Wednesday, 25 June 2025
TheStatesTimes

‘บิ๊กตู่’ ย้อนถามสื่อ เหตุปะทะระหว่างม็อบกับตำรวจ ใครเป็นคนทำ ยันทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็น ประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ผ่านระบบวิดิโอคอนเฟอเรนซ์ โดยก่อนการประชุม ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่มีการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย

ในส่วนของสถานการณ์ ดูเหมือนการชุมนุมจะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ย้อนถามว่า ไปถามว่าทำไมถึงรุนแรงขึ้น แล้วใครเป็นคนทำล่ะ

เมื่อถามย้ำว่า เป็นห่วงหรือไม่ว่าการชุมนุมจะกินเวลาไปจนถึงวันอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามอีกครั้งว่า คนไทย ห่วงไหมล่ะ คนไทย

เข้าสู่สถานการณ์เปราะบางถึงขีดสุด หลังจากที่ประชาชนชาวพม่าได้ลุกฮือประท้วงต่อต้านการรัฐประหารของกองทัพพม่า ที่นำโดย นายพล มิน อ่อง ลาย ติดต่อกันมานานกว่า 9 วัน และเริ่มทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ

จนล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ มีรายงานการใช้อาวุธเข้าสลายการชุมนุมที่หน้าโรงงานไฟฟ้าที่รัฐคะฉิ่น หลังมีข่าวลือสะพัดในโลกออนไลน์ว่ากองทัพพม่าจะทำการตัดไฟฟ้าทั่วประเทศ ที่ตอนนี้ยังไม่มีการยืนยันว่าทางเจ้าหน้าที่ได้ใช้กระสุนจริงในการสลายการชุมนุมร่วมด้วยหรือไม่

ต่อมามีภาพข่าวการเคลื่อนพลรถถังออกมาประจำการในเมืองที่มีการเดินขบวนประท้วงอย่างเข้มข้น ได้แก่ ย่างกุ้ง มิตจิน่า สิตตวี ในช่วงหัวค่ำของวันอาทิตย์ ตามมาด้วยคำสั่งตัดสัญญาณอินเตอร์เนตทั่วประเทศทั้งแต่เวลา ตี 1 ถึง 9 โมงเช้าของเช้าวันนี้ ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่า สถานการณ์ในพม่าอาจกำลังมุ่งหน้าเข้าสู่จุดแตกหักในไม่ช้า

ส่วนสถานฑูตสหรัฐได้ออกมาเตือนเจ้าหน้าที่ และชาวสหรัฐที่อยู่ในพม่าให้อยู่แต่ในบ้านพักเพื่อความปลอดภัย หลังจากที่รับทราบข่าวการเคลื่อนกำลังพลในพม่าเมื่อช่วงหัวค่ำ และได้ร่วมกับเอกอัครราชฑูตจากสหภาพยุโรป อังกฤษ แคนาดา ในพม่าได้ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลในสถานการณ์ความรุนแรงในพม่าตั้งแต่ช่วงหัวค่ำของวันอาทิตย์ และเตือนกองทัพพม่าว่า จะสนับสนุนประชาชาวพม่าในการเรียกร้องประชาธิปไตย เสรีภาพ และความผาสุข และตอนนี้ทั่วโลกกำลังจับตาดูอยู่

จากการเคลื่อนไหวล่าสุดของกองทัพพม่า และการยกระดับการประท้วงของกลุ่มต่อต้านรัฐประหารถึงระดับนัดหยุดงานทั่วประเทศ ส่งสัญญาณอันตรายถึงความเปราะบางของสถานการณ์ที่อาจทำให้พม่าเดินหน้าเข้าสู่วังวนแห่งยุคมิคสัญญี ที่ฝ่ายกองทัพและประชาชนเข้าปะทะกันอย่างรุนแรงจนเกิดเหตุการณ์นองเลือดอีกครั้ง ที่ทำให้เศรษฐกิจ และการเมืองพม่าต้องถอยหลังกลับไปสู่ยุคจำศีลนานมากกว่า 10 ปี

และตอนนี้ทางกองทัพพม่าได้จับกุมกลุ่มผู้ประท้วง และแสดงความอารยะขัดขืนไปแล้วกว่า 384 คน แลการประท้วงยังคงขยายวงอย่างต่อเนื่อง และมีรายงานเพิ่มเติมว่ากองทัพพม่าได้ส่งกำลังเข้าควบคุมสนามบินนานาชาติที่ย่างกุ้งแล้ว หลังพบว่ามีนักบิน และเจ้าหน้าที่สนามบินร่วมประท้วงนัดหยุดงานหลายร้อยคน

 


อ้างอิง:

https://www.theguardian.com/world/2021/feb/14/tanks-on-streets-of-myanmar-city-prompt-us-embassy-warning

https://www.channelnewsasia.com/news/asia/myanmar-troops-fire-on-protesters-in-signs-of-feared-crackdown-14197926

https://www.smh.com.au/world/asia/myanmar-army-deploys-tanks-to-confront-protesters-as-strikes-continue-20210215-p572gf.html

https://www.businesstimes.com.sg/government-economy/myanmar-security-forces-fire-to-disperse-protest-at-power-plant-in-kachin-state-0

Cr ภาพ : รอยเตอร์ส

ลูกน้ำ ทิดาลัด วงสิริ Miss Laos 2011 และนักแสดงชื่อดังของลาว สุดปลื้มได้รับรางวัล Lao Star Model Award 2020 เป็นคนแรกของลาว ในงาน Asia Model Festival 2020

“เป็นตาฮักหลาย” หากพูดด้วยสำเนียงแบบนี้ ก็รู้ทันทีว่าในกลุ่มประเทศอาเซียน วันนี้คอลัมน์เบิ่งข้ามโขงของเราจะกล่าวถึง สปป.ลาว แต่ที่น่าสนใจก็คือ วันนี้จะพาไปร่วมแสดงความยินดีกับ ลูกน้ำ ทิดาลัด วงสิริ Miss Laos 2011 และนักแสดงชื่อดังของลาว ที่สำคัญเคยข้ามฝั่งมาแสดงละครที่ประเทศไทย ในละครเรื่องดอกคูณเสียงแคน เนื่องด้วยเพราะเธอได้รับรางวัลส่งตรงมาจากเกาหลี

 

เจ้าตัวตกใจสุดขีด ถึงขั้นโพสต์ลงไอจีอย่างตื่นเต้นเป็นภาษาลาวว่า

ເຍ່ໃນທີ່ສຸດກາເດີນທາງມາຮອດ????????????????

???????? ຂອບໃຈຫລາຍໆເດີ້

ສຳຫລັບລາງວັນ Lao Star Model Award 2020 ສົ່ງມາໃຫ້ແຕ່ Korea ເລີຍ

 

ຂອບໃຈທີ່ເລືອກນ້ຳເປັນ ຄົນລາວຄົນທຳອິດ ທີ່ໄດ້ຮັບ

ລາງວັນນີ້ Asia Model Festival ເປັນລາງວັນແລກໃນຊີວິດເລີຍ

ດີໃຈເວີ້ໆໆໆໆ ກອດໆໆໆ

 

ຂອບໃຈ Steve Kang ແລະ ອ້າຍ ເຜັດ ລາວສະຕາຮ

ຂອບໃຈທີມງານທຸກໆຄົນ Bank Singhalath

ແລະ ຂອບໃຈຄອບຄົວນ້ຳ ແຟນຄັບ ແລະຄົນທີ່ຮັກນ້ຳທຸກໆຄົນ ????????????????????????????????

 

แปลเป็นไทยคือ

ลูกน้ำ ได้รับรางวัล Lao Star Model Award 2020 เป็นคนแรกของลาว

ในงาน Asia Model Festival 2020. ซึ่งประกาศผลเมื่อเดือนธันวาคม 2020 ที่ผ่านมา แต่เธอไม่ได้เดินทางไปรับรางวัล เนื่องจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19

#ModelStarAward

#ລູກນໍ້າທິດາລັດວົງສິຣິ

#ຊຸບຕຣາລາວ

 

ซึ่งงาน Asia Model Festival 2020 ถูกจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 15 แล้ว ถือเป็นเวทีนายแบบ-นางแบบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชีย และยังเป็นเวทีที่ผลักดันให้วงการแฟชันเติบโตและก้าวสู่ระดับโลกอีกด้วย ไม่ใช่แค่ฝั่งลาว ฝั่งไทยเรานักแสดงมากความสามารถของไทยก็ได้รับรางวัลเช่นกัน คือ พิม พิมประภา จากละครพรหมพิศวาส ก็ได้รับรางวัลนี้ด้วยเช่นกัน

คอลัมน์เบิ่งข้ามโขงขอแสดงความยินดีกับลูกน้ำอีกครั้งเพราะเธอได้สร้างความภาคภูมิใจให้กับพี่น้องชาวลางจริงๆ แม้ว่าสถานการณ์โควิด-19 ยังคงระบาดไปทั่วโลก รอบฝั่งแม่น้ำโขง ทั้งไทย ลาว ที่ยังคงต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด น่าเสียดายจริงๆ หากเป็นสถานการณ์ปกติก็คงจะได้เห็นสาวงามอย่างลูกน้ำ เชิดฉายในงาน Asia Model Festival 2020 แน่นอน คนอะไร ทั้งสวยทั้งเก่ง ทั้งมากความสามารถ ยกนิ้วให้เลย


เรื่องโดย: หนุ่มโคราชคลุกคลี กับเมืองลาวทั้งด้านธุรกิจเอกชนและภาครัฐมานานหลายปี ยินดีแนะนําภาคเอกชนไทย บุกตลาดอินโดจีน สรรหาเรื่องเล่า วีถีชีวิต วัฒนธรรม เศรษฐกิจ

ชาวบ้านกลุ่มผู้สูงอายุ ไม่มีสมาร์ทโฟน แห่เข้าคิวรอลงทะเบียนโครงการเราชนะ แน่นทุกสาขาธนาคารกรุงไทยทั่วประเทศ ส่วนใหญ่อยากได้เงินไว้ใช้จ่ายในครัวเรือน

กลุ่มผู้เปราะบาง กลุ่มผู้สูงอายุ ที่ไม่มีสมาร์ทโฟน แห่มาลงทะเบียนโครงการเราชนะแน่นสาขาธนาคารกรุงไทยทั่วประเทศ โดยที่ธนาคารกรุงไทย สังกัด สำนักงานเขตพิษณุโลก สาขาถนนสิงหวัฒน์ อ.เมืองพิษณุโลก ที่เริ่มเปิดบริการจุดลงทะเบียนบริการประชาชนวันแรกในเวลา 08.30 น.- 16.30 น. ณ จุดบริการชั้นล่างอาคารสาขาถนนสิงหวัฒน์ และจุดนี้บริการทุกวันไม่มีวันหยุดเสาร์ - อาทิตย์

บรรยากาศวันแรกค่อนข้างหนาแน่นด้วยประชาชนที่มารอใช้บริการ ที่ส่วนใหญ่แล้ววันนี้ เป็นกลุ่มผู้สูงอายุที่ไม่มีสมาร์ทโฟน โดยช่วงเช้า มีผู้มาต่อคิวรับบัตรคิวแล้ว 100 คน เจ้าหน้าที่ต้องคอยชี้แจงเป็นระยะ ๆ ให้ผู้ที่มาทีหลังสามารถมาใช้บริการวันอื่นได้ เพราะ เปิดบริการลงทะเบียนให้ทุกวันตั้งแต่ 15 - 25 กุมภาพันธ์ 2564 ไม่มีวันหยุดเสาร์ - อาทิตย์

สำหรับการบริการประชาชนวันแรกยังค่อนข้างขลุกขลัก เนื่องจากเจ้าหน้าที่ต้องรอเซ็ตระบบคอมพิวเตอร์ และเริ่มบริการให้ประชาชนรายแรกได้ในเวลาประมาณ 09.00 น. และใช้เวลาบริการประชาชนรายละประมาณ 10 นาที ทั้งนี้ ผู้สูงอายุบางราย ก็มีลูกหลานลงทะเบียนเข้าโครงการผ่านสมาร์ทโฟนแล้ว เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาอธิบายให้ใช้สมาร์ทโฟนโหลดแอพเป๋าตัง ซึ่งเริ่มรับเงินใช้จ่ายได้ในวันแรกในวันที่ 6 มีนาคม 2564 ขณะที่ผู้มารอใช้บริการส่วนใหญ่ เป็นโทรศัพท์แบบปุ่มกด ซึ่งต่างนั่งรอเจ้าหน้าที่บริการ

นายเสนาะ คงรอด อายุ 63 ปี ชาวอ.เมืองพิษณุโลก เปิดเผยว่า มารอใช้บริการตั้งแต่ 06.30 น. โทรศัพท์ของตนเป็นแบบกดปุ่ม ไม่มีสมาร์ทโฟน อยากได้เงินไปซื้อของใช้ภายในบ้าน

ด้านนางมาลี ทองนิโรจน์ อายุ 71 ปี ชาวอ.เมือง จ.พะเยา ที่มาอาศัยอยู่กับบุตรสาวที่อ.เมืองพิษณุโลก เปิดเผยว่า มารอตั้งแต่ 06.30 น. ของวันนี้ อยากได้เงินมาจับจ่ายใช้สอยซื้อเครื่องอุปโภคบริโภคใช้ในครัวเรือน เพราะไม่อยากรบกวนลูก เป็นโครงการที่ช่วยเหลือประชาชนได้มาก

การเมือง - คู่แค้น - เพื่อนรัก ไร้มิตรแท้ และศัตรูถาวร ในเกมการเมือง

เกมการเมืองแบบเพื่อนหลักหักเหลี่ยมโหด และการแปรเปลี่ยนจากคนคุ้นเคยเป็นคนไม่คุ้ยชิน อาจจะดูเป็นเรื่องที่คนรุ่นใหม่เฉยชา

แต่เชื่อเถอะว่านี่คือกรณีศึกษาของเกมการเมืองไทย ที่ผ่านไปกี่ปีก็ไม่เปลี่ยน และน่าจะทำให้เราไม่ควรไปอินให้มากนัก

เพราะการเมืองที่แท้จริงต้อง ‘ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูถาวร’

กรณีหนึ่งที่เล่าเรื่องนี้ได้ดี คือ 2 คู่กัดที่เบื้องหลังน่าจะรักกันแบบไม่ออกจออย่างกรณีของ ‘วัชระ เพชรทอง’ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ แบบบัญชีราย และ ‘จตุพร พรหมพันธุ์’ อดีตประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้าน เผด็จการแห่งชาติ (นปช.)

อันที่จริงแล้ว ช่วง2-3 ปีมานี้ 2 ท่านนี้มีกรณีฟ้องร้องหมิ่นประมาทกันว่อนศาล จนคนคิดว่าทั้งคู่นี้ คือ คู่แค้นแบบไม่มีวันหาจุดจบอันดีให้กันได้

เพราะในภาพเบื้องหนัาหลายคนอาจจะมองเห็น ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ในระดับ (ลบ) และมักแสดงอาการไม้เบื่อไม้เมาระหว่างกันมาโดยตลอด จนสื่อมวลชนประจำรัฐสภาเคยให้ทั้งคู่เป็น ‘คู่กัดแห่งปี’ มาแล้ว

แต่ในความเป็นจริงทั้ง 2 คนซี้กันเสียยิ่งกว่าใดๆ เสียอีก

วัชระ เคยออกหนังสือ ‘ทองแท้ไม่กลัวไฟ’ เพื่อเป็นการตีแผ่บทบาทของจตุพรในช่วงเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 ว่าไม่ได้มีความเป็นผู้นำศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงอย่างแท้จริง

เพราะได้พาตัวเองออกจากสถานการณ์บริเวณราชดำเนินทันที เมื่อมีเสียงปืนดังขึ้นมาเป็นนัดแรก และต่อมาก็ได้ ออกหนังสือเรื่อง ‘หยุดก่อน! สส.จตุพร พรหมพันธุ์ หยุดระบอบทักษิณ!’ เป็นครั้งแรกที่วัชระออกหนังสือที่พูดถึงจตุพรเป็นการเฉพาะจากเดิมก่อนหน้านี้หนังสือที่พูดถึงจตุพรจะมีเสี้ยวเดียวเท่านั้น

ทั้งนี้ เนื้อหาโดยรวมของหนังสือเล่มนี้หนีไม่พ้นการเป็นพื้นที่สำหรับการวิพากษ์วิจารณ์บทบาทของจตุพรทั้งในฐานะสส.และแกนนำคนเสื้อแดง

แต่ในตอนหนึ่งของหนังสือเล่มนี้มีจุดที่น่าสนใจตรงที่การบรรยายถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งสองเมื่อครั้งสมัยศึกษาภายในรั้วมหาวิทยาลัยรามคำแหงด้วยกันมาก่อน ซึ่งวัชระไม่ค่อยจะเล่าออกมาผ่านเป็นลายลักษณ์อักษรมากนัก

วัชระ เล่าย้อนอดีตให้ฟังว่า “ในสมัยก่อน เราเป็นเพื่อนสนิทกันในรั้วรามคำแหง รู้จักกันที่รามคำแหง จตุพรเป็นคนพูดเก่ง และเป็นคนเก่ง เป็นนักกิจกรรม ซึ่งผมเองก็สนับสนุนให้คุณจตุพร พรหมพันธุ์ เป็นหัวหน้าพรรคแทนตัวเองในรั้วรามคำแหง และเราก็เป็นเพื่อนที่ดีกันมาตลอด จนกระทั่งมีครั้งหนึ่ง พอเขาได้ไปเป็นหัวหน้าพรรค ก็ไปไล่ผมให้ไปนั่งอ่านหนังสือที่อื่น มันก็จะตลกๆ หน่อย คุณจะบริหารงานก็บริหารไป แต่ผมนั่งอ่านหนังสือก็ไล่ให้ไปนั่งที่อื่น”

นี่ก็เป็นเกริ่นเรื่องขำๆ จากคำพูดของวัชระ แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ขัดแย้งกันมาจนถึงปัจจุบัน

เพราะหลังจากนั้น จตุพร ก็เริ่มไปหันสนับสนุน ทักษิณ ชินวัตร ตั้งแต่ในรั้วรามคำแหง ซึ่งวัชระก็ไม่เห็นด้วยตั้งแต่ต้น และก็บอกให้ระวัง และในที่สุด จตุพร ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของทักษิณ และปัจจุบันของจตุพรในวันนี้คือ คนที่ต้องติดคุกและใช้คำว่าจบชีวิตการเมืองไวกว่าที่คาด

“จนทุกวันนี้ใครก็ไม่รู้ ที่อยู่เมืองนอก หลอกเพื่อนผมว่าจะให้ตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ที่สุด ก็ทำให้เพื่อนผมต้องติดคุกแทน มันก็เลยเป็นที่มาของความขัดแย้งกันระหว่าง ‘ทักษิณ’ และ ‘จตุพร’ เหตุจากไปหลอกเขาว่าจะให้เป็นรัฐมนตรี ถึงขั้นจะเลี้ยงฉลองกันล่วงหน้า”

วัชระ เล่าถึงช่วงที่จตุพรเริ่มฝักใฝ่ในระบอบทักษิณ และทำให้เพื่อนของเขาเปลี่ยนไป

“เขากลายเป็นคนที่มี ‘จิตอีกมิติหนึ่ง’ อันนี้ผมใช้คำที่สุภาพนะ เชื่อไหมว่าเขาเคยบอกต่อหน้าสื่อมวลชน ว่าไม่รู้จักผม จะไม่รู้จักได้ไง ก็เลี้ยงข้าวทุกมื้อ แต่ก่อนผมมีแบงก์ 20 แล้วก็พับใส่มือเขา ข้าวจานละ 5 บาท ผมก็เลี้ยงจริงๆ เพราะตอนที่รู้จักกับจตุพรในรั้วมหาวิทยาลัยรามคำแหง ผมอยู่ในฐานะนักกิจกรรมรุ่นพี่ เขาก็เรียกผมพี่ทุกคำ ใช้ให้ทำอะไรก็ทำ ใช้ให้ไปซื้อเหล้าขาวน้ำแดงก็ไป

“ผมเอ็นดูจตุพรในฐานะรุ่นน้องร่วมพรรคสัจธรรม ไม่เพียงแต่ดูแลเลี้ยงข้าวเป็นประจำทุกมื้อ แม้แต่ค่าหน่วยกิตก็ยังหยิบยื่นให้ นายจตุพรมาขอให้ผมช่วยแนะนำการพูดการปราศรัยการทำกิจกรรม ผมก็ถ่ายทอดประสบการณ์ให้อย่างไม่ปิดบัง เพราะเห็นในความเป็นมนุษย์ที่มีอยู่ในตัวจตุพร และผมก็ส่งเสริมให้นายจตุพรเป็นผู้นำพรรค (นักศึกษาสัจธรรม) แทนตัวเอง”

วัชระ ขยายความอีกว่า “ความรัก ความสนิทสนมของเรา 2 คน เหมือนกับพี่ชายน้องชาย ตอนผมเมาแล้วอาเจียนรดหมอนที่นอนใต้ถุนกุฎีพระมหาระแบบ วัดบวรนิเวศ (พี่ชายจตุพร) นายจตุพรก็เป็นคนเช็ดอาเจียนของผม ยามผมอิ่มนายจตุพรก็อิ่ม ยามผมอดนายจตุพรก็อด แม้กระทั่งผู้หญิงนายจตุพร ก็เคยจีบคนเดียวกับผม

“แต่เมื่อผมสนับสนุนให้นายจตุพรเป็นผู้นำพรรคแทนแล้ว...ผลลัพธ์ก็ปรากฏ

“จตุพรสนองคุณผมโดยเอ่ยปากไล่ผมให้ไปนั่งที่อื่น อย่าเข้าไปนั่งในพรรคสัจธรรมอีก ผมรู้สึกทันทีว่าถูกรุ่นน้องที่ฟูมฟักมาทรยศหักหลัง จึงขอให้เปิดประชุมสมัชชาพรรค ผลปรากฏว่านายจตุพรต้องพ่ายแพ้ นั่นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกว่า 20 ปีแล้ว”

ความบาดหมางจากวันนั้น อาจจะดูเหมือนเป็นความแค้นแบบไม่มีวันจบ!!

เพราะในฐานะของการเป็นนักการเมือง ทั้ง 2 ก็อยู่กับคนละขั้ว และก็มีเหตุให้เกิดการฟ้องร้องหมิ่นประมาทของทั้ง 2 บ่อยครั้ง

“ล่าสุดมีกรณีการฟ้องหมิ่นประมาทระหว่างกัน คือ เขามาฟ้องร้องผม หาว่าผมหมิ่นประมาทเขา ผมก็เลยฟ้องเขาบ้าง แต่สุดท้ายเขาก็มาขอให้ผมช่วยถอนฟ้อง

“ผมยินดี เพราะในที่สุด เราก็ไม่อยากให้เพื่อนต้องมาติดคุกเพราะเรา และตัวเขาเองก็เคยติดคุกมาแล้ว ถ้าผมยืนยันจะฟ้องต่อ ก็ไม่สามารถรอลงอาญาได้อีก ติดคุกอีกรอบชัวร์

“ฉะนั้นเมื่อเขามาขอให้ถอนฟ้อง ผมก็ยินดีถอน ในฐานะเป็นเพื่อนกัน เพราะถึงที่สุด ถ้าเขาติดคุก เพราะคดีที่ผมมาฟ้องคดีหมิ่นประมาท ผมก็ไม่สบายใจ”

วัชระ เล่าให้ฟังว่า “วันนี้ เราดีกัน อโหสิกรรม ให้กันแล้ว”

ที่เล่ามายาวยืดนี้ วัชระ อยากให้ข้อคิดอย่างหนึ่ง คือ ใครก็ตามที่เข้ามาในวงการเมือง มักจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือไปหมด นี่คือสัจธรรมสมชื่อพรรคที่เขาเคยสังกัดในรั้วรามคำแหง

“ผมคิดว่าถ้าเขาใช้หลักธรรมในการนำตนเข้าสู่การเมือง เขาจะไปได้ไกล เขาเก่งขนาดที่เป็นรัฐมนตรีได้จริงๆ แต่เมื่อเขาหลงไปกระทำการต่างๆ กับระบบทักษิณ สุดท้ายชีวิตเขาถึงเป็นเช่นนี้

“แต่คนที่ฉลาด ก็คือ แรมโบ้อีสาน - สุภรณ์ อัตถาวงศ์ เพราะเขามาปรึกษาผม โดยเพื่อนเก่าอีกคนหนึ่ง ซึ่งในอดีตเขากับผม เคยลงสมัครแข่งประธานนักเรียนที่โรงเรียนสุราษฎร์ธานี เขาเป็นคนโคราช แต่ไปเรียนที่นั่น เพราะพี่สาวเป็นครู ผลในวันนั้นเขาได้ 7 คะแนน ผมได้เป็นประธานนักเรียน ซึ่งโรงเรียนมีนักเรียน 3 พันคน ก็ไม่ต้องบอกว่าผมได้กี่พันคะแนน แต่วันนี้ เขามาเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ก็ออกมารายวัน และตอบโต้แทนลุงตู่ทุกวัน และก็กลับมาว่าผม แต่ผมก็ให้อภัย

“พูดถึงแรมโบ้แล้ว ต้องขอเล่าหน่อย เชื่อไหมว่า ในสมัยหลังรัฐประหารของลุงตู่ เขาก็เป็นคนหนึ่งที่หารือผม หลังจากเขาถูกทหารควบคุมตัว ซึ่งตอนนั้นเขาบอกว่า ทหารนำตัวเขาไปกลางป่า เอาปืนจี้หลัง และให้แก้ผ้าหมดเลย คิดดูว่าเขาเสียวขนาดไหน แต่เขาก็รอดมาได้

“แล้วเขาก็ถามผมว่า แล้วกูจะไปทางไหนดี ผมก็บอกว่า เมิงมีคดีเยอะ ก็ต้องไปอยู่กับ คสช. เพราะเขาจะตั้งพรรค แล้วลุงตู่ ลุงป้อม ช่วยมึงได้แน่นอน ผมก็แนะนำแบบนั้น และวันนี้ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ”

แม้ความสัมพันธ์ในทางตรง อาจจะดูเหมือนเป็นการขัดแย้งกันของคนในแวดวงการเมือง แต่หากได้ลองฟังจากปาก วัชระ ที่เล่าถึง 2 เพื่อนซี้ในอดีต (วันนี้ก็ยังซี้) มันแอบสะท้อนให้เห็นตรงกับภาษิตโบราณทุกกระเบียดที่ว่า...

ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูถาวร ในวงการเมือง จริงๆ

ประธาน นปช.สลดใจ !! ถึงกับนอนไม่หลับหลังเห็นภาพผู้ชุมนุมถูกตำรวจทำร้าย เหตุทำลายการแสดงออกตามสันติวิธี จี้สอบข้อเท็จจริงความรุนแรงทั้งหมด ทั้งเหตุระเบิด ปาปะทัด เหตุยิงกัน เป็นฝีมือใครกันแน่ ลั่น โชคดีที่ไม่มีใครตาย

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการลมหายใจพีซทีวี เวทีทัศน์ ตอนหนึ่งโดยอ้างว่า หลังจากเห็นภาพเหตุการณ์ตำรวจทุบตีประชาชน และลากหน่วยแพทย์อาสาไปรุมกระทืบทำร้ายต่อหน้ากล้องโทรทัศน์สื่อมวลชนจำนวนมาก

ระหว่างการชุมนุมของกลุ่มราษฎรเมื่อคืน (13 ก.พ.) ที่ผ่านมา เป็นอีกหนึ่งคืนที่ตัวเองนอนหลับลำบากมาก เมื่อจุดแข็งของการชุมนุมคือสันติวิธีถูกทำลายลง จะทำให้จุดแข็งดังกล่าวกลายเป็นจุดอ่อนทันที พร้อมตั้งคำถามใครเป็นผู้ทำลายแนวทางสันติวิธี ซึ่งที่ผ่านมาตนเคยพูดถึงพวกมือที่สามมาเสมอในช่วงการชุมนุม ดังนั้นจึงคาดการณ์ได้ว่าหลังจากนี้จะนำไปสู่อะไรขึ้นอีกบ้าง

"ภาพตำรวจทุบตี จะโดยเป็นหน่วยแพทย์อาสา และประชาชนก็ตาม เป็นภาพที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น ขณะเดียวกันภาพอีกภาพหนึ่ง ไม่รู้ว่าใครเป็นใครแล้ว ผมว่ามันเป็นปัญหา เรื่องอย่างนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก"

ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลต้องกระทำคือการตั้งกรรมการตรวจสอบ ถือว่าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ส่วนมือโยนระเบิดปิงปอง ปะทัดยักษ์ก็ต้องมีการสอบสวนเช่นกัน รวมถึงมือยิงที่สน.นางเลิ้งก็ต้องตรวจสอบแต่ละกรณีให้ชัดเจน

"ในการชุมนุมของคนเสื้อแดงนั้นโรคแทรกมือที่สาม เท้าที่สี่จะเกิดขึ้นในช่วงปลาย ซึ่งไม่รู้ว่าใครเป็นใคร และใครจะใส่เสื้อแดงไปทำอะไรก็ได้ แต่ในยุคนี้มีการปิดหน้าตาช่วงโควิดจึงยิ่งยากไปกันใหญ่ที่จะระบุว่าใครเป็นใคร ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ตัวแทนทั้งสองฝ่ายต้องคุยกันแล้วทำความจริงให้ปรากฎ เพราะครั้งต่อไปในอีก 7 วันข้างหน้าจะเกิดความสูญเสียที่ใหญ่กว่านี้ เมื่อคืนโชคดีที่ไม่มีใครตาย และไม่มีใครปรารถนาเช่นนั้น" นายจตุพรกล่าว


ที่มา : https://www.nationtv.tv/main/content/378815953/?qline=

สภาพัฒน์ เผย GDP ไตรมาส 4 ปี 63 หดตัวลดลงเหลือ -4.2% สรุปทั้งปีหดตัว -6.1% พร้อมปรับลด GDP ปี 64 เหลือโต 2.5 - 3.5% จากเดิมคาด 3.5 - 4.5% หลังโควิด-19 ระบาดระลอกใหม่ ส่งผลกระทบเศรษฐกิจช่วงต้นปี

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผย ตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 4/63 หดตัว -4.2% ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับการหดตัว -6.4% ในไตรมาส 3/63 และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้วเศรษฐกิจไตรมาส 4/63 จะขยายตัว 1.3% จากไตรมาส 3/63 เนื่องจากการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนกลับมาขยายตัว การลงทุนภาคเอกชนและการส่งออกสินค้าลดลงในอัตราที่ชะลอลง ขณะที่การใช้จ่ายและภาคลงทุนภาครัฐขยายตัว

แต่ภาพรวมทั้งปี 63 เศรษฐกิจไทยหดตัว -6.1% เทียบกับการขยายตัว 2.3% ในปี 62 โดยมูลค่าการส่งออกสินค้า การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน และการลงทุนรวมลดลง 6.6%, 1.0% และ 4.8% ตามลำดับ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ที่ -0.8% และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 3.3% ของ GDP

ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2564 สภาพัฒน์ ได้ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจปี 64 เหลือเติบโต 2.5-3.5% จากเดิมคาดการณ์ไว้ที่ 3.5-4.5% เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศเกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่ ซึ่งเป็นความเสี่ยงสำคัญของเศรษฐกิจในปีนี้ นอกจากนั้น ยังมีความเสี่ยงจากประสิทธิภาพการกระจายวัคซีน ความล่าช้าจากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว และภัยแล้ง

ส่วนปัจจัยสนับสนุนสำคัญ ประกอบด้วย แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลก, แรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายภาครัฐ, การกลับมาขยายตัวของอุปสงค์ภาคเอกชนในประเทศ และการปรับตัวตามฐานการขยายตัวที่ต่ำผิดปกติในปี 63

ทั้งนี้ สภาพัฒน์คาดว่ามูลค่าการส่งออกในปีนี้จะขยายตัว 5.8% การอุปโภคบริโภคเอกชนและการลงทุนรวมขยายตัว 2.0% และ 5.7% ตามลำดับ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยในช่วง 1-2% และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 2.3% ของผลผลิตมวลรวมในประเทศ (GDP)

เปิดข้อมูลน่ารู้ การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจครั้งล่าสุด

โหมโรง! ศึกใหญ่พรุ่งนี้ ไม่ใช่แมทซ์ฟุตยอล หรือเกมกีฬาที่ไหน แต่เป็น ‘ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ’ กำลังจะเปิดฉากขึ้นอีกครั้ง และเป็นที่จับตาว่า การอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจครั้งนี้ มีประเด็นที่ร้อนแรงอยู่หลายเรื่อง งานนี้ถึงขั้นวิปรัฐบาลต้องจัดติวซ้อมเข้มอภิปราย หรือเรียกว่า ‘เก็งข้อสอบฝ่ายค้าน’ กันอย่างแข็งขัน

เอาเป็นว่า ก่อนที่พรุ่งนี้การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ จะเปิดฉากขึ้น เรารวบรวมข้อมูลน่ารู้ เกี่ยวกับศึกรัฐบาล vs ฝ่ายค้าน หนล่าสุดนี้ มาให้ทราบกันเสียก่อน วอร์มเครื่องก่อนฉะ เอ้ย! เปิดศึกดวลประเด็นกันในวันพรุ่งนี้!

‘เอ๋ ปารีณา’ ขึ้นโรงพักทองหล่อ แจ้งตำรวจให้ดำเนินคดี ‘เฌอเอม’ โพสต์ข้อความเท็จ เพราะไม่ใช่นางงาม อีกทั้งตำรวจก็ไม่ได้ใช้แก๊สน้ำตา

จากกรณีที่ ‘เฌอเอม - ชญาธนุส ศรทัตต์’ อดีตผู้เข้าประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ทวีตข้อความหลังโดนแก๊สน้ำตาจากเหตุชุลมุนหลังแกนนำม็อบราษฎร ประกาศยุติชุมนุม โดยบอกว่า “สวัสดีค่ะ ดิฉัน เฌอเอม ชญาธนุส ศรทัตต์ นางงามคนแรกที่โดนแก๊สน้ำตา”

ล่าสุด น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ สส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า ปารีณามาดำเนินคดีกับ นางสาว ชญานุส ศรทัตต์ (เณอเอม) สวัสดีค่ะ ดิฉัน เณอเอม ชญานุส ศรทัตต์ นางงามคนแรกที่โดนแก๊สน้ำตา ซึ่งปรากฏตามสื่อว่า นางสาวชญานุสฯได้เข้าร่วมการชุมนุมเมื่อวันที่ 13 ก.พ.2564 บริเวณอนุเสาวรีย์ประชาธิปไตย

จากโพสต์ข้อความดังกล่าว ทำให้สื่อและสังคมเข้าใจว่ามีการใช้แก๊สน้ำตาในการชุมนุมเมื่อวันที่ 13 ก.พ.2564 ส่งผลให้ พล.ต.ท ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต้องออกมาแถลงข่าวชี้แจ้งว่า ไม่มีการใช้แก๊สน้ำตา

อีกทั้ง การโพสต์ข้อความโดยใช้คำว่า นางงาม ก็เป็นการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ เพราะทำให้สังคมเข้าใจว่า นางสาวชญานุสเป็นนางงาม ซึ่งข้อเท็จจริงนางชญานุสฯเป็นเพียงผู้สมัครเข้าประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์เท่านั้น

การโพสต์ข้อความดังกล่าว ส่งผลให้สังคมเข้าใจผิด และเป็นการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้าพเจ้าจึงเดินทางมาเพื่อดำเนินคดีนางสาวชญานุสฯให้ถึงที่สุดจากเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะทำให้เกิดความเสียหายต่อสังคม


ที่มา : https://www.facebook.com/parina.pacharat.9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top