ สร้างประโยชน์แก่ชาวประมงน้ำจืดด้วยอีกทาง

และเนื่องจากเป็นเขื่อนที่สามารถกักเก็บน้ำได้สูงสุดถึง 26.5 ล้านลูกบาสก์เมตร และมีเครื่องกำเนิดไฟฟ้า จึงสามารถผลิตไฟฟ้าได้ถึงปีละ 24.5 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง

เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล ใช้เวลาในการก่อสร้างกว่า 8 ปี โดยเริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2520 แล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2528 กระทั่งเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2529 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้เสด็จพระราชดำเนินมาเปิดเขื่อนอย่างเป็นทางการ และนับถึงวันนี้ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล ยังคงสร้างประโยชน์ให้กับเกษตรกร และรวมถึงประชาชนที่สามารถเดินทางมาพักผ่อนหย่อนใจยังเขื่อนแห่งนี้ เนื่องจากถูกประยุกต์ให้มีที่พัก และมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม


ที่มา: https://th.wikipedia.org/wiki

สำนักข่าวซินหัวรายงาน หรรษ วรรธน รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขกลางของอินเดีย เปิดเผยว่า ขณะนี้มีวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ที่อยู่ระหว่างการทดลองทางคลินิกระยะต่างๆ อย่างน้อย 18 - 19 ตัว

“มีการวิจัยวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในขั้นตอนต่างๆ ราว 18-19 ตัว” วรรธนกล่าว โดยบรรดาวัคซีนตัวใหม่อยู่ในขั้นตอนการทดลองก่อนทดสอบในมนุษย์ การทดลองทางคลินิก และการทดลองขั้นสูง

อินเดียอนุมัติการใช้งานฉุกเฉินแก่วัคซีน 2 ตัว ได้แก่ วัคซีนโควาซิน (Covaxin) ที่พัฒนาโดยภารัต ไบโอเทค (Bharat Biotech) และวัคซีนโควิชีลด์ (Covishield) จากออกซ์ฟอร์ด-แอสตราเซเนกา (Oxford University-AstraZeneca) ที่ผลิตโดยสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย (SII)

วรรธน เน้นย้ำว่า การฉีดวัคซีนให้บุคลากรด้านการดูแลสุขภาพและบุคลากรแนวหน้านั้นเป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ โดยมีผู้รับวัคซีนแล้ว 8,285,295 คน ตามจุดรับวัคซีน 173,729 แห่งทั่วประเทศ เมื่อนับถึงเช้าวันจันทร์ (15 ก.พ.)

สำหรับระยะถัดไปของโครงการฉีดวัคซีนขนานใหญ่ รัฐบาลอินเดียจะฉีดให้ผู้มีอายุ 50 ปีขึ้นไปในเดือนมีนาคม โดยกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านการฉีดวัคซีนจะหารือวิธีชำระเงินค่าวัคซีนสำหรับประชาชนกลุ่มดังกล่าว

อินเดียเปิดตัวโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ทั่วประเทศเมื่อวันที่ 16 ม.ค. โดยระยะแรกจะฉีดให้บุคลากรด้านการดูแลสุขภาพและบุคลากรแนวหน้าราว 30 ล้านคน ตามด้วยผู้มีอายุ 50 ปีขึ้นไป และผู้มีอายุต่ำกว่า 50 ปีที่มีโรคร่วม ซึ่งมีจำนวนราว 270 ล้านคน

ทั้งนี้ เมื่อเช้าวันจันทร์ (15 ก.พ.) กระทรวงฯ รายงานว่าอินเดียมีผู้ป่วยโรคโควิด-19 รวมอยู่ที่ 10,916,589 ราย และผู้ป่วยเสียชีวิต 155,732 ราย


ที่มา: https://www.naewna.com/inter/553103

กลายเป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์ เบอร์ 1 ของ Clubhouse อย่างไม่เป็นทางการไปแล้ว สำหรับ อีลอน มัสก์ เจ้าพ่อ SpaceX ตั้งแต่เขาได้เข้าไปให้สัมภาษณ์ในห้อง Good Time Club บนแอพ Clubhouse เมื่อปลายเดือนมกราคม 2021

ล่าสุด อีลอน มัสค์ ก็ยังสนุกต่อเนื่อง ถึงกับโพสต์ทวิตเตอร์ชวนประธานาธิบดีแห่งรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน มาร่วมวงสนทนาใน Clubhouse ด้วยกัน

โดย อีลอน ได้แท็กถึง @KremlinRussia_E ซึ่งเป็นแอคเคาท์อย่างเป็นทางการของฝ่ายทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียบน Twitter ชวนกันแบบตรงๆ ว่า “ท่านประธานาธิบดี สนใจมาร่วมวงสนทนากับผมบน Clubhouse ไหมครับ”

แถมยังทวิตย้ำเป็นภาษารัสเซียตามมาด้วยว่า “การได้มีโอกาสสนทนากับท่านจะเป็นเกียรติมากๆ เลย”

และยิ่งกลายเป็นที่ฮือฮาไปอีก เมื่อโฆษกประจำทำเนียบ เครมลิน ดมิตี้ เพสคอฟ ถึงกับออกมาแถลงข่าวว่า การได้ร่วมสนทนากับคนระดับเจ้าพ่อ SpaceX เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก แต่ทางรัฐบาลรัสเซียต้องพิจารณาดูก่อนว่า ปูตินจะร่วมสนทนาผ่านแอพโซเชียลมีเดียอย่าง Clubhouse ได้หรือไม่

เพราะอย่างที่รู้กัน ปูตินไม่เล่นโซเชียลมีเดีย และไม่ได้เปิดบัญชีส่วนตัวในแอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียที่ไหน เนื่องจากปูตินเชื่อว่าเครือข่ายโซเชียลมีเดีย เป็นโปรเจ็กต์ที่สนับสนุนโดย CIA ของสหรัฐอเมริกา ใช้เพื่อสอดส่อง ตามรอย เก็บข้อมูลส่วนตัวบุคคลเป้าหมายได้ง่ายขึ้น

ดังนั้นการที่ปูตินจะใช้โซเชียลมีเดีย ก็ต้องใช้ผ่านแอคเคาท์กลางที่จะมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด และก็ต้องรู้ถึงจึงประสงค์ว่าการชวนสนทนาของอีลอน มัสค์ ต้องการจะคุยเรื่องอะไรบ้าง

แต่ทั้งนี้ทางเครมลิน ก็ไม่ได้บอกปัดคำเชิญของ อีลอน มัสก์ เสียทีเดียว และยังเห็นว่าเป็นไอเดียที่ดี

Clubhouse เป็นแอพโซเชียลมีเดีย พัฒนาโดย Alpha Exploration Co. ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนเมษายน ปี 2020 บนแพลตฟอร์ม iOS ของ Apple เท่านั้น

โดยเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมเป็นกลุ่มสนทนาทางเสียง เหมือนห้องสนทนา แต่การเข้าร่วมจะต้องผ่านการเชิญจากสมาชิกเก่า หรือลงทะเบียนรอคิวบนเว็บไซต์ของทางแอปพลิเคชัน

และกลายเป็นช่องทางโซเชียลที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันมีสมาชิกแล้วกว่า 600,000 บัญชี และมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้อีกหลายเท่า หากในอนาคตจะเปิดให้ผู้ที่ใช้ระบบ Android สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ได้พรีเซนเตอร์ระดับแม่เหล็ก อย่างอีลอน มัสก์ มาเชียร์ด้วยตัวเอง จึงทำให้กระแสของ Clubhouse ฮิตติดลมบน แม้แต่ในประเทศไทยก็มีการขยายตัวของกลุ่มผู้ใช้งานอย่างรวดเร็วเช่นกัน

แต่ทางรัฐบาลจีนออกคำสั่งแบน Clubhouse ตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์เป็นต้นมา เนื่องจากพบว่ามีห้องสนทนาที่พูดถึงประเด็นที่อ่อนไหวในจีน โดยเฉพาะ ประเด็นการเมืองที่เกิดขึ้นในฮ่องกง


ที่มา:

https://www.cnbc.com/2021/02/15/russia-elon-musks-offer-of-clubhouse-chat-with-putin-is-interesting.html

https://www.theguardian.com/technology/2021/feb/15/clubhouse-app-invite-what-is-it-how-to-get-audio-chat-elon-musk

https://en.wikipedia.org/wiki/Clubhouse (app)

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงกระทำการฝึกกระโดดร่ม ครั้งแรก First Jump เมื่อวานนี้

วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานอ้างข้อมูลจาก เว็บไซต์ลับลวงพรางแชนแนล ซึ่งเผยแพร่ข่าวสารทางทหาร ระบุว่า พลเอกหญิง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงกระทำการฝึกกระโดดร่ม ครั้งแรก First Jump สำหรับการฝึกหลักสูตรแทรกซึมทางอากาศเบื้องสูงทางยุทธวิธี ที่หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (นสศ.) จ.ลพบุรี แล้ว เมื่อวานนี้ (15 ก.พ.)

เว็บไซต์ลับลวงพรางฯ รายงานว่า “พระองค์ภา” ทรง First Jump แล้ว เมื่อเช้าวานนี้ (15 ก.พ.) ในการฝึกแบบ HALO ดิ่งพสุธา ด้วยเครื่องบิน Mi-17 และร่ม MC-5 และ ทรงกระโดด อีกครั้งช่วงบ่าย โดยจะทรงกระทำการกระโดดร่ม วันละ 2 จั้มพ์ ให้ครบ 26 จั้มพ์ จึงจะครบทั้งหลักสูตร แทรกซึมทางอากาศเบื้องสูงทางยุทธวิธี ที่มีทั้ง HALO และ HAHO หากจบการฝึก พระองค์จะเป็น นายทหารหญิง พระองค์แรก ที่จบ HAHO ติดอาร์ม “พรานเวหา”

พลเอกหญิง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา “เสนาธิการกองบัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์” ทรงเข้ารับการฝึกหลักสูตรแทรกซึมทางอากาศเบื้องสูงทางยุทธวิธี เป็นเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ที่หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (นสค.) จ.ลพบุรี

โดยเริ่มการฝึก ในอุโมงค์ลม ที่ศูนย์สงครามพิเศษ เพื่อฝึกท่าทาง เวลาเหินอยู่กลางอากาศ การบังคับทิศทาง ของตนเอง เมื่อ 14 ก.พ.2564

ก่อนที่ วันที่ 15 ก.พ.2564 เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ทรงกระทำการฝึกกระโดดร่ ครั้งแรก First Jump สำหรับการฝึกหลักสูตรนี้ ด้วยการใช้ร่มแบบกระตุกเอง Free Fall

โดยทรงทำการฝึก วันละ 2 จั้มพ์ ในช่วงเช้า 1 จั้ม และบ่ายอีก 1 จั้ม โดยพระองค์ จะทรงทำการฝึกรวมทั้งหมด 26 จั้มพ์

โดยวันนี้ ทรงทำการฝึกครั้งแรกในหลักสูตร HALO ดิ่งพสุธา ด้วยเครื่องบิน Mi-17 และร่ม MC-5 ที่วันแรกนี้ ครูฝึกจะยังดูแลอย่างใกล้ชิด

โดยเมื่อทำการ First Jump แล้ว จะทรงกลับเข้าไปฝึกในอุโมงค์ลม เรื่องการปรับท่าทางต่าง ๆ

ทั้งนี้ จะทรงฝึกโดดร่มจากเครื่องบิน 3 แบบ ที่ความสูงและความเร็วแตกต่างกัน ทั้งเครื่องบิน Mi-17, C295 W และ C-130

ในหลักสูตรแทรกซึมทางอากาศเบื้องสูงทางยุทธวิธีนี้ พระองค์จะทรงทำการฝึกแบบ HALO (High Altitude Low Opening) เป็นการโดดร่มบบโดดสูง และเปิดร่มต่ำ หรือ ดิ่งพสุธา ก่อน อันเป็นการกระโดด ณ ตำบลเหนือพื้นที่ของข้าศึก เพื่อปฏิบัติการทางยุทธวิธีภาคพื้นดิน

จากนั้นจะทรงทำการฝึก HAHO (High Altitude High Opening) ที่เป็นการโดดร่มแบบโดดสูงและเปิดร่มสูง เป็นยุทธวิธีของการแทรกซึมเบื้องสูงทางทหาร เป็นการโดดนอกพื้นที่ของข้าศึก แต่ลงไปในพื้นที่หรือแนวหลังของข้าศึก เพื่อปฏิบัติการทางยุทธวิธีภาคพื้นดิน ที่จะเป็นหลักสูตรขั้นสูงสุดของหน่วยรบพิเศษ

หากพระองค์จบการฝึกหลักสูตร HAHO นี้ จะถือว่าพระองค์เป็นนายทหารหญิงชั้นนายพล ชั้นพลเอกหญิง พระองค์แรก ที่จบหลักสูตรนี้อย่างเป็นทางการ และจะทรงเป็น “พรานเวหา” ได้รับเครื่องหมาย HAHO และพรานเวหา ประดับเครื่องแบบ

ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระบรมราโชบายว่า การประดับเครื่องหมายใด ทหารผู้นั้นจะต้องผ่านการฝึกด้วยตนเองจริง ๆ ไม่ใช่ได้แบบกิตติมศักดิ์

โดยที่ผ่านมา ทหารพลร่มหญิงของหน่วยรบพิเศษมักจะทำการฝึกอบรมหลักสูตร HALO ดิ่งพสุธาเท่านั้น เพื่อใช้ในการแข่งกีฬาโดดร่ม

ที่สำคัญจะถือเป็นเกียรติยศอันสูงสุด และความปลาบปลื้มแก่หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ และทหารรบพิเศษ ชาวหมวกแบเร่ต์แดงทั้งปวง ที่เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ทรงเข้ารับการฝึกกับหน่วยรบพิเศษในหลักสูตรนี้

อันจะสะท้อนความเป็นเจ้าฟ้านักรบพิเศษหญิงที่แข็งแกร่ง กล้าหาญ และพระปรีชาสามารถ ประหนึ่งทหารที่เป็นบุรุษ

หลังจากที่ทรงโอนย้ายจากอัยการมาเป็นนายทหารหญิงแล้ว ในยามนี้พระองค์ทรงเป็นนายทหารหญิงอย่างเต็มภาคภูมิแล้ว

ทรงพระเจริญ


ที่มา :

https://www.prachachat.net/royal-house/news-614248

https://www.llpch.news/2021/02/15/66743/?fbclid=IwAR39SEFgGMD3FqkYOdtznqz3qpsqVCUiEzvqXmZQmztXjI8Y14lKvTvkjuw

Cr : ภาพ เพจ เรารัก สมเด็จเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา : Our Beloved HRH Princess Bajrakitiyabha

https://www.facebook.com/photo?fbid=271744247642921&set=a.208675790616434

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โต้ ‘สมพงษ์’ ปม‘รัฐบาลปรสิต’ แจง รัฐบาลไม่ใช่ปรสิต แต่คิดทำเพื่อชาติ ผิดกับบางรัฐบาล ที่ออกนโยบายเชิงคิดทุจริตล่วงหน้า ทำประเทศเสียหายหลายแสนล้าน จากโครงการจำนำข้าว

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงกรณีการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า จากการอภิปรายของ นายสมพงษ์อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ที่กล่าวหาว่าเป็นรัฐบาลปรสิตนั้น เป็นการกล่าวหาที่เกินไป สวนทางกับความเป็นจริง เพราะรัฐบาลคิดทำเพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศมาตลอดระยะเวลา ในความเป็นจริงไม่มีสิ่งใดที่ถูกใจใครไปทั้งหมด

เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่มองออกว่าประโยชน์ที่ประชาชนได้รับมีอะไรบ้าง เกษตรกรได้รับการดูแลให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีโครงการประกันรายได้ พื้นดินแห้งแล้ง ไม่มีแหล่งน้ำ รัฐบาลช่วยเหลือให้ดีขึ้น การลดความเหลื่อมล้ำของสังคม และการสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการของรัฐ การยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุขและสุขภาพของประชาชน การเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ ยึดมั่นในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มีหลักการชัดเจน คือการปกป้องและเชิดชู สถาบันพระมหากษัตริย์

มีนโยบายอีกมากมายที่เกิดประโยชน์กับประชาชน ถ้าเป็นรัฐบาลปรสิต คงสูบกินประเทศจนเหลือแต่กระดูกเหมือนที่บางรัฐบาลทำ ที่กัดกร่อนหาประโยชน์จากนโยบายและประเทศ

นายราเมศ กล่าวต่อว่า "คำว่ารัฐบาลปรสิต จะเหมาะสมกับรัฐบาลที่ทุจริตมากกว่า ที่มีการออกนโยบายในเชิงคิดทุจริตไว้ล่วงหน้า นำไปสู่การโกงประเทศอย่างเป็นระบบ เช่นรัฐบาลหนึ่งที่ทุจริตในโครงการจำนำข้าว ที่ประเทศมีความเสียหายเกือบล้านล้านบาท

ฝ่ายค้านคงเข้าใจผิดไปเลยพูดกล่าวหาผิดรัฐบาล ประเด็นนี้ของฝ่ายค้านประชาชนตัดสินได้เลยว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่ใช่รัฐบาลปรสิตแต่เป็นรัฐบาลที่คิดทำเพื่อชาติ เพื่อประชาชน และที่สำคัญเป็นรัฐบาลที่ทำงานโดยยึด ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นที่ตั้งในการทำงาน"


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top